กรรมฐานสำหรับเทวดา

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย mongkolsak, 4 มีนาคม 2015.

  1. mongkolsak

    mongkolsak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    43
    ค่าพลัง:
    +191
    ขอถามท่านผู้รู้ครับ เทวดาท่านไม่มีขันธ์ 5 เหมือนเรา
    เวลาท่านจะภาวนาท่านใช้กรรมฐานกองใดเพื่อตัดกิเลสครับ
     
  2. nilakarn

    nilakarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2011
    โพสต์:
    3,612
    ค่าพลัง:
    +3,015
    ท่านต้องภาวนาว่า
    รูปไม่เที่ยงๆ

    ถึงเทวดา ไม่มีกายแล้ว
    แต่ยังมีรูปอยู่ครับ
    ถ้าท่านจะสอนเทวดาให้ภาวนา
    ให้เน้นลงที่รูปเลยครับ
     
  3. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,426
    ค่าพลัง:
    +35,040
    ดวงจิตที่ไม่มีขันธ์ ๕ จะเหลือขันธ์ เพียงสัญญากับเวทนาคับ
    สำหรับภูมิเทวดาบารมีที่สร้างมาทำให้เสวยสุขเวทนาต่างๆ
    ส่วนสัญญาก็ขึ้นอยู่กับกำลังของสัญญาในเรื่องนั้นๆครับ
    เคยฝึกอะไรมา สะสมอะไรมาทำอะไรมา
    ก็สร้างสัญญาในเรื่องนั้นๆครับ สัญญาสร้างเป็น
    ภาพให้เราเห็นได้หากจิตเราไปเชื่อมกับจิตนั้น.
    แต่ไม่มีทางที่จะตัดสัญญาและเวทนาได้เองครับ.
    เพราะมันสร้างผู้รู้เข้าไปเห็นในตัวมันเองไม่ได้ครับ
    เพราะดวงจิตที่ไม่มีกายไม่มีสังขารไม่มีเครื่องรับรู้ต่างๆ
    มันจะรับเรื่องราวภายนอกเข้ามาจนเห็นว่าเป็นทุกข์ไม่ได้เหมือนเราๆ
    และจะสร้างผู้รู้ตัวใหม่
    หรือสติทางธรรม ที่จะเข้าไปเห็นสัญญาและเวทนาในจิต
    ตัวเองไม่ได้คับ. ตรงนี้เป็นข้อได้เปรียบส่วนหนึ่งของมนุษย์ครับ
    และจนเป็นฐานให้สามารถเกิดปัญญาทางธรรมไม่ได้เหมือนๆ
    ดวงจิตที่มีขันธ์ ๕ แบบมนุษย์ครับ จึงไม่สามารถที่จะตัดกิเลสได้ครับ
    มีแต่รอผลของเวทนาตามแต่สัญญาที่เคยทำมาครับ
    ที่เราเห็นได้ ได้ยินได้ ทำโน้นทำนี้ได้. มันมาจากสุขเวทนาที่จิตเป็นทิพย์
    บวกกับสัญญาต่างๆที่ท่านมีในดวงจิตนั่นหละครับ
    และก็เพราะท่านหรือเราฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งสร้างสัญญาจากจิตตนไปเชื่อม
    กันนั่นหละครับ. ถ้ายังเห็นเป็นภาพได้ยังไงก็ยังมีสัญญาอยู่ครับ
    แต่ก็จำเป็นสำหรับบางกรณี. เพื่อให้ทราบให้เข้าใจวัถตุประสงค์คับ
    แต่โดยมากเรามักไปให้ความสำคัญในสิ่งที่เห็น. ก็เลยเป็นการสร้าง
    ตัวอยากรู้ซ้อนทับสัญญาอีกที กลายเป็นสัญญาซ้อนสัญญา
    หรือตัณหาซ้อนตัณหาแบบที่เราคาดไม่ถึงนั่นหละครับ
    จิตมันเลยไม่เป็นไปตามธรรมชาติของมันที่เป็นอยู่ปกติคับ
    กลายเป็นยึดติดใน ตัวเข้าไปรู้ ในตบะญาน ฌาณ. สมาธิกำลังจิตทั้งหลาย
    เป็นเหตุให้ต้องเวียนว่ายตายเกิดกันนี่หละครับ

    ปล. ยกเว้นดวงจิตที่แทบจะไม่เหลือสัญญาในจิตคับ
    ว่ากันว่าหากพบผู้เป็นเลิศทั้ง ๓ ภพมาโปรดก็จะพ้นได้คับ
     
  4. nilakarn

    nilakarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2011
    โพสต์:
    3,612
    ค่าพลัง:
    +3,015
    ปล. ยกเว้นดวงจิตที่แทบจะไม่เหลือสัญญาในจิตคับ
    ว่ากันว่าหากพบผู้เป็นเลิศทั้ง ๓ ภพมาโปรดก็จะพ้นได้คับ




    ถ้าดวงจิตที่เกินกว่าเทวดา
    เค้าเรียกว่า พรหม ครับ
    ซึ่งจำเป็นต้องสอนเรื่อง จิต ครับ
    เทียบเท่า เทวดา ที่เป็น อนามี ครับ
    แต่จะสอนพรหม ให้บรรลุธรรมเป็นไปได้ยาก
    เพราะจิตในจิต เป็นของชั้น พระอนาคา
    มีน้อยมาก ที่คนทั่วไป รวมทั้ง เทวดา หรือ พรหม
    จะเข้าใจจนบรรลุธรรม
    นอกจากพวกที่บรรลุธรรมอยู่แล้ว
    แล้วไปทำต่อ อันนี้จะง่าย
    เพราะรู้ แนวทางอยู่แล้ว
    ก็ปฏิบัติต่อได้เลย
     
  5. Samarnl

    Samarnl เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,287
    ค่าพลัง:
    +4,704
    กระทู้ข้างบน ๑ - ๔ นั้น
    ท่านเข้าใจผิดครับ...เทวดามีขันธ์ ๕ ครบบริบูรณ์เหมือนเรา
    ต่างกันตรงที่กายของเทวดาละเอียด มนุษย์ไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเนื้อ

    ในภูมิของเทวดา บางอย่างจะเพ่งกรรมฐานไม่ได้ เช่น อสุภกรรมฐาน ๑๐ อาหาเรปฏิกูลสัญญา ๑
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 5 มีนาคม 2015
  6. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,493
    กาย กับ รูป ต่างกันตรงไหนครับ
     
  7. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,426
    ค่าพลัง:
    +35,040
    อืมมมที่จะสื่อประมาณนี้หละครับ..
     
  8. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,426
    ค่าพลัง:
    +35,040
    ๕๕๕๕๕๕๕๕๕ ก่อนจะมาพูดว่าใครเข้าใจผิดนะครับเด่วลองอ่าน
    ที่จะเขียนให้จบก่อนนะครับ แต่ตอนนี้ ขออนุญาตขำจนฟันแทบร่วง
    ก่อนนะครับ..โอ้ๆๆ.ดีนะที่พึ่งไปขุดหินปูนมา..
    ไม่งั้นถ้าได้มาอ่านก่อนหน้านี้คงประหยัดค่าขูดหินปูนไปได้เยอะเลยครับ..
    เที่ยงนี้คงทานอร่อยแน่เลย..๕๕๕๕.
    .คนไม่เคยเห็นผี ไม่เคยเทวดา ตาที่สามก็ไม่เปิด.กระแสจิต
    ก็ไม่เชื่อมข้างบน..เห้อ!!!ทำเป็นรู้เรื่องเทวดา
    ของจริงมันไม่เหมือนในตำรานะครับ..


    จะพูดให้คนที่ไม่มีสัมผัสไม่เคยเห็นวิญญานอย่างคุณ
    แต่ชอบอวดฉลาดเรื่่องแบบนี้ให้ฟังนะครับ..

    ไม่ต้องเอาเทวดาหรือระดับสูงกว่านั้นหรอกครับ
    เอาผีที่ต้องการบุญให้มันมีปัญญาได้เห็นให้ได้ก่อนก็พอนะครับ.....
    เทวดาเป็นดวงจิตระดับหนึ่ง ในคลื่นความถี่ระดับหนึ่ง..
    มีขันธ์ ๕ ครับแต่ไม่มีครบทุกขันธ์ครับ...
    ไอ้ที่เราเห็นว่าแต่งตัวอย่างนั้นอย่างนี้..หรือกายทิยพ์ละเอียดที่คุณเข้าใจนั้น
    มันเป็นไปตามสัญญาความจำได้ในจิตของเราส่วนหนึ่ง
    และก็สัญญาความจำได้จากดวงจิตที่มาให้เห็นอีกส่วนหนึ่งครับ
    ดวงจิตเดิมจริงๆมันไร้การปรุงแต่งและไม่มีรูปไม่มีร่างครับ..
    ไม่งั้นฝรั่งเค้าก็เห็นเทวดาแต่งตัวแบบนักแสดงละครลิเก
    แล้วครับ.ก็เพราะดวงจิตฝรั่งส่วนเค้าไม่มีสัญญาชุดลิเกอะไรแบบนี้.
    ต่อให้มีฤิทธิ์และพยายามแสดงแค่ไหน ถ้าอีกดวงจิต
    มันไม่มีสัญญาความจำได้..มันก็มองไม่เห็นเป็นชุดลิเกหรอกครับ...
    ดวงจิตภายนอกถ้าจะทำให้เห็นก็ต้องมาเชื่อมสัญญาในจิตของฝรั่งคนนั้นๆ
    และต้องเป็นไปตามสัญญาในจิตเค้าด้วย ถึงจะสร้างเป็นภาพเป็นรูปร่าง
    แบบให้เห็นได้..แต่ภาพพวกนี้มันแม้ว่า จะสามารถเดินไปจับได้
    แต่มันก็ไม่ได้มีความหนาแน่นเหมือนผิวหนังมนุษย์ทั่วไปด้วยครับ...


    และถ้ามีครบทุกขันธ์ก็แสดงว่าเป็นมนุษย์แล้วครับ...
    นั่นมันระดับครูบาร์อาจารย์ที่ท่านสำเร็จจิตธาตุมาก่อน...
    ท่านถึงจะทำได้ครับ..มันเลยภูมิเทวดาไปคนละทวีปแล้วครับ...
    ไม่งั้นดวงจิตดวงเดียวกัน จะไปปรากฏให้บุคคลอื่นๆ
    เห็นแตกต่างกันได้อย่างไร...
    อย่างเช่น ครูบาร์อาจารย์บางท่าน เวลาไปพบคนนั้นก็ปรากฏ
    อย่างนี้ ไปเจอคนนี้ก็ปรากฏอย่างนั้น แตกต่างกันไปตามแต่
    ภูมิจิตของบุคคลที่ท่านจะไปปรากฏให้เห็นนั้นหละครับ...


    ไม่งั้นจะเรียกเทวดาทำไมหรือครับ..ระดับเทพ พรหม ก็ขึ้นอยู่
    กับเวทนานั้นหละครับ..บารมีที่สะสมมานั้นหละครับ จะกลายเป็น
    เวทนาในดวงจิต..ไม่ว่าจะสุขเวทนาหรือทุกข์เวทนา
    แต่เราเรียกและเข้าใจกันง่ายๆ ว่าบาบหรือบุญ นั้นหละครับ..
    ถ้าคุณเห็นเป็นรูปเป็นร่างได้ หรือเห็นเป็นภาพได้
    แสดงว่าตัวจิตคุณมันยังมีสัญญาการปรุงแต่งได้อยู่ครับ..
    ไม่ว่าคุณจะเห็นระดับไหน จะอะไรตามที่คุณเคยได้ยินมา..
    รูปร่างที่เห็นได้ทั้งหลาย มันเกิดจากสัญญาในตัวจิตทั้งนั้นครับ..
    ไม่ว่าจะสัญญาจากจิตภายนอก หรือ สัญญาจากจิตภายใน..
    คนต่างที่ต่างถิ่นกันเค้าถึงเห็น ดวงจิตดวงเดียวกันได้
    ในรูปร่างที่มันแตกต่างกัน.


    และอีกอย่างที่คุณไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อนก็คือ...
    มนุษย์สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเนื้อครับ..
    โดยที่ไม่จำเป็นต้องมีทิพย์จักขุอะไรด้วยครับ...
    ถ้าดวงจิตมีกำลังพอที่จะมาเชื่อมสัญญากับดวงจิตเราได้
    แม้ว่าจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ..คนอื่นๆเค้าถึงเห็นผี เห็นวิญญา
    บรรพบรุษตัวเองได้นั่นหละครับ.ลูกหลานถึงได้ทำบุญให้
    เพื่อไปหนุนเวทนาตรงนี้.ทำให้มีสุขเวทนาเพิ่มขึ้น
    หรือที่เราเรียกง่ายๆว่าเปลี่ยนภพภูมิขึ้นไปในระดับที่ดีขึ้นนั้นหละครับ..
    ..มันกายละเอียดอะไรตรงไหน
    มันก็แค่เกิดจากการปรุงแต่งจากสัญญาจากดวงจิตทั้งนั้นหละครับ...


    และตั้งแต่ภูมิเทวดาขึ้นไปท่านสามารถทำให้เราเห็นได้ด้วยตาเนื้อ
    ทั้งนั้นหละครับ.ขึ้นอยู่กับว่าจะทำไปเพื่ออะไร.....
    .และถ้าเคยไปจับที่ตัวท่านจะพบว่า ที่เราๆจับๆได้
    หรือใครที่เคยโดยผีกอด เคยนอนกอดผีทั้งหลาย..
    ทั้งๆที่แบบเหมือนฝันและเหมือนจริงๆ.
    ความหนาแน่นมันจะคล้ายๆแต่ไม่ใช่แบบร่างกายมนุษย์ครับ..
    ปล.พูดอย่างนี้แสดงว่าไม่เคยมีสัมผัสเกี่ยวกับภพภูมิมาก่อน....

    หวังว่าจะพอเข้าใจนะครับ..ขอบคุณมาก..
     
  9. Samarnl

    Samarnl เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,287
    ค่าพลัง:
    +4,704
    ขำไปเถอะ...แต่ก็ไม่รู้ว่ากำลังโชว์อะไรอยู่
    ดูเหมือนว่าให้เอาตำรานั่นที้งไปเถอะ มาเชื่อฉันนี่ ฉันนี่ได้พบกับผีกับเทวดามาหมดแล้ว......
    ว่างๆมาชวนไปคุยกับเทวดาบ้างนะเพื่อจะได้โชคได้ลาภกับเขาบ้าง ๕๕๕๕๕ มาช่วยขำต่อ
     
  10. Samarnl

    Samarnl เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,287
    ค่าพลัง:
    +4,704
    ผีและเทวดาไม่ครบทุกขันธ์ ที่ว่ามาถามหน่อยว่ามันขาดขันธ์ไหนไป?

    ผีต้องการส่วนบุญหน้าตาเป็นยังไงขอทราบ?

    คำพูดแบบนี้อุตริมีเยอะ
     
  11. mongkolsak

    mongkolsak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    43
    ค่าพลัง:
    +191
    ขออนุโมทนาครับ จิตเราปรุงแต่งเป็นเรื่องจริง ตราบใดที่เรายังไม่เลิกคบกับสังโยคทุกข้อ
    ผมถามเป็นความรู้เท่านั้นครับ
     
  12. Samarnl

    Samarnl เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,287
    ค่าพลัง:
    +4,704
    อืม...คงจะไม่เข้าใจเรื่องภพภูมิ ยังคล่ำครึอยู่กับความคิดเดิมๆ เมื่อไหร่จะถูกพัฒนา มองโลกให้ไกลใส่ใจหาความรู้ที่ถูกต้องได้แล้ว
     
  13. Samarnl

    Samarnl เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,287
    ค่าพลัง:
    +4,704
    อ่านๆ แล้วก็จะกลุ้มตาย เอาสุขเวทนา เอาทุกขเวทนามาเป็น บุญ
    เอาสัญญามาปรุงแต่ง (เอาความจำมาเป็นสังขาร) ผมเองก็เริ่มจะเลอะเทอะไปด้วยจริงๆ
     
  14. Samarnl

    Samarnl เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,287
    ค่าพลัง:
    +4,704
    ถึงบอกไงเล่าคุณมีประสบจริงช่วยมาแนะนำบ้าง ชาตินี้จะได้ไม่เสียชาติกะเขาสักที
    อยากดูด้วยตาเนื้อจริง
     
  15. Samarnl

    Samarnl เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,287
    ค่าพลัง:
    +4,704
    พูดอย่างกับคนมีญาณอย่างนั้นแหละ
     
  16. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,426
    ค่าพลัง:
    +35,040
    คุณลุงหมานที่เคารพครับ.
    ขอบคุณมากที่ตอบทุกประเด็นครับ..
    ในส่วนเนื้อหาส่วนตัวอธิบายไปแล้ว..
    ส่วนจะเข้าใจหรือไม่ก็สุดแล้วแต่นะครับ...
    .คนเรามันเกิดมาไม่เหมือนกันนะครับ..
    ลุงคงน่าจะเข้าใจเนาะ.ก็ผมบอกว่าลุงไม่เคยเห็นผี ก็เพราะตัวจิตลุง
    และตาที่สามลุงมันไม่เปิดแถมกระแสไม่เชื่อมครูบาร์ข้างบน..
    ต่อให้ลุงพูดเรื่องแบบนี้เรื่องนามธรรม ชาตินี้ยันชาติหน้าลุง
    ก็พูดไม่ถูกหรอกครับ....และคนอื่นๆเค้าคงไม่ได้เกิดมาเหมือนๆคุณลุงหรอกครับ
    เค้าจะพูดหรือไม่พูดเค้าจะเป็นอย่างไรก็เรื่องของเค้านะครับ..
    .ผมเกิดมาเนี่ยก็เห็นภูมิเทวดาได้ด้วยตาเปล่าตั้งแต่อายุ
    ๖ ถึง ๗ แล้วครับ คุณลุง แบบยังไม่ต้องฝึกอะไรนะครับ..
    ..และถ้าการเห็นได้แต่ในนิมิตรแบบในสมาธิอะไรส่วนตัวก็ไม่เอา
    มาพูดหรอกครับคุณลุง เพราะมันยังไงก็ไม่พ้นการปรุงแต่งอยู่ดีครับ..
    มันไม่ได้ช่วยให้เราเป็นคนดีหรอกครับ..เลยมองว่าไม่ใช่ประเด็นหลัก...
    เรื่องคุณลุงอยากจะพิสูจน์มันง่ายมากสำหรับผมที่จะทำให้คุณลุง
    เห็นได้ครับ..ว่าแต่คุณลุงมีความสามารถพอที่จะเห็นและสื่อสารได้ไหมหละครับ.

    ตัวจิตคุณลุงมันจะมีความสามารถพอหรือครับ..ในมันในหัวสมองคุณลุงมันหนา
    แน่นไปด้วยคลื่นความคิดที่เกิดจากการคิดวิเคราะห์เอาเอง ไม่ได้มาจากประสบการณ์จริง
    ตรงนี้มันเลยไปเหนี่ยวรั้งต่ำแหน่งที่จะเปิดการมองเห็นนามธรรมของคุณลุงไงครับ..
    เพราะกระแสจากจิตของคุณลุงมันขึ้นไปถึงตรงต่ำแหน่งนี้ไม่ได้..เนื่องจากคลื่นจากสมอง
    คุณลุงมันไหลมาตัดกระแสตรงนี้ของคุณลุง ตรงบริเวณที่เป็นร่องๆที่ต่ำกว่าตรง
    ลูกกระเดือกคุณลุงครับ..
    .

    อีกอย่างผมไม่ใช่ห่มเหลืองนะครับลุง อวดอุตริเค้าใช้กับห่มเหลืองนะครับคุณลุง..
    ..ผมทำอะไรมันต้องพิสูจน์ได้และสัมผัสได้ครับ...พอดีไม่ใช่ปากสญานที่เอา
    แต่พูดประเภทที่เห็นได้แต่ในนิมิตรรู้เองเห็นเองคนเดียว พอถามว่าที่ๆคุณๆเห็น
    มันมีประโยชน์อะไร และมันเอาใช้ประโยชน์อะไรให้เกิดประโยชน์กับคนอื่นๆ
    ได้อย่างไร ก็ตอบไม่ได้ มีแต่เอามาเล่าเพื่อความบันเทิงเลิงลม แต่มันก็เรื่องของเค้า
    แต่แบบนั้นผมไม่เอามาพูดหรอกครับ.มันไม่ใช่นิสัย.
    อืมๆๆ ว่าแต่ลุงอยากจะเห็นระดับไหนหละครับ..อยากจะสื่อสารกับท่านใดหละครับ..
    ผมเจอหน้าลุง ผมพาคุณลุงสัมผัสได้แบบลืมตาปกตินี่หละครับ.ถ้ายังหลับตาอยู่
    นั้นมันยังไม่ใช่ระดับใช้งานแบบคล่องตัวครับ...
    มีโอกาสคุณลุงอยู่ใกล้ๆผมนะครับ.ประเภทที่เกิดมาชาตินี้ไม่เคยเห็นผีรับประกัน
    ได้ว่าได้เห็นกันถ้วนหน้าครับ..พันธมิตรทางภพภูมิผมเยอะครับลุง.ผมสร้างบารมี
    ทางด้านนี้มาพอตัว.ที่จะกล้าชนพวกวิญญานแทรก ผีแทรก ที่มันเค้ามากวนตรีน
    ในห้องนี้ครับ..แบบคนไม่มีความสามารถอะไรผมไม่ไปยุ่งหรอกครับ..

    และผมจะทำให้คุณลุงผู้ที่กำลังงงๆ เห็นได้และเชื่อมกระแสท่านใดก็ได้หมดครับ..
    เอาครูบาร์อาจารย์ที่ คุณลุงนับถือก็ได้นะครับ.เพื่อลุงต้องการและดูจะมีประโยชน์กว่า..
    ..ปกติแค่ยกหูคุยกับผม ส่วนตัวก็ทำได้แล้วครับ.
    แต่มันไม่ใช่เรื่องสำคัญครับเพราะผมเป็นอย่างนี้มานานพอสมควรแล้วครับ..
    ..แต่ถ้าคุณลุงอยากจะพิสูจน์ก็ได้นะครับ..
    จะเอาเรื่องอื่นๆอีกด้วยก็ได้นะครับลุง..จะเอากสิณทั้ง ๑๐ กองก็ได้นะคุณลุง..
    อย่างลุงเนี่ย คงต้องมีโอกาสไว้เจอกันตัวเป็นๆถึงจะสนุกครับ...
    แต่ถ้าลุงเห็นในโลกภพภูมิที่เค้าปรุงแต่งสร้างเป็นภาพให้ลุงเห็นได้แล้ว...
    ผมไม่รับประกันว่าสภาพจิตใจลุงจะกลับเป็นปกติได้หรือเปล่านะครับ...
    เพราะส่วนตัวเวลาเชื่อมกับใครก็ตาม ผมจะตัดเรื่องภาพให้หมดให้เค้า
    เข้าถึงกระแสพลังงานจริงๆที่ไร้การปรุงแต่ง ตามแต่ลักษณะแต่ตัวจิตเดิมท่านนั้น
    แต่ท่านๆที่มาทางสายวิชาพิเศษ ส่วนตัวก็เค้าใจว่า ยังไงก็มีสัญญาเป็นภาพบ้าง
    อย่างนี้เรื่องปกติครับ...เพราะอะไรเพราะผมกลัวว่าคนที่ผมพาเชื่อม
    เค้าจะเสียสติหรือวิปลาสครับ..แต่ถ้าลุงนึกสนุกเอาไว้อยากจะขอหวย.
    ก็ลองดูได้นะครับ.ความจริงแค่เรื่องหวย(ขำๆนะมีหลักสังเกตุประมาณ
    ๘ ถึง ๙ วิธีในการที่จะทราบแต่มันไม่ใช่แนวผมเท่าไรครับ)
    .แต่ก็ไม่ว่ากันครับ..
    ปล.คุณลุงครับ.ไม่รู้ก็คือไม่รู้ครับ..ไม่เคยเห็นก็คือไม่เคยเห็นครับ
    ไม่มีประสบการณ์ก็คือไม่มีประสบการณ์ ไม่เคยสัมผัส
    ไม่เคยเข้าถึง..อย่าพยายามไปอุปโลก
    อะไรก็ตามที่ไม่มีในตนเองเลยครับ
    และอย่าคิดว่าคนอื่นๆเค้าจะทำไม่ได้
    เหมือนตัวเองนะครับ...ผมเคลียร์อยู่เบื้องหลัง
    คอยสอยพวกภพภูมิที่ถูกพวกคนนิสัยไม่ดีส่งมารังแกคนอื่นๆมาเกือบ ๒ ปีกว่า
    ผมพอจะดูออกว่าใครเป็นอะไรยังไงครับ.
    .
    แต่กับคุณลุงเนี่ยถือว่า ผมแหย่เล่นๆนะครับ ในมุมมองผม
    ยังเห็นว่าคุณลุงเป็นคนน่ารักอยู่นะครับ. ขออภัย ขออโหสิ(อันนี้จริงๆนะ)
    แต่ถ้าอยากจะพิสูจน์เด่วผมจะจัดให้ครับ..
    ไว้มีโอกาสที่เหมาะๆนะครับ ลุง เด่วลุงคงมีอะไรสนุกๆไปเล่าให้หลานๆฟังอีกเยอะครับ..
    อายุมากแล้ว ก็ดูแลตับอ่อน ดูแลปอดดีๆนะครับ รวมถึงท้องไส้ตัวเองครับ.
    ด้วยความปรารถนาดี ขอบคุณมากครับ คุณลุง...

    ปล.ด้วยความเคารพครับ..
     
  17. _nnn_123

    _nnn_123 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    320
    ค่าพลัง:
    +567
    .ผมเกิดมาเนี่ยก็เห็นภูมิเทวดาได้ด้วยตาเปล่าตั้งแต่อายุ
    ๖ ถึง ๗ แล้วครับ คุณลุง แบบยังไม่ต้องฝึกอะไรนะครับ..
    ..และถ้าการเห็นได้แต่ในนิมิตรแบบในสมาธิอะไรส่วนตัวก็ไม่เอา
    มาพูดหรอกครับคุณลุง เพราะมันยังไงก็ไม่พ้นการปรุงแต่งอยู่ดีครับ..

    รบกวนคุณ nopphakan คือ ข้อความข้างบนของคุณ ทำให้ดิฉันอดที่จะรบกวนไม่ได้ คือ เมื่อก่อน เป็นคนที่ได้ยินเสียงคนมาพูดมาบอก ข้างหูทั้ง 2 ข้าง แบบชัดเจน แต่ไม่เชื่อไม่สนใจ ตอนนั้น 14-15 ผ่านมานาน จนอายุอายุ ตอนนั้น 30 ต้นๆ เริ่มเห็น บ้าง แต่ไม่เชื่อ จน ตอนนี้ 30 ปลายแล้วคะ เริ่มปฏิบัติมาได้ 4-5 ปี ช่วงนั้นเป็นคนไม่ค่อยสนใจคำว่านิมิตรคิดคล้ายๆคุณว่าคิดเอง ก็ทำให้เริ่มแบบ สัมผัส แบบในชีวิตปกติ พยายามมีสติ หาคำตอบ ไม่สงสัย คิดไปว่าคิดเอง แล้วพยายามอ่านกระทู้ ต่างๆที่คล้ายกัน อันใหนมีคุณ nopphakan มาตอบบอกตรงๆ เลยคะ ว่าใช่ อืม..ประมาณเข้าใจเพราะคุณจะอธิบายเลยไปอีก หลายๆกระทู้ มีบางอย่างที่ อยากจะตั้งกระทู้เอง แต่ก็ช่างมัน เฉยๆ จน วินาทีนี้แหละคะ อยากจะรบกวนคุณ อาศัยกระทู้คนอื่น
    1. การที่เรามีร่างกายเย็นเหมือนเนื้อตัวเย็นตลอดเวลาเป็นไปได้ใมคะ
    2. การที่เรารู้สึกมีอะไร เดินทะลุผ่านตัวเราแบบ วืดๆ ได้ เหมือน กระเเสผ่านตัว แสดงว่าตัวเรามีอนุภาค(ไม่รู้เรียกถูกใม) เล็กหรือละเอียดเท่าเขาเหรอคะ
    3 การรับกระเเส คือ ตรงๆ นะคะ ฝันว่ามีคนเอาเจ้าแม่กวนอิมมาให้ ดิฉันก็ดูเห็นองค์ท่านมีแสงรัศมีเปล่งประกายแล้วก็ตื่นแต่ไม่สนใจ แต่ชีวิตเปลี่ยนไป รับรู้ได้ตลอดเวลาว่ามีท่อต่อตัวส่งตรง จากใหนใมรู้ต่อที่หัว ส่งมาตลอดเวลา แบบเยอะมาก จนรู้สึกเหมือนโดนบล็อค ร่างกายอึดอัด บางทีมากๆ เนื้อตัวเซลล์ต่างๆ มันสั่น เหมือนเนื้อเต้น (เอาง่ายๆ เนื้อตัวจะแตก นะคะ ) ช่วงกลางคืน นั้งสมาธิ หนักหน่วงตั้งแต่บ่าไปถึงหัว แบบเหมือนตัวจะจม ลงไปเลย แต่กลางวัน บางทีหนักมาก จนอ๊วก กำลััง (นั้นคือช่วง 3-4 วันแรก) พอลองนั้งสมาธิกับเพื่อนจับมือเพื่อน(ไม่ได้บอกอะไรเขานะคะ) เบาตัวแปบเดียว แต่ได้แค่แปบเดียวแล้วท่อบนหัวส่งกระเเสมาอีกจนเเทบจะไม่ใหว เหมือนจ่าย 100 ได้ ล้าน
    แต่ตอนนี้ เริ่มปรับตัวได้แล้วคะ แต่ก็รับรู้ตลอด ที่เขียนมาทั้งหมด นี้คือ ล่าสุดแต่ก่อนหน้านั้น ไม่อยากตั้งกระทู้ พยายามตามอ่านเอา ไว้แค่รู้ เฉยๆ คะ ทั้งหมดที่เขียนนี้ ถ้าท่านใด ไม่เห็นด้วย หรือ คิดว่ากระเเสหรือสิ่งที่ดิฉันรับรู้แบบนี้มีจริง ดิฉันก็ไม่ติดใจนะคะ เพราะมันเป็นอะไรที่พูดไม่ได้ หมายถึง ดิฉันพยายามไม่เชื่อแล้วคะ อีกอย่างดิฉัันไม่ได้พูดถึงพลังจักรวาล นะคะ ดิฉันอาจจะหมายถึง พลังธรรมชาติ อยากรบกวน คุณ nopphakan ด้วยนะคะ ขอบพระคุณเป็นอย่างสูง หากมีไรผิดพลาดไม่เหมาะสม หรือแนะนะ คุณ nopphakan เมตตาด้วยนะคะ
     
  18. ปุณฑ์

    ปุณฑ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2008
    โพสต์:
    2,760
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,692
    เทวดายังมีลมหายใจ และมีขันธ์ห้า แต่รูปขันธ์นี่เป็นกายละเอียดมาก
    ก็น่าจะใช้ได้ทุกกรรมฐาน
    อย่างที่ลุงหมานบอก อศุภะและอาหารเร แบบคน คงไม่น่าจะได้

    ส่วนพรหมไม่แน่ใจ ว่ายังหายใจไหม..
    เคยมีคนฝึกกรรมฐาน ท่านนึง ท่านว่าเวลาทำกรรมฐานจะมีพรหมมาปฏิบัติด้วย คืออาศัยกายของท่านดูทุกข์(ร่างกายมนุษย์ทุกข์มาก) ตอนแรกก็รู้สึกว่า ตัวเองพูดกับตัวเอง จะเป็นบ้าหรือเปล่า ตอนหลังพูดตอบกัน พรหมรู้อะไรที่ท่านไม่ทราบ เวลาถามพรหมก็ตอบว่าเป็นใครมาจากไหน(มีบุรพกรรมกันมาจึงมาอาศัยกันได้) ก็เรียกว่าต้องทดสอบจิตตนให้แน่ใจได้ ว่าตัวเองไม่บ้าไปก่อน.. เพราะที่บ้าจากการฝึกกรรมฐานก็มีมาก ท่านนี้ก็จะทดสอบตัวเองค่อนข้างมาก

    แล้วการที่จิตตนเองพูดกับตนเองก็มี เพราะจิตผู้รู้เหมือนจะรู้ได้มากกว่าจิตที่มีสัญญาเก่าๆ ก็เลยดูเหมือนตนเองสอนตนเองก็มี เรื่องแบบนี้ค่อนข้างยาก เพราะบางทีก็มีจิตที่สูงกว่ามาบอกให้รู้โดยไม่แสดงตัวก็มี
    ..ก็มีเคยเข้ากรรมฐานแบบที่ได้สมาธิสูงๆ ก็มีนะคุยกับตัวเอง สอนตัวเอง แบบนี้ก็มี แต่ไม่รู้ว่าเป็นตัวเองหรือเป็นใคร คือไม่ได้สนใจมากนัก เหมือนตามดูเฉยๆ แล้วก็ไม่ได้ไปติดใจค้นหาเรื่องพวกนี้เท่าไหร่..เพราะมีเรื่องการตามดูรูปขันธ์ที่น่าสนใจมากกว่า...(พวกสภาวธรรมที่เกิดทางรูป)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 มีนาคม 2015
  19. Samarnl

    Samarnl เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,287
    ค่าพลัง:
    +4,704
    มีข่มขู่ด้วย ทำเป็นพวกเชิญยิ้มไปได้ มีพวกมีสมุนกับทางจิตวิญญาณมากมายเยอะแยะ โธ่ ๆ ๆ ๆ
    ไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่ ยังเป็นคำพูดที่ยังจะพอหากินได้กับพวกไร้การศึกษายังพอได้อยู่

    จะให้เชื่อผมก็เชื่อ แต่เชื่อว่า"กรรมมีจริง" เชื่อว่า "ธรรมะย่อมชนะอธรรม" "ทำดีย่อมได้ผลดี เชื่อภพภูมิมีจริง
    เชื่อตามคำสอนของพระพุทธองค์ ไม่เบียดเบียนใคร รักษาศีล ๕ อยู่เป็นนิตย์ ไม่ข่มขู่หลอกลวงผู้ใดทำอาชีพที่สุจริต
    ไม่มีมิตรกับจิตวิญญาณใดๆ เป็นตัวของตัวเอง ไม่พล่ามสอนบอกต่อด้วยการหลอกลวง
     
  20. Samarnl

    Samarnl เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,287
    ค่าพลัง:
    +4,704
    เทวดามีกายละเอียดและสิ่งปฏิกูลจะไม่มีให้พิจารณา อสุภกรรมฐาน ๑๐ ก็ต้องเว้น และอาหาเรปฏิกูลก็ต้องเว้นไป

    ส่วนรูปพรหมนั้นก็มีขันธ์ ๕ จะมีความรู้ได้ ทางตา กับทางหู และทางใจ นอกนั้นรูปพรหมละออกหมด
    ส่วนลมหายใจที่คุณปุณฑ์ว่านั้นก็ไม่มี ส่วนอาหารของพรหมก็มี ปิติ เป็นภักษาหาร

    ส่วนอรูปพรหมมีขันธ์ ๔ ขันธ์ แต่รูปพรหมที่เป็นอสัญญสัตตพรหมนั้นมีขันธ์เดียว คือ รูปขันธ์
    (รายละเอียดมีเยอะถ้าจะพูดให้เข้าใจมันต้องคุยกันยาว)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 5 มีนาคม 2015

แชร์หน้านี้

Loading...