รักหินแล้วหินจะรักคุณ

ผมเคยศึกษาเรื่องหินและคริสตัลมานานหลายปีแล้ว ช่วงนั้นเห็นว่าเป็นศาสตร์ที่น่าสนใจ จึงเริ่มซื้อหนังสือเกี่ยวกับหินบำบัดมาอ่านดูว่า ทำไมหินถึงช่วยบำบัดโรค บำบัดร่างกาย บำบัดอารมณ์ รวมไปถึงการนำไปใช้ฝึกสมาธิได้ด้วย ในช่วงแรกนั้นได้เริ่มศึกษาหนังสือพลังหินบำบัด ของ อ.จุฑามาศ ณ สงขลา สะสมไว้หลายเล่ม

นอกจากนี้ก็ยังมีหนังสือเรื่องหินและคริสตัล พลังชีวิต รักหินแล้วหินจะรักคุณ และหินและคริสตัล๒ พลังแห่งความรัก รู้จักหิน รู้จักรัก ของคุณ ปรีดา ลิ้มศริ ซึ่งมีอยู่สองเล่ม ปัจจุบันคงหาซื้อไม่ได้แล้ว เป็นหนังสือที่ถ่ายทอดความรู้ออกมาจากจิตวิญญาณของคนรักหินจริงๆ (ส่วนตัวผมเองชอบผลงานการเขียนของท่านนี้เป็นพิเศษ)

หนังสือเรื่องหินยังมีเล่มอื่นๆอีกที่น่าสนใจ แต่ขอเขียนไว้เพียงแค่นี้ สำหรับในปัจจุบันมีหนังสือ พลังอัญมณีและหินสี นำโชคเสริมดวงชะตา ของ อ.จุฑามาศ ณ สงขลา จำหน่ายอยู่ สามารถหาซื้อมาอ่านได้ถ้าสนใจ

สำหรับแหล่งซื้อขายหินสีในปัจจุบันนี้มีอยู่หลายแห่ง แต่ปัญหาก็คือ ปัจจุบันหินที่นำเข้ามามีทั้งหินแท้ หินไม่แท้ หินทำขึ้นใหม่จากการบดอัดผงหิน ถ้าไม่เคยศึกษามาก่อนก็อาจจะได้หินไม่แท้ไปก็ได้ เพราะเดี๋ยวนี้ทำเลียนแบบกันเหมือนของจริงเหลือเกิน ขนาดผมเองบางทีก็ไม่แน่ใจเหมือนกันถ้าไม่คุ้นเคย สำหรับมือใหม่ ต้องลองหาร้านที่ขายหินสีหลายๆร้านดูนะครับ ดูร้านใหญ่ๆหน่อยเลือกที่ไว้ใจได้ พอรู้จักหินดีแล้วค่อยลงไปหาซื้อจากร้านเล็กๆจะได้มั่นใจว่าได้หินแท้ครับ

 

ย้อนกลับไปหลายปีก่อนหน้าที่ผมจะมาศึกษาเรื่องหินสีนั้น ผมเคยทราบมาจากท่านที่ฝึกสมาธิโดยใช้จุยเจียกลมใส(quartz)เป็นดวงนิมิตท่านหนึ่งว่า ถ้าฝึกสมาธิได้ดีแล้วจะสามารถพูดคุยกับเขาได้(หมายถึงกายสิทธิ์หรือจักรพรรดิ) ผมเองก็มีควอตซ์กลมใสอยู่บ้างเอาไว้ฝึกสมาธิ แต่จนบัดนี้ก็ยังคุยกับท่านที่อยู่ในนั้นไม่ได้ (ผมคุยได้อยู่ข้างเดียว ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายท่านจะว่ายังไง) 555 เพราะสมาธิยังไม่ได้เรื่องพอ เนื่องจากความขี้เกียจกับนิวรณ์มันมากไปหน่อย

จนเมื่อพบกับหนังสือเกี่ยวกับหินบำบัดเข้าก็เลยสนใจ และเริ่มศึกษาเกี่ยวกับเรื่องหินชนิดต่างๆ ทั้งจากหนังสือบ้าง จากเว็บไซต์บ้างทั้งในไทยและต่างประเทศ จึงทราบว่าเรื่องราวเหล่านี้ต้องมีเหตุผลที่อยู่เบื้องหลัง และในที่สุดก็ได้พบกับบุคคลคนหนึ่งที่ได้ช่วยไขปริศนาที่อยู่เบื้องหลังนี้ได้ เพราะบุคคลผู้นี้สามารถสื่อกับหินได้ผ่านทางความฝัน จึงได้ทราบว่าในหินที่อยู่รอบๆตัวเรานั้น อาจเป็นที่อยู่อาศัยของชีวิตในอีกมิติหนึ่ง ส่วนใหญ่ท่านเหล่านี้จะอยู่ในหินแร่อัญมณีสวยงาม แต่ในหินธรรมดาๆก็มีได้เหมือนกัน

 

ซึ่งเรื่องราวจากความฝันนี้ก็สอดคล้องกับเรื่องเล่าในหนังสือบางเล่ม ซึ่งกล่าวถึงเทพธิดาในหินสีมาเข้าฝัน เรื่องราวที่ผมได้รวบรวมมาจากประสบการณ์ของบุคคลผู้หนึ่งทำให้ทราบว่า หินสีส่วนใหญ่นั้นจะมีผู้หญิงในสัดส่วนที่มากกว่าผู้ชาย บางชิ้นมีอยู่ท่านเดียว บางชิ้นมีอยู่หลายท่าน มีเด็กๆด้วย การแต่งกายก็มีหลากหลาย บางทีก็เหมือนการแต่งกายบนโลกในแต่ละยุคสมัยหรือวัฒนธรรมแถวนั้น ที่อยู่อาศัยก็แตกต่างกันไป บางเหมือนอยู่ในต้นไม้ บางทีก็เหมือนบ้านหินที่เจาะหน้าต่างและประตู แต่ไม่มีเฟอร์นิเจอร์อะไรข้างใน เหมือนห้องโล่งๆ ธรรมชาติบางอย่างก็คล้ายๆกับโลกเรา แต่บางอย่างก็แตกต่างกันออกไป

ในภพภูมินั้นมีต้นไม้ มีผลไม้ทิพย์ทานได้ มีป่า มีทุ่งหญ้า มีแม่น้้ำ มหาสมุทร ทั้งหมดนี้เล่ามาจากที่พอจำได้นะครับ หากผิดพลาดไปบ้างต้องขออภัยด้วย เพราะนานมากเกือบสิบปีแล้ว

 

อย่างกรณีของโรสควอตซ์ (rose quartz)นี่ จะมาในรูปแบบเทพธิดาใส่ชุดสีชมพู เอาเสื้อผ้าชุดสีชมพูมาให้ในฝัน ถ้ายังไม่ถูกใจก็ยังมีอีกเป็นหีบมาให้เลือก (เรื่องเล่าจากบุคคลผู้ที่ฝันนะ ไม่ใช่ผมฝัน) สำหรับเรื่องความรัก ความอบอุ่น ต้องการกำลังใจ คุณโรสควอตซ์ เธอช่วยได้ดีนะครับ ก่อนไปซื้อตั้งจิตอธิษฐานดีๆหรือจะไปที่ร้านหินก่อนก็ได้ แล้วอธิษฐานว่าโรสควอตซ์ชิ้นใดที่สามารถจะมาช่วยเราในเรื่อง....ได้ ขอให้ถูกชะตาเมื่อพบเจอ แล้วเดินเลือกดูเลย ถูกชะตากับหินชิ้นใดมากที่สุดก็หยิบชิ้นนั้นมาเลย เอาหินชิ้นนั้นมาวางไว้ในอุ้งมือ หลับตากำไว้เบาๆ อาจรู้สึกถึงอะไรบางอย่างได้สำหรับผู้ที่มีเซนต์จะรู้สึกชัด ว่าเขาทักทายตอบรับเราอาจเป็นความรู้สึกเหมือนไฟดูดเบาๆ(หรือสัมผัสถึงพลังที่เขาส่งมาได้) และเมื่อสัมผัสแล้วรู้สึกปลอดโปร่งโล่งสบาย ไม่อึดอัดใจ ก็โอเคเลยครับ เลือกซื้อมาได้เลย

ช่วงแรกๆที่ซื้อหินสีมานี่จะตั้งชื่อให้เขาหมด พอเยอะเข้าจำได้บ้าง ไม่ได้บ้าง เลยเรียกรวมๆว่าเพื่อนหิน เพื่อนหินก็ต้องการการดูแลเอาใจใส่เหมือนกัน ถ้าดูแลเอาใจใส่ดี เขาก็จะช่วยคุณได้เป็นอย่างดี ตามกำลังของเขาที่จะช่วยได้ครับ และนั่นเป็นที่มาของคำว่ารักหินแล้วหินจะรักคุณ

ยังมีต่ออีกหลายตอนครับ วันนี้ขอเล่าแค่นี้ก่อน ว่างๆจะมาเขียนต่อครับ

 

รอติดตามต่อค่ะ

 

อ่านหนังสือของปรีดา ลิ้มศริ เหมือนกันอ่านได้หลายรอบ อ่านจนรู้ว่าหินทุกชิ้นคุณสมบัติไม่ต่างกันเลย ขอแค่พูดคุยกับเขาบ่อยๆ ต่างกันแค่คุณสมบัติของสีหินเท่านั้นค่ะ

 

ในความคิดเห็นส่วนตัวของผม โดยคุณสมบัติพื้นฐานแล้วจะว่าคล้ายๆกันก็ได้ แต่ในระดับของความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านอาจไม่เหมือนกันครับ เหมือนบุคคลที่อยู่ในสิ่งแวดล้อมต่างกัน วัฒนธรรมต่างกัน อาชีพต่างกัน ฯลฯ ความเชี่ยวชาญหรือความถนัดจะต่างกันไปครับ นอกจากนี้ยังมีเรื่องของบารมีของจักรพรรดิกายสิทธิ์ในหินพลอยสีที่แตกต่างกันอีกด้วย

คุณ markdee มีประสบการณ์อะไรก็มาเล่าให้ทราบกันบ้างนะครับ ผมเองก็อยากทราบในมุมมองของท่านอื่นด้วยเหมือนกัน ถือว่าเป็นการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ครับ ขอบคุณครับ

 

ในช่วงแรกๆที่ผมกำลังเรียนรู้เรื่องหินพลอยสีใหม่ๆจากหนังสือและเว็บไซท์ต่างๆ ทำให้ทราบว่าเรื่องราวของการใช้ประโยชน์จากหินพลอยสีนี้เป็นความรู้และประสบการณ์ของมนุษย์ในสมัยก่อนที่สืบทอดกันมาอย่างยาวนานและมีการนำมาใช้ประโยชน์อย่างแพร่หลายในยุคปัจจุบัน ในหมู่คนที่มีความเชื่อในเรื่องหินมงคลต่างๆ ในหมู่คนที่สนใจด้านพลังในการดูแลสุขภาพหรือบำบัดโรค ในหมู่คนที่ฝึกสมาธิ เป็นต้น

เมื่ออ่านเรื่องราวของคุณปรีีดา ลิ้มศริก็พบว่ามีอะไรคล้ายๆกันอยู่บ้าง เช่น ในวัยเด็กผมเองก็ชอบไปหาก้อนหินสีขาวนวลหรือเหลืองใสๆสะดุดตาที่ปะปนอยู่ในกองหินก่อสร้างที่อยู่ใกล้บ้าน ก็เก็บรวบรวมไว้สิบกว่าก้อน จบบัดนี้ก้อนหินเหล่านั้นก็ยังเก็บไว้อยู่เลย นั่นเป็นเพื่อนหินชิ้นแรกๆที่ผมเคยเก็บสะสมไว้จนลืมไปนานแล้ว แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก อาจเป็นเพราะวัยเด็กชอบเล่น ชอบสะสมนั่นสะสมนี่ที่เราชอบใจ คล้ายๆกับเด็กผู้ชายชอบสะสมของเล่น เด็กผู้หญิงชอบสะสมตุ๊กตา

 

ถัดจากวัยเด็กมา ก็โตขึ้นจนถึงผู้ใหญ่ ได้เรียนรู้เรื่องราวของหินแร่มาบ้าง แล้วพบว่าที่บ้านมีหินเขี้ยวหนุมานสีขาวขุ่นมีคราบสีเหลืองเกาะและแร่ฟลูออไรท์สีม่วงสลับเขียวเก็บอยู่ด้วยอย่างละชิ้น คงเป็นของคุณตาที่เก็บรักษาไว้นานแล้ว เผอิญไปค้นเจอก็เลยเอามาดูอย่างสนใจและรู้สึกว่าชอบ ปัจจุบันก็กลายเป็นหินสะสมของผมไปแล้วถือเป็นชุดที่สองหลังจากวัยเด็ก

หลังจากนั้น เมื่อผมพบกับพี่ท่านหนึ่งซึ่งปฏิบัติธรรมทำสมาธิเลยแนะนำให้ผมฝึกสมาธิโดยใช้ดวงนิมิตเป็นดวงแก้วกลมใสซึ่งทำมาจากผลึกควอตซ์ขาวใสบริสุทธิ์เหมือนหยดน้ำและรู้สึกเย็นตาเย็นใจเวลามอง ครั้งหนึ่งเคยฝึกฝนนั่งสมาธิจนรู้สึกว่าเห็นเป็นนิมิตเหมือนดวงแก้วสว่างใสมองได้รอบตัว รู้สึกมีความสุขที่สุดเลย แต่ทำได้แค่ครั้งเดียวเอง ท่านพี่คนนี้บอกว่าถ้าทำสมาธิได้ดีจะคุยกับเขาได้ดังที่เคยกล่าวมาแล้วข้างต้น ก็เพียรฝึกอยู่นานแต่ก็ยังไม่สำเร็จผล เพราะวางอารมณ์ไม่ถูก แต่จากการฝึกฝนนั้นทำให้ผมสามารถนั่งสมาธิได้นานนับชั่วโมงแบบสบายๆ

 

บางท่านอาจสงสัยว่าปัจจุบันนี้การผลิตแก้วด้วยเทคโนโลยีปัจจุบันสามารถทำได้ใสมากและไม่มีฟองอากาศเจอปนเหมือนกับแก้วหล่อสมัยก่อน แล้วจะแยกแยะได้อย่างไรว่าดวงแก้วไหนเป็นดวงแก้วผลิตด้วยเทคโนโลยี ดวงแก้วแบบใดเจียระไนจากควอตซ์ธรรมชาติ

วิธีดูนั้นพอมีอยู่ อาจต้องอาศัยประสบการณ์ช่วยบ้างก็จะแยกแยะได้ไม่ยากนัก นั่นคือการเอาดวงแก้วมาส่องดูกับเส้นขนตามมือหรือแขนของเราเอง เลือกส่องเส้นขนที่เล็กๆบางๆ

ถ้าเป็นดวงแก้วจากควอตซ์ธรรมชาติจริง เวลาส่องดูก็ให้ขยับหมุนดวงแก้วไปมาช้าๆจะมีบางมุมมองที่เห็นว่าเส้นขนที่เห็นจะแยกออกจากกันเป็นเส้นคู่เมื่อโฟกัสที่ระยะชัดที่สุด

ที่เป็นเช่นนี้เพราะควอตซ์ธรรมชาตินั้นเกิดจากการตกผลึกจึงทำให้มีบางเหลี่ยมมุมจะมีการหักเหแสงที่แตกต่างกันไปอย่างชัดเจน ทำให้มองเห็นเส้นขนแยกออกมาเป็นเส้นคู่ขนานกันนั่นเอง

แต่ถ้าเป็นดวงแก้วผลิตด้วยเทคโนโลยี จะเห็นว่าเป็นเส้นขนเส้นเดียวที่ระยะโฟกัสชัดที่สุด ไม่ว่าจะหมุนกี่มุมก็จะเห็นเหมือนกัน แต่ถ้าโฟกัสไม่ชัดหรือเบลอๆก็อาจเห็นแยกเป็นสองเส้นได้

ดังนั้นถ้าจะฝึกดูก็ควรหาดวงแก้วทั้งสองชนิดมาฝึกส่องดูแล้วจะแยกแยะได้ไม่ยากนัก

 

ต่อมาผมจึงได้สนใจเกี่ยวกับเรื่องหินสี อัญมณีบำบัดโรค เพราะช่วงนั้นเริ่มมีหนังสือออกมาวางขายกันบ้างแล้ว และช่วงนั้นก็ได้พบเพื่อนๆที่มีความสามารถสัมผัสพลังของหินสีเหล่านี้ได้ จึงได้คุยกัน และฝึกการจับพลังของหินสีเหล่านี้ดูบ้าง ช่วงแรกๆก็ยังสัมผัสไม่ค่อยได้ แต่พอเริ่มสังเกตุและฝึกสัมผัสพลังหินสีหลายๆชนิดดูแล้วก็พบว่า มีพลังบางอย่างที่อยู่ภายในหินเหล่านั้นจริงๆ ความรู้สึกจะแตกต่างกันไปบ้าง ถ้ามีสมาธิดีๆจะสัมผัสได้ชัดเจนขึ้น

ลักษณะพลังที่ส่งมาคล้ายไฟฟ้าดูดเบาๆเวลาวางเอาไว้ที่อุ้งมือ ปกตินิยมใช้อุ้งมือซ้าย กำสัมผัสเบาๆ จะมีพลังส่งมาเหมือนระลอกคลื่น

เท่าที่เคยจับๆดูรู้สึกว่า แท่งผลึกควอตซ์จะสัมผัสพลังได้ดี ส่งพลังได้แรง โดยเฉพาะ Diamantina Quartz Laser Wand จาก The Diamantina Mine in Minas Gerias Brazil จะแรงมากเป็นพิเศษ ผมมีอยู่แท่งเดียว แต่ก็ยังไม่เคยเอาไปใช้งานอะไรสักที แต่ชอบจับเขาเล่นเพราะชิ้นนี้ทักทายได้แรงดี 555

บางทีก็ต้องบอกเขาว่าขอสัมผัสพลังหน่อยนะ ถึงจะสัมผัสได้ชัดเจนขึ้น ถ้าเป็นคนบุคคลที่มีสัมผัสละเอียด เขาจะแยกแยะลักษณะของพลังของหินสีได้หลายแบบ แต่กับผมสัมผัสได้แค่พอรู้ว่าเขาส่งพลังมาทักทายเราเท่านั้น แต่บางชิ้นก็ยังสัมผัสไม่ค่อยได้เหมือนกัน

แต่สำหรับท่านที่สัมผัสอะไรไม่ได้ก็ไม่ต้องเสียใจ ว่าเพื่อนหินเขาไม่ทักเราเลย ขอให้เชื่อมั่นอย่างหนึ่งว่าไม่มีอะไรเป็นเรื่องบังเอิญ ไม่ว่าจะเป็นการพบเจอกัน พูดคุยกันกับคนหรือสัตว์หรือกระทั่งผีก็ตาม รวมทั้งเพื่อนหินก็ยังต้องเคยมีกรรมสัมพันธ์กันมาบ้างอย่างใดอย่างหนึ่ง ส่วนจะดีหรือไม่ดีก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งนะ (แต่ถ้าไปเจอของปลอมเข้าก็คงเป็นวิบากกรรมในอดีตของเราเอง อะไรประมาณนี้ และถึงเจอของปลอมไปบ้างก็ไม่ต้องเสียใจ ถือว่าผิดเป็นครู คงไม่มีใครเจอของปลอมตลอดหรอกนะ ผมเองก็ยังเคยเจอของปลอมเลย 555 เพราะตอนนั้นยังไม่ค่อยเชี่ยวชาญเรื่องหินมากเท่าไร)

 

เมื่อผมเริ่มเข้าสู่การสะสมหินพลอยสีครั้งแรกๆหลังจากศึกษาเรื่องหินมาพอสมควรแล้ว ก็เริ่มหาร้านขายหินที่เป็นคนรักหินจริงๆ ก็พบเจออยู่ 3 ร้านในช่วงแรกๆ เจ้าของร้านมีอัธยาศัยดี ก็เดินๆดูหินชนิดต่างๆที่เป็นก้อนเล็กๆก่อน เป็นหินขัดมันชิ้นเล็กๆ(Tumble stones) ถูกใจชิ้นไหนก็ซื้อมา เพราะราคาไม่สูงมากนัก นอกจากนี้ก็ยังมีที่เป็นควอตซ์แท่งเดี่ยวๆ ที่มีขนาดเล็กๆก่อน เป็นการศึกษาชนิดของหินสีต่างๆ รวมทั้งหินควอตซ์ที่เป็นแท่งผลึกหลายชิ้น ซื้อไปก็คุยกับเจ้าของร้านไป หาความรู้เพิ่มเติมไปเรื่อยๆ

พอเริ่มเข้าใจและรู้จักหินมากขึ้นแล้ว ก็เริ่มค้นหาวิธีผูกมิตรกับหิน 555 (ใครจะว่าเราบ๊องก็ยอมละ) ผมก็นำไปอาบน้ำ อาบแดด อาบแสงจันทร์ จุดกำยานให้ เอาน้ำอบหอมๆมาไว้ใกล้ๆ พาไปเที่ยวสวนรถไฟ 555 พาไปวัดทำบุญให้ ตอนแรกหินไม่เยอะก็แพคใส่กระเป๋าสะพายติดตัวไปได้ ตอนหลังๆเพื่อนหินชักเยอะขึ้น พกไปหมดไม่ไหวเพราะหนัก จะบอกให้เพื่อนหินทำตัวให้เบาๆหน่อยก็คงจะไม่ได้ผล

ก็ต้องเอาส่วนหนึ่งที่เคยพาไปวัดแล้วเอาไว้ที่บ้าน ส่วนที่ยังไม่เคยพาไปวัดก็เอาไปวัดบ้างสลับกันไป พอพาไปวัดกันถ้วนทั่วแล้ว คราวหลังก็มักจะวางใส่ถาดไว้ที่บ้านแล้วจะเอาบุญมาฝากให้ทีหลัง หรือบางทีก็นึกเรียกให้เพื่อนหินตามไปโมทนาบุญเอาที่วัดก็มี ส่วนการดูแลทั่วไปเพื่อชำระล้างพลังด้านลบก็ทำบ้างเป็นครั้งคราว

 

มีพลังงานเป็นเอกลักษณะเฉพาะในตัวเองมีหลักสังเกตุดังนี้
๑. สังเกตุได้จากการเชื่อมกะแสแล้วสังเกตุ
ลักษณะของพลังงานก็จะทราบได้ว่ามีพลังงานทางด้านไหนบ้าง
๒. ถ่ายรูปดูด้วยตาเปล่า จะเห็นพลังงานในลักษณะ
ของจิตญานได้ คือเห็นหน้าตา การแต่งตัว และสีที่เห็น
จะบอกถึงลักษณะพลังงานต่างๆ
๓. มองรูปด้วยตาเปล่า สังเกตุการเคลื่อนไหว จะทราบลักษณะ
ของพลังงานได้
๔.วางไว้ใต้ฝ่ามือ ยกฝ่ามือสูงกว่าประมาน ๑๐ ซม.สังเกตุลักษณะพลังงาน
ก็จะทราบได้
๕.ส่วนเห็นหน้าตาได้แล้ว จะสื่อได้ หรือรู้ที่มาได้แล้วแต่ความสามารถ
๖.ปกติจิตญานข้างในมักจะไม่ค่อยพูด การเห็นได้ครั้งเดียวในนิมิตรถือว่าปกติ
๗.สามารถเพิ่มพลังงานได้ เปลี่ยนแปลงจิตญานใหม่ได้ และเพิ่มไม่ได้ก็มี
และสามารถเอาพลังงานออกให้เป็นหินธรรมดาก็ได้. เรื่องปกติแล้วแต่ความสามารถ
๘.ไม่ควรไปจับต้องหากต้องการทดสอบเรื่องพลังงาน เพราะกะแสตกค้าง
จะส่งผลต่อร่างได้ หากเราไม่มีกำลังจิตระดับใช้งานได้เพียงพอ
ที่จะต้านทานพลังงานภายนอกได้ จะทำให้ระบบพลังเราสับสน
ในการวิเคราะห์พลังงานอื่นๆ
ปล.อย่าไปยึดติด ใช้งานแล้วช่วยแล้วก็แล้วไป ส่วนการดูแลรักษา
ก็ตามความเหมาะสม แต่ควรทำตัวให้จิตญานข้างในเค้านับถือหรือเคารพเรา
ไม่งั้นเวลาตายจิตเราจะเข้าไปอยู่ข้างในแทน
ประมานนี้

 

ผมขอขอบคุณท่าน nopphakan ที่แวะมาแนะนำนะครับ ได้ความรู้เพิ่มเติมขึ้นเยอะเลย ^_^

 

ประสบการณ์การใช้งานเกี่ยวกับเพื่อนหินของผมเองก็พอมีบ้าง เช่น ใช้รักษาอาการปวดหัว ปวดฟัน ปวดท้อง ได้ผลดีระดับหนึ่งแต่ยังไงก็ยังสู้ยาแก้ปวดไม่ได้ 555 เพราะต้องใช้เวลาพอสมควร เอาไปรักษาลูกหมาที่ไม่สบายก็เคย มีหลายสิ่งที่ทำให้รู้ว่าเขาช่วยเราจริงๆ แค่เพียงตั้งใจคุยกับเขาในใจ เขาก็รับรู้แม้จะอยู่คนละสถานที่กันก็ตาม

แต่ที่จะนำมาเล่าถึงเรื่องราวอันมหัศจรรย์นั้น เกิดมาจากการที่ผมอยากจะหาบุคคลที่สามารถสื่อสารกับเพื่อนหินได้ ในที่สุดก็เจอเข้าคนหนึ่งซึ่งปฏิบัติธรรมและมีสมาธิดี และมีฝันบอกเหตุได้ล่วงหน้า ก่อนอื่นก็เลยส่งหนังสือให้เอาไปอ่านดูก่อนนะ เพื่อหยั่งเชิงว่าสนใจไหม ไม่งั้นเค้าจะคิดว่าเราบ๊อง(ปกติก็บ๊องๆอยู่แล้ว) โอเค พอเธอสนใจเรื่องหินแล้ว ก็เลยส่งหินไปทีละชิ้น แล้วแนะนำให้คุยกับหินก่อนเข้านอน ให้ทักทายเขาดูว่าเป็นใคร มาจากไหน ประมาณนี้

ชิ้นแรกที่ส่งไปจำได้ว่าเป็นแฟนทอมควอตซ์(phantom quartz) ใครไม่เคยเห็นเปิดภาพจากอากู๋เกิลดูได้ มีลักษณะเป็นแท่งควอตซ์ที่มีลักษณะพิเศษเหมือนมีเงาของผลึกซ้อนอยู่ด้านใน อาจมีซ้อนชั้นเดียวหรือหลายชั้นก็ได้ เงาอาจเป็นสีขาวหรือสีอื่นก็ได้ ผลจากการทดลองคืนนั้นเธอก็ฝันไปเห็นเป็นชายนักรบโบราณปรากฏให้เห็น เธอก็เอามาเล่าให้ฟัง แต่รายละเอียดผมจำไม่ค่อยได้แล้วนะ

 

ฝึกด้วยตัวเอง รับรู้ และสัมผัสด้วยตัวเองนี่หละชัวกว่า
มันจะทำให้เราเข้าถึงลักษณะพลังงานของจิตญานต่างๆ
ได้ดีกว่า เป็นการฝึกพัฒนาตนเองไปในตัวด้วย
ไม่ต้องเอาว่า เราจะรู้หรือสัมผัสได้ทุกด้านก็ได้
เอาเฉพาะที่มันมีประโยชน์ในการรับรู้ ในสิ่งที่เราสัมผัสได้ก็พอ.
และที่สำคัญคือจะได้ช่วยส่งเสริมต่อผลการนำไปใช้งาน
ให้ได้ผลดียิ่งขึ้นไปด้วย...เราใช้งานได้ดี
มันก็ส่งผลต่อบุคคลอื่นๆเช่นกัน..
และเมื่อเราเข้าใจมันได้ดี
เราก็มีเรื่องราวนำมาเล่าได้น่าสนุกตื่นเต้น
น่าติดตามดียิ่งขึ้นด้วย
ประมาณนี้..

 

เคยพยายามฝึกอยู่เหมือนกันครับ เพราะอยากคุยกับเขาเองมากกว่า มีเรื่องราวมากมายที่ปรารถนาจะรู้ครับ ไม่ใช่แค่เพื่อนหิน ยังมีภพภูมิอื่นๆอีก รวมไปถึงมนุษย์ต่างดาวด้วย ถ้าคุยได้คงไปเที่ยวหาเพื่อนคุยทุกคืนละมั้งครับ ชาตินี้ผมกิเลสเยอะไปหน่อย อิทธิบาทสี่ก็ยังลุ่มๆดอนๆ วางใจให้อารมณ์เป็นทิพย์ไม่ค่อยได้ครับ

ขอบพระคุณสำหรับคำแนะนำครับท่าน nopphakan ผมจะพยายามต่อไปครับ คงต้องหาครูอาจารย์ที่สามารถสงเคราะห์ผมได้ในอนาคต ฝึกเอาเองคงลำบาก

 

สำหรับชิ้นต่อๆมาจำไม่ค่อยได้แล้วว่ามีอะไรมั่ง จะเล่าเท่าที่จำได้ก็แล้วกันนะครับ มีอยู่ชิ้นหนึ่งที่เธอได้ไป แล้วก็ฝันว่าอยู่ในสถานที่แห่งหนึ่ง มีต้นไม้ที่มีลูกคล้ายๆแอปเปิ้ลสีชมพูหรือสีม่วงแต่ลูกใหญ่กว่าแอปเปิ้ลพอสมควรและตรงกลางป่องๆคล้ายผลฟักทอง เธอเห็นก็อยากกิน พยายามไปเด็ด แต่เด็ดไม่ได้ เจ้าของต้นไม้ทิพย์ซึ่งเป็นผู้หญิงเห็นเข้า เลยไปเด็ดมาให้ทาน เธอก็ชิมโดยกัดผลไม้ไปคำหนึ่ง ก็รู้สึกว่าอิ่มมากแต่ไม่รู้สึกว่าอร่อยอะไร แค่รู้สึกอิ่มมาก แม้ทานไปแค่คำเดียว และก็มีอีกครั้งหนึ่งที่เพื่อนหินจัดผลไม้ทิพย์ชนิดอื่นมาให้ทานอีก แต่จำรายละเอียดไม่ได้แล้ว

ต่อมาผมก็เอาพวกควอตซ์คริสตัลคลัสเตอร์ (Quartz Crystal Cluster) ลองค้นจากอากู๋เกิลดูได้ว่ามีลักษณะเป็นอย่างไร ชุดแรกที่ส่งไปเป็น Smoky Quartz Crystal Cluster ซึ่งเป็นกลุ่มควอตซ์สีออกชาเทาแต่ใสขนาดใหญ่พอสมควร ชิ้นนี้ซื้อมาจากต่างประเทศ เธอก็คุยเหมือนเดิม คราวนี้เพื่อนหินพาเธอไปเที่ยวชมธรรมชาติ ในฝันมีทั้งผู้ชายผู้หญิงหลายท่าน จะมีผู้ชายท่านหนึ่งดูจะมีอายุหน่อยเป็นหัวหน้ากลุ่ม ถ้าดูจากกลุ่มคริสตัลชุดนี้ จะมีแท่งใหญ่ๆอยู่แท่งหนึ่งแล้วมีแท่งขนาดเล็กลงมา ประกอบอยู่ข้างๆหลายชิ้นบนฐานสีขาวขุ่น ในฝันพวกเขาก็แต่งชุดแบบคาวบอย (อาจจะบอกว่ามาจากสหรัฐอเมริกาก็ได้) พวกเขาก็พาเธอขึ้นรถเทียมม้าแบบโบราณในสมัยยุคคาวบอย (ถ้าจำไม่ผิดนะ) แต่รถคันนี้ไม่มีม้าคอยลากเหมือนในเมืองมนุษย์ รถจะวิ่งไปเอง พาไปเที่ยวชมธรรมชาติที่นั่นครับ

พอส่งควอตซ์คริสตัลคลัสเตอร์ชุดที่สองไปให้ ชุดนี้เป็นกลุ่มควอตซ์ขาวใสแท่งเล็กๆสิบกว่าแท่ง ซื้อจากร้านขายหินในกรุงเทพฯที่แหละ ชุดนี้เธอฝันว่า พบเด็กๆใส่ชุดแขกหลายคนมาหา สงสัยชุดนี้จะมาจากแถวเมืองแขกแน่ๆเลย

 

ขอบคุงสำหรับความรุ้ดีๆค่ะ

 

วันนี้เล่าแค่นี้ก่อนนะครับ พรุ่งนี้ผมอาจไม่ค่อยว่าง ไม่แน่ใจว่าจะได้เล่าไหม ยังมีอีกหลายตอนครับ คุยได้เรื่อยๆ