มีด้วยหรือผู้ประพฤติธรรมจริง โดยไม่ต้องสังวรศีล

ผู้ประพฤติธรรม ย่อมได้รับความคุ้มครอง
ป้องรักษาโดยธรรม
มีผลตั้งแต่ระดับต้นๆเลย
เริ่มตั้งแต่ทานกับศีลเลยครับ
ประพฤติได้ถูกต้องก็จะนำแต่ความสุขกาย
สุขใจมาถึงประพฤติ
โดยให้พิจารณา
จากสังคมทั่วไป
จะพบว่าไม่ว่าทุกข์ภัยต่างๆ
จากภายนอกก็ดี เช่นภัยธรรมชาติ
ภัยจากเศรษผฐกิจก็ดี ภัยเหล่านี้ไม่สามารถ
สร้างผลกระทบให้ผู้ประพฤติธรรมต้องเดือดร้อน
กายใจได้
หรือจากภายในใจก็ดี เช่นภัยที่ก่อขึ้นโดยความคิด
ความเห็นของตนเองจะล้วน
ไม่ก่อความเร่าร้อน รำคาญ
ให้แก่ตนเองจนกระวนกระวายเนืองนิจ

หากมีการประพฤติธรรมก็จริง
แต่แล้วยังเดือดร้อนเนืองๆ
ย่อมเกิดจากการประพฤติธรรมแบบมิจฉาทิฏฐิ

ซึ่งไม่อาจแก้ไขได้ด้วยผู้อื่น นอกจากตนเอง
ถูกต้องนะครับ

 

ลม. พักนี้ขยันตั้งกระทู้นะขอรับ แต่ก็อย่างที่

ได้วิเคราะห์ตรรกะ ลม. แล้วว่ามีลักษณะเพ้อๆทั้งเรื่องธรรม เรื่องศีล เช่น

ผู้ประพฤติธรรม ย่อมได้รับความคุ้มครอง
ป้องรักษาโดยธรรม
มีผลตั้งแต่ระดับต้นๆเลย
เริ่มตั้งแต่ทานกับศีลเลยครับ
ประพฤติได้ถูกต้องก็จะนำแต่ความสุขกาย
สุขใจมาถึงประพฤติ


ถาม ลม. ว่าประพฤติธรรมแล้ว ลม.ว่า ใครจะคุ้มครองป้องรักษาโดยธรรมครับ พูดคลุมเครือ


"ทาน" แปลว่า การให้ ให้เพื่อขจัดความตระหนี่ถี่เหนี่ยวในจิตในใจของตน ข้อนี้พูดถึงความสุขใจฟังได้ คือเมื่อได้ให้แก่ผู้ซึ่งเขาไม่มีแล้ว นึกถึงก็เป้นสุขทางใจ แต่ไม่แน่นะ กำลังเดินยิ้มกลับบ้าน อาจโดนโจรกระชากกระเป่าก็ได้ :d ไม่ต้องยิ้ม พูดจริงๆ (ใครคุ้มครองป้องรักษาโดยธรรม)

ข้อ "ศีล" รักษาศีล (ศีล ๕) เพื่อความสงบสุขของสังคม ลองไล่ดูเถอะจากข้อหนึ่งถึงข้อห้า

1.ไม่โหดร้าย
2.ไม่มือไว
3.ไม่ใจคด = เพื่อความสงบสุขของครอบครัว
4.ไม่พูดปด
5.ไม่หมดสติ ด้วยสิ่งมึนเมาทุกชนิด = เพื่อความมีสุขภาพที่ดีของตนเอง

ข้อ 1,ข้อ 2 ข้อ 3 เพื่อสงบสุขของสังคมที่ดำเนินชีวิตร่วมกัน

 

ลุงแมวว่าบอร์ดนี้น่า
จะมีปุ่ม อ้วก อีกซักปุ่มนะ
กดทีเดียวพุ่งเต็มหน้าเลยอ่ะ

 

ผลของทานก็ดี
ผลของการสำรวมระวังศีล
ก็ดี มีผลตามกฏแห่งการให้
และยิ่งให้ยิ่งได้กลับเป็นกฎ
แห่งธรรมชาติ
ดังนั้น ศาสนาพุทธจึงไม่ขัดแย้ง
กับกฎของธรรมชาติ
ธรรมย่อมรักษาผู้ประพฤติธรรม
ก็เป็นธรรมชาติที่พระพุทธทรงค้นพบ
แต่ใครจะมองเป็นเรื่องปาฏิหารย์ก็ไม่
ได้ผิดอะไร เพราะบ่อยครั้งก็เป็นเริ่องที่
เหนือธรรมชาติเพราะไม่สามารถจะอธิบาย
ได้ด้วยหลักเหตุผลปกติ

 

***ผู้ปฏิบัติคือผู้เห็นภัย
1.ภัยจากการพูด-ศีลข้อ4
2.ภัยจากการเบียดเบียนตนเองและผู้อื่น-ศีลข้อ1-2-5
3.ภัยของการผิดลูกผิดเมีย-ศีลข้อ3
***ยังมีอื่นๆอีกมาก

 

ถามมาจากลิงว่าลุงแมวพูดไว้นั้น
มีประโยคใดเป็นมิจฉาทิฏฐิจนชาว
พุทธรับไม่ได้แน่นอน

 

ไปเอามาจากไหน ถึงได้บอกไงว่า ลม. เพ้อๆ

 

มิจฉาทิฏฐิ ได้แก่อะไร

 

ภัยยังไง เอาชัดๆ

 

GOOD IDEA veryvery goodgoodgood idea 555555
(||)(good):VO(||)(good):VO

 

ผมอยากให้เอาออกให้หมดทุกปุ่มนะ รุงรัง (deejai)

 

สีเลน โภคสัมปทา ผู้ใดกล่าวยืนย้น
ไว้เช่นนี้ฮะ มีหลอกกันด้วยหรือ หลอกได้หรือ
รวยแน่ๆ ไม่งั้นเป็นคำพรจากพระพุทธเจ้าครับ

 

ข้ออภัย # 5 ก้มหน้าก้มตาอ้างอิง คิดว่า ลม. แต่ก็ดีเหมือนกัน ว่ามาสิครับ ภัยยังไง

 

อธิบายสิครับ

 

พิมพ์ตกครับ
ไม่งั้นไม่เป็นคำพรจากพระพุทธเจ้าครับ

 

พรยังไงอ่ะ ถือศีลแล้วรวยหรอ หรือยังไง

 

คุณจงอยู่อย่างสงบ
แล้วฟังผู้ใหญ่เขาสนทนากันนะฮะ

 

ลม.ศีล สมาธิ ปัญญา ควรศึกษาให้ชัด พูดมั่วไปเสียหายแก่ธรรม ไม่อยากใช้คำพูดว่ากล่าวตู่พระพุทธเจ้า

 

เอ้อ...งง..งงล่ะซิ่

 

สิกขาบท (ข้อศึกษา หรือข้อฝึกความประพฤติ) ๕ หรือที่นิยมเรียกกันเป็นสามัญว่า ศีล ๕ ได้แก่

๑. เว้นจากปาณาติบาต คือ ไม่ทำลายชีวิต จับสาระว่า ความประพฤติ หรือการดำเนินชีวิต ที่ปราศจากการเบียดเบียนผู้อื่นทางด้านชีวิตร่างกาย

๒. เว้นจากอทินนาทาน คือ ไม่เอาของที่เขามิได้ให้ หรือไม่ลักขโมย จับเอาสาระว่า ความประพฤติ หรือดำเนินชีวิต ที่ปราศจากการเบียดเบียนผู้อื่นทางด้านทรัพย์สินและกรรมสิทธิ์

๓. เว้นจากกาเมสุมิจฉาจาร คือ ไม่ประพฤติผิดในกามทั้งหลาย จับเอาสาระว่า ความประพฤติ หรือดำเนินชีวิต ที่ปราศจากการเบียดเบียนผู้อื่นทางด้านคู่ครอง บุคคลที่รักหวงแหน ไม่ผิดประเพณีทางเพศ ไม่นอกใจคู่ครองของตน ไม่ทำลายสายตระกูลวงศ์ของผู้อื่น

๔. เว้นจากมุสาวาท คือไม่พูดเท็จ จับเอาสาระว่า ความประพฤติ หรือดำเนินชีวิต ที่ปราศจากการเบียดเบียนผู้อื่น ด้วยวาจาเท็จโกหกหลอกลวงตัดรอนประโยชน์หรือแกล้งทำลาย

๕. เว้นจากสุราเมรัย และของมีนเมาอันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท คือไม่เสพของมึนเมา จับ เอาสาระว่า ความประพฤติ หรือดำเนินชีวิต ที่ปราศจากความประมาทพลังพลาดมัวเมาเนื่องจากการใช้ สิ่งเสพติดที่ทำให้เสียสติสัมปชัญญะ