ชัยพร เสาระวะ

ขอเชิญร่วมบุญเป็นเจ้าภาพช่อฟ้า-ใบระกาบูรณปฏิสังขรณ์หลังคาวิหาร
http://palungjit.org/threads/%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%8A%E0%B8%B4%E0%B8%8D%E0%B8%A3%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%A1%E0%B8%9A%E0%B8%B8%E0%B8%8D%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B9%87%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E%E0%B8%9A%E0%B8%B9%E0%B8%A3%E0%B8%93%E0%B8%9B%E0%B8%8F%E0%B8%B4%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%82%E0%B8%A3%E0%B8%93%E0%B9%8C%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A3.523605/

ครับขอโอกาสในการแสดงความคิดนะครับ

การจำแนกบางท่านมีความหมายเพื่อใช้เรียกแนวทางการปฏิบัติ
และทำให้เป็นที่รู้จักกัน หรือเรียกจนติดปากในความแตกต่างที่รุ้กันเอง เพราะถ้าไม่จัดกลุ่มก็ยาวที่จะขยายความ โดยอาจไม่มีเจตนาแบ่งพรรคพวก หากเป็นพุทธdeep(ลึกซึ้ง) ก็ย่อมเข้าใจเอง เช่นเดียวกับที่คุณกล่าวว่าเรา เองเป็นเราไม่ได้อยู่ที่ใคร เวียนว่ายตายเกิดอยู่ กำลังเดินทางอยู่นะครับ
แต่เห็นด้วยที่ท่านกล่าว ตามจริงก็ควรเป็นเช่นนั้นครับ
สักวันเมื่อปัญญาเกิดเขาเหล่านั้นจะรู้เอง ประเสริฐแล้วที่ท่านเตือน สาธุๆ
เมื่อกล่าวสุภาษิตวาจาแล้วจงวางอุเบกขาเถิดอย่าได้เอามาเป็นสิ่งเจอในดวงใจเลย
หากท่านไม่ได้ติดใจในคำกล่าวก็อนุโมทนาด้วยครับ
ชอบแล้วดีแล้ว เพราะการชำระจิตของตนให้ขาวรอบ ทำจิตใจให้ผ่องใสไม่ขุ่นมัวเป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย

ไม่เห็นด้วยเลยกับบางท่านที่บอกว่าพระสายนั้นสายนี้เพราะแสดงว่าท่านไม่เข้าใจพุทธดี ยังยึดติดอยู่กับความพอใจไม่พอใจ ชาวพุทธที่แท้จริงไม่ยึดติดสายนั้นสายนี้ ไม่มีซ้ายไม่มีขวา ไม่มีทุกข์ไม่มีสุข ไม่ดีใจไม่เสียใจ ฯลฯ ให้สภาวะจิตอยู่ตรงกลางเรียกว่าอยู่กับ มรรค หากเอนเอียงไปทางใดทางหนึ่งแล้วจะเกิดภพเกิดชาติที่เขาเรียกว่ายังวนเวียนอยู่ในวัฏฏสงสาร การที่ต้องการหลุดพ้นจากวัฏฏสงสาร ให้ดำรงมรรคอยู่ตลอดเวลาแล้วสิ่งที่ได้คือดวงตาเห็นธรรม การพูดมันง่ายแต่การทำมันยากดังนั้นท่านจะต้องเรียนรู้และปฏิบัติอย่างจริงจังเพราะสิ่งนี้รู้ได้เฉพาะตน และมีเหตุปัจจัยหลายอย่างที่จะนำไปซึ่งความสำเร็จ การที่เรามีอคติยึดมั่นถือมั่นยินดีในขันธ์ห้านั่นแหละเราจะมีภพมีชาติเกิดขึ้นหากต้องการหลุดพ้นภพชาติจะต้องดำรง มรรค ให้ได้ เพราะคำว่านิพพานเป็นเรื่องอจิณไตยไม่มีใครอธิบายให้ใครได้เข้าใจง่ายๆจะต้องรู้เองแต่มีแนวทางไปอยู่นั่นคือ มรรค

แสงเอยแสงนวนส่องแสง แสงธรรมสำแดงจรัสจ้า

แสงใดแสงอื่นเล่าจะเท่าธรรมมา แสงนั้นหนาส่องจิตพิชิตภัยมาร

แสงธรรมส่องโลกเจิดจรัส ภัยพิบัตินานาพาดับสูญ

แส่งธรรมส่องมารมลายจิตเพิ่มพูล ตัดกิเลสมูลสูญสิ้นรากแห่งกรรม

กิเลสานานาต่างแตกดับ เพราะเราจับดวงจิตหยุดเคลื่อนไหว

กำหนดรู้ไม่ปรุ่งแต่งสำแดงภัย ใจหนอใจสงบแล้วจากภัยมาร

สาธุ สาธุ สาธุ

ขอให้ท่านพ้นห่วงทุกข์โดยเร็วเถิด