อำนาจและอิทธิฤทธิ์ของพระราหู

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย เพชรฉลูกัน, 30 เมษายน 2016.

  1. เพชรฉลูกัน

    เพชรฉลูกัน ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    18,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    24
    ค่าพลัง:
    +23,179
    [​IMG][/url][/IMG]
    [​IMG][/url][/IMG]
    [​IMG][/url][/IMG]
    [​IMG][/url][/IMG]

    อำนาจและอิทธิฤทธิ์ของ พระ ราหู
    พระ ราหู มีพลังอำนาจเปรียบเสมือนคนที่มีร่างกายใหญ่โต มีความกล้า ทรงฤทธานุภาพมาก ใครเห็นเพียงครั้งแรกก็บังเกิดจิตเกรงกลัว แต่เมื่อคิดจะทำสิ่งใดก็วางแผนแบบคายจนประสบความสำเร็จ ดังนั้น พระราหู มีพลังอำนาจให้เป็นที่ประจักษ์แจ้งดังนี้
    1. ด้วยเหตุที่ พระราหู นั้นเป็นสิ่งที่บดบังพระอาทิตย์ให้อับแสงได้ และเมฆหมอกทั้งปวงนั้นก็คือว่าเป็นบริวารของพระราหู โบราณท่านจึงถือว่า พระราหู เป็นเทพองค์เดียวที่สามารถดับความร้อนของดวงอาทิตย์ให้เย็นลงได้ ก็จะสามารถดับความทุกข์ร้อนของมนุษย์ที่รู้จักกราบไหว้บูชาองค์ พระราหู ได้ เช่นกัน และสามารถระงับโทสะได้จึงถือว่าเป็นข้อดีของ พระราหู แต่ในทางที่กลับกันถ้าทำไม่ถูกต้อง พระราหู ก็สามารถเพิ่มความทุกข์ร้อนได้ ยิ่งขึ้นไปอีกหลายเท่าตัวได้เช่นกัน
    2. พระราหู เป็นเทพอสูรจึงกล่าวได้ว่าเป็นหัวหน้าของพวกภูตผีปีศาจ พวกอสูรมารร้ายทั้งปวงต้องเกรงกลัวตบะอำนาจของ พระราหูด้วยกันทั้งสิ้น
    3. ด้วยเหตุที่ พระราหู สามารถบดบังแสงอาทิตย์และแสงจันทร์ทำให้มืดมิดปิดแสงได้ โบราณเชื่อว่าอำนาจ พระราหู นั้นย่อมสามารถเป็นที่กำบังกายล่องหนหายตัวได้ เช่นกัน
    4. พระราหู เป็นผู้ทรงอิทธิฤทธิ์ โบราณเชื่อว่า อำนาจ พระราหู ดีเด่นทางคงกะพันชาตรีได้ด้วยเช่นกัน
    5. พระราหู เป็นอำนาจของความลุ่มหลงมัวเมา คิดจะทำอะไรต้องทำให้ได้จนสำเร็จ ดังนั้นโบราณจึงถือว่า พระราหู มีอำนาจทางเสน่ห์ดำกฤษณาและอำนวยโชคชัยเป็นอย่างยิ่ง
    6. พระราหู เป็นเครื่องหมายที่แสดงถึงความเมตตาช่วยเหลือ เพราะโบราณเชื่อว่าในขณะที่เกิดคราสไม่ว่ากลางวันหรือกลางคืน มนุษย์บนโลกได้ใช้กะลาเคาะส่งเสียงหรือยิงปืนจุดประทัดเพื่อส่งเสียงให้ พระราหู คลายจากการกลืนดวงจันทร์หรืออาทิตย์ แล้วการช่วยเหลือมนุษย์ผู้ที่เคาะกะลาหรือส่งเสียงขอความช่วยเหลือ แม้แต่ชาวสวนชาวไร่ก็ต้องเคาะต้นไม้เพื่อให้พระราหูมาช่วยให้เกิดความอุดมสมบูรณ์ และ เพื่อขอพระราหูให้มาคุ้มครองครอบครัวของตนเองให้เกิดความสมบูรณ์ยิ่งๆ ขึ้นไป
    สำหรับผู้ที่เคารพกราบไหว้ พระ ราหู ต้องรู้ว่าเครื่องรางของขลังที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติโดยที่มนุษย์ไม่สามารถ สร้างขึ้นมาเองได้นั้น ได้มีเกิดขึ้นมามากมายในโลกนี้ทั้งที่เป็นพืช โลหะ อโลหะแต่ทั้งนี้ต้องอาศัยการเข้าสมาธิ ญาณ ระดับโลกียะ จึงอาจล่วงรู้ความลับความจริงถึงคุณประโยชน์ของสิ่งเหล่านี้ได้ ผู้ฝึกจิตเข้าถึงสมาธิ ญาณ ขั้นสูงเท่านั้น ที่พึงจะรู้ได้ว่าสิ่งเหล่านั้นเป็นวัตถุมงคลศักดิ์สิทธิ์ที่พระเจ้าสร้าง ให้มาตามธรรมชาติ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้นำมาประกอบพิธีกรรมปลุกเสกให้เป็นเครื่องรางของขลังก็ตาม เพราะว่าวัตถุมงคลธรรมชาติเหล่านี้มีเทพรักษาอยู่ ตามศาสตร์โยคะของพราหมณ์อินดู ซึ่งเป็นต้นลัทธิการนับถือเครื่องรางของขลังนั้นมีการระบุไว้ว่าวัตถุธาตุ ต่างๆ ในธรรมชาติที่มีเทพรักษาอันทรง พลานุภาพอันน่าอัศจรรย์ โดยวัตถุธาตุเหล่านั้นแต่ละอย่างจะมีความสัมพันธ์กับดาวนพเคราะห์ ในจักรวาลอย่างลี้ลับอัศจรรย์เป็นอย่างยิ่ง
    วัตถุมงคลธรรมชาติที่เกี่ยวข้องกับพระราหูและดวง ชะตาชีวิตของมนุษย์โดยตรงสิ่งนั้นก็คือ “กะลาตาเดียว”
    กะลา มะพร้าวที่รู้จักกันโดยทั่วไปว่ากะลาก็คือส่วนหนึ่งของผลมะพร้าว ซึ่งมะพร้าวก็เป็นของคู่บ้านคู่เมืองของเรามาตั้งแต่ยุคสมัยโบราณสิ่งที่ทุก ครัวเรือนทุกคนทุกระดับทุกชนชั้นต้องรู้จักมะพร้าว และทุกครัวเรือนก็ขาดมะพร้าวไม่ได้เช่นกัน แต่ได้มีบุพราจารย์ผู้มีสมาธิขั้นสูงพึงรู้ด้วยปัญญาญาณของท่านว่า ยังมีกะลาที่เหนือกะลาและของสิ่งนั้นก็เป็นวัตถุตั้งแต่โบราณกาล มงคลที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติมนุษย์ไม่ได้สร้างขึ้นมา และก็หายากมากมีความขลังความศักดิ์สิทธิ์เป็นเอกอุอยู่ในตัว และของสิ่งนั้นคือของคู่ตัวขององค์เทพอสูร พระราหู คือ กะลาตาเดียว ซึ่งฟากหนึ่งมีรูปคล้ายดวงอาทิตย์ อีกฟากหนึ่งมีรูปคล้ายดวงจันทร์ครึ่งเสี้ยว ผลของกะลามีสีนากคือสีผิวกายของพระราหู และมีกิริยาดุจการอมครอบของพระราหูต่อพระอาทิตย์และพระจันทร์อยู่ในทีนั่นเอง
    ตามตำราบุพราจารย์ได้กล่าวไว้ตั้งแต่ โบราณกาล

    กะลาที่เป็นวัตถุมงคลธรรมชาติที่มีดีมีเทพรักษาอยู่ในตัวก็คือ กะลาตาเดียว จะมีลักษณะเป็นเอกลักษณ์ตามธรรมชาติคือ จะมีปากที่เป็นรูงอกหน่อและก็จะมีตาส่วนที่บุ๋มลงไปเพียงหนึ่งตาเท่านั้น ปากและตาจะอยู่ฝั่งตรงกันข้ามเป็นสองฝั่ง กะลาชนิดนี้เป็นกะลาที่เป็นวัตถุมงคลที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ แม้ยังไม่นำมาทำพิธีกรรมก็สามารถใช้ได้แล้ว แต่ถ้านำมาแกะเป็นรูปพระราหูแล้ว เข้าพิธีปลุกเสกผ่านพิธีกรรมที่ถูกต้องแล้ว ก็จะเป็นของขลังที่ส่งพลานุภาพ ให้กับผู้บูชาได้สมปรารถนาทุกปราการตามตำนานบันทึกไว้ในประวัติ ศาสตร์ยุคสุโขทัย บันทึกไว้ว่าคนหนุ่มสาวที่แต่งงานกันและก็ออกเรือนไปตั้ง ครอบครัวใหม่ทุกคน สิ่งแรกที่พ่อแม่มอบให้เป็นของคู่ตัวของคู่บ่าวสาวก็คือ กะลาตาเดียว แต่การที่จะหากะลาตาเดียวนั้น เป็นเรื่องที่ค่อนข้างยากพอสมควร เพราะว่ากะลามะพร้าวทั่วไปเป็นพันเป็นหมื่นลูกจึงจะเจอสักลูกสองลูกถ้าผู้ใด เจอก็นับว่าโชคดีของผู้นั้นไป คู่บ่าวสาวคู่ใดในยุคสุโขทัยถ้าได้รับกะลาตาเดียว จากพ่อแม่ก่อนออกจากครอบ ครัวเดิมไปตั้งครอบครัวใหม่ คู่บ่าวสาวคู่นั้นจะพบแต่ความสุขความเจริญความสมบูรณ์เป็นอย่างมากและในยุค ต่อๆมาจนถึงปัจจุบัน จะมีผู้รู้จะได้ใช้กะลาตาเดียวตัดครึ่งใบ นำส่วนที่มีตาเดียวใส่ไว้ในถังข้าวสาร เพื่อความอุดมสมบูรณ์ในการทำมาหากินให้กับครอบครัวไม่มีคำว่าอดอยากสมบูรณ์ ทุกอย่างในการทำมาหากินประกอบอาชีพทุกๆอาชีพ
    ที นี้เรามาสรุปเรื่องกะลาตาเดียวถ้าผ่านพิธีกรรมที่สมบูรณ์จริงๆ ในตำราทักษามหาพยากรณ์นั้นได้กล่าวไว้ว่า เมื่อบุคคลใดก็ตามถูกพระราหูเสวยอายุหรือพระราหูแทรก ในช่วงเวลานั้นจะเกิดความรุ่มร้อนมีเคราะห์ต่างๆ เพราะพระราหูนั้นเป็นเทพอสูรเป็นความบาปเคราะห์ เป็นความมืดเป็นสิ่งที่น่าสะพรึงกลัว แม้ยามที่พระราหูจะจรพ้นการเสวยอายุหรือแทรกอายุไปก็ยังแผลงฤทธิ์ตอนเข้า หรือตอนออกด้วย ในทักษาจึงกำหนดไว้ว่า เมื่อพระราหูเสวยอายุหรือแทรกจักต้องทำพิธีต้อนรับพระราหูและตอนที่พระราหู จรออกต้องทำพิธีส่งพระราหูหาไม่แล้วจะเดือดร้อนจนไม่อาจประคองตัวได้ถึงกับ ล้มละลายหรือประสบกับพิบัติต่างๆ กับตัวเองหรือบุคคลรอบข้างได้ แต่มีอยู่สิ่งหนึ่งที่บุพราจารย์โบราณใช้บรรเทาฤทธิ์ของราหูได้เป็นอย่างดี คือ กะลาตาเดียวนั่นเอง
    อำนาจอานุภาพ สรรพคุณของกะลาตาเดียว ที่นำมาแกะเป็นพระราหูและก็ผ่านพิธีกรรมที่สมบูรณ์ ที่ขึ้นชื่อที่สุดคือ
    1.เป็นอำนาจทางคงกะ พันชาตรี เป็นมหาอุดอย่างเอกอุยอดเยี่ยมที่สุด
    2.มีอำนาจในทางป้องกันภูตผีปีศาล ทำลายอำนาจมนต์ดำลบล้างอำนาจคุณไสย กันผีกันคุณไสย เสนียดจัญไรต่างๆ ลมพัดลมเพได้ดีที่สุด
    3.เป็น โชคลาภ เป็นสื่อนำทรัพย์สินเงินทอง ข้าวปลาอาหารสิ่งดีๆต่างๆมาสู่ผู้บูชา คำว่าอดอยากเป็นไม่มีคือสามารถหาเงินทองมาได้ตลอดไม่ขัดสนแต่เหลือหรือไม่ เหลือเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
    4.มีความเจริญใน การทำมาหากิน เรือกสวนไร่นา รับราชการ มียศถาบรรดาศักดิ์ ค้าขายร่ำรวยทุกอาชีพหากินไม่ขัดข้องตามอาชีพ
    5.เป็น เมตตามหานิยมสำหรับผู้พบเห็นเข้าหาเจ้านายหรือ เพศตรง ข้าม
    6.ใช้รักษา โรค
    ถึงในตอนนี้ต้องขอสรุปกะลาตาศักดิ์สิทธิ์
    1.เป็นของที่ใช้หาทรัพย์ ได้คล่องตัวมากยิ่งขึ้นไป
    2.ไม่มีคำว่าอดอยากหรือขาดแคลน
    3.เป็นเมตตา มหานิยมของคนทั่วไป
    4.คงกระพันชาตรีเป็นมหาอุดหยุดกระสุนปืนได้
    5.ป้องกัน คุณไสยต่างๆได้เป็นอย่างดี
    6.ประกอบอาชีพต่างๆ หรือรับราชการมีผลดี
    7.ใช้ รักษาโรค
    8.เป็นโชคลาภ
    9.รับเหตุการณ์ล่วงหน้าได้ตามความรู้สึก


    ลักษณะของพระราหู
    บุพราจารย์ตั้งแต่โบราณกาลว่า
    1.รูป ลักษณ์พระราหู ซึ่งมีรูปหน้าอมดวงจันทร์ หรือ ดวงอาทิตย์ ที่มีลักษณะใช้มือจับดวงจันทร์หรืออาทิตย์ ที่มีลักษณะใช้มือจับดวงจันทร์หรืออาทิตย์เพื่อกลืนกินรูปลักษณ์ เช่นนี้หมายถึงว่าการใช้มือจับดวงชะตาของผู้บูชาไว้โดยไม่หนักแน่นมั่นคง เท่าไหร่นัก ดังรูป
    2.รูปลักษณ์พระราหู ที่ใช้มือทั้งสองข้างมีลักษณะที่ประคองคางหรือบีบคางด้วยใช้ปลายนิ้วขึ้น ข้างบนลักษณะอย่างนี้หมายถึงว่า การประคองดวงชะตาของผู้บูชาให้ดีขึ้น
    3.รูป ลักษณ์พระราหูที่ใช้มือทั้งสองข้าง ประคองคางหรือบีบคางโดยนิ้วมือชี้ลงล่าง ลักษณะนี้หมายถึง ว่าการประคองดวงชะตาของผู้บูชาได้น้อยกว่าแบบนิ้วขึ้น
    4.รูป ลักษณ์พระราหูที่ใช้นิ้วทั้งสองข้าง สอดเข้าหากันใต้ดวงจันทร์หรือดวงอาทิตย์ ลักษณะอุ้มดวงไว้ หมายถึง ว่าการอุ้มดวงชะตาของผู้บูชาแบบมั่นคงดีที่สุด
    แต่ทั้งนี้และทั้งนั้น ไม่ว่าแบบไหนก็สมควรบูชาเถิดจะเกิดแต่ผลดีเท่านั้น
    การวางตำแหน่งรูป สัญลักษณ์ของพระราหูมีให้พบเห็น ได้หลายรูปแบบ ซึ่งพอจะมีความหมายได้ดังนี้
    1.พระ ราหูที่มีองค์เดียว หมายถึงว่า ทั้งพระราหูสุริยันและจันทรา รวมอยู่ในองค์เดียวกัน หมายถึงเครื่องหมายแห่งความเมตตาและช่วยเหลือ
    2.พระ ราหู 2 องค์ ก็คือ องค์หนึ่งก็คือพระราหูสุริยัน หมายถึงกลางวัน และ อีกองค์ก็คือ พระราหูจันทรา หมายถึง กลางคืน
    3.พระราหู 4 องค์ หมายถึง พระราหูที่อยู่ประจำทิศทั้ง 4
    4.พระราหู 8 องค์หมายถึงพระราหูประจำทิศต่างๆ ทั้ง 8 ทิศ หรือเทวดาประจำองค์ที่ 8
    5.พระ ราหู 12 องค์ หมายถึง กำลังของพระราหู ซึ่งมีกำลัง 12
    สำหรับ รูปร่างลักษณะไม่ได้กำหนดตามตัวว่าต้องมี ลักษณะอย่างไร และกายสีผิวก็เหมือนกันไม่ได้ กำหนดกันให้ชัดเจนเท่าไหร่นัก และที่นิยมบูชาก็คือ สีทอง สีเงิน และสีดำ


    ลักษณะของกะลา กายสิทธิ์ของพระราหู
    กะลาทุกแบบที่กล่าวมาแล้วข้าง ต้นจะมีลักษณะ ไม่เหมือนกันและอานุภาพก็ไม่เหมือนกันคือ
    1.กะลา ที่มีลักษณะเป็นลูกแบนๆ ก้นสั้นๆ แป้นๆ กลมๆ ก้นเรียบ ถ้ามีลักษณะนี้เรียก กะลาตัวเมีย เหมาะสำหรับผู้ชายใช้หาทรัพย์ หรือ ใช้ทางเมตตามหานิยม กะลาชนิดนี้จะพบมากกว่า
    2.กะลาที่มี ลักษณะลูกเรียงยาวก้นแหลมมาก ถ้าเจอ ลักษณะอย่างนี้จะเรียกว่ากะลา ตัวผู้ เหมาะสำหรับผู้หญิงใช้หาทรัพย์หรือใช้เป็นเมตตามหานิยม แต่กะลาชนิดนี้ค่อนข้างหายากมาก
    3.กะลา ทุกอย่างจะมีผิวสีสองลักษณะคือจะมีสีน้ำตาลเข้มหรือดำจะพบได้มาก แต่อีกลักษณะหนึ่ง คือ จะมีสีผิวเป็น สีลักษณะออกขาว ไม่ว่าผลจะแก่สักขนาดไหนและ ผิวจะแข็งมาก บางลูกผิวจะแข็งกว่ากะลาสีดำเสียอีก กะลาชนิดนี้เรียกว่า กะลาเผือก จะหายากกว่ากะลาดำ
    แต่ทั้งนี้ และทั้งนั้นกะลาทุกอย่างไม่ว่าตัวผู้หรือตัวเมีย กะลาดำหรือกะลาเผือก ผู้ใดมีไว้บูชาชนิดหนึ่งชนิดใด ก็เหมือนกันดีทุกอย่าง แต่ถ้าให้สมบูรณ์พูลสุขจริงๆ มีครบทุกชนิด ท่านบุพราจารย์ตั้งแต่โบราณกาลกล่าวไว้ว่าสุดยอดแล้วผู้ใด ต้องการความสมบูรณ์ของตัวเองและครอบครัวพึ่งหาไว้บูชาเถิด


    ยันต์ สุริยประภา-จันทรประภา
    สิทธิ การิยะ ยันต์ทั้งสองนี้เป็นพญายันต์ ที่ประเสริฐกว่ายันต์อื่นใดในโลกยันต์ ทั้งสองประการนี้มีสำหรับไว้ใช้สำหรับลงในโลก ยันต์ทั้งสองประการนี้มีสำหรับไว้ใช้สำหรับลงในกะลาของพระราหูเท่านั้นจึงจะ ดีที่สุด พระยันต์ทั้งสองนี้เกิดจากพระฤาษี 2 องค์ ที่สำเร็จ อภิญญาสมาสมบัติ ณ เทือกเขายุคลธร พระฤาษีทั้งสองสำเร็จอภิญญา 5 ได้ตาทิพย์ สามารถรู้เห็นเหตุการณ์ ในอนาคตตกเลภายภาคหน้าว่าต่อไปข้าวจะยากหมากจะแพงบังเกิดความแห้งแล้งขาด แคลนและขัดสนผู้คนวุ่นวาย รบราฆ่าฟันกันทุกหย่อมหญ้า ผู้คนจะเดือดร้อนจึงต้องคิดทำการแก้ไข เภทภัยที่จะบังเกิดขึ้นบนแผ่นดินโลก โดยการสร้างพระยันต์สุริยประภาและจันทรประภาเอาไว้ เพราะว่าในโลกนี้ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ใดของโลกก็จะมีเฉพาะสุริยันและจันทร ประภาเอาไว้ เพราะว่าในโลกนี้ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ใดของโลกก็จะมีเฉพาะสุริยันและจันทรา เท่านั้นที่คุ้มครองดูแลให้ความสว่างสุกใสหรือมืดมิด เพราะฉะนั้นพระยันต์ทั้งสองนี้จึงเป็นยันต์ที่เหนือพญายันต์อื่นๆ ทั้งปวงบุพราจารย์โบราณกาลกล่าวไว้ว่าถ้าหากผู้ใดพบเห็นพึงถือศีล แล้วลอกพระคาถาด้วยสมาธิจิตบูรณ์พูนสุขแก่ตัวเองและครอบครัวขึ้นมาได้
    ยันต์สุริยประภาและยันต์จันทรประภา ทั้งสองยันต์นี้ ผู้คนส่วนใหญ่จะรู้จักกันในนาม สุริยันจันทรา เป็นพญายันต์ที่ประเสริฐ์กว่ายันต์อื่นใดในโลก เพราะเป็นยันต์แห่งกลางวันกลางคืนเป็นยันต์ที่ทำความร้อนความเย็นให้กับโลก มนุษย์ ถ้าบุคลผู้ใดปรารถนาสมบัติ แก้วแหวนเงินทอง โชคลาภหรือสิ่งที่ต้องการดีๆ ต่างๆทุกประการ จึงให้สร้างพระยันต์ขึ้นบูชาเถิด

    ผู้ ใดทีจะทำพระยันต์ทั้งสองนี้ให้หากะลาพระราหุทุกชนิดดังที่กล่าวข้างต้น นำมาแกะเป็นรูปพระราหูอมพระจันทร์อันหนึ่งจึงให้ลงพระยันต์ที่พระจันทร์(บท ยะถาตัง ฯลฯ)
    แล้วก็แกะพระราหูอมพระอาทิตย์ อันหนึ่ง แล้วให้ลงพระยันต์สุริยประภา (บท กุโสโต ฯลฯ)
    พระยันต์ทั้งสองนี้เป็นของ หาค่ามิได้จะหาสิ่งใดเทียบ เทียมได้ ยาก แม้นว่าสมบัติบรม
    จักพรรดิก็ดี สมบัติพระอินทร์ หรือดวงแก้วมณีโชติ ก็หาอาจเปรียบเทียบพระยันต์ทั้งสองนี้มิได้เลย
    ผู้ ใดที่หวังความเจริญในลาภยศ หรืออยากมั่งมีทรัพย์สินเงินทอง ก็ให้คิดสร้างขึ้นเถิด เมื่อจะทำพระยันต์ทั้งสองนี้ ให้แต่งเครื่องบัตรพลี ขวัญข้าว ข้าวตอก ดอกไม้ ธูปเทียน เท่ากับกำลังพระอาทิตย์ (6) และพระจันทร์ (15) ให้ตกแต่งอาสนะขึ้น 2 ที่ บูชาด้วยข้าวตอกดอกไม้ด้วยธูปเทียน บูชาสุริยัน สิ่งละ 6 บูชาจันทราสิ่งละ 15 ให้เลือกเอาวันที่มีฤกษ์ดี หรือวันที่เกิดสุริยคราส หรือจันทคราส เมื่อจะกระทำนั้นให้ ชำระตัวให้บริสุทธิ์สะอาดเสียก่อนจึงกระทำ
    เมื่อ มีพระยันต์ทั้งสองนี้ไว้บูชา เวลากลางวัน ให้บูชาพระยันต์สุริยประภา แล้วปลุกคาถา(ภุเสโต ฯลฯ) 108 เสร็จแล้วให้เอาพระยันต์ใส่ในตลับทองหรือภาชนะที่มีสีทองก็ได้บูชาพระยันต์ จัทรประภาก็เหมือนกันแต่ปลุกเสกด้วยคาถา (ยะถาตัง ฯลฯ) ในเวลากลางคืนให้ใช้ใส่ในตลับเงินหรือภาชนะที่มีสีเงินก็ได้ เอาไว้บูชาเถิดจะได้ทุกสิ่งทุกอย่างสมความปรารถนาทุกประการที่ไม่เกิน
    ถ้า หากเข้าหาเจ้านายหรือผู้หลักผู้ใหญ่ หรือขอความช่วยเหลือต่างๆ หรือท่านโกรธเราให้เอายันต์สุริประภาเจิมด้วยเครื่องหอม (น้ำมันจันทน์หรือน้ำมันหอม) เสกด้วยคาถาสุริยประภาให้ได้
    ถ้า หากบริวารข้าคนหลบหนีไปให้เขียนชื่อผู้ที่หลบหนีไปนั้นใส่กระดาษ แล้วเอายันต์จันทรประภาทับ เสกด้วยคาถาจันทรประภานั้น ผู้นั้นจะหนีไปมิทันเลย ถึงหนีไปแล้วก็ยังกลับคืนมา
    ถ้า หากสามีหรือภรรยาไม่รักใคร่เอาใจออกห่างหรือคิดหนีไป จึงให้เขียนชื่อของเขา เอายันต์จันทรประภาทับเสกด้วยคาถาจันทรประภา เขาจะบังเกิดความรักใคร่ไปมิทันเราเลย ถึงอย่าร้างกันแล้วก็กลับมาคืนดีกันแล
    ถ้า จะปลูกพืชผลต่างๆ ทุกชนิดให้งอกงาม จึงให้เอายันต์จันทรประภาตั้งทับก่อน แล้วให้สวดมนต์บทนี้อีกบทหนึ่งคือ
    “โอม เชยยะสัมปัตติ มะหาเชยยะสัมปัตติเชยยันติ โอมทุเร ทุเร สวาหะ เลิกมัตตะสวาหะ” เสก 7ที แล้วทำใจให้ดีนึกอธิษฐานเอาเถิด จะได้ผลเจริญงอกงามดี นักแล
    ถ้าหาก สงสัยว่าจะมีทรัพย์สิน เงินทองอยู่ ณ ที่แห่งใดหรือไม่ให้เอายันต์จันทรประภานั้น คว่ำไว้นั้นจะกระทำให้อาบน้ำสระหัวเสียก่อนถือศีลสมาทานศีล 5 หรือ 8 แล้วจึงค่อยกระทำเถิด
    ถ้าขาดแคลนอาหาร ให้เอายันต์ทั้งสองอย่างนี้ประกบกัน แล้วสาธยายคาถาทั้งสองบท จะมีคนทำอาหารมาให้ ถ้าคนไม่นำมาให้เทวดาย่อมนำมาให้แล ฯลฯ
    เมื่อ เดินทางไกล (สมัยก่อนเดินด้วยเท้า) ท่านให้อาบน้ำชำระตัวให้บริสุทธิ์เสียก่อน แล้วให้สมาทานศีล 5 หรือ 8 จึงเอาแป้งหอม น้ำมันหอม จุมเจิมพระยันต์ทั้งสองนั้น แล้วให้สาธยายคาถาทั้งสองบท แล้วกระทืบแผ่นดิน 108 ที จึงย่างเดินออกไป ย่างก้าวเดียวเป็นระยะทาง ฯลฯ
    ถ้าจะ กระทำกำบังตัวเพื่อมิให้ผู้อื่นเห็น ให้ชำระตัวอาบน้ำให้สะอาด สมาทานศีล แล้วจึงทำ ถ้าเป็นเวลากลางคืนให้เอายันต์ จันทรประภานั้นบังเสกด้วยคาถาจันทรประภา ถ้าเป็นเวลากลางวันให้เอายันต์สุริยประภานั้นบังเสกด้วยคาถา ผู้อื่นจะมิเห็นเราแล ฯลฯ
    ถ้าควายหรือ สัตว์ ไม่ยอมกินหญ้ากินอาหาร ท่านให้เอายันต์ทั้งสองแช่น้ำมนต์แล้วจึงเอาหญ้าหรืออาหารที่จุ่มน้ำมนต์ แล้วให้กินเข้าไป และเอาน้ำมนต์นั้นอาบรดจะหายจากอาการเหล่านี้แล ฯลฯ
    ถ้า เกิดเป็นไข้หรือเจ็บหัวมัวตา ให้เอายันต์แช่น้ำกินบ้างอาบบ้างจะหายสิ้นแล ถ้าถูกไฟลวกน้ำร้อนลวก ให้เอายันต์แช่ในน้ำปูนใส่ที่แผลจะไม่ผุพองและหายดีนักแล
    ให้เอายันต์ ทั้งสองแช่น้ำรดประตูบ้าน ประตูเรือนโจรผู้ร้ายหรือคนคิดร้ายจะเข้าหามิได้
    ให้ เอายันต์ทั้งสองแช่น้ำใช้รดของประพรหมของขายดี มิขาดทุนเลยดีนักแล
    ผู้ ใดก่อเหตุแก่เราหรือเป็นความกับเราจึงให้เขียนชื่อ ใส่ในใบพลู จึงเอายันต์ทั้งสองหนีบเข้าไว้ มันจะมาหาเรื่องหรือคิดร้ายกับเรามิได้เลย
    เมื่อ จะไปสงครามให้เอายันต์ทั้งสองสี จมเจิมด้วยเครื่องหอมแล้วแช่ลงในน้ำมันงา ปลุกเสกด้วยคาถา ทาช้าง ม้า หรือพาหนะ แล้วไปเถิดจะมีชัยชนะแก่ข้าศึกแล
    พระ ยันต์ทั้งสองนี้ ผู้ใดมีไว้นับถือบูชา จะมิรู้อดอยากหรือตกทุกข์ได้ยากเลย ให้นับถือบูชาประดุจสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเถิด
    เมื่อจะใช้พระยันต์สุริยประภานั้นให้ขอ คาถานี้นมัสการก่อน 7 ที
    “เอ กะจักขุ นาฬิเกลา สุริยะประภา ราหูคาหา สัตตะรัตนะสัมปันโน มณีโชติ
    ระโส ยะถา สุวัณณะรัตชะตะ สะมิททา อะหิงวันทามิเมสะทา”
    หรือจะท่องคาถาตอนเช้า หรือตอนกลางวันก็ได้ดีนักแล
    เมื่อจะใช้พระยันต์จันทรประภานั้นให้เอาคาถา นี้ นมัสการก่อน 7 ที
    “เอกะจักขุ นาฬิเกลา จันทรประภานั้นราหูคาหาสัตตะรัตนะสัมปันโน มณีโชติระโสยะถา สุวัณณะรัตชะตะ สมิทธา อะหังวันทามิเมสะทา”
    หรือจะท่องคาถา นี้ตอนค่ำหรือก่อนนอนก็ได้ดีนักแล

    คาถาสุริยะประภา
    “กุ เสโต มะมะ กุเสโต
    โตราโม มะมะ โตราโม
    คุยหะโม มะมะ คุยหะโม
    คุตติ โม มะมะ คุตติโม”
    คาถา นี้สำหรับลงยันต์ในสุริยะประภาและใช้เสกยันต์ สุริยะประภาและใช้เสกยันต์สุริยะประภาถ้าครบ 108 จะสมปรารถนาทุกประการแล ถ้าสวดตามปกติจะใช้วันละ 6 จบตามกำลัง

    คาถา จันทรประภา
    “ยะถาตัง มะมะ ตังถายะ
    ตังวะตัง มะมะ ตังวะตัง
    ตังเสกา มะมะ กาเสตัง
    กาติยะ มะมะ ยะติกา”
    คาถานี้สำหรับลงยันต์ในจันทรประภา และใช้เสกยันต์จันทรประภาถ้าครบ 108 จะสมปรารถนาทุกประการแล ถ้าใช้ปกติจะใช้สวดวันละ 15 จบ ตามกำลัง
    เมื่อได้รับรู้เรื่องราวที่โบราณว่าใช้กันพอสมควรก็สมควรที่จะรู้เรื่องที่ จะบูชาและปฏิบัติตนเองที่จะบูชาพระราหูหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เกี่ยวข้อง ด้วยจะเป็นมงคลกับชีวิตอย่างยิ่ง

    คำสวด อัญเชิญจิตวิญญาณของพระราหู
    “อิ ติปิโส ภะคะวา พระราหูสะเทวา
    สัมมา วิญญานะ สัมปันโน อิติปิโสภะคะวา”

    บริกรรม ภาวนา 12 จบ ตามกำลัง
    คาถาภาวนาไหว้พระราหูทั้ง สุริยันและจันทรา
    “ชิ เนมะเตกัสสะ กุมมาจาริณีชิโนรัส สะนังมุขากะชาริณี สะระสัตติเมมุกคัพภินี ระมะตะยาสาสะทะถา”

    บริกรรมภาวานา 12 จบ ตามกำลัง
    คาถาไหว้พระราหู ซึ่งประจำอยู่ทาง ทิศพายัพ
    “คุ พุท ปัน ทู ธัม วะ คะ”
    บริกรรมภาวนา 8 จบ


    คาถาบูชาดวงชะตา
    “นะโม เม สัพพะเทวานัง
    สัพพะคะระ หะจะ เทวานัง
    สุริยันจะ ปะบุญจะถะ
    สะ สิภุมโม จะเทวานัง
    วโธ ลาภัง ภะวิสสะติ
    ชีโว สุกะโธ จะมะหาลาภัง
    โสโร ราหูเกตุ จะมะหาลาภัง
    สัพพะ ภะยัง วินาสสันติ
    สัพพะ ทุกขัง วินาสสันติ
    สัพพะ โรคัง วินาสสันติ
    ลักขะ ณา อะหัง วันทามิ สัพพะทา
    สัพเพเทวา มัง ปาละยันตุ สัพพะทา”
    พระคาถา นี้ใช้บูชาพระราหูและเทวดา พระสุริยัน จันทราได้ตลอดดีนักแล
     
  2. เพชรฉลูกัน

    เพชรฉลูกัน ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    18,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    24
    ค่าพลัง:
    +23,179
    [​IMG][/url][/IMG]
    [​IMG][/url][/IMG]
    [​IMG][/url][/IMG]
    [​IMG][/url][/IMG]
    กะลาพระราหูคู่นี้เป็นของรักของผมครับเพราะมีประสบการณ์มากับตัว......เอาเข้าบ้านแฟนอยู่หลังบ้านในห้องครัวผมสวดมนต์ข้างบน สวดมนต์เสร็จลงมา แฟนถามว่า "วิ่งขึ้นลงบันไดอะไรนักหนาสามสี่รอบ ลงเท้าอย่างดัง"......ผมนี่งงเลยบอกไปว่าสวดมนต์ในห้องพระ แฟนขนลุกถามคำถามประจำเมื่อมีเหตุเเปลกๆในบ้านว่า "เอาอะไรเข้าบ้านอีกละ"......ก็คู่นี้แหละครับพี่น้อง
    ......กะลาคู่นี้เป็นของครูบาศรีอ่อง วัดบรรพตสถิต จ.ลำปาง ส่วนตัวผมเชื่อเรื่องกะลาราหูของครูบาศรีอ่องท่านมาก ว่ามีตัวตนจริงแรงจริงให้คุณจริง เพราะผู้ใหญ่ท่านที่แบ่งให้ผมมาท่านมีแบบเป็นลูกและดวงตาของราหูนั้นครูบาท่านเอาปรอทกินทองใส่เป็นดวงตา ดูเข้งขรึมมีพลังดีมาก ท่านเล่าให้ฟังว่าเมื่อได้มาแรกๆก็ใส่พานไว้บุชา เวลาไหว้พระมักจะรู้สึกว่ามีใครตัวใหญ่ๆอยู่ข้างหลังตลอด และวันหนึ่งคิดว่าปรอทกินทองที่เป็นตาของพระราหูนั้น น่าจะเอาออกมาทำเป็นหัวแหวน ให้ลูกชายกับตัวเองน่าจะดี และบอกกับตัวเองว่า กลับจากทำงานค่อยมาแกะออก.....วันนั้นช่วงบ่ายต้องไปตัดไม้ในสวน กับลูกชายตัดไม้ลงมาเอาใส่รถเพื่อจะนำไปทิ้งแกต้องเอาเชือกมัดให้แน่นหนา มัดเรียบร้อยแกกำลังจะเปิดประตูรถ ได้ยินเสียงใหญ่ๆข้างหลังว่า"เฮ้ย" แกหันไป ปรากฎว่าเชือกที่มัดขาดผึง กิ่งไม้กิ่งหนึ่งเด้งออกมาฟาดเข้าตาแกเต็มๆ ล้มทั้งยืน พอลืมตาได้ แว๊บหนึ่งเห็นเงานดำๆตัวใหญ่ยืนข้างหน้าแล้วหายไป.......แค่นั้นความคิดแรกที่โผล่ขึ้นมาก็คือ "ราหู" พอลูกชายพากลับบ้านอย่างแรกแกบอกให้ลูกชายเอาธูปมาให้และจุดธูปขอขมาเลยทันทีที่แกคิดจะแกะเอาปรอทกินทองนั้นออกมาจากตาพระราหู และท่านก็หาเก็บมาเรื่อย และเชื่อสุดกับกะลาราหูของครูบาศรีอ่อง
    ......ทำไมราหูของครูบาศรีอ่องถึงแรงและมีตัวตนจริง ก็ขอบอกว่าครูบาศรีอ่องท่านนั้นท่านทำอะไรก็ตามท่านจะทำเองหมดทุกอย่างที่สำคัญก็คือ ครูบาท่าเก่งเรื่องฤกษ์ยามเพราะท่านเป็นอาจารย์สอนวิชาเรื่องทักษาและวิชาหมอดูสายพม่ามาก่อนทุกอย่างท่านหาฤกษ์หายามเองหมดเรียกว่าปราณีตถูกต้องทุกขั้นตอนหาคนทำแบบท่านคงไม่มีแล้ว กว่าจะออกให้ได้บูชาก็แสนยากเย็นเพราะท่านค่อนข้างหวงของๆท่านเพราะกลัวคนเอาไปใช้ในทางที่ผิดเพราะท่านมั่นใจของท่านมากว่าของที่ท่านทำนั้นแรงจริง และส่วนมากจะไปอยู่กับผู้หลักผู้ใหญ่ และลูกหลานของท่านซะเป็นส่วนใหญ่ครับ จึงเป็นกะลาอีกสำนักหนึ่งที่ค่อนข้างหายาก
    .....ใครดวงตกท่านจะให้เอาราหูแช่น้ำสวดบูชาแล้วเอาน้ำนั้นอาบและดื่มกิน กลับร้ายกลายดีหมดสิ้น ลูกศิษย์ที่อยู่ใกล้ชิดท่านเคยบอกผมว่า จอมพล.....สมัยนั้นมักจะมาหาท่านเสมอและท่านก็มักจะบังสกุลให้และทำน้ำมนต์ให้อาบกินด้วยกะลานี่แหละครับ ท่านเชื่อมากครับเรื่องกะลาราหูและใช้เห้นผลมามากมาย
    .....ใครมีโอกาสพบเจออย่าพลาดนะครับ ด้วยประการทั้งปวง....เพราะของท่านแรงจริงมีตัวตนจริงขอได้จริง แต่ต้องสวดมนต์บูชาอย่าได้ขาดแล้วท่านจะรู้ถึงคุณวิเศษด้วยตัวท่านเองครับ....
     
  3. wiraphat1

    wiraphat1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    508
    ค่าพลัง:
    +3,348
    มีของดีมาแนะนำ....อีกแล้ว ได้มากี่คู่ล่ะ...:cool:
     
  4. สุภาพรกิ่งนอก

    สุภาพรกิ่งนอก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2008
    โพสต์:
    405
    ค่าพลัง:
    +1,536
    ทำอย่างไรจึงจะได้มาไว้บูชาค่ะ โปรดชี้แนะ ขอบคุณค่ะ
     
  5. เพชรฉลูกัน

    เพชรฉลูกัน ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    18,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    24
    ค่าพลัง:
    +23,179
    คริๆๆๆๆๆๆ
     
  6. สุภาพรกิ่งนอก

    สุภาพรกิ่งนอก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2008
    โพสต์:
    405
    ค่าพลัง:
    +1,536
    ที่บ้านคุณพ่อก็เก็บกะลาตาเดียวไว้หลายอันอยู่ค่ะ บอกกับลูกๆว่าเป็นของดีมีมงคล ตอนนั้นไม่รู้ค่าเลย เกือบขโมยทิ้งหลายครั้งแล้ว ตอนนี้คุณพ่อเสียชีวิตไปแล้วเมื่อปลายเดือนมีนาคม

    และเมื่อวานอ่านเจอกระทู้นี้ วันศุกร์ที่จะถึงจะไปเยี่ยมคุณแม่ เดี๋ยวจะพิจารณาดูอย่างละเอียดลักษณะกะลาตาเดียว เคยเห็นท่านเก็บไว้บริเวณโต๊ะหมู่บูชา แต่ว่าจะอาไปสลักยังไงอ่ะ
     
  7. เด็กสร้างบ้าน

    เด็กสร้างบ้าน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,195
    ค่าพลัง:
    +538
    ของดีพุทธคุณเด่น เยี่ยมครับ :cool:
     
  8. puedpunon

    puedpunon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    7,130
    ค่าพลัง:
    +16,093
    พูดถึงเรื่องราหู ผมก็บูชาเหมือนกันครับ โดยแช่ในน้ำมันเก้ากลิ่น
    น้ำมันที่แช่นี้สามารถนำมาจุลเจิมหน้าผากเพื่อความเป็นศิริมงคลได้ครับ


    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 มิถุนายน 2016
  9. เพชรฉลูกัน

    เพชรฉลูกัน ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    18,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    24
    ค่าพลัง:
    +23,179
    [​IMG][/url][/IMG]
    [​IMG][/url][/IMG]
    [​IMG][/url][/IMG]
    [​IMG][/url][/IMG]
    [​IMG][/url][/IMG]
    [​IMG][/url][/IMG]
    [​IMG][/url][/IMG]
    กะลาเผือกและกะลาดำ แกะพระราหูสองด้าน ดวงตาเป็นปรอทกินเงินและปรอทกินทอง ครุบาสรีอ่องแกะด้วยตัวท่านเองเสกด้วยตัวท่านเองตารมฤกษ์ยามโบราณทุกขั้นตอน สุดยอดหายากครับ
     
  10. atha

    atha เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    644
    ค่าพลัง:
    +2,664
    มาติดตามครับ
     
  11. เพชรฉลูกัน

    เพชรฉลูกัน ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    18,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    24
    ค่าพลัง:
    +23,179
    อานุภาพมหาศาลจริงๆครับ.....ถ้าตั้งใจบูชาจริงๆ
     

แชร์หน้านี้

Loading...