ใครเป็นพระอริยะบุุคคล

ก็ให้ผมตอบมั้ยหล่ะ? ... ถ้าตอบไปเดี๋ยวก็โดนชกตกเวทีอีกแหล่ะ

 

ไม่รู้ก็บอกว่าไม่รู้เถอะ... ไม่ต้องทำให้ดูคลุมเครือหรอก อย่าลืมสิ ทองแท้ย่อมไม่กลัวไฟ จริงมั้ย?

 

จะกลัวอะไรหละคะ คุณก็เป็นอนัตตา คนชกก็เป็นอนัตตา

 

อิอิ เน็ตช้ามาก

 

อยากรู้มากเลยค่ะ

 

ฝากถึงท่านนิวรณ์และท่านอื่นนะ ถ้าแปลความหมายในปฐมพุทธพจน์นี้ไม่ออกก็อย่าเพิ่งกล่าวหาคนอื่น มันจะเป็นการตัดบารมีทางธรรมของตนเองลงไป ไม่แน่อาจจะ "ปิดประตูพระนิพพาน" ก็เป็นได้นะเพราะเอาแต่พระธรรมสูง ๆ เอาพระนิพพาน เอาเรื่องฌานสมาบัติมาพิมพ์บอกคนนั้นคนนี้โดยที่ตนเองไม่มีอะไรนอกจากความรู้เบื้องต้นงู ๆ ปลา ๆ

ยทา หเว ปาตุภวนฺติ ธมฺมา อาตาปิโน ฌายโต พฺราหฺมณสฺส ฯ เป ฯ สูโรว โอภาสยมนฺตลิกฺขํ.
"ในกาลใดแล ธรรมทั้งหลาย ย่อม ปรากฏแก่พราหมณ์ผู้มีความเพียร เพ่งอยู่ในกาลนั้น ความสงสัยทั้งปวงเทียว ของพราหมณ์นั้นย่อมสิ้นไป เพราะมาทราบชัดซึ่งธรรมพร้อมทั้งเหตุ"
"ในกาลใดแล ธรรมทั้งหลาย ย่อมปรากฏแก่พราหมณ์ผู้มีความเพียร เพ่งอยู่ในกาลนั้น ความสงสัยทั้งปวงเทียว ของพราหมณ์นั้นย่อมสิ้นไป เพราะได้รู้แล้วซึ่งความสิ้นไปแห่งปัจจัยทั้งหลาย"
"ในกาลใดแล ธรรมทั้งหลาย ย่อมปรากฏแก่พราหมณ์ผู้มีความเพียร เพ่งอยู่ในกาลนั้น พราหมณ์นั้น ย่อมกำจัดมารและเสนามารได้เหมือนพระอาทิตย์ยังท้องฟ้าให้สว่างอยู่ ฉะนั้น"
นี้ชื่อว่า ปฐมพุทธพจน์

และอีกบทหนึ่ง คือ

ดูกรอานนท์ กิจใดอันศาสดาผู้แสวงหาประโยชน์เกื้อกูล ผู้อนุเคราะห์ อาศัยความอนุเคราะห์พึงทำแก่สาวกทั้งหลาย กิจนั้นเราทำแล้วแก่พวกเธอ ดูกรอานนท์ นั่นโคนไม้นั่นเรือนว่าง เธอทั้งหลาย
จงเพ่งฌาน อย่าประมาท อย่าได้เป็นผู้เดือดร้อนในภายหลัง นี้เป็นคำพร่ำสอนของเราแก่พวกเธอ ฯ

ขอให้ตรวจสอบวิธีการปฏิบัติของตนเองและของสำนักที่ตนเองศึกษาบ้าง เผื่อจะหูตาสว่างขึ้นมาบ้าง (ถ้าปรารถนาออกจากความมืดบอดนะ) (- -)

 

ก็ถ้าคุณแปลและเข้าใจความหมายตรงนี้ได้ ก็จะพอมองเห็นได้ ลองดูสักหน่อยก่อนสิครับเพราะมีระบุไว้ตรง ๆ เลย แต่จะเจอมั้ย???
ในลิงค์นี้ครับ สั้น ๆ หรอก
http://www.84000.org/true/299.html

 

ขออภัยนะที่ไม่ได้ตอบไปยาว ๆ รวม ๆ เพราะต้องถาม ต้องตอบกันทีละประเด็นคำถามจึงจะเข้าใจกัน หากร่ายยาวก็จะไม่ได้อะไร สังเกตในพระไตรปิฎกสิ ท่านตอบกันทีละประเด็นเท่านั้น ถ้าเข้าใจและยอมรับจึงจะผ่านไปได้ ถือว่าผมคุยแต่กับคุณนะ คนอื่นนั้นไม่เกี่ยวแต่ถ้าอยากเกี่ยวด้วยก็แล้วแต่เขา

 

ชาทมาแล้ว



เมื่อเกิดผัสสะก็จะเกิดเวทนา เมื่อเกิดเวทนา พระอริยเจ้าท่านไม่คิดปรุงแต่งก็จะไม่เกิดสังขาร จากเลข 1 ไปเลข 2 ก็เท่ากับท่านตัดสังขารตรงหลังอวิชชา
เมื่อสังขารดับ วิญญาณก็ดับ นามรูปก็ดับ

 

ฆนะ ๔ ครับ

 

ผู้ใหญ่รังแกเด็ก เด๋วไปฟ้องลูกพี่ เฮ...

 

ทำวงจรมาให้ดูอย่างดีเลยนะครับเนี่ย เด็ดเลยครับ ขอดูก่อนนะ แสดงว่าคุณเข้าใจตามวงจรนี้ใช่มั้ยครับ?
ดูตามวงจารของคุณแล้วนะครับ ถ้าคุณเข้าใจแล้วก็โอเคหล่ะผมก็ไม่รู้จะพูดตรงไหน แต่ถ้าไม่มั่นใจตรงไหนก็ว่ากันอีกได้ครับ อย่าลืมอ่านในลิงค์ 84000.org นะครับที่ยกไว้นั่นเพราะจะระบุไว้ชัดเจนอยู่ในคำว่าสังขาร (อย่าไปเหมารวมทั้ง 3 สังขาร แบบพวกตาบอดคลำช้างนะ เดี๋ยวลงทะเลไปกับเขานะ) ... แต่จากที่ผมฟังและศึกษามานั้นท่านจะไม่เอามาสรุปรวม ท่านจะอธิบายไปทีละวงนั่นเองครับและที่สำคัญบางวงนั้นก็ไม่เหมือนกันนั่นเอง อาจจะมี 1 สาย 2 สาย หรือ 3 สายก็แล้วแต่สถานะการณ์ ไม่งั้นท่านไม่มีจารึกไว้หรอกว่า "เป็นของยากอย่างยิ่งที่ปุถุชนจะรู้ได้โดยง่าย" (ก๊อปเขามานะ ไม่ใช่เป็นคำพูดผม)

 

ขอบคุณที่ยกมาให้อ่านดูนะครับ

 

ไม่เห็นมีอะไรให้สงสัยเลย สงบให้เป็นก็จบแล้ว ส่วนปัญญาก็พิจารณาไป อันไหนมันหลงโลก อันไหนมันหลงธรรม โยนิโสมนสิการ สอดส่องมองตามความเป็นจริงไป กระทำไว้ในใจโดยแยบคายด้วยดีไปเรื่อย..

 

คำว่า ฌายะ แปลว่าอะไร

เพ่งจ้อง เบ้าตาเหล่ นี่ พวกเพ่งจ้อง ปัญญาอ่อน จับไปกระเดียด

ฌายะ ไม่ใช่ เพ่งจ้อง แต่หมายถึง พินิจพิเคราะห์ ใส่ใจ ดูแล อย่างต้นสาย ปลายเหตุ

ยกตัวอย่าง คำว่า อุปปัชฌายะ แปลแบบคำโบราน ก้ผุ้เพ่งจ้อง

แต่ ในเชิงปฏิบัต หมายถึง ผู้รับดูแล เอาใจใส่ พี่เลี้ยง

คนละเรื่องกับ จ้องจนตาถลน เบ้าตาเหล่ ไม่คิด คิดไม่เปน จ้องลุกศิษย์ ถื่อๆ บื้อๆ

 

พวกใช้ปัญญาพิจารณาไปเรื่อยนี่แหล่ะ จะตอบคำถามของอชิตมาณพ ไม่ได้
สุดท้ายก็ต้องมี "วิจิกิจฉา" อย่างแน่นอนเพราะไม่รู้จักคำว่า "จบกิจพรหมจรรณ์" เป็นอย่างไร เคยได้ยินท่านกล่าวไว้อยู่ว่า "เมาปัญญาก็เท่ากับเมาอัตตา" ถ้าจำไม่ผิดนะ

 

(- -)' ทั้งเว็บนี้เห็นแต่คุณนิวรณ์ กับ คุณวรณ์นิ นะที่ทำให้บอร์ดขับเคลื่อนเนี่ย ถ้าขาดพวกคุณสองคนแล้วใครจะเฝ้าบอร์ดต่อครับเนี่ย หาผู้สืบทอดยัง?

 

สงบเป็นรึป่าวล่ะครับ ถ้าสงบเป็น อย่างอื่นไม่ใช่ปัญหา ปัญหาคือไม่สงบ หรือสงบไม่เป็นต่างหาก พระพุทธเจ้าสอนให้ไม่ประมาทคือให้รู้จักสงบ "นัตถิ สันติ ปะรัง สุขัง - สุขอื่นยิ่งกว่าความสงบไม่มี" เข้าใจไหม..

 

ดีมากๆ เลยค่ะ เก็บเอาไว้ทบทวน

 

รู้ความหมายรึป่าวหล่ะกับคำว่า "สงบที่คุณยกมาอ้างนี้" อย่าเอาคำพูดถึงสิ่งที่หมายถึงระดับโลกุตตรมาเป็นเพียงระดับโลกีย์ตามที่คุณเข้าใจสิครับ มรรคผลนิพพานจะเสื่อมสูญก็เพราะพวกใช้ปัญญาโลกีย์มาเข้าใจเอาเองนี่แหล่ะ อ่านดูดี ๆ สิ "สุขยิ่งกว่าความสงบไม่มี" ท่านหมายเอาถึงสุขในระดับสูงสุดที่ผมเคยยกมาโพสและคุณวรณ์นิ ได้อธิบายไว้โน่น