ถ้ามีสติตัวเดียวจะไปนิพพานได้มั้ยคะ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย บ้องแบ้ว, 9 พฤษภาคม 2016.

  1. บ้องแบ้ว

    บ้องแบ้ว นางฟ้าผู้น่ารัก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    3,294
    กระทู้เรื่องเด่น:
    105
    ค่าพลัง:
    +5,301
    ใคร่ขอความรู้จากท่านที่ปฏิบัติเน้นสติปัฏฐานว่า สติสามารถทำให้เราถึงพร้อมทั้งทาน ศีล และภาวนารึเปล่าคะ
     
  2. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    ก็ขึ้นกลับว่า

    เรียนคำว่า "สติ" มาจากพระ หรือไปเรียนคำว่า "สติ" มาจาก ฆราวาส ที่ภาวนาไม่เป็น

    สติ หากเรียนมาจากทาง พระ สติจะมีกิจคือ ลด ละ เลิกกิเลส

    สติ ละโลภ ก็ได้ทาน

    สติ ลดโทษะ ก็ได้เมตตาพรหมวิหารอัตโนมัติ ไม่ต้องไป
    นั่งปั้นอารมณ์สำคัญตนว่าปกปักษ์จักรวาล

    สติ เลิกโมหะ ก็มี "สันติ" ลักษณะปรากฏ เพราะไม่ถือมั่นแม้นในธรรม ในสติ
    ด้วย(สติ ทางธรรม ก็ เกิด ดับ ต่างจาก สติแบบฆราวาสสอนธรรม สติเที่ยง
    เดิน พูด ฯลฯ ได้ เพราะ เอาสติไปจับความหมายอื่น ที่ไม่ใช่ ลด ละ เลิก กิเลส )

    ดังนั้น

    สติ ธรรม หาก ภาวนาถูกต้อง จะต้องเห็นว่า " สติเกิด แล้วก็ดับ " ทันที ไม่มี
    ตั้งค้างไว้เกิน หนึ่งขณะจิต เพราะ สติ เป็นนามธรรม ในการระลึกได้ของสภาวะ
    ธรรมที่มี อกุศลมูลกิเลส(โลภะ โทษะ โมหะ)สัมปยุติ(เกิดร่วมกับ จิต ขณะนั้นๆ
    ในปัจจุบันธรรม เท่านั้น ไม่ล่วงอดีต ไม่แล่นไปวาดเอาในอนาคต)

    ถ้า กำหนดรู้ว่า จิต มี สติเกิด แล้ว หลงเห็นว่า สติ ไม่ดับ( สัมปชัญญะ ไม่เกิด )
    ถ้า กำหนดรู้ว่า จิต มี สติเกิด แล้ว เห็นว่า สติ ดับทันที( สัมปชัญญะ เกิด )

    พอกำหนดรู้ สติ เป็นธรรม เกิด แล้วก็ ดับ ทันทีได้ เราจะ อนุมานว่า "มีสติ"
    และ อย่าลืม สติ มีหน้าที่ระลึก อกุศลมูล ดังนั้น สติเกิด ทาน ศีล สมาธิ เกิดทันที
    เพราะจิตขณะนั้น ปราศจาก อกุศลมูล

    ก็เข้าทำนอง จิตปราศจากอกุศล มีวิตก วิจาร มีปิติ มีปัสสัทธิ(ความรำงับอกุศล
    ความหมดคงามดิ้นรน ) .......[ เขียนว่า มีปัสสัทธิ แทน มีสุข อุเบกขา เอกัคคตา
    เพื่อให้เห็น ความต่าง ฌาณ กับ สัมมาสมาธิ ที่เกิดจากอำนาจ วิปัสสนา(เจริญสติปัฏฐาน) ]
    จิตเป็นปฐมฌาณ แล้วแลอยู่ ......แค่นี้ มาร และ เสนามาร ก็ ทำอันตราย แก่ผู้เจริญ สติ ไม่ได้




    การเจริญสติ ได้หนึ่งครั้ง ชั่วเวลา ช้างกระดิกหู งูแล๊บลิ้น จึง มี บุญบารมี มากว่า นั่งสมาธิทำฌาณ 100ปี !! บางตำรา500ชาติ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 พฤษภาคม 2016
  3. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    เจริญ สติ เห็น สติ ก็เกิด ดับ ได้จน ชำนาญใน ชาตินี้

    หาก ไม่คุ้นเคย ต้องฝึกนาน แปลว่า นี่เป็น ชาติแรก
    ใน 100000 อสงไขย ที่ต้องเจริญ

    แต่.......


    คนที่ได้ยินเขากล่าวขานถึง สติปัฏฐาน แล้วเกิด ความสนใจ ...ใส่ใจ
    วิเคราะห์หาทางปฏิบัติ อันนี้ แปลว่า ภาวนามาหลายแสน แล้ว

    เหลือแต่เพียง ต่อยอดในเรื่อง กำหนดรู้ อริยสัจจ ก็จะ จบได้ในชาตินี้


    ทั้งนี้เพราะ คนเจริญสติปัฏฐาน4ได้ชำนาญ แต่ เวียนว่ายตายเกิดอยู่
    โอกาสไป รับเอา ข้อวัฏผิดมา บดบัง ความชำนาญ มันเกิดขึ้น หนาขึ้น
    ตลอด จึงไม่ควรประมาทว่า เจริญสติปัฏฐานได้แล้ว จะจบ !!!

    จะต้อง อาศัยฟังธรรม จาก กัลยณธรรม สัปปบุรุษ บางประการ ถึง จะ เอ๊ะ !!!!
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 พฤษภาคม 2016
  4. บ้องแบ้ว

    บ้องแบ้ว นางฟ้าผู้น่ารัก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    3,294
    กระทู้เรื่องเด่น:
    105
    ค่าพลัง:
    +5,301
    ขอบคุณค่ะที่อธิบายได้ละเอียด..
     
  5. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    โปรดฟังอีกครั้งหนึ่ง

    สติ ทางธรรม หมายเอา การระลึกได้ใน สภาวะอกุศลมูล เกิดสัมปยุติกับจิต

    สติ จึงมีเหตุให้เกิด

    การไป ระลึกลม กาย ใจ สัพพเเหระ แล้ว อ้างว่ามี สติ ....มันเป็นคนละภาษา

    จิตไม่มีอกุศลมูล สติ มันเกิดไม่ได้ เพราะ มันไม่มีเหตุให้เกิด

    ทีนี้ พอสติเกิด อกุศลจะต้องดับ ดังนั้น สติ จะต้อง ดับด้วย เพราะ เหตุของ
    การเกิดสติ ดับไป


    กริยาจิต ที่เป็น สภาวะทาน ศีล สมาธิ ญาณทัศนะ วิมุตติญาณทัสนะ จึงเป็น อาการของจิต ที่เกิดจาก สติปัฏฐานบริบูรณ์
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 พฤษภาคม 2016
  6. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    หาให้เจอ ภาวนาให้ได้

    ถ้า คุณพ่อภาวนาเก่ง แต่ ยังไม่ได้ สามัญผลใด

    ลูก!!(จขกท นั่นแหละ) คนนี้ จะต้อง หา ไปให้พ่อ ให้ได้ !!! [ ทำจิตให้ บันเทิง ในการภาวนาในธรรม ...เบื้องหลัง คือ พุทธนุสติ อย่างหนึ่ง ]

    ตั้งจิตแบบนี้ อย่าว่าแต่ มารทำอะไรไม่ได้ น้ำและไฟที่เป็นธาตุ ก็ทำอะไรไม่ได้ ด้วย
     
  7. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    ที่นี้ ถ้า พอรับฟัง อนุคาถา ข้างบนได้

    พึงทราบว่า

    อกุศลมูล ชนิดปราณีต รู้เห็นได้ยาก บัณฑิตเท่านั้น จะ แลเห็นได้

    เพราะ อกุศลมูล ปราณีต จะมี หน้าตาภายนอก เป็น " ความดี "

    เพียงแต่ว่า " ความดี " ของชาวพุทธ ( ผู้ไม่ถือมั่น )
    กับ " ความดี" ของชาวโลก (การปักใจเชื่อ )" มันมีความ
    แตกต่างกันใน สิ่งที่เขียนไว้ในวงเล็บ

    ดังนั้น

    เจ้าของกระทู้ หาก ยก " นิกันติ " ที่เกิดร่วมกับ " สิ่งคล้ายกุศล " แล้วเกิด อาการ ฝุ้ง(แล่นไปทำ แล่นไปคว้า) ก็เอา
    สภาวะ นิกันติ(ปักใจเชื่อ)+ฝุ้งอารมณ์(ธัมมุธธัจจะ) มากำหนดรู้ ไปเลย


    ปล. ถ้า ฟังโพสข้างบน ไม่เข้าใจ แล้วมาอ่าน โพสนี้ จะเข้าใจว่า ผู้บอกกล่าว
    การภาวนา กำลัง ด่าความดีของตน ......จริงๆ เปล่า กำลังบอกให้ยกเห็น
    สภาวะธรรม กิเลสปราณีต ที่มันเกิด ปะปน แทรกเข้ามา ขวางการพบเห็นนิพพาน
    ที่เฉียดไป เฉียดมา ไม่ยอม เอ๊ะ สักที เท่านั้น
     
  8. solardust

    solardust เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    250
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +1,771
    มรรคมีองค์แปด สติเป็นเพียง 1 ใน 8 ต้องมีอีก 7 ที่เหลือให้ครบด้วย ถึงจะไปนิพพานได้
    ทาน ศีล สมาธิ ก็ต้องแยกไปทำต่างหาก ถึงมีความเกี่ยวเนื่องกัน ก็ยังเป็นคนละส่วนกัน
     
  9. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    ภาวนาครับ วิปัสสนากรรมฐาน

    ทานบารมี เป็นฐานของ ศีลบารมี

    ศีลบารมี เป็นฐานของ ภาวนาบารมี

    ทาน ศีล ภาวนา ทำให้บรรลุอริยเจ้า นิพพาน ครับ จขกท.
     
  10. เงาเทวดา

    เงาเทวดา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    397
    ค่าพลัง:
    +314
    สาธุ โข ปณฺฑิโต นาม

    ชื่อว่าบัณฑิต ย่อมทำประโยชน์ให้สำเร็จได้แล

    สติหรือ คือความ ระลึกได้
    ต้องทำไว้ จึงมีให้ ได้ระลึก
    ทุกยามไป ในเวลา ที่ตรองตรึก
    ได้สำนึก ส่วนบุคคล ตนเคยทำ
    ไม่เคยทำ ไร้สติ ให้ร่ายรำ
    จะลำนำ ศีลสติ สมาธิหรือ
    ค้นปัญญา จะได้มา อย่างไรฤา
    สิ่งที่ถือ คือเลื่อนลอย ต้องคอยรอ

    แปลว่า ต้องรออายุจิตวิญญาณ ผลิดกรรมต่างๆ ที่เพียงพอต่อการบรรลุธรรม ถึงวันนั้น สติ (ความระลึกได้) จะช่วยรวบรวมเรื่องราวส่งให้จิต เพื่อการบรรลุมรรคผลจ้า...
     
  11. นิพพิชฌน์55

    นิพพิชฌน์55 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 เมษายน 2016
    โพสต์:
    185
    ค่าพลัง:
    +31
    บางท่านได้บอกไว้ว่า "ถ้าดับสติลงไม่ได้ก่อนแล้ว ก็ไม่มีทางจะพ้นจากความเป็นปุถุชน"
    ทำไมจึงกล่าวเช่นนั้น "ก็เพราะสติอยู่ในสังขารขันธ์" ... ก็สังขารเที่ยงหรือไม่เที่ยงหล่ะ? เมื่อดับลงได้โน่น จึงจะเรียกว่า "ผู้มีสติสมบูรณ์"
    ดั่งคำถามของอชิตมานพที่ทูลถามพระบรมศาสดาว่า "ปัญญา สติ และ นามรูป จะดับลง ณ ที่ใด"
     
  12. Tboon

    Tboon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,094
    ค่าพลัง:
    +3,424
    บางท่านนี่ใครบอกเหรอครับ
     
  13. ณฉัตร

    ณฉัตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2015
    โพสต์:
    633
    ค่าพลัง:
    +790
    ความเห็นส่วนตัวนะครับ

    การหลุดพ้น สติ ตัวเดียวไม่ได้อยู่แล้วครับ ยังไงๆ ต้องมาพร้อมธรรมข้ออื่นด้วย คือ มาพร้อมในหมวดโพชฌงค์ ๗

    แต่คำถาม พูดถึง สติ ในความหมายของ สติปัฏฐาน ๔ ซึ่งแม้เรียก สติปัฏฐาน เหมือนเน้น ที่ "สติ" ตัวเดียว ซึ่งในโพชฌงค์ ๗ ก็ให้สติเป็นธรรมข้อแรก แต่กรรมฐานที่เรียกว่า สติปัฏฐาน ๔ จะข้อไหน เมื่อทำแล้วมันต้องมีธรรมในหมวดโพชฌงค์ ๗ ได้
     
  14. card-gift-arunsuk

    card-gift-arunsuk Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2012
    โพสต์:
    142
    ค่าพลัง:
    +35
    ปฏิจจสมุปบาท แห่ง ปฏิสรณาการ

    อุณณาภพราหมณ์ ทูลถามว่า " ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ!
    อินทรีย์ ๕ อย่างเหล่านี้ มีวิสัยต่างกันมีโคจรต่างกัน ไม่เสวยโคจรและวิสัยของกันและกัน.
    ห้าอย่างคือจักขุนทรีย์ โสตินทรีย์ ฆานินทรีย์ ชิวหินทรีย์ กายินทรีย์.
    ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ! อะไรเป็นปฏิสรณะ (ที่แล่นไปสู่) ของอินทรีย์เหล่านั้น?
    อะไรย่อมเสวยซึ่งโคจรและวิสัยของอินทรีย์เหล่านั้น? "


    ดูก่อนพราหมณ์ ! ...ใจ เป็นปฏิสรณะของอินทรีย์เหล่านั้น;
    ใจ ย่อม เสวยซึ่งโคจรและวิสัยของอินทรีย์เหล่านั้น.

    " ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ! อะไรเป็นปฏิสรณะของใจ? "
    ดูก่อนพราหมณ์! สติแล เป็นปฏิสรณะของใจ.
    " ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ! อะไรเป็นปฏิสรณะของสติ? "
    ดูก่อนพราหมณ์! วิมุตติแล เป็นปฏิสรณะของสติ.
    " ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ! อะไรเป็นปฏิสรณะของวิมุตติ? "
    ดูก่อนพราหมณ์! นิพพานแล เป็นปฏิสรณะของวิมุตติ.
    " ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ! อะไรเป็นปฏิสรณะของนิพพาน? "

    ดูก่อนพราหมณ์! แล่นเตลิดเลยไปเสียแล้ว, ไม่อาจถือเอาที่สุดแห่งปัญหาเสียแล้ว;
    เพราะว่าพรหมจรรย์ นั้น เขาอยู่ประพฤติกัน มีนิพพานเป็นที่หยั่งลง มีนิพพานเป็นเบื้องหน้า มีนิพพานเป็นที่สุด..


    ปฏิจจสมุปบาทจากพระโอษฐ์ หน้า ๖๓๕.
    http://www.buddhadasa.org/files/pdf/B_pdf/t/t29.pdf
    (บาลี) มหาวาร. สํ. ๑๙/๒๘๘/๙๖๘-๙๗๑. : คลิกดูพระสูตร
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 พฤษภาคม 2016
  15. หมูดิน1

    หมูดิน1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2011
    โพสต์:
    544
    ค่าพลัง:
    +863
    "สีเลนะ สุคะติง ยันติ สีเลนะ โภคะสัมปะทา สิเลนะ นิพพุติง ยันติ ตัสมา สีลัง วิโสทะเย"

    พระบาลีก็บอกไว้ ตรัสโดย พระจอมไตรบรมศาสาดา

    คนรักษาศีล จะมีความสุข คนรักษาศีลจะรักษาโภทรัพย์ได้และรุ่งเรือง

    คนรักษาศีลไปนิพพานได้

    สิเลนะ นิพพุติง ยันติ (ศีลทำไห้ถึงซึ่งพระ นิพพาน)

    ไม่มีนะครับ สติเลนะ นิพพุติง ยันติ (สติทำไห้เข้าถึงซึ้งพระนิพพาน)

    ส่วนอื่นก็พิจรณาธรรมเอาเองนะครับ
     
  16. card-gift-arunsuk

    card-gift-arunsuk Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2012
    โพสต์:
    142
    ค่าพลัง:
    +35
    ภิกษุทั้งหลาย ! ประการอื่นยังมีอีก สารีบุตร
    ล่วง เนวสัญญานาสัญญายตน โดยประการทั้งปวงแล้ว
    เข้า สัญญาเวทยิตนิโรธ แล้วแลอยู่
    เพราะ เห็นด้วยปัญญา อาสวะของเธอจึงเป็นอันสิ้นไป
    เธอย่อม มีสติออกจากสมาบัตินั้น ครั้นแล้ว

    ย่อมพิจารณาเห็นธรรม ที่ล่วงแล้ว ดับไปแล้ว แปรปรวนไปแล้วว่า ด้วยประการนี้
    เป็นอัน ธรรมที่ไม่มีแก่เรา ย่อมมีมา ธรรมที่มีแล้ว ย่อมเสื่อมไป
    เธอไม่ยินดี ไม่ยินร้าย อันกิเลสไม่อาศัย ไม่พัวพัน พ้นวิเศษแล้ว พรากได้แล้วในธรรมนั้นๆ
    มีใจอันกระทำให้ปราศจากเขตแดนได้แล้วอยู่ ย่อมรู้ชัดว่า
    ยังมีธรรมเครื่องสลัดออกยิ่งขึ้นไปอยู่ และมีความเห็นต่อไปว่า ผู้ที่ทำเครื่องสลัดออกนั้นให้มากก็มีอยู่ ฯ


    ภิกษุทั้งหลาย ! ผู้ กล่าวชอบ พึงกล่าวชมภิกษุรูปใดว่า
    เป็นผู้ถึงความชำนาญ ถึงความสำเร็จ ในอริยศีล ในอริยสมาธิ ในอริยปัญญา
    ในอริยวิมุตติ ภิกษุรูปนั้น คือ สารีบุตรนั่นเอง ผู้ที่กล่าวชอบ พึงกล่าวชมว่า
    เป็นผู้ถึงความชำนาญ ถึงความสำเร็จในอริยศีล ในอริยสมาธิ ในอริยปัญญา ในอริยวิมุตติ ฯ


    (ภาษาไทย) อุปริ. ม. ๑๔/๙๔/๑๖๓-๑๖๔. : คลิกดูพระสูตร

    ****

    พิจารณาเอาเองนะคะ
    ยกพุทธพจน์มาให้อ่านเท่านั้น สำหรับผู้ที่เข้าใจว่าดับสังขารแล้วสติจะต้องดับไปด้วย
    พระสารีบุตรเข้านิโรธสมาบัติ ยังมีสติอยู่เลย มีสติเข้าหรือออกจากนิโรธตลอด
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 พฤษภาคม 2016
  17. นิพพิชฌน์55

    นิพพิชฌน์55 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 เมษายน 2016
    โพสต์:
    185
    ค่าพลัง:
    +31
    เข้าใจเช่นนั้นก็ขอให้งมต่อไป ... เอาซะว่าสมาบัติมาอ้างทั้ง ๆ ที่ไม่เคยเข้า ไม่เคยลิ้มรส แล้วจะบอกให้ชัดเจนว่าท่านมีอะไรและท่านผ่านอะไรมาบ้าง ไม่อยู่ในฐานะเลย ... นั่นเพราะท่านผ่านมาแล้ว เป็นผู้มีสติสมบูรณ์ไปแล้ว เป็นอนัตตาธาตุไปแล้ว ... จบเพียงเท่านี้แล้วพิจารณาดูสภาวะจิตใจท่านเองว่ามีอะไรเป็นหลักประกันในคำพูดตนเองได้บ้าง อย่าเพิ่งตำหนิในสิ่งที่ตนเองยังไม่เคยเป็น ขอลาบอร์ดนี้เพียงแค่นี้ดีกว่า ไร้สาระกันเกินไป ไม่มีอะไรเป็นแก่นสาร รู้อะไรนิดหน่อยก็อวดกัน ยกกัน และขอเตือนทุกท่านในที่นี้โดยเฉพาะผู้เอาพระธรรมในระดับโลกุตตรมาพูดบอกผู้อื่นโดยที่ไม่เคยเห็นในนิโรธธรรมของพระพุทธองค์จริง ๆ ก็ขอให้ไตร่ตรองให้ดี ไม่เช่นนั้นจะเป็นการตัดบารมีทางธรรมของตนเองลงไป และอาจจะปิดประตูมรรคผลนิพพานในชาตินี้และชาติต่อ ๆ ไปโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ รับรองว่าผมจะไม่มายุ่งในเว็บนี้อีกแน่นอน ...(^ ^) ... คงหาที่สงบดั่งที่คุณ นิวรณ์ แนะนำซะแล้ว ยังไงก็อย่าใส่ร้ายกันนะ ปล่อยผมไปดีเถอะ เพราะผมไม่ค่อยนินทาใครลับหลับ หวังว่าคนอื่นก็คงเป็นเช่นกัน บาย ๆ ๆ จากไปด้วยความไม่อาลัยใด ๆ ทั้งสิ้น
     
  18. card-gift-arunsuk

    card-gift-arunsuk Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2012
    โพสต์:
    142
    ค่าพลัง:
    +35
    คนที่เข้าถึงแล้ว รู้แล้ว ย่อมมีเมตตาชี้แนะบอกสอน อธิบายให้คนที่เขายังไม่เข้าใจได้เข้าใจสิ
    พูดแค่นั้น แต่ละคนย่อมเข้าใจแตกต่างกันไปตามความรู้ที่ตนได้รับมา

    :cool: แค่นี้ก็...ด้วย 555+
     
  19. card-gift-arunsuk

    card-gift-arunsuk Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2012
    โพสต์:
    142
    ค่าพลัง:
    +35
    มาม๊ะ เอาคลิปมาให้ฟังหน่อยสิ :cool:
     
  20. naroksong

    naroksong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    412
    ค่าพลัง:
    +1,135
    โพชฌงค์(ธรรมเครื่องตรัสรู้) ๗ คือ
    ๑. สติสัมโพชฌงค์
    ๒. ธัมมวิจยสัมโพชฌงค์
    ๓. วิริยสัมโพชฌงค์
    ๔. ปีติสัมโพชฌงค์
    ๕. ปัสสัทธิสัมโพชฌงค์
    ๖. สมาธิสัมโพชฌงค์
    ๗. อุเบกขาสัมโพชฌงค์

    ในโพชฌงค์ ๗ นั้น สติสัมโพชฌงค์ เป็นไฉน

    ภิกษุในศาสนานี้ เป็นผู้มีสติ ประกอบด้วยสติและปัญญาอันยิ่ง ระลึกได้
    ระลึกได้ย่อยๆ ซึ่งกิจที่ทำไว้นานๆ หรือวาจาที่กล่าวไว้นานๆ นี้เรียกว่า
    สติสัมโพชฌงค์

    ภิกษุนั้น มีสติอย่างนั้นอยู่ วิจัย เลือกสรร พิจารณา ซึ่งธรรมนั้น
    ด้วยปัญญา นี้เรียกว่า ธัมมวิจยสัมโพชฌงค์

    ความเพียร ความไม่ย่อหย่อน อันภิกษุนั้นผู้วิจัย เลือกสรร พิจารณา
    ซึ่งธรรมนั้น ด้วยปัญญา ปรารภแล้ว นี้เรียกว่า วิริยสัมโพชฌงค์

    ปีติ อันปราศจากอามิส เกิดขึ้นแก่พระภิกษุ
    ผู้มีความเพียรอันปรารภแล้ว นี้เรียกว่า ปีติสัมโพชฌงค์

    กายก็ดี จิตก็ดี ของภิกษุผู้มีใจปีติ
    ย่อมสงบระงับ นี้เรียกว่า ปัสสัทธิสัมโพชฌงค์

    จิตของภิกษุผู้มีกายสงบระงับแล้ว
    มีความสุขสบาย ย่อมตั้งมั่น นี้เรียกว่า สมาธิสัมโพชฌงค์

    ภิกษุนั้น เป็นผู้เพ่งอยู่ด้วยดี
    ซึ่งจิตที่ตั้งมั่นอย่างนั้น นี้เรียกว่าอุเบกขาสัมโพชฌงค์


    http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/sutta_item.php?item=545&book=35&bookZ=&pagebreak=0&mode=[]
     

แชร์หน้านี้

Loading...