เล่าประสบการณ์ตรง และเทคนิควิธีการฝึกกสิณแสงสว่าง (จนถึงฌานสี่)

ในห้อง 'ประสบการณ์อภิญญา' ตั้งกระทู้โดย ณฐมณฑ์, 12 ตุลาคม 2004.

  1. ณฐมณฑ์

    ณฐมณฑ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2004
    โพสต์:
    237
    ค่าพลัง:
    +1,881
    วิสัยแห่งทิพจักขุญาณของนักปฏิบัติ

    การรู้รอบ รู้ชัด รู้จริงเสมอนั้นมีเพียงพุทธวิสัยเท่านั้นนะคะ
    กล่าวคือในแต่ละสมัย จะมีพระพุทธเจ้าเพียงพระองค์เดียวที่จะมีความแจ่มชัดและเที่ยงตรงในญาณเสมออย่างไม่ผิดพลาด และไม่มีสิ่งใดเลยที่พระองค์ไม่ทรงทราบ

    ดังนั้น นักปฏิบัติไม่ควรคาดหวังว่าจะทราบทุกอย่างจากทิพจักขุญาณ
    คาดหวังแต่การฝึกให้อุปาทานน้อยที่สุด และฝึกให้แจ่มชัดมากขึ้นตามวาสนาก็พอแล้วค่ะ
    นั่นคือ การจะทราบด้วยญาณนั้น ในหลายๆ ครั้ง ต้องกำหนดจิตจึงจะทราบ
    บางครั้งไม่ได้กำหนดจิตก็จะทราบเอง และบางครั้งกำหนดจิตก็จะไม่ทราบ
    ปรากฏการณ์เช่นนี้เป็นธรรมดานะคะ

    การป้องกันอุปาทาน

    เท่าที่ดิฉันนึกวิธีป้องกันออกในตอนนี้ มีดังนี้ค่ะ

    1.รักษาศีลตามฐานะ

    2.ไม่คิดใช้ญาณไปเบียดเบียนใคร

    3.ให้สังเกตุว่าการรู้ด้วยญาณจะรู้ด้วยการผุดรู้หรือเห็นที่ใจ จะไม่ใช่การคิด
    ดังนั้น อย่าคิดนำนะคะ จะเป็นการรู้ทำนองอารมณ์รู้สึก ไม่ใช่อารมณ์คิดค่ะ
    ถ้าคิดก็จะเป็นอุปาทาน

    4.นำสิ่งที่รู้จากญาณมาอบรมขัดเกลาตนเองเป็นหลัก
    คือฝึกดูให้เกิดข้อธรรม ไม่ควรดูเพื่อสนองกิเลสตน

    5.พยายามอย่ารับพยากรณ์ใคร เพราะความวุ่นวายจะตามมาทั้งขึ้นทั้งล่อง
    และเมื่อใจคอไม่สงบก็จะมีนิวรณ์มาก และจะเกิดอุปาทานได้ง่ายขึ้นค่ะ
     
  2. ณฐมณฑ์

    ณฐมณฑ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2004
    โพสต์:
    237
    ค่าพลัง:
    +1,881
    วิธีเพิ่มความคล่องในการเข้ากสิณ

    จากประสบการณ์ที่เคยเข้าฌานสี่ของกสิณแสงสว่างได้เร็วไม่เกินหนึ่งวินาทีราว 10 ครั้งติดกันในวันหนึ่ง
    (แต่ดิฉันยังทำนวสีแบบนั้นไม่ได้ทุกวัน ครั้งนั้นยังเป็นเพียงนวสีขาจรค่ะ)
    สังเกตุได้ว่าเกิดจากเหตุดังต่อไปนี้

    1.ฝึกบ่อยๆ
    ว่างนิดว่างหน่อยเป็นฝึกนะคะ อย่าปล่อยเวลาให้ผ่านเลยไปเปล่าๆ
    แต่อย่าทำจนเครียดนะคะ รักษาใจตนให้สบายเป็นหลัก
    นั่นจะเป็นทางสายกลางของท่านค่ะ
    เพราะทางสายกลางของแต่ละบุคคลไม่เท่ากัน

    2.แช่กสิณ
    กล่าวคือ ทรงฌานสี่ในกสิณกองใดกองหนึ่งแช่ไว้นานๆ
    เมื่อฌานผ่อนระดับลงไปขณะทรง ก็ให้ทรงอารมณ์อุเบกขาโดยมองดวงกสิณไว้
    เช่นนี้ก็จะแช่ฌานสี่ได้นานขึ้นค่ะ

    3.ค่อยๆ เพิ่มระดับเสียงในสถานที่ฝึก
    นั่นคือ เมื่อฝึกในสถานที่เงียบๆ คล่องตัวดีแล้ว
    ลองขยับไปฝึกในที่มีเสียงบ้าง
    โดยเลือกที่มีเสียงระดับอ่อนก่อนนะคะ เช่น เสียงจากวิทยุ หรือทีวี เป็นต้น
    และเมื่อฝึกในระดับเสียงสภาพแวดล้อมอ่อนๆ ผ่านไปแล้ว
    ก็ขยับไปฝึกในที่เสียงดังกว่านั้น หรือสภาพแวดล้อมที่วุ่นกว่านั้นก็ได้ค่ะ
    ทั้งนี้ ก็เพื่อเพิ่มความต้านทานต่ออุปสรรคให้ตนในการเข้ากสิณ
    ทำให้ชำนาญมากขึ้นค่ะ

    4.รักษาพื้นใจให้ผ่องแผ้ว
    รักษาได้จากการรักษาพรหมวิหารบ้าง ทำบุญบ้าง อ่านหนังสือธรรม สนทนาธรรมอย่างสงบบ้าง
    สิ่งเหล่านี้เป็นคุณ ทำให้ฝึกจิตได้ดีมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัดทั้งสิ้นค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 กรกฎาคม 2005
  3. ปาริสัชชา

    ปาริสัชชา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2004
    โพสต์:
    255
    ค่าพลัง:
    +2,693
    สำหรับนักปฎิบัติใหม่ที่ยังไม่ชำนาญ

    พยายามหลีกเลี่ยงจากบรรยากาศอันรบกวนความสงบใจ เช่น
    -การอยู่ในสถานที่ที่มีเสียงรบกวนมากๆ
    -การไปในสถานที่ อโคจรต่างๆ
    -การเข้าไปคลุกคลีอยู่กับคนหมู่มาก
    -การเข้าไปอยู่ในกลุ่มคนหรือสังคมที่ไม่ปฎิบัติธรรมหรือมีมิจฉาทิฎฐิ
    -การสนทนาในเรื่องที่ไม่เป็นประโยชน์ไร้สาระแก่นสาร
    -การดูการแสดงที่ยั่วยุต่อการเกิดอารมภ์นิวรณ์
    -การดูทีวี
    ฯลฯ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 กรกฎาคม 2005
  4. ปาริสัชชา

    ปาริสัชชา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2004
    โพสต์:
    255
    ค่าพลัง:
    +2,693
    การสมาทานพระกรรมฐานฉบับวัดท่าซุง



    คำบูชาพระรัตนตรัย

    โย โส ภะคะวา อะระหัง สัมมาสัมพุทธโธ สวากขาโต เยนะ ภะคะวะตา ธัมโม
    สุปะฏิปันโน ยัสสะ ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ ตัมมะยัง ภะคะวันตัง สะธัมมัง สะสังฆัง
    อิเมหิ สักกาเรหิ ยะถาระหัง อาโรปิเตหิ อะภิปูชะยามะ
    สาธุ โน ภันเต ภะคะวา สุจิระปะรินิพพุโตปิ ปัจฉิมาชะนะตานุกัมปะมานะสา
    อิเม สักกาเร ทุคคะตะปัณณาการะภูเต ปฏิคคัณหาตุ อัมหากัง ทีฆะรัตตัง หิตายะ สุขายะ

    อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ ภะคะวา พุทธัง ภะคะวันตัง อภิวาเทมิ ( กราบ )
    สวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม ธัมมัง นะมัสสามิ ( กราบ )
    สุปฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ สังฆัง นะมามิ ( กราบ )



    คำขอขมาต่อพระรัตนตรัย

    สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะ เม ภันเต อุกาสะ ทวารัตตะเยนะ กะตัง
    สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะ เม ภัณเต อุกาสะ ขะมามิ ภันเต

    ( ขอให้ตั้งจิตตามนี้ว่า )

    ถ้าข้าพพระพุทธเจ้า ได้เคยประมาทพลาดพลั้งต่อพระรัตนตรัย อันมีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ดี
    พระปัจเจกพุทธเจ้าก็ดี พระธรรม พระอริยสงฆ์ทั้งหลาย และครูบาอาจารย์ทั้งหลาย ทั้งด้วยเจตนาก็ดี
    ไม่เจตนาก็ดี หรือทำไปด้วยการรู้เท่าไม่ถึงกาลก็ดี จะด้วยกายก็ดี วาจาก็ดี หรือใจก็ดี
    ทั้งในอดีตก็ดี หรือในชาติปัจจุบันนี้ก็ดี

    ขอองค์สมเด็จพระชินสีย์บรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าพึงได้โปรดอดโทษให้แก่ข้าพพระพุทธเจ้า
    นับตั้งแต่บัดนี้ไปจนกว่าจะเข้าพระนิพพานด้วยเถิด



    คำสมาทานพระกรรมฐาน

    นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ ( ว่า 3 จบ )

    อิมาหัง ภะคะวา อัตตะภาวัง ตุมหากัง ปะริจัจชามิ

    ข้าแต่สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าผู้เจริญ ข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลาย
    ขอมอบกาย ถวายชีวิต แด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
    ข้าพพระพุทธเจ้าทั้งหลาย ขออาราธนาบารมี พระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์
    พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ พระธรรม และพระอริยสงฆ์ทั้งหลาย
    เทพพรหมทั้งหลาย และครูบาอาจารย์ทั้งหลาย สืบๆ กันมา อันมีหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค
    และพระหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง เป็นที่สุด

    ขอได้โปรดยกจิตของข้าพเจ้า ขึ้นสู่ภาวะพระกรรมฐาน ทั้ง 40 ทัศ พระปิติทั้ง 5 และวิปัสสนาญาณทั้ง 9
    ขอพระกรรมฐาน ทั้ง 40 ทัศ พระปิติทั้ง 5 และวิปัสสนาญาณทั้ง 9 จงมาบังเกิดปรากฏ
    ในกายทวาร ในวจีทวาร ในมโนทวาร ของข้าพระพุทธเจ้า ณ กาลบัดเดี๋ยวนี้เถิด

    ขอได้โปรดยกจิตของข้าพเจ้า ขึ้นสู่ภาวะแห่งเมฆจิต สามารถกำหนดจิตรู้ภาวะการณ์ต่างๆ
    ทั้ง เหตุ ผล อดีต อนาคต และปัจจุบันได้ทุกขณะจิตที่ปรารถนาจะรู้ เมื่อรู้แล้ว ขอให้เห็นภาพนั้น
    ได้ชัดเจนแจ่มใส และพยากรณ์ได้ตามความเป็นจริงทุกประการ เหตุใดที่จะพึงบังเกิดแก่ข้าพเจ้า
    ขอให้ข้าพเจ้าได้รู้เหตุนั้น ได้โดยมิต้องกำหนดจิต แม้แต่ประการใด ณ กาลบัดเดี๋ยวนี้เถิด

    ( คัดตามแบบดั่งเดิมของวัดท่าซุง )
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 กรกฎาคม 2005
  5. ปาริสัชชา

    ปาริสัชชา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2004
    โพสต์:
    255
    ค่าพลัง:
    +2,693
    การอุทิศส่วนกุศลหลังจากเจริญพระกรรมฐาน



    อิทัง ปุญญะ ผะลัง ผลบุญใด ที่ข้าพเจ้าได้บำเพ็ญแล้ว ณ โอกาสนี้ ข้าพเจ้าขออุทิศส่วนกุศลนี้
    ให้แก่ท่านเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย ที่เคยล่วงเกินมาแล้ว แต่ชาติก่อนก็ดี ชาตินี้ก็ดี
    ขอท่านเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย จงโมทนา ส่วนกุศลนี้ ขอจงอโหสิกรรม ให้แก่ข้าพเจ้า ตั้งแต่วันนี้
    ตราบท้าว เข้าสู่พระนิพพาน

    และข้าพเจ้า ขออุทิศส่วนกุศลนี้ ให้แก่เทพพรหมทั้งหลายที่ปกปักษ์รักษาข้าพเจ้า
    และเทพพรหมทั้งหลายทั่วสากลพิภพ และท่านพระยายมราช
    ขอเทพพรหมทั้งหลาย และท่านพยายมราช จงโมทนาส่วนกุศลนี้ และขอจงเป็นสักขีพยาน
    ในการบำเพ็ญกุศล ของข้าพเจ้าในครั้งนี้ด้วยเถิด

    และข้าพเจ้าของอุทิศส่วนกุศลนี้ ให้แก่ท่านทั้งหลาย ที่ล่วงลับไปแล้ว ทั้งที่เสวยความสุขอยู่ก็ดี
    เสวยความทุกข์อยู่ก็ดี เป็นญาติก็ดี มิใช่ญาติก็ดี ขอท่านทั้งหลาย จงโมทนาส่วนกุศลนี้
    พึงได้รับประโยชน์ และความสุข เช่นเดียวกับข้าพเจ้า จะพึงได้รับ ณ กาลบัดนี้เถิด

    ผลบุญใดที่ข้าพเจ้าได้บำเพ็ญมาแล้ว ณ โอกาสนี้ ขอผลบุญนี้ จงเป็นปัจจัย ให้ข้าพเจ้า ได้เข้าถึงซึ่งพระนิพพาน
    ในชาติปัจจุบันนี้ด้วยเถิด

    อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ ภะคะวา พุทธัง ภะคะวันตัง อภิวาเทมิ ( กราบ )
    สวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม ธัมมัง นะมัสสามิ ( กราบ )
    สุปฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ สังฆัง นะมามิ ( กราบ )


    ( คัดลอกจากฉบับดั่งเดิมของวัดท่าซุง )
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 กรกฎาคม 2005
  6. ณฐมณฑ์

    ณฐมณฑ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2004
    โพสต์:
    237
    ค่าพลัง:
    +1,881
    อนาคตังสญาณ; ดิฉันเห็นด้วยญาณถึงวันสิ้นลมของตน

    นิมิตรอีกอย่างหนึ่งที่นักปฏิบัติพึงฝึกใช้ญาณ
    ก็คือการไปดูความตายของตนเอง
    ไปดูทั้งความตายที่ผ่านมาในอดีตชาติ
    และทั้งในอนาคตที่จะถึงของชาตินี้นะคะ

    สำหรับอดีตชาตินั้น
    ควรดูทั้งความตายในชาติที่เราเกิดเป็นคน และเกิดเป็นสัตว์
    จะเห็นได้ว่าเราตายมาครบแล้วทุกรูปแบบ
    คนหรือสัตว์ก็ตาม เราหรือใครๆ ล้วนมีความตายเป็นธรรมดา

    แม้ว่า ตามปรกติเราจะทราบอย่างนี้อยู่แล้วก็ตาม
    แต่การไปดูตนเองตายในภพต่างๆ
    จะรู้สึกถึงความเป็นธรรมดาในความตายอย่างประจักษ์ด้วยใจ
    มากกว่าการทราบด้วยสมองอย่างที่ผ่านมาค่ะ
    เพราะการประจักษ์แก่ใจจะช่วยให้คลายความยึดเหนี่ยวในกายได้เร็วขึ้น

    สำหรับความตายในชาตินี้ที่ดิฉันเห็นนั้น (อนาคตังสญาณ)
    ดิฉันเห็นหญิงวัยค่อนข้างชรา อายุราว 60-70 กว่าปี
    รู้สึกว่าวัยจริงน่าจะราวเจ็ดสิบ
    แต่ใบหน้ายังไม่เหี่ยวย่น
    สวมชุดขาว
    ไม่ทราบว่าโกนศีรษะหรือเปล่าเพราะไม่ทันมองไปที่ผมค่ะ
    หญิงผู้นั้นเป็นร่างที่ไร้ลมหายใจแล้ว
    นอนอยู่เสมือนนอนหลับ

    มีลูกศิษย์หญิงในชุดขาวบางคนอยู่บริเวณนั้น
    พวกเขาช่วยกันตระเตรียมงานศพ
    ศิษย์คนหนึ่งจับมือขวาดิฉันให้วางพาดบนขอบที่นอนเพื่อการรดน้ำศพ

    ดิฉันเห็นใบหน้านั้นคือใบหน้าตนเองที่สูงวัยกว่าปัจจุบันมาก
    เห็นร่างที่ท้วมขึ้นบ้าง
    (ปัจจุบัน ดิฉันร่างบาง)
    นั่นคือ กฎอนิจจัง...

    ดิฉันเห็นความไม่เที่ยงที่เกิดขึ้นในตนค่ะ
    เห็นถึงร่างกาย และใบหน้าที่ดิฉันดูแลอยู่ทุกวัน
    ว่า...เป็นธาตุที่ไม่ใช่ตัวตนของเรา
    เราเพียงอาศัยธาตุนี้มาบำเพ็ญในภพนี้

    ขณะนั้นพิจารณาได้ความรู้สึกอย่างนั้น...
    แล้วใจก็เบาขึ้นค่ะ

    การพิจารณาไตรลักษณ์และพิจารณาสิ่งต่างๆ ในทำนองนี้
    ควรทำเป็นประจำให้สม่ำเสมอนะคะ
    เพราะทำครั้งเดียวใจก็เบาขึ้นบ้าง
    แต่ก็ยังไม่อาจจะบรรลุธรรมได้ในคราวเดียว
    หากแต่ต้องทำวิปัสสนาซ้ำๆ เสมือนเกลาสนิมใจไปทีละน้อยๆ ค่ะ

    หมายเหตุ
    ช่วงสิ้นอายุขัยดิฉันมี 2 ช่วงค่ะ
    อาจจะอีกไม่กี่ปีข้างหน้าก็ได้
    แต่ถ้าผ่านไปได้ ก็จะเป็นช่วงที่เล่าให้ฟังนั้นค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 กรกฎาคม 2005
  7. คุณอาร์ต

    คุณอาร์ต สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    4
    ค่าพลัง:
    +7
    ....ขอโมทนาด้วย และเอาใจช่วยให้นำสิ่งที่ดีงามมาเผยแผ่ต่อไปนะครับ....


    ....อ่านแล้ว ทำให้มีกำลังใจในการปฎิบัติ และไม่ทิ้งธรรมะมากขึ้นเยอะเลยครับ.....


    -------------------------------------------------------------------------------------------------------
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 กรกฎาคม 2005
  8. ณฐมณฑ์

    ณฐมณฑ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2004
    โพสต์:
    237
    ค่าพลัง:
    +1,881
    สาธุค่ะ....
     
  9. UFO99

    UFO99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2005
    โพสต์:
    294
    ค่าพลัง:
    +983
    ขอให้ญาณ และ ฌาณ เกิดขึ้นกับทุกๆคนบ่อยๆ น๊ะครับ ถ้าทำแล้วธรรมมะเกิดตามด้วยยิ่งดีเลยครับ สาธุ อนุโมทนากับคุณณฐมณฑ์ด้วยครับ
     
  10. ณฐมณฑ์

    ณฐมณฑ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2004
    โพสต์:
    237
    ค่าพลัง:
    +1,881
    ใช่ค่ะคุณยูเอฟโอ การปฏิบัติฌานนั้นเป็นเครื่องมือที่ดี
    เพราะฌานทำให้เกิดสติอย่างยิ่ง ณ ขณะนั้น
    ผู้ปฏิบัติจะสามารถน้อมสติอันตั้งมั่นนั้น
    ไปพิจารณาธรรมให้เกิดปัญญาได้ไม่ยากค่ะ
     
  11. ผู้เดินทาง

    ผู้เดินทาง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    203
    ค่าพลัง:
    +407
    กระทู้นี้มีประโยชน์ต่อผู้ปฏิบัติดีจริงๆครับ
     
  12. ณฐมณฑ์

    ณฐมณฑ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2004
    โพสต์:
    237
    ค่าพลัง:
    +1,881
    จบกระทู้

    เรียนท่านผู้อ่านค่ะ
    ดิฉันได้พยายามเขียนบทความทุกบทอย่างตั้งใจ
    ต้องการให้เป็นที่เข้าใจง่าย
    และต้องการให้ท่านที่สนใจลงมือปฏิบัติได้จริง

    ก่อนจะจบกระทู้นี้อย่างบริบูรณ์
    ดิฉันขอย้ำอีกครั้งหนึ่งนะคะในเรื่องศีล

    หลายท่านทราบดีว่า...
    ศีลเป็นฐานของสมาธิ
    สมาธิเป็นฐานของปัญญา

    ผู้มีศีลสมบูรณ์เท่านั้น จึงจะเป็นผู้มีสมาธิทรงตัว

    ดิฉันเข้าใจว่าศีลทำให้สมาธิที่ฝึกนั้นทรงตัวได้
    เนื่องจาก...
    1.การมีศีลทำให้ไม่มีความหวาดระแวง
    เพราะไม่มีศัตรู
    2.การมีศีลทำให้มีนิวรณ์น้อย
    3.การมีศีลทำให้มีความมั่นคงทางอารมณ์
    4.การมีศีลทำให้รู้สึกนับถือตนเอง

    กระทู้นี้ยาวนานข้ามปีทีเดียว
    ดิฉันขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านและร่วมโมทนากันเสมอๆ
    ขอขอบคุณหลายๆ ท่านที่เข้ามาช่วยกันให้ธรรมทาน
    และขอขอบคุณคุณปาริสัชชาอย่างยิ่ง
    ที่กรุณาสละเวลางานที่ต้องทำแข่งกับเวลา
    อีกสละเวลาที่จะขึ้นเขาไปปฏิบัติธรรม
    เพื่อมาช่วยตอบ ช่วยเขียนกระทู้นี้ตามคำชวนของดิฉันในปลายปีก่อน
    ดิฉันขอจบกระทู้นี้แต่เพียงเท่านี้นะคะ

    ขอให้ท่านนักปฏิบัติมีความเพียรที่จะฝึกอย่างต่อเนื่อง
    ช่วยเหลือตนเองมากๆ
    สร้างกำลังใจที่ดีแก่ตนด้วยการคบแต่กัลยาณมิตร
    ชักจูงกันไปในทางสูงนะคะ
    (หากไม่มีกัลยาณมิตรให้คบ
    คบหนังสือดีๆ จะดีกว่านะคะ
    อย่างน้อยๆ หนังสือดีๆ ก็ไม่ชวนเราเข้ารกเข้าพง)

    ทำเหตุคือการปฏิบัติธรรมให้เกิด
    ผลของการปฏิบัติย่อมเกิดเป็นธรรมดา

    ดิฉันขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัย
    ช่วยดลบันดาลให้มิตรธรรมทุกท่านที่ติดตามอ่านกระทู้นี้มา
    เป็นผู้มีสัมมาทิฐิ ปฏิบัติธรรมได้คล่อง ได้ง่าย
    ฝึกฝนได้ตรงทางตามคำสอนของพระพุทธองค์
    สมหวังในกุศลจิตทุกประการเทอญ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 กรกฎาคม 2005
  13. อำนาจ

    อำนาจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2004
    โพสต์:
    579
    ค่าพลัง:
    +11,487
    นางฟ้าทำได้ยอดเยี่ยมมากครับ ขอกราบขอบพระคุณ ขอโมทนาบุญกับธรรมทานของนางฟ้าด้วยครับ สาธุ สาธุ สาธุ [b-wai] [b-wai] [b-wai]

    สำหรับกัลยาณมิตรทุกท่านนะครับ "ปัญญาจะเกิดขึ้นจริงคือจริงที่ตัวเรา จริงที่ผลของการปฎิบัติของเราเองเท่านั้น การพูด การสนทนาธรรม การอ่านหนังสือธรรมะมากๆ ยังไม่ใช่ของจริง เป็นแค่แนวทาง เป็นแค่หนทางของการปฎิบัติเท่านั้น ของจริงอยู่ที่ผล ซึ่งไม่สามารถจะทำแทนกันได้ โมทนากันไม่ได้ของใครก็ของมัน หรือกรรมใคร กรรมมันทั้งสิ้น"
     
  14. ศนิสุดา

    ศนิสุดา สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    8
    ค่าพลัง:
    +22
    รบกวนด้วยค่ะ

    อ่านแล้วก็รู้สึกดีค่ะ..แต่ดิฉันไม่ทราบว่าจะมีบุญมาทางนี้หรือเปล่าค่ะ...เพราะเวลาที่ได้เจอปาฏิหารย์ดิฉันไม่รู้สึกขนลุกซู่ๆค่ะ..รู้สึกธรรมดามากค่ะมากเกินไป..คิดว่าเป็นเรื่องธรรมดาที่เกิดขึ้นได้กับทุกคนค่ะ...กลับไปให้ความสำคัญกับทางโลกมากเลยค่ะ...ไม่ทราบว่าจะอยู่จุดไหนดีค่ะ....ช่วยหน่อยเถอะค่ะ
     
  15. ปาริสัชชา

    ปาริสัชชา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2004
    โพสต์:
    255
    ค่าพลัง:
    +2,693
    อีกหัวข้อข้างล่างครับ
     
  16. ปาริสัชชา

    ปาริสัชชา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2004
    โพสต์:
    255
    ค่าพลัง:
    +2,693


    ***ความในใจของผม*** //*(แก้ไข)*//

    คุณณฐมณฑ์ครับ ในสองหัวข้อท้ายสุดของคุณที่เขียนไว้นี้
    ยังความปิติใจ รวมทั้งความสะเทือนใจบังเกิดขึ้นกับผมเป็นอย่างยิ่ง
    โดยเฉพาะเรื่องของอายุขัยของคุณที่คุณกล่าวถึง
    ซึ่งผมจำได้ว่า ผมไม่เคยบอกคุณถึงเรื่องอายุขัยอันใกล้ของคุณเลย
    ผมเก็บเอาไว้ในใจเท่านั้น และพยายามบอกกับคุณเป็นนัยๆว่า
    ขอให้คุณรักษาสุขภาพมากๆ รักษาใจตนไว้ก่อนเป็นหลัก
    แต่คุณก็มีความพยายามที่จะเข้ามาทำหน้าที่เป็นผู้ให้อย่างจริงใจ
    ถึงแม้ว่ากายของคุณยังไม่ค่อยแข็งแรงก็ตาม

    คุณเป็นกัลยาณมิตรที่ดียิ่งสำหรับผมและทุกๆคนในที่นี้
    ผมยินดียิ่งที่มีโอกาสได้เกิดร่วมภพร่วมชาติกับคุณ
    และยิ่งตระหนักแน่นถึงความดีงามของพระพุทธศาสนา
    ที่คุณเป็นตัวแทนนำเสนอและถ่ายทอดออกมาจากภาษาใจผ่านทางตัวอักษร
    ผมเชื่อว่าหลายๆท่านในที่นี้คงจะได้ตระหนักแน่นในความดี
    และพากเพียรพยายามในการทำความดีนี้เพื่อให้ถึงที่สุดเช่นกันนะครับ

    คุณไม่เคยกล่าวร้ายใคร จิตใจคุณผ่องแผ้วและงดงาม
    วาจาทุกคำของคุณล้วนราบรื่นและสร้างสรรค์
    คุณเป็นผู้ที่ผมชื่นชมและนับถือยิ่งทั้งๆที่คุณเป็นผู้หญิง
    ผมคงไม่ได้เยินยอคุณเกินเลยไปจนทำให้เป็นที่น่าหมั่นไส้
    เพราะผมพูดออกมาจากความรู้สึกจริงๆของผม
    และไม่ว่าผมจะอยู่ในฐานะใดก็ตาม ผมยังคงนับถือคุณเสมอ
    และผมก็ยินดีและเต็มใจเป็นอย่างยิ่งที่จะช่วยคุณในทุกๆโอกาส
    ตราบเท่าที่แรงของผมยังมี

    ผมคงต้องขออำลาจากเว็บนี้ไปพร้อมๆกับความปิติใจของผม
    ที่มีโอกาสได้มาร่วมสร้างประโยชน์กับคุณในครั้งนี้

    และผมขอถือโอกาสอำลามิตรธรรมทุกๆท่านในเว็บบอร์ดนี้ด้วยนะครับ
    พร้อมกันนี้ก็ขอถือโอกาสกล่าวเตือนย้ำในทางธรรมอีกครั้งหนึ่งว่า
    " ชีวิตเป็นของไม่เที่ยง แต่ความตายเป็นของเที่ยง " ซึ่งคำพูดนี้
    มาจากองค์หลวงพ่อฤาษีฯ ผู้เป็นปฐมาจารย์ของผมที่เคารพยิ่ง
    ดังนั้นขอท่านทั้งหลายพึงอย่าได้ประมาท และปล่อยชีวิตให้ผ่านพ้นไปวันๆ
    ดังหัวข้อก่อนจบสุดท้ายของคุณณฐมณฑ์ ที่กล่าวถึงมรณานุสติ
    เมื่อท่านเริ่มรู้สึกจะหมดกำลังใจคราวใด ก็ขอให้ท่านย้อนกลับมาอ่านตรงนี้นะครับ

    สุดท้ายนี้หากท่านที่ระลึกถึงคุณณฐมณฑ์หรือผม ก็ขอให้ระลึกถึงคุณของพระรัตนตรัย
    ขอให้มีกำลังใจในการปฏิบัติธรรมให้ถึงที่สุด ผมขอเป็นกำลังใจให้กับทุกๆท่านนะครับ
    และผมขอให้ทุกๆท่านยึดมั่นในพระธรรม มากกว่ายึดติดกับตัวบุคคล
    ผมขออวยพรให้ทุกๆท่านพึงเป็นผู้เจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไปนะครับ

    ปาริสัชชา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 กรกฎาคม 2005
  17. DevilBitch

    DevilBitch เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2005
    โพสต์:
    9,776
    ค่าพลัง:
    +36,838
    อนุโมทนาค่ะ

    <TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=tcat colSpan=2>Currently Active Users Viewing This Thread: 2 (2 members and 0 guests) </TD></TR><TR><TD class=alt1 colSpan=2>DevilBitch </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  18. หลับตา

    หลับตา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    716
    ค่าพลัง:
    +3,151
    คุณปาริสัชชา คุณณฐมณฑ์ ขอบคุณมากครับ ขอบคุณทุกๆท่านด้วยครับที่มาซักถามจนกระผมได้เกิดปัญญาไปด้วย อนุโมทนาครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 กรกฎาคม 2005
  19. Candle

    Candle เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กันยายน 2004
    โพสต์:
    269
    ค่าพลัง:
    +909
    ผมขออนุโมทนาสาธุในการให้ความรู้ในการปฎิบัติธรรมของคุณณฐมณฑ์และคุณปาริสัชชาครับ ขอด้วยอำนาจบารมีพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกพระองค์ พระอริยสงฆ์เจ้าทุกพระองค์ และครูบาอาจารย์ทั้งหลาย ขอให้มิตรธรรมทั้งสองท่านจงเจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไป และ ขอให้เข้าถึงซึ่งฝั่งพระนิพพานที่ท่านทั้งสองตั้งใจโดยเร็ววันครับ สาธุ สาธุ และขอความเจริญในธรรมจงมีแก่ทุกท่านด้วยครับ
     
  20. khunjiw

    khunjiw เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 พฤษภาคม 2005
    โพสต์:
    22
    ค่าพลัง:
    +125
    โมทนาด้วยครับผมก็อยากรู้เหมือนกันว่าผมสามารถฝึกกสิณแบบไหนได้บ้าง
     

แชร์หน้านี้

Loading...