ธรรมหลังกึ่งกลางพุทธกาลเป็นต้นไป เป็นธรรมบัวบาน จะเปิดเผยครั้งแรกในยุคนี้นะ

ผมเองไม่ได้รู้เยอะ..แค่ รู้ไปหมด..ก็เท่านั้นเอง....ทุกมุม มี ผู้นักษาดูแลความสมดุลย์ และกำลังทำอยู่....มันอาจต้อง...สั่นสะเทือนไปบ้าง...เพราะ...ผู้ที่ต้องไปลงนรกไม่ยอมไป(ไม่ยอมรับว่าตนผิด)...ผู้ที่อยู่บนสวรรค์ไม่ยอมลงมา(อ้างว่าตนไม่ต้องรับผิดชอบในโลก)

อิอิ..ก็รวมนรกสวรรค์ ไว้ที่โลกซะเลย..รวมมิตร...จะอ้างว่าไปนรกก็ไม่ไช่..เพราะนรกบนโลก
ส่วนพวกบนสวรรค์ไม่ลงมาเกิดก็ไม่ได้เพราะสวรรค์ลงมาซ้อนโลก.....

โลกจึง...เป็นอดีตปัจจุบันอนาคต..รวมเป็นฉากเดียว..มันส์กว่าจิ๋มยิ้ม เสียอีก

 

โลก..สามภพ....โลกสามมิติ
นี่คือการ...เคลียร์ ..โดย ฝ่ายใดจะอ้างว่า.....ไม่ได้แล้ว...นะ
ไม่ร่วมมือ ก็ ร่วมกันตายหมู่....ครึกครื้นดีครับ. ...เนาะ

 

การใช้ "ธรรมบัวบาน" ขับพิษ, รักษาโรค (Detox)


เมื่อท่านสำเร็จธรรมบัวบานแล้ว จะมีดอกบัวทิพย์ประจำกายนะครับ
ให้ใช้ดอกบัวทิพย์เข้าไปหมุนในร่างกายของผู้ป่วย เพื่อขับถ่ายพิษ
ออกมาจากร่างกาย ก็ได้ พิษนี้มีหลายชนิด เช่น พิษธรรมะ เกิดจาก
การศึกษาธรรมะมากเกินไป หมักหมม หมักดองอยู่ แล้วไม่บรรลุผลได้
เมืื่อหมักดองอยู่นานโดยไม่แจ้งจริง มันก็จะกลายเป็นพิษในที่สุด การ
ใช้ธรรมบัวบานขับพิษออกนี้ เป็นการล้างภายในให้ใสสะอาดฮะ เรียกว่า
Detox นั่นเอง แต่เราไม่ได้ใช้ตัวยา หรือสมุนไพรอะไรแบบชีวจิตนะครับ
เราล้างพิษด้วยวิชาธรรม (ธรรมบัวบาน) คนเราทุกวันนี้ สะสมพิษไว้ใน
ร่างกายเยอะมาก พิษจากความคิดขยะๆ, ความรู้สึกที่ตกค้างแต่ละวัน,
พิษจากการรับข้อมูลจากสื่อต่างๆ เช่น เน็ต, ทีวี ฯลฯ ดังนั้น เราจึงควร
ฝึกพลังธรรมบัวบานเพื่อขับพิษออก ให้ภายในของเรากลับมาผ่องใส
เหมือนเดิม ทำใหสุขภาพกายและจิตดีขึ้นได้ครับ

หลายท่านที่ชอบทำ Detox หลายๆ วิธี ลองวิธีนี้ดูบ้างสิครับ

 

ใช้กับตัวเอง และผู้อื่นก็ได้ใช่ไหมครับ คือเรากำหนดให้ดอกบัวหมุนแล้วเขาจะดูดของมันเองใช่ไหมครับ หรือเอาไว้ในจุดที่มีปัญหาของผู้ป่วยเหรอครับ
สอบถามรายละเอียดดูเผื่อใช้ได้ครับผม

 

ใช้กับตนเองหรือผู้อื่นก็ได้ครับ ลองใช้ดู (ถ้าทำได้นะ)

 

ประมาณมะเร็งร้ายยังงอกเป็นดอกบัวแล้วล้างพิษให้คนป่วย
ตอนนี้มีหลายโรคจัด โรคเก่าไม่ทันหาย โรคใหม่ซ้ำเติม
ตัวกรองเชื้อโรคคือต่อมซิลอะ ต้องติดธรรมอะไรสักอย่างให้มาน
จะรู้สึกเหมือนมีก้อนอะไรหมุนในคอเลยครับ ถือว่าสำเร็จวรยุทธรึยังคับ
เล่นเกมกดมากไปหน่อย พิษเลยเยอะ แต่เพื่ออนาคตที่สดใสปุ้งปิ้ง ก็ยอมทน

 

ก่อนจะออกไปผมว่ารวมตัวเองให้ได้ก่อนดีกว่าครับ ยังเป็นเราไม่ได้จะได้ออกไปไหนคงยาก จากคำกล่าวของท่านดอกไม้ เราคือรวม ถ้าออกคือไม่ใช่เรา
ก็เห็นละครับที่ออกมาชัดคือที่ไปสร้างอะไรเอาไว้นั่นละครับ เพราะทุกอย่างมันดีอยู่แล้วก็ไม่ต้องไปเพิ่มเติมอะไรเลยตอนที่ไปสร้างไว้นั้นผมใช้ทุกอย่างทำจนตัวเองว่างเปล่าไม่มีอะไรเหลือเลยครับแถมยังไปดีงคนโน้นคนนี้มาอีก คือเขามีพลังมากกว่าผมแน่นอน ค่อยๆเรียนรู้ไปครับ ถ้าความเป็นเราอยู่ที่ผม ก็คงได้คุยกันเรื่อยๆครับ แต่ถ้าความเป็นเราอยู่ที่เขาผมก็บาย ๆ ก็ทำเท่าที่ทำได้ละครับท่านดอกไม้ แต่พุทธเกษตรก็น่าสนนะครับ น่าจะมีแบบท่านดอกไม้เยอะเลย

 

แต่ก็แปลกนะทั้งๆที่รู้ว่าความเป็นเราอยู่ตรงนี้ เขาก็สงบนิ่งอย่างนี้มานานแสนนานไม่เคยไปไหน แต่ทำไมเธอยังไม่กลับมา เรารอเธอมานานแล้วให้รออีกก็ไม่เป็นไร เพราะเรารอได้เสมอ เพราะเธอก็คือเรา

 

ปฏิบัติธรรมผิด เป็นโรคพิษธรรมะ?


คนที่ปฏิบัติธรรมผิดแล้วเกิดปัญหาขึ้นมีมาก ยกตัวอย่าง ดังนี้

1 โรค "โดนยาสั่งจิต"
คนที่เป็นโรคนี้ หรือโดนยาสั่งจิต จะมีอาการถูกโปรแกรมสั่งจิตให้อยู่ "ภายใต้เงื่อนไข" ใดเงื่อนไขหนึ่ง จะทำตัวเหมือนคอมพิวเตอร์ที่ถูกลงโปรแกรมไว้ครับ คือ เขาตอบสนองแบบ y เสมอ เมื่อได้รับการกระตุ้นด้วย x และยิ่งกว่านั้น บางรายหากไม่ทำตามนี้ จะดิ้น จะเป็นจะตายให้ได้ครับ เคยเจอไหม? คนที่เถียงกันเอาเป็นเอาตาย คือ มันผิดปกติ เว่อร์ๆ เหมือนว่าถ้าเถียงแพ้แล้วจะตายอย่างนั้น

2 โรค "โดนพิษธรรมะ"
คนที่เป็นโรคนี้ หรือโดนพิษธรรมะ จะมีอาการ "ผิดปกติจากที่ควร" ทำตัวไม่เหมือนคนปกติได้อีกแล้ว เช่น อะไรก็ไม่เอาสักอย่าง เฮ้ย มันไม่ใช่นะ เรายังต้องอยู่กับสมมุติ มีสติกับสมมุตินะ ไม่ใช่ไม่เอาอะไรเลยสักอย่าง แบบนี้ นี่ละครับ โดนพิษธรรมะเข้าไปแล้ว จับงูข้างหางเข้าไปแล้ว โดนมันฉกกัดเข้าไปแล้ว คนที่โดนพิษธรรมะจะดูเหมือนคนปกติก่อน จนกว่าพิษกำเริบ จึงจะมีอาการชัดเจน

3 โรค "โดนโปรแกรมจิต"
คนที่เป็นโรคนี้ หรือโดนโปรแกรมจิต จะเหมือนคนถูกสะกดจิต แต่ไม่มีใครมาสะกดจิตเรานะครับ "เราสะกดจิตตัวเอง" เช่น เราไปทำสมาธิ "ตอกย้ำซ้ำจิต" ให้จิตมันตอบสนองเป็นชุดพฤติกรรมอย่างหนึ่ีงอย่างใดไว้ จนกลายเป็นโปรแกรมจิต สุดท้าย ผิดปกติ ไม่เป็นธรรมชาติ ยกตัวอย่าง บางคนถูกโปรแกรมให้ "อ่อนน้อมถ่อมตน" ไปไหว้แล้วไหว้อีก กับอะไรต่อมิอะไรบ้าง จนขาดเหตุผลก็มี

4 โรค "สูญเสียตัวตน"
คนที่เป็นโรคนี้ หรือโดนทำให้สูญเสียตัวตน จะไม่เป็นตัวของตัวเองจริงๆ จะมีความรัก, ความเกลียด ฯลฯ อย่างที่ตัวเองเป็นจริงๆ ไม่ได้ เพราะ "สูญเสียตัวตน" ไปแล้ว ดูเปลือกนอกจะเหมือนคนที่ไม่ยึดตัวตน เป็นอนัตตาแท้แล้วไม่ใช่ครับ เพราะคนที่จะเข้าสู่ภาวะอนัตตาได้ ต้องมีความเป็นตัวของตัวเอง เป็นคนปกติให้ได้ก่อน ทว่า คนกลุ่มนี้ จะเป็นร่างที่ว่างเปล่า และมีจิตอื่นมาอาศัยในร่าง

คนเหล่านี้ ต้องรักษาให้ปกติก่อนครับ จึงจะกลับไปปฏิบัติธรรมได้

 

อ่านข้อ4 แล้วนึกถึงเพื่อนคนนึง..ชัดเจนมากๆ
ปล.แบบนี้น่าเป็นห่วง..

 

เป็นแฟนคลับท่านจขกท.มานานมากแล้ว
ชอบภาษาธรรม อ่านแล้วเข้าใจง่าย
ดูเบาๆสบายๆ ไม่กระแทกกระทั้น
ธรรมะที่เหมาะที่ควรต้องเบาๆสบายๆเข้าใจง่าย
นำไปใช้ได้จริง...

 

ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมจะมีเหตุในการเป็นอยู่หรือเป็นไปของมันเองทั้งสิ้น
เมื่อบทเรียนหนึ่งผ่านไป บทเรียนอื่นๆก็จะตามมา
จะให้ก็กลัวสูญเสีย จะอ่อนโยนก็กลัวเสียศักดิ์ศรี
ชีวิตถูกจำกัดบีบรัดอยู่ด้วยความคิดที่ผิด..
ปล่อยให้ค่านิยมให้โลกธรรมอันเป็นสมมติมาลากจูงความคิด
ปล้น กาลเวลาและโอกาสแห่งความเป็นจริงของชีวิตให้สิ้นไป..
น่าเสียดาย...

 

.

เขียน ๙.๔๗

ท่านนอกโลกอาจจะเป็นห่วงเกินเหตุไป ก็เป็นได้นะเออ จะบอกให้
เพื่อนคนหนึ่ง คนนั้นน่ะ เค้าน่าจะแจ๋วกว่าที่ท่านคิดนะ เนอะ
เค้าอาจจะทำการ โดยมีหัตถ์พระเจ้า คอยกำกับอยู่ ไม๊
จิตมนุษย์มีหรือจะเข้าใจ ในเจตนารมณ์อันลึกล้ำ

ท่านดอกไม้อาจจะแจ๋วจริง แต่ความจริงอาจจะมีหลายชั้นความลับ
รหัสของท่านดอกไม้ อาจจะยังเข้าถึงชั้นความลับสูงสุดไม่ได้
หรือว่า โลกใบนี้มันบิดเบี้ยว บ้าๆ บอๆ เกินกว่าระบบปกติ
การแก้ไขจัดการ ก็เลยต้องใช้แผนที่บ้าๆ บอๆ พอกัน


จินตนาการ สำคัญกว่าความรู้ / กระต่ายป่า บ้าๆ บอๆ
.

 

ก็ต้องเคลียร์ออกก่อนนะครับไม่ให้มีอะไรแฝงในแต่ละตัวตน
อาจจะต้องดีทอกซ์ตัวเองครับท่านดอกไม้ ท่านก็บอกวิธีมาพอดี ต้องลองหาวิธีใช้ทะเล กับจันทร์ ด้วยอาจจะมีไว้เพื่อการนี้ก็ได้ครับ

 

ครับ ดอกไม้มีหลายชั้น แต่ไม่มีความลับหรอก
มันแค่รอเวลาผลิบานออกทีละชั้นๆ เท่านั้นเอง

 

บางทีเราต้องเป็นมาก่อนครับ แล้วรักษาตัวเอง ผ่านให้ได้
อย่างข้อ 4 ผมก็เป็นมาก่อนครับ เลยเข้าใจโรคนี้อย่างดี

 

โดนนใจดังปึ้กกก

 

เขียน ๑๐.๓๒


เรื่องธรรมบัวบานหรือบัวทิพย์นั่นน่ะนะ ไม่รู้เรามีป่าวอ่ะ ไม่รู้จัก
แต่เราใช้จักระนะ หมุนๆ ดูดพลังธรรมชาติเข้าไปกระตุ้น
เช่น ท้องผูก ท้องเสีย ท้องเดิน ท้องแน่น ท้องเฟ้อ
ก็ใช้จักระสะดือ หมุนตามเข็มดูดเข้า ทวนออก
แต่ปกติ จะต้องระดมปราณในร่างให้มีแยะ
มากพอ ที่จะเปิดระบบขับพิษได้อ่ะนะ

เคล็ดลับสูงสุดของสายกำลังภายใน ที่เราเดาว่าเจ๋งสุด ก็คือ
การหายใจเอาปราณเข้าไปจนถึงสะดือ ช้า ละเอียด บาง
พร้อมกับการดึงปราณก่อนกำเนิด จากแถวใต้ข่าย
ดึงขึ้นและลงพร้อมกัน ให้มาบรรจบกันที่สะดือ
ตอนหายใจเข้าน่ะนะ มาเจอกันแล้วหมุนๆ
หายใจออกก็ดันปราณไปเก็บที่ใต้ข่าย
ปราณที่ผ่านเตาแห่งไฟและน้ำนั้น
เดาเอา ว่าเป็นปราณเหล็กกล้า
หรือใครเรียก กำลังภายใน

ทำซ้ำกันหลายๆ ครั้ง ก็จะได้ปริมาณมากพอ
แล้วเราก็เดินต่อ ดันขึ้นไปด้านหลัง ให้ขึ้นผ่านหัว
ย้อนกลับด้านหน้า มาหยุดรอที่ปาก รอลมหายใจเข้า
แล้วพากันไปถึงสะดือ กลั้นนิดนึง แล้วหมุนๆ สะสมไว้ก่อน
พอหายใจออก ก็พากันไปเที่ยวด้านหลัง อ้อมศรีษะ ลงมาอีกรอบ
ทำซ้ำกันไป หลายๆ รอบ เค้าเรียกว่า การหายใจของสวรรค์ขั้นต่ำ มั้งนะ
ส่วนแบบสวรรค์ขั้นสูง ก็จะหายใจเข้าออกไปตามเส้นทางต่างๆ รอบร่างกายอ่ะ
แต่ขี้เกียจโม้ต่อแล้ว ต้องไปนึกก่อน ไม่รู้มีใครสนใจใคร่รู้บ้างหรือป่าว ก็ไม่ทราบได้ นะ


กระต่ายป่า เมื่อพันปีก่อนโน้น / พี่น้องญาติเพื่อน
.

 

เขียน ๑๐.๕๖


ต่อมทอนซิลรึป่าวท่าน ที่เป็นหน่วยกรองเชื้อโรคอ่ะ
เราก็เคยใช้บ่อยนะ ตอนเป็นหวัด เจ็บคอ หรือน้ำมูกแยะ
ต้องกระตุ้นจักระเบอร์ห้า อยู่แถวคอ หรือแถวต่อมซิลของท่าน
แต่ จักระเบอร์ห้า ยังมีเบอร์ห้าจุดหนึ่ง และเบอร์ห้าจุดสองด้วยนะท่าน
อยู่เหนือขึ้นไปหน่อย เหนือกระเดือกด้านหลังนิดนึง และสูงขึ้นอีกคือจุดสอง
แต่ฐานแห่งกำลังของหน่วยนี้ น่าจะเป็นจักรสุริยะประสาท เรียกงี้รีป่าวหว่า
อยู่ใต้กลางอกน่ะ ต้องมีปราณเหล็กกล้า สะสมที่จักรสี่นี้มากพอ ถึงจะดี
แต่จักรนี้ อยู่ใกล้ทางเข้า เราก็ใช้วิธีทำปราณยาม แบบละเอียดมาก
ดึงเข้าจากปากหรือจมูกเข้าไปได้โดยตรง ค่อยกระดื๊บๆ ไหลไป
หรืออาจดึงผ่านจักรที่หว่างคิ้วก็ได้นะ เพิ่มแรงดันระบบได้ดี
อย่าดึงให้เลยไปถึงสะดือล่ะ จะเลยเขตชายแดนจักรไป

ยามเจ็บป่วย ไร้เรี่ยวแรง ไม่สบายหลายแบบ เราก็ใช้แผนนี้อ่ะ
กระตุ้นระบบเม็ดเลือดขาวได้ดีด้วย มั้งนะ ระบบตื่นเลยล่ะ
ถ้าทำเป็นประจำ จะเหมือนมีม่านบาเรีย ป้องกันได้
พวกเชื้อโรคใดๆ จะผ่านเข้าร่างกายได้ยาก
เข้ามาก็อ่อน แก่ง่าย ตายไว ขยายช้า


กระต่ายป่า วิชาเต็ม ท้องกะพี่น้องญาติเพื่อน
.

 

เขียน ๑๑.๑๕


นั่นแหละน่า แถวบ้านเราเรียกความลับอ่ะ
ยังไม่รู้ เมื่อยังไม่ถึงเวลาโชว์โฉมไง
ถ้าไม่มีความลับ ใครก็รู้กันหมดดิ
ไม่รู้หล่ะ เราเรียกความลับอ่ะ


กระต่ายป่า ลับๆ ล่อๆ / ชาวหมู่บ้านในนิทาน
.