ขอค้าน หลวงพ่อเกษม อาจิณสีโล

ธรรมที่รู้จริงได้ด้วยตนเองนั่นแหละคือธรรมที่ประเสริฐแท้

 

สะเก็ดข่าว

กระทู้ อริยวิวาทะ เกี่ยวกับธรรมท่านพุทธทาส โดนจิกโก๋ลบ เรียบร้อยแล้ว

 

สรุป ท่านะบอกว่า หลวงพ่อนั่น คือบุคคลลวงโลก โป้ปดมดเท็จ ไม่เปนเปนพระอริยะแบบที่ใครๆหลงเข้ใจกันไปเอง ที่แท้ท่านเปนเพียงพระเก๊


ขนาดคุณไปตอบคำถามท่านยังตอบไม่ได้ เถียงสู้ คนธรรมดาอย่างท่านไม่ได้สักนิดเดียวเลย

แบบนี้ใช่มิฮะ??

 

คุณ undeath สรุปผิด

จุดประสงค์ของผมคือ บอกว่า ท่านพูดธรรมอันบิดเบือน ไม่เป็นธรรมอันควรยึดเป็นสรณะ และ แน่นอนหากว่าผมกล่าวแบบนั้น ก็หมายความว่า หลวงพ่อ ไม่ใช่พระอริยบุคคล แน่นอน เพราะพระอริยบุคคล ท่านไม่สอนอะไรแบบนี้

ข้อต่อมาคือ ผมไม่ได้บอกว่าท่านเถียงสู้คนธรรมดาอย่างผมไม่ได้ แต่บอกว่า ท่านไม่มีคำตอบให้คนอย่างผม

 

เรื่องที่หลวงพ่อเห็นนั้น ผมจะเล่าให้ฟังว่า ผมเห็นมามากกว่าหลวงพ่ออีก

แต่ว่า มันดับทุกข์ไม่ได้ และกฎเกณฑ์ที่หลวงพ่อพยายามสร้าง ขึ้นมาใหม่นั้น เป็นข้อสรุปของหลวงพ่อเอง ไม่สามารถยึดเอาได้ว่าต้องเป็นเช่นนั้นเสมอ

ยกตัวอย่างเช่น เวลาผมพูดกับคน คำพูดนี้ ผมจะทิ่มแทงคนก็ได้ จะยกยอปอปั้นก็ได้

พลังการสวดมนต์ จะมีจิตที่ปกป้องก็ได้ จะมีจิตที่เมตตาก็ได้
ในเมื่อ หากว่าหลวงพ่อบอกว่า แผ่เมตตานั้นหรือ บุญนั้น อุทิศให้กันได้ด้วยใจ
แล้วทำไมถึงบอกว่า การสวดมนต์จะต้องทำลายแต่อย่างเดียว

ข้อนี้ท่านแย้งกันเอง

สำหรับเรื่องพระป่า หลวงพ่อไม่ได้เป็นพระป่า เพราะพระป่าสายอาจารย์มั่นนั้น ท่านเน้นลงที่จิตแต่อย่างเดียว ไปถามได้ ร้อยคนก็พูดเหมือนกันร้อยคน

แต่นานๆครั้งอาจจะเล่า เรื่อง ผี เรื่อง นรกสวรรค์ให้ฟังกัน สนุกๆ แต่ไม่มีหรอกที่จะมา โอนบุญ หรือ แผ่เมตตา ให้ระวัง หรือ อะไรต่อมิอะไร อันเป็นการ อวดอุตริ มนุสสธรรม


ก็ พิจารณากันดู นะครับ

 

ถ้าเห็นจริงๆก็ขออนุโมทนาด้วยครับ ถ้างั้นก็เป็นการยืนยันด้วยหรือเปล่าว่า หลวงพ่อท่านก็เห็นจริงๆจึงนำมาสอน แต่คุณอาจเห็นว่าไม่เป็นประโยชน์จึงไม่ได้นำมาสอน

ไม่ทราบคุณขันธ์นี่ใช่ที่เคยโพสต์ในลานธรรมหรือเปล่า

 

ผมไม่อยากให้ มองว่า คนที่ไม่มีปัญญา ก็ต้องแก้ไขกันแบบหลวงพ่อเกษม
ถ้าคนมีปัญญา ก็ให้แก้ไขแบบ พระอริยะ คือ พิจารณาดูจิต

การคิดแบบนี้ผิดพลาดที่สุด

การที่ผมออกมาพูดนี้ ไม่ใช่ว่าผมเกลียดชังพระ หรืออวดดี แต่เพราะสงสารมากกว่า ที่หลวงพ่อยิ่งดิ่งลงสู่ทางที่ผิด หากว่ามีคนตามท่านมากขึ้นเท่าไร

ไม่เชื่อใครไปพิสูจน์ก็ได้ แนะอย่างเดียวคือ พิสูจน์ด้วยโลกธรรม ต่อ หลวงพ่อ
เอาคำที่ผมพูดไปบอกหลวงพ่อ แล้วดุว่าท่านเป็นอย่างไร
ดูอากับกิริยาวันต่อมาของท่านว่า ท่านขึ้นๆลงๆ หรือไม่ นั่นแหละ เครื่องวัดพระอริยะ ว่า จิตใจท่านเสถียรหรือมั่นคงหรือไม่ ยังหวั่นไหวต่อโลกธรรมหรือไม่

ผมดูมาแล้วว่า ท่านหวั่นไหวต่อโลกธรรม แต่ท่านพยายามสู้ด้วยโทสะ คือ เอาโทสะมาต้านความหวั่นไหว ใครก็ได้ช่วยยกคำที่ผมพูดนี้ไปบอกท่านทีเถอะ
สุดท้าย ท่านจะเซ
หากท่านระลึกได้ ท่านจะรู้ตัวเอง แล้วให้กาลเวลาพิสูจน์ แล้วคอยดูกันต่อไป

 

เมตตา คือ ความปรารถนาให้ผู้อื่นเป็นสุข แล้วมันจะมีความหมายเหมือนกับการโอนบุญได้ยังไง ถ้าจะเปรียบเทียบน่าจะเปรียบกับ การแผ่่ส่วนบุญกุศล มากกว่าครับ

 

ผม เคยโพสที่ลานธรรม ครับ

ส่วนหลวงพ่อ เห็นจริงหรือไม่ ผมบอกว่า หลวงพ่อเห็นจริง แต่ตรงบ้างไม่ตรงบ้าง

อุปมาว่า หลวงพ่อ เห็นคุกในโรงพัก แต่หลวงพ่อไม่เคยเห็นคุกที่บางขวาง คิดว่าหลวงพ่อจะบอกว่าคุกเป็นอย่างไร

และสุดท้าย หากว่าเห็นคุก แต่ไม่เคยเห็น วิธีการลงโทษอย่างอื่น คุณคิดว่า การลงโทษที่รุนแรงของหลวงพ่อจะเป็นอย่างไร ทั้งๆที่มันมีอีกมากมาย

หากว่า หลวงพ่อเห็น เปรตที่ทุกข์ทรมานด้วยจิตของหลวงพ่อ ขณะหลวงพ่อ สวดมนต์ คุณคิดว่า หลวงพ่อจะสรุปว่าอะไร

หากว่า หลวงพ่อเห็น บุญ ที่ผู้อื่นได้รับในนิมิตของหลวงพ่อเอง ว่าแปรเปลี่ยนไปเป็นสิ่งนั้นสิ่งนี้ ท่านคิดว่าหลวงพ่อจะสอนว่าอย่างไร

หลวงพ่อก็ต้องพูดตามที่หลวงพ่อเห็น แต่นั่นไม่ใช่โลกุตระธรรม และไม่ใช่ธรรม เป็น ขันธมาร นิมิตลวง ไม่อาจจะเปลื่องทุกข์แก่ สรรพสัตว์ได้

 

ถ้าผมจะเปรียบเปรยคล้ายดังว่า คุณขันธ์สำเร็จพระโสดาบัน แต่หลวงพ่อท่านสำเร็จธรรมขั้นสูงกว่านั้น การเห็นของท่านทั้งสองก็ไม่เหมือนกันใช่เหรือเปล่าครับ ดังนั้นก็คงต้องตั้งคำถามว่า ใครเห็นความจริงได้มากกว่ากัน?

 

ถ้าเปรียบแบบสมมติเช่นนั้นนะครับ เรื่อง โลกุตระธรรม ย่อมเห็นเหมือนกัน
เห็นทางดับทุกข์ เสมอเหมือนกัน คือ ลงสู่ไตรลักษณ์ และ เหตุแห่งทุกข์อันก่อจาก ใจนี้เท่านั้น เป็นไปไม่ได้ที่พระอริยะ จะบอกหนทางที่แตกต่างกันครับ

 

ไม่ได้รู้เรื่องอะไรกับเค้าเลย(หมายถึงผมนะครับ)อิอิ ผมยังไม่เคยเห็นแม้แต่รูปหลวงพ่อเกษม อาจิณสีโลเลย เรื่องจะไปอ่านธรรม ฟังธรรมนี่เป็นไปบ่ได้ แต่ผมอยากจะนำบทความของพระอาจารย์มิสซูโอะ เควสโกมาให้อ่านนะครับ

แก้ตัว- ไม่ยอมรับความจริงในการทำผิดของตนพยายามผลักดความผิดไปให้ผู้อื่น หรือสิ่งแวดล้อม

แก้ไข- ยอมรับความจริง หากมีอะไรผิดพลาดบกพร่อง ก็ยอมรับผิด แล้วพยายามแก้ไขปรับปรุง พัฒนาตนเอง

คนดี- ชอบหาจุดบกพร่องของตน

คนชั่ว-ชอบหาจุดบกพร่องของคนอื่นนับผิดคนอื่นแล้วคิดไปว่า เราดี เขาไม่ดี

เป็นสภาวะที่เกิด อัตตา เกิดตัวตน

จริงอยู่นะครับแม้บางครั้งเราไปตำหนิบางคน(ผมก็เป็นและเชื่อว่าหลายๆท่านก็เป็น)เราอาจจะตำหนิว่าไม่ควรทำอย่างนั้นน่าจะทำอย่างนี้ แม้เราจะบอกว่าเราก็ไม่ได้คิดว่าเขาไม่ดีแต่เราคิดว่าเขาไม่ควรทำอย่างนั้น (ซึ่งเชื่อว่าหลายๆท่านน่าจะคิดเช่นนี้) แต่มองให้จริงล่ะครับ การที่ท่านบอกว่า คนนั้นไม่น่าทำอย่างนั้น ทำอย่างนี้ ก็เป็นมานะ 9 นั่นแหละครับ เราดี เขาไม่ดี ความคิดเราถูก เขาไม่ถูก ดังนั้นเป็นไปได้จงหลีกเลี่ยงความคิดนี้เถิด ผมก็ไม่ทราบว่าหลวงพ่อเกษมท่านสอนอะไร ท่านจะจริงอย่างใครๆว่าหรือไม่ผมก็ไม่ทราบแต่ผมอ่านบทความของพระอาจารย์มิสซูโอะแล้วก็อยากนำมาให้อ่านกัน บางครั้งผมว่าเราก็ควรวางใจเป็นอุเบกขาเสียบ้าง ถ้าเขาไม่ดีจริงเวรกรรมก็จะทำลายเขาเอง

 

คุณขันธ์ครับ แต่ละคนแบกสะสมกองขันธ์มาไม่เหมือนกันครับ

ผมคงเตือนคุณได้เหมือนที่เตือนคุณใบไม้กับคุณตาที่สาม (แล้วก็เตือนใจผมเองเสมอด้วย)

ว่าทางที่คุณผ่านมา เริ่มต้นมันถูกแล้วละ แต่อย่าเพิ่งเชื่อสรุปความรู้ที่มี
กิเลสมันจำเป็นต้องสรุปครับ มันสรุปของมันเอง ผลสรุปของเราไม่เหมือนของคนอื่นหรอก มีแต่ผลท้ายๆที่เริ่มลงมรรคองค์8(ทางสายกลาง) ที่ไปในแนวทางออกเดียวกัน แต่คงเป็นช่วงท้ายๆจริงๆ

ระหว่างต้นทางที่เดินมามีกิเลสที่ต้องคายทิ้งตลอด ต้องมีพิจารณาแยบคายจริงๆ ไม่งั้นโดนมันพาออกนอกเส้นทาง ให้หลงลืมดูกายใจตลอดเวลา เผลอปุ๊ปไม่รู้กิเลสมันพาเราไปโผล่มาเที่ยวอีกละ

ส่วนการจะไปตัดสินใครเป็นอย่างไร ไม่ง่ายนะครับ เราต้องไปคลุกคลีกับท่านนั้นนานๆ ดูข้อปฏิบัติ ปฏิปทา สิ่งที่เห็นสิ่งที่รับรู้มาอาจไม่ใช่สิ่งที่เป็นอยู่จริงก็ได้

 

คุณขันธ์ครับ..บุญแปลว่าอะไรครับ??..ถ้าเข้าใจบุญนั่นย่อมโอนให้กันได้ เปลี่ยนแปลงได้ และไม่ยั่งยืนครับ คิดให้ลึกๆก่อนตอบนะครับ..เพราะคำถามนี้คือต้นเหตุและปลายเหตุของกระทู้นี้

 

ทำบุญเพื่อหวังผลตอบแทน หรือ หวังนิพพาน ท่านว่าต่างกันไหม ก็แล้วแต่จะพิจารณา

ปลูกมะพร้าวอยากกินน้ำ หรือเนื้อ หรืออยากได้กะทิ หรืออยากได้ไม้กวาด หรืออยากกินยอดมะพร้าว ก็แล้วแต่จะทำ

ปลูกมะม่วงได้มะม่วง แต่ปลูกถั่วเขียว ดันได้ถั่วงอก ก็แล้วแต่จะมอง

แปดโมงเช้าเคารพธงชาติ ถ่ายทอดเสียงโดยวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย เพียงแต่คลื่นหนึ่งเป็น AM อีกคลื่นเป็น FM คิดซิว่าคลื่นไหนชัดกว่ากัน ก็แล้วแต่สถานที่

นักรบคือผู้กล้ายอมตายได้เป็นคนแรก ทำทุกอย่างที่คิดว่าถูกต้อง เพื่อสิ่งที่ถูกต้อง แต่สิ่งที่ได้รับทันทีจากจิตชั้นต่ำคือ "นักรบคนนั้นโง่" แต่เมื่อเวลาผ่านไปเขาคือ "วีระบุรุษ" ก็แล้วแต่จิตชั้นไหน

พระดี พระแท้ ดูง่าย ไม่มีปัญหาให้ถกเถียง ทุกท่านยอมรับ ก็แล้วแต่ท่านจะนับถือ

เพชรแท้ก็คือเพชรแท้ ถึงอยู่ในโคลนตม ก็คือเพชรแท้ ไม่ต้องถกเกียง ก็แล้วแต่ว่าดูเพชรเป็นหรือเปล่า

ธรรมะ คือ ธรรมชาติ ใครรู้จักธรรมะ ก็รู้จักธรรมชาติ

คนธรรมดาทำผิดควรติดคุก ตำรวจทำผิดควรติดคุกเป็นสองเท่า พระศีล227ปฏิบัติผิดเพี้ยนควรจะ .............

ฉะนั้น ทุกสิ่งจึงเป็นไปตามกรรม

ไม่ได้ว่าใครและสนับสนุนใครทั้งสิ้น ก็แล้วแต่ท่านจะคิด (deejai)

 

คนดี ชอบแก้ไข

คนจัญไร ชอบแก้ตัว

คนชั่ว ชอบทำลาย

คนมักง่าย ชอบทิ้ง

คนจริง ชอบทำ

คน_ะยำ ชอบติ

คิดซิว่าเราคือคนอะไร

 

(good)

ครับ

อยากให้มองที่ 6 ข้อ ข้างต้นมากกว่าการเพ่งโทษคัดค้าน โจมตีจขกท. หรือ หลวงพ่อเกษม
จะได้เกิดปัญญา (จะดีมากๆถ้านำเหตุผลมาชี้กัน ให้จบไปเป็นข้อๆ จะได้เข้าใจถูกต้องตรงกัน)

หาก 6 ข้อ กล่าวถูกแล้ว เราชาวพุทธ ก็ได้ชื่อว่า เป็นสัมมาทิฎฐิ
หาก 6 ข้อ กล่าวไม่ถูก เราชาวพุทธ ก็ได้ชื่อว่า เห็นสัมมาทิฎฐิ

ทีนี้ก็มาดูกัน .
การตั้งประเด็น ว่าการเสนอความเชื่อเช่นนี้ถูกต้องมั๊ย เป็นสัมมาทิฎฐิหรือไม่

 

ในเมื่อเปรียบเทียบด้วยลม คุณยังไม่เข้าใจ งั้นคงต้องอธิบายเพิ่ม

ลม อากาศ ก๊าซ ยังอยู่ในฝ่ายรูปธรรม พอจะสัมผัสได้ด้วยกาย

แต่บุญ อยู่ในฝ่ายนามธรรม สัมผัสได้ด้วยใจเท่านั้น ผมขอยกตัวอย่างที่ทุกคนทราบดีคือ ความรัก บางคนบอกรักมาก บางคนบอกรักน้อย ส่วนผม เวลาสาวๆบอกรัก ผมมักจะบอกว่า รักมากกว่า

ขอถามท่าน upanya ว่า เอาอะไรมาวัดปริมาณได้ครับ

คงพอเข้าใจความแตกต่างระหว่าง รูปธรรม และ นามธรรม นะครับ เรื่องธรรมะ อย่าเอาสมองแบบนักวิทยาศาสตร์มาคิดนะครับ...

 

คือผมจะบอกว่า หากเรามีภูมิความรู้ในระดับหนึ่งอาจจะไม่ทราบว่า อากาศประกอบด้วยอะไรบ้าง แต่รู้ว่ามี หากแต่วันหนึงเรามีความรู้มากขึ้น เราก็จะทราบว่าในอากาศประกอบด้วยอะไรบ้าง และหากมีความรู้มากขึ้นอีกก็จะทราบได้ด้วยว่า
ส่วนประกอบมีอยู่เท่าไร มีปริมาณเท่าไร
เหมือนกับที่คุยกันเรื่องบุญ
มันก็แล้วแต่ความรู้ ความเห็นของภูมิจิต ว่าสามารถรู้ได้เห็นได้แค่ใหนครับ

 

แบบนี้ครับ พวกคุณ ที่บอกว่า เรื่องการไปมองจุดผิดคนอื่นนี้ เป็นเพราะคุณยังแยกใจตนเองไม่ออก
ระหว่าง กุศลจิต ที่เห็นไม่ควรแล้วอยากให้คนอื่นแก้ไข จากนั้นก็ชี้แจงข้อเท็จจริง
กับอีกอย่างหนึ่ง คือ มีอกุศลจิต คือ มองว่าคนนั้นผิด คนนี้ไม่ถูก มันก้ำกึ่ง นะ

ข้อที่ผมบอกนี้ ผมก็ชี้แจงเหตุผลทุกประการไป แต่คนที่จะมากล่าวว่าผมนั้น ทำไมไม่ชี้แจงให้มันชัดเจนว่า จะมาว่าผมเรื่องอะไร ในเมื่อผมมีเหตุผลให้คุณทุกประการ ในเรื่องที่ผมกำลังพูด

จะมาบอกว่า เขาเป็นพระ เราไม่ควรปรามาส แบบนี้เรากำลัง ไม่เข้าใจศาสนาพุทธกันเลย
ส่วนเรื่องที่บอกว่า ผมมาถูกทางหรือไม่ คุณไม่ต้องมารู้กับผมหรอก คุณไปแก้ต่างเรื่องที่ผมอธิบายกันก่อน แล้วอ่านแบบรับเข้ามา ไม่ใช่อ่านแบบมีแรงต้านไป คุณจะเห็นเองว่า ความจริงคืออะไร