ขอถามผู้รู้เรื่องการปฏิบัติ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ros, 5 สิงหาคม 2016.

  1. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,076
    ค่าพลัง:
    +3,024
    การที่สติรู้ทันทุกคำสวด นี้ เรียก รู้ทันปัจจุบันของกาย..แต่ยังไม่รุ้ทันในส่วนของใจ ที่เป็นตัวสวด...แค่รู้ทันทุกคำพูดที่ออกมาจากปาก ก็ถือว่า อยู่ในความสงบระดับที่ดีแล้ว...แต่ จากที่ผมแนะคือ เมื่อคุณฝึกรู้ทันทั้งกายที่กำลังสวด กำลังทำงาน นั้น สติที่คุณฝึกรู้ทัน จะเป็นตัวบอกให้คุณรู้ได้เองว่า คุณสงบมากขึ้นกว่าเดิมแค่ไหน..และการฝึกแบบนี้ สามารถนำมาฝึกสติดูการทำงานของกายได้ทั้งวันเลยนะครับ..เมื่อเลิกสวดมนต์ก็รู้ทันกาย กายจะทำอะไรก็ตามดูตามรู้ทันให้ตลอดทั้งวันเลย..ฝึกไปจนกว่า คุณ..จะเริ่ม รู้ทันทั้งการทำงานของกาย(เวทนากายต่างๆ)..และจะค่อยสงบมากขึ้น จนเริ่มรู้ทันความคิด (เมื่อเวทนากายส่งไปที่ใจ ใจจะคิดจะปรุง ให้ตามรู้ทัน แยกให้เห็นว่า แค่ไหนที่กายทำงาน ส่วนไหนที่ใจทำงาน)

    ผมว่าถ้าคุณฝึก คุณน่าจะทำได้นะครับ...ฝึกทั้งวันทุกวัน เผลอเมื่อไหร่ ก็ดึงสติกลับมาดูทั้งกายต่อ..ฝึกรู้ทันที่เผลอไปด้วยครับ..จะสนุกเองครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 สิงหาคม 2016
  2. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,076
    ค่าพลัง:
    +3,024
    การฝึกท่อง หรือ ดูตามรู้ทันทั้งกาย ทุกวินาที ทั้งวันนี้..เรียกว่า..ฝึกสติปัฏฐานสี่ครับ

    การตามรู้ทัน นานแค่ไหน ที่เราจะเผลอทีนึง แล้วรู้ตัว ดึงสติกลับมาตามดูทั้งกายอีกที..ระยะเวลาจะเป็นตีววัด ความสงบ ของการฝึกครับ..ความสงบที่ได้เรียก ฌาณครับ
    ส่วน การฝึกรู้ทันการทำงานของกาย และ ใจ ได้รู้ทันตามความเป็นจริง นี้เรียกว่า ญาณหรือปัญญาครับ

    ถ้าคุณฝึกได้ อ่ะนะ
     
  3. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,076
    ค่าพลัง:
    +3,024
    เรื่องลมหายใจ มันเป็น เครื่องอยู่ อานาปาณสติเป็นวิหารธรรม เมื่อฝึกสำเร็จ...
    พรหมวิหารธรรม ก็เป็นเครื่องอยู่ เมื่อฝึกสำเร็จ

    มาดูเรื่อง กาย(ลมหายใจเข้ากายในกาย) ลมหายใจออกนอกกาย....ระหว่างในกาย กับ นอกกาย มันมีความดันอากาศ อุณภูมิ ที่แตกต่าง...แต่การทำสามาธิเพื่อให้เกิดความสงบและเข้าถึง ความสงบนั้น ก็เพื่อให้ เกิด ความดันอากาศในกายและนอกกาย มีค่าเท่ากัน..โดยรู้ได้ด้วยสติและ ใจ...เมื่อ กายเบา ใจเบา...เกิดความสงบ นั่นแสดงว่า ลมหายใจมันเป็นของมันเอง ไม่มีใครบังคับควบคุม..สติ จึงเป็นตัวรู้..ว่า อะไรคือเมื่อเกิดความสงบ

    และ เมื่อเราฝึกดูกายดูใจ ด้วยสติ ทุกอิริยาบท ทั้งวัน...ถ้าเกิดการเบากายเบาใจ นั่นแสดงว่า ทำถูกทางแล้ว...สงบแม้ ยามเคลื่อนไหว อยู่ในฌาณแม้ยามตื่น
     
  4. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,076
    ค่าพลัง:
    +3,024
    แต่ สุดท้าย..ทางแห่งความพ้นทุกข์..ก็คือ สติปัฏฐานสี่ นั่นเอง (กรรมฐาน) เพราะเป็นการฝึกสมาธิและวิปัสสนา ไปพร้อมๆกัน...พร้อมๆกันแปลว่า เจริญไปควบคู่กัน..หนุนกันและกัน..เหมือนขั้นบันไดกับคนเดิน นั่นเอง

    นี่คือส่วนของการเกิดปัญญาที่พาพ้น ทุกข์...
     
  5. ros

    ros เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    187
    ค่าพลัง:
    +218
    ขอบคุณทุกคำแนะนำค่ะ จะพยายามค่ะ เพราะสนใจมาทางด้านนี้มานานแล้วถึงแม้ว่าจะติดภาระที่ต้องรับผิดชอบหลายอย่าง ขอบคุณค่ะ ถ้าฝึกก้าวหน้าไปได้บ้างจะแจ้งให้ทราบนะคะ ขอบพระคุณมากค่ะ สาธุๆๆอนูโมทนา
     
  6. ros

    ros เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    187
    ค่าพลัง:
    +218
    เวลานั่งสวดมต์โดยไม่ออกเสียงมองไปที่บนนิ้วชี้ที่เราพนมมืออยู่ มีความรู้สึกปวดกระบอกตา คงจะเป็นเพราะสายตายาว ก็เลยไปมองที่เงาของเปลวเทียนที่ตกลงที่พื้นกระดานจะได้ไหมคะ แต่ก็มีความรู้สึกดีกว่ามองที่บนปลายนิ้วชี้ และขณะที่สวดในใจไปเรื่อยๆโดยสายตามองไปที่เงาของเปลวเทียนที่พื้นกระดาน จะมีความรู้สึกว่าความสงบกำลังจะเข้ามา แต่มีอาการขนลุกรอบๆศรีษะอาการนี้เกิดจากอะไรหรือคะ หลายครั้งแล้วที่มีอาการแบบนี้ แต่พอกำลังจะสงบจริงๆก็จะรู้สึกตัวกลับคืนมาทุกที แต่ก็จะพยายามต่อไปเพราะตอนนี้ก็มุ่งไปที่หาความสงบค่ะ
     
  7. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,430
    ค่าพลัง:
    +35,010
    ตึงไปครับ ตอนนี้เราไม่ได้ฝึกตบะ เพื่อเอากำลังจิตหรืออะไรครับ
    แม้ว่าฝึกเพ่งแบบไม่หลับตาเลยได้ มันก็ยังมีเสื่อมได้ครับ..
    ตอนนี้เราเน้นฝึกเพื่อให้ตัวจิตเราเข้าถึงครูบาร์อาจารย์
    เข้าถึงพระรัตนตรัยให้ได้จริงๆก่อนครับ
    จริงอยู่แม้ว่า จะทำอย่างอื่นมันง่ายแล้วรู้สึกสงบได้เร็ว
    แต่ว่ามันยังไม่พอสำหรับการที่จะพัฒนาต่อยอดยังไงหละครับ
    ส่วนสายตาเรามองไปถ้าเหนื่อยก็พักสายตาครับ
    กระพริบตาก็ได้ หลับตาก็ได้
    ไม่ใช่ให้ไปเพ่งตลอดแบบไม่หลับตาเลยนะครับ
    การพนมมือ มองผ่านเหนื้อนิ้วชี้ เป็นอุบายอย่าง
    หนึ่งที่แสดงถึงความตั้งมั่น แสดงความเคารพข้างบน
    แสดงถึงความเคารพพระรัตนไตยด้วยครับ
    หมายถึงว่าทุกสิ่งทุกอย่างแม้เห็นได้
    ด้วยตาแต่เราก็ยึดเอาอะไรไม่ได้เลยนั่นหละครับซึ่งจะ
    เป็นการโน้มที่ช่วยให้ตัวจิตเข้าถึงข้างบนได้เร็วขึ้นครับ
    กิริยาขนลุกที่เกิดขึ้น เป็นแค่เบื้องต้นมากๆในการรับรู้ได้เท่านั้นครับ
    ซึ่งยังต้องมีพัฒนาการไปมากกว่านี้อีกครับ
    ถ้าจำได้นะครับ เคยบอกไปแล้ว ไม่ว่าจะรับรู้
    หรือสัมผัสอะไรได้ก็ตาม อย่าไปสนใจกิริยา
    ระหว่างทางที่เกิด เพราะมันจะทำให้เราไปได้ช้าลงครับ
    ให้ตั้งเป้าไว้ว่าเห็นมวลอากาศรอบๆตัวเรามันใสๆ
    ขึ้นข้างบนด้วยตาเปล่าๆเลยครับ
    กิริยาอะไรก็ตาม ที่เกิดระหว่างนี้ ให้นึกไว้เสมอว่า
    เกิดได้เป็นเรื่องปกติ ถ้านึกอะไรไม่ออก ก็ให้คิดว่า
    ช่างมัน ไม่สน..จนกว่าจะเห็นอากาศใสๆขึ้นตรงได้พอ..
    และถ้าเราถึงที่เราตั้งเป้าไว้ตอนแรกได้

    จำไว้เลยนะครับว่า ทุกๆกิริยาที่เราเคยผ่านมา
    เราจะเกิดเครื่องรู้ ไปย้อนรู้ได้ด้วยตัวเอง
    ทุกๆกิริยาด้วยตัวจิตของเราเอง โดยไม่ต้อง
    มาถามใครให้เสียเวลา ให้ขวาง ให้ช้า
    ในการปฏิบัติของเราครับ..
    เพราะฉนั้นอย่าไปอยากรู้ว่ามันคืออะไร
    ว่ามันเพราะอะไร ถ้าเราไม่รู้เลย ณ เวลานั้นนะครับ
    ให้ทำไปเรื่อยๆของเรานั่นหละครับ

    ปล.แต่ที่บอกก่อนหน้า บอกเฉยๆ
    แต่อย่าสนใจอีกนะครับ
    อะไรที่จิตจะรู้ มันจะรู้เลยภายในเสี้ยววินาทีครับ
    พวกนี้ยิ่งคิดยิ่งไม่รู้ ยิ่งทำให้เราไปได้ช้านะครับ
    พอเข้าใจที่พูดนะครับ
     
  8. ชมทรัพย์

    ชมทรัพย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มิถุนายน 2015
    โพสต์:
    551
    ค่าพลัง:
    +248
    ่ืjna >

    วิแคะ รู้สึกจะกังวลเกี่ยวกับเรื่องอาการทางร่างกายอยู่มาก

    เดา ถ้าวางจิตเป็นกลางกับร่างกายหรืออาการความรู้สึกที่ปรากฏทางกายได้ นี้ก็เกิดเป็นฐานความรู้ความสงบอาการยินดียินร้ายของจิต วิธีหนึ่ง
     
  9. bigtoo

    bigtoo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    2,345
    ค่าพลัง:
    +1,448
    จิตตรู้ลมหายใจเข้าก็ดวงหนึ่ง. จิตรู้ลมหายใจออกก็ดวงหนึ่ง. จิตที่รู้ลมหายใจเข้าออกเป็นจิตคนละดวงกันก็จิตอีกดวงหนึ่ง. เนี่ยรูปนามเกิดดับ
     
  10. wisarn

    wisarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    727
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +2,505
    สวดมนต์ไป แล้วก็รู้ทันวาระจิตตนเองไปด้วย ว่าเผลอไปตอนไหน สวดๆ ไป จิตแอบไปทำงานอะไร ก็ให้รู้ทันด้วย จึงจะเกิดญาณปัญญา พัฒนาต่อไปเป็นวิปัสสนาได้
     

แชร์หน้านี้

Loading...