ประสบการณ์ทางจิต เผชิญพญาครุฑ

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย บ้องแบ้ว, 22 กันยายน 2016.

  1. บ้องแบ้ว

    บ้องแบ้ว นางฟ้าผู้น่ารัก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    3,293
    กระทู้เรื่องเด่น:
    105
    ค่าพลัง:
    +5,301
    "ประสบการณ์ทางจิต เผชิญพญาครุฑ"

    มหัศจรรย์ เรื่องจริงที่เหลือเชื่อ "ปรากฏการณ์เผชิญหน้าพญาครุฑในกรุงเทพ"

    (ความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณ)

    ความเชื่อว่าพญาครุฑเกิดจากจินตนาการของคนเรานี่เองไม่ใช่เรื่องจริง รู้มาจากภาพวาด จากรูปปั้น ผู้เขียนก็เคยคิดแบบเดียวกันกับคนอื่นๆเหมือนกัน เคยเห็นในธนบัตรและตามหน้าธนาคารต่างๆ พญาครุฑยังเป็นตราสัญลักษณ์ของข้าราชบริพารในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ประชาชนคนไทยให้ความเคารพเทิดทูนเหนือเกล้า ดังนั้นจึงมีความคุ้นเคยกับพญาครุฑก็เพราะสาเหตุนี้ และจากความเชื่อของคนอีกกลุ่มหนึ่งที่เชื่อเรื่องของมิติ ที่ถูกปลูกฝังมาว่าพญาครุฑเป็นมนุษย์ครึ่งคนครึ่งสัตว์อยู่ในแดนป่าหิมพานต์ มนุษย์ธรรมดาอย่างพวกเราไม่สามารถรู้ได้ว่า ป่าหิมพานต์ที่เล่ามาอยู่แห่งหนใด ใกล้หรือไกลหรือเป็นเพียงแค่นิทาน พญาครุฑไม่ค่อยมีคนพูดถึงว่าเคยพบเห็น ต่างกับพญานาคที่มีคนเคยพบเห็นพูดถึงบ่อยๆ ทั้งพญาครุฑกับพญานาคมีการเล่าขานมาว่า ทั้งสองไม่ถูกกันเป็นศัตรูกันมานาน พบกันเมื่อใดเป็นต้องต่อสู้กัน ทำให้สงสัยว่าพญาครุฑไม่ค่อยปรากฏให้คนเห็น (ผู้เขียนคิดแบบตลกๆว่า สงสัยพญาครุฑคงขี้เหร่และขี้อายมั้ง จึงไม่กล้าให้ผู้ใดพบเห็น)

    [​IMG]

    แล้ววันหนึ่ง โลกเร้นลับมิติของพญาครุฑเปิดออกให้ผู้เขียนที่เป็นคนขี้สงสัยได้หมดข้อกังขาที่ว่า พญาครุฑนั้นมีจริงหรือไม่จริง เรื่องเล่าต่อไปนี้ต่อเนื่องจากตอนที่ท่านผู้เฒ่าทั้งสามผู้มาจากสระอโนดาตภูกระดึง ได้คาดโทษผู้เขียนและบอกว่าจะไม่มาให้ผู้เขียนเห็นอีก ขอให้ท่านผู้อ่าน อ่านเรื่องพญานาคตอนต่อจากเรื่องนี้แล้วจะเข้าใจต่อเนื่องได้ดี บทความตรงนี้ขอให้ท่านผ่านไปก่อน หลังจากท่านผู้เฒ่าบอกว่าจะไม่มาให้เห็นอีกต่อไป ความเป็นอยู่ของผู้เขียนจะไม่ได้รับการช่วยเหลือ ทรัพย์สินเงินทองที่มีอยู่จะค่อยๆหมดไปจนกว่าท่านผู้เฒ่าจะยกโทษให้

    วันหนึ่งถึงเวลาที่จะรู้ความจริง ในขณะที่ผู้เขียนนั่งสมาธิอยู่และมีความรู้สึกตัวตลอด จิตของผู้เขียนมองเห็นสถานที่แห่งหนึ่งมีแสงสว่างสลัวๆ ได้มองเห็นผู้ชายคนหนึ่งยืนอยู่ ผู้ชายคนนั้นมีรูปร่างแปลกประหลาด ผู้เขียนไม่รู้สึกกลัวแต่อย่างใด เขาไม่ได้พูดกับผู้เขียนแม้แต่คำเดียว ยืนนิ่งเฉยปล่อยให้ผู้เขียนมองเพ่งพิจารณา ตั้งแต่ใบหน้า ผมหยิกหยองปกต้นคอดำสนิท หน้าผากมนนูนกว้างพอประมาณ หนังตานูน ขนตายาว นัยตาสีอำพัน โหนกแก้มนูนขึ้น สันกรามกว้างเรียวแหลมมาที่ปลายคาง ช่วงจมูกเป็นแบบปากนกคล้ายปากนกแก้วแต่งุ้มน้อยกว่า จะงอยปากสีเหลืองสด ลำคอใหญ่ไหล่กว้าง อกใหญ่ แขนใหญ่ เอวเล็ก มีกล้ามท้องเป็นชั้นๆ เหมือนนักกล้ามร่างกำยำแข็งแรง

    ต่อจากเอวลงไปตั้งแต่สะโพกจะมีรูปลักษณ์แบบไก่ชน จนกระทั่งถึงขาที่เหมือนขานกทั่วไป ขามีสีเหลืองสด อุ้งเท้าใหญ่โตมาก ร่างครึ่งคนครึ่งนกยืนปรากฏให้ดูเฉยไม่พูดอะไร จากนั้นก็ค่อยๆ หันหลังกลับ ทำให้มองเห็นปีกอันใหญ่โตที่ติดอยู่ตรงสะบักหลังทั้งสองข้าง ปีกหุบเข้าหากันยาวถึงข้อเข่าที่เป็นขานก พู่หางก็ไม่ต่างจากนกและไม่ได้นุ่งผ้ามีเพียงขนปกคลุมไว้เท่านั้น เครื่องประดับประเภทสังวาลย์ก็ไม่มีแม้แต่ชิ้นเดียว ไม่เหมือนที่เราเห็นในรูปภาพวาด ผิวออกสีน้ำตาลอมทองเป็นมันวาว คล้ายกับนักกล้ามที่ทาน้ำมันทำให้มองดูแปลกๆ ร่างครึ่งคนครึ่งนกนั้นรู้ว่าผู้เขียนเพ่งพิจารณาเขาเรียบร้อยแล้ว จึงเอาแขนแนบกับลำตัวแล้วพุ่งทะยานจากพื้นขึ้นสู่ฟ้า พอได้ระดับความสูงแล้วจึงขยับปีกบิน ก่อนที่จะบินจากไปผู้เขียนได้ถามเขาว่า
    “ท่านจะไปไหน”
    สื่อสัมผัสตอบกลับมาว่า
    “กลับรัง”

    พอได้ยินคำตอบเช่นนั้นรู้สึกตกใจคิดว่าคงไม่ใช่พญาครุฑจริง อาจจะเป็นปริศนาเกี่ยวกับเหตุที่จะเกิดขึ้น เพราะครุฑก็คือเงิน ในธนบัตรที่ใช้กันอยู่นั้นจะมีรูปครุฑติดอยู่เป็นสัญลักษณ์ ถ้าจะแปลความหมายว่า คงจะมีเหตุให้ต้องสูญเสียเงินไป ซึ่งตรงกับที่ท่านผู้เฒ่าได้คาดโทษเอาไว้ ทำให้ไม่สบายใจจิตจึงถอนออกแล้วนั่งพิจารณาสาเหตุ ขออย่าให้เรื่องไม่ดีเกิดขึ้นเลย สำหรับพญาครุฑที่เห็นในครั้งนั้น ผู้เขียนจำได้ติดตาจนถึงทุกวันนี้ และจำท่าโจนทะยานได้ไม่เคยลืม เป็นท่าที่สวยงามมากสมกับเป็นเจ้าใหญ่แห่งนกจริงๆ รูปร่างสง่างามครึ่งคนครึ่งนกที่เรียกขานกันว่า "พญาครุฑ"

    หลังจากผู้เขียนได้เห็นครั้งนั้นและมีผู้ไม่ปรากฏกายมาสอนให้เขียนหนังสือ พญาครุฑก็ได้มาปรากฏให้เห็นอีกครั้ง เพราะนึกภาพพจน์ของท่านเพื่อที่จะเขียนหนังสือไม่ออก ครั้งหลังนี้ผู้เขียนบอกว่าผู้คนเขาอาศัยภาพของท่านทรงเครื่องประดับ ถ้าหากภาพท่านตามความเป็นจริงที่มองเห็น เขาคงจะขัดแย้งตามความรู้สึกที่ได้เคยเห็นภาพของท่านจากรูปปั้นหรือภาพวาด ขอให้ท่านแต่งเครื่องทรงยืนให้ผู้เขียนดู เพื่อบรรยายภาพในการเขียนนวนิยาย เรื่องตำนานรักข้ามภพด้วย แล้วภาพพญาครุฑก็เปลี่ยนเป็นภาพดังที่บรรยายไว้ในหนังสือ ถ้าอยากรู้ว่าเป็นอย่างไรก็ต้องหาอ่านกันเอาเองก็แล้วกัน

    จบเรื่องที่ได้สัมผัสเห็นพญาครุฑแล้ว ผู้เขียนก็ยังค้างคาใจอยู่ เพราะไม่มีอะไรเป็นเครื่องพิสูจน์ ต่อมาเพื่อนของลูกชายคนหนึ่งเป็นลูกชายของข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง ถ้าเอ่ยชื่อท่านผู้อ่านอาจรู้จัก เพราะเคยเห็นทางหน้าหนังสือพิมพ์หรือทีวี ผู้เขียนเห็นเด็กคนนี้มาหลายปีแล้ว เขากับลูกชายเป็นเพื่อนรักกันสมัยเรียนหนังสือมัธยมมาด้วยกัน
    วันหนึ่งเพื่อนลูกชายคนนี้ได้มาคุยกับผู้เขียน และมาถามเรื่องพญาครุฑที่เขาเคยเห็นว่า พญาครุฑมาได้อย่างไรและมาจากไหน เขาได้เล่าให้ผู้เขียนฟังว่า บ้านเขาอยู่แถวพงษ์เพชรหมู่บ้านชินเขต เย็นวันหนึ่งเขาขับรถกลับเข้าบ้าน วันนั้นไม่มีใครอยู่บ้านจึงจอดรถแล้วเอากุญแจลงไปไขประตูบ้านเอง

    ขณะนั้นเองได้มีลมพัดมาวูบใหญ่พัดปะทะเข้ากับใบหน้า แต่เขาก็ไม่สนใจยังคงไขประตูต่อไป เมื่อไขประตูออกแล้วได้มีลมพัดมาอีกวูบใหญ่ปะทะเข้ากับใบหน้าแรงกว่าครั้งแรก เขาจึงหันไปมองที่รั้วบ้าน ทันทีที่เขามองเห็นก็ต้องตกใจ เพราะที่กำแพงรั้วบ้าน เขาเห็นนกประหลาดตัวใหญ่โตมากยืนเกาะกำแพงรั้วบ้านโดยใช้อุ้งเท้าอันใหญ่จับขอบกำแพงรั้ว และกำลังเอียงคอมองมาทางเขา ด้วยความตกใจเขาจึงรีบเปิดประตูแล้ววิ่งเข้าบ้านไป พอตั้งสติได้แล้วจึงค่อยๆ ย่องออกมาดูที่กำแพง แต่ก็ไม่พบนกประหลาดครึ่งคนครึ่งนกไม่รู้ว่าหายไปไหน
    ผู้เขียนอยากจับผิดจึงถามเขาว่า

    “พญาครุฑตัวโตขนาดไหน”
    “สูงประมาณร้อยแปดสิบเซ็นติเมตรได้”
    “รูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร”
    “หน้าเหมือนคน ปากเหมือนนกมีสีเหลือง ไหล่กว้างอกล่ำแบบนักกล้าม ท่อนล่างจากเอวลงมาเหมือนไก่ อุ้งเท้าใหญ่คีบเกาะอยู่บนกำแพง”
    เพื่อให้แน่ใจว่าที่เขาบอกมานั้นตรงกับที่ผู้เขียนเคยเห็นหรือเปล่า จึงได้ถามเพื่อพิสูจน์เป็นคำถามสุดท้ายว่า
    “พญาครุฑมีเครื่องทรงเครื่องประดับแบบไหน”
    เด็กหนุ่มตอบว่า
    “พญาครุฑไม่ได้นุ่งผ้าและไม่มีเครื่องประดับอะไร”

    ขอให้ท่านผู้อ่านลองพิจารณาดู พญาครุฑในความเคยชินของพวกเรานั้น จะต้องมีเครื่องทรงเครื่องประดับ มีสร้อยสังวาลย์ตามที่เคยเห็นในภาพวาดหรือรูปปั้น แต่ที่ผู้เขียนกับเด็กหนุ่มเห็นมาตรงกัน ซึ่งแตกต่างจากภาพวาดโดยสิ้นเชิง ในความรู้สึกส่วนตัวและความเคยชินก็เหมือนท่านผู้อ่าน ที่จะชินกับภาพลักษณ์ของพญาครุฑที่เห็นตามหน้าธนาคาร ตามวัดและตามสถานที่ต่างๆ จะแต่งตัวทรงเครื่องประดับมีสังวาลย์ห้อยคอ ถ้าหากไม่มีภาพซ้อนขึ้นมาให้เห็นคงนึกไม่ถึง ว่าภาพของพญาครุฑจะไม่ได้นุ่งผ้าไม่มีเครื่องประดับ ผู้เขียนจึงไม่ลังเลที่จะเชื่อว่าเด็กหนุ่มคนนี้ได้เห็นพญาครุฑจริง เด็กหนุ่มคนนี้เป็นคนใกล้ตัวที่จะเป็นพยานให้ผู้เขียน เชื่อในสิ่งที่เห็นมาทางจิตสัมผัสว่าสิ่งนั้นเป็นความจริง
    เด็กหนุ่มคนนี้ได้ถามผู้เขียนว่า

    “ทำไม..? พญาครุฑถึงได้มาปรากฏในกรุงเทพฯ มาให้เห็นได้อย่างไร? แล้วทำไม? คนกรุงเทพฯ อื่นๆ ไม่เห็น” คำถามอันนี้ก็หาคำตอบทันทีทันใดไม่ได้ เพราะผู้เขียนเองก็สงสัยเหมือนกันว่าเป็นไปได้อย่างไร? ก็ต้องพึ่งปัญญาสมาธิกำหนดจิตถาม ไม่นานความรู้ก็ผุดขึ้นมาเป็นคำตอบที่จิตว่า การที่พญาครุฑมาปรากฏให้เด็กหนุ่มคนนั้นเห็น ตัวพญาครุฑเองยังคงอยู่ในถิ่นที่อาศัยภพแดนของพญาครุฑ ฝ่ายเด็กหนุ่มก็อยู่ในบ้านภพแดนของมนุษย์ จังหวะนั้นเองที่มิติระหว่างภพมนุษย์กับมิติของภพพญาครุฑเปิดตรงกันพอดี พญาครุฑที่ยืนเอียงคอมองเด็กหนุ่ม ในความเป็นจริงแล้วพญาครุฑยืนเกาะกิ่งต้นไม้ใหญ่ ส่วนเด็กหนุ่มยืนไขประตูบ้านอยู่ที่บ้านของตนเอง

    พญาครุฑก็ยืนเอียงคอมองด้วยความสงสัยเหมือนกันว่า เจ้ามนุษย์มาปรากฏในถิ่นภพแดนของตนได้อย่างไร? มาทำไม? ส่วนเด็กหนุ่มก็ตกใจกลัว พญาครุฑมาปรากฏได้อย่างไร? ทำไม? จึงมายืนเกาะบนกำแพงรั้วบ้านตนเอง อีกนัยหนึ่งคงเป็นเพราะทั้งสองคงเคยมีความผูกพันเกี่ยวข้องกันมาในภพชาติไหน จึงทำให้มองเห็นซึ่งกันและกันได้ทั้งๆที่อยู่ต่างภพกัน
    สรุปเรื่องนี้ก็คือ มิติเปิดชั่วครู่ตรงกันพอดีแค่นั้นเอง เรื่องของพญาครุฑที่ผู้เขียนเคยสัมผัสเห็นและมีส่วนในการช่วยให้เขียนหนังสือ เรื่องตำนานรักข้ามภพ ทำให้เชื่อว่าสิ่งที่คนโบราณพูดกันมันมีมูลความจริง ส่วนเด็กหนุ่มเองก็ยังไม่เคยฟังผู้เขียนเล่าเรื่องนี้มาก่อน

    เรื่องของพญานาคและพญาครุฑ ว่ามีจริงหรือไม่ เกี่ยวข้องกับผู้เขียนอย่างไรก็ได้เล่าสู่กันฟังจบลงเพียงแค่นี้ สำหรับผู้เขียนยังไม่จบ ยังคงต้องมีเรื่องอีกมากมายเข้ามาเป็นบทเรียนให้ได้เรียนรู้ ตราบใดที่ยังนั่งสมาธิและมีลมหายใจอยู่ เรื่องราวต่างๆ ก็ยังคงเข้ามาผจญไม่มีวันจบสิ้น.
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. แก้วจุฬามณี

    แก้วจุฬามณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    149
    ค่าพลัง:
    +246
    เคยอ่านแล้ว เมื่อหลายปีก่อนที่เวปนี้แหละ
     
  3. ผู้เฝ้าดู

    ผู้เฝ้าดู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ธันวาคม 2013
    โพสต์:
    116
    ค่าพลัง:
    +184
    ลองดูนาทีที่ 2.50

     
  4. นาคแก้ว

    นาคแก้ว Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    59
    ค่าพลัง:
    +66
    เราคิดว่าเราจะเห็นพญาครุฑแบบนี้คนเดียวซะอีก เราเห็นในฝันนะ เห็นหลังจากวันที่ทำงานตั้งตราครุฑในคืนเดียวกันนั้นเลย ท่านตัวสีแดงเพลิงทั้งตัว ดุ แต่ก็ดูใจดีในเวลาเดียวกัน ลักษณะเหมือนกระทู้ด้านบนนี่ละ
     
  5. SegaMegaHyperSuperCyberNeptune

    SegaMegaHyperSuperCyberNeptune "โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านกระทู้ผม"

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2011
    โพสต์:
    4,087
    ค่าพลัง:
    +3,394
    คนละสปีชี่รวมกันได้ ฝันเท่านั้น
     
  6. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    ครุฑที่เห็น ถ้าเป็นของจริง น่าจะเป็นอย่างนี้นะครับ


    คือ ครุฑธรรมดา แต่ยังไม่ใช่พญาครุฑครับ พญาครุฑเขาจะมีอำนาจมีบริวาร
    เครื่องทรงก็มีอลังการอย่างที่เห็นในภาพวาด ส่วนคำว่ามิติเปิดนี่ไม่ใช่อย่างที่
    เข้าใจนะครับ มิติเปิดแล้ว เหมือนพระพุทธเจ้าเปิดสามภพ แต่กรณีนี้เกิดจาก
    พระโพธิสัตว์บำเพ็ญบารมีกัน ทำให้เปิดไม่ได้สามภพ แต่เปิดได้บางมิติครับ
    มิติของป่าหิมพานต์อาจเปิด และครุฑจึงมายังโลกมนุษย์ได้ เพื่อมาบำเพ็ญ


    ถ้าครุฑหาร่างใครบำเพ็ญไม่ได้ ก็เชิญมาที่นี่ได้เลยครับ ผมบำเพ็ญบารมีอยู่
    ตลอด ไม่เหนื่อย บำเพ็ญจนกว่าจะตายน่ะละ ที่บ้านก็เลี้ยงนกหงส์หยก และ
    นกคุ้มด้วย ทำงานก็สื่อสารทางเน็ต สื่อสารธรรม ได้บารมีเร็วเลยละครับ มาๆ
    เลย เชิญๆ ทางนี้เลยครับ ผมเคยโปรดครุฑมาแล้ว พอเข้าใจ มีองค์หนึ่งไป
    เฝ้าประจำที่ปราสาทหินแห่งหนึ่งแต่เพราะวู่วามไปหน่อยเลยเสียชีวิตน่ะครับ


    ป่ะ เราไปบำเพ็ญบารมีอย่างอิสระกัน
    ~ อุกะกานัง อุกะกานัง อุกะกานัง ~
     
  7. บุคคลทั่วฺไป

    บุคคลทั่วฺไป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    2,159
    ค่าพลัง:
    +1,231
    ยืนยันอีกหนึ่งเสียง :cool:
     
  8. gratrypa

    gratrypa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2011
    โพสต์:
    1,283
    ค่าพลัง:
    +1,505
    เขียน ๑๑.๑๗

    แบบนี้หรือเปล่าครับ การหาร่างใครมาบำเพ็ญ
    ภาพนี้ ก็พอโมเมได้นะ ว่าเป็นครุฑ ใส่หน้ากากอ่ะ
    ไม่ให้ใครจำได้ หรือว่า ใส่หน้ากากแล้ว เป็นใครก็ได้
    ถ้างั้น ใครพลังจิต หรือบารมีถึง ก็เรียกใช้พลังได้รึป่าวน๊า
    อุ๊ย...ด้านล่างของภาพ เห็นอะไรแว๊บๆ ใช่พี่น้องนาครารึป่าว


    [​IMG]

    ขอยืมมาจากหน้านี้อ่ะ http://palungjit.org/threads/%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E%E0%B8%8A%E0%B8%B8%E0%B8%94%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%94%E0%B8%A1%E0%B8%AB%E0%B8%B1%E0%B8%A8%E0%B8%88%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A2%E0%B9%8C-%E0%B8%A5%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%87%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%9A%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%9A-%E0%B9%83%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%94%E0%B8%B9%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%9A%E0%B9%89%E0%B8%B2-%E0%B8%99%E0%B8%B0%E0%B8%88%E0%B9%8A%E0%B8%B0-%E0%B8%99%E0%B8%B0%E0%B8%88%E0%B9%8A%E0%B8%B0.511157/



    แล้วยังมีกลอนมนตราอีกท่อนนึงนะ ที่น่าสนใจ ความว่า

    ...ครุฑโวยตามลม สมใจจริงโว้ย
    ขับหัวขโมย ให้โกยไกลตา
    ข้านี้แสนเบื่อ เหลือเชื่อสายตา
    อึดอัดวิญญา แมวบ้ากินเมือง
    เดี๋ยวรอเล่นเรื่อง สร้างเมืองยุคใหม่
    เฉิดโฉมไฉไล ขาใหญ่จงออกมา



    คิดว่า ท่านครุฑคงเบื่อเมืองไทยมั้ง
    เลยต้องออกมาโชว์พาวซะหน่อย
    กลอนมนตราบทนี้ นานแล้ว
    ก่อนบิ๊กตู่จะขยับ นะ

    แต่แหม..เขียนแล้วคิดถึงจังอ่ะ
    เอากลอนมนตราบทนั้น
    มาลงทั้งบทดีกว่า
    โยงกันให้มั่ว


    ข้าคือ นักรบแสง...ผู้โรยแรง แสงใกล้สิ้น เพียงหวัง ใครได้ยิน แสงใกล้สิ้น ส่งเสียงมา... - หน้า 23

    ท่านดอกไม้แช่แข็ง คิดว่าไงครับ
    ครุฑออกมาปกป้องแผ่นดิน
    พอจะโมเมเช่นนี้ได้ไม๊
    ในนิทานนะ หึหึหึ


    กระต่ายป่า แห่งหมู่บ้านในนิทาน / พี่น้องญาติเพื่อน ฝั่งโน้น

    .
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

แชร์หน้านี้

Loading...