บนบานอย่างไรให้ได้ผล ได้สิ่งที่ต้องการเร็วขึ้น

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย บ้องแบ้ว, 5 ตุลาคม 2016.

  1. บ้องแบ้ว

    บ้องแบ้ว นางฟ้าผู้น่ารัก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    3,293
    กระทู้เรื่องเด่น:
    105
    ค่าพลัง:
    +5,301
    การไปขอพร หรือการไปบนบานใด ๆ ต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ปวงเทพเทวา และดวงจิตวิญญาณที่มีฤทธิ์นั้นเป็นเรื่องที่คนหลายคนนิยม เรื่องที่สำคัญก็คือ "พลังจิต" เพราะพลังจิตที่กล้าแกร่งมีสมาธิเป็นหนึ่งเดียวนั่นคือ แรงส่งมหาศาล ที่จะนำแรงสัจจะอธิษฐานในการบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ให้ได้ผลตามที่มุ่งหวัง ซึ่งขอให้เข้าใจเสียก่อนว่า พลังจิตที่เราใช้เป็นแรงส่งหรือเชื่อมกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์นี้ เป็นเพียงพลังส่งการไปขอพร ขออำนาจบุญบารมีจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์

    เป็นการไปขอ ไม่ใช่เป็นการไปบังคับกะเกณฑ์เหล่านั้น ซึ่งเราไม่มีอำนาจอะไรไปบังคับท่านได้ว่าท่านจะต้องช่วยหรือไม่ช่วย และรับรองได้ว่าคนที่กำลังเกิดทุกข์นั้นไม่มีพลังจิตพอด้วย เพียงไปขอความเมตตาจากท่านเท่านั้น!! ท่านเหล่านี้จะอวยพรสำหรับคนที่มีบุญและถึงเวลาที่บุญส่งผลเท่านั้น



    หลักในการบนบานให้ได้ผล

    การบนบาน นั้น ขอให้ทำความเข้าใจให้ดีเสียก่อน ว่า เราเข้าไปหาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายนั้น เราไปเพื่อทำการ “ขอพร ขอบุญบารมี” ขอโมทนาพระคุณความดีของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ช่วยเหลือปกป้องคุ้มครองและอวยพรให้สมประสงค์โดยเร็ว แต่ ไม่ใช่ การ เอาของเซ่นไหว้ เพื่อ “ติดสินบน” ท่านเพื่อให้ท่านลงแรงช่วยทำให้ ต้องเข้าใจจุดนี้ให้ดี เพราะเป็นจุดสำคัญทีเดียวว่าท่านจะช่วยหรือไม่ช่วยเรา

    การพยายามเอาของทั้งหลายไปล่อใจให้เหล่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เป็นการก่อกรรม ทางอ้อมร่วมกับตัวของเราเองอีก ซึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายที่อยู่ในภพภูมิที่ดีอยู่แล้ว ท่านย่อมไม่ปรารถนาที่จะ สร้าง กรรม ไม่ดีกับเราเป็นแน่ ท่านสภาวะเป็นกายทิพย์ กายละเอียดแล้ว ไม่ต้องการของพวกนี้แน่นอนเพราะไม่มีประโยชน์อันใดแล้ว

    ที่สำคัญก็คือ หากเราเป็นคนที่ชักชวนให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ร่วมก่อกรรมที่ไม่ดีเพราะ นำสิ่งของจะไปติดสินบนท่านแล้ว เราก็จะได้รับผลของกรรมที่ทำไว้ด้วย เวลาที่ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายท่านช่วยอำนวยพรให้ผลกับเรา เพราะ ท่านได้ให้ความเมตตา ไม่ได้หวังเรื่องของเครื่องเซ่นไหว้ ใด ๆ สำหรับดวงจิตวิญญาณที่อยู่ในชั้นที่ต่ำกว่า เช่น เจ้าพ่อ เจ้าแม่ บรรพบุรุษ บุคคลสำคัญที่เคยสร้างคุณงามความดีนั้น บางท่านอาจจะยังต้องการเรื่องของเซ่นไหว้อยู่ เราต้องพิจารณาให้ดีว่า เราไปบนบานกับท่านใด ในระดับใด

    ถ้าเป็นพระอริยบุคคล พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ทางศาสนา ขอย้ำอีกครั้งว่าอย่าได้เอาเครื่องเซ่นสังเวยอันใดไปบนบานท่าน เพราะนอกจากท่านไม่ช่วยแล้ว คยที่ไปบนยังเสียเงินฟรี เป็นธุระจัดหาสิ่งของเสียทั้งเงิน เสียทั้งเวลา ต้องใช้การปฏิบัติบูชาเท่านั้น สิ่งของที่เป็นอามิสบูชาทั้งหลายให้งดเว้น เพียงดอกไม้ ธูปเทียน และใจที่ตั้งมั่นบริสุทธิ์ ด้วยบุญที่เราเพียนทำอย่างไม่ย่อท้อ ท่านคงเมตตาเราแล้ว การไปขอบนบานหรือขอพร ที่จะดลบันดาลให้ประสบความสำเร็จคือ เราต้องรู้จักขอพรอย่างมีสติ รู้ว่าเรากำลังทำอะไร ทำบุญมามากน้อยแค่ไหน ด้วยบุญและความดีเหล่านั้นเราก็ควรจะขอให้ พลังบุญนั้นเป็นกำลังใจให้เราได้สร้างความดีต่อๆ ไป

    การขอพรใด ๆ นั้นเป็นสิ่งที่ดี ขอได้ทุกโอกาส ขอได้กับ เทพ หรือ เทวดาทั้งหลายทุกพระองค์ ไม่ว่าจะเป็น เทพในระดับสูง อย่างพระพรหม พระพิฆเนศวร หรือ พระพุทธรูปตามวัดเก่าแก่ที่มีความศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย เมื่อตั้งมั่นศรัทธาในความดี บุญบารมีของตนเอง ความสำเร็จจึงจะบังเกิดขึ้นในการขอพร



    หลักสำคัญประการหนึ่งในการขอพรหรือบนบาน

    คือ ต้อง ขอแต่ในสิ่งที่ดีงามเท่านั้น สิ่งที่เป็นบาปกรรม หรือพิลึกพิเรนท์พิสดารนั้นอย่าได้ไปขอเด็ดขาด เวลาที่เรากำลังขอพรหรือบนบานใด ๆนั้น ต้องมีความศรัทธาในคุณงามความดีของท่านอย่างแท้จริง และจากบุญที่เราได้ตั้งใจทำเป็นบุญบริสุทธ์ ทั้งมีเจตนาครบ 3 กาล ทั้งก่อนทำ ขณะทำและหลังทำโดยยึดหลักพรหมวิหาร 4 เป็นที่ตั้ง คือ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา

    บุญที่มีอานิสงส์มากขึ้นอยู่ 3 ประการคือ วัตถุทานนั้นบริสุทธิ์ ผู้ให้นั้นบริสุทธิ์ ผู้รับนั้นบริสุทธิ์คือ มีเนื้อนาบุญสูง ที่ดูได้จากศีลที่ท่านถือ วัตรปฏิบัติที่ท่านทำ และเมื่อทำบุญแล้วต้องอุทิศเชื่อมบุญให้กับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ให้นึกเปรียบตัวเองเหมือนฝุ่นที่ เข้าไปกราบสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายด้วยความเต็มใจและยินดี มีความสุข เมื่อมีความสุขในใจ ความสำเร็จก็จะบังเกิด เราต้องปฏิบัติดี ทำดีอยู่ในศีลธรรม แล้วความสำเร็จจะเกิดขึ้นกับเรา

    การสวดมนต์หรือคาถาประจำสิ่งศักดิ์สิทธิ์นั้น ถือว่าเป็นการเชื่อมบุญและเป็นการแสดงความเคารพ ยอมรับในบุญบารมีของท่านเหล่านั้น ซึ่งควรจะปฏิบัติตาม เคล็ดการสวดนั้น จิตต้องนิ่งเสียก่อน แล้วถึงสวด ถ้าในขณะที่เราสวดนั้น มีอาการขนลุก ปีติในใจ น้ำตาไหลหรือมีแสงสว่างในจิตขึ้นมาแบบฉับพลัน ได้ยินเสียงสวดมนต์และเสียงกระซิบข้างหู อาการใดอาการหนึ่ง

    ขอให้พึงรู้ไว้เลยว่า สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ตรงหน้านั้น ท่านได้รับทราบถึงการมาของเราแล้ว ขอให้ตั้งจิตอธิษฐานขอท่านในสิ่งที่เราต้องการ เมื่อรับปากจะทำอะไรแล้วต้องทำให้ท่านเห็นเสียก่อน เช่น บอกว่าจะงดกินเนื้อสัตว์ 7 วันถ้าลูกชายได้งานทำ ก็จงงดกินเนื้อสัตว์เสียตั้งแต่วันที่บอกกับท่านเลย ถ้าบอกว่าจะจำเริญศีลภาวนา 3 เดือน กลับไปบ้านก็เริ่มได้เลย หรือบอกกับท่าว่าอยากจะสร้างพระพุทธรูป

    กลับไปก็เริ่มบอกคนให้มาช่วยกันสร้าง ตัวเราเองก็หากระปุกมาเก็บเงินรอไว้ได้เลย ไม่ต้องรอให้ได้ในสิ่งที่ต้องการแล้วจึงทำ อันนี้เป็นเคล็ดที่จะทำให้ได้ในสิ่งที่ต้องการเร็วขึ้น ต้องทำเสียก่อนแล้วจะได้ จงหมั่นเพียรทำบุญให้มาก ลดกรรมชั่วให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ จะเกิดการอัศจรรย์ขึ้นกับท่านแน่นอนในเร็ววัน
     
  2. บ้องแบ้ว

    บ้องแบ้ว นางฟ้าผู้น่ารัก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    3,293
    กระทู้เรื่องเด่น:
    105
    ค่าพลัง:
    +5,301
  3. k201

    k201 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    87
    ค่าพลัง:
    +364
    สาธุ ภันเต
     

แชร์หน้านี้

Loading...