ร่วมทำบุญบูชา มงคลสหัสธาตุรังสรรค์กรรมสิทธิ์หมื่นเขตแดนประทานพร(หมื่นฟ้ารวมหนึ่ง) พ่ออาจารย์พล

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย คุรุปาละ, 12 ตุลาคม 2014.

  1. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,100
    ค่าพลัง:
    +16,624
    พุทธทำนาย
    วันนี้ก็จะมาพูดกันถึงเรื่องพุทธทำนายนะครับ ลองอ่านและทบทวนกันดูว่ามีสิ่งใดที่เกิดขึ้นแล้วจริงหรืออะไรที่ยังไม่เกิดและกำลังจะเกิดบ้าง เรื่องนี้เป็นความเชื่อนะ ตามแต่จะพิจารณากันเลย

    มหาสุบินชาดก ว่าด้วยมหาสุบิน
    พระบรมศาสดา เมื่อประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหาร ทรงปรารภมหาสุบิน ๑๖ ข้อ ตรัสพระธรรมเทศนานี้ มีคำเริ่มต้นว่า ลาวูนิ สีทนฺติ ดังนี้.
    ดังได้สดับมา วันหนึ่ง พระเจ้าโกศลมหาราชเสด็จเข้าสู่นิทรารมย์ในราตรีกาล ในปัจฉิมยาม ทอดพระเนตรเห็นพระสุบินนิมิตรอันใหญ่หลวง ๑๖ ประการ ทรงตระหนกพระทัยตื่นพระบรรทม ทรงพระดำริว่า เพราะเราเห็นสุบินนิมิตรเหล่านี้ จักมีอะไรแก่เราบ้างหนอ เป็นผู้อันความสะดุ้งต่อมรณภัยคุกคามแล้ว ทรงประทับเหนือพระแท่นที่ไสยาสน์นั่นแล จนล่วงราตรีกาล
    ครั้นรุ่งเช้า พวกพราหมณ์ปุโรหิตเข้าเฝ้ากราบทูลถามว่า ข้าแต่พระมหาราชเจ้า พระองค์บรรทมเป็นสุขหรือ พระเจ้าข้า?
    รับสั่งตอบว่า ท่านอาจารย์ทั้งหลาย เราจักมีความสุขได้อย่างไร เมื่อคืนนี้เวลาใกล้รุ่ง เราเห็นสุบินนิมิตร ๑๖ ข้อ ตั้งแต่เห็นสุบินนิมิตรเหล่านั้นแล้ว เราถึงความหวาดกลัวเป็นกำลัง
    เมื่อพวกปุโรหิตกราบทูลว่า ข้าแต่มหาราชเจ้า โปรดตรัสเล่าเถิดพระเจ้าข้า พวกข้าพระองค์สดับแล้ว จักทำนายถวายได้ จึงตรัสเล่า พระสุบินที่ทรงเห็นแล้วให้พวกพราหมณ์ฟัง แล้วตรัสว่า เพราะเหตุเห็นสุบินเหล่านี้ จักมีอะไรแก่เราบ้าง?
    พวกพราหมณ์พากันสลัดมือ. เมื่อรับสั่งถามว่า เพราะเหตุไร พวกท่านจึงพากันสลัดมือเล่า? พวกพราหมณ์จึงพากันกราบทูลว่า ข้าแต่พระมหาราชเจ้า พระสุบินทั้งหลายร้ายกาจนัก
    รับสั่งถามว่า พระสุบินเหล่านั้นจักมีผลเป็นประการใด? พวกพราหมณ์ จึงพากันกราบทูลว่า จักมีอันตรายใน ๓ อย่างเหล่านี้ คือ อันตรายแก่ราชสมบัติ ๑ อันตรายคือโรคจะเบียดเบียน ๑ อันตรายแก่พระชนม์ ๑ อย่างใดอย่างหนึ่ง.
    รับสั่งถามว่า พอจะแก้ไขได้ หรือแก้ไขไม่ได้.
    พราหมณ์ทั้งหลายกราบทูลว่า ขอเดชะ พระสุบินเหล่านี้หมดทางแก้ไขเป็นแน่แท้ เพราะร้ายแรงยิ่งนัก แต่พวกข้าพระองค์ทั้งหลายจักกระทำให้พอแก้ไขได้ เมื่อพวกหม่อมฉันไม่สามารถเพื่อจะแก้ไขพระสุบินเหล่านี้ได้แล้ว ขึ้นชื่อว่าความเป็นผู้สำเร็จการศึกษา จักอำนวยประโยชน์อะไร?
    รับสั่งถามว่า ท่านอาจารย์ทั้งหลายจักกระทำอย่างไรเล่าถึงจักให้คืนคลายได้ พวกพราหมณ์พากันกราบทูลว่า ข้าแต่มหาราชเจ้า พวกข้าพระองค์ต้องบูชายัญด้วยวัตถุอย่างละ ๔ ทุกอย่าง พระเจ้าข้า.
    พระราชาทรงสะดุ้งพระทัยตรัสว่า ท่านอาจารย์ทั้งหลาย ถ้าเช่นนั้น เราขอมอบชีวิตไว้ในมือของพวกท่านเถิด พวกท่านรีบกระทำความสวัสดีแก่เราเร็วๆ เถิด.
    พวกพราหมณ์พากันร่าเริงยินดีว่า พวกเราต้องได้ทรัพย์มาก จักต้องได้ของเคี้ยวกินมากๆ แล้วพากันกราบทูลปลอบพระราชาว่า ข้าแต่มหาราชเจ้า อย่าได้ทรงวิตกเลยพระเจ้าข้า แล้วพากันออกจากราชนิเวศน์ จัดทำหลุมบูชายัญที่นอกพระนคร จับฝูงสัตว์ ๔ เท้ามากเหล่า มัดเข้าไว้ที่หลักยัญ รวบรวมฝูงนกเข้าไว้เสร็จแล้ว เที่ยวกันขวักไขว่ไปมา กล่าวว่า เราควรจะได้สิ่งนี้ๆ.
    ครั้งนั้นแล พระนางมัลลิกาเทวีทรงทราบเหตุนั้น ก็เข้าเฝ้าพระราชา กราบทูลถามว่า ข้าแต่มหาราชเจ้า พวกพราหมณ์พากันเที่ยวขวักไขว่ไปมา มีเรื่องอะไรหรือเพคะ? พระราชาตรัสว่า แน่ะนางผู้เจริญ เธอมัวแต่สุขสบายจึงไม่รู้ว่า อสรพิษมันสัญจรอยู่ใกล้ๆ หูของพวกเรา. พระนางทูลถามว่า ข้าแต่มหาราช เรื่องนั้นคืออะไรเพคะ? พระราชารับสั่งว่า เราฝันร้ายถึงปานนี้ พวกพราหมณ์พากันทำนายว่า อันตรายใน ๓ อย่างไม่อย่างใดอย่างหนึ่งก็จักปรากฏ เพื่อบำบัดอันตรายเหล่านั้น ต้องบูชายัญ จึงต้องสัญจรไปมาอยู่บ่อยๆ
    พระนางมัลลิกากราบทูลถามว่า ข้าแต่มหาราชเจ้า ก็ผู้ที่เป็นยอดพราหมณ์ในโลกพร้อมทั้งเทวโลก ทูลกระหม่อมได้ทูลถามถึงการแก้ไขพระสุบินแล้วหรือเพคะ?ทรงรับสั่งถามว่า นางผู้เจริญ พระผู้เป็นยอดพราหมณ์ในโลกพร้อมทั้งเทวโลกนั้น เป็นใครกันเล่า?
    พระนางกราบทูลว่า ทูลกระหม่อมไม่ทรงรู้จัก มหาพราหมณ์โคดมผู้ตถาคต หมดกิเลสบริสุทธิ์แล้ว เป็นสัพพัญญู เป็นบุคคลผู้เลิศในโลกพร้อมทั้งเทวโลก ดอกหรือเพคะ พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้นคงทรงทราบเหตุในพระสุบินแน่นอน ขอเชิญทูลกระหม่อม เสด็จพระราชดำเนินไปกราบทูลถามเถิด เพคะ. พระราชาทรงรับสั่งว่า ดีละ เทวีแล้วเสด็จไปยังพระวิหาร ถวายบังคมพระบรมศาสดา แล้วประทับนั่งอยู่.
    พระศาสดาทรงเปล่งพระสุรเสียงอันไพเราะ ตรัสถามว่า มหาบพิตร เหตุไรเล่า บพิตรจึงเสด็จมา ดุจมีราชกิจด่วน. พระราชากราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ เมื่อใกล้รุ่ง หม่อมฉันเห็นมหาสุบิน ๑๖ ข้อ สะดุ้งกลัว บอกเล่าแก่พวกพราหมณ์ พวกพราหมณ์ทำนายว่า ข้าแต่มหาราชเจ้า พระสุบินร้ายแรงนัก เพื่อระงับสุบินเหล่านั้นต้องบูชายัญ ด้วยยัญญวัตถุ อย่างละ ๔ ครบทุกอย่าง แล้วพากันเตรียมบูชายัญ ฝูงสัตว์เป็นอันมากถูกมรณภัยคุกคาม ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า พระองค์เป็นบุคคลผู้เลิศในโลก ทั้งเทวโลก เญยยธรรมที่เข้าไปกำหนดอดีต อนาคต ปัจจุบัน ที่ยังไม่มาถึงซึ่งคัลลองในญาณมุขของพระองค์นั้นมิได้มีเลย ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า ขอพระองค์ได้ทรงพระกรุณาโปรดทำนายผลแห่งสุบินของหม่อมฉันเหล่านั้นเถิด พระเจ้าข้า.
    พระศาสดาตรัสว่า ขอถวายพระพร เป็นเช่นนั้นทีเดียวมหาบพิตร ในโลกทั้งเทวโลก เว้นตถาคตเสียแล้ว ผู้อื่นที่จะได้ชื่อว่าสามารถรู้เหตุ หรือผลของพระสุบินเหล่านี้ ไม่มีเลย ตถาคตจักทำนายให้มหาบพิตร ก็แต่ว่ามหาบพิตรจงตรัสบอกพระสุบิน ตามทำนองที่ทรงเห็นนั้นเถิด.
    พระราชาทรงรับพระพุทธดำรัสว่า ดีละ พระพุทธเจ้าข้า เริ่มกราบทูลพระสุบิน ตามทำนองที่ทรงเห็นอย่างถี่ถ้วน โดยทรงวางหัวข้อไว้ดังนี้ ว่า
    โคอุสุภราชทั้งหลาย ๑ ต้นไม้ทั้งหลาย ๑ แม่โคทั้งหลาย ๑ โคทั้งหลาย ๑ ม้า ๑ ถาดทอง ๑ สุนัขจิ้งจอก ๑ หม้อน้ำ ๑ สระโบกขรณี ๑ ข้าวไม่สุก ๑ แก่นจันทน์ ๑ น้ำเต้าจม ๑ ศิลาลอย ๑ เขียดขยอกงู ๑ หงส์ทองล้อมกา ๑ เสือกลัวแพะ ๑
    แล้วตรัสว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ หม่อมฉันเห็นสุบินข้อ ๑ อย่างนี้ก่อนว่า
    โคผู้ สีเหมือน ดอกอัญชัน ๔ ตัว ต่างคิดว่าจักชนกัน พากันวิ่งมาสู่ท้องพระลานหลวงจากทิศทั้ง ๔ เมื่อมหาชนประชุมกันคิดว่า พวกเราจักดูโคชนกัน ต่างแสดงท่าทางจะชนกัน บรรลือเสียงคำรามลั่นแล้วไม่ชนกัน ต่างถอยออกไป
    หม่อมฉันเห็นสุบินนี้เป็นปฐม อะไรเป็นผลของสุบินนี้ พระเจ้าข้า?
    มหาบพิตร ผลของสุบินข้อนี้ จักไม่มีในชั่วรัชกาลของมหาบพิตร ในชั่วศาสนาของตถาคต แต่ในอนาคต เมื่อโลกหมุนไปถึงจุดเสื่อม ในรัชกาลของพระราชาผู้กำพร้า ผู้มิได้ครองราชย์โดยธรรม และในกาลของหมู่มนุษย์ผู้ไม่ตั้งอยู่ในธรรม เมื่อกุศลธรรมลดน้อยถอยลง อกุศลธรรมหนาแน่นขึ้น ในกาลที่โลกเสื่อม ฝนจักแล้ง และตีนเมฆจักขาด ข้าวกล้าจักแห้ง ทุพภิกขภัยจักเกิด เมฆทั้งหลายตั้งขึ้นจากทิศทั้ง ๔ เหมือนจะย้อยเม็ด พอพวกผู้หญิงรีบเก็บข้าวเปลือกเป็นต้น ที่เอาออกผึ่งแดดไว้เข้าภายในร่ม เพราะกลัวจะเปียก เมื่อพวกผู้ชายต่างถือจอบถือตะกร้าพากันออกไป เพื่อจะก่อคันกั้นน้ำ ก็ตั้งเค้าจะตก ครางกระหึ่ม ฟ้าแลบ แล้วก็ไม่ตกเลย ลอยหายไป เหมือนโคตั้งท่าจะชนกันแล้วไม่ชนกันฉะนั้น นี้เป็นผลของสุบินนั้น แต่ไม่มีอันตรายไรๆ แก่มหาบพิตร เพราะเรื่องนั้นเป็นปัจจัย มหาบพิตรเห็นสุบินนี้ ปรารภอนาคต ฝ่ายพวกพราหมณ์อาศัยการเลี้ยงชีวิตของตน จึงทำนายดังนี้.
    พระบรมศาสดา ครั้นตรัสบอกผลแห่งสุบินด้วยประการฉะนี้แล้ว ตรัสว่า จงตรัสเล่าสุบินข้อที่ ๒ เถิด มหาบพิตร.
    ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ หม่อมฉันได้เห็นสุบินข้อ ๒ อย่างนี้ว่า
    ต้นไม้เล็กๆ และกอไผ่ แทรกแผ่นดินพอถึงคืบหนึ่งบ้าง ศอกหนึ่งบ้าง เพียงแค่นี้ก็ผลิดอกออกผลไปตามๆ กัน
    นี้เป็นสุบินข้อที่ ๒ ที่หม่อมฉันได้เห็น อะไรเป็นผลของสุบินนี้ พระเจ้าข้า?
    มหาบพิตร ผลแม้ของสุบินข้อนี้ ก็จักมีในกาลที่โลกเสื่อม เวลามนุษย์มีอายุน้อย ด้วยว่าสัตว์ทั้งหลายในอนาคตจักมีราคะกล้า กุมารีมีวัยยังไม่สมบูรณ์ จักสมสู่กะบุรุษอื่น เป็นหญิงมีระดู มีครรภ์ พากันจำเริญด้วยบุตรและธิดา ความที่กุมารีเหล่านั้น มีระดูเปรียบเหมือนต้นไม้เล็กๆ มีดอก กุมารีเหล่านั้นจำเริญด้วยบุตรและธิดา ก็เหมือนต้นไม้เล็กๆ มีผล ภัยแม้มีนิมิตรนี้เป็นเหตุ ไม่มีแก่มหาบพิตรดอก.
    จงตรัสเล่าข้อที่ ๓ ต่อไปเถิด มหาบพิตร.
    ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ หม่อมฉันได้เห็นแม่โคใหญ่ๆ พากันดื่มนมของฝูงลูกโค ที่เพิ่งเกิดในวันนั้น.
    นี้เป็นสุบินข้อที่ ๓ ของหม่อมฉัน อะไรเป็นผลแห่งสุบินนั้น พระเจ้าข้า?
    มหาบพิตร แม้ผลของสุบินนี้ ก็จักมีในอนาคตเหมือนกัน จักมีผลในเวลาที่มนุษย์ทั้งหลาย พากันละทิ้งเชษฐาปจายิกกรรม คือความเป็นผู้ประพฤติอ่อนน้อมต่อผู้ใหญ่ เพราะในอนาคต ฝูงสัตว์จักมิได้ตั้งไว้ซึ่งความยำเกรงในมารดาบิดา หรือในแม่ยาย พ่อตา ต่างแสวงหาทรัพย์สินด้วยตนเองทั้งนั้น เมื่อปรารถนาจะให้ของกินของใช้แก่คนแก่ๆ ก็ให้ ไม่ปรารถนาจะให้ก็ไม่ให้ คนแก่ๆ พากันหมดที่พึ่ง หาเลี้ยงตนเองก็ไม่ได้ ต้องง้อพวกเด็กๆ เลี้ยงชีพ เป็นเหมือนแม่โคใหญ่ๆ พากันดื่มนมลูกโคที่เกิดในวันนั้น แม้ภัยมีสุบินนี้เป็นเหตุ ก็ไม่มีแก่มหาบพิตร.
    ตรัสเล่า สุบินข้อที่ ๔ ต่อไปเถิด มหาบพิตร.
    ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ หม่อมฉันเห็นฝูงชนไม่เทียมโคใหญ่ๆ ที่เคยพาแอกไป ซึ่งสมบูรณ์ด้วยร่างกายและเรี่ยวแรง เข้าในระเบียบแห่งแอก กลับไปเทียมโครุ่นๆ ที่กำลังฝึกเข้าในแอก โครุ่นๆ เหล่านั้นไม่อาจพาแอกไปได้ ก็พากันสลัดแอกยืนเฉยเสีย เกวียนทั้งหลายก็ไปไม่ได้.
    นี้เป็นสุบินข้อที่ ๔ ของหม่อมฉัน อะไรเป็นผลของสุบินนี้พระเจ้าข้า?
    มหาบพิตร ผลของสุบินแม้ข้อนี้ ก็จักมีในรัชสมัยของพระราชา ผู้ไม่ตั้งอยู่ในธรรมในอนาคตเหมือนกัน ด้วยว่า
    ในภายหน้า พระราชาผู้มีบุญน้อย มิได้ดำรงในธรรม จักไม่พระราชทานยศแก่มหาอำมาตย์ผู้เป็นบัณฑิตฉลาดในประเพณี สามารถที่จะยังสรรพกิจให้ลุล่วงไปได้ จักไม่ทรงแต่งตั้งอำมาตย์ผู้ใหญ่ ผู้เป็นบัณฑิตฉลาดในโวหารไว้ในที่วินิจฉัยคดีในโรงศาล
    แต่พระราชทานยศแก่คนหนุ่มๆ ตรงกันข้ามกับที่กล่าวแล้วนั้น แต่งตั้งบุคคลเช่นนั้นไว้ในตำแหน่งผู้วินิจฉัยอรรถคดี คนหนุ่มพวกนั้นไม่รู้ทั่วถึงราชกิจ และการอันควรไม่ควร ไม่อาจดำรงยศนั้นไว้ได้ ทั้งไม่อาจจัดทำราชกิจให้ลุล่วงไปได้ เมื่อไม่อาจก็จักพากันทอดทิ้งธุระการงานเสีย
    ฝ่ายอำมาตย์ที่เป็นบัณฑิตเป็นผู้ใหญ่ เมื่อไม่ได้ยศ ถึงจะสามารถที่จะให้กิจทั้งหลายลุล่วงไป ก็จักพากันกล่าวว่า พวกเราต้องการอะไรด้วยเรื่องเหล่านี้ พวกเรากลายเป็นคนภายนอกไปแล้ว พวกเด็กหนุ่มเขาเป็นพวกอยู่วงใน เขาคงรู้ดี แล้วไม่รักษาการงานที่เกิดขึ้น เมื่อเป็นเช่นนี้ ความเสื่อมเท่านั้นจักมีแก่พระราชาเหล่านั้น ด้วยประการทั้งปวง เป็นเสมือนเวลาที่คนจับโครุ่นๆ กำลังฝึก ยังไม่สามารถจะพาแอกไปได้ เทียมไว้ในแอก และเป็นเวลาที่ไม่จับเอาโคใหญ่ๆ ผู้เคยพาแอกไปได้ มาเทียมแอก ฉะนั้น.
    แม้ภัยมีสุบินนี้เป็นเหตุ ก็ย่อมไม่มีแก่มหาบพิตร
    เชิญตรัสบอกสุบินที่ ๕ เถิด มหาบพิตร.
    ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ หม่อมฉันได้เห็นม้าตัวหนึ่ง มีปากสองข้าง ฝูงชนพากันให้หญ้าที่ปากทั้งสองข้างของมัน มันเคี้ยวกินด้วยปากทั้งสองข้าง.
    นี้เป็นสุบินที่ ๕ ของหม่อมฉัน อะไรเป็นผลของสุบินนี้ พระเจ้าข้า?
    มหาบพิตร ผลของสุบินแม้นี้ ก็จักมีในรัชกาลของพระราชาผู้ไม่ดำรงในธรรม ในอนาคตเหมือนกัน ด้วยว่า
    ในกาลภายหน้า พวกพระราชาโง่เขลา ไม่ดำรงธรรม จักทรงแต่งตั้งมนุษย์โลเล ไม่ประกอบด้วยธรรม ไว้ในตำแหน่งวินิจฉัยคดี คนเหล่านั้นเป็นพาล ไม่เอื้อเฟื้อในบาปบุญ พากันนั่งในโรงศาล เมื่อให้คำตัดสิน ก็จักรับสินบนจากมือของคู่คดีทั้งสองฝ่ายมากิน เป็นเหมือนม้ากินหญ้าด้วยปากทั้งสอง ฉะนั้น.
    ภัย แม้มีสุบินนี้เป็นเหตุ ก็ย่อมไม่มีแก่มหาบพิตรดอก.
    เชิญตรัสบอกสุบินที่ ๖ เถิด มหาบพิตร.
    ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ หม่อมฉันเห็นมหาชนขัดถูถาดทองราคาตั้งแสนกระษาปณ์ แล้วพากันนำไปให้หมาจิ้งจอกแก่ตัวหนึ่ง ด้วยคำว่า เชิญท่านเยี่ยวใส่ในถาดทองนี้เถิด หมาจิ้งจอกแก่นั้น ก็ถ่ายปัสสาวะใส่ในถาดทองนั้น.
    นี้เป็นสุบินข้อที่ ๖ ของหม่อมฉัน อะไรเป็นผลแห่งสุบินข้อนี้ พระเจ้าข้า?
    มหาบพิตร ผลของสุบินนี้ ก็จักมีในอนาคตเหมือนกัน ด้วยว่า
    ในกาลภายหน้า พวกพระราชาผู้ไม่ตั้งอยู่ในธรรม ทรงรังเกียจกุลบุตรผู้สมบูรณ์ด้วยชาติเสีย แล้วไม่พระราชทานยศให้ จักพระราชทานให้แก่คนที่ไม่มีสกุลเท่านั้น เมื่อเป็นเช่นนี้ สกุลใหญ่ๆ จักพากันตกยาก สกุลเลวๆ จักพากันเป็นใหญ่ ก็เมื่อพวกมีสกุลเหล่านั้น ไม่อาจเลี้ยงชีวิตอยู่ได้ จักคิดว่า เราต้องอาศัยพวกเหล่านี้เลี้ยงชีวิตสืบไป แล้วก็พากันยกธิดาให้แก่ผู้ไม่มีสกุล การอยู่ร่วมกับคนพวกไม่มีสกุลของกุลธิดาเหล่านั้น ก็จักเป็นเช่นเดียวกับถาดทองรองเยี่ยวหมาจิ้งจอก
    ภัย แม้มีสุบินนี้เป็นเหตุ ก็ย่อมไม่มีแก่มหาบพิตร.
    เชิญตรัสบอกสุบินที่ ๗ เถิด มหาบพิตร.
    ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ หม่อมฉันได้เห็นอย่างนี้ บุรุษผู้หนึ่งฟั่นเชือก แล้วหย่อนไปที่ใกล้เท้า แม่หมาจิ้งจอกโซตัวหนึ่งนอนอยู่ใต้ตั่งที่บุรุษนั่ง กัดกินเชือกนั้น เขาไม่ได้รู้เลยทีเดียว.
    นี้เป็นสุบินข้อที่ ๗ ของหม่อมฉัน อะไรเป็นผลแห่งสุบินข้อนี้ พระเจ้าข้า?
    มหาบพิตร ผลแม้ของสุบินข้อนี้ ก็จักมีในอนาคตเหมือนกัน ด้วยว่า
    ในกาลภายหน้า หมู่สตรีจักพากันเหลาะแหละโลเลในบุรุษ ลุ่มหลงในสุรา เอาแต่แต่งตัว ชอบเที่ยวเตร่ตามถนนหนทาง เห็นแก่อามิส เป็นหญิงทุศีล มีความประพฤติชั่วช้า พวกนางจักกลุ้มรุมกันแย่งเอาทรัพย์ ที่สามีทำงาน มีกสิกรรมและโครักขกรรมเป็นต้น สั่งสมไว้ด้วยยาก ลำบากลำเค็ญ เอาไปซื้อสุราดื่มกับชายชู้ ซื้อดอกไม้ของหอมและเครื่องลูบไล้มาแต่งตน คอยสอดส่องมองหาชู้ โดยส่วนบนของบ้านที่มิดชิดบ้าง โดยที่ซึ่งลับตาบ้าง แม้ข้าวเปลือกที่เตรียมไว้สำหรับหว่าน ในวันรุ่งขึ้น ก็เอาไปซ้อม จัดทำเป็นข้าวต้ม ข้าวสวย และของเคี้ยวเป็นต้น มากินกัน เป็นเหมือนนางหมาจิ้งจอกโซ ที่นอนใต้ตั่งคอยกัดกินเชือกที่เขาฟั่นแล้ว หย่อนลงไว้ใกล้ๆ เท้าฉะนั้น
    ภัย แม้มีสุบินนี้เป็นเหตุ ก็ยังไม่มีแก่มหาบพิตร.
    เชิญตรัสเล่าสุบินข้อที่ ๘ เถิด มหาบพิตร.
    ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ หม่อมฉันได้เห็นตุ่มน้ำเต็มเปี่ยมลูกใหญ่ใบหนึ่ง ตั้งอยู่ที่ประตูวัง ล้อมด้วยตุ่มเป็นอันมาก วรรณะทั้ง ๔ เอาหม้อตักน้ำมาจากทิศทั้ง ๔ และทิศน้อยทั้งหลาย เอามาใส่ลงตุ่มที่เต็มแล้วนั่นแหละ น้ำก็เต็มแล้วเต็มอีก จนไหลล้นไป แม้คนเหล่านั้น ก็ยังเทน้ำลงในตุ่มนั้นอยู่เรื่อยๆ แต่ไม่มีผู้ที่จะเหลียวแลดูตุ่มที่ว่างๆ เลย.
    นี้เป็นสุบินข้อที่ ๘ ของหม่อมฉัน อะไรเป็นผลของสุบินนี้ พระเจ้าข้า?
    มหาบพิตร ผลแห่งสุบินนี้ จักมีในอนาคตเหมือนกัน ด้วยว่า
    ในกาลภายหน้า โลกจักเสื่อม แว่นแคว้นจักหมดความหมาย พระราชาทั้งหลายจักตกยาก เป็นกำพร้า องค์ใดเป็นใหญ่ องค์นั้นจักมีพระราชทรัพย์เพียงแสนกระษาปณ์ในท้องพระคลัง พระราชาเหล่านั้นตกยากถึงอย่างนี้ จักเกณฑ์ให้ชาวชนบททุกคนทำการเพาะปลูกให้แก่ตน พวกมนุษย์ถูกเบียดเบียน ต้องละทิ้งการงานของตน พากันเพาะปลูกปุพพันพืช(๑) แลอปรันพืช(๒) ให้แก่พระราชาทั้งหลายเท่านั้น ต้องช่วยกันเฝ้าช่วยกันเก็บเกี่ยว ช่วยกันนวด ช่วยกันขน ช่วยกันเคี่ยวน้ำอ้อยเป็นต้น และช่วยกันทำสวนดอกไม้ สวนผลไม้ พากันขนปุพพันพืชเป็นต้นที่เสร็จแล้ว ในที่นั้นๆ มาบรรจุไว้ในยุ้งฉางของพระราชาเท่านั้น แม้ผู้ที่จะมองดูยุ้งฉางเปล่าๆ ในเรือนทั้งหลายของตนจักไม่มีเลย จักเป็นเช่นกับการเติมน้ำใส่ตุ่มที่เต็มแล้ว ไม่เหลียวแลตุ่มเปล่าๆ บ้างเลย นั่นแล.
    (๑) อาหารมีข้าวสาลีเป็นต้น
    (๒) ของว่างหลังอาหาร มีถั่ว งา เป็นต้น
    ภัย แม้มีสุบินนี้เป็นเหตุ จะยังไม่มีแก่มหาบพิตร.
    เชิญตรัสเล่าสุบินที่ ๙ เถิด มหาบพิตร.
    ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ หม่อมฉันได้เห็นโบกขรณีสระหนึ่ง ดารดาษไปด้วยปทุม ๕ สี ลึก มีท่าขึ้นลงรอบด้าน ฝูงสัตว์สองเท้าสี่เท้า พากันลงดื่มน้ำในสระนั้นโดยรอบ น้ำที่อยู่ในที่ลึก กลางสระนั้นขุ่นมัว ในที่ซึ่งสัตว์สองเท้าสี่เท้าพากันย่ำเหยียบ กลับใสสะอาดไม่ขุ่นมัว หม่อมฉันได้เห็นอย่างนี้.
    นี้เป็นสุบินข้อที่ ๙ ของหม่อมฉัน อะไรเป็นผลของสุบินนี้ พระเจ้าข้า?
    มหาบพิตร ผลแห่งสุบินนี้ จักมีในอนาคตเหมือนกัน ด้วยว่า
    ในกาลภายหน้า พระราชาทั้งหลายจักไม่ตั้งอยู่ในธรรม ลุอคติด้วยอำนาจความพอใจเป็นต้น เสวยราชสมบัติ จักไม่ประทานการวินิจฉัยอรรถคดีโดยธรรม มีพระหฤทัยมุ่งแต่สินบน โลเลในทรัพย์ ขึ้นชื่อว่าคุณธรรมคือความอดทน ความเมตตา และความเอ็นดูของพระราชาเหล่านั้น จักไม่มีในหมู่ชาวแว่นแคว้น จักเป็นผู้กักขฬะ หยาบคาย คอยแต่เบียดเบียนหมู่มนุษย์ เหมือนหีบอ้อยด้วยหีบยนต์ จักกำหนดให้ส่วยต่างๆ บังเกิดขึ้น เก็บเอาทรัพย์
    พวกมนุษย์ถูกรีดส่วยอากรหนักเข้า ไม่สามารถจะให้อะไรๆ ได้ พากันทิ้งคามนิคมเป็นต้นเสีย อพยพไปสู่ปลายแดน ตั้งหลักฐาน ณ ที่นั้น ชนบทศูนย์กลางจักว่างเปล่า ชนบทชายแดนจักเป็นปึกแผ่นแน่นหนา เหมือนน้ำกลางสระโบกขรณีขุ่น น้ำที่ฝั่งรอบๆ ใส ฉันใด ก็ฉันนั้น.
    ภัย แม้มีสุบินนี้เป็นเหตุ ก็ย่อมไม่มีแก่มหาบพิตร.
    เชิญตรัสเล่าพระสุบินข้อที่ ๑๐ เถิด มหาบพิตร.
    ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์ได้เห็นข้าวสุก ที่คนหุงในหม้อใบเดียวกันแท้ๆ แต่หาสุกทั่วกันไม่ เป็นเหมือนผู้หุงตรวจดูแล้วว่าไม่สุก เลยแยกกันไว้เป็น ๓ อย่าง คือ ข้าวหนึ่งแฉะ ข้าวหนึ่งดิบ ข้าวหนึ่งสุกดี.
    นี้เป็นสุบินที่ ๑๐ ของหม่อมฉัน อะไรเป็นผลแห่งสุบินข้อนี้ พระเจ้าข้า?
    มหาบพิตร ผลแม้ของสุบินข้อนี้ จักมีในอนาคตเหมือนกัน ด้วยว่า
    ในกาลภายหน้า พระราชาทั้งหลายจักไม่ดำรงในธรรม เมื่อพระราชาเหล่านั้นไม่ดำรงในธรรมแล้ว ข้าราชการก็ดี พราหมณ์และคฤหบดีก็ดี ชาวนิคมชาวชนบทก็ดี รวมถึงมนุษย์ทั้งหมด นับแต่สมณะและพราหมณ์ จักพากันไม่ตั้งอยู่ในธรรม แม้เทวดาทั้งหลายก็จักไม่ทรงธรรม
    ในรัชกาลแห่งอธัมมิกราชทั้งหลาย ลมทั้งหลายจักพัดไม่สม่ำเสมอ พัดแรงจัด ทำให้วิมานในอากาศของเทวดาสั่นสะเทือน เมื่อวิมานเหล่านั้นถูกลมพัดสั่นสะเทือน ฝูงเทวดาก็พากันโกรธ แล้วจักไม่ให้ฝนตก ถึงจะตก ก็จะไม่ตกกระหน่ำทั่วแว่นแคว้น มิฉะนั้น จักไม่ตกให้เป็นอุปการะแก่การใด การหว่านในที่ทั้งปวงจักไม่ตกกระหน่ำทั่วถึง แม้ในชนบท แม้ในบ้าน แม้ในตระพังแห่งหนึ่ง แม้ในสระลูกหนึ่ง เหมือนกันกับในแคว้นฉะนั้น เมื่อตกตอนเหนือของตระพัง ก็จักไม่ตกในตอนใต้ เมื่อตกในตอนใต้ จักไม่ตกในตอนเหนือ ข้าวกล้าในตอนหนึ่งจักเสียเพราะฝนชุก เมื่อฝนไม่ตกในส่วนหนึ่ง ข้าวกล้าจักเหี่ยวแห้ง เมื่อฝนตกดีในส่วนหนึ่ง ข้าวกล้าจักสมบูรณ์
    ข้าวกล้าที่หว่านแล้วในขอบขัณฑสีมาของพระราชาพระองค์เดียวกัน จักเป็น ๓ สถาน ด้วยประการฉะนี้ เหมือนข้าวสุกในหม้อเดียว มีผลเป็น ๓ อย่าง ฉะนั้น.
    ภัยแม้มีสุบินนี้เป็นเหตุ จะยังไม่มีแก่มหาบพิตร.
    เชิญตรัสเล่าสุบินที่ ๑๑ ต่อไปเถิด มหาบพิตร.
    ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ หม่อมฉันได้เห็นคนทั้งหลายเอาแก่นจันทน์มีราคาตั้งแสนกษาปณ์ ขายแลกกับเปรียงเน่า.
    นี้เป็นสุบินข้อที่ ๑๑ ของหม่อมฉัน อะไรเป็นผลแห่งสุบินนี้เล่า พระเจ้าข้า?
    มหาบพิตร แม้ผลแห่งสุบินนี้ ก็จักมีในอนาคต
    ในเมื่อศาสนาของตถาคตเสื่อมโทรมนั่นแล ด้วยว่า ในกาลภายหน้า พวกภิกษุอลัชชีเห็นแก่ปัจจัยจักมีมาก พวกเหล่านั้นจักพากันแสดงธรรมเทศนาที่ตถาคตกล่าวติเตียนความละโมบในปัจจัยไว้แก่ชนเหล่าอื่น เพราะเหตุแห่งปัจจัย ๔ มีจีวรเป็นต้น จักไม่สามารถแสดงให้พ้นจากปัจจัยทั้งหลาย แล้วตั้งอยู่ในฝ่ายธรรมนำสัตว์ให้พ้นจากทุกข์ มุ่งตรงสู่พระนิพพาน
    ชนทั้งหลายก็จะฟังความสมบูรณ์แห่งบท และพยัญชนะ และสำเนียงอันไพเราะอย่างเดียวเท่านั้น แล้วจักถวายเอง และยังชนเหล่าอื่นให้ถวายซึ่งปัจจัยทั้งหลายมีจีวรเป็นต้น อันมีค่ามาก
    ภิกษุทั้งหลายอีกบางพวก จักพากันนั่งในที่ต่างๆ มีท้องถนน สี่แยก และประตูวัง เป็นต้น แล้วแสดงธรรมแลกรูปิยะ มีเหรียญกษาปณ์ครึ่งกษาปณ์ เหรียญบาท เหรียญมาสกเป็นต้น โดยประการฉะนี้
    ก็เป็นเอาธรรมที่ตถาคตแสดงไว้ มีมูลค่าควรแก่พระนิพพาน ไปแสดงแลกปัจจัย ๔ และรูปิยะมีเหรียญกษาปณ์และเหรียญครึ่งกษาปณ์เป็นต้น จักเป็นเหมือนฝูงคนเอาแก่นจันทน์มีราคาตั้งแสน ไปขายแลกเปรียงเน่า ฉะนั้น.
    ภัย แม้มีสุบินนี้เป็นเหตุ ก็ยังไม่มีแก่มหาบพิตร.
    เชิญตรัสเล่าสุบินที่ ๑๒ ต่อไปเถิด มหาบพิตร.
    ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ หม่อมฉันได้เห็นกระโหลกน้ำเต้าจมน้ำได้ อะไรเป็นผลแห่งสุบินนี้ พระเจ้าข้า?
    มหาบพิตร ผลแห่งสุบินนี้ ก็จักมีในอนาคตกาล เมื่อโลกหมุนไปถึงจุดเสื่อมในรัชกาลของพระราชาผู้ไม่ตั้งอยู่ในธรรม
    ด้วยว่า ในครั้งนั้น พระราชาทั้งหลายจักไม่พระราชทานยศแก่กุลบุตรผู้สมบูรณ์ด้วยชาติ จักพระราชทานแก่ผู้ไม่มีสกุลเท่านั้น พวกนั้นจักเป็นใหญ่ อีกฝ่ายหนึ่งจักยากจน ถ้อยคำของพวกไม่มีสกุล ดุจกระโหลกน้ำเต้า ดูประหนึ่งหยั่งรากลงแน่นในที่เฉพาะพระพักตร์พระราชาก็ดี ที่ประตูวังก็ดี ที่ประชุมอำมาตย์ก็ดี ที่โรงศาลก็ดี จักเป็นคำไม่โยกโคลง มีหลักฐานแน่นหนาดี
    แม้ในสังฆสันนิบาต (ที่ประชุมสงฆ์) เล่า ในกิจกรรมที่สงฆ์พึงทำและคณะพึงทำก็ดี ทั้งในสถานที่ดำเนินอธิกรณ์เกี่ยวกับบาตร จีวร และบริเวณเป็นต้นก็ดี ถ้อยคำของคนชั่วทุศีลเท่านั้น จักเป็นคำนำสัตว์ออกจากทุกข์ได้ มิใช่ถ้อยคำของภิกษุผู้ลัชชี เมื่อเป็นเช่นนี้ ก็จักเป็นเหมือนกาลเป็นที่จมลงแห่งกระโหลกน้ำเต้า แม้ด้วยประการทั้งปวง
    ภัย แม้มีสุบินนี้เป็นเหตุ ก็ยังไม่มีแก่มหาบพิตร.
    เชิญตรัสเล่าสุบินที่ ๑๓ เถิด มหาบพิตร.
    ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ หม่อมฉันได้เห็นศิลาแท่งทึบใหญ่ ขนาดเรือนยอดลอยน้ำเหมือนดังเรือ อะไรเป็นผลแห่งสุบินนี้ พระเจ้าข้า?
    มหาบพิตร ผลแห่งสุบินแม้นี้ ก็จักมีในกาลเช่นนั้นเหมือนกัน ด้วยว่า
    ในครั้งนั้น พระราชาผู้ไม่ตั้งอยู่ในธรรมทั้งหลาย จักพระราชทานยศแก่คนไม่มีสกุล พวกนั้นจักเป็นใหญ่ พวกมีสกุลจักตกยาก ใครๆ จักไม่ทำความเคารพในพวกมีสกุลนั้น จักกระทำความเคารพในพวกที่เป็นใหญ่ฝ่ายเดียว ถ้อยคำของกุลบุตรผู้ฉลาดในการวินิจฉัย ผู้หนักแน่น เช่นกับศิลาทึบ จักไม่หยั่งลง ดำรงมั่นในที่เฉพาะพระพักตร์ของพระราชา หรือในที่ประชุมอำมาตย์ หรือในโรงศาล เมื่อพวกนั้นกำลังกล่าว พวกนอกนี้จักคอยเยาะเย้ยว่า พวกนี้พูดทำไม
    แม้ในที่ประชุมภิกษุ พวกภิกษุ ก็จักไม่เห็นภิกษุผู้มีศีลเป็นที่รัก ผู้ควรทำความเคารพว่า เป็นสำคัญ ในฐานะต่างๆ ดังกล่าวมาแล้ว ทั้งถ้อยคำของภิกษุผู้มีศีลเป็นที่รักเหล่านั้น ก็จักไม่หนักแน่นมั่นคง จักเป็นเหมือนเวลาเป็นที่เลื่อนลอยแห่งศิลาทั้งหลายฉะนั้น.
    ภัย แม้มีสุบินนี้เป็นเหตุ ก็ยังไม่มีแก่มหาบพิตร
    เชิญตรัสเล่าพระสุบินข้อที่ ๑๔ เถิด มหาบพิตร.
    ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ หม่อมฉันได้เห็นฝูงเขียดตัวเล็กๆ ขนาดดอกมะซาง วิ่งไล่กวดงูเห่าตัวใหญ่ๆ กัดเนื้อขาดเหมือนตัดก้านบัว แล้วกลืนกิน.
    นี้เป็นสุบินข้อที่ ๑๔ อะไรเป็นผลแห่งสุบินนี้ พระเจ้าข้า?
    มหาบพิตร ผลแห่งแม้สุบินข้อนี้ ก็จักมีในอนาคต ในเมื่อโลกเสื่อมโทรมดุจกัน ด้วยว่า
    ในครั้งนั้น พวกมนุษย์จะมีราคะจริตแรงกล้าชาติชั่ว ปล่อยตัวปล่อยใจตามอำนาจของกิเลส จักต้องเป็นไปในอำนาจแห่งภรรยาเด็กๆ ของตน
    ผู้คนมีทาสและกรรมกรเป็นต้นก็ดี สัตว์พาหนะมีโคกระบือเป็นต้นก็ดี เงินทองก็ดี บรรดามีในเรือนทุกอย่าง จักต้องอยู่ในครอบครองของพวกนางทั้งนั้น
    เมื่อพวกสามีถามถึงเงินทองโน้นๆ ว่าอยู่ที่ไหน หรือถามถึงจำนวนสิ่งของว่ามีที่ไหนก็ดี
    พวกนางจักพากันตอบว่า มันจะอยู่ที่ไหนๆ ก็ช่างเถิด กงการอะไรที่ท่านจะตรวจตราเล่า ท่านเกิดอยากรู้สิ่งที่มีอยู่และไม่มีอยู่ในเรือนของเราละหรือ แล้วจักด่าด้วยประการต่างๆ ทิ่มตำเอาด้วยหอกคือปาก กดไว้ในอำนาจ ดังทาสและคนรับใช้ ดำรงความเป็นเจ้าเป็นใหญ่ของตนไว้สืบไป
    เมื่อเป็นเช่นนี้ ก็จักเป็นเหมือน เวลาที่ฝูงเขียดขนาดดอกมะซาง พากันขยอกกินฝูงงูเห่าซึ่งมีพิษแล่นเร็ว ฉะนั้น.
    ภัย แม้มีสุบินนี้เป็นเหตุ ก็จักไม่มีแก่มหาบพิตรดอก
    เชิญตรัสบอกนิมิตรที่ ๑๕ เถิด.
    ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ หม่อมฉันได้เห็นฝูงพญาหงษ์ทองที่ได้นามว่าทอง เพราะมีขนเป็นสีทอง พากันแวดล้อมกาผู้ประกอบด้วยอสัทธรรม ๑๐ ประการ เที่ยวหากินตามบ้าน.
    อะไรเป็นผลแห่งพระสุบินนี้ พระเจ้าข้า?
    มหาบพิตร ผลแห่งสุบินนี้ ก็จักมีในอนาคต ในรัชกาลของพระราชาผู้ทุรพลนั่นแหละ ด้วยว่า
    ในภายหน้า พระราชาทั้งหลายจักไม่ฉลาดในศิลปะ มีหัสดีศิลปะเป็นต้น ไม่แกล้วกล้าในการยุทธ ท้าวเธอจักไม่พระราชทาน ความเป็นใหญ่ให้แก่พวกกุลบุตรที่มีชาติเสมอกัน ผู้รังเกียจความวิบัติแห่งราชสมบัติของพระองค์อยู่ จักพระราชทานแก่พวกพนักงานเครื่องสรงและพวกกัลบกเป็นต้น ซึ่งอยู่ใกล้บาทมูลของพระองค์ พวกกุลบุตรผู้สมบูรณ์ด้วยชาติ และโคตร เมื่อไม่ได้ที่พึ่งในราชสกุล ก็ไม่สามารถเลี้ยงชีวิตอยู่ได้ จักพากันปรนนิบัติบำรุงฝูงชนที่ไม่มีสกุล มีชาติและโคตรทราม ผู้ดำรงอิสริยยศ
    จักเป็นเหมือนฝูงพญาหงษ์ทอง แวดล้อมเป็นบริวารกา ฉะนั้น.
    ภัย แม้มีสุบินนี้เป็นเหตุ ก็ยังไม่มีแก่มหาบพิตร.
    เชิญตรัสเล่าสุบินที่ ๑๖ ต่อไปเถิด มหาบพิตร.
    ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ในกาลก่อนๆ เสือเหลืองพากันกัดกินฝูงแกะ แต่หม่อมฉันได้เห็นฝูงแกะพากันไล่กวดฝูงเสือเหลือง กัดกินอยู่มุ่มม่ำๆ ทีนั้น เสืออื่นๆ คือเสือดาว เสือโคร่ง เห็นฝูงแกะอยู่ห่างๆ ก็สะดุ้งกลัว ถึงความสยดสยอง พากันวิ่งหนีหลบเข้าพุ่มไม้และป่ารก ซุกซ่อนเพราะกลัวฝูงแกะ.
    หม่อมฉันได้เห็นอย่างนี้ อะไรเป็นผลแห่งสุบินนี้ พระเจ้าข้า?
    มหาบพิตร ผลแห่งสุบินแม้นี้ ก็จักมีในรัชกาลแห่งพระราชาผู้ไม่ตั้งอยู่ในธรรม ในอนาคตเหมือนกัน ด้วยว่า
    ในครั้งนั้น พวกไม่มีสกุลจักเป็นราชวัลลภ เป็นใหญ่เป็นโต พวกคนมีสกุลจักอับเฉาตกยาก ราชวัลลภเหล่านั้นพากันยังพระราชาให้ทรงเชื่อถือถ้อยคำของตน มีกำลังในสถานที่ราชการ มีโรงศาลเป็นต้น ก็พากันรุกเอาที่ดินไร่นาเรือกสวนเป็นต้น อันตกทอดสืบมาของพวกมีสกุลทั้งหลายว่า ที่เหล่านี้เป็นของพวกเรา เมื่อพวกผู้มีสกุลเหล่านั้นโต้เถียงว่า ไม่ใช่ของพวกท่าน เป็นของพวกเรา แล้วพากันมาฟ้องร้องยังโรงศาลเป็นต้น พวกราชวัลลภก็พากันบอกให้เฆี่ยนตีด้วยหวายเป็นต้น จับคอไสออกไป พร้อมกับข่มขู่คุกคามว่า พ่อเจ้าไม่รู้ประมาณตน มาหาเรื่องกับพวกเรา เดี๋ยวจักไปทูลพระราชา ให้ลงพระราชอาญาต่างๆ มีตัดตีน ตัดมือ เป็นต้น
    พวกผู้มีสกุลกลัวเกรงพวกราชวัลลภ ต่างก็ยินยอมให้ที่ทางที่เป็นของตนว่า ที่ทางเหล่านี้ ถ้าเป็นของท่าน ก็เชิญครอบครองเถิด แล้วพากันกลับบ้านเรือนของตน นอนหวาดผวาไปตามๆ กัน
    แม้ภิกษุผู้ชั่วช้าทั้งหลายเล่า ก็จักพากันเบียดเบียนภิกษุผู้มีศีลเป็นที่รัก ตามชอบใจ พวกภิกษุผู้มีศีลเป็นที่รักเหล่านั้น ไม่ได้ที่พำนัก ก็พากันเข้าป่า แอบแฝงอยู่ในที่รกๆ
    ข้อที่กุลบุตรผู้มีชาติสกุลทั้งหลาย และภิกษุผู้มีศีลเป็นที่รักทั้งหลาย ถูกคนชาติชั่ว และถูกภิกษุผู้ลามกทั้งหลายเข้าไปประทุษร้ายอย่างนี้ จักเป็นเหมือนกาลที่พวกเสือดาว และเสือโคร่งทั้งหลาย พากันหลบหนีเพราะกลัวฝูงแกะ ฉะนั้น.
    ภัย แม้มีสุบินนี้เป็นเหตุ ก็ยังไม่มีแก่มหาบพิตร ด้วยสุบินนี้ที่มหาบพิตรเห็นแล้ว ปรารภอนาคตทั้งนั้น แต่พวกพราหมณ์มิได้ทำนายสุบินนั้น ด้วยความจงรักภักดีในพระองค์ โดยถูกต้องเท่าที่ถูกที่ควร ทำนายไปเพราะอาศัยการเลี้ยงชีพ เพราะเห็นแก่อามิสว่า พวกเราจักได้ทรัพย์กันมากๆ
    ครั้นทรงทำนายผลแห่งสุบินใหญ่ๆ ๑๖ ข้อ อย่างนี้แล้ว ตรัสว่า ดูก่อนมหาบพิตร มิใช่แต่ในบัดนี้เท่านั้น ที่บพิตรได้เห็นสุบินเหล่านี้ แม้พระราชาทั้งหลายแต่ก่อนๆ ก็ได้ทรงเห็นแล้วเหมือนกัน แม้พวกพราหมณ์ก็ถือเอาสุบินเหล่านี้ นับเข้าในยอดยัญพิธีอย่างนี้เหมือนกัน ภายหลังอาศัยคำแนะนำที่พวกเป็นบัณฑิตพากันกราบทูล จึงถามพระโพธิสัตว์ แม้ท่านโบราณกบัณฑิตทั้งหลาย เมื่อทำนายสุบินเหล่านี้แก่พระราชาเหล่านั้น ก็พากันทำนายทำนองนี้แหละ
    อันพระเจ้าปเสนทิโกศลทูลอาราธนา จึงทรงนำเอาเรื่องในอดีตมาสาธก ดังต่อไปนี้ :-
    ในอดีตกาล ครั้งพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติอยู่ในกรุงพาราณสี พระโพธิสัตว์กำเนิดในตระกูลอุทิจจพราหมณ์ เจริญวัยแล้วบวชเป็นฤๅษี ให้อภิญญาสมาบัติเกิดแล้ว ได้ประลองฌานอยู่ในหิมวันตประเทศ
    ในครั้งนั้น ณ พระนครพาราณสี พระเจ้าพรหมทัตทรงเห็นพระสุบินเหล่านี้ โดยทำนองนี้เหมือนกัน มีพระดำรัสถามพวกพราหมณ์ พวกพราหมณ์ปรารภจะบูชายัญอย่างนี้เหมือนกัน บรรดาพราหมณ์เหล่านั้น ท่านปุโรหิตมีศิษย์เป็นบัณฑิตฉลาด กล่าวกะอาจารย์ว่า ท่านอาจารย์ครับ คัมภีร์พระเวทย์ทั้ง ๓ ท่านอาจารย์ให้ผมเรียนจบแล้ว ในพระเวทย์ทั้ง ๓ คัมภีร์นั้น ข้อที่ว่า การฆ่าคนหนึ่งแล้ว ทำให้เกิดความสวัสดีแก่อีกคนหนึ่ง ไม่มีเลยมิใช่หรือ ขอรับ?
    ท่านอาจารย์ตอบว่า พ่อคุณ ด้วยอุบายนี้ทรัพย์จำนวนมากจักเกิดแก่พวกเรา ส่วนเจ้าชะรอยอยากจะรักษาพระราชทรัพย์กระมัง?
    มาณพกล่าวว่า ท่านอาจารย์ครับ ถ้าเช่นนั้น พวกท่านจงกระทำงานของพวกท่านไปเถิด กระผมจักกระทำอะไรในสำนักของพวกท่านได้. แล้วเดินเรื่อยไปจนถึงพระราชอุทยาน.
    ในวันนั้นเอง แม้พระบรมโพธิสัตว์ก็รู้เหตุนั้น คิดว่า วันนี้ เมื่อเราไปถึงถิ่นมนุษย์ ความพ้นจากการจองจำจักมีแก่มหาชน ดังนี้แล้ว จึงเหาะมาทางอากาศ ลงที่อุทยานนั่งเหนือแผ่นศิลาอันเป็นมงคล ประหนึ่งรูปที่หล่อด้วยทองฉะนั้น มาณพเข้าไปหาพระโพธิสัตว์ ไหว้แล้ว นั่ง ณ ส่วนข้างหนึ่ง ได้ทำการต้อนรับพระโพธิสัตว์ แม้พระโพธิสัตว์ก็ได้ทำการปฏิสันถารอย่างไพเราะกับเขาแล้ว ถามว่า เป็นอย่างไรเล่าหนอ พ่อมาณพ พระราชายังจะเสวยราชสมบัติโดยธรรมอยู่หรือ?
    มาณพกราบเรียนว่า ข้าแต่พระคุณเจ้าผู้เจริญ พระราชายังได้พระนามว่า ธรรมิกราชอยู่ดอกครับ ก็แต่ว่า พวกพราหมณ์กำลังชักจูงพระองค์ให้วิ่งไปผิดทาง พระราชาทรงเห็นพระสุบิน ๑๖ ข้อ ตรัสบอกแก่พวกพราหมณ์ พวกพราหมณ์กล่าวว่า พวกเราจักต้องบูชายัญ แล้วเตรียมการทันที พระคุณเจ้าผู้เจริญขอรับ การที่พระคุณเจ้าทำให้พระราชาทรงเข้าพระทัยว่า ขึ้นชื่อว่า ผลแห่งสุบินนี้เป็นอย่างนี้ แล้วช่วยให้มหาชนพ้นจากภัย จะมิควรหรือขอรับ?
    พระโพธิสัตว์กล่าวว่า พ่อมาณพ เราเองก็ไม่รู้จักพระราชา พระราชาเล่าก็มิได้ทรงรู้จักเรา ถ้าพระองค์เสด็จมาถาม ณ ที่นี้ เราพึงบอกแก่พระองค์ได้.
    มาณพกราบเรียนว่า ข้าแต่พระคุณเจ้าผู้เจริญ กระผมจักนำพระองค์เสด็จมา ขอพระคุณเจ้าได้โปรดนั่งรอการมาของกระผม สักครู่หนึ่งนะขอรับ ขอให้พระโพธิสัตว์ปฏิญญาแล้ว ก็ไปสู่พระราชสำนัก กราบทูลว่า ข้าแต่มหาราชเจ้า ดาบสผู้เที่ยวไปในอากาศได้องค์หนึ่ง ลงมาในอุทยานของพระองค์ กล่าวว่า จักทำนายผลของพระสุบินที่พระองค์ทรงเห็น กำลังรอพระองค์อยู่. พระราชาทรงสดับคำของมาณพนั้น ก็รีบเสด็จไปพระอุทยาน ด้วยบริวารเป็นอันมากทันที ทรงไหว้พระดาบสแล้ว ประทับนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง มีพระดำรัสถามว่า ข้าแต่พระคุณเจ้าผู้เจริญ ได้ยินว่า พระคุณเจ้าทราบผลแห่งสุบินที่กระผมเห็นหรือ?
    พระโพธิสัตว์กล่าวว่า ขอถวายพระพร มหาบพิตร อาตมาภาพทราบ.
    พระราชาตรัสว่า ถ้าเช่นนั้น นิมนต์พระคุณเจ้าทำนายเถิด.
    พระโพธิสัตว์กล่าวว่า ขอถวายพระพร มหาบพิตร อาตมาภาพจะทำนายถวาย เชิญมหาบพิตรตรัสเล่าพระสุบินตามที่ทรงเห็นให้อาตมาภาพฟังก่อนเถิด.
    พระราชาตรัสว่า ดีละ พระคุณเจ้าผู้เจริญ พลางตรัสว่า :
    โคอุสุภราช ๑ ต้นไม้ทั้งหลาย ๑ แม่โคทั้งหลาย ๑ โคทั้งหลาย ๑ ม้า ๑ ถาดทอง ๑ นางสุนัขจิ้งจอก ๑ ตุ่มน้ำ ๑ โบกขรณี ๑ ข้าวไม่สุก ๑ จันทน์แดง ๑ น้ำเต้าจม ๑ ศิลาลอย ๑ เขียดขยอกงู ๑ หงษ์ทองล้อมกา ๑ เสือดาว เสือโคร่งกลัวแพะจริงๆ ๑ ดังนี้.
    แล้วตรัสบอกสุบิน ตามนิยมที่พระเจ้าปเสนทิโกศลตรัสบอก นั่นเอง
    แม้พระโพธิสัตว์ก็ทำนายผลแห่งสุบินเหล่านั้นโดยพิสดาร ตามทำนองที่พระศาสดาทรงทำนายในบัดนี้แหละ ในที่สุดถวายพระพรดังนี้ ด้วยตนเองว่า
    จะเป็นไปต่อเมื่อโลกถึงจุดเสื่อม ยังไม่มีในยุคนี้.
    อรรถาธิบายในคำนั้นมีดังนี้ คือ
    ดูก่อนมหาบพิตร ผลแห่งพระสุบินเหล่านั้นมีดังนี้ คือการบูชายัญที่กำลังดำเนินไป เพื่อปัดเป่าพระสุบินเหล่านั้น ย่อมดำเนินไปผิดหลักเกณฑ์ ท่านกล่าวอธิบายว่า ย่อมเป็นไปอย่างผิดตรงกันข้าม ความเสื่อมจากความจริง.
    เพราะเหตุไร?
    เพราะเหตุว่า ผลแห่งสุบินเหล่านี้ จักมีในกาลที่โลกถึงจุดเสื่อม คือในกาลที่ต่างถือเอาข้อที่มิใช่เหตุ ว่าเป็นเหตุ ในกาลที่ทิ้งเหตุเสีย ว่ามิใช่เหตุ ในกาลที่ถือเอาข้อที่ไม่จริง ว่าเป็นจริง ในกาลที่ละทิ้งข้อที่จริงเสีย ว่าไม่เป็นจริง ในกาลที่พวกอลัชชี มีมากขึ้น และในกาลที่พวกลัชชี ลดน้อยถอยลง ยังไม่มีในยุคนี้ หมายความว่าแต่ผลของพระสุบินเหล่านี้ ยังไม่มีในบัดนี้ คือในรัชกาลของมหาบพิตร หรือในศาสนาของตถาคตนี้ ในยุคนี้ คือในชั่วบุรุษปัจจุบันนี้
    เพราะเหตุนั้น การบูชายัญที่กำลังดำเนินไป เพื่อปัดเป่าผลแห่งพระสุบินเหล่านี้ จึงเป็นไปโดยคลาดเคลื่อน เลิกการบูชายัญนั้นเสียเถิด ภัยหรือความสะดุ้งอันมีพระสุบินนี้เป็นเหตุ ยังไม่มีแก่มหาบพิตร.
    พระมหาบุรุษทำพระราชาให้เบาพระทัย ปลดปล่อยมหาชนจากการจองจำแล้ว กลับเหาะขึ้นอากาศ ถวายโอวาทแด่พระราชา ชักจูงให้ดำรงมั่นในศีล ๕ แล้วถวายพระพรว่า ตั้งแต่บัดนี้ต่อไป มหาบพิตรอย่าได้ร่วมคิดกับพราหมณ์บูชายัญ ที่มีชื่อว่า ปสุฆาตยัญ (ยัญฆ่าสัตว์) อีกต่อไป
    ครั้นแสดงธรรมแล้ว กลับไปที่อยู่ของตนทางอากาศนั่นแล ฝ่ายพระราชาตั้งอยู่ในโอวาทของพระโพธิสัตว์ ทรงทำบุญมีให้ทานเป็นต้น แล้วเสด็จไปตามยถากรรม.
    พระบรมศาสดา ครั้นทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว ตรัสให้พระเจ้าปเสนทิโกศลเลิกบูชายัญด้วยพระพุทธดำรัสว่า
    เพราะพระสุบินเป็นปัจจัย ภัยยังไม่มีแก่มหาบพิตรดอก มหาบพิตรจงสั่งให้เลิกยัญเสียเถิด พระราชทานชีวิตทานแก่มหาชนแล้ว ทรงสืบอนุสนธิ ประชุมชาดกว่า
    พระราชาในครั้งนั้น ได้มาเป็น พระอานนท์ ในครั้งนี้
    มาณพได้มาเป็น พระสารีบุตร
    ส่วนพระดาบสได้มาเป็น เราตถาคต ฉะนี้แล.
    ก็และครั้นเมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จปรินิพพานแล้ว
    พระสังคีติกาจารย์ทั้งหลายยกบททั้ง ๓ มีอสุภาเป็นอาทิขึ้นสู่อรรถกถา กล่าวบททั้ง ๕ มีลาวูนิเป็นอาทิ ยกขึ้นสู่บาลีเอกนิบาต ด้วยประการฉะนี้.
    296fdde1cd55120c40233d6fb1e12327_d25vj52.jpg

     
  2. ทิพย์คีรี

    ทิพย์คีรี สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2016
    โพสต์:
    19
    ค่าพลัง:
    +19
    ขอเข้าร่วมโครงการ อริยสัจจ์โสฬสมหามงคล รายละเอียดแจ้งทางPM แล้วครับ
     
  3. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,100
    ค่าพลัง:
    +16,624
    วันนี้ติดภาระทั้งวัน เดี๋ยวพรุ่งนี้จะทยอยส่งของให้นะครับ;)
     
  4. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,100
    ค่าพลัง:
    +16,624
    วันนี้จะทยอยส่งตะกรุดดวงกับเครื่องมงคลที่โอนเข้ามาให้นะครับ;)
     
  5. สะสาง

    สะสาง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2016
    โพสต์:
    97
    ค่าพลัง:
    +226
    ได้รับ ตะกรุดดวงอริยสัจจ์โสฬสมหามงคลแล้วครับ ขอบคุณครับ
     
  6. พิชญากร

    พิชญากร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2010
    โพสต์:
    909
    ค่าพลัง:
    +5,260
    เป็นคาถาโสฬสมงคลสายวัดสะพานสูงใช่ไหมคะ ตอนนี้กำลังหัดท่องอยู่
     
  7. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,100
    ค่าพลัง:
    +16,624
    แจ้งการส่ง EMS

    พี่นันทวัฒน์ ER 5711 2266 9 TH

    พี่วุฒิชัย ER 5711 2267 2 TH

    พี่ภาคภูมิ ER 5711 2268 6 TH

    พี่ธีรนันท์ ER 5711 2269 0 TH

    พี่ปกรณ์เกียรติ ER 5711 2270 9 TH

    พี่จิระวัฒน์ ER 5711 2271 2 TH

    พี่เทดศักดิ์ ER 5711 2272 6 TH

    พี่บุญชนะ ER 5711 2273 0 TH

    พี่วิสุทธิ์ ER 5711 2274 3 TH

    พี่สมพร ER 5711 2275 7 TH

    พี่หน่อง ER 5711 2276 5 TH

    พี่อัมรินทร์ ER 5711 2277 4 TH

    พี่ปภพ ER 5711 2278 8 TH

    พี่จิรัฏฐ์ ER 5711 2279 1 TH

    พี่พรศักดิ์ ER 5711 2280 5 TH
     
  8. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,100
    ค่าพลัง:
    +16,624
    ครับแล้วก็อย่าลืมสวดบูชาดวงชะตาด้วย
     
  9. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,100
    ค่าพลัง:
    +16,624
    พรุ่งนี้ติดตามกันนะครับ ห้ามพลาด:)
     
  10. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,100
    ค่าพลัง:
    +16,624
    พูดคุยรอบเช้า

    วันนี้จะมากล่าวถึงเทพเดรัจฉาน ซึ่งส่วนใหญ่ที่คนนิยมนำมาทำเป้นเครื่องรางกันจริงๆนั้นก็จะมีพญาครุฑ พญานาค สิงห์ หนุมาน ที่กล่าวมาเหล่านี้จะเห็นกันบ่อย

    แต่ก็ยังมีเทพเดรัจฉานที่คนยังไม่รู้จักอีกมาก ไม่ใช่ไม่ดี ไม่นิยม แต่เป็นเพราะคนเข้าไม่ถึงด้วยว่าบางสิ่งนั้นมันไม่ใช่ของใครก็ได้ ต้องเป็นผู้ที่มีวาสนาจริงๆเท่านั้นจึงจะได้รู้จัก ซึ่งในชั้นหลังนี้ก็จะมีปรากฏออกมาบ้างในรูปแบบของนักพรตกึ่งคนกึ่งนก มีการเรียกชื่อแตกต่างกันไปมากมาย แต่ทว่าสิ่งหนึ่งก็คือฐานะของเทพเดรัจฉานองค์นี้ ไม่ใช่จะนำมาทำเป็นเพียงเครื่องรางธรรมดาเท่านั้น ที่สำคัญนั่นคือท่านมีฐานะเป็นครู พ่ออาจารย์ท่านบอกว่าในส่วนของวิชาก็มีสืบมาแต่องค์ครูบาเจ้าเช่นกัน ท่านว่าจะเว้นไว้ก่อน เพราะเทพเดรัจฉานองค์นี้ต่างจากเทพเดรัจฉานอื่นที่จะนำมาประดิษฐ์คิดทำเป็นเครื่องรางที่จะห้อยเอวก็ได้ วางไว้ไหนก็ได้ ด้วยว่าเทพเดรัจฉานองค์นี้มีศักดิ์เป็นหนึ่งในบรมครูนั่นเอง

    พ่ออาจารย์บอกว่าครูองค์นี้ท่านเป็นเทพผู้สำเร็จกิจและต้องการจะสงเคราะห์มนุษย์ อันนี้ก็ติดตามกันให้ดี บอกได้คร่าวๆแต่เพียงว่าอาถรรพ์แรงครูนั้นแรงจริง ถึงขนาดพ่ออาจารย์ว่าเป็นของจริง ขอได้จริง องค์ครูนั้นมีอำนาจเป็นเอกเทศน์ไม่เหมือนใครเขา ที่สำคัญคือมีอาถรรพ์มาก ประสบการณ์มาก วันนี้แค่เอ่ยคร่าวๆไว้ ติดตามวันพรุ่งนี้กันดีๆ พ่ออาจารย์ท่านว่าหลายคนนำท่านมาสร้างแล้วได้ดัดแปลงท่านให้น่ากลัว ไม่สมกับบารมีและสายเลือดของท่านเลย ซ้ำท่านได้ชื่อว่าเป็นเทพเดรัจฉานที่งดงามที่สุด ท่านก็เลยมีดำริจะสร้างให้ถูกต้องและเชิญองค์ครูเทียบญาณประสิทธิ์ลงอย่างดี วันนี้ก็พูดได้นิดหน่อเพราะท่านไม่ให้พูดเยอะ ใครที่รอของแรงๆติดตามให้ดี

    296fdde1cd55120c40233d6fb1e12327_d25vj52.jpg
     
  11. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,100
    ค่าพลัง:
    +16,624
    เดี๋ยวมีเกมส์ให้เล่นช่วงปลายเดือนนี้อีกนะครับ คนละเรื่องกับกิจกรรมอันนี้ก็บอกล่วงหน้าไว้ เพราะกิจกรรมนี้มีคนไม่ได้หลายคนเลย เอาไว้ชดเชยให้เล่นเกมส์รับอย่างอื่นแทน;)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 มีนาคม 2017
  12. jaya

    jaya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    1,110
    ค่าพลัง:
    +2,183
    สวัสดีครับ วันนี้ผมได้รับตะกรุดอริยสัจจ์โสฬสมหามงคล แล้วครับ
    ขอขอบคุณและอนุโมทนาบุญด้วยครับ
     
  13. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,100
    ค่าพลัง:
    +16,624
    เพิ่งส่งตะกรุดดวงอริยสัจจ์ไปสองรอบ แต่มีแจ้งประสบการณ์มาแล้ว คนนึงบอกมีลูกยากทำยังไงก็ไม่มี พอรับตะกรุดมาได้ข่าวดีเลย อีกคนไลน์มาแคปรูปให้ดูถามว่าคุณกรณ์เงินมาจากไหน ได้ตะกรุดมาเงินเข้าดีมากตอนคุยกับผมเข้าอีกหมื่นแปดแล้ว เค้าว่าปกติมีแต่หลักร้อย แต่วันนี้วันเดียวได้เหยียบแสน เรานั่งดูรูปที่เค้าส่งมามีแต่เงินเข้าหลักหมื่นเต็มไปหมด อันนี้ก้นำมาเล่าต่อกันฟัง ตะกรุดนี้ให้บูชาให้ดี อย่าเอาไปเก็บนะครับ อย่าดูถูกว่าเป็นของแจกฟรี ท่านจารเยอะกว่าตะกรุดดอกละพันของหลายๆที่ซะอีกผมบอกได้แค่นี้จริงๆว่าดี ถ้าเชื่อก็ลองใช้ดู;)
     
  14. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,100
    ค่าพลัง:
    +16,624
    พูดคุยยามเช้า

    อรุณสวัสดิ์นะครับ เดี๋ยววันนี้ก็มาพูดคุยกันต่อเรื่องที่ค้างไว้ ก่อนอื่นเช้านี้มาพูดกันเรื่องปลุกเสกพระก่อนเป็นข้อมูลจากหนังสือประวัติหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค ที่กล่าวถึงไว้อย่างละเอียด ก็มาทำควมเข้าใจไปพร้อมกันนะ


    หลักการคือ พระเกจิผู้ปลุกเสกต้องสำเร็จฌานระดับจตุถฌาน หรือฌาน 4 ขึ้นไป การปลุกเส
    กเริ่มจากการตั้งสมาธิจากส มาธิขั้นกลางจนได้สมาธิระดับจตุถฌาน หรือฌาน 4 หรือสูงกว่านั้น แล้วก็คลายสมาธิลงมาในสมาธิขั้นกลางแล้วก็อธิษฐานจิต หรือว่ามนต์คาถา จึงทำให้วัตถุศักดิ์สิทธิ์ได้ ซึ่งการปลุกเสกแบบสมถฌานกรรมฐาน มี 5 วิธี ขึ้นกับพระเกจิว่าชำนาญแบบใด

    1. วิธีการสวดอัดประจุคาถา การเสกว่าคาถาบทสวดต่างๆ เช่น บทสวดเจ็ดตำนาน คาถาชินบัญชร นี่ก็เป็นการอาราธนาบารมีของพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ หรือเทวดา หรือพรหมมาช่วย แต่ว่าคาถาบางอย่างก็จะว่าแต่เฉพาะบางจุด เรียกว่าคาถาพุทธาคม ซึ่งสมาธิขั้นฌาณ4 เป็นต้นไป จะว่ากล่าวคาถาพุทธาคมบทใดก็บังเกิดความศักดิ์สิทธิ์ทั้งสิ้น

    ส่วนคาถาไสยศาสตร์นั้นความศักดิ์สิทธิ์ขึ้นอยู่กับบทมนต์คาถาทุกอักขระที่ประจุ เคล็ดวิชาขั้นตอนพิธีการ และแรงวิญญาณของครูบาอาจารย์ผนวกรวมกัน หากผู้เสกที่เป็นพระเกจิ หรือฆราวาสเป็นผู้มีวิชาอาคมมาก และสร้างถูกต้องตามตำรา และได้รับการครอบครูบาอาจารย์ถ่ายทอดวิชามาอย่างถูกขั้นตอน วัตถุมงคลย่อมมีพลังสูงมาก ปลุกเสกต้องถึง เช่น

    ถ้าบูรพาจารย์กำหนดให้จัดเครื่องบูชาครูในวันพฤหัส ขึ้น ๑๕ ค่ำ ก็ต้องรอวันดังกล่าวถึงเริ่มพิธีกรรมได้ และเสกวัตถุมงคลให้ได้อย่างน้อย ๗ เสาร์ ๗ อังคาร และปลุกเสกเดี่ยววันละไม่ต่ำกว่า ๓ ชั่วโมง เป็นต้น

    ไสยศาสตร์เป็นเรื่องลี้ลับ เป็นเรื่องของพลังอำนาจจิต ต้องอาศัยศรัทธาเชื่อมพลังจิตที่ประจุในวัตถุอาถรรพณ์ เปิดช่องทางของปาฏิหาริย์ให้ผู้ประสบพบได้ว่าความศักดิ์สิทธิ์และพลังแห่งพุทธาคมมีอยู่จริง อาศัยจิตที่สำเร็จและแรงวิญญาณของครูบาอาจารย์ผนวกรวมกัน ช่วยประสิทธิ์ทุกอย่างให้สัมฤทธิ์ผล

    2. วิธีการอธิษฐานจิต สามารถทำได้สองแบบ
    แบบแรก คือ การอธิษฐานจิตอ้างถึงการอาราธนาบารมีพระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ พระอริยสาวก ทั้งหมด พรหมหรือเทวดาชั้นฟ้าทั้งหมดขออนุเคราะห์ท่านมาช่วยช่วยดลบันดาลให้พระเครื่องสร้างขึ้นนี้สูงสุดด้วยพระพุทธานุภาพ และกฤตยานุภาพ

    ส่วนแบบที่สอง อธิษฐานอ้างถึงบุญญาบารมีคุณงามความดี ความมีศรัทธาพระบวรพุทธศาสนา และผลบุญกุศลที่ตั้งมั่นอยู่ในการประกอบแต่กรรมดี ทั้งในอดีตชาติและปัจจุบันชาติของตัวพระเกจิหรือฆราวาสของตัวผู้ปลุกเสกเอง ได้ช่วยดลบันดาลให้พระเครื่องสร้างขึ้นนี้สูงสุดด้วยพระพุทธานุภาพ และกฤตยานุภาพ คุ้มครองให้คลาดแคล้วผองภัยพิบัติ อำนวยความเป็นสิริมงคลให้แก่ผู้ที่ได้นำไปสักการบูชา

    โดยมีหลักการ เริ่มจากการเข้าสมาธิให้เข้าถึงจตุถฌานเรียกอีกอย่างว่าฌาณ4 เป็นอย่างต่ำ หรืออย่างสูงเข้าถึงฌาณสมาบัติ ๘ แล้วก็คลายสมาธิลงระดับสมาธิขั้นกลางแล้วจึงอธิษฐานจิตเสกวัตถุมงคล หรือ คลายสมาธิลงจากขั้นฌาณมาพิจารณาวิปัสสนาญาณ จนกระทั่งอารมณ์จิตเป็นแก้วทั้งหมด เป็นแก้วประกายพฤกษ์ทั้งหมดแล้วจึงเข้าสมาธิใหม่ จัดเป็นโลกุตตรญาณ แล้วก็อธิษฐานจิต (ที่มา หนังสือประวัติหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค)

    3. วิธีเจริญกัมมัฏฐานเดินอารมณ์กัมมัฏฐานเพ่งกระแสจิตไปยังวัตถุมงคล ถ้าให้เป็นเมตตาระหว่างนั่งเราก็กำหนดอารมณ์ที่สงบนิ่ง เยือกเย็น ในการเจริญกัมมัฏฐาน แต่ถ้าต้องการให้อยู่ยงคงกระพัน ก็ใช้อารมณ์ที่แข็งกร้าว เหี้ยมโหด ในการเจริญกัมมัฏฐาน หรือการเพ่งกสิณไฟในการปลุกเสกให้เกิดพลังของหลวงพ่อพรหม วัดช่องแค

    4. วิธีทิพยจักขุญาณ ถ้าพระเข้าขั้นที่เรียกว่าได้ทิพยจักษุญาณโดยมากเขาไม่ทำเองนะ เขาเที่ยววานชาวบ้านมาทำ พูดว่าชาวบ้านมันก็ต่ำไป วานพระมาทำ พระพุทธเจ้าบ้าง พระปัจเจกพุทธเจ้าบ้าง พระอริยสงฆ์บ้าง เทวดาชั้นฟ้าบ้าง พรหมบ้าง อันนี้ก็สบายดี แต่หากว่าทำเองไม่ช้ามันก็เจ๊ง ตัวเองยังคุ้มครองตัวเองไม่ค่อยได้ คนทำมันก็ตายนี่ แล้วมันจะไปคุ้มครองความตายของใครเขาได้ นี่ว่ากันตามธรรมดานะ

    การเสกพระเสกเจ้า หรือเสกผ้ายันต์ เสกอะไรต่ออะไรพวกนี้ ถ้าเราเอาตัวของเราออกเสีย เราไม่เข้าไปยุ่ง แต่อาราธนาบารมีพระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ พระอริยสาวกทั้งหมด พรหมหรือเทวดาทั้งหมดท่านมาช่วย ท่านทำประเดี๋ยวเดียว ๒-๓ นาทีมันก็เสร็จ ดีกว่าเราทำ ๑,๐๐๐ ปี แล้วเราจะเอาอะไรบ้างก็อาราธนาบอกท่าน บอกว่าขอให้ใช้ได้อย่างนั้นอย่างนี้

    5. วิธีหัวใจธาตุ เสกจะประจุอาคมพระเวทย์ จิต ตั้งธาตุ หนุนธาตุ เรียกอาการ 32 เรียกนาม จนเกิดเป็นวิญญาณอุบัติขึ้นมา โดยนั่งบริกรรมเรียงล้อมวัตถุมงคลโดยรอบหรือนั่งปลุกเสกบริกรรมทั้ง 8 ทิศ เดินกระแสจิตอณุโลม ปฏิโลม เพื่อให้วัตถุบริสุทธิ์ต่อด้วยการ 32 เพื่อทำให้วัตถุมงคลประดุจดังมีชีวิตจริงรับรู้และรู้เห็นภัยอันตรายที่คืบคลานเข้ามาใกล้เคหะสถานหรือตัวบุคคลที่มีวัตถุมงคลติดตัวและอธิฐานจิตได้ให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของผู้ครอบครองวัตถุมงคล คือ การรับรู้และเดินธาตุ 4 เตโช ปฐวี วาโย อาโป คือ ธาตุ ดิน, น้ำ, ลม, ไฟ


    619172_img_1339390725_1.jpg
     
  15. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,100
    ค่าพลัง:
    +16,624
    แจ้งการส่ง EMS

    พี่สายเมธี ER 8320 9346 0 TH

    พี่วัชรากรณ์ ER 8320 9347 3 TH

    พี่ปริญญารัตน์ ER 8320 9348 7 TH

    วันนี้ช่วงเที่ยงๆ มีคนถ่ายรูปส่งมาให้ดู เป็นคนนั่งรอยืนรอเต็มร้าน เค้าว่าตะกรุดดวงอริยสัจพ่ออาจารย์ออกฤทธิ์แล้ว เพิ่งได้มาวันแรก ได้ปุ้ปลูกค้าเข้าร้านไม่รู้มาจากไหนเป็นสิบคนเลย มาออเดอร์ของเลือกของสั่งกันเยอะมาก เค้าว่าคิวเข้าตอนเที่ยงถึงสี่โมงเย็นเลยคุณกรณ์คิดดู เราเห็นก็ดีใจด้วย รุ่นนี้ดี ได้แล้วรีบนำไปบูชาอย่าเก็บไว้เฉยๆ ตื่นนอนก่อนเข้านอนก็อย่าลืมสวดคาถาบูชาดวงชะตา แล้วอาราธนาก็ใช้โสฬสมงคล ง่ายๆ ลองทำกันนะครับแล้วจะยิ่งดีกว่าพกเฉยๆธรรมดาๆ
     
  16. seaown

    seaown เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มกราคม 2010
    โพสต์:
    1,082
    ค่าพลัง:
    +984
    ได้รับตระกรุดอริยสัจจ์โสฬสมหามงคล เรียบร้อยแล้วครับ แกะออกจากที่ห่อหุ้มอาราธนาอัญเชิญออกมาขนลุกซู่เลยครับผม ขอบคุณท่านอาจารย์พลและท่านกรณ์มากครับผม ขอบคุณครับ
     
  17. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,100
    ค่าพลัง:
    +16,624
    ว่าจะลงเรื่องของปักษาฟ้าหรือกาลปักษาก็พอดีวุ่นๆรับแต่เรื่องทำตะกรุดดวง เลยขอเลื่อนไว้ลงพรุ่งนี้เลย ติดตามกันนะครับ;)
     
  18. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,100
    ค่าพลัง:
    +16,624
    ร่วมทำบุญบูชา มงคลว่านดอกทองยอดอิสีอรชุนเข้านางสามตัณหา(ยาภารตะสั่งเสน่ห์)

    ศิลปะศาสตร์ตลอดจนวิชาทั้งหลายนั้น ย้อนกลับไปคงปฏิเสธไม่ได้ว่าเหนือกว่าไสยศาสตร์ของขอมที่เรารู้จักและนิยมใช้กันมาตลอดเนื่องจากความเกี่ยวเนื่องทางอารยะธรรมนั้น ก็ยังมีวิชาสายภารตะ หรือไศวะศาสตร์สายฮินดูอยู่ ซึ่งเป็นต้นตำรับอย่างแท้จริงที่พวกขอมโบราณรับเอามาอีก แต่วิชาเหล่านี้นอกจากมีความรุนแรง ชัดเจน รวดเร็วเห็นผลอย่างมากแล้ว แน่นอนว่าหาคนรู้และเรียนได้ยากเช่นกัน ต่างจากวิชาทั่วไปโดยปกติอย่างสิ้นเชิง


    พ่ออาจารย์ท่านได้ปรุงยาภารตะสั่งเสน่ห์ขึ้นมานานนักหนาแล้ว เรียกว่าเป็นวิชาที่ยากและซับซ้อนมากที่สุด เพราะท่านทำแบบเต็มสูตร ท่านว่ายาภารตะสั่งเสน่ห์นี้ไม่ใช่แค่นึกจะทำก็หามวลสารมาผสมนั่งเสกๆเอาหรือใครจะทำก็ทำได้ มันมีวิธีการและขั้นตอนที่ยุ่งยากกว่านั้น ท่านว่าทุกสิ่งต้องดูมิติของดวงดาว ต้องทำในฤกษ์ในยามที่ดวงดาวมีกำลังส่งผลอย่างเด่นชัด เป็นเรื่องละเอียดอย่างมาก เช่นต้องหามวลสารเมื่อราหูอมจันทร์เท่านั้นทำให้ตอนนั้นถ้าท่านไม่มีความตั้งมั่นจริงๆย่อมไม่สามารถกระทำได้เลย ดีที่ว่ามีราหูอมจันทร์เกิดขึ้นเนืองๆ แล้วยังต้องหุงมวลสารในกำลังพระราหูเพื่อจะเน้นอำนาจจากดาวราหูส่งผลให้มีอานุภาพทางกามราคะ กามตัณหาความลุ่มหลงมัวเมาต่างๆ และนำมาเสกในฤกษ์ที่มีอิทธิพลของดาวศุกร์ เพื่อจะให้แสดงผลในเรื่องการเงินความมั่งคั่งร่ำรวย ความรักชายหญิง เครื่องเพศ กามราคะ ท่านว่าในส่วนของวิชาทุกอย่างเคร่งครัดอย่างมาก หากอธิษฐานจิตเฉยๆเสกอย่างไรก็เสกไม่ขึ้น ไม่มีทางสำเร็จยาภารตะสั่งเสน่ห์นี้ได้ ยานี้ท่านว่ามีความแตกต่างในตัวเองสูงมาก เป็นมนต์สูงสายขาวใช้ได้ไม่เป็นอันตรายกับตัวเองแน่นอน ท่านว่าเราทำให้ไม่เพียงแต่ทำตรงตำรา แต่ยังทำให้เกินตำราอีกด้วยท่านว่าในอดีตนั้นยาสั่งเป็นสิ่งที่น่ากลัวนัก พ่ออาจารย์ท่านว่านี่ยังแค่ไสยศาสตร์แบบไทยๆเรานะ แล้วลองย้อนขึ้นไปของเขมรดูสิ จากนั้นก็ย้อนขึ้นไปถึงวิชาแขกฮินดูแดนภารตะอีกคำรบหนึ่ง ท่านว่าแน่นอนวิชาเขมรย่อมแรงอย่างยิ่งแต่หากเทียบกันแล้วก็ยังสู้ของแขกไม่ได้ แรงครูเค้าก็แรงกว่า ท่านว่ายาภารตะสั่งเสน่ห์นี้แรงกว่ายาสั่งที่ปรุงธรรมดาร้อยเท่าพันเท่า เพราะมวลสารนั้นมีตั้งแต่ของสูงชนิดตาเห็นก็ไม่มีปัญญาเอาได้ ของที่ประดิษฐานอยู่กลางฟ้าบ้าง แม้ตัวขี้ผึ้งที่ผสมลงไปนี้ท่านก็ไม่ได้ใช้ขี้ผึ้งธรรมดามาทำ ท่านนำขี้ผึ้งน้ำตานางมัทรีมาทำ ซึ่งมันมีอาถรรพ์สูงมากในตัวเองอยู่แล้วจึงกล่าวได้ว่าเป็นเสน่ห์เหนือมหาเสน่ห์เลยกว่าได้ ท่านว่าขี้ผึ้งน้ำตานางมัทรีนี้แค่นี้ก็ปวดหัวแล้วเพราะไม่ใช่ของที่จะเดินเข้าไปขอวัดไหนก็ได้ แต่เราต้องทำไปถวายเองต้องเสาะหาสิ่งอาถรรพ์มาปั้นเทียนทำสารพัดกว่าจะได้สิ่งที่เรียกว่าน้ำตานางมัทรี ท่านว่าทุกอย่างที่นำมาทำนั้นท่านพยายามจะให้มีอิทธิคุณแฝดอย่างแรงสูงสุดในสายขาวสายเทพเจ้าไม่มีให้ไปยุ่งกับซากศพ กับของต่ำหรือต้องเสกในป่าช้าแต่อย่างใด เพราะว่าจะนำเรื่องไม่ดีที่เรียกว่าซวยมาถึงคนใช้ ทุกอย่างเป็นปริศนาต้องตีต้องคิดขบด้วยปัญหาให้แตกฉานกว่าจะเข้าใจและเตรียมตัวออกไปตามหาได้จึงไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ท่านว่าไม่เพียงเท่านี้ แต่ท่านยังนั่งลบผงวิชาเสน่ห์ที่ได้ชื่อว่าดีที่สุดทางโซนของเราถึงสิบชนิด เสาะหาว่านยาเฉพาะทางเพื่อนำมาบดทำผงปั้นแท่งดินสอ ก่อนจะลบยันต์กระดานชนวนนวดกับยาภารตะไปด้วย ทั้งวิชาอีหง่างโบราณ พระศรีสะแลงแงง อีเป๋อ ม้าเสพย์นาง หมูเสพย์เสือ ช้างผสมโขลง พญาเขาคำ อิ้นแก้ว วัวกินนมเสือ หนูกินนมแมว ซึ่งแต่ละวิชานั้นพูดได้คำเดียวว่าอย่างแรงแม้ได้ซักตัวหนึ่งก็เป็นยอดคนมีคุณวิเศษในตัวเองอยู่แล้ว แต่นี่รวมกันถึงสิบชนิดท่านว่าถ้าคนจะเอาดีทางโลกไม่สามารถมองข้ามได้เลยทีเดียว ท่านว่าเน้นเอาคุณวิชาทำให้อย่างเต็มที่ พ่ออาจารย์ท่านว่ายานี้เป็นของวิเศษนัก ท่านได้นำมาบรรจุใส่ขวดเล็กๆไว้ ท่านว่ามันมีอำนาจเกินยาสั่งที่คนไทยเข้าใจไปมากโข ด้วยแรงครูแห่งมหาเทพทั้งหลายลงประสิทธิ์แฝงพลังอย่างแรง ท่านว่าถึงขนาดดาวบนฟ้าแม้ปรารถนาก็ต้องได้ ของสูง ของที่ไม่มีปัญญาเอา หมายปองดอกฟ้า คนที่ชาติตระกูลสูงกว่าเราทั้งหลาย เมื่ออยากรักก็ต้องได้รักสมใจเช่นนั้น นอกจากนี้ยังเป็นยาสั่งรวย ยาเปลี่ยนชีวิตด้วย ท่านว่าสั่งฟ้าสั่งรวยได้ตามใจ ถึงขนาดว่าสั่งอะไรได้อย่างนั้น คนไม่มีวาสนาจะไม่พาลพบยาสวรรค์โอสถของพระเจ้าเช่นนี้แน่นอนทีเดียว ท่านว่าวิสัยของเราให้พูดหรืออธิบายคงจะไม่งามให้เอาไปใช้เองเถิด

    พ่ออาจารย์ท่านได้นำมาบรรจุไว้ในขวดเล็กๆเพราะยามีน้อย ท่านว่าเชื่อมั๊ย ยานี่แม้นำไปทำพระ ปั้นให้ได้ก้อนกลมๆเป็นมวลสารเท่าปลายเข็มหมุดผสมลงไปในพระหมื่นองค์ พระทั้งหมื่นนั้นก็ยังได้ชื่อว่าเป็นเสน่ห์อย่างถึงที่สุด ท่านว่ายานี้เมื่อทำเสร็จ เคยนำไปขอเมตตาพระอาจารย์ฝั้นท่านพิจารณา ท่านเห็นแล้วสีหน้าท่านเปลี่ยนไปเลย ท่านว่าตอนนั้นเราสนใจแต่ทางโลก ทำยาที่จะเปลี่ยนชะตามนุษย์ขึ้นมาจึงได้แต่ส่ายหัวเพราะไม่ใช่วิสัยของท่าน พ่ออาจารย์ว่าเอาตรงๆคือไม่มีใครเขาทำกัน ท่านว่ายานี้ให้คุณมากแล้วก็เป็นอันตรายมาก อันตรายคือท่านกลัวจะมีคนอุตริไปปั้นให้คนกิน ท่านจึงนำมาบรรจุใส่ขวดไว้ฝังในพระอีกชั้นหนึ่ง ท่านว่าเพียงพกอาราธนาเท่านั้นพอ ขอให้ทำเพียงแค่นั้นอย่าใช้ทางอื่นนอกจากพก เพียงเท่านี้ก็แรงเหลือใจแล้ว หมื่นยาเสน่ห์ร้อยยาสั่งก็สู้ยาภาระตะสั่งเสน่ห์นี้ไม่ได้


    หลังจากนั้นพ่ออาจารย์จึงได้แกะแม่พิมพ์ขึ้นมาอย่างมีนัยยะสำคัญ โดยใช้แม่พิมพ์พระผงพรายกุมารพิมพ์เล็กของหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่มาเป็นแบบอย่าง แต่ท่านขยายให้ใหญ่ขึ้นพอจะฝังของอาถรรพ์ได้ และปรับเปลี่ยนสิ่งที่สมควรจะเปลี่ยน ท่านว่านี่ไม่ใช่พระ ไม่มีข้อจำกัดของพระ เพราะท่านตั้งใจจะทำให้คนใช้แรงแบบสุดๆไปเลย ท่านจึงปรับจากพิมพ์พระพุทธเจ้า เป็นยอดฤาษีอรชุนบรมครูเสน่ห์อันแรงฤทธิ์แทน ท่านว่าเป็นยอดฤาษีอรชุนองค์นี้แหละที่เป็นแรงครูหนุนอยู่เบื้องหลังของสรรพศาสตร์วิชาการมนต์เสน่ห์ทั้งปวง คนจะใช้ของเสน่ห์ขึ้นหรือไม่ก็อยู่ที่ท่าน พ่ออาจารย์รู้ถึงคุณวิเศษและความแรงอย่างลูกโดดของยอดฤาษีองค์นี้ดีจึงตั้งใจทำเอาไว้ โดยกำหนดให้มีนางสามตัณหาล้อมรอบซ้ายขวาและนอนอยู่เบื้องล่าง


    พ่ออาจารย์ท่านให้เหตุผลว่า ขึ้นชื่อมนุษย์ยังทำงานหล่อเลี้ยงชีวิต ยังมีความคิด มีจิตวิญญาณ มีความทะเยอทะยาน ต้องการจะเอาดีทางโลก อย่างไรเสียก็ไม่หลุดพ้นจากตัณหาทั้งสาม นั่นคือนางทั้งสาม และทั้งนี้นางทั้งสามยังได้ชื่อว่ามีอำนาจเหนือมนุษย์และเทพพรหมโดยตรงอีกด้วย เมื่อได้รับการสนับสนุนจากสามนางนี้แล้วพ่ออาจารย์ว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้เสมอ นางทั้งสามมีชื่อเรียกต่างกันดังนี้ อันได้แก่

    - ตัณหา ซึ่งตัณหาตัวนี้ไม่ได้พูดให้ทะลึ่งหรือมองไปเรื่องกามเท่านั้นแต่พูดโดยรวมคือ ความอยากทั้งหมด คือเราต้องการจะได้ อยากจะมี อยากจะเป็นอย่างไร นี่คืออานุภาพของนางตัณหา หมายถึงให้ได้ ให้สำเร็จกันในสิ่งที่คิดสิ่งที่ทำ

    - ราคะ นางตัณหาองค์ที่สองนี้ก็เช่นกันหากเล่นด้านเสน่ห์เมตตาก็ยังต้องมีราคะ มีความกำหนัด ยินดีในบ่วงกาม พ่ออาจารย์ว่ามันก็เป็นวิสัยปกติของมนุษย์ไม่ใช่พระอริยะเจ้าก็ยังต้องมี อานุภาพของนางตัณหาองค์นี้พ่ออาจารย์ท่านว่าจะช่วยให้เราประสบความสำเร็จในความรัก สุขสมเรื่องคู่ครอง มีชีวิตคู่ที่ดี มีความรักที่บริสุทธิ์

    - อรดี นางตัณหาองค์ที่สาม พ่ออาจารย์บอกว่าลึกซึ้งมาก ใครที่มีความฝัน เดินทางตามหาฝัน เดินไปบนความต้องการและมุุ่งมั่นของตนเอง นี่ต้องใช้อานุภาพของนางอรดีเข้าช่วยเพราะจะได้สมใจปรารถนา ถ้าไปหวังเรื่องเสน่ห์ก็จะออกแนวมีแต่หญิงสาวมากมายมาติดพันเต็มไปหมด แต่ถ้าจะเอาดีทางหน้าที่การงาน สร้างฐานะทำความฝันให้เป็นจริงท่านว่าก็สำเร็จอีกเรื่องหนึ่ง มันอยู่ที่จิตตั้งต้นของผู้บูชาเท่านั้น


    พ่ออาจารย์ท่านทำครูฤาษีเสน่ห์หรืออิสีอรชุนผู้ทรงพระเวทย์เข้านางตัณหาทั้งสามนั้น เพราะท่านว่าคนใช้ขุนแผนล้วนติดที่รูปลักษณ์ขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า จะเอาดีทางโลกได้อย่างไร พลังงานมันไปไม่สุด ช่วยเหลือกันไม่ได้เต็มที่ แต่ฤาษีนั้นท่านยังยุ่งเกี่ยวกับกิจทางโลกได้ทุกกิจยิ่งเป็นบรมครูที่ดูแลควบคุมศาสตร์ทางด้านนี้โดยเฉพาะแล้วยิ่งไม่ต้องพูดถึง พ่ออาจารย์ท่านว่าการเข้านางของฤาษีอรชุนนั้นท่านสื่อความหมายให้ถึงใจของคนใช้โดยเฉพาะ นั่นคือ การเข้าไปหาให้สำเร็จในทุกกิจทางโลก เติมเต็มทุกสิ่งที่ขาดที่พร่องไป ยิ่งเอายิ่งได้ ยิ่งขาดยิ่งเต็ม ก็แล้วทุกวันนี้มีใครยินดีหรือพอใจในตัวเองบ้าง ก็ทุกคนนั้นแหละล้วนมีสิ่งที่ขาด มีไฟชีวิต มีความฝันปรารถนาที่จะทำทั้งนั้น


    พ่ออาจารย์ท่านได้นำมวลสารเฉพาะทางเรียกว่าไม่สามารถเปิดเผยได้เลยแม้แต่น้อย เป็นมวลสารลับที่ลับที่สุดจริงๆ ประมาณว่ายอดของความลับสูตรของบรมครูเลยทีเดียว แต่เอาว่าแรงแน่ไม่มีของต่ำหรือของอาถรรพ์แต่อย่างใด พอจะบอกได้คร่าวๆแค่เพียง มีพืชพรรณอาถรรพ์ ว่านเก่งมีฤทธิ์มีตัวมีเพชรพญาธรรักษา ตลอดจนผงยาต่าง ท่านเรียกว่ายาสิบหกภาษา หมายถึงยาวิเศษสิบหกชาติพันธุ์เป็นการเรียกให้ครอบคลุมชาติพันธุ์สิ่งมีชีวิตทั้งหมด ท่านว่าผงยาเหล่านี้แรงสะเทือนอารมณ์กันเลยทีเดียว ตลอดจนผงวิเศษต่างๆมาผสมกันโดยเน้นใช้เนื้อว่านดอกทองเป็นหลัก

    ลำพังว่านดอกทองนี้ก็แรงพอดูแล้วท่านว่า ตั้งแต่สมัยโบราณเชื่อกันว่า ถ้าใครได้สัมผัส ได้กลิ่นหอมของว่านชนิดนี้ไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชาย จะทำให้ผู้ใช้มีเสน่ห์ น่ารัก น่าคบหามากขึ้นคืออันนี้พูดแบบอ่อนที่สุดแล้วนะเอาว่าเขาอยากจะเข้าหาเราแล้วกัน ความจริงมันรุนแรงกว่านั้นเยอะถึงขั้นเลยเถิดไปไกลทีเดียว เอาแค่อย่างอ่อนๆเพราะท่านว่าไม่สามารถพูดได้เต็มที่ เอาว่าใครเห็นจะรักจะชอบ หากใช้กับคนรัก ไปไหนแล้วจะต้องกลับมาเชยชม กินอยู่หลับนอนอยู่ด้วย ดังนั้นครูบาอาจารย์แต่โบราณจึงนิยมนำมาทำมวลสารพระในตระกูลขุนแผนอย่างมาก ไม่เว้นแม้แต่ขุนแผนหลวงปู่ทิมก็ตาม เรียกได้ว่าเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ และว่านนี้ก็ยังมีหลายตัวหลายตระกูล มีความแรงแตกต่างกันไป พ่ออาจารย์นำว่านดอกทองที่ท่านปลูกและกู้เองทุกตระกูล ซึ่งเป็นว่านที่เปี่ยมด้วยฤทธิ์ของเพชรพญาธรซึ่งมีอานุภาพมากกว่าว่านดอกทองปกติมาพลีหั่นบดลงเป็นผงเพื่อสร้างพระครั้งนี้


    นอกจากนี้ องค์อีสีอรชุนสามตัณหา นอกจากจะฝังยาภารตะสั่งเสน่ห์แล้วยังฝังสิ่งมงคลสักการะอีกสองชนิดคือ

    - กาลปักษา พญานกแห่งกาลเวลา ผู้อยู่เหนือกาล อยู่เหนือธรรมชาติ สัญลักษณ์แห่งผู้บำเพ็ญพรตอันหมายใจจะช่วยเหลือมนุษย์ให้ได้พบสุขสมหวังในกิจที่ตนต้องการ พ่ออาจารย์ท่านว่ากาลปักษาเป็นบรมครูที่สำคัญนักและยุคนี้ท่านยังมีหน้าที่ช่วยเหลือมนุษย์โดยตรง มีหลายสำนักที่บูชาท่านไปเข้าใจว่าเป็นครูกายแก้วบ้าง เป็นนกออกบ้าง เป็นอะไรก็ตามที่ดูหน้าเกลียดน่ากลัวอยู่ไม่น้อยทีเดียวตามจินตนาการของเค้าผิดกับรูปกายที่แท้จริงของท่าน ซึ่งพ่ออาจารย์ท่านว่ากาลปักษานั้นคือผู้ที่อยู่เหนือกฏของกาลเวลา เป็นพลังอำนาจที่วิเศษโดยแท้จริง เพราะสามารถยุ่งเกี่ยวและแก้ไขสิ่งที่อยู่ในอำนาจของตนเองได้ นั่นคือ อดีต ปัจจุบัน อนาคต ไม่ว่าจะของใครก็ตามที ใครที่บูชากาลปักษานั้น พ่ออาจารย์ว่าแม้จะมีอนาคตที่มืดมัว ย่ำแย่อับเฉาไร้สิ้นหนทางเพียงใดก็ตาม เค้าย่อมแก้ไขเปลี่ยนแลงให้เรายิ่งกว่าพลิกลับพื้นพระธรณี กาลปักษานี้นอกจากจะเข้าไปยุ่งเปลี่ยนแปลงแก้ไขได้ทั้งสามกาลแล้ว ยังมีเสียงที่วิเศษอีกด้วย นั่นคือจะร้องออกมาอย่างใดก็จะเป็นอย่างนั้น จะพลิกคว่ำพื้นปฐพีทำลายนภากาศก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไรเลยเพียงแค่ร้องออกมา พ่ออาจารย์ท่านใช้รากรักแดงในแผ่นดินปราสาทขอมอาถรรพ์มาแกะเป็นกาลปักษาขึ้นในรูปกึ่งคนกึ่งนกมีปีกยาวสยายคล้ายดั่งองค์พญาครุฑที่สำคัญท่านทำให้อยู่ในลักษณาการที่กาลปักษากำลังแหงนคอกู่ร้องอยู่ตลอดเวลาด้วย ท่านว่าเสียงของเขามีฤทธิ์ขนาดทำให้จักรวาลสั่นสะเทือนได้นับประสาอะไรกับแค่ร้องให้รวย ให้สำเร็จ อยากสำเร็จสิ่งใดก็อธิษฐานได้เลยเพราะนี่คือกาลปักษากู่ร้องรับสิ่งที่เราคาดหวังตลอดเวลา หรือก่อนทำอะไรก็ตามเมื่อมีนิมิตได้ยินเสียงนกร้องแล้วจงรีบไปทำเถิด วันนั้นย่อมเป็นวันดีทั้งวันอย่างแท้จริง ที่ท่านแกะกาลปักษาให้อยู่ในรูปแบบครุฑนี้นอกจากเขามีลักษณะคล้ายกันแล้วอีกสาเหตุหนึ่งคือเพื่อแฝงอำนาจบารมีองค์ครุฑเข้าไปอีกคำรบหนึ่งด้วย ให้คนใช้เจริญที่สุด ดีที่สุด อยู่สูงที่สุดไม่ร่วงไม่หล่นลงมาด้วยพลังแฝงขององค์ครุฑนี้

    - ตะกรุดมหาเถรตบะแตก
    พ่ออาจารย์ท่านลงวิชาอันได้ชื่อว่าเป็นยอดแห่งเสน่ห์ที่แรงที่สุดถึงสี่ชนิดลงไป นั่นคือนางอกแตกแหกอกนาง ยันต์ปาราชิก พระฤาษีตบะแตก พระเจ้าเรียกนางภิกขุนี ท่านว่าสี่ตัวนี้แต่ละตัวล้วนเป็นยอดเสน่ห์ในขั้นที่ว่ารุนแรงทั้งนั้นไม่ต้องกล่าวถึงเลยเมื่อนำมารวมกันทั้งสี่ชนิด พ่ออาจารย์ท่านว่าตะกรุดนี้อย่าให้พระจับเลย แม้พระก็ทำวิชาเหล่านี้ไม่ได้มันผิดครู ยันต์บางตัวชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าแค่พระทำหรือพระจับก็จะวิบัติในสมณะเพศถึงขั้นปาราชิก เนื่องจากวัวเขาอ่อน หรือสตรีเพศจะเข้าหาถึงที่ทำให้ต้องสึกหาออกไป เป็นที่สุดของตะกรุดในสายวิชาทางเสน่ห์อย่างแท้จริง พ่ออาจารย์ท่านว่าท่านทำให้ดีแล้ว อยู่ที่ตัวคนใช้ ของทุกสิ่งลงให้ครบหมดแล้ว จะไปเอาดีทางโลก จะใช้อย่างไรก็พิจารณากันเอง


    คาถาบูชา(ให้ระลึกถึงความปรารถนาที่ต้องการให้สำเร็จบอกกล่าวพ่อปู่อรชุนและกาลปักษา ไม่ใช่รูปพระไม่ต้องขึ้นนะโม)
    โอมกามตัณหา ภวตัณหา วิภวตัณหา ตัณหาตันหิ ตันหิตัณหา นะโสหังตัง สะสิสุสะอาวะสะหะ สะสิมังสิอะวิสิเม 3 จบ


    เครื่องมงคลนี้พ่ออาจารย์ว่าเป็นสิ่งที่อยู่เหนือสิ่งที่พระเครื่องหรือพุทธวิสัยจะทำได้ เป็นของที่มีแรงครูสูง เนื่องจากเป็นของเฉพาะกาลที่ท่านตั้งใจสร้างขึ้นเพื่อไว้ใช้ผนึกยาภารตะสั่งเสน่ห์อันสำคัญของท่านอย่างแท้จริง พ่ออาจารย์ท่านสร้างไว้ได้เพียง 8 องค์เท่านั้น ท่านว่าคนที่มีวาสนา มีลิขิตให้สัมพันธ์กับกาลปักษานั้นย่อมมี ที่ผ่านมาชื่อของท่านหรือกาลปักษานั้นไม่เป็นที่ปรากฏนักเนื่องจากเพราะหาคนรู้จักท่านไม่ได้และเข้าไม่ถึง ครั้งนี้พ่ออาจารย์ท่านว่าเป็นยิ่งกว่าเปิดบันทึกตำนาน เพราะเรื่องราวของท่านจะเป็นที่โจษขานกันมากขึ้นในวงกว้างต่อไปอย่างแน่นอน

    * สำหรับผู้ที่ต้องการจะบูชา ให้เฉพาะคนที่PM มาจองเท่านั้น และเมื่อบูชาแล้วต้องให้บอกชื่อนามสกุลพร้อมวันเดือนปีเกิดด้วย พ่ออาจารย์ท่านจะทำพิธีพิเศษให้ด้วยการประสิทธิ์มนต์คายตรีซึ่งเป็นเวทย์บรรพกาล พร้อมนำผงอิทธิเจที่ผสมผงสินธูระมาอธิษฐานจิตด้วยพิธีกรรมของพราหมณ์บอกกล่าวกับองค์มหาเทพอ่านมนต์คายตรีขึ้น เพื่อจะเจิมเบิกดวง ถอนคำสาป ดับล้าง ถอนอาถรรพ์ทั้งปวงที่มีมาในชีวิตประสิทธิ์ให้ตกถึงมือคนใช้อีกคำรบหนึ่ง รายได้ร่วมทำบุญแจกทุนการศึกษษเด็กด้วยโอกาสทางสังคมสืบไป


    ร่วมทำบุญบูชา มงคลว่านดอกทองยอดอิสีอรชุนเข้านางสามตัณหา(ยาภารตะสั่งเสน่ห์) บูชา 4,000 บาท



    image.jpg 10110108.jpg 235963.jpg SAM_5274.jpg SAM_5279.jpg user312858_pic140863_1301551199.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 มีนาคม 2017
  19. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,100
    ค่าพลัง:
    +16,624
    มีถามกันเข้ามาว่ากาลปักษานั้นต่างจากองค์ครุฑอย่างไร อันนี้ตอบคร่าวๆว่าต่างกันมากเพราะท่านมีความสามารถหลายอย่างที่ไม่เหมือนองค์ครุฑเช่นอยู่เหนือกาลทั้งสามซึ่งสิ่งนี้เป็นอำนาจเทียบเท่าพระผู้เป็นเจ้าเช่นกันโดยที่พิเศษอย่างยิ่งคือการเปลี่ยนสิ่งที่จะเป็นหรือเกิดขึ้นได้ในกาลทั้งสามนั้นซึ่งเป็นพลังที่ล่วงอำนาจของพระผู้เป็นเจ้า ซ้ำยังมีเสียงที่เขย่าจักรวาลหรือจะบันดาลให้เกิดสิ่งต่างๆได้เรียกว่าทำอะไรได้มากกว่ากันเยอะ ที่สำคัญคือไม่ได้เป็นศัตรูกับพญานาค อีกประการหนึ่งส่วนใหญ่คนที่ใช้องค์ครุฑจะรู้สึกร้อนเพราะบารมีของท่านจะแรง บางคนถึงกับรับไม่ได้ชีวิตร้อนขึ้นวุ่นวายขึ้นไปเลยก็มี แต่กาลปักษานั้นไม่มีความร้อนตรงนี้ พูดให้เข้าใจว่าไม่เป็นศัตรูกับธาตุน้ำ พกแล้วเย็น ไม่ทำให้ชีวิตใครร้อน อันนี้ก็พูดกันคร่าวๆเท่าที่พ่ออาจารย์ท่านอธิบายไว้ ท่านว่าของบางอย่างบารมีสูงมากแต่ไม่เกื้อหนุนกันมันก็ไร้ผลกลับจะทำให้ชีวิตคนใช้ร้อนได้ พอร้อนโดยรวมมันก็ไม่ดีนั่นเอง

    * สำหรับผู้ที่จองอิสีอรชุนนั้น คุ้มค่าจริงๆ เพราะจะมีของแถมให้ รับรองว่าคุ้มค่าแน่นอนให้เอาไปใช้คู่กัน เรียกว่าตะกรุดนภากาศอำนวย หมายถึงพลังงานฟ้า พลังงานศักดิ์สิทธิ์คอยช่วยเหลือส่งเสริมเรานั่นเอง พ่ออาจารย์ว่าเป็นวิชาธรรมไม่ใช่ของต่ำหรือจะทำขึ้นมาได้ง่ายๆเลย เป็นหัวใจพระยันต์สำคัญมาก แม้ติดตัวไว้จะเปิดพลังของเครื่องมงคลได้ทุกที่ทุกสาย ทุกสำนัก ของทุกชิ้นที่เราครอบครองอยู่ ที่ว่าติดขัด ใช้ไม่ขึ้น มีอะไรอยู่ในตัวหรืออยู่ในบ้านทุกอย่างเปิดหมด ไม่มีโดนสะกดหรือให้คุณเราไม่ได้ท่านว่าไม่มีเลย เป็นตะกรุดที่สำคัญมาก ท่านว่าสำหรับคนรู้วิชาหรือมีเครื่องมงคลมากจะรู้ว่าที่พูดนี้สำคัญเพียงใด ซึ่งรายการนี้จะแถมไปให้พร้อมกัน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 มีนาคม 2017
  20. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,100
    ค่าพลัง:
    +16,624
    ขออโหสิกรรมเจ้ากรรมนายเวร

    ก็เป็นหนึ่งในวิธีง่ายๆที่แนะนำให้ลองทำกันดูนะครับ ใครก็สามารถทำได้ทุกคนยิ่งทำมีแต่ยิ่งดี

    การชวนเจ้ากรรมนายเวรไปทำบุญ เพื่อให้อโหสิกรรมเร็วขึ้น
    เจ้ากรรมนายเวรนั้นมีจริงและเป็นอุปสรรคสำคัญที่จะทำให้เงินทองนั้นติดขัดอย่างหนัก เพราะเขาจะมาเอาคืนในสิ่งที่เราเคยทำกับเขา ทางที่ดีที่สุดก็คือ ต้องสำนึกอย่างจริงใจ ถึงแม้ว่าชาตินี้เราจะเป็นคนใหม่ ชื่อใหม่ไม่รู้ว่าเคยทำอะไรไปบ้าง แต่กรรมนั้นเกิดขึ้นไปแล้ว เราต้องรับผิดชอบ เคล็ดวิชาศักดิ์สิทธิ์เรื่องการชวนเจ้ากรรมนายเวรไปทำบุญ เพื่อให้อโหสิกรรมเร็วขึ้นนั้นถือว่าเป็นช่องทางที่เจ้ากรรมนายเวรเขาชอบและให้อโหสิกรรมเราได้ง่าย

    หลายๆ ท่านเมื่อเวลาจะสร้างบุญไปทำบุญมักจะคิดบอกล่าวเชื้อเชิญ ชอบชวนเจ้ากรรมนายเวรไปร่วมทำบุญด้วย แต่บางคนก็เริ่มไม่แน่ใจเพราะได้ยินมาว่า หากเจ้ากรรมนายเวรมีบุญเยอะๆ เขาจะยิ่งมีกำลังมากและจะทำร้ายเราได้มาก หรือการชวนเขาไปทำบุญเป็นเหมือนการบังคับกลายๆ ว่าให้เขาไปด้วย ถ้าเขายังรับไม่ได้ยังไม่อยากไปกับเรา หรือยังมีจิตอาฆาตแค้นแรงอยู่ ก็อาจจะส่งผลร้ายกับเราได้ เพราะมันยิ่งทำให้ไม่พอใจและอาฆาตแค้นเรามากยิ่งขึ้น ก็ต่างคนต่างความคิดกันไปเพราะเราเอาความคิดตนเองไปตัดสินใจสิ่งต่างๆมากเกินไป ทำให้เกิดความลังเล กังวล จนลืมชวนหรือบอกกล่าวเขาไป

    เมื่อได้ยินแบบนี้ก็อยากจะขอแนะนำสักเรื่องหนึ่งเพื่อให้ทุกคนเข้าใจอย่างถูกต้อง ถูกธรรม
    หลายท่านคงเคยได้ยินมาแล้วว่า การชักชวนคนอื่นไปทำบุญนั้น ถือว่าได้บุญมากอานิสงส์จะได้มีเพื่อน บริวารที่เกื้อหนุนกัน และได้บุญมากขึ้นไปอีกหลายเท่าในการชวนคนที่จริงๆ แล้วเขาไม่มีโอกาสที่จะสร้างบุญได้เอง เช่น เทวดา ดวงจิตวิญญาณต่างๆ และโดยเฉพาะเจ้ากรรมนายเวรนั้น

    เจ้ากรรมนายเวรที่มีชีวิตเราอาจจะชวนง่ายและเขาไปทำบุญกับเราได้ง่าย หรืออาจจะไม่ไปร่วมสร้างบุญเพราะเขาไม่ร่วมทำอะไรกับคนที่เขาโกรธแค้นอยู่ก็ไม่เป็นไร เจ้ากรรมนายเวรที่เป็นดวงจิตวิญญาณเขาก็อาจจะเป็นอย่างนั้นหรือในบางรายเขาก็อยากมีบุญถึงแม้จะโกรธเราอยู่ ยังไม่ให้อภัยก็ตาม

    ขอแนะนำว่า เราควรที่จะชวนเขาไปสร้างบุญทุกครั้งที่เราทำ
    เพราะเราหวังดี สำนึกในความผิดที่เราทำ และอยากขอโทษเขา การที่ชวนไปสร้างบุญนั้นเพราะใจของเราอยากให้เขาหลุดพ้นจากห้วงความอาฆาตแค้นอย่างแท้จริง ชวนเขาไปทำบุญ ฟังธรรม เพื่อให้จิตใจเขาสงบขึ้น เข้าถึงธรรมะมากขึ้น คือ เราอยากให้เขาไปด้วยความบริสุทธิ์ใจนะ แบบว่าถ้าเขาไปเขาก็ได้บุญของเขาจากการที่เขาทำบุญด้วยตัวเขาเองโดยการร่วมอนุโมทนา ไม่ต้องรอให้เราอุทิศให้เพียงอย่างเดียว เหมือนได้บุญเพิ่มขึ้น เพื่อที่เจ้ากรรมนายเวรเขาได้ไปอยู่ในภพภูมิที่ดีเร็วๆ

    เมื่อเจ้ากรรมนายเวรเขาอโหสิกรรมแล้วเปิดทางให้บุญได้ส่งผล ก็ถึงเวลาแล้วที่เงินทองจะหลั่งไหลเข้ามา
    คิดอะไรก็เป็นเงิน จับอะไรก็เป็นทอง
    A_07.jpg
     

แชร์หน้านี้

Loading...