ขอความรู้เรื่องฌาน 8 และวิธีการเข้าถึงครับ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย เอกภพ, 11 มีนาคม 2017.

  1. เอกภพ

    เอกภพ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มีนาคม 2017
    โพสต์:
    6
    ค่าพลัง:
    +7
    เสือบเนื่องจากกระทู้กสินของผมนะครับ

    รบกวนขอความรู้เพิ่มเติมครับพอดีผมหาข้อมูลจาก google แล้วเห็นเขาว่าแค่นั่งสมาธิกำหนดลมหายใจเข้าออกและบริกรรมว่า เกศา โลมา นะขา ทันตา ตะโจ ตะโจ ทันตา นะขา โลมา เกศา
    แล้วจะทำให้เกิดอารมณ์ฌานขึ้นมาได้หรือครับ แล้วแต่ละฌานแต่ละขั้นมีวิธีการอย่างไรหรือครับหรือว่าจะเป็นไปตามอัตโนมัติ 1234....
    พอจะทราบอารมณ์รับรู้ขณะฌานนั้นๆมั้ยครับ และเห็นเขาว่าพอเข้าถึงฌาน8 แล้วสามารถ เข้านิโรธสมาบัติได้ผมลองอ่านดูแล้วน่าสนใจมากเลยครับอยากเข้าถึงอารมณ์นั้นได้บ้าง

    ขอบพระคุณทุกท่านครับ
     
  2. ผ่านมาเฉยๆ

    ผ่านมาเฉยๆ ไรเซ็นมันพูดว่าอะไรหว่า

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    947
    ค่าพลัง:
    +1,210
    ทำไมมันง่ายจังล่ะครับ
     
  3. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    ปฏิบัติ สมาถะกรรมฐาน ครับ
     
  4. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,430
    ค่าพลัง:
    +35,010
    นิโรธฯอย่าเข้าใจว่า ถ้าเราเป็นเซียนสมาธิ
    จะเข้าได้นะครับ บอกไว้ก่อน.

    พื้นฐานคือเราจะต้อง
    คล่องในรูปฌานกองใดกองหนึ่งก่อน
    อย่างกสิณเนี่ยคือกล้วยปิ้งเลยครับ
    และใช้งานให้ได้ก่อนก็ปกติจะหลายปีอยู่นะครับ
    ซึ่งการใช้งานจะส่งผลให้จิตเข้าถึงฌาน ๗
    ได้ของมันเองอัตโนมัตและตรงนี้ต้องดูด้วยว่า
    การใช้งานเรามันไปทางอรูปด้วยนะครับ
    ไม่ใช่แบบดูดวง ทำนายทายทักนะครับ
    เพื่อให้จิตพอมีกำลังพื้นฐานให้ถึงนิโรธสมาบัติคับ


    ที่นี้จะเข้านิโรธได้หรือไม่ขึ้นอยู่กับว่าจิต
    ละ ลาภ ยศ สุข สรรเสริญ ภายนอก
    และจิตคลายโลภะ โมหะ โทสะ ได้มากน้อยแค่ไหน
    พูดง่ายๆขึ้นอยู่กับกมลสันดานเราคับ
    ซึ่งต้องอาศัยปัญญาทางธรรมที่มี
    เป็นตัวช่วยร่วมด้วยคับ

    มีฐานอย่างนี้ เด่วมันเข้าได้เองครับ
    ปล.
    "กายอยู่อย่างไร
    จิตอยู่อย่างนั้น
    ไม่ใช้ทั้งกาย
    ไม่ใช้ทั้งจิต
    นั่นหละสภาวะดับ"
     
  5. nilakarn

    nilakarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2011
    โพสต์:
    3,604
    ค่าพลัง:
    +3,014


    กายอยู่ท่าไหน จิตตามจ่ออยู่ที่ท่านั้น
    นี่แหละ สภาวะดับ หรือ จิตปัจจุบัน นั่นเอง

    ตรงนี้แหละที่โดนใจ พอข้ามขั้นแล้ว
    คำพูด คำสอน ยังเปลี่ยน สาธุด้วยครับ
     
  6. mamaboyz

    mamaboyz สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มกราคม 2017
    โพสต์:
    12
    ค่าพลัง:
    +43
    เหมือนผมเคยทราบมาว่า นิโรธสมาบัติ จะสามารถเข้าถึงได้แค่ ต้องเป็นพระอนาคามีและพระอรหันต์เท่านั้นนะครับ ผิดถูกขออภัยด้วยครับ
     
  7. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    ก้ต้องทำความเข้าใจ หลักพุทธให้แม่นๆ

    หลักพุทธ จะสวนกระแสโลก อันนี้ตัวแรกเลย

    หลักที่สอง วิภัชวิธี ล่วงส่วน ตัดริบใบ กิ่ง ไปก้าน
    ไปเปลือก ไปเนื้อ ไปกะพี้ ไปแก่น ถึงโคน แล้วถึง ราก พอถึงรากยังต้องถอนราก

    หลักที่สาม ตรงนี้พลาดกันเยอะ คือ หลักทำจิต
    ให้บันเทิง เลื่อมใส แล้วตามด้วยไม่ประมาท

    พอเข้าใจข้างบน ก้ค่อยยก องค์ธรรม

    กุสล อกุสล อัพพยากฤต เลือกอารมณ์กสิน
    กรรมฐาน ใช้ได้หมดนะ อกุสบก้ใช้ได้

    ถ้าตรงนี้ งง แปลว่า หลักสวนกระแสโลกคุณ
    หลงลืม อกุสลหากเราใช้หลักพุทธ จะสวนกระ
    แสเปนกุสล เช่น จิตมีราคะ ก้รู้ว่าจิตมีราคะ
    รู้ไปซื่อๆ หากทำถูก จะเกิดฌาณ ถ้าเข้าใจ
    ผิดจะด่าบริภาสคนสอนว่า สอนผิด สอนให้ไม่ทำ
    สมาธิ เพราะเราจะชิน พจะภาวนาให้ทำสมาธิ
    ข่มกิเลสนิวรณ์เอาจิตสะอาด ตบพระโอษฐศาสดา

    ลองทวนหลักข้างบนอีกรอบ

    คราวนี้ลองหายใจ ถ้าแน่น แข็ง ตึง ดึง ทำ ลม
    หายใจ รู้เข้ามาซื่อๆ จิตมีราคะ

    ทำจนกว่า จะตามรู้ลมหายใจ ตามที่มันเปน
    สังเกต กายเยาจิตเบา ไม่มีน้ำหนัก เหมือน
    ไม่ได้หายใจ แต่จริงๆ ก้หายใจปรกติ บาง
    ครั้งหมาหอบแหลกด้วยซ้ำ แต่กายเบาจิตเบา
    ยังอยูท่กับกรรมฐาน ระลึกหมายรู้อาการลม

    ไม่มีห่วงไข้ ห่วงป่วย ห่วงตาย

    ทีนี้ ทยทวนองค์ธรรมเข้ามาหน่อย ไม่งั้น
    จะพลาดตรงจิตบันเทิง เพราะ ถ้าหมาหอบ
    แหลกจิตยังมีกรรมฐาน ไม่หวั่นไหว มันจะ
    นิ่งจนเอาไปใช้ประโยชน์ไม่ถูก ทำให้จิต
    ไม่สัมผัส ผัสสะที่ชื่ออนิจจา อนัตตา ซึ่งจัดว่าเปนเปลือก

    ถ้าอาสัยผัสสะสองตัวนี้เปนเปลือก แล้วฉลาด
    ในจิตบันเทิง จิตถึงจะ ยอม นมสิการ สมาบัติ

    ถ้าไม่ฉลาดในจิตบันเทิง จิตจะข้าม สมาบัต
    ไปเอาแก่น(วิมุตติ)เลย แต่ก้ไม่ห่างจาก
    ฌาณ(เนื้อ)ทั้งแปด

    กรณีแนบจิต มี นมสิการ มันจะเกิด อัสมิมานะ
    ดังนั้นต้องไม่ ประมาท ด้วย

    ถ้าประมาท แทนที่จะ ล่วงส่วน ผ่านสมาบัต
    ไปเรื่อยๆ ใน ฌาณที่สูงขึ้น จะเกยตื้น ติดสมถะ

    แต่ติดแบบนี้ จะต่างกับติดฌาณแบบฤาษี เพราะ
    ต่างกันที่เหตุ การประกอบ สมาธิพุทธจะเปน สัลเลขามาแต่ต้น ไม่มีคด ถึงติดก้ยังพยากรณ์
    ความสิ้นทุกข์ได้ ต่างจากฌาณฤาษีที่หาเบื้อง
    ปลายไม่เจอ ออกปั๊ปอาจลงนรกไปเลย

    พิสจน์ได้ วันไหนติดสมถะ ที่เปนฌานฤาษี
    ออกปั๊ปติดซึม ซึ่งคนจะเข้าใจว่า จิตดี หากิเลส
    ไม่เจอ แต่พอกระทบโลกไปไม่นาน ความกำหนัด
    มันแอบสะสม พอจังหวะกรรมมา ก้ กระเด้งเลย

    ต่างจากพุทธ ที่หาอนิจจาสัญญาเจอ หาอนัตตา
    สัญญาเจอ กระทบโลก จะไม่เกิดกำหนัด

    ซึ่งตรงนี้แหละ จะเอื้อให้จิตบันเทิงเข้ามาได้
    จิตจะเลื่อมใสสมาธิธรรม

    หายใจเดินเหินปรกติ จิตจะแนบสัมผัส
    อนิจจา อนัตตา หากไม่ฉลาดในจิตบันเทิง
    จิตจะเดินปัญญาเพื่ออนาสวะไปตรงๆ ลัดสั้น

    ถ้าฉลาดในจิตบันเทิง จิตจะแนบสมาบัติ
    เปนขณะๆๆๆๆ จนต่อเนื่องหลายๆรอบ
    ถ้าประมาทจะไม่ยอมออก(มิจฉาทิฏฐิกำเริบ)
    ถ้าไม่ประมาทก้จะเหนคุณและโทษ จิตจะวิวัฏ
    ไปในฌาณที่สูงขึ้นไปเรื่อยๆ จนสุด

    ตรงนี้ยังไม่ได้พูด จิตเบากายเบา ที่น้อม
    ไปในญาณทัสนะ เรื่องอภิญญา5

    ยกตัวอย่าง พระสารีบุตร ท่านเดินเหินปรกติ
    จะมีหล่ยพระสูตร พระเถระเข้าไปทัก ทำไม
    หน้าสดใส

    หรือกรณีพระสารีบุตรลงไปในลำธารวักน้ำ
    ล้างหน้า ยักษ์มาทุบ แต่พระสารีบุตรมีจิต
    ไม่ห่างสัญญเวทยิตฯ ยักษทุบไม่เข้า แถม
    เกิดแผ่นดินแยกสูบยักษลงนรกไป(ยักษรวม
    จิตด้วยอำนาจฌาณฤาษีเปนแรงทุบชนิด
    เขาพระสุเมรุต้องสะเทือน)
     
  8. รโชหรณัง

    รโชหรณัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    547
    ค่าพลัง:
    +732
    กรรมฐาน 5 คือ เกศา โลมา นขา ทันตา ตะโจ เป็นกรรมฐานให้พิจารณา กาย คือ มี ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง เกจิอาจารย์บางท่าน เอามาเป็นกุศโลบายสอนศิษย์ให้ ท่องกลับไปกลับมา ให้จิตจรดจ่อกับคำบริกรรมจนเกิดสมาธิเบื้องต้น แล้วจึงค่อยหยิบคำเหล่านั้นมาเจริญกายคตาสติสืบไป

    คำถามว่า กรรมฐาน 5 ทำให้เกิดอารมณ์ฌาณได้หรือไม่
    ตอบว่า ได้ เพราะเป็นกุศโลบายให้จิตจรดจ่อกับคำทั้ง 5 เป็นองค์ วิตก วิจารณ์ แต่จะได้องค์ ปีติ สุข และ เอกคตา ร่วมด้วยหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับความเพียร และสติปัญญาสอดส่องฝึกฝนจิตตนเอง

    คำถามว่า ฌาณแต่ละขั้นมีวิธีการอย่างไร
    ตอบว่า ฌาณ มีองค์ประกอบ คือ วิตก วิจารณ์ ปีติ สุข เอกคตา คือ เอาใจจรดจ่อกับคำบริกรรม และคอยสังเกตุคำบริกรรมให้คงเส้นคงวา จนเกิด ความแช่มชื่นจิตใจ คลายความเคร่งเครียดไป จนเกิด อารมณ์สุขขึ้น และจิตใจนิ่งเป็นหนึ่งเดียว ไม่สอดส่าย เรียกว่า ปฐมฌาณ หรือ ฌาณ 1


    คำถามว่า เป็นไปตามอัตโนมัติ 1234 หรือไม่
    ตอบว่า บางคนก็อาจจะเป็นไปตามอัตโนมัติ เพราะเมื่อจิตรวมแล้วจะค่อยๆดับส่วนหยาบไปเอง เหมือนลูกตุ้มที่แกว่งช้าลงจนนิ่งไม่ไหวติง แต่บางคนก็อาจจะไม่เป็นไปตามอัตโนมัติ เพราะจิตเป็นสมาธิไม่แนบแน่น และมีธรรมชาติของจิตที่สอดส่ายมีกำลัง ผู้ฝึกจะต้องมีกำลังสติ กำลังสมาธิ กำลังความเพียร แก่กล้า อันเกิดจากการฝึกฝน และใช้สติปัญญา คอยฝึกให้จิตสงบนิ่งแนบแน่น

    คำว่า ฌาณ นั้นบาลีได้ระบุให้องค์ฌาณ มี 5 ประการ เป็นการบัญญัติในเชิงวิชาการเป็นแบบเป็นแผน แต่ในการปฏิบัติในเบื้องต้นนั้นไม่จำเป็นจะต้องคำนึงถึง องค์ทั้ง 5 แต่ให้พิจารณาว่า จิตสงบนิ่ง มีความสุขสบาย ไม่คิดนั่นนี่ ไม่เห็นนั่นนี่ ไม่ง่วง ไม่อึดอัด สามารถนั่งสมาธิได้อย่างเพลิดเพลิน เบากายเบาใจ

    และยังไม่ควรก้าวไปถึง อรูปฌาณ หรือ เรื่องนิโรธสมาบัติ เพราะเป็นเรื่องของพระอริยบุคคลขั้นสูง ควรทำสมาธิเบื้องต้นให้ชำนาญ แนบแน่น มั่นคงครับ
     
  9. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,430
    ค่าพลัง:
    +35,010
    จขกท. ถ้าเกิดสงสัยในเรื่องนี้แสดงว่า
    จิตมันเคยมีเชื้อมาก่อน
    ไม่งั้นจะไม่ใคร่อยากรู้ครับ
    ส่วนจะทำได้ไม่ได้ในชาตินี้เป็นอีกเรื่องครับ

    และอย่าไปยึดตำรามากว่าต้องระดับ
    โน้นนั้นนี่ถึงจะทำได้ครับ
    ให้สนใจแต่เรื่องจิตว่า
    ตัวโมหะ โทสะ โลภะเรา
    ที่จะดึงเอา ลาภ ยศสุข สรรเสริญ
    จนเข้ามาเป็นกิเลส จนกลายเป็นตัวตนเรา
    มันลดน้อยได้แค่ไหน เรามีปัญญ่าย
    ที่จะตัดตรงนี้มากพอไหมแล้วมาดูว่า
    ๑.สมาธิใช้งานได้ของเรามีไหม ใช้ได้จริงหรือยัง
    จิตทำงานได้ไหม และใช้ไปในทางที่เอื้อต่อ
    สภาวะนิโรธฯไหม บอกแล้วไม่ใช่ทางดูดวง ทำนายฝัน ทายโน้นนั่นนี่ เพื่อแนวโชว์กล้ามแน่นอน
    ๒ จิตมันคลาย โลภะ โทสะ โมหะ ทิ้ง
    ลาภ ยศ สุข สรรเสริญ ได้ไหม.
    มี ๒ อย่างนี้ เด่วมันเข้าได้เองครับ
    บอกแล้วว่าต่อให้คุณจะเป็นเซียนสมาธิ
    คุณก็เข้าไม่ได้ถ้าขาดข้อ ๒ ครับ


    จิตที่ทำได้ก็ไม่อยากพูด
    พูดไปก็จะมีคนมาปรามาสอีก
    เพราะพูดให้ตายคนที่ปรามาส
    ก็ไม่เข้าใจ เพราะเข้าไม่ถึงสถาวะนี้กัน

    พวกที่ถ่ายทอดส่วนมาก
    ก็ได้ยินมาจากตำราทั้งนั้นหละครับ
    ถามหน่อยมีกี่คนที่ใช้งานทางจิตประจำ
    ดังนั้นอย่ายึดตำรามากนะครับ
    แต่อ่านเป็นแนวทางได้ครับ และอย่าไปฟันธง
    มันจะทะเลาะกันเสียเวลาคับ
    และต้องรู้จักวาง แล้วมาปฎิบัติให้เข้าถึงเอาคับ
    และถามว่า สภาวะทางสมาธิของนิโรธฯจริงๆ
    เป็นอย่างไร รับรองตายเกลี้ยง
    ในเวบนี้ประกันได้ว่านับคนได้
    ทำไม่ได้และตอบกันไม่ได้หรอกครับ
    แต่พูดประหนึ่งว่าเก่งระดับโลกมีเยอะแยะ
    พูดเพื่อ อยากดัง อยากเด่น อยากได้รับการยอมรับ
    มีมาก
    เพราะฉนั้นไม่ว่าอะไรอย่าไปยึด
    ดูเหตุที่เอื้อให้เข้าถึงสภาวะนี้ให้ได้พอ
    แล้วไปปฎิบัติถึงจะเข้าถึงได้ด้วยจิตเราเองครับ
    เข้าใจเจตนาที่สื่อนะครับ
     
  10. คุณกันฌามี

    คุณกันฌามี Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กุมภาพันธ์ 2014
    โพสต์:
    104
    ค่าพลัง:
    +65
    สมัยนี้มีคนทำได้ด้วยเหรอ ผมละนับถืออย่างสุดซึ้งใจเลย

    คงจะดังสุดๆแน่เลย ถ้าทำได้แบบจริงๆนะ
     
  11. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,430
    ค่าพลัง:
    +35,010
    คนที่ทำได้มักไม่ออกตัว
    ท่านที่ทำได้นานๆและปกติ เรียกว่า แทบไม่เอาอะไรเลยทางโลก
    ไม่ว่า ลาภ ยศ สุข สรรเสริญ
    และระดับสมาธิรวมทั้งความสามารถทางจิต
    ไม่ใช่ธรรมดาๆ ระดับโปรซีรีย์
    ที่เคยเจอกับตัวเองมี ๒ ท่าน
    ไม่ใช่ฆารวาสนะ..ท่านแรกละสังขารไปแล้วไม่นาน
    ท่านที่ ๒ ยังมีชีวิตอยู่เก่งระดับมีบารมีที่พาทำได้ด้วย
    ถ้าจิตเราพอมีพื้นฐานทำได้นะ....
    ปล.ฟังหูไว้หู...เรื่องแบบนี้ต้องเจอกับตัวเองถึงจะรู้...
    พูดมากไปไม่ดีมีแต่เสียกับเสีย...
     
  12. คุณกันฌามี

    คุณกันฌามี Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กุมภาพันธ์ 2014
    โพสต์:
    104
    ค่าพลัง:
    +65
    สมัยนี้ข่าวคราวมันไว ท่านไหนเก่งๆก็คงมีลูกศิษย์ลูกหา ผมว่าต้องมีคนเล่ากันมั้งแหละ

    เรื่องบ้านสายลมก็แล้วแต่คุณเลยครับ พอดีผมไม่ได้สนใจฝึกอะไรมากเท่าไร
    (ผมคาใจอะไรเหรอ)

    ผมแค่อยากเห็นคนทำได้ในสมัยนี้และยินดีไปกับเขาก็แค่นั้น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 มีนาคม 2017
  13. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,430
    ค่าพลัง:
    +35,010
    ที่ส่วน ตัวแนะวิธีต่างๆ
    ที่เจ้าของกระทู้มาถามวิธีการเข้าถึง
    ที่ smoker อยากเห็นว่ามีคนทำได้...
    น่าจะเป็น. ฌาน ๘ นะครับ
    ซึ่งไม่ได้หาได้ง่ายๆ ตามท้องตลาด
    หรือตามบ้านโน้นบ้านนี้ หรือวัดโน้นวัดนี้
    ที่จะสอนให้บุคคลทั่วๆไปเข้าถึงได้ง่ายๆนะครับ..
    เพราะ ๑. มันประกอบด้วยพื้นฐานสมาธิ
    ในระดับที่อย่างน้อย จะต้องคล่องในรูปฌานอย่าง
    น้อยกองใดกองหนึ่ง ในระดับใช้งานได้จริงแล้วนะครับ
    ย้ำว่าใช้ได้จริง และที่สำคัญก็คือ ต้องใช้ได้จริง
    มาเป็นระยะเวลานานพอสมควรแล้วครับ
    ซึ่งตรงนี้ มันจะทำให้ถึงในระดับ ฌานที่ ๗ ได้ของมันเอง
    และ๒.แล้วมาดู ตัวจิตตัดการไปยึดสิ่งต่างๆภายนอก
    เข้ามาจนเป็นกิเลสได้มากน้อยแค่ไหน มันถึงจะเข้านิโรธฯ
    ได้ของมันเองครับ.....

    *** เคยบอกแล้วสภาวะนี้ ไม่ใช่ว่า คุณจะเป็นเซียนสมาธิ
    แล้วคุณจะเข้าได้นะครับ กมลสันดานต้องดีพอตัวด้วยครับ ***

    ไม่ใช่ ญาณ ๘ แบบที่บ้านสายลม(ตอนนี้ไม่แน่ใจว่ามี
    อยู่หรือไม่หรือว่าปัจจุบันย้ายแล้ว และไม่ใช่แบบที่
    วัดที่จังหวัดอุทัยธานีนะครับ)

    ซึ่งมันเป็นคนละแนวทางกิริยาใช้งานของจิตกันนะครับ...
    การย้อนอดีต รู้อนาคน รู้โน้นนี่นั้น มันกำลังน้อยมากครับ
    มันไม่เอื้อต่อการเข้านิโรธได้ครับ..
    ถึงได้บอกว่าการใช้งานทางจิต
    ไม่ใช่การดูดวง ทำนายทายทัก
    โน้นนั่นนี่ยังไงหละครับ

    ส่วนฌาน ๘ นั้นมี รูปฌาน ๔ แอน อรูปฌาน ๔ ครับ
    ส่วนญาณ ๘ จะเป็นทางวิปัสสนาญาน ซึ่งสิ่งที่รู้
    สิ่งที่ทำได้เป็นลักษณะที่ทางปฏิบัติเราเรียกว่า
    อภิญญาจิตแบบภายใน คือรู้เองของเรา
    แต่พิสูจน์ แสดงให้บุคคลอื่นๆ รับรู้ และทราบเหมือน
    เราไม่ได้ ซึ่งกำลังสมาธิที่ได้ ไม่เอื้อไปถึงการเข้า
    ถึงนิโรธสมาบัติได้ครับ...
    ไม่เหมือนกับ ฌาน ๘ ที่ได้เล่าให้ฟังก่อนหน้านะครับ
    ในทางสายปฏิบัติบางสาย เค้าจะเรียก อภิญญาภายนอกครับ
    คือ คุณรู้เห็นอย่างไร คนนั้นๆต้องรู้เห็นเหมือนคุณได้
    แสดงให้เค้ารับรู้เหมือนเรารับรู้ได้ พอเข้าใจภาพ
    กว้างๆนะครับ

    บางทีคำพวกนี้มันเขียนและออกเสียงคล้ายกันอาจจะทำ
    ให้เข้าใจกันคาดเคลื่อนได้ครับ
    ปล.พอเข้าใจที่สื่อนะครับ (^_^)
     
  14. พลรัฐ

    พลรัฐ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    610
    ค่าพลัง:
    +1,111
    หลักการ คือ
    1.ทำกสิณหนึ่งอย่างให้ได้ถึงฌานสี่ก่อน(ทั้งอารมณ์ และภาพกสิณ)
    2.จากนั้น ทำอรูปฌานทั้งสี่ให้ครบตามลำดับ
    -อากาสานัญจายตนะ ทำจิตว่างจากรูป(ไม่ต้องการรูปร่างกาย)
    -วิญญาณัญจายตนะ ทำจิตว่างจากการรับรู้ทางประสาทสัมผัส(ไม่ต้องการรับรู้ร้อนหนาว)
    -อากิญจัญญายตนะ ทำจิตว่างจากทุกสิ่งทุกอย่างในโลก(ไม่ต้องทุกอย่างในโลก คือไม่มีอะไรน่าสนใจ)
    -เนวสัญญานาสัญญายตนะ ทำจิตว่าจากความทรงจำทั้งหมด(ไม่ต้องการความทรงจำ)
     
  15. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,430
    ค่าพลัง:
    +35,010
    เด่วช่วยเสริมครับ
    อรูป ๑ ๒ ๓ มันจะมาพร้อมกัน
    ส่วน อรูป ๔ ฝึกเอาไม่ได้ครับ
    ต้องทิ้งเอาครับ ถึงจะเข้าถึงได้ครับ
    ทิ้งคือนอกจาก ไม่ติดในลาภ ยศ สุข สรรเสริญ
    ยังต้องทิ้งต้องปล่อยวางที่เคยทำได้มา
    แล้วมาเดินปัญญาต่อครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...