เรื่องเด่น เรียนรู้ด้วยภาพกับลูกอมผงพรายกุมาร หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ ทั้งสามยุคของแท้เป็นอย่างไร

ลูกอมผงพรายกุมาร หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ แบ่งเป็น 3 ยุค
ผงบรอนซ์แบ่งเป็นสองยี่ห้อหลัก คือ บรอนซ์ตาหัวกวาง จะเหลืออมทอง และ บรอนซ์ตราอูฐ จะทองอมส้ม
ผงบรอนซ์คือผงของโลหะละเอียด เมือนำมาผสมกับน้ำมัน แลกเกอร์ น้ำมันสน ยางไม้ ผงบรอนซ์ทองส้ม จะกลับเป็นสีน้ำตาล ส่วนทองอมเหลืองก็จะเปลียมเป็มน้ำตาลอมเขียวก็มี อยู่ที่การผสมเคี้ยวกวนบรอนซ์
ลูกอมแบ่งเป็น 3 ยุค ได้แก่
ลูกอมยุคแรก คือ ลูกอมผงพรายกุมารแก่ผงยาจินดามณี และ น้ำมันอาถรรพ์ หลวงปู่ทิมท่านปั้นด้วยมือเพียงข้างเดียว เก็บไว้ในขวดโหล วางไว้บนหัวเตียงนอนท่าน คุณเพียรวิทย์ได้บอกกับผมว่า เป็นลูกอมที่หลวงปู่ทิมหวงแหนมากที่สุด ท่านไม่ได้ให้ใครง่ายๆ ลูกอมยุคแรกนี้มวลสารแก่เด่นไปทางน้ำมันผีอีกด้วย

ลูกอมยุคกลาง คือ ลูกอม ที่มีส่วนผสมของบรอนซ์น้ำมัน น้ำมันใส่มากน้อยต่างกันในแต่ละลูก แบ่งเป็น 2 แบบ คือ
1 ลูกอมบรอนซ์น้ำมันแบบทาน้ำมันหนา เนื้อบรอนซ์ จะแบบเดียวกันกับ บรอนซ์หัวเล็ก พรายคู่ พรายเดี่ยว เป็นต้น
2 ลูกอมผงบรอนซ์ใส่น้ำมันน้อย เช่น ชุดของช่างมงคล นาคแพน ศิษย์ครอบครูที่ท่านได้เก็บไว้
ลูกอมยุคกลาง เกิดจากการเตรียมตัวปั้นเป็นเม็ดกลมเตรียมกดพระ ส่วนหนึ่งแห้งกดไม่ทัน ปูนได้แข็งตัวก่อน จึงเหลือ นำมาปลุกเสกพร้อมกัน
ลูกอมยุคกลางนี้ มวลสารโดดเด่น ไปทางผงพุทธคุณและผงพรายกุมาร

ลูกอมยุคปลาย บางท่านเรียกบรอนซ์ฝุ่น กล่าวคือ มวลสารหนักไปทางแก่ปูนขาว ดินสอพอง และมีผงพรายผงพุทธคุณปะปนอยู่เช่นกัน ส่วนบรอนซ์นี้ ไม่ได้นำผงบรอนซ์มาผสมกับน้ำมัน แต่ได้มาคลุกเคล้ากับผงปูนที่ตอนกำลังปั้นเป็นเม็ดกลมๆ ผงบรอนซ์จึงมีสุกสว่างสวยกว่า วรรณะสีบรอนซ์ส่วนใหญ่จะออกสีทองอมส้ม มีทั้งมีห่วงและไม่มีห่วง

พระคาถาบูชาลูกอมหลวงปู่ทิม
ตั้ง นะโม 3 จบ
สัพพะพุทธานุภาเวนะ สัพพะธัมมานุภาเวนะ สัพพะสังฆานุภาเวนะ
อานุภาเวนะ อานุภาเวนะ อานุภาเวนะ จงอยู่ใต้ร่มพุทธบารมี
ข้อห้ามหลักเครื่องรางและพระเครื่องหลวงปู่ทิม (เ่ท่าที่จำได้แบบคร่าวๆ)
ห้ามใส่พระเครื่องหรือเครื่องรางขณะร่วมเพศ
ห้ามใส่พระเข้าสถานอโคจร (ซ่องโสเภณี,บ่อนการพนัน)
ห้ามผิดลูกเมียคนอื่น
ห้ามมุดสะพานหัวเดียว
ห้ามมุดไม้ค้ำกล้วย
ห้ามด่าพ่อแม่เขาและเรา
ไม่ควรไว้ที่ต่ำหรือที่ไม่สมควร เช่นไว้ในกางเกงหรือกระโปรง เพราะเป็นของสูง


เข้าร่วมกดไลค์ กดติดตาม เพจ "ร้าน วุธจันทบุรี พระเครื่อง" และสอบถาม ได้ที่ https://www.facebook.com/WuthChanthaburiAmuletShop/
ร่วมติดตาม ขอเป็นเพื่อน ในเฟสบุ๊ค สอบถามอินบ๊อคเกี่ยวกับพระเครื่องได้ที่ www.facebook.com/WuthChanthaburi

 

ไม่รับดูของใครนะครับ จะเกิดปัญหาตามมา ...ขอตอบคำถามของคุณกระทู้นี้กระทู้เดียวนะครับว่า ไม่รักครับ ขออภัยในความไม่สะดวก

 

ปฏิกริยาของผงบรอนซ์ที่ทำให้สีบรอนซ์เปลี่ยน มีสองแบบ
1.มวลสารของลูกอมประกอบด้วยน้ำมัน โดยเฉพาะลูกอมยุคแรก สีบรอนซ์อมส้ม เมื่อใส่ไปนานๆ ในลูกอมที่มีเนื้อฉ่ำน้ำมันอาถรรพ์ น้ำมันจะผลักออกจากเนื้อพระด้วยอุณหภูมิความร้อนในตัวเราส่วนหนึ่ง ทำให้เกิดปฏิกริยาทำให้สีบรอนซ์เปลี่ยน จาก บรอนซ์ทอง กลับ เป็นบรอนซ์สีนาค
2.สีผงบรอนซ์เปลี่ยนด้วยเหงื่อ หรือ ความร้อน ด้วยเหงื่อเป็นกรด ทำให้ สีบรอนซ์เน่า กลับเป็นสีน้ำตาล บรอนซ์ฝุ่นที่อยู่ในลูกอมหรืออยู่ในพระขุนแผน พรายคู่ พรายเดี่ยว เป็นต้น ถ้าไม่ได้มีการผสมน้ำมัน เป็นบรอนซ์ฝุ่น ถ้าโดนเปลวไฟ จากการเลี่ยมพลาสติกพระ ไฟแอลกอฮอลล์เมือโดนผงบรอนซ์สีจะเปลี่ยน เรียกว่า บรอนซ์ตาย ซึ่งไม่สามารถทำให้กลับสู่สภาพเดิมได้ แต่ถ้าเป็นบรอนซ์น้ำมัน เหงื่อและความร้อนไม่สามารถทำให้เปลี่ยนได้

น้ำมันอาถรรพ์ในลูกอมยุคแรก ที่ทราบมา มีน้ำมันในภาชนะขวดไหจีน ที่เรียกว่า น้ำมันแต่งทัพ ซึ่งหลวงปู่ทิมให้นายแมงบุตรบุญธรรมขุดมาจากจอมปลวก เมื่อครั้งทัพพระยาตากเดินทัพมาพักทัพที่วังสามพญา ได้นำน้ำมันนี้ใส่ภาชนะปิดฝังไว้ในดิน หลวงปู่ทิม ท่านเรียกว่า น้ำมันพระเจ้าตาก นอกจากนี้ ยังมีน้ำมันผี น้ำมันว่าน พุทธคุณของลูกอมยุคแรก ปรกจักษ์หนักไปทาง คงกระพันชาตรี คุ้มภัย ป้องกันอันตราย
กลิ่นของน้ำมันลูกอมยุคแรก จะมีกลิ่นหอมหืน ในบางเม็ดจะมีกลิ่น บางเม็ดแห้งก็จะไม่มี อยู่ที่ใส่ผสมมากน้อยต่างกัน
การปลุกเสกลูกอม หลวงปู่ทิม ท่านบอกกับคุณเพียรวิทย์ ไว้ว่า ต้องเสกให้เกิดนิมิตรเป็นรูปลักษณ์พระพุทธเจ้าทรงชนะมารสถิตย์ไว้ในลูกอม พุทธคุณเป็นดั่งดวงแก้วสารพัดนึก สุดแต่เราจะตั้งจิตขอบารมี

กระป๋องผงบรอนซ์ที่มีขายในปัจจุบัน ข้าพเจ้าได้ไปหาซื้อมาทำพระใหม่ แต่ผงบรนอนซ์นี้จะไม่เหมือนกัน สีเพียงใกล้เคียงกันเท่านั้น ผงบรอนซ์ของแท้สมัยหลวงปู่ทิม โรงงานได้หยุดผลิตจากต่างประเทศไปนานแล้ว ถ้าคนแม่นผงบรอนซ์จะทราบว่า บรอนซ์แท้บรอนซ์เก๊เป็นอย่างไร

 

มวลสารพุทธคุณ ผงพรายกุมาร เทียนชัยผสมมวลสาร สีผึ้งเขี้ยว ก้านชนวนชินบัญชร หลวงปุ่ทิม วัดละหารไร่ พระขุนแผนบล็อคนิยมบรอนซ์น้ำมันของลูกชายช่างมงคล คุณพัฒได้แบ่งให้คุณพลอยสยามไป
และอื่นๆ ที่บ้านช่างมงคล นาคแพน จันทบุรี

 

ภาพที่ผมไปสัมภาษณ์ ภาพครอบครัวช่างมงคล นาคแพน / ลูกอมยุคกลางที่ภรรยาช่างมงคล เลี่ยมไว้ใช้ติดตัวตลอด

 

พระสีวลี (ยุคแรกก่อนเซาะพิมพ์ยันต์นะมะพะทะ) บรอนซ์น้ำมัน และ พระขุนแผน พิมพ์นิยม บรอนซ์น้ำมัน ปี 2517 สมบัติของเก่าขอ งลูกชายคนสุดท้าย ได้มอบให้พรรคพวกผมไว้บูชา

 

ร่วมโชว์

 

สวยดูง่ายครับ

 

ข้อมูลเยี่ยมมากครับ
รูปนี้ไม่เหมาะสม ต้องขออภัยด้วยนะครับ
ขอบคุณครับ

 

ช่างมงคล บวชให้หลวงปู่ทิมเมื่อครั้งหลวงปู่ทิมมรณภาพพร้อมกับลูกศิษย์หลายท่าน
ดูข้อมูลภาพเพิ่มเติมได้ที่ https://www.facebook.com/WuthChanthaburi/media_set?set=a.1268594353189850&type=3

 

ช่างมงคล นาคแพน คุณเพียรวิทย์ จารุสถิติ พร้อมเพื่อนผู้เป็นศิษย์หลวงปู่ทิมพร้อมใจบวชในคราวหลวงปู่ทิมมรณภาพ

ของดรับเช็ดลูกอมของเพื่อนๆทุกท่าน ขออภัยในความไม่สะดวก มีอะไรส่งข้อมูลส่วนตัวในอินบ๊อก หรือ เฟสบุ๊ค ที่ www.facebook.com/WuthChanthaburi

 

ลูกอม พงพรายกุมาร พุทธคุณทางด้านไหนคับ
พอดี เพื่อนที่ทำงานให้มา ออกสีส้มๆ อะคับ
เด่วจะลงรุปให้ดู

 

บทความของศิษย์ก้นกุฏิ คุณเพียรวิทย์ จารุสถิติ
ลูกอมต่างๆของหลวงปู่ทิม อิสริโก วัดละหารไร่"
ในบรรดาวัตถุมงคลของหลวงปู่ทิม ไม่ว่าจะเป็นพระโลหะหรือพระผงต่างๆ ถ้าท่านทำวัตถุมงคลรุ่นใดก็ตาม ท่านจะทำอย่างพิถีพิถันและให้ดีที่สุด โดยท่านจะทำตามตำราที่ท่านได้รับการถ่ายทอดจากครูบาอาจารย์หรือถ้าท่านมี ประสบการณ์อย่างอื่นที่ท่านได้ประสพพบเห็นมากับตนเองท่านจึงจะทำสิ่งนั้นมาประยุกต์ใช้
หลวงปู่ทิมเป็นพระเถระที่ชาวระยองให้ความนับถือมาก วัตถุมงคลของท่านใครมีไว้เปรียบเสมือนมีเพชรอยู่กับตัวควรเก็บรักษาให้จงดี สมัยที่ผมอยู่รับใช้ท่านที่วัดละหารไร่อยู่นั้น พอยามว่างผมจะเห็นหลวงปู่ทิมเอาผงพุทธคุณต่างๆรวมทั้งว่านยาที่มีอำนาจอยู่ในตัวนำมาตากให้แห้งบางชนิดถูกแดดไม่ได้ท่านจะนำมาแขวนไว้ในห้องนอนจนเต็มไปหมด บางทีท่านฉันจังหันเช้าเสร็จแล้ว ท่านจะเอาเศษข้าวที่เหลือนำมาปั้นเป็นก้อนๆและตากแดดไว้จนกรอบเมื่อรวบรวมได้มากๆ หลวงปู่ทิมจะให้ หลวงตารอดและหลวงตาพูน เอาเศษข้าวที่แห้งนั้นมาบดให้ละเอียดและนำไปเก็บไว้ในห้องนอน ผมและหลายคนเคยถามหลวงปู่ทิมท่านว่าเศษข้าวนั้นหลวงปู่ทิมเก็บเอาไว้ทำไม? ท่านบอกว่าเป็นของสูงเป็นเมตตา ข้าวนี้มีคุณใหญ่หลวงนักทุกคนต้องอาศัยกินเพื่อให้มีชีวิตอยู่ได้ ถ้าไม่มี เราคงแย่เหมือนกัน มีอยู่วันหนึ่ง จู่ๆ หลวงปู่ก็เรียกให้ผมไปกับท่านพร้อมนำตะกร้าติดไปด้วย เมื่อไปถึงดงไมยราพ สมัยก่อนในบริเวณวัดจะมีดงไมยราพอยู่เยอะ หลวงปู่ท่านก็เดินนำหน้าส่วนผมเดินตามหลังท่านไปที่ดงไมยราพ ซักพักหลวงปู่หันมามองและพูดด้วยใบหน้ายิ้มๆว่า ‚เพียรเหยียบตามรอยที่ นี่เหยียบ และให้ดูว่าต้นไหนที่ใบไม่หุบ ก็ให้เด็ดยอดต้นนั้นไว้ แต่ถ้าต้นไหนใบหุบ ก็ไม่ต้องเด็ดเพราะใช้ไม่ได้‛ เมื่อท่านให้เก็บเสร็จแล้ว หลวงปู่ทิมจะนำมาดูอีกทีหนึ่งเพื่อความแน่ใจหลังจากนั้นท่านจะนำไปตากแดดให้แห้ง ท่านบอกว่า ‚รู้ไหมของสิ่งนี้นามาบด เป็นผง ปลุกเสกให้ดี จะเป็นผงที่ทรงคุณค่ามีอำนาจพุทธคุณสูงทางด้านกำบังตัว ศัตรูเห็นจะมองเป็น คนหลายคนเลยทีเดียว’’ เมื่อถึงวันเสาร์ หลวงปู่จะนำผงที่ท่านเตรียมไว้คลุกเคล้าให้ทั่วในกะละมังใหญ่ โดยมี ตาแมง เป็นคนควบคุม ท่านจะให้พระและเณรมาช่วยกันปั้นลูกอม ส่วนหลวงปู่ทิมก็นั่งปั้นด้วย สำหรับเรื่องลูกอมหลวงปู่ทิมนั้น อยากจะขยายความให้ท่านได้รับทราบเสียก่อนว่า ในยุคที่ทางวัด ทางไปแสนจะลำบากมากไม่เหมือนสมัยนี้ ตอนนั้นทางวัดจะมีแต่ผ้ายันต์, ตะกรุด, ลูกอม, ลิง,เสือ,สิงห์ ที่แกะด้วยไม้ที่เป็นมงคลไว้แจกแก่บุคคลที่ไปทำบุญที่วัด โดยเฉพาะลูกอมหลวงปู่ทิมจะแจกให้เด็กๆ ห้อยคอไว้เพื่อกันภยันตรายต่างๆลูกอมยุคแรกที่ทางวัดสร้างนั้นเป็น ลูกอมเทียน หรืออีกนัยหนึ่งเรียกว่า ‚ลูกอมเทียนมัทรี‛ ภาย ในบรรจุด้วยกระดาษลงยันต์ เทียนที่นำมาหุ้มนี้ เป็นเทียนที่อยู่ในพิธีเทศน์มหาชาติ และบุคคลที่จะเก็บนํ้าตาเทียนจะต้องเป็นสาวพรหมจารีที่เกิดวันเสาร์และวัน อังคาร ก่อนพิธีเทศน์มหาชาติจะเริ่มขึ้น หลวงปู่ทิมจะบอกให้ลูกศิษย์คนหนึ่งคอยกำกับหญิงพรหมจรรย์ที่มาร่วมในพิธีนี้ ว่าควรทำอย่างไรเมื่อพระเริ่มพิธีการเทศน์มหาชาติ ทางหญิงพรหมจรรย์จะปักเทียนเต็มไปหมดหน้ากัณฑ์เทศน์และคอยใช้ผ้าขาวป้องไปที่เทียนปักอยู่ เพื่อป้องกันไม่ให้เทียนดับ และต้องตั้งใจฟังเสียงพระสวด พอถึงบทที่พระเวสสันดรกำลังยกลูกของตนให้เฒ่าชูชกและนางมัทรีมาเห็นเข้า เกิดการยื้อแย่งไม่ยอมให้ลูกของตนแก่เฒ่าชูชกและได้ร้องไห้ด้วยความเสียใจ ตอนนี้แหละครับ หญิงสาวพรหมจารีที่อยู่ในพิธีจะต้องรีบเก็บนํ้าตาเทียนกันใหญ่ แม้ว่าจะร้อนมือแค่ไหนก็ต้องใช้ความพยายามและความอดทนสูงมาก การเก็บนํ้าตาเทียนจะเก็บไปเรื่อยๆ จนพระเสร็จพิธีก็รุ่งอรุณของวันใหม่พอดี และการเก็บแต่ละครั้งจะเก็บอย่างสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้ ต้องฟังเสียงพระเทศน์ในแต่ละกัณฑ์ให้เข้าใจด้วยว่า ถึงบทไหนควรเก็บ บทไหนไม่ควรเก็บเมื่อได้นํ้าตาเทียนมาพอสมควรแล้วหลวงปู่จะรวบรวมมาใส่ไว้ในขันสำริด ภายในก้นขันท่านจะลงเลขยันต์ไว้ เมื่อถึงวันเสาร์ หลวงปู่จะนำมาตากแดดและจะต้องให้พระอาทิตย์อยู่ตรงหัวทันที ท่านจะตากไว้ประมาณ ๒ เสาร์ พอถึงครั้งที่ ๓ หลวงปู่จะนำมาตากแดดในวันจันทร์ เมื่อนํ้าตาเทียนเริ่มอ่อนตัวลงพอที่จะนำมาแผ่บางๆ ได้ท่านจะรีบลงเลขยันต์บนนํ้าตาเทียน ต่อจากนั้นท่านจะนำมาตัดเป็นแผ่นเล็กๆ กะให้พอหุ้มกระดาษที่ลงอาคมไว้ แล้วจึงนำมากลึงเป็นลูกกลมๆ ตามที่ได้กําหนดไว้ ลูกอมเทียนมัทรีนี้จะสร้างไม่มากเพราะว่าจะหาสาวพรหมจารีย์ได้แต่ละครั้งก็แสนจะลำบาก ยิ่งเป็นยุคนี้แล้วไม่ต้องพูดถึงหายากยิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทรเสียอีก ต่อมาท่านจึงดำริสร้างลูกอมโดยใช้ผงพุทธคุณเป็นส่วนใหญ่ ลูกอมผงพุทธคุณของท่านนั้น ท่านจะทาสีบรอนซ์ทองทับไว้อีกทีหนึ่ง จึงทำให้มีหลายสีแล้วแต่สภาพสีที่ทาไว้ ถ้าเก็บไว้นานๆ ทองที่ทามักจะหลุดติดมือเหมือนกับพระผงพรายกุมาร ลูกอมของท่านมีคุณวิเศษสูงมากถึงจะเป็นพระเครื่องหรือลูกอมของท่านก็ล้วนมีอานุภาพและความศักดิ์สิทธิ์ อยู่ที่ผู้ปลุกเสก ฉะนั้นไม่ว่าวัตถุมงคลใดๆ ถ้าหลวงปู่ท่านทำ ก็ใช้ได้ทั้งนั้น เมื่อก่อนนี้ เวลาเจ้าอาวาสวัดอื่นไปขอวัตถุมงคลจากหลวงปู่ ทิมจะใช้ผมให้หยิบลูกอมในกระบุงใหญ่ในห้องของท่านใส่กระป๋องใบชานำไป แจกบรรดาขรัววัดต่างๆ และท่านจะพูดว่า ‚ของอื่นมันมีทุน เขาตั้งใจจะนำมาสร้างวัด เอาอย่างนี้ดีกว่าไม่มีทุนและนี่ก็ทาเอง ป้องกันอันตรายได้เหมือนกัน’’ หลวงปู่ทิมเคยบอกกับศิษย์ใกล้ชิดว่า ถ้าจะทำลูกอมไว้ใช้สักเม็ดหนึ่ง บางทียังทำยากยิ่งกว่าทำพระใช้เสียอีก ซึ่งหลายๆคนได้ยินคงรู้สึกงงๆ อยู่เหมือนกัน ผมจะอธิบายต่อไปดังนี้ หลวงปู่แก้ว เกสาโร ท่านเคยบอกผมว่าการทำลูกอมที่คุณพ่อ(หลวงปู่ทิม)ว่าทำยากยิ่งกว่าองค์พระนั้น เนื่องจากการทำพระเครื่องนั้น ไม่ยากเท่าไรเพราะเป็นรูปองค์พระอยู่แล้ว เพียงแต่ปลุกเสกให้ใส่อาการ ๓๒ ลงไป และทำการปลุกเสกอีกครั้งหนึ่งก็ได้ผลแล้ว แต่การทำลูกอมนั้น เพราะลูกอมไม่ใช่พระเครื่องมีแต่ผงพุทธคุณล้วนๆ เวลาปลุกเสกจึงต้องตั้งนิมิตให้เห็นผงพุทธคุณนั้นสมมติเป็นองค์พระและใส่ ธาตุทั้ง ๔ คือดิน, นํ้า, ลม, ไฟ พร้อมทั้งหนุนด้วยแก้วมณีโชติเสร็จแล้วจึงนำมาเสกด้วยอาการ ๓๒ อีกทีหนึ่ง หลังจากนั้นจึงนำมาปลุกเสกด้วยคาถามหาปลุกใหญ่ จนมั่นใจว่า ผงพุทธคุณนี้สามารถมีอำนาจอยู่ในตัวต่อต้านสิ่งชั่วร้ายได้ แล้วจึงลงบทพระธรรมคุณ พระสังฆคุณ และก็กํากับด้วยพระพุทธคุณเป็นลำดับสุดท้ายจึงจะสมบูรณ์แบบ เมื่อท่านจะแจกใครท่านจะภาวนาบทพระพุทธคุณอีกครั้งหนึ่งซึ่งลูกศิษย์ก้นกุฏิท่านหนึ่งเคยเรียนถามหลวงปู่ว่า หลวงปู่ทิมท่องคาถาบทไหน ท่านบอกว่า นะโม ๓ จบ แล้วจึงท่องต่อว่า:-
“สัพพะธรรมานุภาเวนะ สัพพะสังฆานุภาเวนะ ภานุภาเวนะๆ ๆ จงอยู่ใต้พุทธบารมี’’ -:
ท่านบอกว่าต้องทำให้ดี เพราะของที่เราให้เขาไปนี้เปรียบเสมือนสิ่งที่คอยคุ้มกันภัยให้แก่ผู้ที่ นับถือนี่ ถ้าของนั้นไม่ดีจริงบาปนั้นจะตกอยู่ที่ตัวท่าน แต่ถ้าบุคคลนั้นมีของท่านหมดอายุขัยแล้ว ท่านก็ช่วยไม่ได้เช่นกัน และถ้านำของของท่านไปใช้ในทางทุจริต เป็นร้ายหรือบุคคลที่ไม่ดี ของของท่านก็ไม่สามารถคุ้มได้เช่นกัน ฉะนั้นถ้าท่านผู้อ่านได้พบลูกอมหลวงปู่ทิม ก็ให้เก็บรักษาไว้เถิดครับ บางทีลูกอมเม็ดเล็กๆนี้ จะช่วยชีวิตท่านในยามคับขัน หรือท่านจะนำไปแจกให้ลูกหลานไว้ใช้ ก็จะเป็นมหากุศลเป็นอย่างยิ่ง

ขอ งดรับเช็ดลูกอม ของเพื่อนๆทุกท่าน ขออภัยในความไม่สะดวก มีอะไรส่งข้อมูลส่วนตัวในอินบ๊อก หรือ เฟสบุ๊ค ที่ www.facebook.com/WuthChanthaburi