เรื่องเด่น หลวงพ่อวัดท่าซุงกับหลวงพ่อวัดโขงขาว

ในห้อง 'หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ' ตั้งกระทู้โดย supatorn, 14 มิถุนายน 2017.

  1. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    47,376
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,046
    หลวงพ่อวัดท่าซุงกับหลวงพ่อวัดโขงขาว

    วัดโขงขาว.png

    พระราชพรหมยาน(หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) และ พระครูปิยรัตนาภรณ์(พระอาจารย์บุญรัตน์)

    PrakruPiyaratanaporn.jpg
    ท่านพระครูปิยรัตนาภรณ์ (พระบุญรัตน์ กันตจาโร) ที่ได้เล่าถึงอุปการคุณของพระเดชพระคุณหลวงพ่อที่มีต่อวัดโขงขาวไว้ดังนี้


    วัดโขงขาว ตำบลบ้านแหวน อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นวัดมาตั้งแต่โบราณกาล ไม่อาจนับได้ว่ากี่ปี แต่ก็มีคำเล่ากล่าวสืบๆ กันมาว่า สร้างก่อน พระนางเจ้าจามเทวี สวรรคต เพราะว่าเจ้าแม่มีศรัทธาในพระพุทธศาสนามากจึงสร้างวัดไว้เป็นอนุสรณ์ ดังจะเห็นได้ว่าวัดในลำพูน-เชียงใหม่ จะมีวัดติดวัด วัดโขงขาวเป็นวัดเล็กๆ ซึ่งมีหมู่บ้านที่อุปถัมภ์ไม่กี่หลังคาเรือน มีทุ่งนาล้อมรอบในสมัยก่อนเป็นวัดที่ห่างไกลความเจริญ ถนนหนทางก็ไม่ดีมีแต่เส้นทางเดินเล็กๆ พอสัญจรไปมาเท่านั้น ถาวรวัตถุภายในวัดก็มีแต่พระวิหารหลังเล็กๆ เก่ามาก จำนวน ๑ หลัง ด้านหลังพระประธานจะมี "โขง" ถ้าแปลตามภาษาภาคกลางว่า "ซุ้ม" โขง หรือ ซุ้ม นี้คนโบราณคงจะเอาสีขาวมาทาก็เลยตั้งนามวัดว่า "วัดโขงขาว" ตั้งแต่บัดนั้นมาจนถึงปัจจุบัน และก็มีพระเจดีย์ติดต่อกับซุ้มออกไป นี่เป็นของโบราณมาตั้งแต่สร้างวัด และก็มีศาลารอบพระวิหารอยู่ ๒ ข้างเท่านั้น นอกจากนั้นก็มีกุฏิที่พักสงฆ์เป็นเรือนไม้จำนวน ๑ หลังเก่าแก่มาก นอกจากที่กล่าวมานี้ไม่มีอะไร เพราะชาวบ้านที่อุปถัมภ์วัดแถวนี้ยากจนหาเช้ากินค่ำไปวันๆ เท่านั้น

    วัดโขงขาวนี้มีเจ้าอาวาสปกครองมาโดยตลอดมิได้ขาด สภาพความเป็นอยู่ของวัดลำบากมาก ถาวรวัตถุก็ทรุดโทรมไปตามสภาพของกาลเวลา ผู้คนที่สัญจรไปมาผ่านวัดมักจะพูดเป็นทำนองเดียวกันว่า อีกไม่ช้าเท่าไหร่ วัดโขงขาวคงจะกลายเป็นวัดร้างไปแน่นอน คณะสงฆ์ส่วนใหญ่ และชาวบ้านถิ่นนั้นมีความวิตกกังวลในเรื่องนี้มาก เพราะหมดหนทางที่จะช่วยเหลือได้

    พอดีประมาณปี พ.ศ. ๒๕๑๗ เดือนสิงหาคม ฤดูฝนกลางพรรษา ฝนตกมาก ในขณะนั้น อาตมาภาพได้รับนิมนต์ไปงานศพแห่งหนึ่งในเมืองเชียงใหม่ทั้งวัน พอเผาศพเสร็จแล้วเจ้าภาพก็นำมาส่งที่วัด พอรถเลี้ยวเข้ามาตามถนนกลางทุ่งนา ก็มีรถสวนทางมาพอดี คนในรถก็ลงมาจากรถมาถามว่า เจ้าอาวาสวัดโขงขาว อยู่ในรถใช่ไหมครับ คนขับรถก็บอกเขาไปว่าอยู่ในรถ เขาขึ้นรถแล้วกลับรถเข้ามาพร้อมกันที่วัด มาถึงวัดแล้วเขาก็กราบเรียนว่า ผมมาจากกรุงเทพฯ เป็นลูกศิษย์ของ พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระมหาวีระ ถาวโร วัดท่าซุง อุทัยธานี คณะนี้มาประมาณ ๕ คน

    ถ้าจำไม่ผิด อาตมาก็เลยถามว่า โยมมีธุระอะไร เขาก็กราบเรียนว่า มานมัสการท่าน และมาดูวัด เขาก็เล่าต่อไปว่า พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤาษีลิงดำบอกให้มา เพราะว่าเป็นวัดเก่าและวัดนี้มีความผูกพันกับหลวงพ่อมาตั้งแต่สมัยก่อนโน้น อาตมาก็ลืมมิได้ถามชื่อญาติโยมคณะนั้นไว้ ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมาก็มีคณะศิษยานุศิษย์ลูกหลานพระเดชพระคุณมาทำบุญเรื่อยๆ จนมาถึง พ.ศ. ๒๕๑๘ ก็มีคณะ คุณอำนาจ มณีน่วม บางรัก กรุงเทพฯ ร้านเตียง้วนเฮียง คุณแม่นิภา ผลิตผลการดี คุณสกล อาชวพร นำพาลูกหลานญาติมิตรสหาย คณะศิษย์พระเดชพระคุณท่านพ่อฯ มาวัดโขงขาวในรูปถวายสังฆทาน - ทอดผ้าป่า - ทอดกฐิน ทางวัดก็เลยรื้อกุฏิไม้หลังเก่าออกสร้างกุฏิหลังใหม่ขึ้นแทนตามคำสั่งของพระเดชพระคุณท่านพ่อฯ ท่านก็ฝากเงินมาถวายทำการก่อสร้างวัดอยู่ตลอด ของใช้ภายในวัดพระเดชพระคุณท่านพ่อฯ ก็ให้คณะศิษย์นำมาถวายโดยมิได้ขาด เพราะว่าที่วัดไม่มีของใช้เท่าที่ควร เมื่อสร้างกุฏิเสร็จแล้ว พระเดชพระคุณท่านพ่อฯ ก็สั่งให้สร้างหอฉัน - โรงครัว เมื่อสร้างเสร็จ พ.ศ.๒๕๒๔ พระเดชพระคุณท่านพ่อฯ ก็สั่งให้สร้างศาลา เสร็จแล้วก็สร้างกุฏิถวายพระเดชพระคุณท่านพ่อฯ ๑ หลัง สร้างเรียบร้อยแล้ว ประมาณเดือนมกราคม พ.ศ.๒๕๒๕ ก็ได้กราบอาราธนานิมนต์พระเดชพระคุณท่านพ่อฯ มาที่วัด วันนั้นอากาศหนาวมาก ญาติโยมชาวอำเภอหางดง และอำเภอเมืองเชียงใหม่มาคอยกราบนมัสการท่านพ่อเป็นจำนวนมาก พอพระเดชพระคุณท่านพ่อฯ เดินทางมาถึง แล้วก็กราบอาราธนาขึ้นศาลา สถานที่ถวายการรับรอง เมื่อพระเดชพระคุณท่านพ่อฯ กราบพระประธานแล้ว พระเดชพระคุณท่านพ่อฯ ก็เล่าว่าเมื่อกี้นี้ หลวงปู่ชุ่ม ซึ่งเป็นพี่ชายของฉันมาบอกว่า ขอให้บูรณะวิหารวัดนี้ให้เป็นพระอุโบสถด้วยนะ และช่วยสร้างวัดนี้ให้มีความเจริญรุ่งเรืองด้วยนะ และหลวงพ่อท่านก็เล่าต่อไปว่า วัดนี้เป็นวัดที่ท่านแม่เคยมาสร้างไว้มีความผูกพันกันมา วัดนี้สำคัญมาก พระเดชพระคุณท่านพ่อฯ เรียกอาตมาภาพเข้าไป ท่านบอกว่า

    "บุญรัตน์ ลูกเอ้ย เคยเกิดเป็นลูกพ่อมาได้หลายชาติหลายปางแล้วนะลูกนะ ขอให้ลูกช่วยเป็นกำลังของพระศาสนาด้วย อย่าได้เข้าป่าตามที่ลูกคิดไว้นะพ่อจะเอากฐินมาทอดตั้งแต่นี้เป็นต้นไปทุกปีนะ"

    ตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๒๕ เป็นต้นมา พระเดชพระคุณท่านพ่อฯ ก็ได้นำคณะศิษย์ลูกหลานมาทอดกฐินทุกปีตามที่พระเดชพระคุณท่านปรารภไว้ ทางวัดก็ได้สร้างถาวรวัตถุตามที่ท่านพ่อได้สั่งให้ทำ เช่น กุฏิพักสงฆ์หลายหลัง - ที่พักญาติโยม - ห้องกรรมฐาน - แทงค์น้ำ ซื้อที่ดินถวายวัดให้กว้างขวางขึ้น เพราะว่าที่ดินเก่าของวัดมีไม่กี่ไร่ พอมาถึง พ.ศ.๒๕๓๒ ท่านพ่อนำคณะลูกศิษย์ลูกหลานมาทอดกฐิน พระเดชพระคุณท่านพ่อฯ สั่งว่า ให้สร้างศาลาอีก ๑ หลัง ให้กว้างหน่อยทำเป็น ๒ ชั้น บรรจุคนได้มากหน่อย อาตมาภาพก็กราบเรียนท่านว่า เกล้าฯ ไม่ทราบว่าจะหาเงินที่ไหนมาสร้างขอรับ พระเดชพระคุณท่านก็บอกว่า "ไม่เป็นไรเรื่องเงินพ่อจะหามาให้ ไม่ต้องห่วงนะ ถ้าพ่อไม่ช่วยลูกแล้วพ่อจะช่วยใคร" พระเดชพระคุณท่านพ่อฯ ให้กำลังใจดีมาก หลังจากทอดกฐินแล้ว ก็เริ่มสร้างศาลาโดยใช้เวลาก่อสร้าง ๒ ปีเศษ สิ้นค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างทั้งหมด ๑๕ ล้านบาทเศษ ทางวัดก็กราบเรียนถวายพระเดชพระคุณฯ ขออนุญาตตั้งนามศาลาอันเป็นมงคลว่า "ศาลาพระราชพรหมยานไพศาลภาวนานุสิฐ" เพื่อถวายเป็นอนุสรณ์แด่พระเดชพระคุณท่านฯ

    ปี พ.ศ.๒๕๓๔ ท่านพ่อก็ได้นำคณะศิษย์ลูกหลานมาทอดกฐินท่านก็สั่งการว่า "บุญรัตน์ ลูกเอ้ย ปีนี้ขอให้สร้างพระพุทธรูปปางลีลา-รูปเหมือนหลวงพ่อปาน-รูปเหมือนพ่อตั้งประดิษฐานที่หน้าศาลานี้เพื่อไว้ให้ลูกหลานสักการบูชาในขณะที่พ่อไม่อยู่ และให้สร้างรูปท่านแม่จามเทวี พร้อมรูปเจ้าแม่กวนอิมไว้ เผื่อลูกหลานพ่อมาจะได้ระลึกถึง เมื่อสร้างเสร็จแล้วปีต่อไปให้สร้างศาลารอบพระอุโบสถ บูรณะพระอุโบสถให้เสร็จนะ แล้วทำการผูกพัทธสีมา เพื่อให้ถูกต้องตามพระวินัยสืบต่อไปนะลูก ส่วนกำแพงรอบวัดนั้นให้ทำหลังจากฝังลูกนิมิตแล้วนะ" ตามที่กล่าวมานี้เป็นคำสั่งของพระเดชพระคุณท่านพ่อฯ ได้สั่งการเอาไว้ อาตมาภาพในฐานะที่เป็นลูก ก็ต้องเจริญรอยตามที่พระเดชพระคุณท่านฯ สั่งไว้ทุกประการ

    ขอย้อนหลังไปปี พ.ศ.๒๕๓๓ พระเดชพระคุณท่านฯ มาทอดกฐินที่วัด เวลาตอนเช้าท่านพ่อได้พาลูกหลานเดินชมวัด พอมาถึงหน้าพระวิหาร ท่านพ่อได้เล่าว่า "ชาติก่อนหน้านี้เขาได้นำเอาศพพ่อมาฝังไว้ใต้พระสถูปเจดีย์แห่งนี้ พร้อมด้วยข้าวของของพระบุญรัตน์นี่แหละ เพราะเหตุนี้จึงได้นำกฐินมาทอดทุกปี วัดนี้มีความสำคัญกับหลวงพ่อมากนะ" ตามที่ได้กล่าวมานี้เป็นส่วนหนึ่งเท่านั้น ยังมีอีกมากมาย ไม่อาจนำมาพรรณนาเป็นภาษาอักษรได้หมดสิ้น จึงนับได้ว่าพระเดชพระคุณท่านพ่อฯ ได้มีพระเมตตาอันยิ่งใหญ่ไพศาลต่อวัดโขงขาวเป็นอย่างมาก สมดังคำหลวงปู่ชุ่ม โพธิโก - หลวงปู่คำแสน คุณาลังกาโร ได้เล่าไว้ว่า พระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุงเป็นพระทองแท้ มีบุญหนักศักดิ์ใหญ่ มีบุญบารมีอันสูงส่งหาใครเปรียบมิได้ รู้ใจคนเก่ง มีสมาธิธรรมอันสูงส่ง มีเจโตอันแจ่มใสชัดเจนมาก

    เมื่อปี พ.ศ.๒๕๒๗ อาตมาได้ไปกราบท่านพ่อที่ซอยสายลมประมาณเดือนมกราคม พอก้มกราบเท้าท่าน ๓ ครั้ง เงยหน้าขึ้นมา พระเดชพระคุณท่านบอกว่า "บุญรัตน์ลูกเอ้ย ให้ลาพระพุทธภูมิเสียนะลูก เอานิพพานดีกว่าไม่ต้องมาเกิดอีกแล้วนะ" อาตมาจึงคิดได้ว่า พระเดชพระคุณท่านพ่อรู้ใจเราอย่างถูกต้องได้ดี ก็กราบเรียนท่านว่า "ขอรับครับผม" ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา อาตมาก็ลาพระพุทธภูมิปรารถนาเอาพระนิพพานเป็นที่สุด ต่อมาประมาณเดือนมีนาคม ๒๕๒๗ เหมือนกัน ก็ไปกราบพระเดชพระคุณท่านที่วัดท่าซุง ท่านบอก "ดีแล้วลูก เอานิพพานเป็นที่มั่นหมายไม่ต้องมาเกิดอีกแล้วนะลูก นิพพานัง ปรมังสุขังนะ" อาตมาได้ยินท่านพูดแล้วก็ดีใจ ชื่นใจมาก และก็ได้ปฏิบัติเจริญรอยตามคำสั่งของท่านพ่อทุกประการ.

    (ในการจากไปของหลวงพ่อบุญรัตน์ครั้งนี้ ท่านจากไปเพียงสังขารเท่านั้น ส่วนคุณงามความดียังอยู่ทุกประการ บุญกุศลใดที่บรรดาลูกหลาน ศิษยานุศิษย์ได้ทำบุญอุทิศถวายหลวงพ่อบุญรัตน์ ในครั้งนี้ ขอจงโปรดรับโมทนาอันเป็นมหากุศลในครั้งนี้ ผมและลูกหลานพระราชพรหมยาน เฝ้ารอวันได้เข้าพระนิพพานในชาติปัจจุบันนี้เช่นกันครับ โดยส่วนตัวผมมีโอกาสได้กราบและพูดคุยกับท่านเพียงสองครั้ง ครั้งแรกเมื่อครั้งที่ผมไปสอนมโนมยิทธิ ในทริปสงครามช้างเผือก ส่วนครั้งที่ 2 แวะไปกราบท่านบอกท่านว่าพักรบชั่วคราว ท่านบอกว่ารีบกลับมาอย่าพักนานนะ ผมรับปากท่านว่าครับคงอีกไม่นาน สุดท้ายนี้ผมในนามของกลุ่มสงครามช้างเผือก ขอน้อมกราบท่านด้วยความเคารพ อีกไม่นานพวกผมและบริวารท่านพ่อจะตามไปครับ.......)
    ขอบพระคุณที่มา : http://www.manomayitthi.com/articles/42084928/หลวงพ่อวัดท่าซุงกับหลวงพ่อวัดโขงขาว.html
    PrakruPiyaratanapornMoranaparp.jpg
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • LPRuesri4.jpg
      LPRuesri4.jpg
      ขนาดไฟล์:
      79.7 KB
      เปิดดู:
      422
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 14 มิถุนายน 2017
  2. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    47,376
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,046
    การที่คิดว่าเราดีกว่าเขา เป็นการข่มขู่ ทะเยอทะยาน คิดทะนงตนว่าตนเป็นใหญ่ ถ้าเราคิดว่าเราเสมอเขามันก็เสียอีก เพราะบางคนเขามีจริยาเลว เราคิดว่าเรากับเขาเสมอกันก็ต้องพยายามเลวตามเขา ความเลวมันเป็นปัจจัยของความทุกข์ ไม่ใช่ปัจจัยของความสุข ถ้าหากว่าเขาดีกว่าเรา เราดีไม่เท่าเขา แต่เราคิดว่าเราดีเท่าเขา ก็เกิดความประมาท ประมาทอะไร การทะเยอทะยานคิดว่าเราดีก็เป็นการทำลายความดีที่เราจะพึงแสวงหาต่อไป เป็นอันว่าการที่คิดว่าเราเสมอเขามันก็เป็นส่วนแห่งความเลว
    :ธัมมวิโมกข์ ฉบับที่ ๔๒๙ หน้า ๒๕
     
  3. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    47,376
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,046
  4. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    47,376
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,046
    พระพุทธรูปในวัดโขงขาว
    BuddhaWatKongkhaow.jpg
     
  5. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    47,376
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,046
    LpRuesriAsupah.jpg
     
  6. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    47,376
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,046
    LpRuesriNippantogo.jpg
     
  7. แสงศร

    แสงศร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    76
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +616
    เคารพรักหลวงพ่อฤาษีที่สุดค่ะ..
     

แชร์หน้านี้

Loading...