ช่วงนี้มีข่าวพระนักคิดเขียน เชื่อผีไม่มีจริง สายปัญญา

อยากให้เเสดงความคิดเห็นกันหน่อยว่า ถูกผิดอย่างไร

แล้วถ้าเชื่อแบบนี้จะมีผลกับนิพพานหรือไม่ นิพพานได้ไหม

 

เวลาใครตด เรามองไม่เห็น แต่ก้อสัมผัสได้ จากกลิ่น จากเสียง

 

สั้นๆได้ใจความ

 

ผีมีไม่มี นิพพาน ได้ไม่ได้ ผีไม่เกี่ยว ไม่ขึ้นกับผี

 

เรื่องนี้เป็นนามธรรมครับ
การจะรับรูปและเข้าใจอะไรได้
เกี่ยวกับนามธรรม เราไม่ได้
สมองเหมือนทางโลกครับ
เราใช้เครื่องมือตัวหนึ่ง
ในการไปรับรู้ก็คือ สติทางธรรม
ที่ได้จากการเจริญสติในชีวิตประจำวันครับ

ถ้าจิตเค้าไม่ยึดก็คือไม่มี
เพราะแม้ว่าจะพอมีสัมผัสได้
แต่มันไม่มีสัญญาในจิต
จนกระทั่งทำให้รับรู้เรื่องนามธรรมแบบนี้ได้

ถ้าจิตเค้ารับรู้ได้ก็คือมี
แต่มันก็เป็นนามธรรม ซึ่งยึดไม่ได้อีกเช่นกัน

แต่มันสำคัญว่า ถ้าใครก็ตามที่รับรู้ได้แล้ว
รู้จักวางหรือเปล่า
หรือคิดว่า มันมีจริงๆ

อย่าลืมว่า
กิเลสต่างๆ รวมทั้งปัญญาทางธรรม
สติทางธรรม แม้แต่ที่เรียกว่านิพพาน
ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องนามธรรมล้วนๆ

คนที่เน้นเดินปัญญาแต่ฝ่ายเดียว
เป้าหมายหลัก
ก็เพื่อไม่ยึดติดกับนามธรรมต่างๆอยู่แล้ว
และปกติจะไม่เห็นตัวผู้ดูแต่จะเห็น
แต่ตัวผู้รู้ไปกระทบนามธรรมต่างๆ
แต่ก็จะโน้มไปทางด้านปัญญา
เพื่อไม่ให้ยึดติดอยู่แล้ว
ถ้าเค้ายึดว่าไม่มี ย่อมไม่มีการส่งผู้รู้
เพื่อไปกระทบกับเรื่องนามธรรมแบบนี้จน
สร้างเป็นภาพได้อยู่แล้วปกติครับ

ดังนั้นเมื่อเค้าเห็นอย่างนั้น
ก็ไม่ได้แปลว่าเค้าผิดครับหรือแปลว่าเราถูกครับ
เพราะไม่ว่า คุณจะบอกว่ามีคุณก็ยึดว่ามันมี
เพราะไม่ว่า คุณจะบอกว่าไม่มีคุณก็ยึดว่าไม่มี
เพราะฉนั้น ไม่ว่ามันจะมีหรือไม่มี
ก็ยึดอะไรไม่ได้อยู่แล้วครับ

ปล.หวังว่าจะพอเข้าใจที่สื่อ

 

เรื่องมีหรือไม่มีต้องพยายามทำความเข้าใจ อย่างความเข้าใจของคนทั่วไปคือตัวเรานี่มีอยู่ เราคือร่างกาย ถ้าไปบอกเขาว่าตัวเราไม่มี ร่างกายไม่ใช่เรา เขาคงคิดว่าเป็นไปไม่ได้ ขัดกับประสบการณ์ ก็เห็นอยู่ ยังมีความรู้สึกอยู่ อันนี้เป็นลักษณะของการมีหรือไม่มีตามความเห็น ความเข้าใจ ถึงจะเห็นได้ ได้ยิน สัมผัสได้ ก็ไม่มีได้

 

ไม่เห็นคือไม่มี คือไม่มีของคนเหล่านั้นผู้ไม่เห็นถูกเเล้ว ไม่เห็นไม่รู้ก็บรรลุได้ แบบสุขๆปัสโก ดังนั้นเราไม่ควรปรามาสใครๆ องค์ใด

อวิชา น่ากลัวสุดๆ เมื่อไม่รู้ก็ทำอะไรต่อมิอะไรผิดๆ หลายระดับกันไป

หลวงพ่อปัญญาก็เคยถูกวิจารว่า มิจฉา สงสารคนเหล่านั้นจริงๆ ไม่รู้เฉยไว้ดีกว่า

 

โดราเอม่อนมีจริงไหมครับ นั่นล่ะครับ ผีกับโดราเอม่อนเหมือน ๆ กัน สิ่งที่มีอยู่ให้คิดว่าไม่มีอยู่มันก็มีอยู่ดี สิ่งที่ไม่มีอยู่จะไปคิดว่ามีอยู่มันก็ไม่มีอยู่ดี ในโลกนี้มนุษย์อุปโหลกสิ่งที่ไม่เคยมีอยู่ขึ้นมาด้วยหลายเหตุผล เพื่อให้เกิดความเชื่อความศรัทธาน้อมนำมาซึ่งลาภสักการะก็เป็นหนึ่งในนั้น

 

สมมุติว่ามีจริงแล้วจะมีผลอะไรกับเราและสมมุติว่าไม่มีจริงแล้วมีผลอะไรกับเราตอนนี้เราจะยังรู้สึกถึงอะไร...ถ้ามีจริงก็เป็นข้อคิดถ้าไม่มีจริงก็เป็นข้อคิด...ความไม่ประมาทนั้นเป็นสิ่งสำคัญกว่ามีหรือไม่มีเราก็ยังไม่รู้แต่ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตามไม่ประมาทในทุกๆเวลาน่าจะเป็นข้อเตือนใจในเรื่องผีมากกว่า...เหมือนกับเรากำลังสอนตัวเองแต่ตัวเองไม่รับรู้...ก็เลยลงเอยแบบไม่รู้ว่ามีหรือไม่มี...หมดลมหายใจแล้วจะเป็นอะไรก็ช่างการกระทำสร้างภพภูมิตั้งแต่มีลมหายใจจนถึงหมดลมหายใจการกระทำไม่ใช่เพียงแต่กายทำเพราะกายทำเองไม่ได้ถ้าใจไม่สั่งมา...ตามที่มีคนบอกไว้ว่าภพภูมิมีเป็นลำดับจากสิ่งที่ละเอียดมากจนถึงสิ่งที่หยาบมาก...เป็นเครื่องเตือนใจให้รู้ไม่ใช่เรื่องทำให้เศร้าหมอง...

 

ถูกต้องแล้วครับ พระอรหันต์สุกกวิปัสสโก
ไม่เคยเจอผีหลอก เพราะปิดอายตนะหมดแล้่ว
สิ่งที่รู้เห็น ก็คือ อุปาทานของท่านเอง คิดไปเอง
ไม่เคยเห็น นรก สวรรค์ แต่ก็ บรรลุธรรมได้เหมือนกัน

 

สมัยหนึ่ง เราก็เคยมีความคิดที่ว่า
ถ้า พระพุทธเจ้า มี แล้ว มนุษย์ต่างดาว จะต้องไม่มี
แต่ถ้าหากว่า มนุษย์ต่างดาว มีจริง พระพุทธเจ้า ก็จะไม่มี

แต่พอเราผ่านแล้ว
เราก็เข้าใจได้ว่า ไอ้มนุษย์ต่างด้าว ก็คือ
พวกอบายภูมิทั้งลาย กับ เทวดาทั้งหมด นั่นเอง
เพราะพวกนี้ ไปไหนมาไหน ชอบขี่ยานพาหนะไป
เพราะว่า พาหนะจะเร็วมาก จะเร็วกว่าแสง ประมาณ 5 เท่า
และไม่มีจิตใจ จึงไม่ต้องเอาใจ เหมือน สัตว์พาหนะ

เพราะฉนั้น ทุกคนก็ต้องผ่านด่าน ความเชื่อที่ถูก
ถึงจะทำถูก ปฏิบัติได้ผล
พวกสายปัญญา ก็ย่อมต้องมีเห็นผิดบ้าง
แต่ไม่ได้ผิดหลัก ศีลธรรม แต่อย่างใด

 

ครั้งนึงผมเคยเชื่อว่าผีมีจริง สิ่งที่มองไม่เห็น กายทิพย์ อนูต่างมิติ แต่เมื่อได้รู้จักพระพุทธเจ้า ได้เข้าถึง จึงรู้ว่าสิ่งพวกนั้นมันไม่มีอยู่จริง แต่พระพุทธเจ้ามีจริง ก็คือคนที่ก่อตั้งศาสนาพุทธนี่แหละ และมนุษย์ต่างดาวก็มีจริง เพราะโลกนี้มีเรา โลกอื่นก็ย่อมมี ทุกสิ่งที่จะมีก็ต้องมีอยู่ดับไปตามกฏธรรมชาติ มิใช่กฏตามใจเราที่อยากจะให้มีนั่นมีนี่ ผู้มีปัญญามุ่งตรงถูกต้องย่อมเห็นความจริงข้อนี้ หากปัญญาไม่พ้นจากสมมติ ก็จะมัวลุ่มหลงไปกับความเชื่อก็มีแต่วนเวียนในความหลงต่อลาภยศสรรเสริญที่นำมาด้วยความเชื่อทั้งปวง

 

ทำไมผีไม่มีครับเพราะอะไรครับ เเล้วทำไมพระพุทธเจ้ามีครับ

 

บางอาจารย์ จะสอนว่า ผีไม่มีจริง
จะมีก็แต่ สัตว์ที่รอจะเกิด ไม่ใช่ผี
หรือ วิญญาน แต่อย่างใด

 

มีสิทำไมจะไม่มี...แต่ใช้คำว่าผีมันก็ใช้ได้นะถ้าไม่คิดมากก็ไม่เป็นไรถ้าคิดมากก็คงกลัวไม่อยากพบเห็นอาจเพราะมีคนบอกว่าน่ากลัว...ผมก็กลัวนะ...แต่....มันเหมือนกับเรากินข้าวเป็นอาหารแต่เขาอาจกินขนมปังเป็นอาหารเขาอาจมีสีผมแบบสีแดงเหลืองเราอาจมีผมแบบสีดำอันนี้สมมตินะที่แน่คือสิ่งหลายสิ่งเราอาจมองไม่เห็นด้วยตาเปล่าเช่นแบคทีเรียไวรัสพยาธิบางชนิดเป็นต้น...บางทีผมก็สงสัยสมุติว่าเราสามารถทำตัวให้เล็กลงไปคือประหนึ่งเกือบไร้ตัวตนเราจะเห็นสิ่งที่มีขนาดเล็กจะใหญ่ขนาดไหนอันนี้ผมก็สงสัย...มันคงใหญ่มากแต่ถ้าเรามองมันแบบเรามีขนาดใหญ่เราคงมองไม่เห็นมันมันเป็นแน่แท้...แค่ชวนคิดชวนสงสัยนะคับ

 

พระอรหันต์ ในสมัย พุทธกาล
บางรูป ก็เห็นผี เห็นเปรต อยู่บ่อยๆ
แต่ บางรูปก็ไม่เห็นอะไรเลย
แล้วก็ ถกเถียงกัน เรื่องผีเปรต
จนวุ่นวายไปหมด

เป็นเหตุให้ พระพุทธเจ้า ต้องออกมารับรองว่า
พระอรหันต์ที่มีปฏิสัมภิทาญาน
สามารถ เห็นผีเปรตได้จริง
แม้แต่ พระองค์ ก็เห็นอย่างนั้นเหมือนกัน
เรื่องนี้จึงจบไป