ขอบทสวดมนต์ก่อนนอนหน่อยครับ

สวัสดีครับ พี่ๆเพื่อนๆ ชาวพลังจิต.คอม ทุกท่าน

วันนี้ผมมีเรื่องอยากจะรบกวนครับ ใครพอจะมีบทสวดมนต์ (ก่อนนอน) บ้างครับ เอาทุกบทเลยนะครับ เพราะตอนนี้ผมสวดมนต์ก่อนนอนทุกคืนแต่ว่าอยากจะสวดให้ครับทุกบท เพราะว่าเวลาสวดมนต์ผมรู้สึกว่าใจสงบ แล้วก็จิตเป็นสมาธิดียิ่งถ้าหลับตาสวดมนต์ด้วยจะดีมาก และยิ่งถ้ามีคำแปลด้วยจะดีมากครับ

ขอบคุณมากครับ

 

การจะสวดมนต์ไหว้พระก่อนนอน ท่านควรจะต้องอาบน้ำชำระกายให้สะอาด
และควรสวมเสื้อผ้าที่สะอาด หรือถ้าเป็นไปได้ ควรนุ่งขาวห่มขาวได้ก็จะยิ่งดี ทำจิตใจ
ให้ผ่องใส จุดเทียนจุดธูป นั่งคุกเข่า ประนมมือไว้เพียงหน้าอก แล้วกล่าวคำบูชาพระ
รัตนตรัย พร้อมทั้งขอขมาพระรัตนตรัย ไปตามขั้นตอนดังต่อไปนี้

อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ ภะคะวา พุทธัง ภะคะวันตัง อะภิวาเทมิ (กราบหมอบลง
แล้วว่า) กาเยนะ วาจายะ วะเจตะสา วา พุทเธ กุกัมมัง ปะกะตัง มะยา ยัง พุทโธ ปะฏิคคัณหะตุ
อัจจะยันตัง กาลันตะเร สังวะริตุง วะพุทเธ (เงยขึ้นแล้วว่า)
สวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม ธัมมัง นะมัสสามิ (กราบหมอบลงแล้วว่า)
กาเยนะ วาจายะ วะเจตะสา วา ธัมเม กุกัมมัง ปะกะตัง มะยายัง ธัมโม ปะฏิคคัณหะตุ อัจจะยัน
ตัง กาลันตะเร สังวะริตุง วะธัมเม (เงยขึ้นแล้วว่า)
สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ สังฆัง นะมามิ (กราบหมอบลงแล้วว่า)
กาเยนะ วาจายะ วะเจตะสา วา สังเฆ กุกัมมัง ปะกะตัง มะยา ยัง สังโฆ ปะฏิคคัณหะตุ อัจจะยัน
ตัง กาลันตะเร สังวะริตุง วะสังเฆ (เงยขึ้นแล้วว่า)
อุกาสะ อัจจะโย โน ภันเต อัจจักขะมา ยะถาพาเล ยะถามุฬเห ยะถาอะกุสะเล เย
มะยัง กะรัมหา เอวัง ภันเต มะยัง อัจจะโยโน ปะฏิคคัณเหะถะ อายะติง สังวะเรยยามิ...

ก่อนที่จะทำการสวดมนต์ต่อไป เราควรทำตัวทำใจให้บริสุทธิ์ด้วยการสมาทานศีล
5 ดังนี้

อะหัง ภันเต วิสุง วิสุง รักขะนัตถายะ ติสะระเณนะ สะหะ ปัญจะ สีลานิ ยาจามิ
ทุติยัมปิ อะหัง ภันเต วิสุง วิสุง รักขะนัตถายะ ติสะระเณนะ สะหะ ปัญจะ สีลานิ ยาจามิ
ตะติยัมปิ อะหัง ภันเต วิสุง วิสุง รักขะนัตถายะ ติสะระเณนะ สะหะ ปัญจะ สีลานิ ยาจามิ

(ถ้าอาราธนาศีลสำหรับคนเดียว ให้ขึ้นต้นด้วย อะหัง ภันเต..... ลงท้ายด้วย ยาจามิ
ถ้าอาราธนาศีลสำหรับหลายคน ให้ขึ้นต้นด้วย มะยัง ภันเต....ลงท้ายด้วย ยาจามะ)

นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ

พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ
ทุติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
ทุติยัมปิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
ทุติยัมปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ
ตะติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
ตะติยัมปิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
ตะติยัมปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ

ปาณาติปาตา เวระมะณี สิกขา ปะทัง สะมาทิยามิ
อะทินนาทานา เวระมะณี สิกขา ปะทัง สะมาทิยามิ
กาเมสุมิจฉาจารา เวระมะณี สิกขา ปะทัง สะมาทิยามิ
มุสาวาทา เวระมะณี สิกขา ปะทัง สะมาทิยามิ
สุราเมระยะ มัชชะปะมาทัฎฐานา เวระมะณี สิกขา ปะทัง สะมาทิยามิ

(กราบ 3 ครั้ง)

เมื่อเรารับสมาทานศีลเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็พร้อมที่จะทำความดี แต่เพื่อให้การทำความดี
ของเราครบถ้วนบริบูรณ์และเป็นมงคล ก็ควรอัญเชิญเทพเทวาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้มารับรู้ ลำดับต่อไป
จึงให้เราสวดด้วยบทชุมนุมเทวดา

ชุมนุมเทวดา

สะรัชชัง สะเสนัง สะพันธุง นะรินทัง ปะริตตานุภาโว สะทา รักขะตูติ
ผริตตะวา นะเมตตัง สะเมตตา ภะทันตา อะวิกขิตตะจิตตา ปะริตตัง ภะณันตุ
สัคเค กาเม จะรูเป คิริสิขะระ ตะเฏ จันตะลิกเข วิมาเน
ทีเป รัฏเฐ จะคาเม ตะรุวะนะคะหะเน เคหะวัตถุมหิ เขตเต
ภุมมา จายันตุ เทวา ชะละถะละวิสะเม ยักขะ คันธัพพะนาคา
ติฏฐันตา สันติเกยัง มุนิวะระวะจะนัง สาธะโวเม สุณันตุ
ธัมมัสสะวะนะกาโล อะยัมภะทันตา
ธัมมัสสะวะนะกาโล อะยัมภะทันตา
ธัมมัสสะวะนะกาโล อะยัมภะทันตา

(กราบ 3 ครั้ง)

นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ

อิติปิโส ภะคะวา อะระหัง สัมมา สัมพุทโธ วิชาจาระณะสัมปันโน สุคะโต โลกะวิทู
อะนุตตะโร ปุริสะธัมมะ สาระถิ สัตถา เทวะมะนุสสานัง พุทโธ ภะคะวาติ

(หมอบกราบแล้วว่า พุทธัง ชีวิตัง ยาวะนิพพานัง สะระณัง คัจฉามิ)

สวากขาโต ภะคะวะตาธัมโม สันทิฏฐิโก อกาลิโก
เอหิปัสสิโก โอปะนะยิโก ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหิติ

(หมอบกราบแล้วว่า ธัมมัง ชีวิตัง ยาวะนิพพานัง สะระณัง คัจฉามิ)

สุปะฎิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ
อุชุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ
ญายะปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ
สามีจิปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ
ยะทิทัง จัตตาริ ปุริสะยุคานิ อัฏฐะ ปุริสะปุคคะลา เอสะ
ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ
อาหุเนยโย ปาหุเนยโย ทักขิเนยโย อัญชะลีกะระณีโย
อนุตตะรัง ปุญญักเขตตัง โลกัสสาติ

(หมอบกราบแล้วว่า สังฆัง ชีวิตัง ยาวะนิพพานัง สะระณัง คัจฉามิ)

(เงยหน้าขึ้นแล้วว่า)

อุกาสะ อุกาสะ อุกาสะ มะอาเอ เย ธัมมา สัมมาอรหัง วันทามิ สัมมาอรหัง วันทามิ
สัมมาอรหัง วันทามิ
พุทโธปิ พุทธะทัสสะ ตะถาคะตัสสะ นะมัสสามิ นะมิโตเยวะ พรหมเมหิ นะระเทวาหิ
สัพพะทา นะทันโต สีหพนาทัง โย นะพุทธะยะกะ นะมัสสามิ สัมปันโน วะระลีเรนะ
สะมาปะวะโร ชิโนสะยัมภูยานะ สัมปันโน สะนะหะวาจัง นะมามิหัง สุริยังจันทัง
สุระเทโว สุรินทรานัง มหิทธิการุณนัง สังกะโลกะจักวารัง นะมัสสามิ

(กราบ 3 ครั้ง)

ก็เป็นอันว่าเสร็จขั้นตอนการสวดมนต์ก่อนนอน หากท่านใดจะสวดมนต์บทอื่น ก็สามารถ
สวดต่อได้ตามต้องการ หรือจะนั่งสมาธิ ปฎิบัติกรรมฐานล้วนทำได้ตามอัธยาสัย

****กำลังเริ่มปฏิบัติเหมือนกันค่ะ ใครมีอะไรเพิ่มเติมรบกวนเพิ่มเติมได้นะคะ***

 

ขอบคุณมากครับคุณ Paang ภาษาไทยอ่านว่ายังไงครับ

ขอบคุณมากครับสำหรับบทสวดมนต์ก่อนนอน แล้วตอนนี้คุณ Paang สวดมนต์บทไหนก่อนนอนบ้างครับ

 

ภาษาไทยเหรอ หมายถึงชื่อรึป่าว
มีบางคนเรียก ป้าอัง บางคนเรียกแพง
แต่จริง ๆ ชื่อแป้งนะคะ อย่าเรียกผิดตามเค้า
จริง ๆ แล้ว เมื่อก่อนสะกดเป็น pang แต่เพื่อนชาวต่างชาติขำ
บอกว่าความหมายไม่ดี เลยเปลี่ยน เป็น paang แก้เคล็ดไปงั้นเองค่ะ

อ้อ แป้งสวดตามนี้เลยค่ะ printed แปะไว้ที่ห้องพระ แล้วก็ว่าตามนี้เลย
ตอนนี้ไม่ต้องดูแล้วค่ะ เริ่มคล่อง หลังจากสวดมนต์เสร็จก็นั่งสมาธิต่ออีกหน่อยค่ะ

 

เพื่อนชาติไหนครับ

 

ถ้าคุณคล้าวจะสวดหมดทุกบทคงไม่ได้นอนหรอกครับ

http://www.polyboon.com/worship/inside/worship06.html

 

ขอบคุณพี่แป้งมากครับ

ขอบคุณพี่แป้งมากครับ ที่ให้บทสวดมนต์ผม พอดีผมไปเจอหนังสือบทสวดมนต์สำหรับนักเรียน นักศึกษก แล้วก็ผู้ที่สนใจทั่วไป จึงอยากจะได้มาไว้สวดบ้าง ผมลองเปิดดูก็พบว่า จะมีบทแผ่เมตตา พุทธานุสติ ธรรมานุสติ สังฆานุสติ อาราธนาศีล 5 ศีล 5 แล้วก็มีอีกเยอะเหมือนกัน สำหรับที่ว่าถ้าจะให้สวดครบ แล้วไม่ได้นอนนั้นไม่จริงนะครับ เพราะว่าเราสวดแค่ที่สำคัญๆ ดังเช่นที่เอ่ยไว้ ผมว่าก็ดีนะครับ เพราะตอนนี้ผมก็สวดเกือบทุกวัน อยากจะทำทุกวันเหมือนกัน แต่บางวันมันก็ไม่อำนวย พี่ๆลองทำดูนะครับ จะรู้เลยว่ามีความรู้สึกสงบอย่างมาก ส่วนมากผมจะรู้สึกถึงความกดดันบางอย่างระหว่างคิ้วของผม ซึ่งเวลานั่งสมาธิก็เป็นเหมือนกัน ผมไม่รู้ว่าเป็นอะไรหรอกนะครับ แต่คิดว่าคงเป็นสิ่งที่ดี พี่แป้งยินดีที่ได้รู้จักนะครับ (b-smile) (b-smile)

 

ขอถามต่อนะคะ ว่าหากเราไม่มีสถานที่หรือห้องพระ สำหรับสวดมนต์ล่ะค่ะ จะสวมชุดนอนและสวดที่บนที่นอนจะผิดหรือเปล่า ช่วยตอบด้วยค่ะ

 

สวดไปเถอะครับ สวดได้จะได้สมาธิ หากรู้ความหมายจะได้ปัญญา ทำให้ได้ครบหลักของการทำกรรม คือ กาย(ปฏิบัติ) วาจา(เปล่งให้ได้ยิน) ใจ(นึกความหมายตามที่เปล่งเสียง) บุญกุศล ที่เกิดขึ้นจะมีมากมาย สามารถแผ่บุญกุศลไปถึง พ่อ แม่ ครูบา อาจารย์ ญาติ พี่น้อง เจ้ากรรมนายเวร ฯลฯ

 

สวัสดีครับคุณดอกอูน

สำหรับผมก็ไม่ได้มีห้องพระนะครับ ผมก็จะสวดในห้องนอน ก่อนนอน แต่ถ้าเป็นไปได้ถ้าสวดในห้องพระ จะดีมากครับ เพราะผมรู้สึกว่าถ้าสวดในห้องพระจิตเราจะเป็นสมาธิอย่างมาก แล้วอีกอย่างเราก็ได้บูชาพระรัตนตรัย ด้วยดอกไม้ ธูป เทียน ก่อนที่เราจะสวดมนต์ด้วย แต่ตอนนี้เราก็สวดในห้องนอนของเราก็ได้ครับ สำหรับชุดนั้นผมคิดว่าเป็นชุดที่สุภาพ ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร แต่อย่าโป๊ ก็แล้วกันนะครับ เพราะนั่นแสดงว่าเราไม่ให้ความเคารพแก่พระรัตนตรัย

ขอบคุณครับ

Cloud (b-smile)

 

ผู้หญิงเก่ง

(bb-flower เก่งจังเลยคุณpaangนี

 

ฟังเสียงสวดมนต์ออนไลน์

http://www.geocities.com/loser_world


มีเสียงสวดมนต์ทั้งแปล และไม่แปล หลายบทครับ

แต่นาน ๆ จะเข้าได้ครั้งหนึ่ง

 

แนะนำ

ถ้าให้ดี ก็ สวด ชินบัญชร เพิ่ม อีกสักบท นะครับ

 

พระคาถาชินบัญชร<o></o>
สมเด็จพระพุฒาจารย์ ( โต พรหมรังสี )<o></o>
ตั้งนะโม 3 จบ<o></o>

​

ปุตตะกาโมสะเภปุตตัง ธะนะกาโม ละเภ ธะนัง<o></o>
อัตถิกาเย กายะ ญายะ เวานังปิยะตังสุตตะวา<o></o>
อิติปิโสภะคะวา ยะมะราชาโน ท้าวเวสสุวัณโณ<o></o>
มรณังสุขัง อะระหังสุคะโต นะโมพุทธายะ<o></o>

1. ชะยาสะนาคะตา พุทธา เชตะวา มารัง สะวาหะนัง<o></o>
จะตุสัจจาสะภัง ระสัง เย ปิวิงสุ นะราสะภา.<o></o>
<o></o>
2. ตัณหัง กะราทะโย พุทธา อัฏฐะวีสะติ นายะกา<o></o>
สัพเพ ปะติฏฐิตา มัยหัง มัตถะเถ เต มุนิสสะรา.<o></o>
<o></o>
3. สีเส ปะติฏฐิโต มัยหัง พุทโธ ธัมโม ทะวิโลจะเน<o></o>
สังโฆ ปะติฏฐิโต มัยหัง อุเร สัพพะคุณากะโร.<o></o>
<o></o>
4. หะทะเย เม อะนุรุทโธ สารีปุตโต จะ ทักขิเณ
โกณฑัญโญ ปิฏฐิภาคัสมิง โมคคัลลาโน จะ วามะเก.<o></o>
<o></o>
5. ทักขิเณ สะวะเน มัยหัง อาสุง อานันทะราหุโล<o></o>
กัสสะโป จะ มะหานาโม อุภาสุง วามะโสตะเก.

6. เกสันเต ปิฏฐิภาคัสมิง สุริโย วะ ปะภังกะโร<o></o>
นิสินโน สิริ สัมปันโน โสภิโต มุนิปุงคะโว.<o></o>

7. กุมาระกัสสะโป เถโร มะเหสี จิตตะวาทะโก<o></o>
โส มัยหัง วะทะเนนิจจัง ปะติฏฐาสิ คุณากะโร.<o></o>

8. ปุณโณ อังคุลิมาโล จะ อุปาลี นันทะสีวะลี<o></o>
เถรา ปัญจะ อิเม ชาตา นะลาเฏ ตีละกา มะมะ.<o></o>

9. เสสาสีติ มะหาเถรา วิชิตา ชินะสาวะกา<o></o>
เอเตสีติ มะหาเถรา ชิตะวันโต ชิโนระสา<o></o>
ชะลันตา สีละเต เชนะ อังคะมังเคสุ สัณฐิตา.<o></o>
<o></o>
10. ระตะนัง ปุระโร อาสิ ทักขิเณ เมตตะ สุตตะกัง<o></o>
ธะชัคคัง ปัจฉะโต อาสิ วาเม อังคุสิมาละกัง.<o></o>
<o></o>
11. ขันธะ โมระ ปะริตตัญจะ อาฏา นาฎิยะ สุตตะกัง
อากาเส ฉะทะนัง อาสิ เสสา ปาการะสัณฐิตา.<o></o>
<o></o>
12. ชินนานา วะระสังยุตตา สัตตะปาการะลังกะตา<o></o>
วาตะปิตตาทิสัญชาตา พาหิรัชฌัตตุปัททะวา.<o></o>
<o></o>
13. อะเสสา วินะยัง ยันตุ อะนันตะชินะเตชะสา<o></o>
วะสะโต เม สะกิจเจนะ สะทา สัมพุทธะปัญชะเร.
<o></o>
14. ชินะปัญชระมัชฌัมหิ วิหะรันตัง มะฮิตะเล<o></o>
สะทา ปาเลนตุ มัง สัพเพ เต มะหาปุริสาสะภา.<o></o>
<o></o>
15. อิจเจวะมันโต สุคุตโต สุรักโข<o></o>
ชินานุภาเวนะ ชิตุปัททะโว<o></o>
ธัมมานุภาเวนะ ชิตาริสังโฆ<o></o>
สังฆานุภาเวนะ ชิตันตะราโย<o></o>
สัทธัมมานุภาวะปาลิโต จะรามิ ชินะปัญชะเรติ.<o></o>

 

สาธุ

 

สวดเถอะครับ ไม่เป็นอะไร ถ้าได้มโนยิทธิแล้ว ก่อนสวดทำสมาธิแล้วเข้าไปกราบ พระที่ ที่สูงสุดที่ไปได้ครับ จากนั้นก็ร่ายเอาตามชอบครับ ของผมคล้ายน้องแป้งนะครับ แต่ของผมจะมีคาถาเงินล้าน แล้วก็คาถาชินบัญชรด้วยครับ แต่ไม่มี ชุมนุมเทวดาครับ

แล้วชุดนี่แปลกครับ ผมชอบสวดหลังอาบน้ำเสร็จตอนเช้า ใจมันชื่นบานดีครับ ถอดเสื้อสวดด้วยครับ แล้วเปิดพัดลมเป่าอีก โห...เย็นทั้งกายทั้งใจครับ ใจสงบดีมาก แต่เวลาขึ้นไปข้างบนไม่ได้โป้นะ เต็มยศครับ......

 

เข้าไปดูมาแล้ว น่ารักมากครับเข้าใจทำ มีจุดเทียนมีถวายดอกได้ด้วย โมทนามาก ๆเลยนะครับ ทั้งผู้สร้างและผู้แนะนำ

 

แนะนำบทพาหุงฯ
เนื่องจากบทนี้ พระท่านใช้ในพิธีทุกพิธี ยกเว้นงานศพ ครับ
ถวายพรพระ

นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ ฯ ( ๓ จบ )<o></o><o></o>​

อิติปิ โส ภะคะวา อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ วิชชาจะระณะสัมปันโน สุคะโต โลกะวิทู อะนุตตะโร ปุริสะทัมมะสาระถิ สัตถาเทวะมะนุสสานัง พุทโธ ภะคะวาติ ฯ<o></o>
สวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม สันทิฎฐิโก อะกาลิโก เอสิปัสสิโก โอปะนะยิโก ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหีติ ฯ<o></o>
สุปะฎิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ อุชุปะฎิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ ญายะปะฎิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ สามีจิปะฎิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ ยะทิทัง จัตตาริ ปะริสะยุคานิ อัฎฐะ ปุริสะปุคคะลา เอสะ ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ อาหุเนยโย ปาหุเนยโย ทักขิเณยโย อัญชะลีกะระณีโย อะนุตตะรัง ปุญญักเขตตัง โลกัสสาติ ฯ
<o></o>

พระพุทธชัยมงคลคาถา<o></o>​

พาหุง สะหัสสะมะภินิมมิตะสาวุธันตัง<o></o>
คะรีเมขะลัง อุทิตะโฆระสะเสนะมารัง<o></o>
ทานาทิธัมมะวิธินา ชิตะวา มุนินโท<o></o>
ตันเตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะมังคะลานิ ฯ<o></o>
มาราติเรกะมะภิยุชฌิตะสัพพะรัตติง<o></o>
โฆรัมปะนาฬะวะกะมักขะถัทธะยักขัง<o></o>
ขันตีสุทันตะวิธินา ชิตะวา มุนินโท<o></o>
ตันเตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะมังคะลานิ ฯ<o></o>
นาฬาคิริง คะชะวะรัง อะติมัตตะภูตัง<o></o>
ทาวัคคิจักกะมะสะนีวะ สุทารุณันตัง<o></o>
เมตตัมพุเสกะวิธินา ชิตะวา มุนินโท<o></o>
ตันเตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะมังคะลานิ ฯ<o></o>
<o></o>
อุกขิตตะขัคคะมะติหัตถะสุทารุณันตัง<o></o>
ธาวันติโยชะนะปะถังคุลิมาละวันตัง<o></o>
อิทธีภิสังขะตะมะโน ชิตะวา มุนินโท<o></o>
ตันเตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะมังคะลานิ ฯ<o></o>
กัตตะวานะ กัฎฐะมุทะรัง อิวะ คัพภินียา<o></o>
จิญจายะ ทุฏฐะวะจะนัง ชะนะกายะมัชเฌ<o></o>
สันเตนะ โสมะวิธินา ชิตะวา มุนินโท<o></o>
ตันเตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะมังคะลานิ ฯ<o></o>
สัจจัง วิหายะ มะติสัจจะกะวาทะเกตุง<o></o>
วาทาภิโรปิตะมะนัง อะติอันธะภูตัง<o></o>
ปัญญาปะทีปะชะลิโต ชิตะวา มุนินโท<o></o>
ตันเตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะมังคะลานิ ฯ<o></o>
นันโทปะนันทะภุชะคัง วิพุธัง มะหิทธิง<o></o>
ปุตเตนะ เถระภุชะเคนะ ทะมาปะยันโต<o></o>
อิทธูปะเทสะวิธินา ชิตะวา มุนินโท<o></o>
ตันเตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะมังคะลานิ ฯ<o></o>
ทุคคาหะทิฏฐิภุชะเคนะ สุทัฏฐะหัตถัง<o></o>
พรัหมัง วิสุทธิชุติมิทธิพะกาภิธานัง<o></o>
ญาณาคะเทนะ วิธินา ชิระวา มุนินโท<o></o>
ตันเตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะมังคะลานิ ฯ<o></o>
เอตาปิ พุทธะชะยะมังคะละอัฏฐะคาถา<o></o>
โย วาจะโน ทินะทิเน สะระเต มะตันที<o></o>
หิตตะวานะเนกะวิวิธานิ จุปัททะวานิ<o></o>
โมกขัง สุขัง อะธิคะเมยยะ นะโร สะปัญโญ ฯ<o></o>
มะหาการุณิโก นาโถหิตายะ สัพพะปาณินัง<o></o>
ปูเรตตะวา ปาระมี สัพพาปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง<o></o>
เอเตนะ สัจจะวัชเชนะโหตุ เต ชะยะมังคะลัง ฯ ชะยันโต โพธิยา มูเลสักกะยานัง นันทิวัฑฒะโน<o></o>
เอวัง ตะวัง วิชะโย โหหิชะยัสสุ ชะยะมังคะเล<o></o>
อะปะราชิตะปัลลังเกสีเส ปะฐะวิโปกขะเร<o></o>
อะภิเสเก สัพพะพุทธานัง อัคคัปปัตโต ปะโมทะติ ฯ<o></o>

สุนักขัตตัง สุมังคะลัง สุปะภาตัง สุหุฎฐิตัง<o></o>

สุขะโณ สุมุหุตโต จะสุยิฏฐัง พรัหมะจาริสุ<o></o>
ปะทักขินัง กายะกัมมังวาจากัมมัง ปะทักขินัง<o></o>
ปะทักขิณัง มะโนกัมมังปะณิธี เต ปะทักขิณา<o></o>
ปะทักขิณานิ กัตตะวานะละภันตัตเถ ปะทักขิเณ<o></o>
ภะวะตุ สัพพะมังคะลังรักขันตุ สัพพะเทวะตา<o></o>
สัพพะพุทธานุภาเวนะสะทา โสตถี ภะวันตุ เต ฯ<o></o>
ภะวะตุ สัพพะมังคะลังรักขันตุ สัพพะเทวะตา<o></o>
สัพพะธัมมานุภาเวนะสะทา โสตถี ภะวันตุ เต ฯ<o></o>
ภะวะตุ สัพพะมังคะลังรักขันตุ สัพพะเทวะตา<o></o>
สัพพะสังฆานุภาเวนะสะทา โสตถี ภะวันตุ เตฯ<o></o>
หมายเหตุ ถ้าต้องการสวดให้กับตัวเอง ให้เปลี่ยนจากภะวะตุ เต เป็น เม<o></o>


คำแปลพุทธชัยมงคลคาถา<o></o>

๑.พระจอมมุนี ได้ชนะพญามาร ผู้นิรมิตแขนมากตั้งพัน ถืออาวุธครบมือ ขี่คชสารครีเมขละ พร้อมด้วยเสนามารโห่ร้องก้องกึก ด้วยธรรมวิธีทานบารมีเป็นต้น ขอชัยมงคลทั้งหลาย จงมีแก่ท่าน ด้วยเดชแห่งพระพุทธชัยมงคลนั้น<o></o>
๒.พระจอมมุนี ได้ชนะอาฬวกยักษ์ ผู้มีจิตกระด้าง ปราศจากความอดทน มีฤทธิ์พิลึกยิ่งกว่าพญามารเข้ามาต่อสู้ยิ่งนักจนตลอดรุ่ง ด้วยวิธีทรมาณเป็นอันดี คือ พระขันตี (ความอดทน) ขอชัยมงคลทั้งหลาย จงมีแก่ท่าน ด้วยเดชแห่งพระพุทธชัยมงคลนั้น<o></o>
๓.พระจอมมุนี ได้ชนะช้างตัวประเสริฐชื่อ นาฬาคิรี เป็นช้างเมายิ่งนัก แสนที่จะทารุณ ประดุจไฟป่าและจักราวุธและสายฟ้า ด้วยวิธีรดลงด้วยน้ำ คือพระเมตตา ขอชัยมงคลทั้งหลาย จงมีแก่ท่าน ด้วยเดชแห่งพระพุทธชัยมงคลนั้น<o></o>
๔.พระจอมมุนี มีพระหฤทัยไปในที่จะกระทำอิทธิปาฏิหาริย์ ได้ชนะโจรชื่อองคุลิมาล (ผู้มีพวงคือนิ้วมนุษย์) แสนร้ายกาจมีฝีมือ ถือดาบวิ่งไล่พระองค์ ไปสิ้น ๓ โยชน์ ขอชัยมงคลทั้งหลาย จงมีแก่ท่าน ด้วยเดชแห่งพระพุทธชัยมงคลนั้น<o></o>
๕.พระจอมมุนี ได้ชนะความกล่าวร้ายของนางจิญจมาณวิกา ทำอาการประหนึ่งว่ามีครรภ์ เพราะทำไม้มีสัณฐานอันกลม ให้เป็นประดุจมีท้อง ด้วยวิธีสมาธิอันงาม คือความระงับพระหฤทัยในท่ามกลางหมู่ชน ขอชัยมงคลทั้งหลาย จงมีแก่ท่าน ด้วยเดชแห่งพระพุทธชัยมงคลนั้น<o></o>
๖.พระจอมมุนี รุ่งเรืองแล้วด้วยประทีป คือปัญญา ได้ชนะสัจจกนิครนถ์ ผู้มีอัชฌาสัยที่จะสละเสียซึ่งความสัตย์ มีใจในที่จะยกถ้อยคำของตน ให้สูงดุจยกธง เป็นผู้มืดมนยิ่งนัก ด้วยเทศนาญาณวิธี คือรู้อัชฌาสัยแล้ว ตรัสเทศนา ขอชัยมงคลทั้งหลาย จงมีแก่ท่าน ด้วยเดชแห่งพระพุทธชัยมงคลนั้น<o></o>
๗.พระจอมมุนีโปรดให้พระโมคคัลลานเถระพุทธชิโนรส นิรมิตกายเป็นนาคราชไปทรมาน พญานาคราช ชื่อนันโทปนันทะ ผู้มีความรู้ผิด มีฤทธิ์มาก ด้วยวิธีอันให้อุปเทห์แห่งฤทธิ์ แก่พระเถระ ขอชัยมงคลทั้งหลาย จงมีแก่ท่าน ด้วยเดชแห่งพระพุทธชัยมงคลนั้น<o></o>
๘.พระจอมมุนี ได้ชนะพรหมผู้มีนามว่า ท้าวพกา ผู้มีฤทธิ์ มีอันสำคัญตนว่า เป็นผู้รุ่งเรืองด้วยคุณอันบริสุทธิ์ มีมืออันท้าวภุชงค์ คือทิฏฐิที่ตนถือผิดรัดตรึงไว้แน่นแฟ้นแล้ว ด้วยวิธีวางยาอันพิเศษคือเทศนาญาณ ขอชัยมงคลทั้งหลาย จงมีแก่ท่าน ด้วยเดชแห่งพระพุทธชัยมงคลนั้น
<o></o>
นรชนใด มีปัญญา ไม่เกียจคร้าน สวดก็ดี ระลึกก็ดี ซึ่งพระพุทธชัยมงคล ๘ คาถา แม้เหล่านี้ทุก ๆ วัน นรชนนั้นจะพึงละเสียได้ ซึ่งอุปัทวันอันตรายทั้งหลาย มีประการต่าง ๆ เป็นเอนก ถึงซึ่งวิโมกขสิวาลัย อันเป็นบรมสุขแล . <o></o>
มหาการุณิโก นาโถ ผู้เป็นที่พึ่งของสัตว์ประกอบแล้วด้วย พระมหากรุณา หิตายะสัพพะปาณินัง ปูเรตวา ปาระมี สัพพา ยังบารมีทั้งหลายทั้งปวงให้เต็ม เพื่อประโยชน์แก่สรรพสัตว์ทั้งหลาย ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง ถึงแล้วซึ่งความตรัสรู้อันอุดม เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ ด้วยความกล่าวคำสัตย์นี้ โหตุ เต ชะยะมังคะลัง ขอชัยมงคลจงมีแก่ท่าน .<o></o>

หมายเหตุ การภาวนาพระพุทธชัยมงคลคาถา<o></o>​

๑. เมื่อเผชิญกับศัตรูหมู่มาก ซึ่งมุ่งจะทำลายความมุ่งมั่นตั้งใจ ในการสร้างสรรค์สิ่งดีงามของเรา ทำให้เราท้อถอยและท้อแท้ด้วยเหตุผลต่างๆ ให้ภาวนาบทที่ ๑ ( มั่นใจในการทำความดี ในเจตนาดี และหวังดีของเราเอง แล้วมุ่งหน้ากระทำต่อไป จึงจะชนะศัตรูและผ่านเหตุการณ์นี้ไปได้ )<o></o>
๒. เมื่อเผชิญกับผู้ที่มีจิตใจหยาบกระด้าง ไม่ได้ฝึกฝนตนเองในเรื่องวินัยและมารยาท ให้ภาวนาบทที่ ๒ ( ในการที่เราเจอกับคนที่จิตใจกระด้าง หยาบคาย นับว่าเป็นโอกาสให้เราฝึกขันติธรรม และหากเราฝึกได้ดี ก็จะสามารถชนะใจคนแข็งกระด้าง ทำให้เขายอมรับข้อเสนอของเราและทำประโยชน์ร่วมกันได้ )<o></o>
๓. เมื่อเผชิญกับสัตว์ดุร้าย ให้ภาวนาบทที่ ๓ ( แม้ว่าสัตว์จะดุร้าย เราก็ควรแผ่เมตตาให้ความเอ็นดู ไม่ควรฆ่า หรือใช้วิธีรุนแรง ด้วยความเมตตานี้ จะทำให้มนุษย์กับสัตว์อยู่ร่วมกันอย่างสันติสุขได้ )<o></o>
๔. เมื่อเผชิญกับโจร มุ่งทำร้ายเราหรือก่อนที่จะไปต่อสู้กับผู้ร้ายในสถานการณ์ที่ต้องสู้ไม่มีทางเลือกอื่น ให้ภาวนาบทที่ ๔ ( วิธีที่ดี คือ ต้องพยายามทำให้เราเป็นฝ่ายเหนือกว่าเพื่อควบคุมสถานการณ์ให้ได้เสมอ เมื่อเราทำให้เขายอมจำนนได้แล้ว จึงค่อยหาโอกาสแนะนำสิ่งที่ดีแก่เขาภายหลัง ด้วยเจตนาดีและมีเมตตา )<o></o>
๕. เมื่อต้องเจอกับคำครหา นินทา การใส่ความให้เสียหาย ให้ภาวนาบทที่ ๕ ( เบื้องต้นต้องสงบจิตใจไว้ก่อน อย่างน้อยก็ตระหนักถึงข้อที่ว่า การนินทานั้น เป็นหนึ่งในโลกธรรม คือ เป็นสิ่งประจำโลก แม้พระพุทธองค์ยังมีคนกล่าวร้ายได้ จากนั้นจึงพิจารณาเรื่องที่เกิดขึ้นด้วยสติสัมปชัญญะ หากจะโต้ตอบต้องตอบโต้ตามความเป็นจริง หากเรื่องที่เกิดขึ้นไม่จริง ผู้กล่าวหาย่อมแพ้ภัยตนเองไปในที่สุด)<o></o>
๖. เมื่อต้องตอบโต้คำถามจากผู้มีความเห็นผิดทะนงตัว หรือต้องโต้วาทีเพื่อหาข้อยุติด้วยหลักการและเหตุผลที่ถูกต้อง ให้ภาวนาบทที่ ๖ ( เมื่อเผชิญกับผู้ที่โอ้อวดยกเหตุผลต่างๆ เพื่อมาหักล้างศีลธรรม ความถูกต้องดีงาม เราจำเป็นต้องโต้ด้วยเหตุผลที่ชัดเจนกว่า โดยแยกแยะให้เขาเห็นข้อบกพร่องในเหตุผลของเขา ถ้าเป็นปัญหา ที่ต้องตอบตรงๆ ก็ยกความเป็นจริงขึ้นหักล้าง บางอย่างอาจถามย้อนก่อนตอบ เพื่อให้ผู้ถามเห็นข้อบกพร่องในคำถามและเหตุผลที่ตนยกขึ้นถาม อย่างไรก็ตาม บางคำถามที่ควรงดเว้นไม่ควรตอบให้เสียเวลา )<o></o>
๗. เมื่อต้องเผชิญกับผู้ที่มีเล่ห์เหลี่ยม มากด้วยอุบาย ให้ภาวนาบทที่ ๗ ( เหตุการณ์บางอย่าง เราอาจพึ่งผู้อื่น เพื่อช่วยคลีคลายสถานการณ์ โดยเลือกผู้ที่มีประสบการณ์ในเรื่องนั้นๆ ช่วยจัดการให้เรียบร้อย )<o></o>
๘. เมื่อต้องเผชิญกับผู้ใหญ่ที่มีความเห็นผิด ผู้มีทิฐิมานะมาก ทั้งมีอำนาจในสังคม เป็นที่รู้จัก และนับถือของคนทั่วไป ต้องทำใจให้เป็นสมาธิด้วย การภาวนาบทที่ ๘ ( เมื่อเราเผชิญกับปัญหาที่สำคัญในระดับที่เป็นหลักการ หรือนโยบาย ซึ่งแม้ผู้ใหญ่มีอำนาจวาสนา เป็นที่ยอมรับนับถึอของคนทั่วไป ยังมีความเห็นผิดจากหลักการตามความเป็นจริง เราต้องแม่นยำในหลักการพิจารณาหลักการ หรือนโยบายนั้นอย่างรอบคอบ แล้วชี้แจงให้เห็นถึงความบกพร่องและผลเสียที่เกิดขึ้นในระยะยาว ทั้งนี้การชี้แจงกับผู้ใหญ่ต้องมีเหตุผลชัดเจน ชี้แจงให้แจ่มแจ้งว่าหลักการ วิธีการ และเป้าหมายของกิจการนั้นๆ มีความขัดแย้งกันอย่างไร มีจุดบกพร่องที่สำคัญตรงไหนบ้าง และอย่าลืมว่าหลังจากกระบวนการทางปัญญาสิ้นสุดลง เรากับผู้ใหญ่นั้น ยังคงมีความสัมพันธ์ร่วมงานกันได้ดังเดิม หรืออาจจะดีกว่าเดิม เพราะได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันด้วยความบริสุทธิ์ใจ )<o></o>
อานิสงส์เบื้องต้น ในการภาวนาชัยมงคลคาถานั้น เป็นการยับยั้งการตัดสินใจ อย่างหุนหันพลันแล่น ไม่รอบคอบ ซึ่งอาจให้ผลร้ายตามมาอย่างคาดไม่ถึง และที่สำคัญ เป็นการ เรียกสติกลับคืนมา เพื่อให้จิตใจมั่นคง เมื่อจิตใจมั่นคงแล้ว จะทำให้เราจัดการกับสถานการณ์ต่างๆ ได้อย่างรอบคอบมากขึ้น และได้ผลดีย้อนกลับมามากขึ้นด้วย<o></o>

 

สวัสดีครับ พอดีผมได้รับหนังสือสวดมนต์มาจากวัดอัมพวัน (ถ้าจำไม่ผิด) ขอแนะนำบทสวดมนต์นี้ด้วยนะครับเผื่อท่านสนใจ





ประวัติต้นฉบับเดิมกล่าวไว้ว่า<o></o>

เปิดกรุได้ที่เมืองสวรรคโลก มีคำกล่าวในหนังสือว่าผู้ใดมีไว้ประจำบ้านเรือน มีอานิสงส์ยิ่งกว่าได้สร้างพระเจดีย์ทองคำสูงเทียมเทวโลกและป้องกันภัยต่างๆ ทำมาหากินเจริญฯ<o></o>

ผู้ใดสร้างไว้สวดมนต์ สักการบูชาเป็นกุศลอันยิ่งใหญ่ และจะมีความสุขสิริสวัสดิ์เจริญต่อไปทั้งปัจจุบัน กาลอนาคต ด้วยอำนาจของความเคารพในพระคาถานี้ สร้างเท่าอายุหมดเคราะห์ หมดโศก ทุกประการ<o></o>

หนังสือยอดพระกัณฑ์ไตรปิฏกนี้ มีคำกล่าวไว้ในหนังสือนำว่าศักสิทธิ์ ถ้าผู้ใดสวดมนต์ภาวนาทุกค่ำเช้าแล้ว ผู้นั้นจะไม่ตกอบายภูมิ แม้ได้บูชาไว้กับบ้านเรือนก็ป้องกันภัยอันตรายต่างๆ จะภาวนาพระคาถาอื่นๆ สัก 100 ปี อานิสงส์ก็ไม่เท่าภาวนาพระคาถานี้หนึ่งครั้ง ถึงแม้ว่า อินทร์ พรหม ยม ยักษ์ ที่มีอิทธิฤทธิ์จะเนรมิตแผ่นอิฐเป็นทองคำก่อเป็นพระเจดีย์ ตั้งแต่มนุษย์โลกสูงขึ้นไปจนถึงพรหมโลก อานิสงส์ก็ยังไม่เท่าภาวนายอดพระกัณฑ์ไตรปิฏกนี้และมีคำอธิบายคุณความดีไว้ในต้นฉบับเดิมนั้นอีกหลายประการฯ<o></o>

ต้นฉบับเดิมเปิดกรุได้ที่เมืองสวรรค์โลก เป็นอักษรขอมจารึกไว้ในใบลาน จึงแปลเป็นอักษรไทย หลวงธรรมธิกรณ์(พระภิกษุแสง) ได้มาแต่พระแท่นศิลาอาสน์ มณฑลพิษณุโลก<o></o>

ยอดพระกัณฑ์ไตรปิฏกนี้ ถ้าผู้ใดบริจาคทรัพย์สร้างหนังสือเท่าอายุปัจจุบันของตน จะบังเกิดโชคลาภทำมาค้าขายเจริญ<o></o>

พระคาถายอดพระกัณฑ์ไตรปิฏก​

๑. อิติปิ โส ภะคะวา อะระหัง วัจจะโส ภะคะวา
อิติปิ โส ภะคะวา สัมมาสัมพุทโธ วัจจะโส ภะคะวา<o></o>
อิติปิ โส ภะคะวา วิชชาจะระณะสัมปันโน วัจจะโส ภะคะวา<o></o>
อิติปิ โส ภะคะวา สุคะโต วัจจะโส ภะคะวา<o></o>
อิติปิ โส ภะคะวา โลกะวิทู วัจจะโส ภะคะวา
<o></o>
๒. อะระหังตัง สะระณัง คัจฉามิ<o></o>
อะระหังตัง สิระสา นะมามิ<o></o>
สัมมาสัมพุทธัง สะระณัง คัจฉามิ<o></o>
สัมมาสัมพุทธัง สิระสา นะมามิ<o></o>
วิชชาจะระณะสัมปันนัง สะระณัง คัจฉามิ<o></o>
วิชชาจะระณะสัมปันนัง สิระสา นะมามิ<o></o>
สุคะตัง สะระณัง คัจฉามิ<o></o>
สุคะตัง สิระสา นะมามิ<o></o>
โลกะวิทัง สะระณัง คัจฉามิ<o></o>
โลกะวิทัง สิระสา นะมามิ<o></o>


๓. อิติปิ โส ภะคะวา อะนุตตะโร วัจจะโส ภะคะวา<o></o>
อิติปิ โส ภะคะวา ปุติสะธัมมะสาระถิ วัจจะโส ภะคะวา<o></o>
อิติปิ โส ภะคะวา สัตถา เทวะมะนุสสานัง วัจจะโส ภะคะวา<o></o>
อิติปิ โส ภะคะวา พุทโธ วัจจะโส ภะคะวา<o></o>


๔. อะนุตตะรัง สะระณัง คัจฉามิ<o></o>
อะนุตตะรัง สิระสา นะมามิ<o></o>
ปุริสะธัมมะสาระถิ สะระณัง คัจฉามิ<o></o>
ปุริสะธัมมะสาระถิ สิระสา นะมามิ<o></o>
สัตถา เทวะมะนุสสานัง สะระณัง คัจฉามิ<o></o>
สัตถา เทวะมะนุสสานัง สิระสา นะมามิ<o></o>
พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ<o></o>
พุทธัง สิระสา นะมามิ<o></o>


๕. อิติปิ โส ภะคะวา รูปะขันโธ อินิจจะลักขะณะปาระมี จะ สัมปันโน อิติปิ โส ภะคะวา<o></o>
อิติปิ โส ภะคะวา เวทะนาขันโธ อะนิจจะลักขะณะปาระมี จะ สัมปันโน อิติปิ โส ภะคะวา<o></o>
อิติปิ โส ภะคะวา สัญญาขันโธ อะนิจจะลักขะณะปาระมี จะ สัมปันโน อิติปิ โส ภะคะวา<o></o>
อิติปิ โส ภะคะวา สังขาราขันโธ อะนิจจะลักขะณะปาระมี จะ สัมปันโน อิติปิ โส ภะคะวา<o></o>
อิติปิ โส ภะคะวา วิญญาณะขันโธ อะนิจจะลักขะณะปาระมี จะ สัมปันโน อิติปิ โส ภะคะวา<o></o>


๖. อิติปิ โส ภะคะวา ปะถะวีจักกะวาฬะจาตุมะหาราชิกา ตาวะติงสา ธาตุสัมมาทิยานะ สัมปันโน<o></o>
อิติปิ โส ภะคะวา เตโชจักกะวาฬะจาตุมะหาราชิกา ตาวะติงสา ธาตุสัมมาทิยานะ สัมปันโน<o></o>
อิติปิ โส ภะคะวา วาโยจักกะวาฬะจาตุมะหาราชิกา ตาวะติงสา ธาตุสัมมาทิยานะ สัมปันโน<o></o>
อิติปิ โส ภะคะวา อาโปจักกะวาฬะจาตุมะหาราชิกา ตาวะติงสา ธาตุสัมมาทิยานะ สัมปันโน<o></o>
อิติปิ โส ภะคะวา อากาสะจักกะวาฬะจาตุมะหาราชิกา ตาวะติงสา ธาตุสัมมาทิยานะ สัมปันโน<o></o>


๗. อิติปิ โส ภะคะวา ยามาธาตุสัมมาทิยานะสัมปันโน<o></o>
อิติปิ โส ภะคะวา ตุสิตาธาตุสัมมาทิยานะสัมปันโน<o></o>
อิติปิ โส ภะคะวา นิมมานะระติธาตุสัมมาทิยานะสัมปันโน<o></o>
อิติปิ โส ภะคะวา ปาระนิมมิตตะวะสาวัตถิธาตุสัมมาทิยานะสัมปันโน<o></o>
อิติปิโส ภะคะวา กามาวะจะระธาตุสัมมาทิยานะสัมปันโน<o></o>
อิติปิ โส ภะคะวา รูปาวะจะระธาตุสัมมาทิยานะสัมปันโน<o></o>


๘. อิติปิ โส ภะคะวา ปะถะมะฌานะธาตุสัมมาทิยานะสัมปันโน<o></o>
อิติปิ โส ภะคะวา ทุติยะฌานะธาตุสัมมาทิยานะสัมปันโน<o></o>
อิติปิ โส ภะคะวา ตะติยะฌานะธาตุสัมมาทิยานะสัมปันโน<o></o>
อิติปิ โส ภะคะวา จะตุถะฌานะธาตุสัมมาทิยานะสัมปันโน<o></o>
อิติปิ โส ภะคะวา ปัญจะมะฌานะธาตุสัมมาทิยานะสัมปันโน<o></o>


๙. อิติปิ โส ภะคะวา อากาสานัญจายะตะนะเนวะสัญญานาสัญญายะตะนะอะรูปาวะจะระธาตุสัมมาทิยานะสัมปันโน <o></o>
อิติปิ โส ภะคะวา วิญญาณัญจายะตะนะเนวะสัญญานาสัญญายะตะนะอะรูปาวะจะระธาตุสัมมาทิยานะสัมปันโน<o></o>
อิติปิ โส ภะคะวา อากิญจัญญายะตะนะเนวะสัญญานาสัญญายะตะนะอะรูปาวะจะระธาตุสัมมาทิยานะสัมปันโน<o></o>


๑๐. อิติปิ โส ภะคะวา โสตาปะฏิมัคคะธาตุสัมมาทิยานะสัมปันโน<o></o>
อิติปิ โส ภะคะวา สะกิทาคาปะฏิมัคคะธาตุสัมมาทิยานะสัมปันโน<o></o>
อิติปิ โส ภะคะวา อะนาคาปะฏิมัคคะธาตุสัมมาทิยานะสัมปันโน<o></o>
อิติปิ โส ภะคะวา อะระหัตตะปะฏิมัคคะธาตุสัมมาทิยานะสัมปันโน<o></o>


๑๑. อิติปิ โส ภะคะวา โสตาอะระหัตตะปะฏิผะละธาตุสัมมาทิยานะสัมปันโน<o></o>
อิติปิ โส ภะคะวา สะกิทาคาอะระหัตตะปะฏิผะละธาตุสัมมาทิยานะสัมปันโน<o></o>
อิติปิ โส ภะคะวา อะนาคาอะระหัตตะปะฏิผะละธาตุสัมมาทิยานะสัมปันโน<o></o>


๑๒.กุสะลา ธัมมา อิติปิ โส ภะคะวา อะ อา ยาวะชีวัง พุทธังสะระณังคัจฉามิ<o></o>
ชัมภูทิปัญจะอิสสะโร กุสะลา ธัมมา<o></o>
นะโม พุทธายะ
นะโม ธัมมายะ
นะโม สังฆายะ
ปัญจะ พุทธา นะมามิหัง<o></o>
อาปามะจุปะทีมะสังอังขุ
สังวิธาปุกะยะปะ อุปะสะชะสุเหปาสายะ<o></o>
โส โส สะ สะ อะ อะ อะ อะ นิ เต ชะ สุ เน มะ ภู จะ นา วิ เว อะ สัง วิ สุ โล ปุ สะ ภุ พะ<o></o>
อิ สะวา สุ สุ สะวา อิ กุสะลา ธัมมาจิตติวิอัตถิ


๑๓. อิติปิ โส ภะคะวา อะระหัง อะ อา ยาวะชีวัง พุทธังสะระณังคัจฉามิ<o></o>
สา โพธิ ปัญจะ อิสะโร ธัมมา<o></o>


๑๔. กุสะลา ธัมมา นันทะวิวังโก
อิติ สัมมาสัมพุทโธ สุ คะ ลา โน ยาวะชีวัง
พุทธังสะระณังคัจฉามิ จาตุมะหาราชิกา อิสสะโร กุสะลา ธัมมา
อิติ วิชชาจะระณะสัมปันโน อุ อุ ยาวะชีวัง พุทธังสะระณังคัจฉามิ
ตาวะติงสา อิสสะโร กุสะลา ธัมมา นันทะ ปัญจะ สุคะโต โลกะวิทู
มะ หา เอ โอ ยาวะชีวัง พุทธังสะระณังคัจฉามิ ยามา อิสสะโร กุสะลา ธัมมา<o></o>
พรหมมาสัททะ ปัญจะ สัตตะ สัตตาปาระมี อะนุตระโร ยะมะกะขะ ยาวะชีวัง
พุทธังสะระณังคัจฉามิ<o></o>


๑๕. ตุสิตา อิสสะโร กุสะลา ธัมมา
ปุ ยะ ปะ กะ ปุริสะธัมมะสาระถิ<o></o>
ยาวะชีวัง พุทธังสะระณังคัจฉามิ<o></o>


๑๖. นิมมานะระติ อิสสะโรกุสะลา ธัมมา<o></o>
เหตุโปวะ สัตถาเทวะมะนุสสานัง<o></o>
ตะถะยาวะชีวัง พุทธังสะระณังคัจฉามิ<o></o>


๑๗. ปาระนิมิตตะ อิสสะโร กุสะลา ธัมมา<o></o>
สังขาระขันโธ ทุกขัง อะนิจจัง อะนัตตา<o></o>
รูปะขันโธ พุทธะปะผะ ยาวะชีวัง พุทธังสะระณังคัจฉามิ<o></o>


๑๘. พรหมมา อิสสะโร กุสะลา ธัมมา<o></o>
นัจจิปัจจะยา วินะปัญจะภะคะวะตายาวะนิพพานัง สะระณังคัจฉามิ<o></o>
นะโมพุทธัสสะ นะโมธัมมัสสะ นะโมสังฆัสสะ<o></o>
พุทธิลา โลกะลา กะระกะนา<o></o>
เอเตนะ สัจเจนะ สุวัตถิ โหนตุ<o></o>
หุลู หุลู หุลู สะวาหายะ<o></o>


๑๙. นะโมพุทธัสสะ นะโมธัมมัสสะ นะโมสังฆัสสะ<o></o>
วิตติ วิตติ วิตติ มิตติ มิตติ จิตติ จิตติ อัตติ อัตติ มะยะสุ สุวัตถิโหนตุ <o></o>
หุลู หุลู หุลู สะวาหายะ<o></o>


๒๐. อินทะสาวัง มะหาอินทะสาวัง พรหมมะสาวัง มะหาพรหมมะสาวัง จักกะวัตติสาวัง มะหาจักกะวัตติสาวัง เทวาสาวัง มะหาเทวาสาวัง อิสิสาวัง มะหาอิสิสาวัง มุนิสาวัง มะหามุนีสาวัง สัปปุริสาวัง มะหาสัปปุริสาวัง พุทธะสาวัง ปัจเจกะ พุทธะสาวัง อะระหัตตะสาวัง สัพพะ สิทธิ วิชาธะรานังสาวัง สัพพะโลกา<o></o>
อิริยานังสาวัง เอเตนะ สัจเจนะ สุวัตถิโหตุฯ<o></o>


๒๑. สาวังคุณณัง วะชะพะลัง เตชังวิริยัง สิทธิกัมมัง นิพพานังโมกขังคุยหะกัง<o></o>
ถานังสีลัง ปัญญาณิกขัง ปุญญังภาคะยัง ตัปปังยะสัง สุขัง สิริรูปัง จะตุวิสะติเทสนัง ภาวิสติ เอเตนะ สัจเจนะ สุวัตถิ โหนตุ<o></o>
หุลู หุลู หุลู สะวาหายะ<o></o>


๒๒. นะโม พุทธัสสะ นะโม ธัมมัสสะ นะโม สังฆัสสะ<o></o>
ทุกขัง อะนิจจัง อะนัตตา รูปะขันโธ เวทนาขันโธ สัญญาขันโธ สังขาระขันโธ
วิญญาณะขันโธ นะโม อิติปิ โส ภะคะวา<o></o>


๒๓. นะโม พุทธัสสะ<o></o>
ทุกขัง อะนิจจัง อะนัตตา รูปะขันโธ เวทนาขันโธ สัญญาขันโธ สังขาระขันโธ
วิญญาณะขันโธ นะโม สวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม<o></o>


๒๔. นะโม ธัมมัสสะ<o></o>
ทุกขัง อะนิจจัง อะนัตตา รูปะขันโธ เวทนาขันโธ สัญญาขันโธ สังขาระขันโธ
วิญญาณะขันโธ นะโม สวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม<o></o>


๒๕. นะโม ธัมมัสสะ<o></o>
ทุกขัง อะนิจจัง อะนัตตา รูปะขันโธ เวทนาขันโธ สัญญาขันโธ สังขาระขันโธ
วิญญาณะขันโธ นะโม สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ<o></o>


๒๖. นะโม สังฆัสสะ<o></o>
ทุกขัง อะนิจจัง อะนัตตา รูปะขันโธ เวทนาขันโธ สัญญาขันโธ สังขาระขันโธ
วิญญาณะขันโธ นะโม สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ วาหะปะริตตัง<o></o>


๒๗. นะโม พุทธายะ มะอะอุ<o></o>
ทุกขัง อะนิจจัง อะนัตตา<o></o>
ยาวะ ตัสสะ หาโย<o></o>
นะโม อุอะมะ<o></o>
ทุกขัง อะนิจจัง อะนัตตา<o></o>
อุอะมะ อาหัง วันทามิ<o></o>
นะโม พุทธายะ<o></o>
นะ อะ กะ ติ นิ สะ ระ นะ<o></o>
อา ระ ปะ ขุ ธัง มะ อะ อุ<o></o>
ทุกขัง อะนิจจัง อะนัตตา


(หากมีข้อผิดพลาดประการใด ก็เนื่องมาจากตัวผมเองได้พิมพ์พลาดเอง มิได้มีเจตนาจะเปลี่ยนแปลง บทสวดมนต์ประการใด กราบขอขมา อโหสิกรรม ต่อสิ่งศักดิ์สิทธ์ทั้งปวงหากข้าพเจ้าได้กระทำการใดผิดไปจากต้นฉบับเดิม สาธุ..)

 

เสียงสวดมนต์ครับ นำมาฝากให้ฟังกัน