"หลวงตาโสบิน"พระผู้สร้างตำนาน...บวชเณรฤดูร้อน

ในห้อง 'ข่าวพุทธศาสนา' ตั้งกระทู้โดย คนมีกิเลส, 26 มีนาคม 2008.

  1. คนมีกิเลส

    คนมีกิเลส เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    3,973
    ค่าพลัง:
    +19,431
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="96%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=headnews vAlign=top></TD></TR><TR><TD vAlign=top height=4></TD></TR><TR><TD class=dessubmmenu1><CENTER>[​IMG]</CENTER>

    บรรพชาสามเณรภาคฤดูร้อน เป็นโครงการที่วัดต่างๆ จัดขึ้นในช่วงปิดเทอมใหญ่ คือ ระหว่างปลายเดือนมีนาคม ถึงต้นเดือนพฤษภาคม ส่วนใหญ่มีวัตถุประสงค์หลักๆ คือ เพื่อปลูกฝังให้เยาวชนไทยเกิดความจงรักภักดีต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์

    เพื่อให้เยาวชนไทยได้ศึกษาวิชาการทางพระพุทธศาสนา ทั้งภาควิชาการ และภาคปฏิบัติ และเพื่อเป็นการสนองนโยบายของกรมการศาสนา กรมสามัญศึกษา สำนักงานการประถมศึกษาแห่งชาติ สำนักงานวัฒนธรรมแห่งชาติ กระทรวงศึกษาธิการ และกรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย รวมทั้งเพื่อเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพระบรมวงศานุวงศ์ อื่นๆ

    ความเป็นมาของการบรรพชาสามเณรภาคฤดูร้อน หลวงตาโสบิน โสปาโกโพธิ (โสบิน ส.นามโท) เจ้าอาวาสวัดพุทธเมตตาสว่างรังษี (วังปลาโด) อ.บรบือ จ.มหาสารคาม เล่าให้ฟังว่า โครงการนี้เริ่มขึ้นช่วงปลายปี ๒๕๑๐ จากปัญหาเด็กเกเร โดยเฉพาะลูกนายเหมืองแร่ เป็นปัญหาใหญ่ของ จ.ภูเก็ต ขณะเดียวกัน ในช่วงเวลาดังกล่าว คณะสงฆ์แห่งประเทศลาว ได้นิมนต์ไปเป็นอาจารย์สอนอภิธรรม และวิปัสสนากรรมฐาน ประจำสำนักวัดบุปผาวัสสนาราม นครหลวงพระบาง ผลของการอบรมสั่งสอนทั้งทางด้านอภิธรรมและวิปัสสนากรรมฐาน ได้แพร่หลายไปในราชอาณาจักรลาว จนเป็นที่เลื่อมใสของประชาชนชาวลาวอย่างยิ่ง
    <CENTER>[​IMG]</CENTER>

    ครั้นกลับจากประเทศลาวแล้ว ก็ถูกส่งไปเป็นอาจารย์สอนอภิธรรมและวิปัสสนากรรมฐานที่ จ.ภูเก็ต ทั้งนี้ ได้สร้างโรงเรียนอภิธรรมวิทยากรขึ้น ณ สำนักสงฆ์ศรัทธาประชาธรรม อ.เมือง จ.ภูเก็ต เมื่อสร้างเสร็จ พ.ศ.๒๕๑๑ ได้กราบทูลเชิญ สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี (สมเด็จย่า) เสด็จไปทรงประกอบพิธีเปิดป้ายโรงเรียนอภิธรรมวิทยากร ปัจจุบันคือ วัดนาคาราม อ.เมือง จ.ภูเก็ต
    แรกเริ่มเดิมที ได้เอาเด็กเกเรมาฝึกอบรมปฏิบัติธรรม แต่ทำได้ระยะหนึ่งเด็กก็เริ่มหดหายไปบ้าง จึงเปลี่ยนความคิดว่า ถ้าจับบวชเณร หรือใส่เครื่องแบบสีเหลือง น่าจะป้องกันการหลบหนีได้ ดังนั้น จึงขออนุญาตผู้ปกครอง ซึ่งได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี ขณะเดียวกันก็ได้รับความร่วมมือจากข้าราชการครู โดยเฉพาะ นายมงคล ตันอธิคม ศึกษาธิการอำเภอเมืองภูเก็ต ในขณะนั้น คหบดีในภูเก็ตเป็นอย่างดี รวมทั้ง ดร.ไมตรี บุญสูง ก็ให้การสนับสนุนด้วย

    ครั้งนั้นตั้งใจว่า จะหาให้ครบ ๔๕ รูป ตามอายุพรรษาที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ แต่หาได้กว่า ๔๐ รูปเท่านั้น โดยจัดให้มีการบวชในปี ๒๕๑๒ ระยะเวลา ๔๕ วัน <CENTER>[​IMG]</CENTER>
    การบวชครั้งแรก ได้นิมนต์ สมเด็จพระวันรัต (ปุ่น ปุณฺณสิริมหาเถร) หรือ สมเด็จป๋า วัดพระเชตุพนฯ ไปเป็นพระอุปัชฌาย์
    เมื่อบวชแล้วก็จัดสามเณรออกเป็น ๖ กลุ่ม ตามสีของธงฉัพพรรณรังสี ซึ่งมี ๖ สี โดยจะเลือกเอาเด็กที่เกเรมาอยู่กลุ่มเดียวกัน และใช้หัวหน้ากลุ่มดูแลกันเอง โดยมีพระพี่เลี้ยง ครู รวมทั้งผู้ปกครอง ร่วมดูแลอีกชั้นหนึ่ง

    ส่วนที่พัก ให้กางกลดเป็นกลุ่มๆ คล้ายๆ กับการเข้าค่ายลูกเสือ ส่วนกิจวัตรประจำวันนั้น เริ่มจากออกบิณฑบาตในตอนเช้า สวดมนต์ วิปัสสนากรรมฐาน ทั้งนี้ จะให้อยู่สำนักเพียง ๓ วันเท่านั้น หลังจากนั้นก็ออกเดินธุดงค์ไปพักตามวัด ตามป่าช้า ตามโรงเรียนต่างๆ รวมทั้งบริเวณใกล้เคียง เมื่อไปถึงที่ใดก็จะพัฒนาสถานที่นั้นๆ โดยเฉพาะเรื่องความสะอาด ในที่สุดก็ได้ชื่อว่า สามเณรพัฒนา
    <CENTER>[​IMG]</CENTER><CENTER> </CENTER>
    "กิจกรรมของสามเณรพัฒนา ที่สามารถสยบความเกเรของเด็กได้เป็นอย่างดี คือ การปักกลดนอนกลางป่าช้า โดยเฉพาะป่าช้าที่ขึ้นชื่อว่า ผีดุ เณรจะตั้งใจสวดมนต์เป็นอย่างยิ่ง ขณะเดียวกัน ก็จะพาสามเณรไปทัศนาจรวัดต่างๆ ที่สำคัญในกรุงเทพฯ ส่วนกิจกรรมสุดท้ายก่อนสึก คือ การไปกราบท่านพุทธทาส ที่สวนโมกข์ จ.สุราษฎร์ธานี สร้างความประทับใจให้สามเณรได้เป็นอย่างดี เมื่อสึกไปแล้ว สามารถเปลี่ยนพฤติกรรมเด็กได้เกือบ ๑๐๐%" หลวงตาโสบิน กล่าว
    พร้อมกันนี้ หลวงตาโสบิน ยังบอกด้วยว่า ในปีถัดมา จำนวนเด็กที่มาบวชในโครงการบวชสามเณรพัฒนาเพิ่มขึ้นประมาณ ๗๐-๘๐ คน จากนั้นโครงการก็ดำเนินต่ออีก ๒ ปี ไม่ได้รับการสานต่อ เพราะ พระพิมลธรรม (ชอบ อนุจารีมหาเถร) ซึ่งเป็นประธานกรรมการฝ่ายสงฆ์ จัดสร้างวัดไทยในสหรัฐอเมริกา ได้พิจารณาจัดส่งพระภิกษุไปปฏิบัติศาสนกิจ และสร้างวัดไทยขึ้น จึงคัดเลือกหลวงตาโสบินเป็นหัวหน้าคณะ พร้อมด้วยพระสงฆ์อีก ๔ รูป ซึ่งน่าจะได้อานิสงส์จากความสำเร็จของโครงการบวชสามเณรพัฒนา ไปดำเนินการสร้างวัดไทย และเผยแผ่พระพุทธศาสนา ณ มลรัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งเป็นวัดไทยแห่งแรกในสหรัฐอเมริกา
    อย่างไรก็ตาม แม้ว่าโครงการบวชสามเณรพัฒนาไม่ได้รับการสานต่อที่ภูเก็ต แต่กลับมาได้รับการสานต่อที่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี โดย พระเทพกิตติปัญญาคุณ หรือที่รู้จักกันดีในนาม กิตฺติวุฑโฒ ภิกฺขุ สำนักจิตตภาวันวิทยาลัย นำโครงการดังกล่าวมาดำเนินการ และอีกประมาณ ๓-๔ ปี ก็เกิดโครงการบวชชาวเขา โดย วัดเบญจมบพิตร เพื่อดึงชาวเขามานับถือพุทธศาสนา ก่อนที่กรมการศาสนา กระทรวงศึกษาธิการ จะนำมาเป็นโครงการบวชสามเณรภาคฤดูร้อน จนเป็นแบบอย่างให้วัด หรือสำนักต่างๆ มีการจัดบรรพชาสามเณรภาคฤดูร้อน เป็นประเพณีสืบมาจวบเท่าทุกวันนี้


    <CENTER>[​IMG]</CENTER><CENTER> </CENTER>
    ทั้งนี้ หลวงตาโสบิน พูดถึงการจัดโครงการบรรพชาสามเณรภาคฤดูร้อนไว้อย่างน่าคิดว่า "การบวชเณรฤดูร้อนส่วนใหญ่วัดทำได้ดี แต่ก็มีวัดจำนวนไม่น้อยจัดโครงการตามแฟชั่นสมัยนิยม บวชเพื่อเอางบประมาณ บวชเพื่อเอาทุน บวชเพื่อเอาผลงาน มากกว่าที่จะบวชเพื่อจะอบรมและสร้างเด็กให้มีคุณภาพ ซึ่งอาจจะพูดได้ว่า บวชเอาปริมาณ มากกว่าบวชเพื่อเน้นคุณภาพ โดยเฉพาะโครงการบวช ๗-๑๐ วัน เด็กเกือบจะไม่ได้อะไรเลย ถ้าจะให้ดีควรจะจัดโครงการอย่างน้อยไม่ต่ำกว่า ๓๐ วัน ถึงจะขึ้นชื่อว่า ได้เรียนรู้พุทธศาสนาและศีลธรรมครบรอบด้าน"
    ---------/ล้อมกรอบ/----------
    ความหมายของการบวช
    พระธรรมกิตติวงศ์ (ทองดี สุรเตฌช ป.ธ.๙, ราชบัณฑิต) อธิบายความหมายไว้ในพจนานุกรม เพื่อการศึกษาพุทธศาสน์ชุด "คำวัด" ได้ให้ความหมายของคำว่า บรรพชา อ่านว่า บัน-พะ-ชา หรือ บับ-พะ-ชา แปลว่า การงดเว้นจากความชั่ว หมายถึง การเป็นนักบวช นั่นเอง
    เดิมทีนั้น หมายถึงการบวชเป็นนักบวชทั่วไป เช่น เจ้าชายสิทธัตถะเสด็จออกบรรพชา สาวกบรรพชา และเรียกนักบวชว่า บรรพชิต แต่ในสมัยปัจจุบัน คำนี้ใช้เรียกเฉพาะการบวชเป็นสามเณรเท่านั้น
    ส่วนการบวชพระเรียกว่า อุปสมบท อ่านว่า อุ-ปะ-สม-บด หรือ อุบ-ปะ-สม-บด แปลว่า การเข้าถึง คือการบวช เป็นศัพท์ที่ใช้เฉพาะทางพุทธศาสนา โดยในปัจจุบันหมายถึงการบวชเป็นภิกษุและภิกษุณี เรียกเต็มๆ ว่า อุปสมบทกรรม หรือ อุปสัมปทา ซึ่งถือว่าเป็นสังฆกรรมอย่างหนึ่ง เป็นพิธีการคัดเลือกบุคคลเข้ามาเป็นศาสนทายาทในพระพุทธศาสนา
    ทั้งนี้ พระพุทธเจ้าทรงวางหลักเกณฑ์ ระเบียบปฏิบัติไว้รัดกุม และละเอียดมาก เพื่อให้ได้ศาสนทายาทที่ดี ไว้สืบสานพระพุทธศาสนา
    ส่วนอีกคำหนึ่ง คือ เนกขัมมะ หรือ เนขขัม แปลว่า การออก การออกบวช ความไม่มีกิเลส ใช้ว่า เนกขัม ก็มี หรือเรียกว่า บวชเนขัมมะ ก็มี นอกจากนี้ยังหมายถึง การละเหย้าเรือนออกไปเป็นนักบวช การละชีวิตทางโลกไปสู่ชีวิตอันบริสุทธิ์ เป็นการปลดเปลื้องตนจากโลกีวิสัย ไปบำเพ็ญเพียรเพื่อความปลอดจากราคะ และตัณหา ปกติแล้วใช้เรียกการออกบวชของนักบวชทุกประเภท โดยใช้ได้ทั้งชายและหญิง


    0 เรื่อง / ภาพ ไตรเทพ ไกรงู 0


    ขออนุโมทนาสาระธรรมจากhttp://www.komchadluek.net/2008/03/26/x_phra_j001_195712.php?news_id=195712


    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  2. MBNY

    MBNY Administrator ทีมงาน Administrator

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2003
    โพสต์:
    6,861
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +22,507
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=2 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD align=right></TD></TR></TBODY></TABLE><HR>หลวงตาโสบิน พระธรรมทูตผู้บุกเบิกวัดไทยในอเมริกา


    [​IMG]


    ด้วยวัย 75 ปี (เมื่อปี พ.ศ.2549) ของ
     
  3. โสภา จาเรือน

    โสภา จาเรือน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    2,013
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +3,332
    อนุโมทนสาธุค่ะ
    ธรรมะของพระพุทธเจ้าเป็น อกาลิโก
    ปฏิบัติได้ทุกยุคทุกสมัย ไม่มีกาล ไม่มีสมัย เป็น
    โอปนยิโกเป็นธรรมที่พึงน้อมเข้ามา ก็คือน้อมใจเข้ามาสู่ธรรม
    หรือน้อมธรรมเข้ามาสู่ใจ ฯลฯ
     
  4. เฮียปอ ตำมะลัง

    เฮียปอ ตำมะลัง ทุกสิ่งจบสิ้นลงด้วยความตาย วุ่นวายทำไม ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    24,969
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +91,130
    อ นุ โ ม ท น า ส า ธุ...เป็นบุญกุศลของเด็กครับ มาเจอหลวงตาโสบิน
     
  5. นักปราชญ์น้อย

    นักปราชญ์น้อย สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    17
    ค่าพลัง:
    +0
    ขออนุโมทนากับหลวงพ่อที่ทำให้คนรู้จักประเทสไทย และคุณงามความดีที่หลวงพ่อได้ ขออนุโมทนาสาธุนะครับ
     
  6. คนมีกิเลส

    คนมีกิเลส เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    3,973
    ค่าพลัง:
    +19,431
    ในอดีตสามเณรบรรลุเป็นพระอรหันต์ก็มีมาแล้ว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 มิถุนายน 2008
  7. บุษบากาญจ์

    บุษบากาญจ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2007
    โพสต์:
    9,476
    ค่าพลัง:
    +20,271
    อนุโมทนา กับหลวงพ่อที่เป็นผู้นำทางให้เยาวชนปฏิบัติดีปฏิบัติชอบค่ะ สาธุ สาธุ สาธุ
     
  8. อกนิษฐกา

    อกนิษฐกา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    219
    ค่าพลัง:
    +117
    สาธุ สาธุ เป็นเครื่องยืนยันว่าศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำโลก ทุกชาติ ทุกภาษา ทุกศาสนาจะสามารถเข้าถึงสัจจธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าได้ เพราะคำสอนของพระองค์คือสัจจธรรมประจำโลกนั่นเอง ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค
    ถ้ายังมีผู้ศึกษาและปฏิบัติในอริยะมรรคมีองค์๘อยู่ โลกนี้จะไม่ว่างจากพระอรหันต์ เพียงแต่ว่าถ้ามีผุ้ศึกษาและปฏิบัติในอริยะมีองค์๘อยู่ในต่างประเทศเป็นส่วนมากเสียแล้ว ต่อไปเราคนไทยคงต้องไปศึกษา ไปเรียนรุ้ปฏิบัติกันในต่างแดนอันแสนไกลก็ไม่รุ้นะ ถ้าเรามัวแต่สนใจแต่ประณีไม่สนใจแก่นแท้แห่งธรรม
     
  9. ราศีสิงห์

    ราศีสิงห์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    815
    ค่าพลัง:
    +2,118
    [​IMG]เคยบวชภาคฤดูมาเหมือนกันโครงการนี้เป็นประโยชน์กับเยาวชนมาก ๆ อนุโมทนาครับ
     
  10. kosabunyo

    kosabunyo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    274
    ค่าพลัง:
    +1,045
    จริงครับ ผมเคยไปอยู่กับท่านพระอาจารย์โสบิน ที่พุทธอุทยาน ทางเข้าแก่งกะเบา มุกดาหาร และที่วัดศิริพงษ์ธรรมนิมิต ด้วย เจอท่านครั้งแรกที่นั้น บุญบารมีที่ข้าพเจ้าได้บำเพ็ญมา ขอมอบให้แด่ท่านพระอาจารย์ ถ้าหากมีการล่วงเกินด้วย กาย วาจา ใจ ขอให้ท่านอโหสิกรรมให้กระผมด้วยครับ (ลูกศิษย์)
     
  11. dangcarry

    dangcarry เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2005
    โพสต์:
    1,396
    ค่าพลัง:
    +4,307
    ขอบคุณสำหรับความรู้ใหม่ที่ได้รับ ความเป็นมาของการบวชเณรภาคฤดูร้อน
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  12. หะธะโยคี

    หะธะโยคี Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    41
    ค่าพลัง:
    +56
    อัปปมาโณ พุทโธ อัปปมาโณ ธัมโม อัปปมาโณ สังโฆ

    จิรัง ติฏฐตุ สัทธัมโม

    สาธุ สาธุ สาธุ
     
  13. SaveMax

    SaveMax เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    172
    ค่าพลัง:
    +578
    วันนี้ข้าพเจ้าได้ตามเพื่อนธรรมไปที่วัดศิริพงศ์ ซอยวัชรพล ถนนรามอินทรา และได้สนทนาธรรมกับท่านอธิบายเรื่องจิต รูป-นาม รูปหมายถึงสิ่งที่ถูกรู้ นามหมายถึงผู้รู้ และให้รู้อยู่ที่ปัจจุบันดำเนินชีวิตโดยใช้สติเป็นตัวนำ และจะทำการใดๆให้สำเร็จให้ใช้พละ 5 (ศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ และปัญญา) ให้สมดูลย์ โดยมีสติเป็นตัวนำ
     

แชร์หน้านี้

Loading...