พระโพธิสัตว์ท่านใด ที่สามารถโปรดคนที่ตกโลกันตนรกได้บ้างครับ

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย ณฉัตร, 9 เมษายน 2018.

  1. ณฉัตร

    ณฉัตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2015
    โพสต์:
    633
    ค่าพลัง:
    +790
    กรณีแรก เผอิญว่า ญาติของคนรู้จัก ฆ่าตัวตาย เราก็ทำกรรมฐานแผ่เมตตาให้ แต่ไม่สัมผัสอะไรได้เลย แปลกกว่าการตายกรณีอื่นที่เราเคยพอจะสัมผัสได้ พอไปอ่านเรื่องที่พระท่านเทศก์สอน ท่านบอกว่า คนฆ่าตัวตาย ตกนรกโลกันต เลยระลึกได้ว่า เคยอ่านว่า นรกนี้มืดมิดมาก พระพุทธเจ้าอุบัติคราหนึ่ง จึงมีแสงสว่างประดุจฟ้าแลบอยู่แว่บหนึ่ง

    กรณีสอง แต่เคยได้ยินคนทำกรรมฐานมโนมยิทธิ เค้าเราให้ฟังว่า เห็นในมโน ว่า คนฆ่าตัวตายอีกคน ไปภพภูมิใหม่แล้ว ทั้งที่เวลาผ่านไปไม่ถึง ๑๐ ปี

    สรุปว่า หนึ่ง คนฆ่าตัวตายที่จะลงนรกโลกันต หรือไม่ ขึ้นอยู่กับขนาดของความหลงผิด หรือว่าคนฆ่าตัวตายทุกกรณีต้องลงนรกโลกันต

    สอง บุคคลทำกุศล ขนาดไหน กรรมฐานแบบใด ระดับสมาธิระดับใด จึงจะแผ่เมตตาให้คนที่ตกนรกโลกันตได้ และมีข้อยกเว้นไหมว่า ญาติใกล้ชิดขนาดไหนจึงจะได้ผลมากกว่าบุคคลประเภทอื่น

    ปล. โดยส่วนตัวที่พบการตายของบุคคลที่ผมกล่าวถึงกรณีหนึ่ง จิตผมเหมือนรู้ว่า อันนี้ ขาดสูญมาก หมดหนทาง แต่อยากทราบว่า ท่านพระโพธิสัตว์ท่านใดพอจะทราบวิธีโปรด จะได้บอกวิธีแก่ญาติได้ตรงทางและละเอียด มากกว่าแค่ทำกรรมฐานและแผ่เมตตาครับ
     
  2. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,310
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,113
    ค่าพลัง:
    +70,459
    เคยมีฆราวาสท่านหนึ่งที่ทรงวิชชาธรรมกายระดับสูงพอสมควร
    แม่ท่านเป็นคนต่างศาสนา ปรามาสพระรัตนตรัย และมีจิตหลงในคำสอนของศาสนาหนึ่งที่เป็นอกุศลอย่างมาก

    พอมารดาท่านกายเนื้อแตกดับ ท่านก็อาศัยญาณพระธรรมกายตรวจ พบว่ามารดา ไม่ได้อยู่ในภพสาม ด้วยอำนาจอกุศลอันแรงกล้าของแม่ ทำให้แม่ถูกอายตนะโลกันต์ดึงดูดไปอยู่บริเวณขอบๆ

    ด้วยความกตัญญู ท่านเพียรพยายามช่วยสุดกำลัง ขณะจะพลาด ก็มีพระสงฆ์ที่ทรงวิชชาธรรมกายของแท้ มาบอกวิธีขณะเจริญกรรมฐานและช่วยท่านเจริญวิชชาจนช่วยแม่ท่านมายังสวรรค์ชั้นต้นได้ โดยให้แม่รับไตรสรณคมน์

    ครั้งนี้ช่วยได้ เพราะลูกเอาชีวิตที่สร้างบุญบารมีมาทั้งชีวิตเข้าช่วยและได้ครูดี
     
  3. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,310
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,113
    ค่าพลัง:
    +70,459
    ทั้งครูและศิษย์เป็นผู้มีศีล สมาธิ ปัญญา อันบริสุทธ์ ได้กราบเรียนถามพระบรมครูแห่งพระรัตนตรัยแล้วว่าพอมีโอกาสช่วย ก็พยายามช่วยเต็มที่ ผ่านสายเลือดคือลูกผู้กตัญญูและเจริญศีลสมาธิปัญญาอย่างเต็มที่

    ถ้ากราบเรียนถามพระบรมครูแล้วว่าช่วยไม่ได้ เพราะ...ฯลฯ หากจะฝืนช่วย
    ก็ลองดู แต่ให้รู้วิธีรักษาตัวไม่ให้ตกต่ำจากมาตรฐานจิตที่ทรงไว้ดีแล้ว
     
  4. ณฉัตร

    ณฉัตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2015
    โพสต์:
    633
    ค่าพลัง:
    +790
    ขอบคุณครับ คิดว่า ควรแนะนำทีเดียว เพราะญาติที่เหลือที่มาทางพุทธมีคนเดียว เป็นพี่สาว แต่ทราบว่า เค้ามีพระคุ้มครองอยู่ มีอาจารย์เบื้องสูงอยู่ คงจะให้ลองลางานไปเข้าศีลอุโบสถ อย่างน้อย ๗ วัน แล้วค่อยทำไปเรื่อยตามกำลังของเค้าครับ
     
  5. ณฉัตร

    ณฉัตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2015
    โพสต์:
    633
    ค่าพลัง:
    +790
    ที่ว่า วิชชาธรรมกาย
    คือ ถ้าผมฝึกจนถึงระดับหนึ่ง จนเกิดกายในกาย ขึ้นมา นอกจากเราแผ่เมตตาไว้แล้ว เราต้องใช้กายนี้ลงไปที่โลกันตนรกด้วยใช่ไหมครับ

    อันนี้ ไม่ใช่มโน ที่ไปด้วยใจอย่างเดียว แต่ไปด้วยกายในกายด้วยจริงๆ

    ใครพอมีประสบการณ์ตรงนี้ เพราะผมเคยฝึกได้ แต่กายในไม่เคยออกไปครับ อาจจะเพราะคงสภาวะนั้นได้ไม่นานพอ หรือเพราะไม่ได้ตั้งจิตกำหนดไว้

    ถ้าใครเคยลงนรกแบบนี้ มีวิชชาใดคุ้มครองบ้าง และความเสี่ยงหรือภัยในการนี้ มีมากแค่ไหน อย่างไรครับ
     
  6. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,310
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,113
    ค่าพลัง:
    +70,459
    *****************************************************************
    พระคุณของครู

    เรื่องที่จะกล่าวต่อไปนี้ เป็นประสบการณ์ที่เกิดขึ้นจริงของข้าพเจ้า มิได้ต้องการให้เป็นการโอ้อวด แต่มีวัตถุประสงค์ที่สำคัญยิ่ง 2 ประการ คือ

    ประการแรก เพื่อให้เป็นการแลกเปลี่ยนความรู้ประสบการณ์ที่ได้จากการปฏิบัติธรรมจริงๆ เพื่อให้ผู้อื่นที่ได้ปฏิบัติเข้าถึงและพบปัญหาแบบเดียวกันเข้าใจ สามารถแก้ไขตนเองได้ทัน เพราะบางทีปัญหาเกิดขึ้นเมื่อไม่มีครูบาอาจารย์อยู่ด้วย ถ้าตนเองไม่รู้เรื่องไม่เข้าใจ ก็อาจแก้ปัญหาไม่ถูกต้องตามแนวทาง ทำให้เกิดผลเสียหนักขึ้นได้ การทำวิชชาชั้นสูงที่ละเอียดมากๆ ต้องระวังอย่างยิ่ง ความผิดพลาดเพียงเล็กน้อย อาจทำให้เกิดผลเสียหายอย่างร้ายแรง ที่ไม่อาจแก้คืนหรือแก้คืนได้ยาก เช่น อาจพลาดแล้วถูกภาคมาร (กิเลสมาร) ยึดสุดละเอียดไป ทำให้หลง ไม่เห็นกิเลสละเอียด ทำให้กาย วาจา ใจ เบี่ยงเบนไปจากธรรมฝ่ายสัมมาทิฏฐิไปทีละน้อย จนไม่รู้สึกตัว แล้วจะถูกทำลายธาตุธรรมไปในที่สุด

    ประการที่สอง เป็นการยืนยันว่าธรรมกายเป็นของจริง ขอให้ท่านผู้อ่านทั้งหลายที่เป็นลูกศิษย์ของหลวงป๋า ทราบและมั่นใจได้เลยว่า วิชชาธรรมกายที่หลวงป๋าสอน ตามพระเดชพระคุณ หลวงพ่อวัดปากน้ำ (สด จนฺทสโร) นั้น เป็นธรรมะของจริงขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และเมื่อปฏิบัติถูกต้องแล้ว ย่อมได้ผลจริง

    ขอพวกเราจงภูมิใจเถิดว่า เรานั้นไม่เสียชาติเกิดเลย ที่ได้มาเป็นลูกหลานของหลวงป๋า เพราะการสอนของท่าน เปิดใจกว้างเสมอ ไม่เคยปิดบังวิชชา เรียกว่าเปิดกันจนหมดตัวหมดใจเลยทีเดียว แต่เฉพาะศิษย์กับครูเท่านั้นนะ ท่านถึงจะให้เห็น เพราะท่านถือว่าจำเป็นในการสอน เพื่อที่ศิษย์จะได้เข้าใจถูกต้อง ครบถ้วน ตามจริง ไม่ถือว่าเป็นการอวดอุตตริมนุสสธรรม ถือว่าเป็นการสอน

    ทุกครั้ง ในการสอนธรรมะ ข้าพเจ้าเห็นกายของท่านใสเป็นแก้ว ฉัพพรรณรังสีปกคลุมไปทั่วบริเวณลานธรรม บางครั้งเห็นมีอาสนะเป็นพญานาค 7 เศียร นั่นหมายถึงท่านเป็นธาตุธรรมที่แท้จริงขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า รัศมีที่เปล่งออกมาหมายถึงความเมตตาต่อสัตว์โลกทั้งหลาย ไม่เคยแบ่งว่าใครเป็นพระหรือมาร และข้าพเจ้าเห็นด้วยตัวเองว่า เมื่อถึงตอนแผ่เมตตาด้วยความบริสุทธิ์ใจของท่าน แม้แต่ไฟนรกยังดับ ทั่วทั้งจักรวาลมีแต่เสียงสาธุ นี่คือการสอนธรรมะในแต่ละครั้งของท่าน เพราะฉะนั้นที่วัดหลวงพ่อสดฯ ซึ่งท่านเป็นเจ้าอาวาสทำวิชชาทุกวันตลอดเวลา (เรียกว่า วิชชาเป็น) ที่นั่นจึงเป็นศูนย์รวมแห่งความศักดิ์สิทธิ์ เพราะทุกอณูของวัดหลวงพ่อสดฯ เป็นเหมือนเกล็ดเพชรระยิบระยับอยู่เต็มพื้นที่ แต่เมื่อดูด้วยตาธรรมกายแล้ว จะเห็นเป็นองค์พระมากกว่าเมล็ดทรายในท้องมหาสมุทรเสียอีก

    จากจุดเริ่มต้นในวิชชาชั้นสูง ที่หลวงป๋าเปิดใจให้กับศิษย์ซึ่งมีความรู้แค่หางอึ่ง ยังไม่ลึกซึ้งในวิชชาธรรมกายเท่าไรนัก จึงทำให้ข้าพเจ้าผู้ที่เป็นคนที่นับถือศาสนาอื่นมาก่อน เริ่มศรัทธาในศาสนาพุทธ และด้วยความเมตตาที่ท่านมีให้แก่ศิษย์ ท่านจะคอยประคับประคองในเรื่องวิชชา ไม่ให้เดินออกนอกลู่นอกทาง

    อยู่มาวันหนึ่งข้าพเจ้าเกิดสงสัยขึ้นมาว่า ทำไมทุกครั้งที่นั่งธรรมะเสร็จแล้ว แผ่เมตตา ไม่เคยเห็นพ่อแม่ ญาติพี่น้องของเราที่เสียชีวิตไปแล้วมาอนุโมทนาบุญเลย จึงกราบเรียนให้ท่านทราบ ท่านก็ให้ความกระจ่างมาว่า เขาเป็นมิจฉาทิฏฐิ ไปอยู่สุดขอบจักรวาลโน่น วิธีช่วยน่ะมี แต่การช่วยคนนอกศาสนา ไม่เหมือนกับช่วยชาวพุทธที่อยู่ในนรกนะ เพราะต้องแลกด้วยบุญบารมี (หมายถึงบุญบารมีของท่านที่สร้างมา จะต้องถูกตัดทอนลดลงไป) ฉะนั้นให้เลือกมา 1 คน จะเอาใคร ข้าพเจ้าก็ขอเลือกแม่ ท่านเริ่มทำสมาธิ ให้ข้าพเจ้าทำสมาธิตามไปด้วย ในระหว่างที่เดินวิชชาอยู่นั้น จะเห็นท่านเดินนำหน้าไปคอยอยู่แล้ว เราก็เข้ากลางตามท่านไป ความรู้สึกเวลานั้นไม่เหมือนกับนั่งสมาธิแล้ว เหมือนกับว่าเข้าไปในมิติของแดนสนธยาเลย ยิ่งเดินก็ยิ่งมืด เห็นแต่หลวงป๋าองค์เดียว เพราะรัศมีกายท่านสว่างมาก แต่บริเวณนั้นมืดหมด ในที่สุดท่านก็บอกว่า ถึงแล้วนะ ให้เรียกชื่อแม่ 3 ครั้ง ท่านว่าแม่มาแล้ว ข้าพเจ้ามองไปที่เท้าของหลวงป๋า เห็นแม่นั่งยองๆ ผิวหนังขาดวิ่น ผมเป็นกระเซิง เห็นสภาพของแม่แล้วน้ำตาไหลด้วยความสงสาร เสียงหลวงป๋าดังขึ้นทันที เข้ากลางเอาไว้ เพราะจิตเริ่มส่าย ภาพของแม่เริ่มเลือนๆ ถ้าคุมสติไม่อยู่ คงต้องเริ่มต้นกันใหม่ เข้ากลางอยู่พักหนึ่ง เมื่อใจเริ่มเป็นปกติ ท่านก็ให้เรียกแม่อีก ครั้งแรกแม่ทำท่าตกใจเมื่อเห็นข้าพเจ้า เพราะเราเป็นองค์พระอยู่ หลวงป๋าให้เรียกแล้วให้บอกว่าเราเป็นลูกชื่ออะไร เมื่อแม่จำได้ก็ร้องไห้ ขออธิบายเรื่องความจำของแม่สักนิด คนที่ตายไปแล้ว ถ้าสมัยมีชีวิตอยู่ไม่เคยฝึกสมาธิ ตายไปก็จำอะไรไม่ได้ เหมือนกับที่เราเกิดมาจากไหน เป็นอะไรมาก่อน เราก็ไม่รู้ ต้องมาฝึกสมาธิถึงจะรู้อดีตได้ แต่ที่แม่จำได้ก็เพราะหลวงป๋าคุมอยู่ตลอดเวลา ในที่สุดท่านก็ให้แม่รับไตรสรณาคมน์ โดยการให้ข้าพเจ้าเข้ากลาง แล้วถ่ายทอดเสียงของหลวงป๋าไปยังแม่ เมื่อแม่รับไตรสรณาคมน์แล้วก็กราบ 3 หน เป็นการยอมรับในบวรพระพุทธศาสนา แล้วหลวงป๋าก็ใช้ให้จักรแก้วเป็นพาหนะ ส่งแม่ไปยังสวรรค์ ก็ช่วยได้แค่ดาวดึงส์เท่านั้น เพราะบุญของแม่มีน้อย แถมยังทำบุญกับศาสนาของตัวเองโดยการฆ่าสัตว์ใหญ่ ตามความเชื่อของบรรพบุรุษว่า เมื่อตายไปจะได้ขี่วัวขี่แพะ ขึ้นสวรรค์ไม่ต้องเดินให้ลำบาก เพราะความเมตตาของหลวงป๋าในครั้งนั้น ทำให้ข้าพเจ้าซาบซึ้งในความกรุณาของท่านเป็นยิ่งนัก จะไม่มีวันลืมพระคุณของท่านได้เลยในชาตินี้ จึงขอมอบกายถวายชีวิตแด่บวรพระพุทธศาสนาตราบเท่าชีวิตจะหาไม่และทุกภพทุกชาติไป ตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพาน

    ... ท่านเคยบอกว่า จำไว้นะ เมื่อเป็นคนของหลวงพ่อแล้ว (หมายถึง หลวงพ่อสด) ท่านจะไม่ทิ้ง เพราะถ้าหลงไปตามสิ่งที่มารเขานำมาล่อ จะถูกภาคมารยึดสุดละเอียด หลังจากนั้นเขาจะให้ความสมบูรณ์ทุกอย่าง เป็นต้นว่า ทรัพย์สมบัติหรืออะไรต่อมิอะไรก็ได้ทั้งนั้น เพื่อทำให้เราหลง แต่พอหมดประโยชน์กับเขาแล้ว ทีนี้แหละ ความเดือดร้อนนานัปการจะทับทวีเป็น 10 เท่า 100 เท่าเลยทีเดียว ได้ยินเช่นนั้นแล้ว ความเชื่อมั่น ความศรัทธาต่อวิชชาธรรมกาย เปี่ยมล้นขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ชี้ให้เห็นถึงความเอาใจใส่ของหลวงป๋าที่มีต่อศิษย์ ถ้าเราตั้งใจทำวิชชา ทีนี้ทุกครั้งที่นั่งต่อหน้าท่าน ก็ต้องระวังตัว ไม่กล้ากระดิกใจออกนอกลู่นอกทางเด็ดขาด ท่านจะพูดกับข้าพเจ้าเสมอว่า จงร่วมกันสร้างบารมี

    ท่านผู้ท่านที่รักทั้งหลาย ความลับของหลวงป๋าในธาตุธรรมขององค์ต้นของหลวงพ่อสด ยังมีอีกมากมาย ท่านที่เป็นลูกศิษย์ทั้งหลายจงรีบตักตวงวิชชาให้มากที่สุดเมื่อท่านยังมีชีวิตอยู่ อย่าให้ต้องเสียใจภายหลังเมื่อไม่มีท่านแล้ว ความเป็นธาตุธรรมที่แท้จริงนั้น เปรียบเสมือนความศักดิ์สิทธิ์ ฉะนั้นใครก็ตามที่คิดไม่ดี ทั้งกาย วาจา ใจ ต่อท่าน ขอบอกได้เลยว่า ท่านผู้นั้นเมื่อตายไป มีที่อยู่แน่นอนคือนรกภูมิ จะเป็นขุมไหนก็เลือกได้ตามสบายเลย เผลอๆ ยังไม่ทันจะตาย กรรมก็ตามทันเสียแล้ว พิสูจน์กันเอาเองก็แล้วกัน ผู้ทำวิชชาจะรู้ดีว่า อาจารย์ของเขาเป็นอย่างไร

    พูดถึงเรื่องรู้จิตรู้ใจ มีเรื่องขำๆ หลายเรื่อง จะเล่าให้ท่านผู้อ่านทราบสัก 2 เรื่อง เรื่องแรกมีอยู่ว่า ครั้งหนึ่ง ท่านเล่าถึงชีวิตฆราวาส สมัยหนุ่มๆ ท่านทำกับข้าวเก่ง ตำน้ำพริกก็เก่ง น้ำพริกใส่อะไรท่านตำอร่อยทั้งนั้น เราก็คิดในใจ เก่งจังเลย เราเป็นผู้หญิงแท้ๆ ตำเป็นแต่น้ำพริกกะปิ แต่เราก็ตำอร่อย เสียงท่านหัวเราะแล้วบอกว่า เออ น้ำพริกกะปิเอ็งอร่อย ข้าพเจ้าหยุดคิดทันที ทับทวีองค์พระอย่างเดียวเลย

    เรื่องที่สอง มีครั้งหนึ่งนั่งรถจากกรุงเทพฯ ไปวัดหลวงพ่อสดฯ กับท่าน พอรถเลี้ยวเข้าวัด พญานาคองค์ใหญ่ที่ดูแลวัดหลวงพ่อสดฯ อยู่ ก็ขึ้นมาล้อมโบสถ์ ข้าพเจ้าเห็นแล้วไม่กล้าพูด กลัวจะโดนดุ เพราะมีทั้งพระทั้งโยมเต็มรถ หลวงป๋าพูดขึ้นมาลอยๆ ว่า “ไอ้นิด พรรคพวกเขาขึ้นมาต้อนรับ” แล้วท่านก็ชี้มือไปทางโบสถ์ คนในรถเป็นงงที่อยู่ดีๆ หลวงป๋าพูดขึ้นมาลอยๆ ถามกันใหญ่ อะไรอยู่ไหน ท่านหัวเราะชอบใจ พญานาคที่ปรากฏนั้นเป็นกายละเอียด ผู้ที่ไม่มีตาในจึงไม่เห็น

    เรื่องต่างๆ ที่เล่ามา เป็นเรื่องที่ข้าพเจ้าประสบมากับตัวเองในปีแรกเท่านั้น ปัจจุบัน 10 ปีแล้วที่อยู่ในสำนักนี้มา ไม่รู้จะอธิบายเป็นคำพูดได้อย่างไร ถึงความเชื่อมั่นและศรัทธาในวิชชาธรรมกายขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดปากน้ำ (สด จนฺทสโร) นำมาสอน แล้วหลวงป๋านำมามาถ่ายทอดต่อ ที่เป็นของจริง พิสูจน์ได้ แม้องค์พระธรรมกายก็สัมผัสได้

    ครั้งหนึ่ง เมื่อข้าพเจ้าทำวิชชาชั้นสูง เข้าไปในธาตุธรรมสุดละเอียด ของพระเดชพระคุณหลวงพ่อสด ได้ยินเสียงของท่านดังขึ้นมาว่า “ผู้ที่เป็นหลักสำคัญในการเผยแพร่วิชชาธรรมกายที่เป็นของจริงของแท้ในขณะนี้มีอยู่ 2 องค์ คือ ท่านเจ้าคุณพระภาวนาโกศลเถร (วีระ คณุตฺตโม) ผู้เป็นอาจารย์ของหลวงป๋า และเสริมชัย” เมื่อนำมาพิจารณาดูแล้วก็เห็นว่าเป็นจริงอย่างนั้น ดูได้จากการเผยแพร่วิชชาธรรมกายที่ถึงพร้อมด้วยเนื้อหาวิชชา ทั้งทางเอกสาร หนังสือ และนิตยสาร ทางวิทยุ ทางโทรทัศน์ และสื่ออื่นๆ จนวิชชาธรรมกายเป็นที่รู้จักกันทั่วทั้งในประเทศและต่างประเทศ เนื้อหาการสอนวิชชาธรรมกายชั้นต้น กลาง สูง ของทั้ง 2 องค์ มีความละเอียดลึกซึ้งยิ่งนัก ดังตัวอย่างที่เล่าให้ทราบข้างต้น

    ถ้าไม่ได้หลวงป๋า ผู้เขียนก็อาจหลงทาง ถูกภาคมารยึดสุดละเอียดไปแล้วก็ได้ ในปัจจุบันไม่ได้ยินว่ามีใครสอนเนื้อหาวิชชาธรรมกายชั้นสูงได้ลึกซึ้ง เปิดวิชชาเต็มที่เช่นนี้ ท่านผู้อ่านที่สงสัยสามารถพิสูจน์ได้จากคำสอนของท่านทั้งสอง แม้แต่ชาวต่างประเทศที่มาอบรมพระกัมมัฏฐานที่วัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม อ.ดำเนินสะดวก จ.ราชบุรี ก็สามารถปฏิบัติจนได้วิชชาธรรมกายชั้นสูง สามารถเห็นนิพพาน ภพ 3 โลกันต์ ที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ว่าเป็นจริงอย่างไรได้ด้วยตนเอง ไม่ต้องหลับตาเดาผิดๆ ถูกๆ ดังนั้น เมื่อเรามีบุญวาสนาได้พบพระที่แท้ สะอาดบริสุทธิ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ที่เป็นธาตุธรรมที่แท้ของต้นธาตุต้นธรรม คือ หลวงพ่อภาวนาและหลวงป๋าของเราแล้ว จงอย่าปล่อยให้โอกาสอันงามที่จะได้ศึกษาวิชชาชั้นสูงที่ลึกซึ้งนี้หลุดไป

    สุดท้ายนี้ ขอให้ท่านผู้อ่านที่รักทั้งหลาย มีศรัทธาพร้อมด้วยปัญญา แยกแยะผิดถูกได้ถูกต้อง จงพิสูจน์ด้วยตนเอง อย่าให้น้อยหน้าชาวต่างประเทศที่อุตส่าห์ข้ามน้ำข้ามทะเลมา จนได้วิชชาธรรมกายชั้นสูงไป ธรรมะเป็นของสูง เป็นสิ่งที่มีค่ามากที่สุด จงรักษาไว้ตราบเท่าที่ชีวิตจะหาไม่ ทุกภพทุกชาติไป ตราบเท่าเข้าสู่นิพพาน ขอความสันติสุขจงบังเกิดแก่ชาวโลกทั้งหลาย จงรักกันเสมือนกับเป็นสายเลือดเดียวกัน อย่างเช่นหลวงป๋ารักเราทุกคน

    จีราภา เศวตนันท์
    วิทยากรสถาบันพุทธภาวนาวิชชาธรรมกาย


    ***********************************************************



    ทุก1-14 พฤษภาคม กลางปีและ ทุก1-14 ธันวาคม


    อบรมพระกัมมัฏฐานรุ่นกลางปี (ฆราวาสเข้าร่วมอบรมได้) ณ วัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม จ.ราชุบรี
    - ขั้นพื้นฐาน เพื่อให้จิตสงบ พบดวงใส
    - ขั้นกลาง เพื่อต่อจากดวงใส เป็น 18 กาย และต่อไปถึงธรรมกายและพระนิพพานของพระพุทธเจ้า
    - ขั้นสูง เพื่อตรวจภพตรวจจักรวาล เจริญวิชชา และละกิเลสในใจตน
    นำโดย พระเทพญาณมงคล วิ. (เสริมชัย ชยมงฺคโล, ป.ธ.6) เจ้าอาวาสวัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม พระวิทยากร และอุบาสก อุบาสิกาวิทยากร ที่ครูบาอาจารย์คัดเลือกให้สอนสมาธิได้

    - ปฏิบัติธรรมรวมกลุ่มใหญ่
    - ปฏิบัติธรรมแยกกลุ่มย่อยกับวิทยากร
    - ฟังธรรมจากพระมหาเถระ






    a.jpg



     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 เมษายน 2018
  7. ทอนเงิน

    ทอนเงิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2017
    โพสต์:
    549
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +707
    ขอบคุณที่นำมาลงครับหายากจริงๆครับในยุคนี้แบบนี้
     
  8. ณฉัตร

    ณฉัตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2015
    โพสต์:
    633
    ค่าพลัง:
    +790
    แม้จะต้องทอนบารมีลง แต่ช่วยคนใดแม้หนึ่งคนจากโลกันตนรก ผมว่าก็คุ้มยิ่งกว่าคุ้ม เนิ่นนานผมไม่กลัว ผมกลัวที่ไม่มีปัญญาช่วยใครได้แม้สักคนมากกว่า

    วิชชาธรรมกาย ผมไปบวชแค่ 15 วัน เท่านั้น ยังไม่ได้สักขั้น แต่ได้หนังสือของหลวงพ่อท่านมาแล้ว จะลองทำดู มาประยุกต์กับที่ผมฝึกเป็นนิจ คือ เมตตาภาวนา

    ขอบคุณมากครับ ที่เล่าประสบการณ์ ตอนที่ไปบวช ได้ยินการเล่าเรื่องที่โปรดมารดา ได้ แต่ตอนนั้น ไม่ได้ใส่ใจเป็นพิเศษครับ การเล่าของท่าน ทำให้ผมระลึกจำได้
     
  9. ทอนเงิน

    ทอนเงิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2017
    โพสต์:
    549
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +707
    ตั้งใจฝึกนะครับก้าวหน้ายังไงมาเล่าไห้ฟังด้วยครับพระแบบหลวงป๋าในตอนนี้หายากนะครับอนุโมทนาครับ
     
  10. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,310
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,113
    ค่าพลัง:
    +70,459
    สาธุกับน้ำใจโพธิสัตว์ครับ ขอให้สำเร็จครับ
     
  11. มุฑิพล

    มุฑิพล สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มีนาคม 2018
    โพสต์:
    3
    ค่าพลัง:
    +5
    รู้สึกจะมีพระมาลัยครับ(เป็นพระสงฆ์) แต่ศาสตร์เหล่านี้ไม่ปรากฏเป็นวิชาที่ชัดเจน มีแต่บันทึกไว้
    %20หนองยาว_2.jpg
     
  12. uau Thao Thang

    uau Thao Thang สิ่งที่เหนือธรรมชาติ ความอยากยากจะสัมผัสได้

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2018
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +7
    จขกท น่าจะเข้าใจผิดในเรื่องการสงเคราะห์ผู้ทำอัตวินิบากกรรม หรือการฆ่าตัวตาย การตายเช่นว่านี้วิญญานจะวนเวียนอยู่ที่เกิดเหตุไปไหนไม่ได้ รับส่วนบุญก็ไม่ได้ ผู้ที่จะช่วยสงเคราะห์ได้ต้องอยู่ในระดับพระอริยะสงฆ์ หรือพระมหาโพธิสัตว์จะช่วยได้ ส่วนกรณีที่จะช่วยโดยวิธีการปฏิบัติอย่างอื่นยังไม่อาจรู้ได้ชัดเจน...
    ส่วนเรื่องความมืดมิดที่รอพระพุทธเจ้าอุบัติขึ้นจึงเห็นแสงสว่างตามที่ จขกท กล่าวนั้นใช้กับผู้ตายที่เคยทำอนันตริยกรรม คือกรรมทั้ง5 ได้แก่ฆ่าพ่อแม่ ทำร้ายพระพุทธเจ้า ทำร้ายพระอรหันต์ ยุให้สงฆ์แตกแยก กรณีทั้งห้านี่แหละที่จะต้องใช้บารมีการอุบัติขึ้นของพระพุทธเจ้า
    ส่วนเรื่องกระแสระดับไหนถึงจะส่งไปยังนรกโลกันต ต้องใช้จิตที่เป็นมหากุศลแบบสุดตัว เช่นสละอายุไขตนเองให้แก่ผู้มีบารมีมาก คำว่ามากนี้คือต้องมากในระดับมหภาค ได้แก่กษัตรย์ที่ทรงเปี่ยมด้วยทศพิศราชธรรม และเมื่อตั้งจิตสละอายุไขตรงนั้นแล้วให้ตั้งจิตสัมทับด้วยบุญกุศลครั้งนี้ขอน้อมลงส่งอุทิศให้... ทำแบบนี้ยังสว่างแค่ตูดหิ่งห้อยเอง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 เมษายน 2018
  13. ทอนเงิน

    ทอนเงิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2017
    โพสต์:
    549
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +707
    บางเรื่องก็ไม่มีบันทึกในตำรานะครับกำลังของพระอริยะเจ้าไม่น่าจะพอครับแต่ท่านที่มาทำงานพิเศษแบบหลวงป๋าศิษย์ใกล้ชิดที่เข้าถึงได้จะไม่สงสัยครับแต่มันก้ยากเกินอธิบายครับเรื่องนี้ที่ผมเล่านี่ไห้พิจารณาเป็นกลางๆไว้นะเดวมันจะซวยครับ สาธุ
     
  14. ณฉัตร

    ณฉัตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2015
    โพสต์:
    633
    ค่าพลัง:
    +790
    อันนี้ ผมไม่ได้เข้าใจผิด แต่ไม่เข้าใจเลยครับและไม่แน่ใจ จึงตั้งกระทู้

    อันแรก คือ เรื่องอัตวินิบาตกรรม มีผลอย่างไร รับทราบจากการอ่านว่ามีสามระดับ หนึ่ง ถ้าผู้ฆ่าตัวตายมีโมหะแรงมาก ไม่อาจให้อะไรเค้าได้ สอง โมหะระดับกลาง คือ ไปเป็นเปรต บางประเภท มีทั้งรับบุญได้และไม่ได้ นอกจากมีเมตตาแล้วอาจต้องมีความเกี่ยวพันเป็นญาติในชาติก่อนที่จะเป็นเปรต ประการที่สาม โมหะนะดับอ่อนสุด เป็นสัมภเวสี สัมภเวสี ระดับนี้ มีผู้กล่าวแผ่เมตตาให้ได้ ง่ายสุด

    ทีนี้ ในพลังจิตนี้ มีเรื่องสองเรื่อง เรื่องหนึ่ง กล่าวผู้ฆ่าตัวตาย มีช่วงเวลาพักของนิรยบาล เช่น รอบเจ็ดวันพักโทษหนึ่งวัน จึงหนีมาขอให้คนแผ่เมตตาให้ แต่ต้องเป็นญาติ อีกเรื่องกล่าวอ้างพระไตรปิฎกว่า คนฆ่าตัว ตกโลกันตนรก มีอายุหนึ่งพุทธันรันดร คือ จะหลุดต่อเมื่อมีพระพุทธเจ้าอีกองค์

    ทีนี้ ผมได้รับฟังคนที่เข้ามโนมยิทธิบางคนเล่าให้ฟังว่า มีคนฆ่าตัว ซึ่งเป็นภริยา เค้าไปทำกรรมฐานมโนมยิทธิ (น่าจะตอนที่ไปรับกรรมฐานจากหลวงพ่อฤาษีลิงดำ) ที่กรุงเทพ เค้าเล่าว่า ผ่านไปสิบปีเพิ่งพบว่า ภริยาหลุดจากนรกแล้ว แต่ความไม่ละเอียดคือ ภริยาตกนรกชั้นไหน และผู้ทำกรรมฐาน (สามี) ก็เป็นชาวบ้านที่ไปทำกรรมฐานเพื่อช่วยภริยาที่ตายไปเท่านั่น

    ความที่ไม่แน่ใจตรงนี้ คือ ถ้าเป็นเปรต หรือสัมภเวสี อันนี้ มีผู้พอสัมผัสหยั่งรู้ได้ แต่มีผู้ฆ่าตัวตาย ประเภทนี้ คนนี้ที่ผมยกมาเป็นกระทู้ หยั่งรู้ไม่ได้อยู่ว่าไปไหน แต่รู้ว่าไม่ได้นิพพาน จิตรู้แต่ว่าขาดสูญ ก็เลยสงสัยว่าไปไหน กันแน่ สงสัยจึงหาอ่าน ก็พบข้อความตามเว็บนี้และลิ้งค์ว่า บางประเภทลงโลกันตนรก ซึ่งมันไกลเกินกำลังจิตของคนธรรมดาๆ จะรู้ได้

    พออ่านที่ท่านพุทโธอวโลกิเตศวร เลยเข้าใจได้ว่า ไปโลกันตนรกนี้ ถ้าเราจะรู้จะช่วยได้ คงไม่ธรรมดา เพราะไม่ใช่เปรตหรือสัมภเวสีซึ่งบางประเภทอาจซ้อนทับหรืออยู่ที่เดียวกันหรือใกล้เคียงกับที่ตายครับ
    แต่โลกันตนรก ไปอยู่ในสถานที่แบบนั้น อธิบายว่า อยู่ระหว่างสามภพ ซึ่งผมไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน

    แต่รู้ว่าอย่างน้อย แม้ไม่ถึงระดับพระอรหันต์อย่างพระมาลัย หรือพระมหาโพธิสัตว์ แต่เป็นคนฝึกจิตระดับที่ท่านพุทโธอวโลกิเตศวรเล่าให้ฟัง ผมในฐานะญาติคนหนึ่งก็น่าจะช่วยได้ถ้าทำถึง ซึ่งแม้ทำไม่ถึง ผมก็จะอธิษฐานต่ออาจารย์ของผม ซึ่งก็เชื่อว่า ผมทำกรรมฐานได้อย่างทุกวันนี้ ก็ต้องมีพระ มีอาจารย์อยู่บ้าง แม้จะไม่รู้ก็ตาม ถ้าอาจารย์ผมอาจเป็นพระมหาโพธิสัตว์องค์ใด หรือพระสงฆ์องค์ใดที่เคยเป็นอาจารย์ ท่านอาจหยั่งทราบ และถ้าอาจช่วยเหลือได้ ท่านอาจสงเคราะห์ได้

    ส่วนตัวผมเอง แม้จะไม่ถึงแดนพุทธภูมิ แต่ผมก็ไม่อาจไม่ทำอะไรเลยได้ จะสำเร็จหรือไม่ ก็ขอพยายามก่อน เพราะใจมันอยากช่วย เหมือนคนที่ไปรับกรรมฐานมโนมยิทธิเพื่อช่วยภริยาของตนเอง ถึงแม้ว่าเค้าจะไม่รู้ช่วยได้หรือไม่ เค้าก็ไปทำกุศลด้วยการรับกรรมฐานมโทยิทธิ ตามที่เค้าศรัทธา แม้เค้าจะไม่รู้ว่า สิ่งที่เห็นจริงหรือเท็จ ในมโนมยิทธิ แต่เค้าก็พอใจว่าได้ทำในสิ่งที่ควรทำ ตามกำลังที่เค้ามี

    ส่วนอนันตริยกรรม ที่อ่านมาได้ยินว่า เมื่อลงโลกันตนรกแล้ว ขนาดหนักสุดคือ จนวันสิ้นโลก คือ ถ้าเหลือกัปร์อยู่เท่าไร ก็เท่านั่น เช่น เหลือ 64 อันตรกัปร์ ก็เท่านั่น จนกว่าถึงอสงไขยที่โลกถูกทำลาย แต่พระพุทธเจ้า ในกัปร์หนึ่งอาจมีได้หลายองค์ หนักเบาต่างกันอยู่

    แต่กรณีพระเทวฑัต แม้จะอนันตริยกรรมแต่น่าจะพิเศษเหมือนพระเจ้าอชาตศัตรู คือ พระเจ้าอชาตศัตรู ทำอนันตริยกรรมแต่ทำกุศลกับพระพุทธเจ้าและศาสนาพุทธมาก จึงไม่ลงโลกันตนรก ไปลงโลหะกุมภี ส่วนพระเทวฑัตได้กราบขอรับพระรัตนตรัยและขมาลาโทษต่อพระศาสดาแล้ว ที่อ่านมาลักษณะก็ไม่ใช่โลกันตนรก เพราะ ลักษณะถูกตรึงในที่มืด แต่มีไฟประลัยทั้งสี่ทิศ เห็นว่า เป็นอเวจีมหานรก

    ส่วนพวกมิจฉาทิฏฐิ ที่กล่าวในพระไตรปิฎก ทำนองแข่งว่าตนเหนือพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ และคนบางคนที่ทำกรรมกับพระอริยะเจ้า ลงโลกันตรนรก ประเภทมีอายุขัยจนสิ้นโลก(รอบหนึ่ง)

    ที่นี้ เราไม่รู้ว่า คนฆ่าตัวตายแต่ละคนมีโมหะมากขนาดไหน และมีกุศลอื่นใดหรือไม่ ดังนั้น เมื่ออ่านหลายๆที่ จึงรู้ว่า ขึ้นอยู่กับระดับโมหะ ของแต่ละคนนั่นเอง ถ้ามีกุศลอื่นคอยค้ำจุน ก็อย่างพระเทวฑัตกับพระเจ้าอชาตศัตรู แม้ทำอนันตริยกรรมแต่ไม่ต้องลงถึงโลกัตนรก

    สำหรับคนตายคนนี้ เค้าเป็นคนนอกศาสนาพุทธ และเคยกล่าวว่า หรือยอดคนอื่นที่เค้าคบหาว่า ไหว้พระพุทธรูปทำไม งมงาย

    ที่ท่านพุทโธอวโลกิเตศวรพูด ในโพสต์แรก ผมจึงนึกได้ว่า คนตายเค้าเป็นมิจฉาทิฏฐิด้วยนี่เอง แต่ไม่ทราบว่าจะร้ายแรงขนาดนี้

    ผมก็เห็นส่วนดีในข้ออื่นของคนตาย แต่เรื่องมิจฉาทิฏฐินี้เพิ่งทราบหลังเค้าตายแล้ว ไม่คิดว่าจะขนาดนี้ เพราะต่างศาสนาแต่ถ้าทำดี ไม่มีมิจฉาทิฏฐิ ขนาดนี้ ก็อาจจะไม่ต้องลงนรกลึกๆ

    แสดงความเห็นได้นะครับ ว่าการกระทำของคนตายแบบนี้ ชี้ว่าเป็นมิจฉาทิฏฐิหรือไม่ เพราะบางทีผมอาจเข้าข้างเค้าว่า อาจแค่แสดงความเชื่อตามศาสนาเค้า แต่การไปถึงขั้นห้ามหรือตำหนิคนไหว้พระพุทธรูป ถึงขั้นมิจฉาทิฏฐิขนาดหนักจนลงโลกันตนรกเลยหรือ

    แต่ว่า ผมก็ยังไม่ได้ทราบแน่ชัดนะครับว่า เค้าจะลงโลกันตนรกหรือไม่ แต่เพียงมีคนอ้างไว้ในเวปต์ว่า คนฆ่าตัวตายบางจำพวก(ผมสรุปเองว่าบางจำพวก) อาจลงโลกันตนรกครับ
     
  15. ณฉัตร

    ณฉัตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2015
    โพสต์:
    633
    ค่าพลัง:
    +790
    อีกเรื่องหนึ่ง คือ พระโพธิสัตว์ที่ลงโปรดสัตว์นรก ตามพระไตรปิฎก เคยอ่านมาว่าอดีตพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน ท่านก็เคยลงนรกโปรดสัตว์ และเป็นเวลาก่อนทศชาติชาดก และน่าจะอยู่ในช่วงกลางๆ ของเวลา4อสงไขย ถ้านับกำลังบารมี ถ้าถือว่าเข้าทศชาติเรียกมหาโพธิสัตว์ ช่วงบารมีกลางๆ ท่านก็ลงนรกโปรดได้ แต่ความไม่ละเอียดคือ ท่านลงโปรดได้ขุมไหนครับ
    แต่เรื่องในพระไตรปิฎกอ่านดู น่าจะขุมกลางๆ และรอยต่อภพเปรต อสุรกายด้วย

    จริงๆ พระอริยะเจ้าหลายองค์ยืนยันว่า บุคคลที่ทำกรรมฐานและมีเมตตาจิต ย่อมช่วยเหลือสัตว์โลกได้ เช่น คนฆ่าตัวตาย อันนี้ แสดงว่า พระอริยะเจ้า ท่านสอนว่าคนธรรมดาแม้ไม่ปรารถนาพุทธภูมิ ก็ทำประโยชน์ได้ ถ้าถึงกรรมฐานและเจริญเมตตาไปด้วย

    ดังนั้น จะเป็นพระโพธิสัตว์หรือไม่ ระดับขนาดไหนก็ตาม ก็ย่อมโปรดสัตว์ด้วยการทำกรรมฐานและแผ่เมตตาได้

    เพียงแต่ผม อยากฟังท่านที่โปรดสัตว์นรกโลกันต ว่าทำขนาดไหน ถึงจะไปถึง หรือโปรดเค้าได้จริง มีเงิ่อนไขหนือปัจจัยใด ระดับใด จะได้ทำให้ถึง

    เพราะปกติ เราก็แค่ทำกรรมฐานวันชั่วโมงไม่เกินสองชั่วโมง แล้วแผ่มตตา แต่เราไม่สัมผัสว่าถึง อย่างที่เคย เพราะแต่ก่อนมีทั่งเจาะจง และไม่เจาะจง เจาะจงจะรู้ว่าถึง สัมผัสได้ จะโดยนิมิต หรือรู้ขึ้นมาเองว่าถึง แต่กรณีเจาะจงคนนี้ มันรู้ว่า ว่างเปล่า เหมือนทิ้งของลงหลุมดำ หายไปเฉยๆ ก็สงสัยว่าเพราะอะไร ก็ผุดว่า หรือจะโลกันตนรก แต่ไม่เชื่อ เพราะเคยทราบมาว่า ฆ่าตัวตายที่ไหน ก็ต้องวนเวียนที่นั่นนะ แต่ทำไมทำบุญ ทำสังฆทาน พอมาทำกรรมฐานก็รู้ว่า ไม่ถึง ก็แปลกใจ จึงมาความรู้ในเวป ก็ว่าก็น่าจะจริงหรือไม่ ที่เค้าลงโลกันตนรก

    ใจจริงเราไม่อยากให้เค้าตกนรกขนาดนั้นเลย แต่เราก็ได้ทำกุศลตามรูปแบบที่ปกติ จะรู้ว่าถึงเค้านะ แต่นี่ ไม่
     
  16. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,310
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,113
    ค่าพลัง:
    +70,459
    มีอีกหนึ่งวิธี นี่เป็นการพึ่งบารมีพระโพธิสัตว์ในสายหลวงปู่ดู่

    ทุกวัน เวลา20.30น. หลวงตาม้าท่านจะนำสวดบทพระมหาจักรพรรดิ พร้อมกันทั่วโลก(เวลา20.30น.ของไทย )
    เป็นเวลาประมาณครึ่งชั่วโมง ตอนจบประมาณ 21.00น. จะอธิษฐานรวมกำลังจักรพรรดิ กำลังพระรัตนตรัย กำลังพระโพธิสัตว์ ฯลฯ
    ทั้งในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต จะนับประมาณไม่ได้

    ผู้มีปัญญา และ กำลัง จะอาศัยช่วงเวลานี้ ไม่ว่าจะอยู่ที่ใดในโลก

    น้อมใจถึงหลวงปู่ดู่ หลวงปู่ทวด ไปจนถึงทุกภาคของพระศรีอริยเมตไตรยที่ทิ้งกำลังบารมีไว้ในภพสาม ( ยังไม่รวมเป็นหนึ่ง )

    ขอให้ท่านเปิดให้เห็นความจริง และวิธีช่วย

    จะสำเร็จในเวลาเท่าใด ขึ้นกับกำลังบุญของผู้ปฏิบัติ และบุญสัมพันธ์กับผู้ที่ต้องการช่วย

    ทำครั้งเดียวยังไม่แจ้ง ให้เพียรทำต่อเนื่องติดกัน จะพบความก้าวหน้าในการแก้ปัญหา ครับ


    สาธุ
     
  17. ทอนเงิน

    ทอนเงิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2017
    โพสต์:
    549
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +707
    ไม่มีเลยครับได้ยินแต่เขาเล่ามารู้แต่ว่ากฎมันก็มีผู้สร้างขึ้นครับเพื่อความสมดุลตามนั้นละครับ
     
  18. ณฉัตร

    ณฉัตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2015
    โพสต์:
    633
    ค่าพลัง:
    +790
    ขอบคุณครับ

    อันนี้ ได้บอกแก่ญาติสนิทอีกคน เค้ารับจะทำครับ

    ส่วนผมนอกจากสวดตรงนี้แล้ว ก็จะลองทำอีกแบบด้วยครับ ว่าจะทำได้ไหม แม้จะใช้เวลา ก็ต้องพยายามทำครับ ผมพยายามทำเท่าที่เราจะทำให้เค้า(คนตาย)ได้ครับ
     
  19. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,310
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,113
    ค่าพลัง:
    +70,459
    ศูนย์กลางกายนี้ อยู่ในแนวเดียวกันกับ
    อายตนภพสาม อายตนนิพพาน
    และอายตนโลกันต์ จึงนับเป็นศูนย์ที่สำคัญที่สุด •

    6~3/3(จบ)
    การเจริญสมาธินั้น มีหลายวิธีด้วยกัน และการเจริญภาวนาตามแนววิชชาธรรมกายนั้น ประกอบด้วยปัจจัยหลายอย่าง ที่นำไปสู่สัมมาสมาธิดังกล่าว

    กล่าวแต่เพียงย่อๆในเบื้องต้น คือ การให้กำหนดบริกรรมภาวนาว่า "สัมมาอะระหังๆๆ" นั้น หมายถึง พระพุทธคุณของพระพุทธเจ้า ผู้ไกลจากข้าศึก คือ กิเลส และผู้ตรัสรู้แล้วเองโดยชอบ ผู้หักกำแห่งสังสารจักรได้ ผู้ไม่ปกปิดการกระทำบาป จึงนับเป็นพุทธานุสติ

    และที่ให้กำหนดบริกรรมนิมิตเป็นเครื่องหมายดวงกลมใส อันเป็นกรรมวิธีเดียวกันกับอาโลกกสิณหรือการเพ่งแสงสว่าง เพื่อผูกใจให้อยู่ในอารมณ์เดียวได้ง่าย กับทั้งให้มีสติ ตั้งใจไว้ ณ ศูนย์กลางกาย ซึ่งเป็นต้นทางลมหายใจเข้าออก อันนับเป็นอานาปานสติ อีกโสดหนึ่งด้วย จึงเหมาะกับผู้ปฏิบัติทุกจริตอัธยาศัย

    เมื่อใจสามารถหยุดในหยุดเป็นอารมณ์เดียว ตั้งมั่นเป็นสมาธิดี และเข้าถึงธรรมกายแล้ว ก็จะสามารถเจริญฌานทั้งสีได้โดยสะดวก

    นอกจากนี้ การเจริญภาวนาธรรมตามแนวนี้ ยังมีผลให้เกิดอภิญญาและวิชชา ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่สำคัญในการดับอวิชชา อันเป็นมูลรากฝ่ายเกิด ก่อให้เกิดปัญญารู้แจ้ง ในสภาวธรรมตามความเป็นจริง จากการที่ได้ทั้งรู้และทั้งเห็น

    อนึ่ง การรวมใจให้หยุดในหยุด ณ ศูนย์กลางกายนั้น นับว่าเป็นผลดีอย่างมาก เพราะเป็นจุดแห่ง"ดุลย" ทั้งทางกายภาพและจิตใจ

    กล่าวคือ ในทางกายภาพ ศูนย์กลางของสรรพวัตถุทั้งหลาย ย่อมอยู่ในแนวเดียวกันกับแรงดึงดูดของโลก ที่เรียกว่า Center of Gravity

    ส่วนทางด้านจิตใจนั้น สำหรับผู้ที่เจริญภาวนาธรรมจนถึงธรรมกายแล้ว ก็จะสามารถทราบได้ด้วยตนเองว่า ศูนย์กลางกายนั่นเองคือ ที่ตั้งถาวรของใจ เวลาจะเกิด จะดับ จะหลับ จะตื่นนั้น ดวงธรรมจะลอยมาสู่ศูนย์กลางนี้ก่อนอื่นทีเดียว

    และศูนย์กลางกายนี้ อยู่ในแนวเดียวกันกับ อายตนภพสาม อายตนนิพพาน และอายตนโลกันต์ จึงนับเป็นศูนย์ที่สำคัญที่สุด มีพลังและอำนาจมากที่สุด ช่วยให้รู้เห็นได้แม่นยำและกว้างขวางไม่มีประมาณ ซึ่งผู้ปฏิบัติจะได้ทราบด้วยตนเอง หากฝึกอย่างสม่ำเสมอ

    นี่คือ เคล็ดลับในการเจริญภาวนาธรรมอย่างสัมฤทธิ์ผล

    สมาธิมีคุณค่าอย่างสูงทั้งทางโลกและทางธรรมดังกล่าวนี้ พระพุทธองค์จึงได้ทรงประทานพระพุทโธวาทไว้ว่า

    สมาธึ ภิกฺขเว ภาเวถ สมาหิโต ยถาภูตํ ปชานาติ

    แปลเป็นใจความว่า ภิกษุทั้งหลาย ท่านทั้งหลายจงยังสมาธิให้เกิด ชนผู้มีจิตเป็นสมาธิแล้ว ย่อมรู้ตามจริง

    ด้วยเหตุนี้ จึงกล่าวไว้ว่า การเจริญภาวนาตามแนววิชชาธรรมกาย ช่วยให้ผู้ปฏิบัติสามารถประกอบกิจการได้ผลดีทั้งในทางโลกและทางธรรม และวิธีปฏิบัติก็ไม่ยากเกินกำลังความสามารถสติปัญญาของบุคคลโดยทั่วไป ขอแต่ให้ดำเนินให้ถูกวิธี มีอิทธิบาท คือ ฉันทะ วิริยะ จิตตะ และวิมังสา ก็จะได้รับผลโดยทั่วกันมากน้อยตามระดับคุณธรรมที่ปฏิบัติได้ ผู้ที่ปฏิบัติได้แม้เพียงเศษของธรรมกาย ก็จะยังรู้สึกว่า ได้รับผลทั้งทางโลกและทางธรรมคุ้มค่า ขอแต่ให้ตั้งใจจริงก็แล้วกัน

    มีข้อคิดอยู่ว่า "ของจริงย่อมอยู่กับจริงเสมอ" เพราะฉะนั้น ขอท่านทั้งหลาย อย่าได้ลังเลสงสัยเลย.

    ที่มา: หนังสือ พุทธภาวนาวิชชาธรรมกาย
    กรกฎาคม 2525

    " คำว่า ธรรมกาย ก็ดี ว่าพรหมกาย ก็ดี
    ว่า ธรรมภูต ก็ดี ว่าพรหมภูต ก็ดี
    เป็นชื่อของ ตถาคต "



    ?temp_hash=9839886b632cdaaba7339f86f41fc285.jpg
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  20. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,310
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,113
    ค่าพลัง:
    +70,459
    วัตถุประสงค์ ของการตรวจจักรวาล ภพสาม( กามภพ รูปภพ อรุปภพ) และโลกันต์


    ก็เพื่อให้รู้เห็นธรรมชาติที่เป็นไปในภพ 3 และโลกันต์ ว่า เป็นสภาพที่ประกอบด้วยปัจจัยปรุงแต่ง (สังขาร/สังขตธรรม) อย่างไร ได้แก่ปรุงแต่งด้วยบุญ (ปุญญาภิสังขาร) ปรุงแต่งด้วยบาป (อปุญญาภิสังขาร) และปรุงแต่งด้วยฌานสมาบัติที่ไม่หวั่นไหว (อเนญชาภิสังขาร)


    และเพื่อให้เห็นแจ้งรู้แจ้ง ในสามัญญลักษณะคือสภาวะที่เป็นเองเสมอกันหมดของสังขารธรรมทั้งหลายทั้งปวงว่า เป็นอนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตา อย่างไร


    ให้เห็นสัจจธรรม คือ ทุกขสัจ และ สมุทัยสัจ ตามที่เป็นจริง และพัฒนาขึ้นเป็นความเห็นแจ้งรู้แจ้งในอีก 2 สัจจธรรมที่เหลือ คือ นิโรธสัจ และ มรรคสัจ


    อันเป็นการเจริญปัญญาจากการที่ได้ทั้งเห็นและทั้งรู้สภาวธรรมและสัจจธรรม ตามที่เป็นจริงอย่างแจ่มแจ้ง เป็นหนทางให้ได้บรรลุมรรคผลนิพพานตามรอยบาทพระพุทธองค์



    -----------------------------------------



    สำหรับผู้ที่ถึงธรรมกายแล้ว ก็ให้พิสดารกาย เจริญฌานสมาบัติพร้อมกันหมดทุกกายสุดกายหยาบกายละเอียด โดยอนุโลมปฏิโลมหลายๆ เที่ยว ให้ใสละเอียดหมดทุกกาย

    หากประสงค์จะตรวจดูความเป็นไปในภพ 3 ก็ให้น้อมเอาภพ 3 เข้ามาเป็นกสิณ คือมาไว้ ณ ศูนย์กลางกาย แล้วใช้ตาคือญาณพระธรรมกายตรวจดูความเป็นไปในแต่ละภพ เริ่มตั้งแต่ อรูปภพ 4 ชั้น รูปภพ 9 ชั้น (16 ภูมิจิต) ตลอดไปจนถึงกามภพ ทั้งสวรรค์ 16 ชั้น และ นรก 8 ขุมใหญ่ ซึ่งอยู่ใต้เขาพระสุเมรุลงไป ให้รู้เห็นความเป็นไปโดยตลอด หากประสงค์จะทราบบุพพกรรมคือกรรมเก่าที่กระทำไว้ในภพก่อนอย่างไร จึงได้มาเสวยผลบุญหรือผลบาปอยู่ในขณะนี้ ก็ไต่ถามดูได้



    ********************************


    พิศดารกาย คือ กายแต่ละกาย แตกออกมานับไม่ถ้วน ซ้ายขวาหน้าหลังล่างบน
     

แชร์หน้านี้

Loading...