ขอความรู้ เรื่องแสงสีขาวที่ปรกกฏตอนนั่งสมาธิ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย วิทย์ วรุณี, 5 สิงหาคม 2018.

  1. วิทย์ วรุณี

    วิทย์ วรุณี อยากฝึกกรรมฐาน

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    9
    ค่าพลัง:
    +7
    มีวันหนึ่งผมนั่งสมาธิ ภาวนา พุท โธ นั่งได้ประมาณ 40 นาที
    แล้วจู่ๆ ก็มีดวงแสงกลมๆสีขาว พุ่งเข้ามายังใบหน้าผมอย่างแรง ผมตกใจมากจนตัวสั่นใจเต้นไม่เป็นจังหวะ จนต้องคลายจากการนั่งสมาธิ

    ขอความรู้จากท่านผู้รู้ไขข้อสงสัยให้กระผมด้วยครับ

    ว่าปรากฏการณ์แบบนี้หมายความว่าอย่างไร
    ผมยังขาดความรู้เรื่องนี้แถมยังไม่มีครูอาจารย์สอน อาศัยจำมาจากคลิปในยูทูบมา

    ขอกราบขอบพระคุณทุกท่านที่ไขข้อสงสัยของผมมา ณ โอกาสนี้ด้วย
    ขอบพระคุณครับ
     
  2. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    เวลาปฏิบัติ จะเกิดอะไร จะเห็นอะไร แสงสีอะไร นิมิตอะไร เราไม่ต้องสนใจ ให้มีสติอยู่กับการภาวนาในกรรมฐานกองที่เราปฏิบัติ ครับ

    จะเห็นอะไรก็แล้วแต่ ให้รับรู้ แล้วปล่อยวาง รักษาอารมณ์ให้นิ่ง มีสติอยู่กับคำภาวนากับผู้รู้ต่อไปในกรรมฐานกองที่เราปฏิบัติ ครับ

    สิ่งอื่นๆที่นอกเหนือจากกรรมฐานกองที่เราปฏิบัติอยู่จะขวางผลการปฏิบัติทำให้เราติด สงสัย ไม่ก้าวหน้า เอามาฟุ้งซ่าน ต่างๆนาๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 สิงหาคม 2018
  3. วิทย์ วรุณี

    วิทย์ วรุณี อยากฝึกกรรมฐาน

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    9
    ค่าพลัง:
    +7
    ขอบพระคุณครับ
     
  4. noitavada

    noitavada Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    47
    ค่าพลัง:
    +84
    การฝึกต้องมีครู คอยตรวจสอบอารามณ์ ที่ไม่งั้นหลงติดนิมิต หลงทางเอาง่าย ๆไม่งั้นพระเทวทัต ท่านไม่ลงอเวจีนรก ขนาดท่านได้อภิญญาอยู่่กับพระพุทธเจ้าแท้แท้ สมาธิอย่างเดียวไม่ได้ ต้องมีศีล และสติ เป็นหลักยึดไม่ให้หลงทาง ลองหาหนังสือ ของหลวงพ่อฤษีลิงดำมาอ่านดู ติด่ต่อวัดท่าซุง จฺ อุทัยธานี การเริ่มต้นฝึกสมาธิ เป็นก้าวแรกที่จะไปพระนิพพานเดินไปให้สุดทางนะครับ ขออนุโมธนา สาธุ
     
  5. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    คู่มือปฏิบัติพระกรรมฐานโดยหลวงพ่อพระราชพรหมยาน
    http://www.thasungmedia.com/wat/puy/ebook/2555/Kammatharn/#/158/

    แนะนำ จขกท. อ่านดูครับ แนวทางการปฏิบัติ
    ปฏิบัติกรรมฐาน ตามนี้ ครับ
     
  6. hastin

    hastin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,116
    ค่าพลัง:
    +3,084
  7. ปราบเทวดา

    ปราบเทวดา ลอยลำ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    6,258
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +4,762
    ลองศึกษาดูครับ
    https://palungjit.org/threads/การทำสมาธิแบบพระอาจารย์เสาร์-หลวงปู่พุธ-ฐานิโย.334258/
     
  8. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,425
    ค่าพลัง:
    +35,040
    จริงๆมันไม่มีอะไรหรอก
    เรื่องแค่นี้ ถ้าเคยฝึกกสิณมาบ้าง
    จะพอเข้าใจดี

    ดวงกลมๆสีขาวบอกเลยว่ามันไม่เย็น
    และสภาพแวดล้อมนอกวงกลมไม่ได้สว่างแบบแสงสปอร์ตไลท์
    และวงกลมนั้นไม่มีคลื่นความถี่ใดๆ
    คือไม่มีกะแสไฟฟ้ามาซ๊อตตัวเรา
    แบบเราถูดไฟดูด
    แบบนี้ มันเป็นนิมิตกสิณสีขาว
    ที่โครตจะแสนปกติครับ


    ที่เราเห็นเพราะติตเวลามันสงบในระดับหนึ่ง
    มันเป็นธรรมดาที่กรรมฐานอะไรที่เราเคยฝึกมันจะขึ้นมาให้เห็นได้ครับ
    แต่ปกติแล้วถ้าเป็นนิมิต เกี่ยวกับกสิณนั้น
    เราจะยังไม่สนใจมัน
    จนกว่า จะแยกรูปแยกนามได้
    และเดินปัญญาไปซักระยะหนึ่ง
    จนมีความเข้าใจทาวด้านนามธรรมที่ดี
    และไม่ยึดติดนามธรรมที่เห็นได้
    ในระดับหนึ่งครับ


    ที่นิมิต วิ่งเข้าหาตัวเรา
    แค่ฟ้องว่า กำลังสมาธิเรายังไม่พอ
    มันเรื่องปกติ เพราะมันเป็นกันได้
    และฝึกเพิ่มเติมกันได้

    ถ้ากำลังสมาธิเรามีมากพอ
    กลมสีขาว มันจะไม่เข้ามาหาตัว
    แต่มันจะวิ่งขึ้นข้างบนสูงกว่าศรีษะเรา
    ไปทางด้านขวา
    (ขยับขึ้นๆลงๆ)
    หรือมันจะวิ่งในมุมไม่สูงเกินกาย
    เราพยายาม
    เข้ามาหาตัวเราในมุมเยื้องๆขวาไม่มาก
    ต่อมามันถึงจะมี นิมิตหลอกที่สวยกว่า
    นิมิตสีขาวนี้ ประมานอันสองอัน
    มาหลอกให้เราไปดู เราต้องตามเฉพาะ
    นิมิตตั้งต้นซึ่งปกติจะสวยน้อยกว่าให้ได้ตลอด
    ถ้ากำลังสมาธิเรามากพอ
    และไม่หลงนิมิตหลอกได้

    ไอ้นิมิตกลมๆสีขาวมันถึงจะอยู่นิ่งๆได้ครับ
    และจะหายไปทันทีถ้าใช้สองตาปกติไปมอง

    ให้แก้ด้วยการมาระลึกลมหายใจ
    ประมาน ๓ ถึง ๔ ครั้ง นิมิตนั้น
    ถึงจะขึ้นกลับมา ณ ที่เดิมแป๊ะๆ
    ที่เล่ามาก่อนหน้า คือกิริยาปกติ


    ถ้าจะไปต่อ พอเสมารถทำให้เกิดนิมิต
    ดวงกลมขาวๆได้. ทุกที่ทุกเวลา
    หรือนั่งปุ๊บเห็นได้ปั๊บ

    ให้เห็นแล้วออก และเข้าใหม่
    เห็นและออกและเข้าใหม่
    ทำอย่างนี้บ่อยๆ มันจะข้ามไป
    ปฎิภาคนิมิตได้เอง
    ถึงตรงนี้ ถึงจะพอมีประโยชน์

    เด่วจะรู้เองว่าจะไปทางด้านอฐิษฐานจิต
    ด้านกำลังจิต. ด้านอรูปฌาน
    ด้านจิตซ้อนในจิต ด้านวิ่งในกาย
    แต่ต้องถึงปฎิภาคนิมิตแบบที่บอกให้ได้
    เป็นอย่างน้อย. เพราะแม้ว่าถึงระดับ
    ที่นั่งปุ๊บเห็นปั๊บแต่ยังไม่ขึ้นปฏิภาค
    ถือว่ายังไม่มีประโยชน์ และทุกกิริยา
    ที่เจอไม่ว่าทางอายตนะใดๆ ไม่ว่าจะพิศดารอลังการงานสร้างแค่ไหนก็ตาม
    ตลอดจนตัวนิมิตของมันเอง
    มันเป็นตัวขวางการปฎิบัติให้เราหลงทาง
    เสียเวลา หลงตัวเองได้หมดครับ
    ดังนั้นห้ามสนใจ
    ปล ไม่อยากเสียเวลาการฝึก
    สุดท้ายไม่ได้อะไร ทำอะไรก็ไม่ได้
    ไม่สำเร็จซักที อ่านให้ดีๆ ห้ามคือห้าม






     
  9. วิทย์ วรุณี

    วิทย์ วรุณี อยากฝึกกรรมฐาน

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    9
    ค่าพลัง:
    +7
    กราบขอบพระคุณท่านมาก ที่ชี้ทางให้
     
  10. คุณกันฌามี

    คุณกันฌามี Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กุมภาพันธ์ 2014
    โพสต์:
    104
    ค่าพลัง:
    +65
    อันนี้พอเข้าใจ เพราะผมเองก็เคยเป็นอยู่

    คนที่บอกว่าอย่าไปหลงนิมิตร ผมก็ไม่รู้ว่าพวกเขาเคยเจอหรือป่าว ภาวะแบบนั้นมันตกใจมากกว่าเหมือนมีคนปาลูกบอลใส่หน้าร่างกายมันตอบสนองไปเอง ไม่ใช่จังหวะที่ต้องมาหลงนิมิตรอะไรเลย

    ถ้าถามว่าเป็นอะไรไหมมีผลอะไรไหม ไม่ต้องสนใจหรอกครับ เพราะมันไม่เกิดขึ้นอีกเลย 55555+ ที่ผมกล่าวมานี้คือแบบพุ่งมานะ ตกใจจนต้องออกสมาธิ
     
  11. วิทย์ วรุณี

    วิทย์ วรุณี อยากฝึกกรรมฐาน

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    9
    ค่าพลัง:
    +7
    เป็นเหมื่อนกันครับตกใจจนสั่น
     
  12. วงกรตน้ำ

    วงกรตน้ำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2015
    โพสต์:
    810
    กระทู้เรื่องเด่น:
    12
    ค่าพลัง:
    +2,432
    จริงค่ะ ..เห็นด้วย
     
  13. กำลังเดินทาง

    กำลังเดินทาง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2018
    โพสต์:
    78
    ค่าพลัง:
    +103
    ขอเรียนถามขยายต่อครับ
    เพื่อเป็นวิทยาทานความรู้

    ..
    สมมุติว่าเคยพบสภาวะประมาณนี้เขาเรียกว่าคืออะไรครับ
    ในด้านของสมาธิ หรือ ฌาน

    ..
    ก็นั่งสมาธิอยู่ครั้งหนึ่ง
    ในห้องเรียนชมรมพุทธ
    ในช่วงเวลาหลังเลิกเรียน สัก 5 โมงเย็น
    เริ่มด้วยสวดมนต์ ไหว้พระเสร็จ
    หัวหน้าชมรมก็เปิดเทปนำสอนการนั่งสมาธิ
    โดยปกติชมรมจะนำนั่งสมาธิไม่เกิน 10 นาที
    ก็นั่งสมาธิไปกับหมู่พวกสัก 5-6 คน
    ..
    อาจเป็นการ
    นั่งสมาธิครั้งแรกในชีวิต เพราะยังไม่เคยฝึกมาก่อน
    วิธีนั่งสมาธิจากเทปก็สอนประมาณทางหลวงปู่สดน่ะ
    ส่วนตนเองก็เหมือนการนั่งแบบมวยวัดน่ะ
    ก็ไม่รู้ว่าเรียกว่าอะไร
    โดยปกติ
    จะดูลมหายใจตลอดเวลา ยามเมื่ออยู่คนเดียว
    ซึ่งเป็นโดยบังเอิญ
    มาตั้งแต่เด็กๆ
    ตอนเด็กตั้งแต่จำความได้
    สัก 4-5 ขวบ หลังตื่นนอนขึ้นมา ไม่มีอะไรทำ
    นอนอยู่บนเตียงก็ดูลมหายใจเล่นและคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย
    และพอโตขึ้นมาเวลาเดินไปโรงเรียนคนเดียวสัก 2-3 กิโล
    ก็มักจะดูลมหายใจและดูความคิดที่ผุดขึ้นมา
    ดูเองไม่มีคนสอน ชีวิตแบบโดดเดียวน่ะ
    จนติดเป็นนิสัยมาจนถึงปัจจุบันนี้
    ..
    ขออนุญาตต่ออีกกระทู้น่ะครับ เพื่อจะได้อ่านง่ายๆ
     
  14. กำลังเดินทาง

    กำลังเดินทาง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2018
    โพสต์:
    78
    ค่าพลัง:
    +103
    ขอวกกลับมาตอนนั่งสมาธิเลยน่ะครับ
    เสียงเทปหลวงพ่อก็สอนนั่งสมาธิไปเรื่อย
    ตามแบบของสายหลวงปู่
    ส่วนตัวกระผมช่วงนาทีแรก
    ก็ทำตามแบบของหลวงปู่ท่าน
    ..

    แต่สักพัก
    ตนเองรู้สึกว่าอึดอัด เพลีย เหนื่อย
    ง่วงมาก
    ก็เลยดูลมหายใจเฉยๆ ไปเรื่อยๆ
    สักประมาณ 5 นาที
    สภาวะร่างกายเริ่มทนไม่ไหว
    ง่วงมาก
    ร่างกายต้องการปิดสวิตซ์ sleep mode
    และจิตของตนเองก็บอกกับตนเอง
    ว่า "ปลงตกล่ะ ปล่อยว่างล่ะ บนโลกนี้ไม่เอาอะไรแล้ว"
    ก็เลยคิดอยู่ในใจว่าขอแอบงีบหลับดีกว่า
    อะไรจะเกิด ก็ปล่อยให้มันเกิดไป
    หลังจากนั่นก็นั่งหลับในสมาธิ
    จน..
    ก็เข้าสู่ภาวะร่างกาย ครึงหลับ ครึงตื่น
    ร่างกายโอนเอนไปมา
    พอรู้สึกตัวทีก็ยึดลำตัวขึ้นมาให้ตั้งตรงใหม่
    สติสะลืมสะลือมาก
    ..
    สักพัก
    ..
    ก็เหมือนว่าตนเองตกจากที่สูง
    จิตมันตกวูบ (คล้ายตอนที่เราตกใจน่ะครับ แต่ตอนตกใจ จิตเราจะตกไปที่เท้า)
    การตกของจิตครั้งนี้เหมือนเรานั่งเครื่องบิน และเครื่องบินตกหลุมอากาศ
    ร่างกายของเราทั้งหมด ที่กระลังนั่งขัดสมาธิอยู่ อยู่ดีๆ ก็
    ตกลงเข้าไปในกายเนื้อของเราเอง เข้าไปอยู่ข้างใน
    ตกไวมาก ไม่ถึง 1 วินาที
    แต่การตกของจิต
    ครั้งนี้ไปค้างอยู่แถวลิ้นปี่ การตกเหมือนสภาพของการที่เราประกอบหุ่นยนต์ จิ๊กซอร์
    ที่ความรู้สึกมันจะลงล็อก เป๊ะพอดีน่ะครับ
    ไม่ต่ำไป ไม่สูงไป ตกไปค้างกลางร่างกาย แถวลิ้นปี่เฉย
    ..
    ต่ออีก โพสข้างล่างน่ะครับ
     
  15. กำลังเดินทาง

    กำลังเดินทาง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2018
    โพสต์:
    78
    ค่าพลัง:
    +103
    หลังจากนั้น
    เมื่อตกเข้าไปสู่แถวลิ้นปี่แล้ว
    ตนเองก็ตกใจเป็นลำดับต่อมาอีก
    ว่าตนเองเป็นอะไร
    สิ่งเหล่านี้คือ
    เพราะตอนนั้นเป็นเด็กมากๆ
    และไม่ได้ศึกษาทางด้านสมาธิหรือความรู้
    ทางด้านศาสนาอะไรเลย
    สิ่งต่างๆ ที่ปรากฏออกมาคือ งง ครับ
    ความตกใจ บวก ความงงงวย
    ..
    ที่พบเห็นว่า
    ตนเองมี 2 ร่าง
    คือ ร่างข้างนอกที่เป็นกายเนื้อ และ ร่างข้างในที่
    มีลักษณะทุกๆ อย่างเหมือนกันหมดเลย
    รูปร่าง ผิวพรรณ นั่งขัดสมาธิเหมือนกัน
    แตกต่าง กันตรงที่
    มี 2 ร่างกาย ซ้อนกันอยู่ และกายข้างนอกนั่งหลับตาอยู่
    กายข้างในเล็กกว่า แต่ลืมตา
    กายในจะใสมาก มองทะลุได้ เหมือนน้ำแข็ง แต่
    ความใสนั้นเหมือนเรามองน้ำดื่มโพลาริสน่ะ
    ..

    ซึ่งกายข้างในสามารถดิ้นได้
    เคลื่อนไหวได้
    พอตกใจ งง ว่า คืออะไร
    ตนเองก็เริ่มสำรวจ ร่างกายตนเองก่อน
    มองซ้าย มองขวา

    (เป็นกิริยาของกายที่อยู่ด้านในน่ะครับ ความรู้สึกในจิตใจตอนนั้น คือ กลัวๆ น่ะครับ)
    ..
    มองหน้า
    ก้มๆ เงยๆ
    กายข้างในก็เคลื่อนไหวได้หมด
    และที่มากกว่านั้นก็คือ
    ตาข้างใน สามารถมองเห็นได้หมดเลย
    ตอนนั้น นั่งสมาธิในห้องที่พื้นเป็นไม้ขัดด้วยแลกเกอร์
    พอตาในมองไปที่พื้นข้างๆ ตำแหน่งที่ตนเองนั่งขัดสมาธิอยู่
    ก็เห็นพื้นไม้ชัดเจน
    เหมือนเราลืมตามองด้วยตาเนื้อ
    ..
    แต่จะแตกต่างจาก
    เวลาที่เรามองด้วยตาเนื้อนั้นเราจะเห็นว่า การเห็นด้านนอกของเรา
    จะมีแสงและเงาเข้ามาผสมด้วย

    ..
    แต่ตอนที่มองด้วยตาใน
    มันเห็นชัดเจน
    โดยที่บอกไม่ได้เหมือนกันว่า เห็นได้อย่างไร และมีอะไรมาส่องสว่าง
    ทำให้มองเห็นพื้นไม้ขัดเงา
    หันไปมองเพื่อนที่นั่งสมาธิอยู่ข้าง ๆ
    ห่างกันประมาณ 1.5 เมตร ก็เห็นทุกคน เห็นเขานั่ง ท่านั่ง สีเสื้อผ้า อากัปกิริยา
    เห็นทุกอย่างในห้องเรียน มองออกไปนอกประตู หน้าต่างได้
    ชัดเจนทุกอย่าง แบบความชัดของภาพ สม่ำเสมอกัน
    ไม่มีแสง เงา ว่าตรงนั้นมืด ตรงนี้สว่างกว่า
    สภาพพื้นที่บริเวณที่มองไป เห็นชัดเจนเท่ากันหมด
    ..
    เงยหน้าขึ้นมองดูกายภายนอก
    ก็เห็นนั่งหลับตา
    และเห็นว่ายังหายใจ ปกติ สม่ำเสมอ
    แต่กายภายนอกไม่มีความรู้สึกอะไรเลย ไร้ความรู้สึก

    เหมือนเป็นคนอื่น
    เหมือนก้อนเนื้อตั้งอยู่เฉยๆ
    และยังไม่ตาย และยังทำงานเป็นปกติอยู่
    คือนั่งขัดสมาธิและหายใจสม่ำเสมอ
    ..


     
  16. กำลังเดินทาง

    กำลังเดินทาง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2018
    โพสต์:
    78
    ค่าพลัง:
    +103
    หลังจากที่สำรวจร่างกายและสิ่งแวดล้อม
    ต่างๆ ไปอย่างเร่งรีบ
    เหมือนเด็กที่หลงเข้าไปในร้านขายของเล่นน่ะครับ
    อันนั้นก็เหลือบดู แปปเดียวก็หันมามองอันนี้
    ซ้าย ขวา หน้า หลัง ก้ม เงย แบบไวๆ น่ะ
    ..
    ก็ได้สำรวจร่างกายของตนเอง
    แต่ก็หันมาดูสำรวจแขน
    ก็มองเห็นชัดเจน
    มาก
    ระดับขนแขนทุกๆ เส้น สามารถ
    มองเห็นได้ชัดเจนมาก เหมือนมีเลนซ์ตา
    ที่มีประสิทธิภาพดีเยี่ยมมาก
    เพราะขนขนาดเท่าเดิม
    แต่การมองเห็นนั้นชัดมากๆ
    เหมือนเราถอนขนออกมาส่องด้วยกล้องจุลทรรศน์น่ะครับ
    สามารถกำหนดจิตให้เข้าไปดูใกล้ๆ ขนได้แบบแนบชิดมาก

    ..
     
  17. hastin

    hastin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,116
    ค่าพลัง:
    +3,084
    ตอบท่านนักเดินทางแบบรวมๆเลยล่ะกัน
    ที่เกิดมาชอบดูจิต เพราะเมื่อก่อนเคยทำแบบนี้จนชิน เลยมาปฎิบัติต่อ
    ส่วน กายในกายที่พบเจอ เคยทำได้มาแล้วในอดีต เคยผ่านหมวด กาย เวทนา ไปแล้ว

    เพียงแต่ ชาตินี้ ก็ยังต้องมาข้ามโคตรใหม่ ต้องย้อนไป หมวด กายใหม่ อสุภะ มรณา ให้เบื่อกายก่อน
     
  18. กำลังเดินทาง

    กำลังเดินทาง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2018
    โพสต์:
    78
    ค่าพลัง:
    +103
    ขอวกกลับมาตอนที่
    จิตตกเข้าไปตรงที่ลิ้นปี่อีกครั้งน่ะครับ
    ..

    ความรู้สึก น่ะตอนนั้น
    ความรู้สึกของกายภายใน
    ของสภาพตอนนั้น
    จะรู้สึกดังนี้
    ..
    ความสุขที่มหัศจรรย์
    อธิบายไม่ได้ ไม่รู้จะเขียนอธิบายเปรียบเทียบ อย่างไร ถึงจะถูกต้อง
    ความสุขมันแผ่ซ่านไปทั่วตัว สุขมาก
    มันอิ่ม เอิบ ซ่าบซ่า เต็ม 100 เปอร์เซนต์
    ไร้ทุกข์ทั้งสิ้นเชิง
    ความสุขตอนนั้น (เหมือนเรามีรูปวงกลม และเราได้ระบายสีน้ำเงินจนเต็มรูปวงกลมน่ะครับ จนไม่มีที่จะให้ระบายแล้ว)
    คือเป็นความสุขที่เต็มที่แล้ว
    มันสุขมากๆ เกินปกติของมนุษย์
    นอกจากตรงจุดนั้น
    ปัจจุบันนี้ยังไม่เคยพบความสุขแบบนั้น
    จากไหนเลย
    สุข
    ทุกอณู รูขุมขนของกายในน่ะครับ สุขทุกระดับเซลล์แบบสม่ำเสมอ ในระดับเต็มเปี่ยมที่เท่ากันของอณูกายในอณูแรกจนถึงอณูตัวสุดท้าย

    ..
    ไม่ร้อน ไม่หนาว ไม่หิว ไม่วุ่นวายใจ
    กายในสุขมากๆ
    ไม่เจ็บ ไม่ปวดอะไร ไม่รู้หิว
    คล้ายๆ ไม่รู้สึกโลภ โกรธ หลง อะไร
    ไม่อยากได้อะไรทั้งนั้น ณ ตอนนั้น
    เพราะตอนนั้น
    ความรู้สึกกายใน มันสุขมากๆ
    เป็นความรู้สึกที่สามารถนั่งสมาธิ
    อยู่ตรงนั้นได้เป็นวันๆ เดือน ๆ ปีๆ หรือตราบที่ใจปรารถนา
    ..

    มันสุขฉ่ำมากๆ (มันจะเหมือนเวลาที่เราทานของหวาน
    ลิ้นจะสัมผัสได้ถึงความหวานฉ่ำ ในทุกๆ อณู หรือ ระดับเซลล์)
    สัมผัสความสุข (คือกายในน่ะครับ)
    เพราะตอนนั้นกายนอกไม่รับรู้อะไรแล้ว เพียงแต่รู้ว่า
    กายในอาศัยซ่อนอยู่ ในกายนอกที่ไร้การรับรู้ใดทั้งสิ้น
     
  19. กำลังเดินทาง

    กำลังเดินทาง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2018
    โพสต์:
    78
    ค่าพลัง:
    +103
    ในช่วงขณะที่สภาวะต่างๆ ปรากฎขึ้นดังก่อนหน้านี้น่ะครับ
    กายใน
    สภาวะก็คือเหมือนที่อธิบายข้างบน
    ..

    ปรากฏว่าความรู้สึกของกายใน
    พบอีกสิ่งที่ปรากฏออกมาใน
    ห้วงเวลาเดียวกัน
    (ทั้ง 3 อย่างเกิดพร้อมๆ กัน ไวมาก ในห้วงเวลาสัก ภายใน 1 วินาที น่ะครับ ไวมาก)
    ..
    (คือ พอจิตตกปุ๊ป ปรากฏร่างกายซ้อนกัน 2 อัน + ความสุขเอิบอิ่มเต็มเปี่ยมปรากฎพร้อม) +
    ..
    และพร้อมกับสิ่งนี้ครับ
    ..
    มีดวงแก้วใสๆ รูปทรงกลม
    กลิ้ง ขรุๆ ๆ อยู่ข้างลำตัวตนเอง
    ตอนนั้นก็คือ
    งงครับ
    และมองตาม ลูกแก้วไป
    ซึ่ง

    ลูกแก้ว (ขนาดประมาณเส้นผ่าศูนย์กลาง 20 ซม. คร่าวๆ น่ะกะเอาครับ
    พยายามนึกครับ เพราะเหตุการณ์ผ่านมานานมากแล้ว หลายปีครับ)

    ..
    แรกๆ
    ก็งง
    ว่าคือลูกแก้วอะไร
    มาหล่น กลิ้ง กระเด็น กระดอน ตามพื้นไม้ขัดมันใกล้ๆ ที่ตนเองนั่งอยู่
    กลิ้งไปมา ที่ข้างๆ ลำตัว
    ลูกแก้วเคลื่อนไหวเร็วมาก
    สายตา (กายในมองแทบไม่ทัน)
    ลักษณะการกลิ้ง กระเด็น กระดอน สภาพเหมือนลูกปิงปอง ที่ตกกระทบพื้นน่ะครับ
    (ไว เร็ว ตาในมอง จนสับสน)
    เหมือนเด็กที่วิ่งไล่จับลูกบอลแล้วจับไม่ได้
    จนรู้สึกว่าอ่อนใจกับลูกแก้วนั้น
    ความรู้สึกว่าปลงตกล่ะ
    ยิ่งอยากไล่จับลูกแก้ว
    ก็ปรากฏว่าวิ่งหนีตลอด
    ..
    จึงเลิกสนใจ
    ปลงตก
    ..
    ขณะที่รู้สึกปลงตกและเลิกสนใจ
    เอาความรู้สึกมาจับไว้ที่กายในต่อ (ไม่สนใจลูกแก้วที่อยู่ข้างลำตัวล่ะ)
    เพียงแค่ย้ายความรู้สึกมาไว้ที่กายในแค่นี้
    ..
    ปรากฏว่า
    ลูกแก้วดวงนั้น
    สปริงตัวเอง แบบกระโดดเข้ามาอยู่ในช่องท้องของตนเอง (กายใน)
    แบบอัตโนมัติ
    ความรู้สึกคือ
    เสียวมากๆ และกลัวด้วยครับ
    (เหมือนเอเลี่ยนกระโดดใสท้องเราน่ะครับ)

    ปล. ตอนหลังได้มีโอกาสพบท่านอาจารย์ที่หมดทุกข์แล้ว ท่านอธิบายว่า ลูกแก้วคือ ดวงจิตของมนุษย์เรา
    ..
    แต่ก็มีคำถามเยอะๆ ที่ใจอยากถามอาจารย์ท่านนั้น แต่ด้วยจริตของท่านที่เน้นปฏิบัติเยอะ อธิบายน้อย ท่านก็ดุเอาว่าสนใจอยากรู้ในสิ่งที่สาระน้อย ท่านไม่อยากให้ไปสนใจ ก็เลยไม่ได้ถามเซ้าซี้ท่าน
    แต่ก็อยากทราบอยู่ จึงขออนุญาตเรียนถามในเวปพลังจิตนี้ก็แล้วกัน
    เพื่อเป็นวิทยาทานจากท่านๆ ทั้งหลาย
    และเป็นการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกัน ของผู้ที่กำลังเดินทางเหมือนกัน
    ..
    ..
    ..

    1.ในสภาวะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ดังข้างบน สามารถอธิบายด้วยขั้นตอนของการวิ่งผ่าน สมาธิ และฌาน เป็นลักษณะอย่างไรบ้างครับ
    คือ
    - เกิดสมาธิแบบไหนขึ้นบ้าง
    - เกิดฌานแบบไหนขึ้นบ้าง

    ..
    ..
    ..
    ..
    ขอบคุณล่วงหน้าทุกท่านน่ะครับ
    ปล. ณ ปัจจุบันนี้ผู้ถาม ยังหาทางกลับไปยังจุด ที่ บังเอิญพบยังไม่ได้ ก็ไม่รู้เหมือนกัน หลง บังเอิญไปได้อย่างไร ก็ไม่รู้ มีโอกาสจะกลับไปได้ง่ายอีกไหมครับ
    ..





     
  20. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    อาการ ส้มหล่น. ฟลุคจิตสงบตอนเด็กแล้วจิตออกมาจากกายหยาบเป็น กายทิพย์ครับ เลยออกไปเดินเล่นอะไร ดูอะไรแบบนั้นได้ ที่เห็นชัดเพราะเราใช้จิตตาในดู ไม่ได้ใช้ตาเนื้อ อะไรพวกนี้

    ปัจจุบัน ถ้าอยากต้องการออกไป แนะนำฝึกมโนยิทธิ ที่บ้านสายลมครับ กทม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 สิงหาคม 2018

แชร์หน้านี้

Loading...