เรื่องเด่น เรื่องเล่า "นักขุดกรุ"มือขลัง ขมังเวทย์ที่สุดในแผ่นดิน

น้องปรายฯอวยชัยให้พรเข้าท่า โดยเฉพาะการอวยให้ตนเอง ซึ่งเป็นเรื่องจำเป็นที่สุด เราต้องมีก่อนถึงจะแบ่งปันได้ จำไว้ทุกท่าน ให้ผู้อื่นเท่าใด ต้องอธิษฐานให้กับตนเองเท่านั้น แล้วก็จะบังเกิดผลดี แบ่งปันไปได้ตลอดเวลา

เทียนเล่มแรกเราเป็นผู้จุด แสงสว่างจากเทียนเล่มต่อๆไปก็ดำเนินต่อเนื่อง ฉันใดก็ฉันนั้น

 

ชั่วโมงแห่งการลุ้นผ่านพ้น ขอให้ทุกคนกำลังมีความสุขกับลาภชั่วโมงนี้ตามคำอวยพรน้องไทยฯ

 

เข้าสู่ภาพตามวันกับน้องมากิ
ไร่ชาที่สวยสบใจ เขียนให้ดีๆ...

ขั้นบันได.......ไร่ใบชา
พุ่มพราวตา.....น่านับถือ
ภูมิปัญญา.......ร่ำระบือ
ชาลือชื่อ.........คือ"อู่หลง"!

ค้นมาให้อ่านประดับสติปัญญา...ชา"อู่หลง"มีสาร"โพลิฟินนอล"ซึ่งมีสุดยอดสรรพคุณ 12 ประการสร้างคุณอนันต์ต่อร่างกาย คือ...

--1...ลดคอเรสเตอรอลช่วยลดการเกิดโรคหัวใจ&หลอดเลือด
--2...ต้านอนุมูลอิสระ ชะลอความแก่
--3...คุมโรคอ้วนลดน้ำหนักได้
--4...ป้องกันฟันผุ อันนำไปสู่โรคมะเร็งช่องปากและสารพัดโรค
--5...ต้านมะเร็งผิวหนัง-รังไข่ในสตรี
--6...เสริมกระดูก-ต้านโรคกระดูกพรุน
--7...เป็นหนึ่งในพืชสมุนไพรที่ถูกบรรจุในโปรแกรมรักษาเบาหวาน
--8...ลดความเครียดอารมณ์แปรปรวน
--9...ต้านการติดเชื้อแบคทีเรียบางชนิด
--10..ช่วยรักษาโรคผิวหนังอักเสบ
--11..ลดริ้วรอยความแก่ช่วยผิวพรรณผ่องใส
--12..มีส่วนช่วยป้องกันผมร่วง

มีด้านสว่างก็ต้องมีด้าน"ดาร์ค"...มาชมมุมมืดของชาวิเศษนี้บ้าง...

--ไม่เหมาะกับผู้ป่วยโรคไทรอยด์
--โรคกระเพาะอักเสบ-โลหิตจาง
--สตรีมีครรภ์
--ดื่มเข้มข้นทำท้องผูก-นอนไม่หลับ
--ดื่มมากเกิน ลดการดูดซึมวิตามิน B1กับธาตุเหล็ก
--เติมนมในชาทำให้ไม่เกิดผลต้านมะเร็ง เพราะนมไปจับสารแทนนินไม่ให้ออกฤทธิ์

นี่คือ"ทางสายกลาง"ดังหลักแห่งคำสอนพระพุทธองค์ ทุกอย่าง"มากไป-น้อยไป"ล้วนเป็นโทษมหันต์ ทำให้เพียงพอ-พอดี จึงเกิดประโยชน์และคุณค่าอนันต์

 

เหรียญหล่อพระพุทธชินราชครึ่งซีก
หลังตอก"มค๑"-วัดสุทัศน์ ปี93-94
====================

นักนิยมพระเครื่องส่วนใหญ่จะคุ้นตากับ พระพุทธชินราชห้าเหลี่ยม หลังตอกโค้ตเดียวกันนี้กับไม่ตอก ซึ่งสร้างโดยท่านเจ้าคุณศรี(สนธ์)แห่งวัดสุทัศน์ในปี 2494 เพื่อฉลองวาระการสร้างพระพุทธรูปให้กับวัดบ้านเกิดของท่านที่สระบุรี

ความจริงแล้ว พระพุทธชินราชเหรียญหล่อแบบสามเหลี่ยมหรือที่เรียกกันว่า"ครึ่งซีก"นี้ สร้างก่อนห้าเหลี่ยมเล็กน้อยในปี 93 ส่วนหนึ่งเพื่อแจกผู้ไปรบสงครามเกาหลี โดยประธานจัดสร้างคือท่านพระองค์เจ้าเฉลิมพล ฑิฆัมพรเป็นประธานฝ่ายฆราวาส เททองที่วัดสุทัศน์ 6 ตุลาคม 2493(พิมพ์ห้าเหลี่ยม เททองสร้าง 17กค.2494)

สร้างเสร็จก็ตอกโค้ตกงจักรด้านหลัง บ้างก็ไม่ตอก เมื่อแจกทหารจำนวนหนึ่ง ส่วนที่เหลือ ก็นำมาเข้าพิธีอีกวาระพร้อมรุ่นห้าเหลี่ยม และตอกโค้ตเหมือนๆกันตามไป และนำไปแจกที่วัดโคกหม้อในขณะที่พิมพ์ห้าเหลี่ยม แจกที่วัดศรีจอมทอง สระบุรี แยกความให้นักเล่นไม่สับสนไว้เรียบร้อยดังนี้ และมีบางองค์ที่หลังเรียบพลั้งเผลอไม่ได้ตอก ก็เป็นจุดด้อยในการเล่นหาสะสม

การจำแนกพระพุทธชินราชครึ่งซีกกับห้าเหลี่ยมเจ้าคุณศรี(สนธ์)วัดสุทัศน์ อาศัยการดูเนื้อหาโลหะหล่อโบราณอันคลาสสิคแบบฉบับวัดสุทัศน์ ตักศิลาแห่งโลหะหล่อไร้เทียมทานยุคก่อนพ.ศ.2500 รอยตะไบหยาบ ผิวพรรณเหลืองอมเขียวเป็นหลัก

องค์ที่ผ่านการใช้ก็จะมีเนื้อแดงปะปน แต่อย่างไรก็ตาม การดูพิมพ์ก็ไม่ยาก เพราะพระสร้างไม่มาก ทั้ง 2 แบบไม่ถึงหมื่นองค์ พุทธลักษณะหน้าตาล้วนมีแบบแผนในตัวเอง เพียงเคยเห็นเคยส่องบ้างก็จะคุ้นตา เหมือนหน้าตาคนที่เรารู้จัก แม้เกิดการเปลี่ยนแปลงบ้าง ก็ยังมีเค้าให้จำได้

โค้ต"มค๑"นั้น คือการย่อนาม"มงคลราชมุณี"ของท่านเจ้าคุณศรีซึ่งได้รับการแต่งตั้งเป็นองค์ที่๑ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์

บูรพาจารย์ที่ร่วมพิธีปลุกเสก ก็รวมเอาสุดยอดแห่งยุคนั้นไว้ครึ่งค่อนเมือง"จาด-จง-อี๋" มาครบขาดแต่"คง" รวมทั้งหลวงพ่อรุ่ง วัดท่ากระบือ หลวงพ่อแฉ่ง วัดบางพัง หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม หลวงพ่อดี วัดเหนือ หลวงพ่อทองศุข วัดโตนดหลวง หลวงพ่อทบ วัดชนแดน หลวงพ่อเต๋ คงทองฯลฯ

เนื้อหาทั้งสองแบบ ก็ได้ชนวนโลหะจากพระพุทธชินราชอินโดจีนปี85มาเป็นส่วนผสมช่ำใจ ฤกษ์งามยามหล่อหรือศาสตร์แห่งพิธีก็หายห่วง ในโลกนี้นับตั้งแต่มีการหล่อพระเป็นตัวเป็นตน เป็นล่ำเป็นสันขึ้นในสยามประเทศ หามีสำนักใด เคร่งครัดและเทียบเท่าวัดสุทัศน์ในยุคองค์สมเด็จพระสังฆราชแพกับแขนข้างขวาพระองค์ท่านคือยุคเจ้าคุณศรี(สนธ์)อีกแล้ว

พระหล่อสมัยใหม่จะโม้ให้ขี้ฟันกับน้ำลายกระเด็นไปร้อยเอ็ดเจ็ดคุ้งน้ำ ก็โม้กันไป แต่คนยุคที่เขาทันและรู้จริง รู้อยู่ว่าพระโรงงานและกรรมวิธีการสร้างแบบถูกต้องตามตำรับโบราณของจริงนั้น ยุคใหม่เทียบไม่ได้แม้ขี้เล็บของยุคเก่าก่อน

ถ้าเป็นคนเล่นพระช่างสังเกตก็จะเห็นว่า พระวัดสุทัศน์ยุคเก่าเขามีไว้ใช้ ส่วนพระหล่อ-พระกริ่งยุคใหม่ มีไว้ขาย ไม่เคยมีเซียนคนไหนเอามาขึ้นคอ นอกจากโม้น้ำลายแตกฟองให้คนซื้อตาพองโตก่อนหลงเชื่อควักกระเป๋า

ยิ่งพระสร้างน้อยขาดการหมุนเวียน อุปสงค์-อุปทานไม่สมดุลก็เป็นโอกาสของผู้รู้ที่จะเก็บพระดีทีเด็ดยุคเก่าก่อนนี้ไว้บูชาโดยคนรุ่นหลังอาจนำของตกทอดจากบรรพบุรุษมาปล่อยในราคาตกหลังกระบือทองคำที่กำลังเป็นข่าวดัง

ซึ่งความจริง พระพุทธชินราชหลัง"มค๑"นี้ แพงมานานตั้งแต่ก่อนพระเหล่าเกจิอาจารย์จะพุ่งขึ้นมานิยม แม้วันนี้ก็ยังแพงอยู่ จึงนำมาให้ชมกันเป็นความรู้สำหรับองค์นี้ ไม่เคยใช้เก็บวางในกล่องอย่างเดียวเกิน30ปี น้ำทองตามซอกยังกระจายรอบองค์ ด้านหลังก็อย่างที่น้องต้อดบรรยายด้วยภาพ

ชมเป็นความรู้ไว้บ้าง เผื่อมีโอกาสไปเจอะเจอหลงสำรวจ จะรู้ว่า ที่โบราณพร่ำบอก...รู้ไว้ใช่ว่า ใส่บ่าแบกหาม นั่นเป็นเรื่องจริงแท้!

 

น้องเสฯส่งบุญตั้งแต่เช้า รีบโมทนาร่วมด้วยก่อนข้ามวัน ขอผลแห่งบุญส่งให้เฮง เฮง วันนี้ทุกท่าน จะมากน้อยก็ไม่ว่ากัน

 

อีกหนึ่งกรรมวิธีอุทิศบุญ แผ่กุศลเพื่อเป็นหนทางธรรมและบารมีถูกต้อง น้องเสฯอุตส่าห์รวบรวมมาฝาก ก็ขอให้ท่านสมาชิกที่ยังไม่รู้เคล็ดรีบนำไปกระทำ ขอบอกเลยว่า นี่เป็นเคล็ดที่ถูกต้องได้ผลเกือบเต็มร้อย ส่วนท่านที่ทราบแล้วก็นำไปทบทวนอย่าหลงลืม

ขอบคุณและโมทนากับน้องเสฯด้วยครับ

 

ธรรมมะสวัสดีคืนนี้ครับ

 

อ้าว! นั้น.. ดันไปเปลี่ยนชื่อกรมของเขาซะแล้ว
พัฒนาฮาเฮนี่ยังเท่ห์พอใช้ได้ แต่ยอดนักขุดคุ้ยนี่มันหมาข้างถนนเลยนะว้อยแก

 

พี่ครับ เรื่องเก่าจบแบบงง น้องนุ่งทายถูกแล้วเงียบเลยนะ ไม่มีแบ่งเลย หรือน้องต้องลงทุนไม่นุ่งถึงจะใจอ่อน แต่ถ้าพี่เอาจริงผมก็ไม่เอาเหมือนกันครับ 5555

 

สวัสดีครับ บรรยากาศสบายๆในวันหยุด พักผ่อนกันนะครับ

 

สวัสดีคุณอาวันวิและแฟนคลับทุกท่านครับ

 

เฮ้ย อย่า ๆ ๆ ลองถ้าไม่นุ่งมันจะยุ่งกว่า ฟ้าคงทนดูไม่ได้เดี๋ยวจะผ่าคุณเอา
อีกอย่างผมอุตส่าห์ไม่เอ่ยชื่อวัตถุมงคลนี้ แต่แกก็ดันมาทายของเขา แล้วดันทายถูกซะด้วยนะ
แต่อีกคนนี่มาเด็ดกว่า มาพร้อมหลักฐานชนิดที่หนีไม่ออกเลยทีเดียว

อยากแบ่งเหรอ งั้นมา ๆ ผมมีตะกรุดมหาสะท้อนรุ่น 5 อยู่ดอกนึง แต่ดอกนี้ผมต้องใช้ทองคำหนัก 3 บาทเอาไปแลกมาจากวัด ถ้าอยากได้ก็เอาทองคำ 3.5 บาทเอามาแลกเอาไปได้เลย

อ้อ.. ลืมไป ยังมีรุ่น 2 อยู่อีกดอกนะ รุ่นนั้นจารมือ ไม่ได้ปั้มจากโรงงานเหมือนรุ่น 3 นะ ได้มาจากน้องบุญทรง แจ่มศรี แผ่นเงินหนามาก ตอนนั้นแกเอาลงมาประมูลหาเงินไปจัดซื้อผอบทองคำ เพื่อนำไปบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ที่ได้ขอพระราชทานจากสมเด็จพระสังฆราชองค์ก่อน ประมูลได้มาในราคาหมื่นกว่าบาท ตอนนั้นถือว่าราคาที่ผมประมูลมานี่ค่อนข้างสูงเลยนะ ข่วงเวลาน่าจะก่อนที่ตะกรุดรุ่น 3 จะออกมา จะเอามั้ยละดอกนี้

 

ขอบพระคุณในน้ำใจของพี่พัฒนาฯ แค่ฟังต้นทุนก็มหาสะท้านเลยครับ และพี่ wanwi ให้พรผมแล้วว่าจะไม่โดนคุณไสย 555

 

จริง ๆ แล้วตะกรุดมหาสะท้อนรุ่น 5 ที่เป็นเนื้อเงินผมก็พอมีอยู่บ้าง ราคาจากวัดดอกละ 5,000 บาท ถ้าจำไม่ผิดนะ แต่ก่อนที่ตะกรุดทองคำจะออกมา ผมก็พกเนื้อเงินติดตัวไปทำงานทุกวัน ตอนนั้นรู้สึกว่าการเงินคล่องตัวดีมาก หลาย ๆ อย่างดี แต่พอได้เนื้อทองคำมา ก็เอาเนื้อเงินดอกนั้นฝากน้องคนนึงขาย แต่ปรากฎว่าหลาย ๆ อย่างไม่เหมือนดอกเดิมเลย มานึกดูอีกที เนื้อเงินทำออกมาก่อน เนื้อทองคำทำมาทีหลัง คนละพิธีกัน รู้สึกเสียดายเนื้อเงินดอกนั้นจังเลย ตอนนั้นขายไปไม่แพงด้วย น่าจะไปอยู่ที่สุพรรณฯ แล้วก็ยังตามไปอีกหลายดอก จนผมต้องบอกว่าไม่ให้แล้ว ขอเหลือเก็บเอาไว้บ้าง ปรากฏว่าตอนนี้ราคาขึ้นไปแตะที่ 5 หลักแล้ว ครั้นพอจะเอาที่มีเหลืออยู่ออกมาขายบ้าง ก็หาไม่เจอไม่รู้หายไปไหน หรือถูกใครขโมยไปเสียแล้วก็ไม่รู้ ไม่งั้นจะเอามาบูชาคู่กับทองคำเสียหน่อยอีกสัก 1 ดอก

ออ.. เกือบลืมไป แกไม่ต้องบอกเลยนะ ว่าถ้างั้นผมจะมาช่วยหาให้เอง แต่ถ้าจะหาจริง ๆ ลองหาในเฟซฯ ดูดีกว่า เห็นมีคนเอามาลงขายกันดอกละหมื่นหน่อย ๆ เห็นลงมากี่ดอกก็ไม่เหลือ

 

สงสัยจะไม่มีเพราะราคาแพงเกินเหตุ เอามาลงแล้วไม่สนุกสำหรับคนเบี้ยน้อยหอยไม่ใหญ่ ต้องลงประเภทที่ราคาพอลงชื่อจับสลากหรือประมูลสู้กันไหว แต่ก็ขอพิจารณาดูอีกที เป็นข้อเสนอที่เข้าทีอยู่เหมือนกัน

 

ถือว่าเปลี่ยนที่นั่งพักละกัน

 

น้องณัฐเฉลยให้แล้ว

 

นั่นะสิเป็นตะกรุดยุคใหม่ที่แพงมาก มหาสะท้านดังว่า

 

ต้องมีประสบการณ์เป็นรูปธรรมเห็นชัดในหมู่ศิษย์ผู้บูชา ราคาจึงแพงและได้รับความนิยมสูงเช่นนี้ เป็นของใหม่ไฟแรงที่น่าทึ่งอีกอย่าง