โชคเหนือเมฆ-กำไลเหนือดวง- มูลนิธิเทียนฟ้า 2497 - วัตถุมงคล หลวงปู่พิศดู-ครูบากฤษดา

สวัสดียามสายครับป๋า

 

สวัสดียามเที่ยงครับป๋า

 

สวัสดียามสายครับป๋า

 

ew109729426th สามเสนใน

 

กำลังง่วงๆเจอแบบนี้สักชุด ค่อยยังชั่วหน่อย มะม่วงแรด-น้ำปลาหวาน

 

สวัสดียามสายครับป๋า

 

‎หลวงปู่พิศดู ธมฺมจารี
23 สิงหาคม 2018


#เหาะเหินเดินอากาศล่องหนหายตัว..
มีครูบาอาจารย์หลายท่าน และผู้ที่เป็นลูกศิษย์ขององค์หลวงปู่กล่าวกันว่า.. " หลวงปู่พิศดูท่านเป็นพระที่มีฤทธิ์มีเดช (อภิญญา) "

บ้างก็บอกว่า.. " พระอย่างหลวงปู่ ท่านสามารถเหาะเหินเดินอากาศ ล่องหนหายตัวได้ "

ถ้ามาวิเคราะห์ตีแตกแยกธาตุกันจริงๆแล้ว เรื่องเหล่านี้ก็คงไม่เกินวิสัยของหลวงปู่ท่าน เพราะองค์แห่งฤทธิ์อภิญญาทั้งหลาย ล้วนมีธาตุกสิณเป็นบาท ซึ่งเป็นเพียงส่วนหนึ่งในกัมมัฏฐาน 40 กอง ซึ่งองค์หลวงปู่พิศดูท่านก็สามารถเจริญได้จบครบถ้วนแล้วทั้งหมด กัมมัฏฐานทั้ง 40 กองดังกล่าวนั้นประกอบด้วย..
1. กสิณกัมมัฏฐาน 10 กอง
2. อสุภกัมมัฏฐาน 10 กอง
3. อนุสสติกัมมัฏฐาน 10 กอง
4. พรหมวิหารกัมมัฏฐาน 4 กอง
5. อรูปกัมมัฏฐาน 4 กอง
6. อาหาเรปฏิกูลสัญญา 1 กอง
7. จตุธาตุววัฏฐาน 1 กอง
รวมทั้ง 7 หมวดเป็น 40 อย่างพอดี
สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงทราบถึงความเหมาะสมในกัมมัฏฐานต่างๆ ที่เหมาะสมกับจริตของแต่ละบุคคล เมื่อใดอารมณ์จิตของท่านผู้ใดข้องอยู่ในอารมณ์ชนิดใด ก็ให้เอากัมมัฏฐานที่พระองค์ทรงประทานไว้ว่าเหมาะสมกัน เข้าพิจารณาหรือภาวนาแก้ไข เพื่อความผ่องใสของอารมณ์จิต เพื่อการเจริญวิปัสสนาญาณ เพื่อมรรคผลนิพพานต่อไป...
(ซึ่งรายละเอียดในกัมมัฏฐานทั้งหลายนี้จะไม่ขอกล่าวถึงให้มากเนื้อความ หากท่านใดต้องการทราบ ให้หาศึกษาได้ใน Google)

เพียงแค่ 1 ในกัมมัฏฐานทั้ง 40 กองนี้ หากผู้ใดตั้งใจเจริญด้วยความวิริยะอุตสาหะแท้จริงแล้ว ประกอบกับใช้วิปัสสนาญาณ ก็สามารถจะบรรลุธรรมได้ แต่ก็ใช่ว่าทุกท่านจะสามารถเจริญได้จบครบถ้วนทั้งหมด 40 กองก็หาไม่ มีแต่เพียงพระผู้ทรงความเป็นอัจฉริยภาพจริงๆเท่านั้น ที่สามารถเจริญได้ครบถ้วน ซึ่งส่วนใหญ่แล้วท่านผู้นั้นก็จะได้อภิญญาสมาบัติ..

จะว่าไปคำว่า " เหาะเหิน เดินอากาศ ล่องหน หายตัว " นั้นเป็นคำกล่าวที่แสดงถึงผู้มีฤทธิ์ประเภทเหนือวิสัยของปุถุชนธรรมดา
แต่สำหรับในส่วนขององค์หลวงปู่พิศดู ที่มีลูกศิษย์ของท่านเคยพบเห็นกันมาก็มีหลายคน เรื่องที่ผู้เขียนเคยได้ยินได้ฟังมาจากผู้มีประสบการณ์ตรง ที่ว่า
" เดินอากาศ และล่องหน หายตัว " นั้นมีจริงอย่างแน่นอน แถมผู้ที่พบเจอ ปัจจุบันก็ยังมีชีวิตอยู่ แต่สำหรับเรื่อง " เหาะเหิน " นี้ก็ยังไม่ทราบว่ามีใครเคยเห็นท่านแสดงบ้างหรือไม่ แต่ถ้าจะว่าเป็นเรื่องที่ใกล้เคียงหน่อยก็จะเป็นเรื่องที่มีคนเห็นหลวงปู่ท่านนอนภาวนา แล้วตัวท่านก็ลอยสูงขึ้นไปบนอากาศ ห่างจากพื้นที่ท่านนอนร่วมเมตรกว่าๆ แบบนี้จะว่าเป็นการเหาะได้หรือไม่..? แต่สำหรับเรื่องหูทิพย์ ตาทิพย์ รู้อดีต รู้ปัจจุบัน รู้อนาคต และรู้วาระจิตนั้น เป็นเรื่องปกติที่ลูกศิษย์ของท่านมีประสบการณ์กันแทบทุกคน..

หลวงปู่ท่านเป็นพระที่มีจริตชอบอยู่แบบสงบวิเวกเป็นพระปัจเจกบุคคล ถ่อมตน ไม่โอ้อวดหรือชอบแสดงอะไรให้ใครดูบ่อยครั้งนัก แต่ก็ยังมีคนเจอประสบการณ์แนวนี้กันมาก ซึ่งเป็นเรื่องเหนือวิสัยคนธรรมดา ทั้งนี้ก็ตามแต่วาสนาของแต่ละบุคคลไป..
Sira Pop‎

 

#ป่าดิบเมืองจันท์..Sira Pop‎
ป่าเมืองจันท์เมื่อประมาณ 70 - 80 ปีก่อน จะขึ้นชื่อเรื่องดงดิบ และเสือสมิง เป็นที่รู้กันดี โดยเฉพาะที่เทือกเขาสระบาป มีข่าวว่ามีเสือสมิงออกมาลากคนและสัตว์เลี้ยงเข้าไปกินบ่อยครั้ง ชาวบ้านต่างหวาดกลัวกันมาก พอตะวันเริ่มตกดินจะปิดประตูบ้านเงียบ พ่อเมืองจันทบูรในสมัยนั้นจึงได้ระดมนายพรานฝีมือดีเข้าป่าไปล่าเสือที่ออกมาอาละวาด เพื่อความสงบปลอดภัย จนกระทั่งเสือในป่าได้จบชีวิตลงไปเป็นจำนวนมาก แต่ก็ยังมีข่าวว่า มีเสือสมิงลากคนเข้าไปกินอยู่ เพราะเชื่อกันว่าเสือสมิงนั้นฉลาดกว่าเสือทั่วไป แถมยังสามารถแปลงกายเป็นคนได้..

ผมเคยเรียนถามหลวงปู่พิศดูว่า สมัยที่หลวงปู่ธุดงค์อยู่ที่เขาสระบาปเป็นปีๆ หลวงปู่เคยได้ยินข่าวเรื่องเสือสมิงบ้างไหมครับ..?

หลวงปู่ตอบว่า.. " เคยสิ่ สมัยนั้นเขาเล่าลือกันมากเรื่องเสือสมิง เราก็ไปอยู่ที่นั่น เข้าๆออกๆจนทั่วทั้งป่า แต่ก็ไม่เคยเจอ จะเจอก็แต่เสือธรรมดา เดินสวนกันแบบนี้ แต่ไม่ทำร้ายกัน.."

แล้วหลวงปู่ไม่กลัวหรือครับ..?

" ไม่กลัว..เราเจริญเมตตา ไม่ทำร้ายเขา เราตัดสินใจมอบกายถวายชีวิตให้พระพุทธเจ้าไปแล้ว อะไรก็ไม่กลัว เป็นอะไรก็เป็น.."

นอกจากนี้แล้วหลวงปู่ยังเคยบอกว่า ที่ป่าเทือกเขาสระบาปมีภูมิของชาวลับแลอยู่ ชาวลับแลที่นั่นเป็นภูมิชั้นล่างๆ ที่ใกล้เคียงกับมนุษย์เรามากแต่ก็มีความเป็นทิพย์ พวกเขาเคยนิมนต์หลวงปู่เข้าไปบ้านเมืองเขาบ่อยๆ และลูกศิษย์ในยุคแรกๆที่หลวงปู่เคยพาไปธุดงค์ด้วย ได้เคยเล่าให้ฟัง(ต่อหน้าหลวงปู่) ว่าหลวงปู่เคยพาลูกศิษย์เดินเข้าไปในดงลึกที่ไม่มีผู้คนเข้าไปถึง และยังได้เคยเห็นหลวงปู่บิณฑบาตรกับ(รุกขเทวดา)ที่ต้นไม้ ได้ข้าวทิพย์กลับมาหลายครั้ง..

เรื่องราวของหลวงปู่พิศดู เป็นเรื่องมหัศจรรย์ ลูกศิษย์พบเจอกันมากมายแทบจะทุกคน ให้เล่าขานกันอย่างไม่รู้จบ...

 

สวัสดียามสายครับป๋า

 

สวัสดียามสายครับป๋า

 

ของหายากนานๆจะเจอสักชิ้น วัวธนูสาน
กบ(สาน)มหาลาภ
มีคณะศิษย์ที่ศรัทธาในองค์หลวงปู่พิศดู ได้สร้างวัตถุมงคลชุดพิเศษขึ้นมา คือ กบสาน หุ่นพยนต์ วัวธนู ซึ่งวัตถุมงคลเหล่านี้ได้สร้างจากตอกไม้ไผ่(ขวางทาง) สานเป็นรูปต่างๆ ตามแบบฉบับตำราแห่งล้านนาโบราณโดยอาจารย์ผู้ทรงคุณความรู้สายภาคเหนือ และได้นำฝากขอความเมตตาต่อองค์หลวงปู่พิศดู ท่านครูบากฤษดา และครูบาอาจารย์ต่างๆ ทางภาคเหนืออธิษฐานจิตให้ เพื่อถวายให้กับวัดๆหนึ่งใน จ.นครราชสีมา
กบสานนี้ได้สร้างออกมา 2 วาระด้วยกัน..
ซึ่งกบสานวาระแรกที่สร้าง ได้นำเข้าฝากในพิธีอธิษฐานจิตพระกริ่ง-ชัยวัฒน์ธัมมะจารี กบชุดนี้สร้างประสบการณ์ปาฏิหาริย์ต่างๆมากมาย อาทิ มีผู้บูชากบหลายท่านได้ยินเสียงกบร้องในบริเวณที่บูชากบสาน แต่ไม่เห็นตัวกบ และผู้บูชาเหล่านั้นได้ประสบกับความเจริญรุ่งเรื่อง และมีโชคลาภต่างๆตลอด จึงได้มีการสร้างกบสานออกมาอีกวาระหนึ่ง
ซึ่งกบสานชุดที่สองนี้สร้างขึ้นพร้อมกับ วัวธนู และหุ่นพยนต์ ได้นําไปฝากเสกที่วัดเทพธารทองนานพอสมควร และได้ขึ้นไปขอความเมตตาจากครูบาอาจารย์สายภาคเหนือหลายองค์ ซึ่งเป็นครูบาอาจารย์ชุดเดียวกับที่เสกกบชุดแรก โดยกบชุดสองนี้ มีรูปแบบเหมือนกันกับกบชุดแรก แต่จะมีการทําสัญลักษ์ไว้ ให้แยกกันออก

กบสานและวัตถุมงคลเหล่านี้ สร้างขึ้นด้วยเจตนาบริสุทธิ์จริงๆ เพื่อมอบให้กับวัดวัดหนึ่งใน จ.นครราชสีมา ซึ่งวัดนี้ได้กำลังก่อสร้างถาวรวัตถุ และยังไม่มีพระประธาน ทางคณะผู้อุปถัมภ์จึงได้จัดสร้างวัตถุมงคลชุดดังกล่าวถวายให้ครูบาอาจารย์ต่างๆเมตตาอธิษฐานจิต แต่ไม่ได้ออกในนามของวัดเทพธารทอง กบทั้งสองชุดนั้นปรากฏว่ามีประสบการณ์มากมายตามแต่วาสนาและบุญกรรมที่สร้างสมไว้ ซึ่งก็ได้เคยมีผู้นำกบสานและวัวธนูสานไปให้นักปฏิบัติผู้มีจิตสัมผัสถึงพลังลี้ลับได้ตรวจดู ผลที่สื่อได้ก็คือ กบสานชุดแรก เป็นกบที่มีอิทธิฤทธิ์ในตัว คล้ายกับมีชีวิต สามารถบนบานได้ พุทธคุณโดดเด่นทุกทาง แต่เน้นในทางป้องกันภัย .ส่วนกบสานชุดที่สองนี้ เป็นกบมหาลาภ เห็นเป็นกบสีทองส่องประกายทองอร่ามเจิดจ้า กบชุดนี้ครูบาอาจารย์ที่เสกเน้นไปทางโชคลาภสูงมาก กบ ทั้งสองชุดนี้มีญาน(รับรู้) ในสิ่งที่เจ้าของอธิษฐานขอได้ .และวัวธนูสาน ผลที่สื่อพลังได้คือ เห็นเป็นวัวธนูไฟ สามารถบูชาไว้เฝ้าบ้านเรือน เพื่อป้องกันเหตุเภทภัยต่างได้ แก้-กันคุณไสย ผีสาง และเทวดาที่ให้โทษได้ผลดีจริงๆ มีอาณาเขตรักษากว้างไกลตามแต่อธิษฐานเอา... ซึ่งทางคณะผู้สร้างก็สงสัยว่าทำไมเสกพร้อมกันกับกบมหาลาภ แต่ไฉนพุทธคุณจึงได้แตกต่างกันจึงได้กลับไปถามกับอาจารย์ผู้สานกบท่านนั้น ก็ได้คำตอบว่า เป็นการผูกอาการและตั้งธาตุต่างกัน กบนั้นอาจารย์ได้ตั้งธาตุน้ำ ส่วนวัวธนูได้ตั้งธาตุไฟ และการที่ถวายให้พระอริยะอธิษฐานจิตให้นั้น ท่านมิได้ปลุกเสกแบบใช้อาคม แต่ท่านใช้การอธิษฐานจิต และอธิษฐานบารมี ของที่ออกมาจึงได้มีผลสมควรแต่เหตุที่จะเป็นไปนั้นๆ และไม่มีเสื่อมด้วย ซึ่งเรื่องนี้ หลวงพ่ออุตมะ ก็ได้เคยวิสัชนาเอาไว้ให้ได้รับความกระจ่างมาแล้วว่า พระอริยะเสกอะไร ผลก็เป็นอย่างนั้น(แม้จะเอาของหลายๆอย่างมาเสกรวมกันก็ตาม) และการเสกแบบนี้หลวงพ่อจำเนียร วัดถ้ำเสือก็เคยบอกเอาไว้ว่า การเสกมีอยู่ 2 อย่าง คือแบบโลกียะ และโลกุตระ แบบโลกียะใช้วิชาอาคมและพลังจิตจากสมาธิเป็นหลัก ผลที่ได้คือสามารถเสื่อมถอยได้ และอาจมีผลข้างเคียง .ส่วนการเสกแบบโลกุตระใช้ความบริสุทธิ์ ความว่างของจิต และอธิษฐานบารมีคุณพระเป็นหลัก ผลที่ได้คือไม่มีวันเสื่อมถอย และไม่ให้โทษ ไม่มีผลข้างเคียง มีคุณสูงกว่าโลกียะ ผลที่ได้รับนั้นจึงต่างกันสุดขั้ว..

 

พระกสิณพิมพ์ท่านพ่อลี เป็นพิมพ์แรกๆที่สร้างพระกสิณครับ

 

ew108294590th มุกดาหาร

 

คาถามหาเมตตา มหาลาภ
(ที่หลวงปู่พิศดู มอบไว้ให้ลูกศิษย์สวดกัน.. และเป็นหนึ่งในคาถาที่หลวงปู่ใช้อธิษฐานจิตวัตถุมงคลของท่านด้วย)

นะโม ตัสสะ ฯลฯ... (3 จบ)

#คาถามหาเมตตา..
พุทโธ อะระหัง สุสุขิโท พุทโธภะคะวาติ พุทโธ นะโมพุทธายะ นะ
มะ เมตตา จะ มหาราชา
อะ เมตตา จะ มหาเสนา
อุ เมตตา จะ มหาชะนะ
สัพพะสิเนหา จะปูชิตา สัพพะสุขัง จะ มหาลาภัง
ราชาโกรธัง วินาสสันติ เสนาโกรธัง วินาสสันติ
ชะนาโกรธัง วินาสสันติ สัพพะโกรธัง วินาสสันติ..

#พระคาถาพระฉิมพลี มหาลาภ..
นะชาลีติ ประสิทธิลาภา (มหาประสิทธิลาภา) ประสันนะจิตตา
สะทาโหนติ ปิยัง มะมะ
สัพเพชะนา พหูชะนา สัพเพชะนา ทิสา สะมาคะตา
กาละโภชะนา วิกาละโภชะนา อาคัจฉันติ ปิยัง มะมะ.
( พระคาถานี้สวดก่อนนอน หรือจะออกไปหาลาภที่ไหน ให้ภาวนาไปเถิดจะเกิดลาภผล มีกินมีใช้ไม่ขัดสน หมู่คนทั้งหลายเมตตารักใครเรา ดีนักแล..)

แล้วจบด้วยบทนี้เป็น.. #บทเรียกบารมี..
สิทธิกิจจัง สิทธิกัมมัง สิทธิลาโภ ชะโยนิจจัง ระโสนิจจัง
สิทธะมัตถุ สิทธะมัตถุ สิทธะมัตถุ อิทัง ผะลัง เอตัสมิง ระตะนัตตะยัสมิง สัมปะสาทะนะเจตะโส
.
.
#หมายเหตุ.. พระคาถาเหล่านี้ ให้สวดต่อเนื่องกันไปเลยก็ได้ โดยก่อนสวดคาถาให้ตั้งใจให้ดีระลึกถึงคุณพระรัตนตรัย และครูบาอาจารย์เจ้าของคาถาเหล่านี้สืบๆกันมา โดยเฉพาะพระฉิมพลี(พระสีวลี พระอรหันต์ที่เลิศในทางมหาลาภ) อันมีหลวงปู่พิศดูเป็นที่สุด แล้วจึงสวด
เวลาหลวงปู่ท่านสวดคาถาเหล่านี้ ท่านก็ยังบอกเลยว่า เราขอพระสีวลีมาช่วยเสร็จสรรพ (ไม่ได้ใช้ใช้กำลังจิตตัวเองคนเดียว)