น่าเป็นห่วง หลักสูตรพุทธศาสนา จากบางอาจารย์ สอนตายแล้วสูญ ( หลักสูตร ม.1- ม.6)

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย WebSnow, 24 มกราคม 2006.

?
  1. ไม่เห็นด้วย (คิดว่าสอนผิด)

    0 vote(s)
    0.0%
  2. เห็นด้วย (คิดว่าสอนถูก)

    0 vote(s)
    0.0%
  1. manson810

    manson810 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    410
    ค่าพลัง:
    +780
    ทิฏฐุชุกรรม คือการกระทำความเห็นให้ถูกตรงนั้น ได้แก่ตรงต่อความจริง ตรงต่อคำสอน ของพระพุทธเจ้า ไม่ใช่ตรงตามความเห็นของเราหรือผู้อื่น ซึ่งยังหนาแน่นอยู่ด้วยกิเลส ทิฏฐุชุกรรมหรือ สัมมาทิฏฐิคือความเห็นชอบนี้เป็นอย่างเดียวกัน พระพุทธองค์ทรงแสดงไว้ ๑๐ อย่าง คือ

    ๑. เห็นว่า ทานที่ให้แล้วมีผล คือต้องเชื่อว่า ให้ทานแล้ว ต้องได้รับผล คือเป็นผู้มั่งคั่งมีทรัพย์ สมบัติมาก เป็นต้น
    ๒. เห็นว่า การบูชามีผล การบูชาในที่นี้หมายถึง ผู้ที่ควรบูชา มีพระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า พระอริยสาวก พระธรรม พระสงฆ์ บิดา มารดา ครูอาจารย์ ฯลฯ
    ๓. เห็นว่า การบวงสรวงมีผล คือการนำของไปบูชาผู้มีคุณ ย่อมมีผล
    ๔. เห็นว่า การทำดีทำชั่วมีผล คือทำดีก็ได้ผลดีทำชั่วก็ได้ผลชั่ว
    ๕. เห็นว่า โลกนี้มีอยู่ หมายความว่า เชื่อว่าผู้ที่ตายจากโลกอื่น มาเกิดในโลกนี้มีอยู่
    ๖. เห็นว่า โลกหน้ามีอยู่ หมายความว่า เชื่อว่าผู้ที่ตายจากโลกนี้แล้วไปเกิดในอีกโลกอื่นมีอยู่
    ๗. เห็นว่า มารดามีอยู่ คือเห็นว่าคุณของมารดามีอยู่ การทำดีทำชั่วต่อมารดาย่อมมีผล
    ๘. เห็นว่า บิดามีอยู่ คือเห็นว่าคุณของบิดามีอยู่ การทำดีทำชั่วต่อบิดาย่อมมีผล
    ๙. เห็นว่า โอปปาติกสัตว์ คือสัตว์ที่เกิดขึ้นเองโดยไม่มีบิดามารดา เกิดแล้วโตเต็มที่ทันที ได้แก่ สัตว์นรก เปรต อสุรกาย เทวดา พรหม มีอยู่
    ๑๐. เห็นว่า สมณะพราหมณ์ ผู้ปฏิบัติชอบประกอบด้วยความรู้ยิ่ง เห็นแจ้งประจักษ์ซึ่งโลกนี้และ โลกหน้าด้วยตนเองแล้วประกาศให้ผู้อื่นรู้ได้นั้นมีอยู่ คือเห็นว่าผู้ที่ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามีอยู่นั่นเอง

    ทิฏฐุชุกรรม คือการกระทำความเห็นให้ตรงต่อความจริง ๑๐ ประการนี้ จัดเป็นเรื่องสำคัญ เพราะเป็นหัวหน้าของบุญทั้งมวล ถ้าบุคคลใดมีความเห็นถูกต้อง ตรงต่อความจริงเหล่านี้แล้ว ย่อมคิด จะให้ทาน รักษาศีล เจริญภาวนาและคิดจะทำบุญทุกชนิด เพื่อเป็นบันไดก้าวไปสู่ความสุขความเจริญ ในท้ายที่สุดยังเป็นบันไดให้ก้าวไปสู่การเจริญอริยมรรคมีองค์ ๘ เพื่อบรรลุอริยสัจจธรรมได้อีกด้วย

    โดยนัยตรงข้าม ผู้ใดเห็นตรงกันข้ามกับความจริง ๑๐ ประการนี้ ผู้นั้นจะไม่ทำบุญเลย ดังที่มี คนเป็นอันมากในปัจจุบันนี้เชื่อมั่นว่า คนเราเกิดหนเดียวตายหนเดียว ชาติก่อนก็ไม่มี ชาติหน้าก็ไม่มี ตายแล้วก็สูญไม่เกิดอีก ทั้งๆ ที่ผู้นั้นยังมีความต้องการสารพัด ผู้ที่จะไม่เกิดอีกนั้น คือผู้ที่ดับความต้องการ ทั้งปวงได้สนิทแล้วเท่านั้น เมื่อเชื่อเช่นนี้เขาจึงไม่ทำบุญ นับว่าเป็นภัยแก่เขาเองอย่างใหญ่หลวง เพราะ ความเห็นผิดเช่นนี้จัดเป็นบาปหนัก พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ในอังคุตตรนิกาย เอกนิบาตว่า "ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราไม่เล็งเห็นธรรมอย่างอื่นแม้ข้อหนึ่ง ซึ่งเป็นเหตุให้กุศลธรรมที่ยังไม่เกิด ไม่เกิดขึ้น หรือกุศลธรรมที่เกิดขึ้นแล้วย่อมเสื่อมไป เหมือนมิจฉาทิฏฐิ คือความเห็นผิดทั้งนี้เลย"

    นอกจากนี้ พระพุทธเจ้ายังทรงแสดงถึงการที่สัตว์ทั้งหลายต้องเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในภพภูมิต่างๆ มากมาย มิได้เกิดเพียงชาติเดียวดังที่บางคนเข้าใจเลย ดังที่พระองค์ตรัสไว้ในอังคุตตรนิกาย เอกนิบาต เอกธัมมาทิบาลี ตอนหนึ่งว่า

    "ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สัตว์ที่จุติ (คือตาย) จากมนุษย์กลับมาเกิดเป็นมนุษย์มีเป็นส่วนน้อย สัตว์ที่ จุติจากมนุษย์ไปเกิดในนรก เกิดในกำเนิดเดรัจฉาน เกิดในปิตติวิสัย (คือเปรต) มากกว่าโดยแท้

    สัตว์ที่จุติจากมนุษย์ไปเกิดในเทพยดา มีเป็นส่วนน้อย สัตว์ที่จุติจากมนุษย์ ไปเกิดในนรก เกิดใน กำเนิดเดรัจฉาน เกิดในปิตติวิสัย มากกว่าโดยแท้

    สัตว์ที่จุติจากเทพยดากลับมาเกิดในเทพยดา มีเป็นส่วนน้อย สัตว์ที่จุติจากเทพยดาไปเกิดในนรก เกิดในกำเนิดเดรัจฉาน เกิดในปิตติวิสัย มากกว่าโดยแท้

    สัตว์ที่จุติจากนรกกลับมาเกิดเป็นมนุษย์ มีเป็นส่วนน้อย สัตว์ที่จุติจากนรกไปเกิดในนรก เกิดใน กำเนิดเดรัจฉาน เกิดในปิตติวิสัย มากกว่าโดยแท้

    สัตว์ที่จุติจากกำเนิดเดรัจฉาน กลับมาเกิดเป็นมนุษย์มีเป็นส่วนน้อย สัตว์ที่จุติจากกำเนิดเดรัจ ฉานไปเกิดในนรก เกิดในกำเนิดเดรัจฉาน เกิดในปิตติวิสัย มากกว่าโดยแท้

    สัตว์ที่จุติจากกำเนิดเดรัจฉาน ไปเกิดในเทพยดา มีเป็นส่วนน้อย สัตว์ที่จุติจากกำเนิดเดรัจฉาน ไปเกิดในนรก เกิดในกำเนิดเดรัจฉาน เกิดในปิตติวิสัย มากกว่าโดยแท้

    สัตว์ที่จุติจากปิตติวิสัยกลับมาเกิดเป็นมนุษย์ มีเป็นส่วนน้อย สัตว์ที่จุติจากปิตติวิสัยไปเกิดในนรก เกิดในกำเนิดเดรัจฉาน เกิดในปิตติวิสัย มากกว่าโดยแท้

    สัตว์ที่จุติจากปิตติวิสัยไปเกิดในเทพยดา มีเป็นส่วนน้อย สัตว์ที่จุติจากปิตติวิสัยไปเกิดในนรก เกิด ในกำเนิดเดรัจฉาน เกิดในปิตติวิสัย มากกว่าโดยแท้

    เปรียบเหมือนในชมพูทวีปนี้ มีส่วนที่น่ารื่นรมย์ มีป่าที่น่ารื่นรมย์ มีภูมิประเทศที่น่ารื่นรมย์ มีสระโบกขรณีที่น่ารื่นรมย์เพียงเล็กน้อย มีที่ดอนที่ลุ่มเป็นลำน้ำ เป็นที่ตั้งแห่งตอและหนาม มีภูเขาระ เกะระกะเป็นส่วนมาก โดยแท้ฉะนั้น"

    พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงอุปมาเปรียบเทียบสัตว์ที่ไปเกิดในทุคติ คืออบายภูมิ เป็นสัตว์นรก เปรต สัตว์เดรัจฉานว่า มากมายเหมือนขนวัว คือนับไม่ได้ แต่สัตว์ที่จะได้เกิดเป็นมนุษย์หรือเทวดานั้น เท่าเขาวัว คือน้อยเหลือเกิน เพราะเขาวัวมีเพียง ๒ เขาเท่านั้น ท่านอยากจะอยู่ในพวกไหน? เชื่อว่า ทุกท่านคงอยากอยู่ในพวกเขาวัวด้วยกันทั้งนั้น แต่ความอยากอย่างเดียว ไม่สามารถช่วยให้สำเร็จผลได้ ท่านต้องประพฤติปฏิบัติตามคำสอนของพระองค์ด้วย นั่นคือ ละความชั่ว ประพฤติดี คือละทุจริตกรรม ๑๐ ประการดังกล่าวแล้ว

    ท่านที่เคยเรียกร้องขอความเป็นธรรม โดยต้องการให้ทุกคนเสมอภาคกัน มีความเป็นอยู่เท่า เทียมกัน โปรดได้พิจารณาดูเถิด ว่ามีทางจะเป็นไปได้อย่างไรหรือไม่ในเมื่อทุกคนมิได้ทำกรรมไว้เสมอกัน ลูกฝาแฝดที่เกิดจากพ่อแม่เดียวกัน อยู่ในครรภ์ของแม่ด้วยกัน เติบโตด้วยอาหารที่แม่กินเข้าไปอย่าง เดียวกัน ก็ยังไม่เหมือนกันทั้งหน้าตา รูปร่าง และจิตใจ แล้วเราจะหวังให้คนที่ต่างพ่อต่างแม่ ต่างกรรมกัน เหมือนกันเสมอกันได้อย่างไร

     
  2. manson810

    manson810 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    410
    ค่าพลัง:
    +780
    คาถาธรรมบท ชราวรรคที่ ๑๑
    [๒๑] ร่าเริงอะไรกันหนอ ยินดีอะไรกัน ในเมื่อโลกสันนิวาสถูกไฟไหม้โพล่งแล้วเป็นนิตย์ ท่านทั้งหลายถูกความมืดหุ้มห่อ แล้ว เพราะเหตุไรจึงไม่แสวงหาประทีป
    ท่านจงดูอัตภาพอันบุญกรรมทำให้วิจิตรแล้ว มีกายเป็นแผล อันกระดูกสามร้อยท่อนปรุงขึ้นแล้ว กระสับกระส่าย อันมหาชนดำริกันโดยมาก ไม่มีความยั่งยืนมั่นคง
    รูปนี้คร่ำคร่าแล้ว เป็นรังแห่งโรค ผุพัง กายของตนอันเปื่อยเน่าจะแตก เพราะชีวิตมีความตายเป็นที่สุด
    กระดูกเหล่าใดเขาไม่ปรารถนาแล้ว เหมือนน้ำเต้าในสารทกาล มีสีเหมือนนกพิราบ จะยินดีอะไรเพราะได้เห็นกระดูกเหล่านั้น
    สรีระอันกรรมสร้างสรรให้เป็นเมืองแห่งกระดูก มีเนื้อและเลือดเป็นเครื่องไล้ทา เป็นที่ตั้งแห่งความแก่ ความตาย ความถือตัว และความลบ หลู่
    ราชรถทั้งหลายอันวิจิตรย่อมคร่ำคร่าได้โดยแท้ อนึ่งแม้ สรีระก็เข้าถึงความคร่ำคร่า ส่วนธรรมของสัตบุรุษย่อมไม่เข้าถึงความคร่ำคร่า สัตบุรุษแลย่อมสนทนาด้วยสัตบุรุษ บุรุษมีสุตะน้อยนี้ ย่อมแก่เหมือนโคถึก เนื้อของเขาย่อมเจริญ [แต่]ปัญญาของเขาหาเจริญไม่
    เราแสวงหานาย ช่างเรือนอยู่ เมื่อยังไม่ประสบ แล่นไปแล้วสู่สงสารมีชาติไม่น้อย ความเกิดเป็นทุกข์ร่ำไป แน่ะนายช่างเรือน บัดนี้ เราพบท่านแล้ว ท่านจักไม่ต้องสร้างเรือนอีก ซี่โครงของ ท่านทั้งหมดเราหักแล้ว ยอดเรือนเราขจัดเสียแล้ว จิตของ เราถึงแล้วซึ่งนิพพานอันปราศจากสังขาร เราบรรลุความสิ้น แห่งตัณหาแล้ว
    คนพาลทั้งหลายไม่ประพฤติพรหมจรรย์ ไม่ ได้ทรัพย์ในคราวเป็นหนุ่ม ย่อมซบเซา เหมือนนกกะเรียน แก่ ซบเซาอยู่บนเปือกตม ซึ่งสิ้นปลาแล้ว ฉะนั้น คน พาลทั้งหลายไม่ประพฤติพรหมจรรย์ ไม่ได้ทรัพย์ในคราว เป็นหนุ่มย่อมนอนทอดถอนถึงทรัพย์เก่า เหมือนลูกศรสิ้น ไปแล้วจากแล่ง ฉะนั้น ฯ
    จบชราวรรคที่ ๑๑
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 เมษายน 2008
  3. dearestguardian

    dearestguardian เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    306
    ค่าพลัง:
    +1,418

    ขอต่ออีกนิดนะค่ะ เพราะข้าพเจ้ายังยึดอยู่ ยึดความถูกต้อง ด้วยค่ะถึงต้องมานั่งเถีงกับคุณเตชปาวๆๆๆ คุณเตชละค่ะ เห็นประกาศเหย็งๆๆๆว่า ไม่มี ตัวตนใดๆๆ ทำไมต้องมานั่งเถียงด้วยค่ะกลัวเสีย self มาก หรือค่ะที่จะมานั่งบอกว่า ผมผิดไปแล้วคร้าบ

    คุณเตชค่ะ ข้าพเจ้าว่าคุณขาดจากความเป็นพระตั้งแต่บิดเบือนพระไตรปิฏกพระธรรมของพระสัพพัญญูพุทธเจ้าแล้วค่ะ
    พูดจนปากจะฉีกคุณก็ยังไม่ยอมรับ ขอร้องเถอะ ถ้าคุณอยากเชื่อในสิ่งที่คุณเชื่ออยู่ก็ตามใจ แต่ อย่าเอาชื่อพระสัญญูพุทธเจ้ากับพุทธศาสนามาหากินเอาชื่อเข้าตัว กรุณาสึกไปตั้งศาสนาใหม่ซิค่ะ ตั้งชื่อศาสนาเอาเองเป็นศาสดาเองเลยดีกว่า
    หากคุณศึกษาพระไตรปิฏกจริงๆ คุณจะรู้ว่าความคิดความเชื่อคุณสวนทางโดยสิ้นเชิง เป็นอย่างนี้แล้วจะอาศัยอยู่ในร่มกาสาวะอยู่ใย

    มันอาจเป็นเป้นคำบริภาษที่แรงไปหน่อย แต่หวังใจว่าคงให้ไได้ฉุกคิดบ้าง

    ในเมื่อคุณคิดว่าคุณเป็นอัจฉริยะ ก็เดินตามทางคุณ ตั้งศาสนาใหม่ความเชื่อใหม่ไปเลย อย่าอาศัยพระนามพระไตรรัตน์ หาประโยชน์อีกเลย
    ทางที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสไว้ไม่เหมาะกับอัจฉริยะอย่างคุณหรอกค่ะ
    ทางนี้มีไว้สำหรับตามรอยพระอริยะและพระสัพพัญญูพุทธเจ้าจริงๆค่ะ

    แล้วที่ถามๆๆไปว่าแน่ใจหรือว่ายึดกาลามสูตร ถ้ายึดจริงก็ต้องไม่กลัวที่จะออกหนังสือแบบ
    Critiques or discussion สิค่ะ
    เมื่อไม่ยึดในตัวตน จะต้องกลัวไปใยว่าจะได้รับการยอมรับหรือไม่



    (ขอความกรุณาท่านเวปมาสเตอร์อย่าลบของข้าพเจ้านะค่ะ มันอาจเป็นคำบริภาษที่แรงไปนิด แต่ผู้มีโมหะและแรงกรรมแรงคงไม่สะเทือนหรอกค่ะ)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 เมษายน 2008
  4. ลัก...ยิ้ม

    ลัก...ยิ้ม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2005
    โพสต์:
    3,409
    ค่าพลัง:
    +15,762
    สวัสดีค่ะท่านห่มเหลือง ยังจำกันได้ไหมค่ะ ยิ้มบอกแล้วว่าให้ท่านไปตั้งลัทธิ/ศาสนาใหม่ของท่านเอง จะได้ไม่ต้องถกเถียงให้มากความ

    การที่ท่านบอกนับถือศาสนาพุทธ นับถือครูบาอาจารย์ท่านนั้นท่านนี้ แต่ท่านกลับนำคำสอนท่านและการยึดถือปฏิบัติของท่านเหล่านั้นมาย่ำยี บิดเบือน ย่อมไม่เป็นการสมควรอย่างยิ่ง การแสดงออกซึ่งความ ถ่อย ของจิตใจ ไม่มีลูกศิษย์คนไหนเขาทำก้นค่ะ

    แล้วยิ้มถาม ชื่อท่านที่พักหรือจำวัด อายุพรรษา ของท่าน ๆ ยังไม่ยอมตอบเล๊ย กลัวตำรวจไปตามจับรึไง กลัวทำไมในเมื่อทุกสิ่งคือการปรุงแต่งตามคำสอนของท่าน
     
  5. เตชปญฺโญ ภิกขุ

    เตชปญฺโญ ภิกขุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    494
    ค่าพลัง:
    +117
    ตอบช้อข้องใจโดย เตชปญฺโญ ภิกขุ

    ทำไม?ใครรู้ช่วยตอบที

    เมื่อเราเชื่อกันว่า ผีมีจริง, เทวดานางฟ้ามีจริง, สิ่งศักดิ์สิทธิ์หรือเครื่องรางของขลังมีจริง, พวกผีเจ้าเข้าทรงมีจริง, และชีวิตของเราถูกกำหนดมาแล้วตายตัวจากดวงชะตาราศี เป็นต้น ดังนี้แล้ว เราเคยสงสัยหรือไม่ว่า :

    - พวก ผี หรือ พวก เทวดา จะมีรูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร? (มีอ้วน มีผอม มีสวย มีขี้หร่หรือเปล่า?)

    - ใช้การติดต่อสื่อสารกันอย่างไร? (ใช้มือถือหรือเปล่า? เดินทางกันยังไง?)

    - อยู่ที่ไหน? (มีสถานะอะไร? ของแข็ง,เหลว,ก๊าซ,หรือพลาสมา,หรือคลื่น?)

    - พูดภาษาอะไร? (ต้องเรียนภาษาหรือเปล่า? หรือใช้ภาษาใบ้?)

    - เรียนหนังสือหรือเปล่า? (มีโรงเรียนสำหรับเด็กๆหรือเปล่า? มีรับจ๊อบสอนพิเศษหรือเปล่า?)

    - มีบัตรประชาชนผี หรือบัตรประชาชนเทวดาหรือเปล่า? (ถ้ามีบัตรผี จะเรียกว่าบัตรอะไรดีล่ะ?)

    - แต่งตัวอย่างไร? (ใส่ชุดสูตร หรือไม่นุ่งผ้า? ถ้ามีไปซื้อจากที่ไหน?)

    - มาพบคนได้หรือไม่? (เช่น ในฝัน หรือมาออกรายการทีวีพวกทอล์คโชว์ เกมส์โชว์)

    - ทำงานอะไร? (ถ้ามาแสดงหนังผี รับรองดังระเบิดแน่?)

    - อยากได้อะไร? (ชอบกินโค๊กกะเป๊บซี่หรือเปล่า? หรือชอบสูบบุหรี่ ดื่มวิสกี้?)

    - เวลาว่างมีอะไรทำกันบ้าง? (มีทีวี-หนัง ละครน้ำเน่า หรือคอนเสริตดูบ้างหรือเปล่า? มียาบ้าขายบ้างหรือเปล่า?)

    - ผีกลัวอะไร? (ทำไมผีเรากลัวสายสิญจน์-พระเครื่อง แต่ผีฝรั่งกลัวกระเทียม? แล้วผีฝรั่งกลัวสายสิญจน์-พระเครื่องหรือเปล่า? แล้วผีเรากลัวกระเทียมหรือเปล่า?)

    - ใครเป็นผู้ควบคุม? (ต้องเลือกตั้งมาหรือเปล่า? หรือแต่งตั้งมา? มีขายเสียงบ้างหรือเปล่า?)

    - สืบพันธุ์อย่างไร? (มีโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์หรือเปล่า? พวกโรคเอดส์น่ะ?)

    - เจ็บป่วยได้หรือเปล่า? (ถ้าเจ็บป่วยกินยาอะไร? ไปรักษาที่ไหน? ไปให้หมอผีรักษาได้ไหม?)

    - ตายได้หรือไม่? (ถ้าตายแล้วจะไปไหนอีกล่ะ? ถ้าตายได้อีกแล้วมีการจัดงานศพหรือไม่?)

    - ทำไมผีถึงชอบหลอกให้คนกลัว? (น่าเบื่อก็ตรงนี้แหละ ถ้าหล่อๆสวยๆมาหลอกละก็จะไม่กลัวเล้ยให้ตายซิ)

    - ทำไม ไม่ไปหลอกคนชั่วให้กลับใจมาเป็นคนดี? (ผี หรือเทวดาที่ดีๆไม่มีบ้างหรือยังไง? งงจริงๆ เห็นว่ามีแต่ร้ายๆเสียมาก เปลี่ยนมารับจ้างเป็นนักสืบบ้างซิ)

    - ทำไม ไม่มาช่วยงานราชการ ปราบปรามคนชั่ว หรือพวกคิดร้ายทำลายชาติ หรือพวกตัดไม้ทำลายป่า? (ได้บุญหลาย ผู้คนยกย่องทั่วบ้านทั่วเมืองเป็นแน่ จะทำอนุสาวรีย์ให้)

    - ทำไม ไม่คอยช่วยเหลือคนดี ช่วยเหลือสังคมประเทศชาติ จะได้มีคนยกย่องสรรเสริญ หรือได้บุญมาก? (ถ้าทำความดีจะได้ให้โล่เกียรติยศ อยากได้อะไรจะทำให้เต็มที่เลย ของง่ายๆทำไมไม่ทำ)

    - ทำไม ไม่ไปสำรวจนอกโลก หรือนอกจักรวาล แข่งกับฝรั่งเขาบ้าง ให้ประเทศเราเจริญ?(เอาให้ฝรั่งงงไปเลย เราใช้ผีหรือเทวดาไปสำรวจดวงดาวทั่วจักรวาลมาหมดแล้ว ฝรั่งจะได้มานับถือเราแทน)

    - ทำไม เราจึงไม่เคยพบเห็นผี หรือเทวดาเลยสักครั้ง? (ขอเจอสักครั้ง จะถ่ายคลิปวีดีโอไปลงเน็ต โฆษณาให้ดังระเบิดไปเลย ฝรั่งต้องมาขอซื้อลิทสิทธิ์เราแน่)

    - ทำไม ถ้าเราเคยเป็นผีมาก่อน แล้วทำไมเราจึงจำไม่ได้? (อย่าอ้างว่าจำไมได้น๊ะ ไม่อย่างนั้นผมจะอ้างบ้างว่า คุณน่ะเคยเป็นหนี้ผมมาก่อน แต่คุณดันลืมไปแล้ว ฉะนั้นจงใช้หนี้ผมมาเสียเดี๋ยวนี้)

    - ทำไม? ทำไม?ทำไม?ทำไม?ทำไม?ทำไม?ทำไม?........และทำไม?

    - ถ้าคนทำชั่วตายไปแล้วตกนรก แต่ถ้าคนทำดี ตายไปแล้วได้ขึ้นสวรรค์ แล้วใครมาคอยกำหนด? (ถ้ามีสถานที่เดียว คงงานยุ่งน่าดู วันๆคนตายทั่วโลกมากมาย)

    - นรก-สวรรค์ตามที่เราเชื่อกันอยู่นั้นมีจริงหรือไม่? อยู่ที่ไหน? ใครสร้าง? สร้างด้วยอะไร? ไปเยี่ยมชมได้หรือไม่? (สวรรค์เหมือนโรงแรมชั้นหนึ่งหรือเปล่า? นรกเหมือนคุกหรือเปล่า?)

    - ทำไม่ ไม่มีใครพาไปเยี่ยมชมนรกบ้าง คนชั่วจะได้กลัว จะได้ไม่ทำความชั่ว โลกจะได้สงบสุข? (ของง่ายๆ พาไปดูเสียหน่อย แค่นี้คนชั่วก็กลัวหัวหดแล้ว)

    - ถ้านรก-สวรรค์ของเรามีจริง แล้วนรกสวรรค์ของประเทศอื่น หรือของศาสนาอื่นเขามีจริงหรือไม่? (ของจริงต้องมีเพียงหนึ่งเดียวซิ อย่างนั้นไม่ใช่ของจริง หรือเป็นของปลอมกันหมด)

    - แล้วคนที่อยู่ประเทศอื่น หรือนับถือศาสนาอื่น เมื่อตายไป แล้วเขาจะไปขึ้นสวรรค์ที่ไหน? หรือไปตกนรกที่ไหน? (หรือเป็นเรื่องแต่งขึ้นมาหลอกให้คนกลัว เพื่อให้คนไม่ทำชั่วเท่านั้น ถ้าอย่างนี้ก็เอาไว้หลอกเด็กเถอะ)

    - ทำไม ไม่เห็นมีเรื่องบอกเกี่ยวกับคนนอกศาสนาเมื่อตายไปในศาสนาของเราเลย?(สงสัยคนแต่งเรื่องพวกนี้ไม่รู้จักคนต่างประเทศ หรือคนต่างศาสนาเลยลืมบอก)

    - ถ้าสามารถพิสูจน์นรก-สวรรค์ของศาสนาไหนได้จริง โลกคงมีศาสนาเดียวใช่หรือไม่?(แน่นอน ถ้ามีของจริงมาให้ดูชัดๆ ใครๆก็เชื่อ)

    - แล้ว นรก - สวรรค์ ใช้ไฟฟ้า, น้ำประปา, โทรศัพท์, อินเตอร์เน็ตหรือเปล่า? (แล้วใครจ่ายตังค์? เสียภาษีหรือเปล่า?)

    - แล้วใครหรือใช้อะไรบันทึกการกระทำของคนที่ยังไม่ตายเอาไว้ไปแสดงเมื่อตายไปแล้วได้? (ใช้คอมฯหรือเปล่า? แล้วซื้อคอมฯมาจากไหน? ใช้ซอฟแวร์เถื่อนหรือเปล่า?)

    - แล้วใช้ใคร หรือใช้อะไรตัดสินว่าใครจะขึ้นสวรรค์หรือตกนรก? (ตัดสินลำเอียงได้หรือเปล่า?)

    - แล้วคนตัดสินนั้นรับสินบนได้หรือไม่? (รับเงิน หรือทอง หรือโอนเข้าบัญชี หรือเอาเป็นหุ้นดี)

    - แล้วมีใครเป็นคนมีอำนาจสูงสุด? (มีประท้วงหรือเดินขบวน หรือปฏิวัติกันบ้างหรือเปล่า?)

    - ทำไม ผีหรือเทวดาของประเทศต่างๆหรือศาสนาต่างๆจึงไม่เหมือนกัน แล้วของใครจริงของใครไม่จริง? (ถ้ามาเจอกันแล้วจะพูดกันรู้เรื่องหรือเปล่า?)

    - แล้วผี หรือเทวดา มีการทะเลาะกันบ้างหรือเปล่า? (ใช้ปืนเลเซอร์-ปล่อยแสง ยิงกันเหมือนในทีวีหรือเปล่า?)

    - ทำไม? ทำไม?ทำไม?ทำไม?ทำไม?ทำไม?ทำไม?.......และทำไม?(ยังมีต่อภาค 2 โปรดคอยติดตาม)


    www.whatami.net - www.whatami.8m.com เวบไซต์สำหรับบุคคลระดับอัจฉริยะเท่านั้น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 เมษายน 2008
  6. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,197
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    <TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 3 คน ( เป็นสมาชิก 2 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"></TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>ฐาณัฏฐ์, เตชปญฺโญ ภิกขุ </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  7. manson810

    manson810 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    410
    ค่าพลัง:
    +780
    พูดไปสองไพเบี้ย นิ่งเสียตำลึงทอง

    ผมว่าก่อนที่จะบวชทางวัดหรือเจ้าอาวาสน่าจะสอบถามบุคคลผู้นั้นก่อนนะครับว่าบวชเพราะอะไร, บวชเืืพื่ออะไร มีความเคารพไตรสรณะคมหรือไม่ เล่นให้บวชกันเสรีอย่างนี้สงสัยจะไม่ไหว จะพาศาสนาพุทธและพระสงฆ์ที่ดีๆ ท่านมัวหมองเปล่าๆ เฮ้อ........เ่อ้านี่ผมเพ้อเจ้ออะไรอยู่คนเดียวเนี่ย?
     
  8. ลัก...ยิ้ม

    ลัก...ยิ้ม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2005
    โพสต์:
    3,409
    ค่าพลัง:
    +15,762
    ยิ้มตอบให้เฉพาะในกระทู้นี้เป็นกรณีพิเศษเท่านั้น

    ผีสำหรับกระทู้นี้ มี 2 กรณี กรณีไม่มีขันธ์ 5 ถือครอง กับ ผีกรณีไม่มีจิตวิญญาณสำนึก และไม่คิดจะสำนึกอีกต่างหาก

    ถ้าท่านสนใจจะศึกษาว่าที่ท่านกล่าวข้างต้นนั้นมีจริงไหม กรุณาอย่าสักแต่ว่า ปากพูด

    <TABLE class=tborder id=post1059963 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">24-03-2008, 03:23 PM <!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right> #980 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>ลัก...ยิ้ม<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1059963", true); </SCRIPT>
    สมาชิก

    [​IMG]

    เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: วันนี้ 10:07 AM
    วันที่สมัคร: Apr 2005
    ข้อความ: 1,621 <!-- Start Post Thank You Hack -->
    ได้ให้อนุโมทนา 1,746 ครั้ง
    ได้รับอนุโมทนา 10,381 ครั้ง ใน 1,539 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->
    พลังการให้คะแนน: 1150 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]


    </TD><TD class=alt1 id=td_post_1059963 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- message -->ยิ้มว่าท่านลองจุดธูปกราบพระประธานในโบสถ์ว่า ท่านได้พบว่าคำสอนของพระพุทธองค์เป็นเช่นนี้ เชื่อว่าพรหมฯ เทวดา นางฟ้า ผี ไม่มีจริง เป็นเรื่องโกหกทั้งเพ หากมีจริง ขอโปรดสงเคราะห์แสดงตนให้เป็นที่ประจักษ์

    แล้วนำไปปักษ์หน้าอุโบสถกลางแจ้งเล๊ยดีไหมค่ะ หรือจะไปนั่งสงบจิตในกลางป่าช้า ปักไปเรื่อย ๆ สักวันท่านคงเมตตาสงสารบ้างหละนะ
    <!-- / message --><!-- sig -->
    ____________________________________________________________
    [​IMG]
    <!-- / sig --></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  9. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    สรรหามาฝาก
    ถาม-ถ้าหากมีผู้นำธรรมมะระดับมหาลัยมาแสดงโดยไม่ได้ประสงค์ร้ายกับไคร
    (แต่มีความปราถนาลามกหรือไม่นั้นไม่ทราบได้)

    แล้วมีผู้มีธรรมปัญญาระดับที่เขาว่า ระดับอนุบาลมาอ่านพบ และตีความไปผิดๆ คิดไปผิดๆ ทำไปผิดๆ
    บาปกรรมนั้น ใครจะได้รับบ้างครับ เพราะอะไรครับ
    ตอบ-ธรรมระดับ มหาวิทยาลัย นี่มันไม่เหมือนกับ วิชาเรียนในระดับมหาวิทยาลัยนะ

    ธรรมในระดับมหาวิทยาลัย จะต้องครอบคลุม ในระดับอนุบาลด้วย

    เช่น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา คุณว่ามันหมายความว่าอย่างไรหละ เจ้าของกระทู้
    แม้แต่เด็ก ประถมยังตอบได้เลย และ แม้แต่ พระมหาเปรียญ ก็ยังเข้าใจคำนี้ไม่สมบูรณ์เลย เว้นแต่พระอรหันต์

    นี่มันกินความกันตลอดสาย ดังนั้นไม่ต้องกลัวว่า หากว่ามีผู้อนุบาลมาอ่านแล้วตีความผิด จะเป็นเพราะที่ตัวธรรม
    แต่มันเป็นที่ใจของผู้อนุบาลนั้นเอง

    กรรมเกิดแต่ ใจของเด็กอนุบาลนั้นเอง

    แม้พระไตรปิฎก ก็มีคนตีความผิดๆ พระไตรปิฎกและ พระอรหันต์ผู้สังคยนาหารับผลนั้นไม่
    ถาม - งั้นผมขอแก้เป็นนำธรรมที่พระพุทธเจ้าห้ามไม่ไห้แสดง มาแสดงหละ
    ตอบ- ก็แสดงว่า บุคคลนั้น นำธรรมที่ไม่ใช่ธรรมของพระพุทธองค์มาแสดง
    กรรมย่อมตกถึงบุคคลผู้นั้น เพราะกล่าวสิ่งที่ไม่เป็นธรรม จนเป็นเหตุให้บุคคลอื่นนำไปปฏิบัตแบบผิดๆ
    ตอบ - ธรรมซึ่งพระพุทธมิให้แสดง เพราะพิจารณาเห็นว่าจะเกิดโทษในภายหลังแก่ตัวผู้แสดง เช่น อาจถูกปรามาสจากผู้ไม่เห็นธรรม ถูกอิจฉาจากผู้มีโทสะ โมหะ โลภะ ถ้ายังไม่แจ้งชำนาญในธรรมนั้นจริงอาจถูกมองเป็นคนพูดจาไม่น่าเชื่อถือได้ เป็นต้น

    ตอบ-เอ.. แต่ธรรมใดหนอ ที่พระพุทธมิให้แสดง.. หรือให้แสดงกับสัตว์ที่พร้อมจะรับฟัง หรือให้แสดงได้ต่อเมื่อลุแล้วเท่านั้น...

    http://palungjit.org/showthread.php?t=121829

    เจริญในธรรมค่ะ สาธุ สาธุ<!-- / message -->
    <!-- / message -->
     
  10. เตชปญฺโญ ภิกขุ

    เตชปญฺโญ ภิกขุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    494
    ค่าพลัง:
    +117
    ตอบช้อข้องใจโดย เตชปญฺโญ ภิกขุ

    - ถ้าเครื่องรางของขลังมีความศักดิ์สิทธิ์จริง ทำไมไม่พิสูจน์ให้นักวิทยาศาสตร์ยอมรับ?(หรือว่าไม่แน่จริง มีแต่ราคาคุย?)

    - ถ้าเครื่องรางของขลังมีความศักดิ์สิทธิ์จริง ทำไมไม่นำมาใช้งานแทนคอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์มือถือ? (จะได้ไม่ต้องเสียดุลการค้า ประเทศชาติจะได้เจริญ)

    - ถ้าเครื่องรางของขลังมีความศักดิ์สิทธิ์จริง ทำไมไม่ผลิตเอาไปขายให้ฝรั่งเพื่อเอารายได้เข้าประเทศ จะได้ร่ำรวย? (รับรองแพงแค่ไหนฝรั่งก็ซื้อ แต่ระวังฝรั่งแอบเอาไปจดลิขสิทธิ์ก่อนนะเราจะแย่)

    - ถ้าเครื่องรางของขลังมีความศักดิ์สิทธิ์จริง ทำไมทางราชการจึงไม่ซื้อมาให้ทหารตำรวจเอาไปใช้ป้องกันตัว? (รับรองโจรผู้ร้ายกลัวหัวหด หรือโจรผู้ร้ายก็ซื้อมาใช้ได้เหมือนกัน แย่เลยคราวนี้ อย่างนี้ต้องจดทะเบียนเหมือนซิมมือถือซะละมั๊ง)

    - ถ้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์มีจริง ทำไมประเทศชาติจึงย่ำแย่ ไม่เห็นมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์อะไรมาช่วยเลย?(ทหารตำรวจที่ปฏิบัติงานรักษาประเทศชาติอยู่ตอนนี้ตายรายวัน น่าจะไปช่วยบ้าง?)

    - ถ้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์มีจริง ทำไมถึงปล่อยให้คนยากคนจน หรือคนดีถูกเอารัดเอาเปรียบ? (ยาบ้าก็เต็มบ้านเต็มเมือง ปัญหาฝนแล้ง น้ำท่วม ชาวไร่ชาวนาจะอดตายกันอยู่แล้ว มัวไปทำอะไรอยู่? หรือเอาแต่คอยรับของสังเวย-สินบน แล้วถึงจะทำงาน หรือคอยช่วยแต่คนรวย)

    - ถ้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์มีจริง เราก็ไม่ต้องอ่านหนังสือ เราก็ไปบนบาลสารกล่าวให้ช่วยเราสอบได้จริงหรือไม่? (บนบาลสารกล่าวให้สอบเข้าเรียนโรงเรียนต่างประเทศได้หรือเปล่า?แต่อ่านเขียนภาษาอังกฤษไม่เป็นนะ?)

    - ถ้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์มีจริง เราก็ไม่ต้องทำงาน เราก็ไปบนบาลสารกล่าวให้เราถูกหวยสบายไปเลยจริงหรือไม่? (ที่ต่างประเทศหาที่บนบาลสารกล่าวได้ที่ไหน? ทำไมประเทศเขาถึงไม่มี ล้าสมัยจัง?)

    - ถ้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์มีจริง ถ้าเราทำผิด เราก็ไปบนบาลสารกล่าวให้เราพ้นผิดซิ จริงหรือไม่?(พวกทนายความตกงานแน่เลย)

    - ถ้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์มีจริง ใครๆก็จะไม่มีทุกข์เลย เพราะใครๆเขาก็บนบาลสารกล่าวเป็น จริงหรือไม่? (โลกคงเปลี่ยนวิถีชีวิตไปอย่างกับหน้ามือเป็นหลังมือเป็นแน่)

    - ทำไม?ทำไม?ทำไม?ทำไม?ทำไม?ทำไม?ทำไม?.......และทำไม?
    - ถ้าพวกผีเจ้าเข้าทรงมีจริง ทำไมไม่ช่วยชี้เบาะแสคนทำผิดกฎหมาย หรือคนทำชั่ว เพื่อช่วยประเทชาติบ้าง? (จะได้รางวัลนำจับ หรือค่าหัวมากมาย ทำไมโง่จังพวกผีเจ้าเข้าทรงนี่)

    - ถ้าพวกหมอดู สามารถล่วงรู้อนาคตคนเราได้จริง ทำไมเขาถึงยังต้องมารับจ้างดูดวงให้คนอื่นอยู่? (ก็ดูดวงตัวเอง แก้ดวงตัวเองให้ร่ำรวยเสีย จะได้ไม้ต้องมารับจ้างหาเลี้ยงท้องให้ลำบาก)

    - ทำไม ถ้าพวกหมอดู สามารถรู้อนาคตคนเราได้แม่นจริง ผู้คนทั้งโลกคงมานับถือเขาเป็นศาสดาที่ยิ่งใหญ่ของโลกไปแล้ว ใช่หรือไม่? (แน่นอน ถ้าดูแม่นจริง คนทั้งโลกต้องมานับถือกันหมด เพราะมันเป็นวิทยาศาสตร์ เหมือนการค้นพบทฤษฎีสัมพัทธภาพของไอน์สไตน์ไง)

    - ทำไมทางราชการจึงไม่เอาพวกหมอดูมาเป็นที่ปรึกษา จะได้ช่วยแก้ปัญหาบ้านเมือง? (แค่ให้ดูว่าหุ้นตัวไหนจะขึ้นก็รีบซื้อไว้ ถ้าหุ้นตัวไหนจะตก ก็รีบเทขาย แค่นี้ก็รวยอื้อซ่าแล้ว ทำไมโง่จัง)

    - ทำไมฝรั่งเขาจึงเจริญทั้งๆที่เขาไม่ต้องอาศัยดูดวงอะไรเลย แต่เราที่เชื่อกลับย่ำแย่? (ฝรั่งเขาใช้หลักวิทยาศาสตร์ พิสูจน์ได้ เขาเลยรวย แต่เราใช้หลักไสยศาสตร์ พิสูจน์ไม่ได้ มีแต่ราคาคุย เลยเอาแต่จน)

    - ทำไม?ทำไม?ทำไม?ทำไม?ทำไม?ทำไม?.....และทำไม? (จงอย่าหยุดตั้งคำถาม ถ้าอยากฉลาด)

    นี่เป็นตัวอย่างของการตั้งคำถามในสิ่งที่เรากำลังเชื่อถือกันอยู่ ว่ามีจริงหรือไม่? สามารถพิสูจน์ให้เห็นจริงได้หรือไม่? รวมทั้งสิ่งเหล่านี้มันมีประโยชน์อะไรกับชีวิตของเรา และแก่สังคมประเทศชาติของเรา หรือแก่โลกของเราอย่างแท้จริงบ้าง? เพื่อที่เราจะได้ตาสว่าง ไม่โง่งมงายกันอีกต่อไป สมกับเป็นคนรุ่นใหม่ที่มีความเจริญด้านวิทยาศาสตร์อย่างยิ่ง ถ้าเราอยากให้คนในประเทศชาติเรามีเหตุมีผล มีสติปัญญา และเจริญก้าวหน้าทันโลก ก็ขอให้ช่วยกันส่งต่อ บอกต่อๆไปแก่เพื่อนฝูง เพราะตราบใดที่คนในประเทศชาติเรา ยังไม่รู้จักตั้งคำถามเหล่านี้ ตราบนั้นประเทศชาติเราก็จะยังล้าหลังประเทศชาติอื่นเขาอยู่ต่อไป.
     
  11. ลัก...ยิ้ม

    ลัก...ยิ้ม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2005
    โพสต์:
    3,409
    ค่าพลัง:
    +15,762
    อย่ามัวทำตัวเป็นเจ้าหนู๋ จำไม แข่งกับยิ้มเล๊ยค่ะ ไม่สมควรแก่สมณะเพศอย่างยิ่ง ที่ท่านกำลังทำเหมือนล้อเลียนซึ่งที่ท่านสมควรเคารพบูชาในฐานะสูงสุด จนต้องเข้าสู่เส้นทางแห่งการพ้นทุกข์


    หากท่านมาด้วยเจตนาแห่งคุณความดี เชื่อว่าสมาชิกทุกท่านยินดีต้อนรับท่านเสมอ


    <TABLE class=tborder id=post1082331 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">02-04-2008, 10:32 AM <!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right>#1 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>joni_buddhist<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1082331", true); </SCRIPT>
    ทีม ผู้ดูแลเว็ปบอร์ด
    สมาชิกยอดฮิต

    [​IMG]

    เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: วันนี้ 10:58 AM
    วันที่สมัคร: Sep 2005
    สถานที่: 35 ถนนเจริญกรุง55 ยานนาวา สาทร กทม.10120
    อายุ: 27 ปี
    ข้อความ: 5,511 <!-- Start Post Thank You Hack -->
    ได้ให้อนุโมทนา 42 ครั้ง
    ได้รับอนุโมทนา 45,164 ครั้ง ใน 5,437 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->
    พลังการให้คะแนน: 5145 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]



    </TD><TD class=alt1 id=td_post_1082331 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- icon and title -->สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ กับการพระพุทธศาสนา
    <HR style="COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- / icon and title --><!-- message -->สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ กับการพระพุทธศาสนา

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="94%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=postbody vAlign=top>[​IMG]


    ส ม เ ด็ จ พ ร ะ เ ท พ รั ต น ร า ช สุ ด าฯ
    กั บ ก า ร พ ร ะ พุ ท ธ ศ า ส น า


    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นพุทธมามกะ
    และเป็นเอกอัครบรมราชูปถัมภก
    ดังนั้น จึงเป็นหน้าที่ของพระบรมวงศ์
    ที่จะต้องโดยเสด็จบำเพ็ญพระองค์เป็นพุทธมามกะที่เคร่งครัด


    แต่ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ
    มิได้ทรงถือแต่เพียงว่าเป็นหน้าที่เท่านั้น
    หากแต่ทรงยึดมั่นในพระรัตนตรัย
    ด้วยพระราชศรัทธาและพระปัญญาบารมีโดยแท้จริง


    [​IMG]


    ทั้งนี้ก็ต้องถวายพระเกียรติแด่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ
    ที่ทรงอบรมสั่งสอนพระราชโอรสพระราชธิดาทุกพระองค์
    ให้ใกล้กับพระบวรพุทธศาสนาตั้งแต่ทรงพระเยาว์

    เช่น การให้โดยเสด็จพระราชดำเนิน
    ไปร่วมงานบำเพ็ญพระราชกุศลอยู่เป็นนิตย์
    หรือการให้ทรงสวดมนต์สรรเสริญคุณพระรัตนตรัยก่อนทรงพระบรรทม

    และเมื่อพระราชโอรสพระราชธิดาเจริญวัยขึ้น
    ก็ทรงศึกษาหาความรู้ในพระพุทธศาสนา
    สุขุมคัมภีรภาพเจริญงอกงามขึ้นตามลำดับพระสติปัญญา


    [​IMG]

    สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
    ทรงเสื่อมใสในพระพุทธศาสนาเป็นอย่างยิ่ง
    ทรงมีพระหฤทัยมั่นคงในพระรัตนตรัย
    มาตั้งแต่ยังทรงมีพระชนมายุน้อย

    ด้วยทรงได้รับการอบรม
    จากสมเด็จพระราชบิดาและสมเด็จพระราชมารดา
    ให้เป็นผู้ใฝ่ในการปฏิบัติธรรม เจริญสมาธิและภาวนา

    สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ
    ทรงสนพระราชหฤทัยในการศึกษาพระพุทธศาสนา
    ตั้งแต่ทรงศึกษาในระดับมัธยมที่โรงเรียนจิตรลดา
    ดังจะเห็นได้จากพระราชนิพนธ์บทความสั้นๆ ๓ ย่อหน้าเรื่อง

    "นตถิ ปญญาสมา อาภา แสง สว่างเสมอด้วยปัญญาไม่มี"

    ในย่อหน้าสุดท้ายดังนี้

    "สิ่งที่ทำให้คนเรา แตกต่างจากสัตว์อื่นๆ
    ก็เพราะว่า คนย่อมมี ปัญญาที่จะนึกคิด
    และปฏิบัติสิ่งที่ดีมี ประโยชน์ และถูกต้องได้
    ผู้ที่ยังปฏิบัติสิ่งที่ ดีมีประโยชน์และนึกคิดสิ่งต่างๆ ไม่ได้
    ก็ เปรียบเสมือนผู้ที่ไม่มีแสงสว่าง นับว่าเป็น ผู้ที่อยู่ในความมืด

    แม้แสงแดดจะแผด เผาจัดจ้าสักแค่ไหน
    ก็ยังเปรียบเทียบกับ แสงปัญญาไม่ได้
    เพราะแสงแดดไม่สว่างพอที่ จะทำให้คนเรารอบรู้เห็นแจ้งสิ่งต่างๆ ได้

    จึงกล่าวได้ว่า พระพุทธสุภาษิตที่ว่า

    "นตถิ ปญญาสมา อาภา แสงสว่างเสมอด้วยปัญญาไม่มี"
    นั้นเป็นความจริงอย่างที่สุด"

    พระราชนิพนธ์เรื่องดังกล่าวทรงไว้เมื่อปี พ .ศ. ๒๕๑๓

    นอกจากนี้ ยังทรงโปรดการอ่านนิทานชาดกในพระพุทธศาสนา
    ทั้ง ๕๔๗ เรื่องเป็นอย่างมาก

    [​IMG]

    ต่อมาเมื่อทรงเข้าศึกษา ใน คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
    แล้วต้องทรง ศึกษาภาษาบาลี และเรื่องราวเกี่ยวกับพระพุทธศาสนามากขึ้น
    จึงมีพระราชนิพนธ์เป็นรายงานส่งอาจารย์บ้าง
    พระราชนิพนธ์ส่งไปพิมพ์ในวารสารของคณะบ้าง

    เช่น ศาสนาเกิดขึ้นได้อย่างไร (๒๕๑๖)
    พระจูฬปันถกเถระ ทรงแปลจากต้นฉบับภาษาบาลี
    ในพระคัมภีร์ธมมปทฏฐกถา (๒๕๑๗)
    ศาสนากับการปกครองระบอบประชาธิปไตย (๒๕๑๗)
    ในประสบการณ์ (๒๕๒๐) ทรรศนะธรรม (๒๕๒๑)

    และพระราชนิพนธ์ที่เคยพิมพ์แพร่หลายพอสมควรนั้น
    คือ พุทธศาสนาสุภาษิต คำโคลง

    ยิ่งเมื่อได้ทรงมีโอกาสศึกษาภาษาบาลีจากอาจารย์กำชัย ทองหล่อ
    ก็ยิ่งทำให้พระองค์สนพระราชหฤทัยในพระพุทธศาสนา
    ทั้งที่เป็นด้านวิชาการด้านการปฏิบัติและด้านพิธีกรรมมากขึ้น

    [​IMG]

    มิได้ทรงปฏิเสธเมื่อมีผู้กราบบังคมอัญเชิญ
    เสด็จฯ ไปในงานพิธีที่เกี่ยวกับพระพุทธศาสนา
    โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวันสำคัญต่างๆ ทางพระพุทธศาสนา
    พระองค์ก็มักจะได้รับพระราชทานพระมหากรุณาธิคุณ
    จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวให้เป็นผู้แทนพระองค์
    เสด็จฯ ไปทรงเป็นองค์ประธานในการพิธีนั้นๆ

    เช่น เสด็จฯ แทนพระองค์ไปทรงเป็นประธานในพิธีเวียนเทียนที่พุทธมณฑล
    เนื่องในเทศกาลวิสาขบูชา เทศกาลวันมาฆบูชาฯ

    นอกจากนี้ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
    ยังเป็น องค์ริเริ่มฟื้นฟูประเพณีฉลองวันวิสาขบูชา
    ซึ่งเคยมีปรากฏมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย

    [​IMG]

    โดยได้ทรงประกาศเชิญชวน
    ให้พุทธศาสนิกชนทั่วไปร่วมกันจุดโคมประทีป
    และส่งบัตรอวยพรที่มีข้อธรรมะ
    เพื่อเป็นเครื่องเตือนสติให้ระลึกถึงคำสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า

    ทรงมีพระราชดำริให้ ธรรมสถาน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
    จัดงานเทศน์มหาชาติตามรูปแบบที่ถูกต้องตามตำรับหลวง
    หรือที่เรียกว่า เทศน์มหาชาติร่ายยาว ขึ้น
    เพื่อชี้นำให้คนไทยได้เข้าใจในคุณค่าของเรื่องมหาชาติ
    และประเพณีการเทศน์มหาชาติที่สืบทอดกันมาตั้งแต่ครั้งโบราณกาล

    อีกพระราชกรณียกิจหนึ่งที่มีความสำคัญต่อทางพระพุทธศาสนาก็ คือ

    การที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
    ทรงรับเป็นแม่กองอำนวยการ
    บูรณปฏิสังขรณ์วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ทั่วทั้งพระอาราม
    เพื่อให้ทันงานฉลองสมโภชน์ ๒๐๐ ปี กรุงรัตนโกสินทร์

    [​IMG]

    ด้วยแนวพระราชดำรัสเช่นเดียวกันกับสมเด็จพระราชบิดาที่ว่า

    ศาสนาทุกศาสนาล้วนมีจุดประสงค์ให้คนเป็นคนดี

    ดังนั้น แม้จะมีความเชื่อถือในศาสนาที่แตกต่างกัน
    ก็สามารถที่จะอยู่ร่วมกันได้โดยผาสุก
    สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
    จึงทรงให้การสนับสนุนแก่ศาสนาอื่นๆ ตามสมควร

    และเมื่อได้รับคำกราบบังคมทูลอัญเชิญเสด็จฯ ไปในงานพิธีของศาสนานั้นๆ
    ก็มิได้ทรงละเลยที่เสด็จฯ ไปร่วมด้วยทุกครั้ง

    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    รวบรวมและเรียบเรียงมาจาก :

    http://kanchanapisek.or.th/kp8/sirindhorn/pratep11.html
    http://www.sema.go.th/files/Content/...t15/page12.htm


    </TD></TR><TR><TD>


    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 เมษายน 2008
  12. ยายทองประสา

    ยายทองประสา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    805
    ค่าพลัง:
    +3,069
    นั่นบอกว่า
    เตชปัญโญ ยังไม่เข้าอนุบาลเลย
    ยังถามอยู่ได้ ทำไมๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
    ผู้ใหญ่ เมื่อเกิดความสงสัย นักวิทยาศาสตร์เมื่อเกิดความสงสัย
    ต้องค้นคว้า พิสูจน์ ไม่ใช่มานั่งนึกเอาเดานั่น เดานี่ เหมือนเด็กเตรียมอนุบาล

    ลองไปถามเด็กพวกนี้ดูว่า เขาเอฟเวอเรส เป็นยังไง อยู้ที่ไหน มีจริงรึเปล่า
    คำตอบที่ได้จะดูสับสนมาก นั่นคือการเปรียบเทียบ ว่าเด็กมักถามเอา ไม่ค้นหา หาคำตอบเองไม่ได้ ไม่รู้ จำไม่ได้ ก็จะเดาเอา

    ธรรมของพระพุทธเจ้า จะเดาเอาไม่ได้ ต้องค้นหา
    อย่ารอให้คนอื่นป้อน

    ผมขอท้าให้ไปพิสูจน์ หลวงพ่อสุพจน์ จันทูปโม วัดศรีทรงธรรม ต.บึงปลาทู อ.บรรพตพิสัย จ.นครสวรรค์
    ท่านท้าเองเลยว่า ...
    "ถ้าใครแน่ มาเสกของแล้วลองยิงกันเลย ใครจะยิงไม่ออกให้มันรู้กัน"

    เตชปัญโญ อย่าเป็นเต่าหดหัวอยู่แต่ในกระดอง
    แม้แต่ชื่อแซ่ วัดสังกัด ไม่กล้าบอก กลัวเค้าไปจับสึก จะไม่มีข้าวกิน
    นี่หลวงพ่อสุพจน์ ท่านประกาศท้าทุกคนไว้ ว่าท่านทำได้แน่ ให้มาพิสูจน์ รายการท้าพิสูจน์ก็เคยไปมาแล้ว หนังสือพระลงมาทุกฉบับ ท่านกล้าท้าเลยว่า สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ของขลัง มีจริง ทำได้จริง พร้อมให้พิสูจน์

    จะมีก็แต่นักวิทยาศาสตร์จอมปลอม เต่าหัวหด กับเด็กอมมือเท่านั้น ที่ไม่แสวงหาความจริงใส่ตัว นึกเดาเอาตามปัญญาทรามๆ ของตน ว่ายวนอยู่ในอ่าง ไม่เอาอ่าว

    ถ้าไม่มีค่ารถฯ ผมจะส่งไปให้ จะได้รู้ดำรู้แดงกันไปเลย ของจริงมีให้พิสูจน์ กลัวแต่คนมันไม่จริงเท่านั้นเอง
    จะได้ไม่ต้องมาทำสงครามน้ำลาย ให้ปั่นป่วนท้องไส้

    จบ จะเอายังไงว่ามา
     
  13. เตชปญฺโญ ภิกขุ

    เตชปญฺโญ ภิกขุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    494
    ค่าพลัง:
    +117
    ตอบช้อข้องใจโดย เตชปญฺโญ ภิกขุ

    - ถ้าเครื่องรางของขลังมีความศักดิ์สิทธิ์จริง ทำไมไม่พิสูจน์ให้นักวิทยาศาสตร์ยอมรับ?(หรือว่าไม่แน่จริง มีแต่ราคาคุย?)

    - ถ้าเครื่องรางของขลังมีความศักดิ์สิทธิ์จริง ทำไมไม่นำมาใช้งานแทนคอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์มือถือ? (จะได้ไม่ต้องเสียดุลการค้า ประเทศชาติจะได้เจริญ)

    - ถ้าเครื่องรางของขลังมีความศักดิ์สิทธิ์จริง ทำไมไม่ผลิตเอาไปขายให้ฝรั่งเพื่อเอารายได้เข้าประเทศ จะได้ร่ำรวย? (รับรองแพงแค่ไหนฝรั่งก็ซื้อ แต่ระวังฝรั่งแอบเอาไปจดลิขสิทธิ์ก่อนนะเราจะแย่)

    - ถ้าเครื่องรางของขลังมีความศักดิ์สิทธิ์จริง ทำไมทางราชการจึงไม่ซื้อมาให้ทหารตำรวจเอาไปใช้ป้องกันตัว? (รับรองโจรผู้ร้ายกลัวหัวหด หรือโจรผู้ร้ายก็ซื้อมาใช้ได้เหมือนกัน แย่เลยคราวนี้ อย่างนี้ต้องจดทะเบียนเหมือนซิมมือถือซะละมั๊ง)

    (www.whatami.net - www.whatami.5u.com เวบไซต์สำหรับบุคคลอัจฉริยะ)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 เมษายน 2008
  14. ธรรมมิตร

    ธรรมมิตร สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 เมษายน 2008
    โพสต์:
    8
    ค่าพลัง:
    +2
    เพิ่งเข้ามาครับ ขอฝากตัว (กับสาธุชนคนดี) ด้วยครับ บางท่านก็เสวนาธรรมได้เจริญใจดีครับ แต่บางกระทู้ ลบทิ้งบ้างก็ดีนะครับ :)
     
  15. ยายทองประสา

    ยายทองประสา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    805
    ค่าพลัง:
    +3,069
    เพราะคนสมัยนี้ นักวิทยาศาสตร์สมัยนี้ เป็นอัจฉริยะกันหมดไง
    เลยไม่สนใจพิสูจน์ อาศัยเชื่อตามเค้าเอา พอบอกให้มาพิสูจน์ก็ไม่มา
    ให้ปฏิบัติตามก็ไม่เอา เหมือนเด็กที่บอกไม่ฟังความ ดื้อรั้นเอาแต่ใจ
    อย่างนี้ควรโดนตีแรงๆ หัดลืมตาดูโลกบ้าง

    แน่จริงมาพิสูจน์สิครับ หลวงพ่อสุพจน์ของผม แน่ทุกเมื่อ
    เตชปัญโญแน่จริงหรือเปล่า เป็นนักวิทยาศาสตร์หรือเปล่า
    นักวิทยาศาสตร์ต้องมาพิสูจน์ ของหลวงพ่อท่านแน่จริง
    อย่ามาพ่นน้ำคลำอยู่เลย มาเลยนครสวรรค์ไม่ไกลถึงเมืองนอก ต่างประเทศหรอก ถึงหลวงพ่อสุพจน์ไม่ได้จบด็อกเตอร์ ไม่ได้เรียนสูง แต่สมาธิจิตท่านแน่วแน่จริงๆ

    ท่านไม่รู้เหรอ วัตถุมงคล ส่งไปภาคใต้เท่าไหร่ๆ
    แล้วอ่านข่าวดีๆ ด้วยว่าทหารตายเท่าไหร่ ใช่ทหารเหรอที่ตาย
    ทหารทั้งหมดมีเท่าไหร่ ตายเท่าไหร่ กี่เปอร์เซ็นต์
    ชาวบ้านตายเท่าไหร่ ที่ตายๆ กันคล้องพระหรือเปล่า
    แล้วทหารเป็นคนหรือเปล่า ตายไม่ได้หรือ
    พระท่านช่วยสุดๆ แล้ว ถึงฆาตุจริงๆ จึงตาย

    ผมยังยืนยันว่าวัตถุมงคลมีจริง
    เตชปัญโญ รู้มั้ยว่าการสู้รบด้วยอาวุธโบราณนั้น
    เสี่ยงขนาดไหน มีดเป็นมีด ง้าวเป็นง้าว เคียวเป็นเคียว
    เวลาสู้รบกันนั้นเร็วด้วย พลาดนิดเดียวอาจตายได้
    ก็ได้วัตถุมงคลที่คอยปัดป้อง และคงกระพัน จึงรอดมาได้
    เป็นไทย ให้เตชปัญโญ ดูถูกบรรพบุรุษอยู่ทุกวันนี้
    พูดมากเปลืองน้ำลาย

    หวังว่าเตชปัญโญ จะมาพิสูจน์ร่วมกันนะ
    หาคนยิงปืนมาด้วยนะ เพราะผมไม่อยากเสี่ยงกับปืนแตกใส่หน้า
    ปล. พวกลองของโดนมาหลายรายแล้ว


    วัตถุมงคล มีไว้คุ้มครองคน ไว้ช่วยเหลือคน
    ไม่ได้มีไว้พิมพ์งาน เล่นเน็ต โง่หรือบ้าเนี่ยที่ถามยังงี้

    พระท่านไม่ได้สร้างวัตถุมงคล ออกมาจำหน่ายเอากำไร
    หากแต่สร้างเพื่อให้ปกปักรักษา อำนวยอวยผลให้ผู้ศรัทธา เคารพบูชากราบไหว้ เงินที่ถวายล้วนทำนุบำรุงศาสนา

    คนดีมี คนชั่วก็มี พระดีมี พระเลวก็มี เป็นธรรมดา อย่าด่าเหมารวม ขี้กลากจะกินหัว

    ฝรั่งไม่ใช่พ่อผม ผมไม่ง้อเค้าหรอก
    เค้าจะเป็นนักวิชาเกิน ก็เรื่องของเขา
    ไม่มาบูชาก็ไม่เห็นเป็นไร ไม่ได้แปลว่าของเราไม่ดีซักหน่อย
    อยู่ที่ว่าชาวต่างชาติคนไหน จะได้มาพิสูจน์เจอของจริงก็เท่านั้น


    แล้วคุณไม่รู้เหรอ ทหารตำหรวจนี่แหละ สำคัญเลย เสาะแสวงหาของดีมาบูชากันทั้งนั้น บางคนลองดีถึงขนาด เอาวัตถุมงคล
    มาแขวนไว้ปากกระบอกปืนใหญ่ ยิ่งเท่าไหร่ก็ไม่ออก เปลี่ยนกระบอกแล้วก็ยังไม่ออก

    พระอาจารย์อ๊อด ท่านท้า 10 ล้าน
    เตชปัญโญมีเงินหรือป่าว ไปลองกับท่านสิ
    วัดท่านจะได้สร้างเสร็จ อย่ามาทำหูหนวกตาบอดสิ
    ท่านท้าให้มาพิสูจน์ขนอดนั้น นักวิทยาศาสตร์เดียวนี้
    เป็นเต่ากลับชาติมาเกิดหรือไง ถึงไม่กล้าพิสูจน์

    แล้วตัวเป็นพระ ยังไปเชื่อพวกนักวิทยาศาสตร์ก๊งเหล้า
    ยกยอเขายิ่งกว่าพระพุทธเจ้าเสียอีก ยังไม่พอ
    ยังมายุแยงให้เผาพระอภิธรรมทิ้งเสียอีก
    สงสัยคงเป็นเพราะอย่างนี้ พระบางคนถึงได้มั่วสุม
    ทำศาสนาเสื่อม เพราะไม่มีศรัทธาในธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า แล้วเข้ามาบวช ๆ แล้วไม่ศึกษา ๆ แล้วไม่ปฏิบัติตาม ๆ ไม่เป็นผลเพราะตนผิด กลายเป็นว่าพระธรรมสอนผิด เวรกรรมแท้ๆ

    แก้ใครแก้มันละกัน
    ก็กรรมใครกรรมมันนี่นา

    อ่านรึยัง ทิฏฐุชุกรรม สัมมาทิฏฐิ เป็นอย่างไร ?
    หรือว่าว่างอย่างเดียว ทุกอย่างว่างเปล่าไร้อะไรทั้งสิ้นเนี่ย
    ทำมากๆเข้า ตายไปขณะนั้น จะเข้าถึงความฉิบหาย คือกลายเป็นอย่างพระอาจารย์ทั้งสองของพระพุทธเจ้า เป็นอรูปพรหมไงล่ะ คิดดูดีๆ นะพ่ออัจฉริยะ

    แล้วถ้ามาสอนคนอื่นๆ ผิดๆ ล่ะก็ โลกันตมหานรกรออยู่ เพื่อนเพียบ ไม่เหงาแน่ (เดี๋ยวก็คงหาว่าเอานรกมาขู่อีก เฮ้ออออ)

     
  16. เตชปญฺโญ ภิกขุ

    เตชปญฺโญ ภิกขุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    494
    ค่าพลัง:
    +117
    ลำดับขั้นการเกิดดวงตาเห็นธรรม

    สรุปลำดับขั้นการเกิดดวงตาเห็นธรรม
    โดยการตั้งในพิจารณาอย่างแน่วแน่ถึงความจริงของธรรมชาติว่า...

    (๑) "ทุกสิ่งที่เกิดขึ้น หรือตั้งอยู่ก็ตาม ล้วนต้องอาศัยทั้งเหตุและปัจจัย (ปัจจัย หมายถึง สิ่งที่มาช่วยสนับสนุน) เพื่อมาปรุงแต่งให้เกิดขึ้น หรือตั้งอยู่ ทั้งสิ้น"

    (๒) "ไม่มีสิ่งใดที่จะเกิดขึ้นมาได้เองลอยๆ โดยไม่อาศัยเหตุและปัจจัย"

    (๓) ร่างกายที่ยังไม่ตายนี้ ต้องอาศัย อาหาร, น้ำ, ความร้อน, และอากาศบริสุทธิ์ เพื่อมาปรุงแต่งให้ตั้งอยู่ ถ้าขาดปัจจัยใดไป ร่างกายก็ย่อมที่จะแตกสลาย หรือตาย ไปทันที

    (๔) สรุปได้ว่า "ร่างกายของเราจริงๆนั้นไม่มี" มีแต่สิ่งที่ถูกปรุงแต่งขึ้นมาชั่วคราว และสมมติเรียกว่า "ร่างกาย" เท่านั้น ดังนั้นจึงไม่ควรยึดถือ ว่าร่างกายนี้เป็นเรา หรือร่างกายของเรา รวมทั้งไม่ควรยึดถือ ว่ามีร่างกายของใครๆอีกด้วย ถ้าโง่ไปยึดถือ ก็จะเป็นทุกข์

    (๕) จิต หรือ ใจ ก็เป็นสิ่งที่ต้องอาศัยร่างกายที่ยังไม่ตายเพื่อเกิดขึ้นมารับรู้สิ่งต่างๆ และยังต้องอาศัยความทรงจำจากสมองเพื่อมาใช้คิดนึก ถ้าไม่มีร่างกายที่ยังไม่ตาย ก็ไม่มีจิต หรือถ้าไม่มีความทรงจำจากสมอง ก็คิดนึกอะไรไม่ได้

    (๖) สรุปได้ว่า "จิตใจของเราจริงๆนั้นไม่มี" มีแต่สิ่งที่ถูกปรุงแต่งขึ้นมาชั่วคราวเท่านั้น และสมมติเรียกว่า "จิตใจ" เท่านั้น ดังนั้นจึงไม่ควรยึดถือ ว่าจิตใจนี้เป็นเรา หรือเป็นจิตใจของเรา รวมทั้งไม่ควรยึดถือ ว่ามีจิตใจของใครๆอีกด้วย ถ้าโง่ไปยึดถือ ก็จะเป็นทุกข์

    (๗) "ความรู้สึกว่ามีเรา" นี้ เป็นเพียงความรู้สึกของจิต ที่อาศัยสัญชาติญาณว่ามีตัวเอง (สัญชาติญาณ หมายถึง ความรู้ที่เกิดขึ้นมาพร้อมกับชีวิต ตามธรรมชาติ โดยไม่มีใครมาสอน) กับความทรงจำจากสมอง มาร่วมกันปรุงแต่งให้เกิดความรู้สึกว่ามีเรานี้ขึ้นมา ดังนั้น เมื่อจิตก็ยังไม่มีตัวตนที่แท้จริง แล้วความรู้สึกว่ามีเรา ที่เป็นเพียงความรู้สึกของจิต จะมีตัวตนที่แท้จริงได้อย่างไร?

    (๘) พระพุทธเจ้าทรงสรุปคำสอนทั้งหมดของพระองค์ไว้ในประโยคที่ว่า​
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 เมษายน 2008
  17. ยายทองประสา

    ยายทองประสา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    805
    ค่าพลัง:
    +3,069
    ตกลงไม่แน่จริงนี่นา

    คนอะไร ไม่แสวงหาความจริง

    แสวงหาแต่สิ่งลวง ที่ตัวเองพอใจ

    ไม่เชื่อ
    บอกไม่ฟัง
    ให้ไปพิสูจน์
    ไม่กล้า
    ไม่ไป
    เถียง
    เถียงอีก
    แน๊ะ ยังจะเถียงอีก


    คนจำพวกนี้
    เดี๊ย.. ตบ หัว หลุด เลย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 เมษายน 2008
  18. ลัก...ยิ้ม

    ลัก...ยิ้ม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2005
    โพสต์:
    3,409
    ค่าพลัง:
    +15,762
    เดี๊ย.. ตบ หัว หลุด เลย<!-- / message --><!-- sig -->


    อารายเนี้ย เห็นไม่ชัดเจน ยิ้มแก่เลี้ยว ต้องขอ ชัด ๆๆ

    อยากรู้ชัด ๆๆ ช่วยไปทำอย่างที่ว่าก่อนไหมท่านห่มเหลือง เราว่าไม่เกินอาทิตย์ต้องสึกแน่นอน

    วาจากล้าหาญ ชาญชัยเสียขนาดนั้น ช่วยทำใจให้มัน กล้า ๆๆ สมปากด้วยนา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 เมษายน 2008
  19. เตชปญฺโญ ภิกขุ

    เตชปญฺโญ ภิกขุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    494
    ค่าพลัง:
    +117
    ตอบข้อข้องใจโดย เตชปญฺโญ ภิกขุ

    พุทธศาสนาสอนอะไร?
    พระพุทธเจ้า หมายถึง ผู้รู้สูงสุด หรือผู้มีสติปัญญาสูงสุด หรือหมายถึงบุคคลผู้มีความรอบรู้เรื่องของชีวิตและโลกอย่างสูงสุด ซึ่งบุคคลเช่นนี้จัดว่าเป็นบุคคลอัจฉริยะระดับสุดยอด ซึ่งพระองค์ทรงนำคำสอนของพระองค์มาสั่งสอนมวลมนุษย์ จนเกิดพุทธศาสนาขึ้นมาในโลก โดยพุทธศาสนาจะมีคำสอนอยู่ ๒ ระดับ คือ

    ๑. ระดับธรรมดา (หรือระดับศีลธรรม) ซึ่งเป็นคำสอนง่ายๆหรือสำเร็จรูปที่ไม่ต้องใช้การคิดพิจารณาก็สามารถนำเอาหลักศีลธรรมนี้ไปปฏิบัติได้ทันที โดยศีลธรรมจะเป็นหลักที่สอนให้ละเว้นการทำความชั่วทั้งปวง และสอนให้ทำแต่ความดี โดยมีผลเป็นความสุขสงบทั้งของส่วนบุคคลและสังคม ซึ่งคำสอนระดับศีลธรรมนี้ยังไม่ใช่คำสอนที่เป็นแก่นแท้หรือสำคัญของพุทธศาสนา ซึ่งศาสนาทั้งหลายของโลกก็มีคำสอนระดับศีลธรรมนี้อยู่ด้วยกันทั้งสิ้น

    คำสอนของศีลธรรมนี้จะเอาไว้สอนผู้ที่มีสติปัญญาน้อย หรือผู้ที่ไม่มีความรู้ด้านวิทยาศาสตร์มาก่อน หรือผู้ที่ไม่สนใจจะศึกษาชีวิตอย่างละเอียดลึกซึ้ง อย่างเช่นชาวบ้านทั่วๆไปหรือเด็กๆ โดยคำสอนระดับศีลธรรมของพุทธศาสนานี้ ในปัจจุบันจะมีคำสอนของศาสนาอื่น เช่นศาสนาพราหมณ์มาผสมปนเปอยู่ด้วยอย่างมากมายโดยชาวพุทธไม่รู้ตัว อย่างเช่น คำสอนเรื่องวิญญาณเวียนว่ายตายเกิด หรือที่เรื่องที่ว่า ถ้าทำความดีเมื่อตายไปก็จะได้ขึ้นสวรรค์ที่อยู่บนฟ้า แต่ถ้าทำความชั่วเมื่อตายไปก็จะตกนรกที่อยู่ใต้ดิน หรือถ้าฝึกสมาธิและเจริญปัญญามากๆ ก็จะนิพพาน (ซึ่งชาวบ้านส่วนมากเข้าใจว่านิพพานคือการตายแล้วไม่กลับมาเกิดอีก) เป็นต้น

    ๒. ระดับสูง (หรือระดับปรมัตถธรรม) ซึ่งเป็นคำสอนที่ลึกซึ้ง ที่ต้องใช้การคิดพิจารณาอย่างมาก และจัดเป็นคำสอนที่เป็นแก่นแท้หรือสำคัญที่สุดของพุทธศาสนา โดยคำสอนระดับสูงนี้ จะเป็นหลักคำสอนเรื่องการดับทุกข์ของจิตใจมนุษย์ในปัจจุบันโดยใช้หลักวิทยาศาสตร์ (ที่เรียกว่าหลักอริยสัจ ๔) ซึ่งคำสอนระดับสูงนี้เราไม่สามารถที่จะรู้จักอย่างถูกต้องได้เพียงแค่การอ่านจากตำรามา หรือฟังจากคนอื่นมาเท่านั้น แต่จะรู้จักอย่างถูกต้องได้ด้วยการคิดพิจาณาจนเกิดความเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งด้วยสติปัญญาของเราเอง หรือที่เรียกว่ามีดวงตาเห็นธรรมเท่านั้น

    คำสอนระดับสูงนี้จะเอาไว้สอนเฉพาะคนที่มีสติปัญญามาก หรือบุคคลระดับอัจฉริยะที่สนใจจะศึกษาให้รู้จักชีวิตอย่างแจ่มแจ้ง หรือผู้ที่ต้องการศึกษาวิธีการดับทุกข์ของชีวิตเท่านั้น จะไม่สอนบุคคลระดับชาวบ้านทั่วๆไป เพราะมันสูงเกินสติปัญญาที่เขาจะรับได้ โดยคำสอนระดับสูงนี้จะมีหลักการเป็นวิทยาศาสตร์ คือมีเหตุผล ศึกษาจากสิ่งที่มีอยู่จริง และเชื่อจากการที่ได้พิสูจน์ทดลองจนเกิดความเห็นจริงหรือเห็นแจ้งแล้วเท่านั้น ดังนั้นคำสอนระดับสูงนี้จึงไม่มีความงมงายอย่างเด็ดขาด คือจะไม่มีเรื่องวิญญาณเวียนว่ายตายเกิด หรือเรื่องนรกใต้ดิน สวรรค์บนฟ้า อย่างที่มีอยู่ในคำสอนระดับศีลธรรมทั้งหลาย ซึ่งต่อจากนี้ไปเราจะมาศึกษาเฉพาะคำสอนระดับสูงนี้เท่านั้น เพื่อให้เกิดดวงตาเห็นธรรม หรือเพื่อให้รู้จักพุทธศาสนาอย่างถูกต้องกันต่อไป

    www.whatami.net

    www.whatami.8m.com

    เวบไซต์สำหรับบุคคลอัจฉริยะ
     
  20. ยายทองประสา

    ยายทองประสา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    805
    ค่าพลัง:
    +3,069
    เฉไฉ
    ไม่เคยตอบตรงประเด็น
    ผมคิดว่าคุณคงมีปัญหา
    เรื่องการฟัง คิด ถาม เขียน แน่ๆ

    กรรมของบุคคลอัจฉริยะ
    ผู้เป็นยอดนักวิทยาศาสตร์
    แต่ไม่กล้าท้าพิสูจน์ความจริง
    เพราะกลัวว่าทฤษฎีความคิดเดาเอาของตนจะผิด
    ขอให้คุณจงอยู่แต่ในโลกความคิดของตนไปเถิด




    ท่านผู้เจริญ เราไปหาความจริง กันเถิด
    อย่ามาสนใจกับคนขลาดเขาคนนี้เลย
     

แชร์หน้านี้

Loading...