อัลบั้มพระ ประวัติ และวัตถุมงคล

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย ปู ท่าพระ, 26 ธันวาคม 2013.

  1. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    19,512
    ค่าพลัง:
    +53,107
    พระกริ่งหลวงปู่บัว. วัดศรีบูรภาราม. จ.ตราด
    1550642871335.jpg 1550642882932.jpg 1550642889597.jpg 1550642873499.jpg
     
  2. NiponSuwan

    NiponSuwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2018
    โพสต์:
    443
    ค่าพลัง:
    +1,153
    1552102250009.jpeg
    จิตรกรรมฝาผนังแสดงประวัติหลวงพ่อเดิม วาดได้งดงามมาก(ยังอยู่ในส่วนที่ ๓ ของพิพิธภัณฑ์)


    1552102272395.jpeg
    เอกลักษณ์ของหลวงพ่อเดิมสมัยก่อนบวช เวลาไปไหนมาไหนจะต้องมีผ้าขาวม้าโพกหัว และท่านชอบเลี้ยงสัตว์ ชำนานจนแทบจะเรียกได้ว่ารู้ภาษาสัตว์เลยทีเดียว


    1552102293897.jpeg
    หลวงพ่ออุปสมบทที่วัดเขาแก้ว โดยมีหลวพ่อแก้ว วัดอินทาราม เป็นพระอุปัชฌาย์ หลวงพ่อเงิน วัดพระปรางค์เหลือง และ หลวงพ่อเทศ วัดสระทะเล เป็นพระคู่สวด


    1552102319519.jpeg
    ภาพ ๗ นักษัตร แสดงถึง หลวงพ่อเดิมใช้เวลา ๗ ปี ในการศึกษาเล่าเรียน ภาพมุมบนซ้ายเป็นเหตุการณ์สำคัญ ที่ท่านไปศึกษาการทำมีดหมอ จากหลวงพ่อขำ วัดเขาแก้ว


    1552102347706.jpeg
    หลวงพ่อออกธุดงค์ เพื่อฝึกฝนอบรมจิต หลังจากที่ท่านเลิกเป็นนักเทศน์ โดยท่านปรารภว่า “มัวแต่ไปเที่ยวสอนคนอื่น และเอาสตางค์เขาเสียอีกด้วย ส่วนตัวเองไม่สอนสักที ต่อไปนี้ต้องสอนตัวเองเสียที”


    1552102376009.jpeg
    ภาพเหตุการณ์สำคัญอีกตอนหนึ่ง คือหลวงพ่อเมตตาปั๊มผ้ายันต์รอยเท้า แจกแก่คนทั่วไป หลวงพ่อได้เมตตาต่อชาวบ้านทั่วไปที่ไม่ค่อยมีเงินมีทองมาเช่าวัตถุมงคลที่กรรมการวัดเขาสร้างขึ้น ท่านก็ให้ชาวบ้านเหล่านั้นหาผ้าขาวมาท่านจะปั๊มเป็นผ้ายันต์รอยเท้าให้
    โดยเฉพาะช่วงสงครามอินโดจีน ทั้งชาวบ้านและทหารที่ต้องออกรบต่างก็มาขอผ้ายันต์รอยเท้าจากท่านกันมากจนท่านทำไม่ทัน ท่านจึงต้องใช้วิชานะปัดตลอดมาช่วย โดยให้เอาผ้ามาซ้อนกันเป็นตั้งๆ แล้วท่านก็กำหนดจิตเหยียบรอยเท้าลงไปบนผ้านั้น แล้วเป่าพรวดลงไปปรากฏว่าผ้าตั้งนั้นปรากฏเป็นรอยเท้าทุกผืนตั้งแต่ผืนบนยันผืนล่างสุด เป็นที่อัศจรรย์ และของแจกฟรีนี้แหละที่คงความขลังเคียงคู่มากับมีดหมอสุดยอดของดีที่ขึ้นชื่อของท่านมาอย่างเต็มภาคภูมิ



    1552102458115.jpeg
    มรณกาลมาถึง หลวงพ่อได้สร้างคุณงามความดีไว้อย่างมากมายตลอดหลายสิบปีในชีวิตท่าน จนที่สุดสังขารก็มิอาจทานทนได้ วันนั้นช้างทุกตัวที่ทำงานอยู่ในป่าต่างก็มุ่งหน้ากลับสู่วัด สุดที่ควาญช้างจะหักห้ามอย่างไรมันก็ไม่ฟัง จนทุกคนเอะใจว่าอาจจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้น เมื่อมาถึงวัดช้างเหล่านั้นต่างก็มาวนเวียนอยู่รอบกุฏิหลวงพ่อราวกับจะรู้ว่า อีกไม่นานหลวงพ่อจะลาจากพวกมันไปแล้ว
    เมตตาครั้งสุดท้ายของหลวงพ่อเดิม ก่อนที่หลวงพ่อจะหมดลม ท่านได้ถามว่าน้ำในบ่อมีพอใช้หรือไม่ ชาวบ้านได้บอกว่าถ้าฝนไม่ตก คงมีพอใช้ได้อีกไม่กี่วัน แล้วหลวงพ่อก็หลับตาลง บัดนั้น มหาเมฆได้ตั้งเค้าขึ้น จากท้องฟ้าแจ้งๆกลายเป็นดำทมึน สายฝนก็เทกระหน่ำลงอย่างไม่ลืมหูลืมตา ชาวบ้านต่างก็ดีใจ ที่จะมีน้ำต่ออายุไปได้อีกนานวัน แต่เมื่อสายฝนขาดเม็ดลง ลมหายใจของหลวงพ่อเดิม ก็ขาดไปเช่นกัน เสียงย่ำกลองย่ำระฆังดังสนั่นบอกเหตุราวกับเสียงร่ำไห้ ชาวบ้านรอบวัดต่างก็รู้ว่าบัดนี้ หลวงพ่อเดิมอันที่เคารพรัก เทพเจ้าแห่งเมืองสี่แควได้จากไปแล้ว

     
  3. NiponSuwan

    NiponSuwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2018
    โพสต์:
    443
    ค่าพลัง:
    +1,153
    1552370463927.jpeg

    1552370442703.jpeg

    1552370509267.jpeg

    1552370484299.jpeg


    ห้องสุญญตา

    ออกจากส่วนที่ ๓ ก่อนเข้าส่วนที่ ๔ จะผ่านห้องสุญญตา ซึ่งเป็นห้องที่อยู่ใต้กึ่งกลางขององค์พระเจดีย์พอดี ภายในประดิษฐานหุ่นขี้ผึ้ง อัฐิธาตุ และฟันของหลวงพ่อเดิม กราบขอพรจากองค์หลวงพ่อเพื่อความเป็นสิริมงคลกันครับ
     
  4. NiponSuwan

    NiponSuwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2018
    โพสต์:
    443
    ค่าพลัง:
    +1,153
    1552966291087.jpeg

    1552966318204.jpeg

    1552966235058.jpeg

    1552966268588.jpeg

    1552966370101.jpeg

    1552966420145.jpeg


    ๔.เพิ่มพูนศรัทธา จัดแสดงนิทรรศการเรื่องการมรณภาพของหลวงพ่อเดิม มีหีบบรรจุศพของหลวงพ่อเดิม มีภาพถ่ายหลวงพ่อเดิม และวัตถุมงคลต่างๆ เช่น รูปหล่อ เหรียญรุ่นต่างๆ มีดหมอ ผ้ายันต์ งาช้างแกะสลัก ตะกรุด สีผึ้ง ของดั้งเดิมที่สร้างแต่ครั้งหลวงพ่อยังไม่มรณภาพ ซึ่งชาวบ้านหนองโพและศิษยานุศิษย์นำมามอบให้กับพิพิธภัณฑ์จัดแสดงให้ประชาชนได้ชม ซึ่งทางพิพิธภัณฑ์จัดวางไว้เป็นหมวดหมู่ในไซด์บอร์ดติดผนัง มีกระจกกันกระสุนปิดกันไว้


    1552966343170.jpeg
    พระพุทธรูปไม้โพธิ์แกะ สมัยหลวงพ่อเดิม


    1552966393142.jpeg
    หีบศพหลวงพ่อเดิม(หีบชั้นนอก) หีบนี้หลวงพ่อเดิมได้ดำริให้สร้างก่อนที่ท่านจะละสังขาร งดงามมากหาชมได้ยากจริงๆ
     
  5. NiponSuwan

    NiponSuwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2018
    โพสต์:
    443
    ค่าพลัง:
    +1,153
    1554365440856.jpeg

    ๕.กถาคัมภีร์ จัดแสดงนิทรรศการ คาถา ยันต์ ตำรายา ตำราเรียน ตำรานรลักษณ์ ตำราสวัสดิรักษา คัมภีร์ทางพระพุทธศาสนา เช่น ไตรภูมิ คัมภีร์ไสยเวทย์เลขยันต์ต่างๆ คัมภีร์การปกครอง เช่น กฎหมายตราสามดวง ฉบับเชยศักดิ์ ที่ได้รับการจารไว้ในสมุดไทยดำ ตั้งแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยา ที่เล่าสืบต่อกันมาว่า หลวงพ่อเฒ่า (รอด) ปฐมสมภารแห่งวัดหนองโพ เมื่อก่อนอุปสมบทเคยเป็นทหารในสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช เป็นผู้นำคัมภีร์ต่างๆ ข้างต้น ติดตัวมาด้วย ซึ่งปัจจุบันยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์มากและมีให้ได้ชมจำนวนหลายสิบเล่ม


    1554365470584.jpeg
    ตำราหรือคัมภีร์ต่างๆที่ติดอยู่ตามผนังเป็นฉบับจำลองหรือสำเนา สามารถหยิบชมได้


    1554365501086.jpeg
    ของจริงจะเก็บรักษาไว้ในตู้อย่างดี


    1554365524942.jpeg ตำราบางอย่างก็เป็นของเก่าแก่แต่โบราณ แต่บางส่วนก็เป็นของในสมัยหลวงพ่อเดิม เช่นตำราไตรภูมินี้ พระครูสมุห์ชุ่มท่านซื้ออมา เมื่อตอนที่หลวงพ่อเดิมส่งมาเรียนนักธรรมที่กรุงเทพ


    1554365547874.jpeg
    ตำราเล่มนี่เจ้าหน้าที่บอกว่าเก่าแก่ที่สุด และที่วัดหนองโพธิ์ยังมีตำราหรือคัมภีร์อีกมากมาย และกำลังสร้างพิพิธภัณฑ์หลังที่สองเพื่อเก็บวัตถุอันทรงคุณค่าเหล่สนี้ให้คนรุ่นหลังได้ศึกษากัน


    1554365584825.jpeg
    หลวงพ่อฉอ้อน ศิษย์หลวงพ่อเดิมอีกองค์หนึ่ง ที่หลวงพ่อเดิมท่านให้ศึกษาเรื่องการแพทย์แผนโบราณ เพื่อเป็นที่พึ่งแก่ชาวบ้าน
     
  6. NiponSuwan

    NiponSuwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2018
    โพสต์:
    443
    ค่าพลัง:
    +1,153
    32186482_1247656168698687_1324618259693043712_o.jpg

    32332365_1247671868697117_242414242018361344_n.jpg

    ใครไปกราบหลวงพ่อเดิม ที่วัดหนองโพ แล้วอย่าลืมตักน้ำมนต์กลับมาไว้บูชาหรือใช้ประพรมบ้านเรือน ร้านค้า เพื่อความเป็นสิริมงคล ค้าขายดีกันนะครับ

    หลวงพ่อเดิมท่านแตกฉานในสรรพวิชาต่างๆมากมาย เพราะท่านขยันหมั่นศึกษาหาความรู้ อย่างทางด้านน้ำมนต์นั้น หลวงพ่อเงิน วัดพระปรางค์เหลือง เป็นพระคู่สวดของหลวงพ่อเดิม ท่านมีความเชี่ยวชาญในด้านน้ำมนต์มหาจินดามณีมาก หลวงพ่อเดิมเป็นศิษย์ของหลวงพ่อเงิน และท่านเป็นผู้ใฝ่รู้คงจะได้ศึกษาวิชานี้มาจากหลวงพ่อเงินจนช่ำชองแน่นอนครับ



    26815342_1769961979966006_6201583572762311832_n.jpg

    ในสมัยหลวงพ่อเงิน"พระครูพยุหานุสาสก์"ดำรงตำแหน่งเจ้าคณะอำเภอพยุหะคีรี ได้เคยถวายการรดน้ำมนต์มหาจินดามณีแก่พระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวง รัชกาลที่๕ ในคราวเสด็จประพาสต้นเมื่อปีพ.ศ.๒๔๔๙ ภายในวัดยังปรากฎหลักฐานสำคัญในคราวประพาสต้น ทั้งแพที่จอดเรือประทับ กุฏิหลวงพ่อเงิน เก๋งเรือพระราชทาน​
     
  7. NiponSuwan

    NiponSuwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2018
    โพสต์:
    443
    ค่าพลัง:
    +1,153
    1551602743660.jpeg


    อภินิหารรอยเท้าหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ จ. นครสวรรค์

    เรื่องนี้เกิดขึ้นที่ตาพระยา จ.ปราจีนบุรี ตอนสงคราม นายชั้น หนวดแหยม อยู่ที่ตาพระยาแกเป็นคนเชื้อสายเขมร สักยันต์เต็มตัว เล่นคุณเล่นของเต็มบ้านไปหมด แกมีอาชีพทางเป็นหมอทำคุณไสยเสน่ห์ยาแฝด เอาทุกท่า พูดง่ายๆก็คือหากินด้วยการผลาญชีวิต และความสุขของผู้อื่นนั่นเอง ชาวบ้าน ต.ตาพระยา และเขตใกล้เคียงนับถืออาคมของ นายชั้นแกมาก มีเรื่องเดือดร้อน ควายหาย คนหาย ตลอดจนของหาย สามีไม่กลับบ้าน ลูกสาวหาย อะไรต่ออะไรจิปาถะ ก็ต้องมาหานายชั้นให้ช่วย

    นายชั้นจึงมีรายได้จากคนที่ตกทุกข์ได้ยากอย่างงาม ทั้งค่ากำนัล และค่าแรงที่ช่วยทำงาน ทั้งเงินทองเครื่องใช้อาหารการกินอุดมสมบูรณ์ แม้ว่าจะมีหมอประเภทเดียวกันมาเปิดสำนักแข่งก็ไม่อาจทานอำนาจอาคมของนายชั้นได้ ต้องหอบเสื่อหอบหมอนย้ายไปหากินที่อื่น บางคนถึงกับพุงแตกตายเพราะหนังที่นายชั้น หนวดแหยมเสกเข้าไปบานในท้อง จนกระทั่งเป็นที่ระย่อของบรรดาหมอผีด้วยกัน เล่าลือกันสนั่นว่านายชั้น หนวดแหยมคือยอดหมอผีอันดับหนึ่ง แห่งตาพระยา สมัยสงครามเลยทีเดียว

    อีกคนหนึ่งที่จะกล่าวคือนายเกี้ยว คนหนองเต็งรัง อ.พยุหะคีรี นครสวรรค์ ตอนนั้นสงครามกำลังจะระอุ นายเกี้ยวก็อพยพจากพยุหะฯ ไปทำไร่ที่ตาพระยาตามภรรยาของเขาที่มีรกรากและที่ดินอยู่ที่นั่น ประการแรกเพื่อหลบภัยสงคราม ประการที่สอง จะได้ตั้งหลักฐานและจับจองที่ดินเพื่อขยายเนื้อที่ออกไป
    นายเกี้ยวเล่าว่า ก่อนจะไปได้ให้หลวงพ่อเดิมรดน้ำมนต์ให้ หลวงพ่อมอบตะกรุดคาดเอว พร้อมลูกสะกดปรอทกันไข้ป่า ส่วนตัวเขาได้เช่ามีดหมอจากกรรมการวัด แล้วไปให้หลวงพ่อประสิทธิ์ให้ สำหรับรอยเท้านั้น หลวงพ่อเหยียบให้เปล่าๆแถมยังลงอักขระด้วยดินสอดำเพิ่มให้อีก หลวงพ่อบอกว่า เข้าที่คับขันอย่าลืมรอยเท้า นายเกี้ยวจึงออกเดินทางไปตาพระยาเพื่อทำไร่ตามที่ตั้งใจไว้ เมื่อนายเกี้ยวไปที่ตาพระยานั่นเอง ก็ไปขัดผลประโยชน์ของนายชั้นหมอผีอันดับหนึ่งของตาพระยาเข้าให้จนได้ก็เพราะความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่แบบหลวงพ่อนั่นเอง วันหนึ่งญาติของภรรยานายเกี้ยวมีอาการแน่นท้องอึดอัดหายใจไม่ออก ชาวบ้านเรียกว่าป่วง แต่ป่วงที่ญาติภรรยาของนายเกี้ยวเป็นไม่ใช่เหมือนป่วงธรรมดาแต่ว่าท้องยุบได้บวมได้ มีก้อนคล้ายลูกหนูวิ่งนูนไปนูนมาเสียงดังโครกครากเป็นที่น่าประหลาด เมื่อเป็นหนักเข้าก็ถึงกับไม่ได้สติ

    นายเกี้ยวได้สอบถามภรรยาว่าเหตุเกิดเพราะอะไร ภรรยาของนายเกี้ยวก็กระซิบกระซาบคล้ายกลัวใครจะได้ยินว่า “ก็ไม่ได้เอาค่ากำนัลไปให้หมอผีชั้นน่ะซี เพราะหมอชั้นแกเรียกค่ากำนัลแพงเกินกว่าที่ควรจะเป็น เพียงแต่เอาไปให้ช้าสามสี่วันเท่านั้นและไม่ยอมให้ตามที่ปรับ พอเดินลงจากบ้านหมอชั้น ก็ได้ยินเสียงเรียกชื่อ เมื่อหันไปดูก็หน้ามืดหล่นลงมาจากบันได ต้องให้คนช่วยหามมาบ้าน พอรู้สึกตัวก็บ่นแน่นท้องหายใจไม่ออก สงสัยว่าจะถูกหมอชั้นเล่นงานด้วยการเสกหนังเข้าท้อง” นายเกี้ยวขนลุก นึกถึงมีดหมอขึ้นมาได้จึงลุกไปจุดธูปเทียนระลึกถึงหลวงพ่อต่อหน้ารูปแววนกยูง เอามีดหมอมาวางไว้บนผ้ารอยเท้าแล้วเอาน้ำฝนใส่ขันทำน้ำมนต์ ชักมีดหมออกจากฝัก คนลงไปในน้ำแล้วกลับเอาด้ามคนเอาผ้ารอยเท้าครอบปากขันอีกทีหนึ่ง แล้วยกออกทำน้ำมนต์ไปรักษาคนไข้

    นายเกี้ยวพรมน้ำมนต์ลงไปที่ตัวคนไข้คนไข้นั่งนิ่งเงียบก็ดิ้นพรวดพราดเหมือนถูกน้ำร้อนราดลุกขึ้นนั่งตาขวาง นายเกี้ยวเอาผ้ารอยเท้าคลี่ออกตลอดผืนแล้วครอบลงไปบนหัวคนไข้ คนไข้ลุกทะลึ่งขึ้นสุดตัวแต่ไม่อาจจะหลุดจากการกดหัวไว้ได้ ก็สงบลง นายเกี้ยวสั่งภรรยาให้เอาน้ำมนต์มาจ่อที่ปากของคนไข้แล้วให้ดื่ม ส่วนตัวนายเกี้ยวเอง คอยกดผ้ารอยเท้ากับกระหม่อมของคนไข้ชนิดมั่นคงไม่ให้ไปไหน ให้คนไข้อ้าปากดื่มน้ำมนต์เข้าไปสามอึก อึกที่สามกลืนไม่หมดสำลักออกมา เมื่อนายเกี้ยวปล่อยมือจากการกดคนไข้ก็ทำท่าขย้อนจะอาเจียน ภรรยาของนายเกี้ยวรีบไปหากระโถนมารองให้อาเจียนเสียงโอ้กๆ อาหารในกระเพาะไหลออกมาก่อน ตามด้วยเส้นผมคนเป็นขยุ้มๆสีดำค่อยๆเคลื่อนที่ออกมาจากปาก ภรรยานายเกี้ยวรีบเอามือช่วยดึงออกจากปากแล้วทำหน้าเบ้ด้วยกลิ่นเหม็นที่โชยออกมานั่นเอง คนไข้อาเจียนออกมาเป็นเส้นผมคนค่อนกระโถนจึงหยุดอาเจียนหายเป็นปกติ อาการแน่นท้องอึดอัดหายเป็นปลิดทิ้ง นายเกี้ยวรู้ได้ในวินาทีนั้นว่าคนไข้ถูกกระทำคุณเสกผมผีตายโหงเข้าท้อง หากรักษาไม่ทันพอพระอาทิตย์ตกดินคนไข้จะเสียชีวิต

    ข่าวการช่วยชีวิตญาติของภรรยาของนายเกี้ยวกระจายไปเข้าหูของนายชั้น หนวดแหยม นายชั้นตาลุกวาวด้วยความแค้นเคืองหลุดปากออกมาว่า อ้ายคนเหนือมันจะแน่สักแค่ไหนวะ กูจะเอามันให้ถึงตาย คำกล่าวอาฆาตของหมอผีอันดับหนึ่งมาเข้าหูนายเกี้ยว ภรรยาของนายเกี้ยวหน้าเสียเพราะกลัวสามีจะไปมีอันตรายจากไสยเวทมนต์ดำนายเกี้ยวหัวเราะหึๆเพราะเชื่อมั่นในบารมีของหลวงพ่อเดิมกับของขลังที่มีอยู่ แต่เพื่อเป็นการกันไว้ดีกว่าแก้นายเกี้ยวจึงเอาผ้ารอยเท้าหลวงพ่อมาเย็บติดกับไม้ไผ่ด้านบนทำเป็นธงแขวนไว้ที่หัวนอน ตะกรุดพร้อมลูกสะกดคาดเอวไว้ตลอดเวลา มีดหมอเอาใส่ไว้ใต้หมอนก่อนนอนก็สวดระลึกขอบารมีหลวงพ่อคุ้มครองให้รอดปลอดภัย ไม่กี่วันในตอนดึก เกิดเหตุระทึกขวัญขึ้น เสียงคล้ายลมพัดกิ่งไม้ครูดกับฝาบ้านดังแกรกๆตอนแรกๆดังค่อยๆแล้วก็ดังหนักขึ้นๆนายเกี้ยวจึงตื่นขึ้น ไล่เลี่ยกันนั้นภรรยาของนายเกี้ยวก็ตื่นขึ้นพร้อมอ้าปากจะทัก นายเกี้ยวเอามือปิดปากไว้ได้ทัน เสียงแกรกกรากนั้นก็เงียบไป มีเสียงลมกระโชกที่หน้าต่างหัวนอน นายเกี้ยวแหงนขึ้นไปดูก็เห็นธงรอยเท้าแก่วงเล่นลมตามปกติ​


    และทันใดนั้น! ก็มีเสียงเฟี้ยวคล้ายของที่วิ่งด้วยความเร็ว แหวกอากาศก็ดังขึ้นที่หัวนอนดังพึ่บ คล้ายกับมีอะไรหนักๆวิ่งชนธงรอยเท้าที่โบกสะบัดอยู่ เสียงตุ๊บคล้ายของหนักตกลงบนพื้นกระดาน นายเกี้ยวนอนนิ่ง จนกระทั่งทุกอย่างสงบแล้วจึงออกจากมุ้งจุดตะเกียงส่องดูตรงหัวนอนที่ได้ยินเสียงของหนักตกลงมา ที่พื้นกระดานหัวนอนใกล้กับหน้าต่างนั่นเองมีเนื้อวัวขนาดประมาณ
    สามกิโลมัดด้วยสายสิญจน์แถมด้วยหนามกากบาทตกอยู่ที่พื้น สายสิญจน์ขาดกระจุยออกจากกัน เมื่อนายเกี้ยวเอาไม้กวาดเขี่ยดู

    นายเกี้ยวรู้ได้ทันทีว่า นั่นคือคุณไสยเนื้อที่ถูกปล่อยออกมาเพื่อหักล้างชีวิตของตน จึงเอามีดหมอมาทำน้ำมนต์พรมลงบนก้อนเนื้อแล้วเอาไม้ไผ่ปลายแหลมเสียบนำไปฝังดินไว้นอกเขตบ้าน ตอนสายๆนายเกี้ยวบุกไปที่บ้านนายชั้น หนวดแหยมทันทีเพื่อพูดจากันให้รู้เรื่องโดยนำตะกรุด มีดหมอ และผ้ารอยเท้าไปด้วย เพื่อความไม่ประมาท นายชั้นยกน้ำท่ามาต้อนรับ นายเกี้ยวรู้แกวไม่ยอมกินอะไรทั้งนั้น ได้แต่เจรจาเรื่องข้อบาดหมาง แต่นายชั้นหมอผีอันดับหนึ่งไม่ยอมฟังเสียงหาว่าดูถูกกันทำให้เสื่อมเสียต้องล้างผลาญกันให้พังกันไปข้างหนึ่ง นายเกี้ยวก็พยายามเจรจาให้ยุติการล้างผลาญ แต่ไม่เป็นผล ท้ายสุดก็ต้องกลับมาด้วยความผิดหวัง ที่พึ่งสุดท้ายคือหลวงพ่อเดิม จึงจุดธูปเทียนบูชาอาราธนาให้หลวงพ่อช่วย ในระหว่างนั้นก็ระวังตัวแจกลัวฝ่ายนายชั้นจะมาทำของใส่ ร้อยสีพันอย่างที่นายชั้นพยายามทำคุณใส่นายเกี้ยว แต่ไม่สำเร็จผลสมใจหมาย

    ครั้งสุดท้ายนายชั้นใช้วิชาสุดยอดเรียกว่า “แลกชีวิต” วิชานี้เป็นไสยเวทมนต์ดำที่ใช้เป็นสิ่งสุดท้ายในการทำลายคู่ต่อสู้ กล่าวคือการสร้างคุณไสยชนิดร้ายแรงนี้ประกอบด้วยผีตายโหง ผีตายห่า ผีตายทั้งกลมกับอาถรรพณ์ร้อยแปดบรรดามี คุณชนิดนี้หากปล่อยไปแล้วคู่ต่อสู้ ไม่ตายหรือแก้กันได้ ตัวผู้ทำจะถูกของนั้นย้อนกลับมาทำอันตรายตัวเองถึงตายจึงเรียกกันว่า “แลกชีวิต” ซึ่งหากไม่เจ็บใจหรือแค้นเคืองมากๆแล้วเป็นไม่มีใครยอมทำ เพราะรู้ดีว่าหากไม่สำเร็จ ตัวเองต้องตาย กรรมย่อมสนองกรรมอย่างแน่นอนที่สุดคุณที่นายชั้นปล่อยออกไป ไม่สามารถผ่านธงรอยเท้าของหลวงพ่อไปได้ แต่ก็ทำให้เชือกที่ร้อยธงและไม้ไผ่ที่ดามไว้ป่นเป็นชิ้นๆธงหล่นลงมากองกับพื้น

    ตอนเช้านายเกี้ยวก็ต้องไปร่วมพิธีศพของหมอชั้น หนวดแหยม ที่มีอาการตาเหลือกค้าง เลือดออกทางทวารทั้งเก้า ใบหน้าเนื้อตัวเขียวคล้ำ ตายอย่างน่าทุเรศ ชาวบ้านพูดกันว่าถูกหมอผีฝ่ายตรงข้ามทำคุณมาฆ่าแต่พวกเขาหารู้ไม่ว่า นายชั้น หนวดแหยมตายเพราะแพ้ภัยแก่ตัวเอง และแก่รอยเท้าหลวงพ่อเดิมที่อุดมด้วยพลังนะปัดตลอด ที่คอยป้องกันชีวิต ของนายเกี้ยวอยู่นั่นเองและ

    “หมอชั้นตายเพราะความอาฆาตแค้นและผลกรรมที่เขาก่อกรรมผลาญชีวิตผู้อื่นมามากต่อมากแล้วนั่นเองเป็นเหตุ


     
  8. NiponSuwan

    NiponSuwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2018
    โพสต์:
    443
    ค่าพลัง:
    +1,153
    31542999_1240831292714508_6082172336839065600_n.jpg


    ประสบการณ์ผ้ายันต์รอยเท้าหลวงพ่อเดิม(ย้อนยุค)

    โดยคุณไพโรจน์ พูลทอง

    ขออนุญาตบอกเล่าประสบการณ์เผยแผ่บารมีหลวงปู่เรื่องรอยเท้าที่ทางวัด จัดทำย้อนยุคปี 2549 ซึ่งผมได้บูชามาพร้อมแหวนเงิน และนำติดตัวไปทำงานเสมอ ๆ เวลาไปตรวจงานตามต่างจังหวัด มาปี 2551 ได้ย้ายมาประจำที่ งานจดหน่วยการไฟฟ้า อ.ตาคลี ก็เข้าไปหาหลวงปู่ที่กุฏิ หลังเก่าบ่อย ๆ เย็นกาย เย็นใจทุกครั้งที่เข้าไปวัดหนองโพ แล้วเหตุการณ์ก็เกิดเมื่อได้ไปตรวจงานที่อำเภอวังโป่ง เพชรบูรณ์ นอนค้าง 2 อาทิตย์ ไปนอนได้ 2 คืน นอนไม่ค่อยหลับมีคนเคาะประตูบ้าง เสียงถังน้ำหล่นลงหลังคาบ้าง ดังมากตื่นตลอด แต่ก็ไม่ได้คิดอะไร เอารอยเท้าท่านไว้ใต้หมอน พอคืนที่4 เป็นวันโกน ประมาณ ห้าทุ่มครึ่ง หมาเริ่มหอน ลมแรง ได้ยินเสียงซู่ ๆ แล้วมีเสียงเหมือนมะพร้าวหล่นโดนหลังคากลิ้งลงไปหล่นข้างประตู 3-4 ครั้ง ผมลุกกราบพระสวดมนต์ เอารอยเท้า หลวงปู่มาอธิษฐานให้ช่วย เปิดประตูออกดูด้วยความอยากรู้ ไม่พบสิ่งใดหล่น(คิดว่าจะเจอลูกมะพร้าว) แต่พบเบ็ดตกปลา หล่นเต็มหน้าห้องเป็นร้อยตัว ขนลุกซู่ ผมจึงรีบปิดประตู ไม่กล้านนอน แล้วได้ยินเสียง ผู้ชายสูงอายุ กระซิบบอก เอารอยเท้าไปติดบน ธรณีประตู ๆ ๆ ซ้ำ ๆ จึงตัดสินใจลุกนำไปติดดังคำบอก พอผ่านไป 5 นาที ทุกอย่างสงบเงียบ ใจเราเองก็สบาย หลับได้ละที่นี่ ตั่งแต่คืนนั่นจนครบ เวลากลับ ไม่มีสิ่งใด มารบกวนอีกเลย พอกลับถึงตาคลีรีบไปบอก ขอบพระคุณในความเมตตาหลวงปู่ที่ช่วยชีวิตไว้ สาธุ สาธุ สาธุ
    บูชา จะ ปูชะนียานัง เอตัมมัง คะละมุตตะมัง การบูชาบุคคลที่ควรบูชาเป็นมงคลอย่างยิ่งของชีวิต


    *********

    วัตถุมงคลพระในระดับตำนานอย่างหลวงพ่อเดิม แม้เป็นรุ่นย้อนยุคก็มีความขลังศักดิ์สิทธิ์ ขอเพียงเราเคารพศรัทธาในองค์หลวงพ่อท่านจริง หลวงพ่อท่านย่อมคุมครองเราแน่นอน ดังวลีที่พระอริยสงฆ์รูปหนึ่งเคยกล่าวไว้ว่าวัตถุมงคลของหลวงพ่อเดิมจะสร้างกี่ครั้งก็

    "ขลังเหมือนเดิม"

     
  9. NiponSuwan

    NiponSuwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2018
    โพสต์:
    443
    ค่าพลัง:
    +1,153
    51695051_1475425559255079_546217924772233216_n.jpg


    อกเลาประตูโบสถ์ วัดหนองโพ คือสุดยอดของดีที่หลวงพ่อเดิมได้ทิ้งไว้ให้ลูกหลาน โดยท่านได้แกะสลักเป็นยันต์พระเจ้าอมโลก(หรือยันต์พระเจ้า ๕ พระองค์ ที่พลิกผันกลบทเป็นรูปแบบต่างๆ อันทรงอานุภาพเหลือประมาณ) แล้วได้ปลุกเสกเป็นอย่างดี โดยท่านได้มองการณ์ไกลว่าหากวันหน้ายามที่ท่านได้ลาละสังขารไปแล้ว ใครอยากได้ของดีก็ให้เอาหมึกมาที่ที่อกเลา แล้วเอาผ้าไปปั๊ม ก็จะได้สุดยอดของดีเหมือนกับหลวงพ่อท่านมาปลุกเสกเอง

    ปล. ปัจจุบันทางวัดได้ทำผ้ายันต์ย้อนยุคไว้ให้บูชา อย่าไปปั๊มเองเลยนะครับช่วยกันอนุรักษ์อกเลาประตูโบสถ์ไว้ให้อยู่คู่วัดตราบนานเท่านานดีกว่า

    ***************

    ประวัติประตูโบสถ์วัดหนองโพ
    เล่าโดยนายสนม เพ็ชรแจ่ม บุตรนายพรม เพ็ชรแจ่ม ควาญช้างคู่ใจหลวงพ่อเดิม

    พ่อพรมเป็นเด็กกำพร้า บ้านอยู่หัวถนน หลวงพ่อเดิมไปสร้างวัดที่หัวถนน จึงได้ติดตามหลวงพ่อมาตั้งแต่เป็นเด็กหัวจุก หลวงพ่อได้ถ่ายทอดวิชาเลี้ยงช้างให้ จนโตเป็นหนุ่มจนเก่งเป็นควาญช้างคู่ใจของหลวงพ่อเดิม มีวันหนึ่งหลวงพ่อเดิมได้ใช้ให้พ่อพรม เข้าไปตัดไม้ประดู่ เพื่อจะมาทำประตูโบสถ์ พ่อพรม ก็เอาพลายแจ่มไปด้วย เพื่อไปลากไม้ประดู่มา มีนางไม้อยู่ในต้นประดู่นั้น เขาเกิดความโมโห ทำให้พลายแจ่มเกิดความคุ้มคลั่ง พาพ่อพรมวิ่งเตลิดเข้าป่าไป ๗ วัน อดข้าวอดน้ำไม่ได้กินอะไร หลวงพ่อเดิมเอะใจว่าหายไปนาน จึงเข้าทางในตรวจดู ด้วยบารมีของหลวงพ่อเดิมจึงทำให้พลายแจ่มกับพ่อพรม กลับวัดด้วยความปลอดภัย
     
  10. NiponSuwan

    NiponSuwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2018
    โพสต์:
    443
    ค่าพลัง:
    +1,153
    33653508_1256569614474009_7874391691866669056_n.jpg


    ในปีพุทธศักราช ๒๔๘๕ ประเทศไทยต้องถูกญี่ปุ่นเข้ายึดไว้เป็นทางผ่าน จอมพล ป. พิบูลสงคราม ต้องเซ็นสัญญาเป็นพันธมิตรกับญี่ปุ่น ทำให้สัมพันธมิตรประกาศสงครามกับไทยไปด้วยอย่างช่วยไม่ได้ ลำพังประกาศสงครามธรรมดาคงไม่เป็นไร แต่นี่เล่นแห่กันเอาระเบิดมาทำลาย มาถล่มใส่ที่มั่นของฝ่ายญี่ปุ่นในประเทศไทยอย่างหนัก ผลของการทิ้งระเบิดทำให้ชีวิตและทรัพย์สินของคนไทยพินาศไปไม่น้อย ผู้คนต่างก็หวาดกลัวภัยสงครามกันแทบเป็นบ้า ข้าวยากหมากแพงอดอยากกันทั่วหน้า

    ประชาชนชาวนครสวรรค์และใกล้เคียงต่างก็พากันเสาะหาของขลังติดบ้าน ติดตัว กลัวภัยระเบิด ที่มีสตางค์ก็ไปบูชาวัตถุมงคลมาไว้เป็นกำลังใจ โดยเฉพาะวัดหนองโพนั้น วันหนึ่ง ๆ คราคร่ำไปด้วยผู้คนที่มาเช่าแหวน รูปหล่อ เหรียญ มีด พระงาแกะ สิงห์งาแกะกันเป็นจ้าละหวั่น คนที่ไม่มีเงินก็ได้แต่หน้าเศร้าเพราะกรรมการวัดเขาสร้างวัตถุมงคลต้องลงทุนด้วยเงิน เขาก็ให้เช่าบูชา ส่วนที่เกินทุนออกมา หลวงพ่อเดิมท่านก็เอาไปสร้างโบสถ์วิหาร ศาลาการเปรียญตามวัดต่าง ๆ ให้เจริญยิ่งขึ้น

    จะเป็นใครเป็นผู้ริเริ่มนั้นยืนยันไม่ได้ แต่ปรากฏว่ามีผู้นำเอาผ้าขาวมาให้หลวงพ่อเดิมเหยียบรอยเท้า(บ้างก็ว่าหลวงพ่อเดิมเองท่านให้คนที่ยากจนไม่มีปัจจัยพอที่จะเช่าวัตถุมงคลหาผ้าขาวมาปั๊มรอยเท้าท่านไปบูชา ท่านทำให้ฟรีๆ) สีที่ใช้ก็คือ ครามลงผสมน้ำนี่เอง เอามาทาฝ่าเท้าหลวงพ่อเดิมแล้วให้ท่านเหยียบ
    การเหยียบตอนแรกเหยียบกับกระดาษเปล่า ติดชัดบ้าง ไม่ชัดบ้าง ก็ว่ากันไปตามสะดวก ต่อมามีผู้ไปเกิดประสบการณ์ต่าง ๆ เช่น ยิงไม่ออก ฟันไม่เข้า ตีไม่แตก บางทีก็เอาไปโบกไล่เครื่องบินให้วนไปที่อื่น หรือโบกปัดระเบิด บางบ้านรอบ ๆ บ้านพินาศยับเยินด้วยแรงระเบิดทำลาย แต่บ้านที่มีรอยเท้าหลวงพ่อเดิมกลับปลอดภัย ไม่มีกระเบื้องแตกสักแผ่น เล่าลือกันหนักเข้า หลวงพ่อเดิมก็ต้องนั่งประทับรอยเท้าจนขาเมื่อย​

    ทางวัดได้จัดบริการแบบใหม่คือ หาหมอนมารองเป็นที่ประทับรอยเท้าหลวงพ่อเดิม เมื่อเอาครามทาฝ่าเท้าหลวงพ่อเดิมแล้ว ก็วางผ้าขาวลงไปบนหมอน แล้วหลวงพ่อเดิมท่านก็ประทับรอยเท้าลงไป ปรากฏว่าไม่ต้องออกแรงมาก ลายเท้าติดชัดเจนเรียบร้อย​


    วันหนึ่ง หลวงพ่อห้อยเท้าเหยียบรอยเท้าเป็นชั่วโมง ๆ จนศิษย์สงสาร พากันอุ้มหลวงพ่อเดิมหนีเข้ากุฏิไป หลวงพ่อเดิมท่านก็ร้องว่า อย่าเลย ๆ เขาต้องการพบฉัน อย่าให้เขาเสียศรัทธา พอศิษย์วางลงผู้คนก็ฮือกันเข้าไปใหม่ เล่นกันเหงื่อไหลไคลย้อย

    หลวงพ่อน้อย (ท่านพระครูนิพันธ์ธรรมคุต) อดีตเจ้าอาวาสหนองโพ เคยขอเรียนวิชากับหลวงพ่อเดิม ท่านไม่ขัดข้อง แต่ท่านได้ให้คติไว้ข้อหนึ่งว่า

    “อยากได้วิชา ฉันไม่หวง แต่เมื่อเป็นแล้วละก็ จะมานึกถึงตัวภายหลังจะได้ไม่มาว่ากัน ว่าไม่บอกเสียก่อน”


    เมื่อหมดผู้คนที่มาหลวงพ่อเดิม เทพเจ้าแห่งวัดหนองโพ จึงปรารภเป็นทำนองขบขันกับศิษย์ว่า

    “มันทำเหมือนฉันเป็นหนูถีบจักร เหนื่อยเหลือเกิน”


    ปู่โคน อินยิ้ม อดีตมัคทายกวัดหนองโพได้กล่าวถึงการเหยียบรอยเท้าหลวงพ่อเดิม ท่านเหยียบรอยเท้าต้องยกเท้าขึ้นลงอย่างนั้นว่า

    “หลวงพ่อท่านบอกเป็นปริศนาว่าฉันใช้กรรมเขาให้หมด กรรมที่ฉันตกปลอกช้างที่จับเอามาช่วยงานไงละ มันไปไหนไม่ได้ ก็ยกขาขึ้น ๆ ลง ๆ เพื่อให้หายเหนื่อย ฉันก็เลยผ่อนใช้กรรมเขาไป”


    เมื่อหลวงพ่อเดิมท่านประทับรอยเท้าครั้งหนึ่งก็จะเอามือสองข้างกดที่หัวเข่าแล้วเป่าเพี้ยงลงไปพ้วงหนึ่ง ทุกครั้งเป็นการกำกับ และมีบางครั้งท่านใช้วิชานะปัดตลอดเหยียบรอยเท้าทะลุผืนผ้ายันต์ เช่นเมื่อคราวที่ท่านไปเหยียบรอยเท้าครั้งใหญ่ที่ค่ายจิรประวัติ มณฑลทหารบกจังหวัดนครสวรรค์ ด้วยว่าหลวงพ่อเดิมท่านไม่อาจเลี่ยงได้ เพราะท่านไม่คาดว่าเขาจะให้ท่านเหยียบมากมายขนาดนั้น ครั้งนั้นท่านให้เอาผ้ามาซ้อนกันหลายผืน แล้วเหยียบลงไป ปรากฏว่ารอยเท้าปรากฏชัดทุกผืนตั้งแต่ผืนแรกยันผืนสุดท้าย

    ครามที่ใช้ผสมน้ำนั้นมีหลายสี สีน้ำเงินแก่ก็มี น้ำเงินอมฟ้าก็มี น้ำเงินอมดำก็มี และที่ออกม่วงก็เคยพบ แต่ที่เหมือนกันก็คือ ถ้าถูกน้ำแล้วจะละลาย เพราะครามกลัวน้ำเป็นอย่างยิ่ง สีจะซีดจางหรือไม่ อยู่ที่การรักษาสภาพไม่ให้ถูกความชื้น ถูกแดดหรือถูกเหงื่อจนชุ่ม นั่นคือผ้ารอยเท้าของเทพเจ้าแห่งวัดหนองโพ



    34774070_1263310483799922_6989214630266535936_n.jpg
     
  11. NiponSuwan

    NiponSuwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2018
    โพสต์:
    443
    ค่าพลัง:
    +1,153
    30123780_1225080317622939_2960967231429696404_n.jpg

    38421273_1324494224348214_9110838821343199232_n.jpg

    29793742_1225080444289593_8739453405287026630_n.jpg


    เจดีย์บรรจุอัฐิธาตุหลวงพ่อเดิมตั้งอยู่ด้านหน้าโบสถ์ และเมรุที่ใช้เผาสรีรสังขารหลวงพ่อเดิม ซึ่งทางไว้ได้พยายามบำรุงรักษาเอาไว้ ตั้งอยู่บริเวณลานด้านหน้าวัด

    18582619_1787683861545050_8857474998718261107_n.jpg

    ภาพเก่าเมื่อคราครั้งพระราชทานเพลิงศพพระครูนิวาสธรรมขันธ์(หลวงพ่อเดิม)


    สำหรับวัดหนองโพนั้น ยังมีจุดที่ให้เที่ยวชมอีกมากเช่น บ่อน้ำที่ขุดไว้ตั้งแต่สมัยหลวงพ่อเดิมไว้ให้ชาวบ้านใช้และบ่อปูนที่หลวงพ่อใช้เลี้ยงช้างปัจจุบันเป็นบ่อปลา เจดีย์โพธิ์กระจายที่สร้างแทนต้นโพธิ์กระจาย หอระฆังที่หล่อตั้งแต่สมัยหลวงพ่อ และอีกมายมาก ทุกวันนี้วัดหนองโพธิ์พัฒนาไปมาก ทุกเทศกาลงานบุญทางวัดก็จะจัดงาน ให้คนได้มาท่องเที่ยวกันมีการแต่งตัวย้อนยุคกัน นับเป็นมิติใหม่แห่งการท่องเที่ยวไหว้พระทำบุญกันครับ
     
  12. NiponSuwan

    NiponSuwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2018
    โพสต์:
    443
    ค่าพลัง:
    +1,153
    49949418_1450878811709754_4454927670697787392_n.jpg

    37402458_1307730279357942_2857757370585448448_n.jpg


    คาถาอาราธนาหลวงพ่อเดิม
    ตั้งนะโม ๓ จบ

    "อิติ อะระหัง สุคะโต พุทธสโร หลวงพ่อเดิม นามะเต
    อาจาริโยเม อายัสมา อาจาริโยเม ภันเต โหหิ"


    สวด ๓ จบ หรือ ๙ จบ

    วัตถุมงคลหลวงพ่อเดิมที่ผมใช้บูชาอยู่ก็เป็นของใหม่ย้อนยุคออกที่วัดครับ จากการที่อยู่ในกลุ่มเฟสบุ๊คหลวงพ่อเดิม ก็จะเห็นประสบการณ์ของพระย้อนยุครุ่นต่างๆกันอยู่เนืองๆ ขอเพียงเราเคารพนับถือหลวงพ่อท่านจริงหลวงพ่อท่านย่อมรับรู้
     
  13. NiponSuwan

    NiponSuwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2018
    โพสต์:
    443
    ค่าพลัง:
    +1,153
    37234993_1303321886465448_3890705238725754880_n.jpg


    รับพรจากหลวงพ่อเดิม

    สิทธิกิจจัง ขอให้การงานสำเร็จ
    สิทธิกัมมัง ขอให้การกระทำทุกอย่างจงสำเร็จ
    สิทธิลาโภ นิรันตะรัง ขอให้มีลาภตลอดกาลนาน
    สิทธิเตโช ชะโยนิจจัง ขอให้มีเดชมีอำนาจที่ยั่งยืน
    สัพพะสิทธิ ภะวันตุ เต ขอความสำเร็จทั้งหลายเหล่านี้จงมีแก่ท่านทั้งหลาย
     
  14. NiponSuwan

    NiponSuwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2018
    โพสต์:
    443
    ค่าพลัง:
    +1,153
    38454743_1325573240906979_8305487871582666752_n.jpg


    คาถาหลวงพ่อเดิม

    คาถาบูชา หลวงพ่อเดิม
    (วัดหนองโพ)

    "อิติอะระหัง สุคะโต พุทธสโร

    หลวงพ่อเดิม นามะเต อาจาริโยเม

    อายัสมา อาจาริโยเม ภันเตโหหิ"


    ****************

    คาถาพระเจ้าอมโลก

    "นะกาโร กุกกุสันโธ สิโรมัชเฌ
    โมกาโร โกนาคมโน ละลาฐิเต
    พุทธกาโร กัสสโป พุทโธ จะเทวะเนตเต
    ธากาโร ศรีศากยมุนี โคตะโม ยะเทวะกัณเณ
    ยะกาโร ศรีอาริยะ เมตตรัยโย ชิวหาฐิเต
    ปัญจะพุทธา นะมามิหัง"​


    พระคาถานี้ ใช้ภาวนาก่อนจะใช้พระคาถาใดๆ ก็ตามจะเป็นการเพิ่มความขลังเป็นทวีคูณ พระคาถานี้ ใช้ภาวนาสามคาบตั้งใจให้มั่นเป็นหนึ่งเสกน้ำมนต์ เสกแป้ง เสกไพร เสกด้าย เสกมงคลขับภูติผีปีศาจได้ชะงัดนัก เพราะพระเจ้าห้าพระองค์เป็นที่ยำเกรงของเหล่าปีศาจแม้แต่ยักษ์ก็ยังไม่กล้าราวี
    พระคาถานี้ใช้เสกหมอนก่อนนอนจะป้องกันการหลอกหลอนของปีศาจ ยามเมื่อไปนอนต่างถิ่นหรือสถานที่มีปีศาจร้ายคอยรบกวน จะไม่พบกับการหลอกหลอน เสกสักสามครั้ง พระคาถานี้ ใช้ภาวนาเวลาเดินทางในที่มืด ที่เปลี่ยว ผ่านแมกไม้หรือป่าช้าทำให้จิตใจสยองแสยง ขนลุก ขนพอง จะทำให้แกล้วกล้าเหมือนมีกำแพงมาคุ้มภัย

    พระคาถานี้ ใช้อาราธนากำกับวัตถุมงคลของหลวงพ่อได้ทุกอย่าง เพราะล้วนสำเร็จจากนะโมพุทธายะ ทั้งสิ้น พระคาถานี้ ใช้ภาวนาเมื่อต้องข้ามแม่น้ำ ห้วย หนอง คลองบึง ที่มีสัตว์ร้าย จงทำใจให้มั่น ภาวนาพระคาถานี้แล้วเอามือวักน้ำไปข้างหน้าจบละครั้งครบสามครั้ง ระลึกเอาพระเจ้าห้าพระองค์เป็นที่ตั้ง จะข้ามไปได้อย่างมั่นคง

    ****************

    คาถาหลวงพ่อเดิม พุทธสโร

    "อะสังวิสุโลปุสะพุภะ นะโมพุทธายะ
    อุทธังหะเรจะ นะมะพะธะ​


    สิทธิกิจจัง สิทธิกัมมัง
    สิทธิลาโภ ชโยนิจจัง​


    พระพุทธังรักษา พระธัมมังรักษา พระสังฆังรักษา
    ศัตรูมาบีฑาวินาสน์สันติ"​


    ****************

    คาถาอาราธนามีดหมอ
    (จากตำราของ หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ)

    "สักกัสสะ วะชิราวุธัง
    เวสสุวัณนัสสะ คะทาวุธัง
    ยัมมะนัสสะ เนยยะนาวุธัง
    อาฬะวะกัสสะ ทุสาวุธัง
    นะรายัสสะ จักกะราวุธัง
    ปัญจะอะวุทธานัง เอเตสัง อานุภาเวนะ ปัญจะอะวุทธา
    ภัคคะภัคขาวิจุณณัง วิจุณณาโลมัง มาเมนะพุธสันติ คัจฉะอะมุมหิ
    โอกาเส ติถาหิ"​


    ความศักดิ์สิทธิ์ดังกล่าวของมีดหมอนั้น ท่านเปรียบมีดหมอของหลวงพ่อเดิม คือ การรวมเทพศาสตราวุธทั้ง ๕ ประการ ที่มีฤทธานุภาพในสามโลก หาศาสตราอาวุธใดมาเทียบเทียมได้ไว้ในมีดหมอเล่มเดียว

    ****************

    คาถาโชคลาภ ค้าขาย

    "โอม อิติ สุวรรณังวา รัชตังวา มณีวา วัตถังวา บุพพะผลละ เอหิ คัจฉันติ"

    ใช้เสกน้ำประพรมสินค้าช่วยให้สินค้าขายดี ซื้อง่ายขายคล่อง ใช้เสกน้ำรดต้นไม้ ไม้ดอก ไม้ประดับ พืชผลต่างๆ ช่วยให้เจริญงอกงามออกดอก ออกผลดี

    ****************

    คาถามงคล ๙ ประการคุ้มภัย

    "อะสังอะ สุวิสังอะ โลสุวิสังอะ ภะพุสะปุโล สุวิสังอะ อะสังวิสุโล ปุสะพุภุพะ"


    สวดภาวนา ๙ จบทุกเช้าค่ำ เป็นสิริมงคลดีมากอธิษฐานให้เจริญรุ่งเรืองได้

    ****************

    คาถาหัวใจราชสีห์

    "นะราชสีห์ ตะมัตถัง ปะกาเสนโต ตัวกูนี้หรือคือพญาราชสิงโห โธสุอะกันตัง"

    ใช้เสกภาวนาเป็นมหาอำนาจ เป็นที่เกรงขามแก่คนทั้งปวง ถ้าก้างปลาติดคอให้เสกข้าว ๑ ก้อน กินทำให้กางปลาหลุดออกได้ เพียงแต่ตอนเสกข้าวนั้นให้เปลี่ยนคำว่า ตัวกูนี้หรือคือพญาราชสิงโห เป็น ตัวเจ้านี้หรือคือพญาราชสิงโห

    นี่เป็นเคล็ดวิธีใช้ใน ตำรับพุทธสโร ของหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ นครสวรรค์ ทดลองใช้มาแล้วได้ผลจริงๆ ก้างปลาหลุดออกได้จริงๆ

    ***************

    คาถาหัวใจ ๑๐๘

    "นะอะระหังพุทโธ นะโมพุทธายะ นะมะพะทะ จะภะกะสะ นะมะอะอุ พุทธะสังมิ จิเจรุนิ จิปิเสคิ อิกะวิติ อุอากะสะ นะชาลีติ ทุสะนิมะ ทุสะมะนิ ประสิทธิสวาหะ"

    ใช้ภาวนา ๓ จบ ๙ จบ ก่อนออกจากบ้านช่วยคุ้มครองป้องกันภัย ให้มีโชคลาภ

    ****************

    คาถามหานิยม

    "โอม มะศรี มะศรี
    ตัวกูนี้งาม คือ ฟ้า
    หน้ากูขาว คือ ดอกบัว
    หัวกูงาม คือ กงจักร
    คนเห็นรัก โอมมะประสิทธิเม อิติ ฯ"​


    ใช้เสกขี้ผึ้งสีปากและเสกผ้านุ่งผ้าห่ม

    ****************

    คาถาหายตัว

    "นะ ห้าม โม ปิด พุท มิดหัว
    ทา ล้อมตัว ยะ ซ่อนหัว หายตัวบัดนี้​


    นะ จงงง โม จังงัง พุท กำบัง
    ทา ละลาย ยะ สูญหาย อนัตตา สูญเปล่า ฯ"​


    เสือมาก็ไม่กลัว ได้เชื่อแล้ว ได้พบเห็นมาแล้วด้วยตนเอง
     
  15. NiponSuwan

    NiponSuwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2018
    โพสต์:
    443
    ค่าพลัง:
    +1,153
    58374790_1532270056903962_4508123177120956416_n.jpg

    ทำบุญด้วยเงินสองสลึง ทำให้แผ่นดินไหวสะเทือน

    เรื่องที่จะเล่านี้เป็นเมตตาธรรมจากครูบาวงศ์ หรือครูบาชัยยะวงศา พระอริยสงฆ์อีกรูปหนึ่งของ
    แผ่นดินธรรม ครูบาวงศ์ ท่านเป็นศิษย์ของครูบาเจ้าศรีวิชัยตนบุญผู้ยิ่งใหญ่แห่งแผ่นดิน

    ครูบาวงศ์ท่านมีเมตตามากโดยเฉพาะคนไทยและคนกระเหรี่ยงภาคเหนือตอนบนรู้จักท่านดี เรื่องที่ขอเมตตามาเล่าให้กำลังใจกันในวันนี้ชื่อเรื่องว่า

    "ทำบุญ สอง สลึง ทำให้แผ่นดินไหว "

    ในอดีตกาล ล่วงมาแล้ว สมัยองค์พระผู้มีพระภาคเจ้ายังทรงพระชนม์อยู่ มีพระยาเจ้าเมือง เมืองหนึ่ง มีจิตศรัทธาปรารถนาจะถวายผ้ากฐินเป็นทาน จึงได้ ป่าวประกาศไปทั่วบ้านเมืองเพื่อเชิญชวนให้ชาวเมืองได้ร่วมทำบุญในครั้งนี้

    ข่าวทราบถึง มหาเศรษฐี สองคนผัวเมีย มีเงินทองอยู่ ๘๘ โกฏิ เขาทั้งสองเกิดความศรัทธาปิติยินดี ในกองบุญกฐินนั้น จึงตั้งใจที่จะร่วมถวายทานผ้ากฐิน ตกกลางคืนมา สองผัวเมียก็มาคิดว่า ตัวเรานี้ มีข้าวของมากมาย แต่ไม่มีอันใดเลยที่หามาด้วย น้ำพักน้ำแรงของตน มีแต่ใช้คนอื่นหามา มันจะเกิดอานิสงส์แก่เรามากไหมหนอ เมื่อคิดอย่างนั้น ผู้เป็นผัวจึงชวนเมียว่า พรุ่งนี้เช้า เราพากันไปเกี่ยวหญ้ามาขาย เอาเงินที่ได้ด้วยน้ำพักน้ำแรงเราไปทำบุญ มันจักได้บุญมาก ผู้เป็นเมียจึงตอบตกลง พอรุ่งเช้าก็พากันถือเคียวเที่ยวเกี่ยวหญ้ากลางแดดร้อน ได้หญ้ามาสามมัด จึงเอามาสาง เอามาล้าง เเล้วมอบให้คนใช้นำไปขายให้คนเลี้ยงมา ได้เงินมาสามสลึงจึงมอบให้คนใช้ สลึงหนึ่ง ผัวเอาสลึงหนึ่ง เมียได้สลึงหนึ่ง สองคนผัวเมีย ได้เงินสองสลึง แล้ว จึงพากันนำเงินนั้นมาชำระล้าง ด้วยน้ำอบน้ำหอม ตั้งจิตอธิษฐานยกเงินขึ้นเหนือหัว แล้วตั้งสัจจะอธิษฐาน ด้วยความปิติยินดี แล้วคิดว่า นี่เเหละ! คือเงินที่ได้มาด้วยน้ำพักน้ำแรงของเรา เราจะได้บุญมาก!

    จากนั้น สองคนผัวเมียมหาเศรษฐี จึงเดินทางไปที่บ้านของพระยาเจ้าเมือง พอไปถึงก็เดินเข้าไปในบ้าน ไปหยุดตรงที่เขาตั้งขัน รับบริจาคทานบุญกฐินไว้ เขาจึงพากัน หย่อนเงินลง "แก๊ก แก๊ก " แล้วก็เดินออกไปพอพระยาเจ้าเมืองเห็นจึงเดินมาดูในขันเห็นเงินอยู่สองสลึง จึงเกิดโทสะโกรธขึ้น เป็นฟืนเป็นไฟ "ว่า ไอ้อีสองคนนี้มันเป็นถึงมหาเศรษฐี มีข้าวของ ๘๘ โกฏิ มาตระหนี่ ดูถูกดูแคลนกู กูตั้งกองบุญกฐินเอาเงินมาร่วมนิดเดียวจึงหยิบเงิน คว้างทิ้งลงพื้นกระเด็นไปตกข้างกำแพง

    พอถึงเวลา พระยาเจ้าเมืองและบริวารชาวบ้านชาวเมืองจึงพากันแห่ผ้ากฐินเข้าไปสู่อารามเพื่อจะ ถวายพระพุทธเจ้า ครานั้นแผ่นดินไหวสนั่นไปทั่ว บังเกิดต้นกัลปพฤกษ์ งอกขึ้นตรงที่เงินสองสลึงตกอยู่ พระยาเจ้าเมืองดีใจว่า กูนี้เป็นผู้มีบุญมากทำบุญกฐินแผ่นดินพอไหว ต้นไม้กัลปพฤกษ์พองอก จึงวิ่งเข้าไปหมายจักหยิบเงินทองข้าวของที่ห้อยอยู่บนกิ่งกัลปพฤกษ์ แต่เข้าไม้ถึงเกิดร้อนขึ้น นัยตาแทบแตกใครก็เข้าไม่ถึงมีแต่สองคนผัวเมียมหาเศรษฐี เท่านั้นที่เข้าไปได้ และนำต้นกัลปพฤกษ์ มาวางบนฝ่ามือได้พอดี

    เมื่อนั้น องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพระพุทธเจ้าจึงได้ตรัสว่า "เหตุที่แผ่นดินไหว และ ต้นกัลปพฤกษ์ งอกขึ้นนั้น มิใช่ เพราะนาบุญของท่านพระยาเจ้าเมือง เป็นเพราะอานิสงส์ของสองคนผัวเมียมหาเศรษฐี นั่นแหละ"

    คนเราอย่าได้นับประมาท ลาสา ดูถูกดูแคลน คนที่เขาทำบุญน้อยนิด เพราะเขาอาจจะแลกด้วยชีวิตถึงจะได้ เงินนั้นมาทำบุญ เขาอาจจะได้อานิสงส์มากว่าเรา ที่มีเงินแสนเงินล้าน อีกก็ได้

    "บุญมิได้วัดกันที่ค่าของทรัพย์สินเงินทอง แต่มันอยู่ที่กำลังใจนั่นแหละ"

    ( บางที ชาวไร่ชาวนาที่ยากจน นำเงินน้อยนิดที่ได้จากน้ำพักน้ำแรงของตนมาทำบุญ
    อาจจะได้อานิสงส์ มากกว่าคนรวยๆ ที่ได้เงินมาง่ายๆ เสียอีกเน้อ! )


    อ้างอิงจาก : ธ.ธรรมรักษ์






     
  16. NiponSuwan

    NiponSuwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2018
    โพสต์:
    443
    ค่าพลัง:
    +1,153
    26805196_1168927463238225_6486043863256956906_n.jpg

    49170068_1444976658966636_1137017352378908672_n.jpg


    ๑๗ พฤษภาคม ครบรอบวันละสังขาร ปีที่ ๑๙
    หลวงปู่ครูบาเจ้าชัยยะวงศาพัฒนา


    หลังจากที่ครูบาเจ้าศรีวิชัยได้ละสังขารลง ภาระหน้าที่ความรับผิดชอบต่างๆก็ตกมาอยู่กับครูบาขาวปีอันเปรียบเสมือนมือขวาของท่าน และหลังจากที่ครูบาขาวปีละสังขารลง หลวงปู่ครูบาวงศ์ท่านก็ได้รับไม้ต่อจากครูบาขาวปี ซึ่งท่านก็ได้สืบสานงานของครูบาอาจารย์ได้เป็นอย่างดี

    ทั้งสามท่านจึงเป็นที่รักของเหล่าศิษยานุศิษย์ จึงได้สร้างอนุสาวรีย์
    สามครูบาขึ้นไว้ที่ อ.ลี้ เพื่อระลึกถึงคุณงามความดีของท่าน
     
  17. NiponSuwan

    NiponSuwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2018
    โพสต์:
    443
    ค่าพลัง:
    +1,153
    57176894_1529838043813830_7848250691247144960_n.jpg


    57503578_1529837920480509_6778738533860376576_n.jpg


    57750883_1529838003813834_6175823450188283904_n.jpg


    56966800_1527684004029234_8348352628744257536_n.jpg


    กาญจนบุรี เป็นจังหวัดที่อยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพและมีสถานที่ท่องเที่ยวมากมายไม่ว่าจะวัดวาอารามทั้งวัดที่มีชื่อเสียงและวัดที่มีพระเกจิโด่งดังมากมาย เช่น พ่อเฒ่ายิ้ม วัดหนองบัว หรือคำขวัญของคนเมืองกาญจน์ยุคเก่า "เจ้าชู้ต้องวัดเหนือเป็นเสือต้องวัดใต้" วัดเหนือ(วัดเทวสังฆาราม)มีหลวงปู่ดี ท่านเชี่ยวชาญทางด้านเมตตามหานิยม ส่วนวัดใต้(วัดไชยชุมพลชนะสงคราม) มีหลวงปู่เปลี่ยน ด้วยบุคลิกลักษณะของท่านเป็นมหาอำนาจ ใครได้พบเห็นก้อรู้สึกเกรงขาม
    แม้แต่ขุนโจรชื่อดัง ยังให้ความเคารพยำเกรง
    ทั้งยังมีธรรมชาติที่งดงามทั้งป่าเขาลำเนาไพร น้ำตก เขื่อน นับเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจไม่น้อย

    วัดถ้ำเสือนับเป็นแลนด์มาร์คที่สำคัญของเมืองกาญจน์ ที่ไม่ว่าสายบุญ หรือสายท่องเที่ยวถ่ายภาพจะแวะเวียนกับมาที่วัดนี้กัน ดดยเฉพาะวัดนี้ได้ชัยภูมิที่เหมาะมากอยู่บนเขาที่ไม่สูงมากนักตั้งเด่นอยู่บนที่ราบจึงมีจุดถ่ายภาพมากมายไม่ว่าจะทุ่งนาด้านหลังที่มีผู้นิยมไปถ่ายกัน หรืออีกจุดที่น่าสนใจก็ยิงถ่ายมาจากคลองชลประทานหรือเขื่อนก่อนที่จะถึงวัดจุดนี้ก็เคยเห็นมีผู้ถ่ายมาได้สวยมากเช่นกัน


    "หลวงพ่อชินประทานพร" วัดถ้ำเสือ

    ว่ากันว่าเป็นพระพุทธรูปปางประทานพรที่ใหญ่ที่สุดในเมืองกาญจน์

    องค์พระสูง ๙ วา ๙ นิ้ว หน้าตักกว้าง ๕ วา ๓ ศอก ๙ นิ้ว ปิดด้วยกระเบื้องโมเสคสีทองอร่าม สร้างขึ้นในปี พ.ศ. ๒๕๑๖


     
  18. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    19,512
    ค่าพลัง:
    +53,107
    1558511229671.jpg 1558511235784.jpg 1558511232768.jpg
     
  19. NiponSuwan

    NiponSuwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2018
    โพสต์:
    443
    ค่าพลัง:
    +1,153
    58462029_1535411226589845_2163304705495662592_n.jpg

    57490376_1530737080390593_305939239277690880_n.jpg

    วัดถ้ำเสือ กาญจนบุรี

    หลวงพ่อชินประทานพร กับพระเกษแก้วมหาปราสาท สูง ๙ ชั้น ชึ้นบนสุดประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ และเป็นที่ที่บรรดาตากล้องต่างๆถ่ายภาพมุมมหาชนหลวงพ่อชิน

    ประวัติพระอาจารย์ชื่น “ปาสาทิโก” ผู้บูรณะวัดถ้ำเสือ

    พระอาจารย์ชื่นเกิดที่ตำบลม่วงชุม หมู่บ้านท่าไม้รวก อำเภอท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี ปูและบิดาเป็นหมอ เป็นหมอตำบล เมื่อครั้งดำรงเพศฆราวาสมีอาชีพทำไร่ ทำนา และทำไม้ท่อน เมื่ออายุได้ ๓๗ ปี ได้ตัดต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง เป็นต้นตะเคียน พออายุได้ ๓๘ ปี ก็เริ่มป่วย โบราณเรียกว่า “ฝีมะเร็งคุณ” มีอาการเป็นหนองทุกซี่โครง และที่บริเวณลิ้นปี่ก็เป็นหนอง ได้ทำการรักษาที่โรงพยาบาลหลายโรงพยาบาลตลอดจนรักษากับหมอชาวบ้านแผนโบราณทั่วไป ทำการรักษาอยู่ ๔ ปี คิดว่าคงไม่มีทางหายจากโรคร้ายนี้ คงต้องตายแน่ๆ ขณะที่นอนป่วยอยู่ที่วัดได้มีหมอท่านหนึ่ง สูงประมาณ ๘ ศอกได้เข้ามาถามว่า “อยากจะอยู่หรืออยากจะตาย” ก็ได้ตอบไปว่า “ยังไม่อยากตาย” หมอผู้นั้นจึงให้ยากิน แต่จะต้องบวชให้ ๓ เดือนและสร้างวัดให้ ๓ วัดจะได้หรือไม่ ก็รับปากไปว่าได้ และหมอได้ถามว่า มีเงินไหมเอาค่ารักษา ๒๐ บาท ก็ได้มอบเงินให้ไปประมาณครึ่งชั่วโมงก็เอายามาใส่หม้อต้ม แล้วก็รินยาออกมาและได้สาบานว่า ถ้าหายแล้วไม่บวช ไม่สร้างวัดให้ตายภายใน ๓ วัน ๗ วัน หมอบอกว่ากินยานี้แล้วจะหายปวดก็หายปวดจริงๆ กำลังใจดีขึ้น กินยาหม้อเดียวนั้นอยู่ ๓ เดือน โรคที่เป็นอยู่ก็ทุเลา และในที่สุดก็หายอย่างไม่น่าเชื่อ

    เมื่อหายจากโรคนี้ก็ไปบวชตามที่สัญญาไว้กับหมอ เมื่ออายุ ๔๕ ปี ในระหว่างที่บวชก็ได้ทบทวนวิชาที่ปู่และพ่อให้ไว้ คือ วิชาสมาธิ หลังจากนั้นก็เริ่มออกธุดงค์เป็นเวลา ๔ ปี ออกธุดงค์ได้ทั้ง ๔ ภาค รวมทั้งหมด ๔๓ จังหวัด พระอาจารย์ชื่นหยุดเดินธุดงค์และได้เริ่มช่วยหาเงินมาสร้างวัดโดยหาเงินวัดหนึ่ง ๕ ปี และอีกวัดหนึ่ง ๔ ปี แล้วจึงมาสร้าง “วัดถ้ำเสือ” เมื่อปลายปี ๒๕๑๔ เมื่อถึงเดือน ๕ ขึ้น ๑ ค่ำ เวลา ๐๗.๔๕ น. ก็ได้เข้าอยู่ที่ถ้ำ ได้นิมนต์พระมาสวดภาณยักษ์ สวดพุทธาภิเศกทำพิธีอยู่ในถ้ำอยู่ ๒๙ วัน ในระหว่างที่ทำพิธีนั้นตรงกับวันพระกลางเดือน ๕ ขึ้น ๑๕ ค่ำ ในขณะนั้นพระอาจารย์ชื่นได้มีนิมิตว่าตัวของท่านได้ล่องลอยเวียนวนไปในถ้ำโดยในนิมิตว่านึกจะได้ลอยไปทางไหนก็ไปได้ ต่อมาในปีเดียวกันเป็นเวลาครึ่งคืนของวันขึ้น ๑๔ ค่ำเดือน ๖ ก็ได้นิมิตอีกว่ามีพระ ๕ องค์ มีรูปร่างใหญ่โตทุกองค์ พาขึ้นไปยอดเขาบอกให้สร้างพระพุทธรูปให้ ๑ องค์ ในนิมิตบอกว่าไม่มีเงินสร้าง พระทั้ง ๕ องค์ ยกพระให้ดูบอกว่ามีเงินมากมายจะหาให้ขอให้เป็นคนสร้างก็แล้วกัน เมื่อบอกอย่างนั้นก็รับปากจะสร้างพระในนิมิตก็บอกว่าจะช่วย ขอให้ทำแบบไหนก็ทำได้ทุกอย่าง จะสร้างอะไรจะมาบอกให้ต่อไป จากนั้นก็ได้เริ่มทำการสร้างทุกอย่าง มีจิตสำนึกว่าต้องสร้างแบบนี้อย่างนี้ก็นิมิตให้เห็นแล้วทำตาม หากทำไม่ได้ก็นึกถึงพระ ๕ องค์ ก็มีนิมิตให้เห็นและทำการสร้างสำเร็จลุล่วงด้วยดีตลอดมา



    58382736_1535411219923179_2264509111540383744_n.jpg

    จากบนวัดถ้ำเสือสามารถมองทัศนียภาพได้โดยรอบ ซึ่งทางด้านหน้าวัดจะเห็นเขื่อนแม่กลอง ส่วนด้านหลังวัดจะเป็นทุ่งนา
     
  20. NiponSuwan

    NiponSuwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2018
    โพสต์:
    443
    ค่าพลัง:
    +1,153
    57602809_1532891503508484_1090527015754268672_n.jpg

    57608803_1532891613508473_2228731806331437056_n.jpg


    “พระเจดีย์เกษแก้วมหาปราสาท”
    วัดถ้ำเสือ


    เป็นเจดีย์ทรงแปดเหลี่ยม สีส้ม สูง ๖๙ เมตร กว้าง ๒๙ เมตร สูงใหญ่โดดเด่นอลังการ มีทั้งหมด ๙ ชั้น ตรงกลางมีบันไดเวียนสามารถเดินขึ้นไปถึงชั้นบนสุด แต่ละชั้นมีภาพเขียนเกี่ยวกับพระพุทธศาสนาและพระมหากษัติย์ ชั้นบนสุดเป็นที่ประดิษฐานของพระบรมสารีริกธาตุที่อัญเชิญมาจากประเทศ อินเดีย


    58635773_1532891526841815_3720042187778424832_n.jpg

    ทางเดินชั้นล่างของพระเจดีย์ เป็นอีกจุดหนึ่งที่คนนิยมมาถ่ายรูปกัน
     

แชร์หน้านี้

Loading...