เตือนภัยธรรมชาติใกล้ตัว2019

เอาเรื่องที่ถามผู้รู้มาลงให้อ่านบ่อยๆนะ...รอติดตามอยู่น่าตื่นเต้นดี

 

สวัสดีคะ วันนี้อาผิงมาโพสอะไรดีๆกันอีกแล้วนะคะ

วันนี้อาผิงเอาบทสวดมนต์ดีๆ มาฝากอีกแล้วคะ บทนี้ ได้จาก พ่อแม่ครูบาอาจารย์ ท่านโปรดประทานมาเพื่ออนุเคราะห์แก่อาผิง และท่านฝากบอกบทนี้เผยแผ่แก่บุคคลทั้งหลายคะ

" กายสังขารนี้ เป็นของพระพุทธ พุทธังรักษา
กายสังขารนี้ เป็นของพระธรรม ธัมมังรักษา
กายสังขารนี้ เป็นของพระสงฆ์ สังฆังรักษา
เสนียดจัญไรอย่าได้ใกล้ ภัยร้ายอย่าได้มี ของไม่ดีจงออกไป
พุทโธ ธัมโม สังโฆ "

ท่านว่า จะสวดบทนี้ทำน้ำมนต์ดื่มก็ได้ โดยตักน้ำใส่ขัน หรือ ถืือขวดน้ำจบหน้าผาก พนมมือระลึกถึงพระรัตนตรัย ว่าตามบทนี้ น้ำก็จะเป็นน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์แล้วคะ จะใช้อาบก็ได้ ใช้ล้างหน้าก็ได้ แก้ปัญหาสุขภาพ โรคภัยไข้เจ็บที่เป็นอยู่ให้ทุเลาเบาบางก็ได้ และล้างอาถรรพ์คุณไสยคะ

อนุโมทนาบุญด้วยคะ

 

มารึยังน้อเรื่องจากผู้รู้..

 

อาผิงนี่ทำงานเป็นกะเป็นเวลาเนาะ...ถึงเวลาเที่ยงพักเบรคจากงานค่อยเข้ามา

 

สวัสดีคะ คุณผู้ไม่มีตัวตนรู้เราสงบ ขอบคุณที่ติดตามคะ เอาบทนี้ลองไปสวดดูก็ได้คะ คิดว่าท่านอาจจะมีปัญหาเรื่องสุขภาพบ้างนะคะ พ่อแม่ครูบาอาจารย์ท่านอนุเคราะห์บอกบทนี้เผยแผ่แก่ทุกๆคน เมื่อคืนคะ

" กายสังขารนี้ เป็นของพระพุทธ พุทธังรักษา
กายสังขารนี้ เป็นของพระธรรม ธัมมังรักษา
กายสังขารนี้ เป็นของพระสงฆ์ สังฆังรักษา
เสนียดจัญไรอย่าได้ใกล้ ภัยร้ายอย่าได้มี ของไม่ดีจงออกไป
พุทโธ ธัมโม สังโฆ "

ท่านว่า จะสวดบทนี้ทำน้ำมนต์ดื่มก็ได้ โดยตักน้ำใส่ขัน หรือ ถืือขวดน้ำจบหน้าผาก พนมมือระลึกถึงพระรัตนตรัย ว่าตามบทนี้ น้ำก็จะเป็นน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์แล้วคะ จะใช้อาบก็ได้ ใช้ล้างหน้าก็ได้ แก้ปัญหาสุขภาพ โรคภัยไข้เจ็บที่เป็นอยู่ให้ทุเลาเบาบางก็ได้ และล้างอาถรรพ์คุณไสยคะ

อนุโมทนาบุญด้วยคะ

 

ข้าพเจ้าได้มอบกายถวายชีวิตเป็นพุทธบูชานานหลายปีแล้ว...ส่วนเรื่องเจ็บปวดของร่างกายก็มีเป็นธรรมดา...ดีแล้วที่มีความเจ็บปวดบ้างจะได้พิจารณาเวทนาทางกายไป...ส่วนความเจ็บปวดนั้นข้าพเจ้าก็เห็นว่าเกิดจากกรรมอันได้ฆ่าสัตว์เมื่ออดีตชาติและสมัยยังเด็ก...ข้าพเจ้าก็ยอมรับในผลแห่งกรรมนั้นแล้วเอาสิ่งที่เกิดขึ้นกับตนมาพิจารณาให้เห็นทุกข์ตามเป็นจริง...

ผู้เห็นเกิดแก่เจ็บตายเป็นทุกข์ย่อมหาทางออกจากทุกข์นั้น...ผู้เห็นความเกิดเป็นทุกข์ย่อมมีความต้องการออกจากทุกข์อันเป็นปรมัติ

 

เพิ่มเติมนะคะ ช่วงหน้าฝนนี้ เพื่อนๆที่หาวิธีเก็บน้ำไว้ใช้ ต้องหาวิธีการเก็บที่ถูกต้องคะ เพื่อนๆบางคนอาจจะซื้อตัวกรองน้ำก่อนลงโอ่งน้ำฝนก็ได้คะ เพื่อเพิ่มความสะอาดอีกที อาผิงเอาเกร็ดความรู้เรื่องการเก็บน้ำมาฝากคะ ขอบคุณสาระดีๆจาก doctor.or.th มาที่นี้นะคะ

https://www.doctor.or.th/article/detail/4838

เกร็ดความรู้เล็กๆน้อยๆเรื่อง โอ่งน้ำฝน
โพสโดย Anonymous เมื่อ 1 กันยายน 2530 00:00
ขณะนี้เป็นฤดูฝน ท่านที่มีภาชนะเก็บน้ำฝนไม่ว่าจะเป็นแท๊งก์น้ำ โอ่งน้ำขนาดต่างๆ ท่านเตรียมตัวพร้อมหรือยังที่จะเก็บน้ำฝน

ถ้ายัง ท่านควรจะเตรียมอะไรบ้างก่อนที่ฝนจะเริ่มตกชุก
ขณะที่ท่านรอหลังคาให้สะอาด ควรจะเตรียมล้างโอ่ง แท๊งก์ ให้เสร็จเสียก่อน ถ้ายังไม่มีก๊อก ไม่มีฝา ก็เตรียมหาเตรียมทำขึ้นมา

ฝาโอ่งเป็นเรื่องสำคัญไม่ยิ่งหย่อนกว่าก๊อก เพราะถ้ามีฝาปิดมิดชิด สามารถกันฝุ่นละออง กันยุงไปวางไข่ โดยเฉพาะยุงลาย ซึ่งทำให้เกิดโรคไข้เลือดออกระบาด

ฝาท่านจะทำเองก็ได้ โดยใช้ปูนซีเมนต์ฝานี้มีแต่ข้อดี กล่าวคือ ทำได้เอง ราคาถูก คงทน เนื่องจากปีหนึ่งๆเราเปิดปิดไม่กี่ครั้ง เสียแต่ว่าหนักไปหน่อย แต่ที่หนักก็เป็นเรื่องดีอยู่ในตัวคือ ลูกของท่านเปิดเล่นไม่ได้ ป้องกันไม่ให้เด็กซุกซนเปิดแล้วหล่นลงไป อาจทำให้เสียชีวิตได้

อีกประการหนึ่ง ในชนบทลมแรง ฝาที่ทำด้วยปูนจะไม่ถูกลมพัดหนีไปไหน เหมือนกับฝาอะลูมิเนียม หรือถ้าหากท่านยังไม่พร้อมท่านอาจจัดหาฝาชั่วคราวมาใช้ก่อนคือพลาสติกขนาด 1 เมตร ผูกด้วยเชือกหรือปอกล้วยก็ได้ วิธีนี้ช่วยได้มาก กันได้ทั้งฝุ่นละออง และพวกหนอนไส้เดือนที่จะเข้าไปในโอ่ง

สำหรับเรื่องก๊อกน้ำ ขอเสนอให้ท่านทำก๊อกด้วยสายยางใส โดยถอดข้อต่อออกมาทำเป็นก๊อกน้ำ (ดูรูปประกอบ) ที่ข้อต่อก้นโอ่งก็ถอดออกเพื่อล้างเอาตะกอนในโอ่งออกได้



ประโยชน์ที่จะได้อีกคือ สามารถมองเห็นระดับน้ำว่าท่านใช้ไปเท่าไร ส่วนที่เหลือจะพอตลอดฤดูแล้งหรือไม่ โดยไม่ต้องเปิดฝาโอ่งดู การทำก๊อกแบบนี้จะประหยัดได้มาก

มีเรื่องหนึ่งเป็นที่ถกเถียงกันคือชาวบ้านบางแห่งไม่ชอบกินน้ำฝนในโอ่ง
ตามความเข้าใจของผู้เขียนคิดว่าคงเป็นน้ำฝนเฉพาะที่แช่ในโอ่งปูนปีแรกเท่านั้น เพราะมันมีกลิ่นของปูน และมีฝ้าลอยเต็มไปหมด ทำให้กินไม่อร่อยเหมือนกินน้ำบ่อ ที่มีรสหวานตามธรรมชาติ

การแก้ปัญหานี้คงต้องใช้เวลา เมื่อโอ่งถูกแช่น้ำเป็นเวลา 1 ปีผ่านไปแล้ว ในฤดูฝนต่อมาปัญหาเรื่องกลิ่นปูน และความเป็นด่างก็จะหมดไปเอง

วิธีการที่จะช่วยให้น้ำฝนที่แช่ในโอ่งปีแรกมีกลิ่นของปูนและความเป็นด่างลดลง ซึ่งชาวบ้านเล่าสู่กันฟังคือ เอาผักบุ้งมาเลี้ยงในโอ่งที่แช่น้ำอยู่เต็มเพื่อดูดกลิ่นปูน

สำหรับการลดความเป็นด่างของน้ำเขาใช้มะขามเปียก 1-2 กิโลกรัม ผสมลงในน้ำที่แช่โอ่งนานประมาณ 2 สัปดาห์ จะช่วยได้มากเช่นกัน

เมื่อปัญหาเรื่องกลิ่นและรสหมดไป น้ำฝนจะมีรสของความอร่อยเหมือนกับน้ำบ่อ คงจะทำให้ชาวบ้านที่ว่าไม่ชอบกินน้ำฝนเปลี่ยนใจได้

น้ำฝนที่ผ่านหลังคาที่สะอาดดีแล้วและมีฝาปิดมิดชิด ยิ่งเก็บไว้นานจะทำให้เชื้อโรคที่ปะปนมาตายไปเองและสะอาดกว่าน้ำบ่อ

น้ำฝนควรเอาไว้ดื่มอย่างเดียว ถ้าอยากให้มีกินตลอดปีโดยไม่ขัดสนควรจัดหาโอ่งขนาด 2,000 ลิตร อย่างน้อย 2 ใบต่อครอบครัว

ประการสุดท้ายท่านที่มีโอ่งอยู่แล้วควรใส่น้ำฝนไว้กิน อย่าเอาไปใส่ของอย่างอื่นเพราะท่านจะเสียโอกาสได้น้ำที่สะอาดเอาไว้ให้ลูกหลานท่านกินในเวลาจำเป็น


ข้อมูลสื่อ
ชื่อไฟล์: 101-007
นิตยสารหมอชาวบ้าน เล่มที่: 101
เดือน/ปี: กันยายน 2530
คอลัมน์: เรื่องน่ารู้
นักเขียนรับเชิญ: สุพงษ์ พัฒนจักร

 

เรื่องแบบนี้มีเยอะแล้วหลายกระทู้แล้ว...เอาเรื่องที่แปลกและตื่นเต้นมาลงดีกว่านะท่านอาผิง

 

ขอบคุณท่าน ผู้ไม่มีตัวตนรู้เราสงบ ที่คอยติดตามอย่างเสมอมาคะ
จริงๆแล้วอาผิงคอยดูสัญญาณเรื่องสงครามอยู่ขณะนี้คะ ท่านผู้รู้ท่านว่า สิ่งนี้จะเป็นตัวกระตุ้นให้เหตุการณ์มันเกิดเร็วกว่าที่กำหนดคะ เอาเป็นว่า สถานการณ์ต่างๆสามารถเปลี่ยนแปลงตาม แรงกรรมที่มนุษย์ร่วมกันกระทำนะคะ ท่านผู้รู้ท่านบอกว่า เราทุกๆคนสามารถป้องกันเหตุต่างๆที่จะเกิดขึ้นได้แต่ต้องอาศัยกำลังความสามัคคีจากทุกๆคนคะ ท่านผู้รู้ถึงได้บอกให้อาผิง ได้บอกต่อๆกันไป ท่านผู้รู้ท่านบอกว่า ไม่อยากให้ประชาชนชาวไทย อันเป็นดินแดนแห่งพระพุทธศาสนานี้ยากลำบากจนเกินไป เป็นพระเมตตาจากท่านอย่างแท้จริง ท่านผู้รู้ท่านปวารณาถวายชีวิตท่านเพื่อรักษาความมั่นคงของพระพุทธศาสนาให้คงไว้ตลอด 5,000 ปี
อาผิง อยากจะมาเล่านิทานจากท่านผู้รู้ให้เพื่อนๆฟังกันนะคะ เพราะสถานการณ์ต่างๆสามารถเปลี่ยนแปลงได้ ยืดเวลาไปอีกได้คะ
นิทานที่จะเล่าสู่ฟังนี้
เรื่องแรกคือ เรื่องน้ำคะ เชื้อโรคต่างๆจะเข้ามาทางน้ำกินน้ำใช้มากขึ้น ใครที่เจ็บป่วยไม่แข็งแรงอยู่ตอนนี้ ต้องระวังเป็นพิเศษ สมัยก่อน เวลาหน้าฝนมรสุม คนโบราณจะทำน้ำให้สะอาดก่อนกินก่อนใช้ ไม่ลงน้ำอาบในแม่น้ำลำคลอง จะต้องต้มน้ำอาบน้ำกินกัน เพราะฉะนั้นช่วงนี้ ให้ระวังเรื่องนี้เป็นพิเศษ เป็นสิ่งที่เค้าจะมาแทรกซึมให้เราเกิดโรคประหลาดๆต่างๆคะ ความสะอาดต้องมาที่หนึ่งเลยคะ ตั้งแต่นี้นะคะ
ละท่านผู้รู้ท่านบอกให้เพื่อนๆ ทำน้ำมนต์อาบและดื่มกันบ่อยๆด้วยนะคะ ตลอดช่วงหน้าฝนนี้คะ เพื่อชะล้างสิ่งอัปมงคลที่แฝงมาออกไปคะ

อนุโมทนาบุญด้วยคะ

 

กริยาของท่านที่แสดงออกมากับท่านจิตยิ้มนี่คล้ายกันมาก...ไม่รู้หน้าตาจะคล้ายกันด้วยหรือเปล่านะ

 

นิทานต่อนะคะ
เข้าเดือนสิงหาคมนี้ ถ้าหากว่าสงครามเกิดขึ้นอย่างชัดเจนแล้ว ไม่มีทีท่าจะลดละ ท่านว่า แผ่นดินไหวรอบๆเราก็จะเกิดถี่ขึ้นคะ วนเวียนรอบๆบ้านเรามากขึ้น ใครที่มีญาติอยู่ต่างประเทศนะคะ ท่านผู้รู้ท่านบอกว่า ต้องทำบ้านให้เป็นวัดคือ นอกจากระวังทางโลกแล้วนะคะ ท่านต้องระวังเสริมกำลังบุญทางธรรมด้วย พยายามหาเวลาสวดมนต์นั่งสมาธิบ่อยๆ ให้จิตระลึกถึงพระรัตนตรัยเป็นที่ตั้งเลย และสวดมนต์ที่อาผิงได้โพสไว้ และแผ่บุญให้เป็นเกราะคุ้มกายและบ้านเรือนท่านอีกที ท่านผู้รู้บอกว่า ท่านลองสวนมนต์และปฏิบัติสัก 7 วัน คะ ท่านจะเห็นมีอะไรพิเศษเปลี่ยนแปลงในชีวิตท่านอย่างมหัศจรรย์คะ....

 

พอภัยสงครามเริ่มมา ความผันผวนทางเศรษฐกิจก็ตามกันมาติดๆเลย ขอบคุณ https://www.dailynews.co.th/foreign/722233

 

อาผิง สงครามโลกจะเกิดไม่เกินปี 62 ใช่ป่ะครับ

 

....มาฟังนิทานกันต่อนะคะ
มีใครสงสัยมั้ยคะว่า ทำไม รอยพระพุทธบาทต้องมี ที่วัดพระพุทธบาท จ.สระบุรี
เล่ามาเป็นนิทานกันนะคะ ท่านผู้รู้ท่านบอกอาผิงว่า เหตุในครั้งพุทธกาลที่องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านเสด็จผ่านมาที่ดินแดนสุวรรณภูมิแห่งนี้ ท่านทรงเล็งพระญานแล้วว่า เมื่อกาลเวลาผ่านไปในภายภาคหน้า ดินแดนแห่งนี้จะเป็นหลักเป็นฐานของพระพุทธศาสนาของพระองค์ในอนาคต ครั้นเจ้าเมืองในขณะนั้นจึ่งได้อาราธนาองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ฝากรอยพระบาทเพื่อปรากฎแก่ชนรุ่นหลัง และเพื่อให้เหล่ามนุษย์เทพเทวดาได้มาสักการะเพื่อความเป็นสิริมงคล และแจ้งประจักษ์ว่า พระองค์และคณะพระอรหันต์ที่ติดตามมาได้ผ่านมา ณ ที่แห่งนี้ ครั้งนั้น องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านทรงรับและฝากรอยพระบาทไว้ ณ ที่แห่งนั้น แต่ ท่านผู้รู้ท่านได้บอก อาผิงว่า อีกนัยยะหนึ่งอันสำคัญกว่าคือ องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านได้เล็งพระญาณแล้วว่าในอนาคตในภายภาคหน้านั้น ระหว่างท่ามกลางของศาสนาของพระองค์ จะเกิดเหตุการณ์ภัยพิบัติอันร้ายแรงอันเกิดจากความเสื่อมถอยของศีลธรรมของมนุษย์เป็นเหตุ ท่านจึงได้กำหนดเขต สิ้นสุดของภัยบัตินั้นเอาไว้ ณ รอยพระพุทธบาทแห่งนั้นคะ

 

ขอบคุณคุณ NatthaponJ ที่สนใจและสอบถามมา
ท่านผู้รู้ได้บอกว่า สงครามได้เริ่มขึ้นแล้วคะ ไม่ทันเสียแล้ว และกำลังทวีความรุนแรงขึ้น และผลกรรมได้กระทบกับระบบจักรวาลและเหล่าดาวเคราะห์ในกาแล็กซี่ของเราแล้ว เพื่อนๆ สามารถสังเกตุได้จาก เริ่มมีข่าวจานบินจากนอกโลกเข้ามาปรากฎให้ชาวโลกได้เห็นมากขึ้น และล่าสุด ข่าวที่ว่า นาซ่าได้ออกมายืนยันแล้วว่า โลกของเราเริ่มเดินช้าลงและก่อให้เกิดแผ่นดินไหวถี่มากขึ้น
ท่านผู้รู้บอกว่า สงครามนี้ไม่เกิดก็ได้ และหยุดยั้งได้ หากทุกคนทุกเชื้อชาติช่วยกันยุติสงครามนี้ร่วมกันคะ

 

อันนี้น่าสนใจเพราะไปสอดคล้องกับหลวงปู่มั่นที่เล่าเรื่องอดีตชาติว่า...ครั้งนั้นน้ำทะเลถึงสระบุรีในปัจจุบัน

 

การหยุดสงครามคงเป็นไปได้ยากเพราะผู้นำประเทศมหาอำนาจต่างๆรุกรานประเทศที่ด้อยกว่า...เพื่อต้องการแซกแซงเศรษฐกิจบ้างเพื่อต้องการทรัพยากรบ้าง...การแย่งชิงและการต่อต้านจึงจำเป็นต้องมาคู่กัน...ยิ่งประชากรแต่ละประเทศก็มีมากความวุ่นวายภายในก็เป็นอีกส่วนหนึ่งที่เป็นแรงผลักดันให้เกิดสงคราม...

 

จริงหรือคะ อันนี้อาผิงไม่ทราบข้อมูลนี้เลยคะ ท่านผู้รู้บอกมาก็เล่าต่อคะ

 

เคยอ่านเจอในประวัติหลวงปู่มั่น...ท่านเล่าเรื่องอดีตชาติให้ลูกศิษย์ฟังท่านบอกว่าครั้งนั้นน้ำทะเลท่วมถึงสระบุรีในปัจจุบันนี้...ที่ท่านเล่าก็ยาวอยู่แต่จำได้เท่านี้

 

มีข่าวสารจากผู้รู้มาอัพเดทหรือเปล่าหนอ...รอติดตามอยู่น่าตื่นเต้นดี