พระลูกวัดมกุฏฯฟ้อง เจ้าอาวาส ปล่อย4ภิกษุดังสร้างของขลัง-เอาเงินเข้ากระ

พระลูกวัดมกุฏฯฟ้อง 'เจ้าอาวาส' ปล่อย4ภิกษุดังสร้างของขลัง-เอาเงินเข้ากระ

พระลูกวัดมกุฏฯฟ้อง 'เจ้าอาวาส' ปล่อย4ภิกษุดังสร้างของขลัง-เอาเงินเข้ากระเป๋า





<TABLE id=table109 borderColor=#32689a cellSpacing=0 cellPadding=0 width="99%" align=center border=0><TBODY><TR><TD style="BORDER-RIGHT: 1px solid; BORDER-TOP: 1px solid; BORDER-LEFT: 1px solid" height=24><TABLE id=table110 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width=608>พระลูกวัดมกุฏฯยื่นฟ้อง ''รักษาการแทนเจ้าอาวาส'' ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ไม่จับสึก-ปล่อยให้ 4 ภิกษุดัง จัดสร้างวัตถุมงคล-เอาเงินเข้ากระเป๋าเป็นประโยชน์ส่วนตน เผยสร้างความแตกแยกจนไม่ร่วมสังฆกรรม-ไม่ร่วมลงโบสถ์ ศาลนัดไต่สวนมูลฟ้อง 9 มิ.ย.นี้

ที่ศาลอาญารัชดาภิเษก พระสกล จิรวํโส, พระนเรศ คุณากโร, พระวทัญญู อธิมนฺติโก พระภิกษุวัดมกุฏกษัตริยาราม เป็นโจทก์ร่วมยื่นฟ้อง พระพรหมมุนี (จุนท์ พราหมณ์พิทักษ์) รักษาการแทน เจ้าอาวาสวัดมกุฏกษัตริยราม และรักษาการคณะใหญ่ คณะธรรมยุตนิกาย เป็นจำเลยในคดีฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เมื่อวันที่ 10 เมษายนนี้
คำฟ้องสรุปว่า ปี พ.ศ.2550 ที่ประชุมของสงฆ์วัดมกุฏฯในวันปาติโมกข์ หรือวันที่พระสงฆ์ทำพิธีสวดทบทวนศีล 227 ข้อทุกวันพระ ให้วินิจฉัยอธิกรณ์ หรืออาปัตตาธิกรณ์ อันได้แก่ เหตุ, โทษ, คดี, เรื่องราว ตามพระธรรมวินัยสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า กรณีที่มี พระภิกษุ 4 รูป คือ พระพิศาลมุนี (วรรณณรงค์ ฐิตาณโณ ), พระราชวินัยโสภณ (บุญธรรม ปุญญมโย), พระครูสิทธิธรรมมงคล (พระมหาประพันธ์ ป.ภสฺสโร) และพระกรกฤษณ์กมลสุทโธ ประพฤติผิดล่วงละเมิดพระธรรมวินัยคือการถือเอาสิ่งของที่เจ้าของไม่ได้ให้แก่ตน

โดยภิกษุทั้ง 4 ร่วมกันจัดสร้างพระสมเด็จหลังอัญเชิญพระคาถายอดพระกัณฑ์ไตรปิฎก และหลังอัญเชิญพระคาถาชินบัญชรจารึกพิเศษ และจัดสร้างพระเทวราชโพธิสัตว์จอมจักพรรดิทะเลใต้ อันเป็นวัตถุมงคลต่างๆ ให้เช่า แล้วไม่นำเงินซึ่งไม่ทราบจำนวนแน่นอน ไปเป็นประโยชน์ส่วนตน และพวกพระ 4 รูป ต้องขาดจากการเป็นภิกษุ ต้องถูกจับสึกซึ่งเป็นอำนาจหน้าที่ของจำเลยในการดำเนินการตามระเบียบ ข้อบังคับ กฎหมายเถรสมาคม

กรณีนี้ต้องมีการวินิจฉัยการลงนิคหกรรม (ชื่อกรรมที่สงฆ์ทำแก่ภิกษุที่ควรปราบปรามเพื่อให้เข็ดหลาบ) ซึ่งจำเลยต้องมีบัญชาออกคำสั่งให้พระ 4 รูป สละสมณเพศ แต่ปัจจุบันบุคคลทั้ง 4 ยังคงแต่งกายเป็นพระภิกษุ มีที่อยู่ และพำนักในวัดมกุฏฯโดยไม่มีสิทธิ และยังคงหาเงินและผลประโยชน์อย่างเป็นขบวนการตลอดมา การที่จำเลยนิ่งเฉยไม่สนใจควบคุม ทำให้เกิดความแตกแยกระหว่างคณะสงฆ์เป็น 2 กลุ่ม แตกแยกจากความสามัคคี ต่างฝ่ายต่างไม่ร่วมลงอุโบสถสังฆกรรมร่วมกันจนไม่อาจอยู่ร่วมกันในวัดได้

อนึ่ง โจทก์ทั้งสามร่วมกันฟ้องจำเลยเพื่อรักษาหลักพระธรรมวินัย เพื่อความสงบเรียบร้อยของคณะสงฆ์ เพื่อผดุงพุทธศาสนาให้ยั่งยืนสืบไป โจทก์ไม่มีทางใดที่จะดำเนินการเพื่อรักษาพระพุทธศาสนาที่ประชาชนคนไทยนับถือมากที่สุดไว้ได้ จึงต้องนำคดีสู่ศาลเพื่อเป็นที่พึ่ง ศาลรับคำฟ้องไว้พิจารณานัดไต่สวนมูลฟ้องวันที่ 9 มิถุนายน เวลา 09.00 น.


<TD width=5></TD><TR><TD colSpan=2></TD></TR></TBODY></TABLE>http://www.matichon.co.th/news_detail.php?id=26938&catid=3</TD></TR><TR><TD style="BORDER-RIGHT: 1px solid; BORDER-LEFT: 1px solid; BORDER-BOTTOM: 1px solid" vAlign=top>ภาพประกอบเพิ่มจากทางอินเตอร์เน็ต</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

เรื่องส่วนตัวให้วางอุเบกขา เรื่องพระพุทธศาสนาให้เอาอุเบกขาวาง
www.watnai.org

 

แล้วพวกอยากให้ใช้รัฐธรรมนูญ แก้ไขปัญหา
แน่ใจ แล้วหรือ???
แก้คน แก้ตัวเองก่อน ดีกว่ามั้ย????