เรื่องเด่น อดีตที่ผ่านพ้น ตอนที่ ๖๖ : มีเงินใช้ไม่รู้จักหมด

ในห้อง 'อดีตที่ผ่านพ้น' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 26 กันยายน 2019.

  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,337
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,521
    ค่าพลัง:
    +26,355
    66.jpg
    อดีตที่ผ่านพ้น ตอนที่ ๖๖ : มีเงินใช้ไม่รู้จักหมด

    ขึ้นหัวข้อมาท่านผู้อ่านก็คงหูตาสว่าง อยากรู้อยากเห็นขึ้นมาทันทีว่า ทำอย่างไรถึงจะมีเงินใช้ไม่รู้จักหมด ขอใช้แบบสบาย ๆ ด้วย ไม่ใช่อดจนไส้กิ่วเพื่อจะเหลือเงินเก็บ...

    ในพระไตรปิฎก กล่าวถึงตระกูลอภิมหาเศรษฐีที่รวยจนไม่ทราบว่ามีเงินเท่าใด เพราะขนาดตวงใส่เกวียนยังนับไม่ไหว นั่นคือท่านเมณฑกเศรษฐี ปู่ของนางวิสาขามหาอุบาสิกานั่นเอง...

    กล่าวกันว่า ผลบุญที่ทำให้รวยจนลืมหูลืมตาไม่ขึ้นของท่านเมณฑกเศรษฐี คือในชาติก่อนโน้นได้ถวายทองเท่าปีกริ้นบูชาพระรัตนตรัย...

    ท่านผู้อ่านทั้งหลาย พุทโธ ธัมโม สังโฆ อัปปมาโณ คุณของพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์นั้น มหาศาลสุดที่จะมีอะไรมาเปรียบปานได้...

    ยิ่งท่านเมณฑกเศรษฐีในชาตินั้น ทำงานเช้าจรดเย็น พอได้เงินค่าอาหารมา แทนที่จะบำรุงกระเพาะที่หิวโหยของตน กลับเอาไปซื้อทองมาบูชาพระรัตนตรัย...

    แม้ว่าจะได้ทองคำเท่าปีกริ้น น้อยนิดจนน่าเวทนา แต่กำลังใจที่เคารพในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ของท่านนั่นซิ ยิ่งใหญ่ไพศาลสุดจะพรรณาได้...

    ตายจากชาตินั้นท่านไปเกิดเป็นเทวดา เสวยทิพยสมบัติอยู่เป็นสุขหลายพันปี จุติจากอัตภาพของเทวดามาเกิดในชาตินี้ พอเข้าท้องแม่ปุ๊บก็รวยปั๊บเลย...

    เพราะว่ากอไผ่ที่ขึ้นรอบบ้านทุกกอ พร้อมใจกันออกหน่อเป็นทองคำ คนอื่นเอาไม่ได้ด้วยนะ ต้องท่านแม่ไปหักถึงจะยอมหลุด ก็เลยเพลินกับการเก็บหน่อไม้ทองคำ จนกองเป็นภูเขาเลากา เรียกว่าภูเขาทองในบ้านเลยเชียวล่ะ...

    ยัง...ยังไม่พอ แม้ว่าหน่อไม้จะงอกตลอดเวลาก็ยังไม่สะใจ ยังมีแพะทองคำตัวเท่าช้างมาเป็นกองทัพเลย เข้ามายืนล้อมรอบบ้านไปหมด ให้รวยซะให้เข็ด...

    ไม่ใช่ทุบแพะทองคำไปขายนะ...หากแต่ในปากแพะมีสายกลไก พอนึกอยากได้อะไร จะเป็นเสื้อผ้า แก้วแหวนเงินทอง ไปชักสายกลไกของที่ต้องการจะไหลออกมาทันที...

    คราวนี้มีปัญญาก็นั่งดึงกลไกไปเถอะ อยากได้เท่าไรก็เท่ากันซิน่า แล้วจะไม่ให้รวยจนไม่รู้ว่ามีเงินเท่าไรได้รึ...? แค่ชักสายก็ลมใส่แล้ว ใครจะมีปัญญาไปนับ...!

    “ช้าก่อน...มันจะมีจริงหรือ คนรวยขนาดนี้น่ะ...?” “บ๊ะ...แล้วกัน ถ้าไม่มีแล้วจะมานั่งเล่าหาสวรรค์วิมานอะไรล่ะ...? อยู่เฉย ๆ น่า ขืนขัดคอเดี๋ยวเจอเตะนะ จะบอกให้...!”

    ถึงคราวของกบน้อยไม่เคยเจอทะเล มีเศรษฐีต่างเมืองชื่อชฎิลเศรษฐี มีทรัพย์ ๘๐ โกฏิ ก็ราว ๆ แปดร้อยล้าน ไม่ใช่ก้อยนะนี่ เกิดอยากรู้ว่ามีใครรวยเท่าตัวเองบ้าง...

    ก็ใช้บริวารทำทองแท่ง ไม้เท้าทอง รองเท้าทอง เอาไปถือเล่นใส่เล่น เป็นการอวดตัวกลาย ๆ ว่า จะมีใครรวยกว่านี้ก็ว่ามา ข้าจะขอแสดงความนับถือ...

    เจอภูเขาทองของท่านเมณฑกเศรษฐีเข้าก็หงายหลังตึง อายจนแทบมุดดินไปอยู่กับไส้เดือน ของตัวเองถ้าเผลอใช้ล้างผลาญอาจจะหมด ของท่านเมณฑกเศรษฐีใช้เท่าไรก็ไม่รู้จักหมด ไปเก็บเอาชักเอาเมื่อไรก็ได้...

    เมื่อนางวิสาขามหาอุบาสิกาแต่งงาน ท่านปู่ก็ให้ของรับไหว้เล็ก ๆ น้อย ๆ เป็นเงินห้าร้อยเล่มเกวียน ทองห้าร้อยเล่มเกวียน เครื่องใช้ไม้สอยห้าร้อยเล่มเกวียน ข้าทาสหญิง – ชายอีกอย่างละห้าร้อยคน ห้าร้อยซะให้พอ...

    อ่านถึงตรงนี้ชักอยากจะยอมเป็น “ไอ้ห้าร้อย” บ้างไหมล่ะ ? อาตมาแม้ไม่มีอานิสงส์บูชาพระรัตนตรัยด้วยทองคำเท่าปีกริ้นแบบท่านเมณฑกเศรษฐีก็ตาม แต่อาตมาก็มีอานิสงส์อื่นมาทดแทน...

    นั่นคือ...เกิดมาได้มีวาสนาเป็นศิษย์ของหลวงพ่อพระราชพรหมยาน (สมณศักดิ์ในขณะนี้) แห่งวัดท่าซุง จังหวัดอุทัยธานี อานิสงส์นี้ก็เหลือเฟือเกินพอแล้ว...

    “หลวงพ่อ” ท่านเมตตามอบคาถามหาลาภ คือ “คาถาพระปัจเจกพุทธเจ้า” ให้ มาภายหลังท่านต่อเติมจนเป็น “คาถาเงินล้าน” ก็ยิ่งมีผลเป็นร้อยเท่าพันทวี...

    อาตมาเป็นคนเชื่อยาก ลองแล้วลองอีกจนหมดความสงสัยใด ๆ ทั้งสิ้น ขนาดสองทุ่มเทย่ามเลี้ยงพระจนเกลี้ยง กลับไปจำวัดยังถูกปลุกไปสวดศพรับเงินมาจนได้...

    รุ่นที่อาตมาบวชทั้ง ๓๕ รูป ตั้งใจช่วยสร้างห้องกรรมฐาน และพระหน้าตักสี่ศอกเพื่อชำระหนี้สงฆ์กับ “หลวงพ่อ” เป็นเงินสองแสนกว่าบาท ก็แบ่งเฉลี่ยกันจ่าย...

    อาตมาเทย่ามถวาย “หลวงพ่อ”หมดเรียบตั้งแต่ออกจากโบสถ์ อยู่ ๆ มาเจอหนี้สินบานตะเกียงแบบนี้ก็หน้ามืดไปเลย จะเอาที่ไหนมาให้ละหว่า...?

    หลังจากบวชได้ ๗ วัน พอดีลงศาลาสองไร่ในงานวันวิสาขบูชา พบกับพี่สาวที่แสนดี คือคุณนารถฤดี เจริญราศรี พี่เขาขอทำบุญด้วย ๒๐ บาท พออาตมาเปิดย่ามรับ สิ่งมหัศจรรย์ก็บังเกิดขึ้น...!

    ญาติโยมทั้งหลายพากันเข้าแถวยาวเหยียดตั้งแต่หัวศาลาถึงท้ายศาลา เธอบ้างฉันบ้าง ควักเงินใส่อุตลุด อาตมาเองรับเงินจนงงเป็นไก่ตาแตก กลับกุฏิเทกองพะเนินเลย นับรวบรวมเสร็จรีบนำไปถวาย “หลวงพ่อ” หมดหนี้หมดสินกัน โล่งอก...!

    นี่ขนาดเพิ่งบวชนะ...มาตอนออกธุดงค์ไปเมืองลับแล อาตมาก็ถลุงเงินเกลี้ยงฉาด ตั้งใจไปตัวเปล่าจริง ๆ แต่อานิสงส์ที่ติดตัวไม่ยอมให้เป็นอย่างต้องการ...

    พอเทกระเป๋าเลี้ยงพระวันมาฆบูชากับแม่ครัว และครัวกองทุนจนหมด กำลังสบายใจ ก็พบกับคุณวิไล จณวัตร กับคุณอัญชนา ลิขิตธนารักษ์ เจ๊แกถวายแต๊ะเอียมาซองเบ้อเริ่ม...!

    ลงสวดมนต์ที่ศาลาสองไร่ พบอาจารย์ประเสริฐ เกษตรเอี่ยม บอกว่าจะบวช เลยร่วมเป็นเจ้าภาพยกซองให้ไปเลย ออกจากศาลามาเจอน้าอึ่ง (คุณอุไรวรรณ ปัจฉิมางกูร) กลางทาง ถวายเงินมาอีกหนึ่งร้อย อาตมาละกลุ้ม...!

    จ่ายเป็นค่าล็อกเก็ตหลวงพ่อ ๕ อันหมดพอดี มาเข้าเวร พี่สาว (คุณมุกดา เพชรชื่นสกุล) กับเกียง (มาลินี ตีรเลิศพานิช) ตามมาถวายอีก ๔๙๐ บาท (อยากจะบ้าตายจริง ๆ) เอาไปจ่ายเป็นค่าเหรียญทำน้ำมนต์ และล็อกเก็ตหลวงพ่อ หมดตัวซะที...

    ลงปาฏิโมกข์แล้วออกจากโบสถ์มาพบแม่เบ็ญ (อาจารย์เบ็ญจา วิบูลย์พันธุ์) ถวายเงินส่วนตัว ๕๐๐ บาท อาตมาอยากหัวเราะและร้องไห้พร้อม ๆ กัน...!

    แดง (มงคล จอมผา) เอารถไปส่ง เลยเติมน้ำมันที่พิษณุโลกซะ ๒๐๐ บาท เหลือ ๓๐๐ บาท ยกให้แดงไป ทีนี้ตอนเข้าป่ามันต้องจ้างคนนำทางนะซิ...!

    นึกถึงเงินสามร้อยบาทชะมัด ล้วงย่ามค้นไปค้นมาได้สามร้อยบาท มาจากไหนวะ...? ฮ่า...เราทำได้ จ่ายค่านำทาง ค่ายาจิปาถะ ขากลับออกมาห้วยหยวก เลี้ยงขนมเด็กกะเหรี่ยงและหมูหมากาไก่ ช่วยกันกินครึกครื้นไปเลย รวมทั้งหมดจ่ายไป ๒๐๐ บาท...

    กลับถึงวัดเกือบสี่ทุ่ม ทำความสะอาดบริขารแล้วสงสัยว่าทำไมฝั่งโบสถ์เปิดไฟสว่างโร่ ถามได้ความว่าแม่ของโยมเอี่ยม (แม่ครัววัด) ตาย กำลังมีงานศพอยู่ จะไปร่วมงานก็เหนื่อยเต็มที นอนดีกว่า...แผ่หราหลับเป็นตายเลย...

    ตีสี่เจอแม่ครัว ควักเงิน ๑๐๐ สุดท้ายช่วยงานศพเขา แล้วอาตมากับแดงก็ “เหาะ” ไปบ้านแม่เบ็ญที่อู่ทอง ฉันเช้าแล้วนอนยาวยันบ่ายเลย ตกบ่ายแม่เบ็ญพาเพื่อนบ้านมาฟังประสบการณ์ในป่า คุยกันเพลินเกือบสี่ทุ่มจึงเลิก...

    ญาติโยมพากันถวายเงินเจ็ดร้อยกว่าบาทเป็นค่าเล่าเรื่อง...เห็นมั้ยล่ะ...? เช้ามืดหมดตัว กลางคืนรับใหม่ ไม่เคยหมดข้ามวันเลยสักครั้งเดียว จะมากจะน้อยก็ต้องมีมาจนได้ ถ้าไม่ขยันทำบุญ คงเก็บเงินได้หลายตันแล้ว...!

    หลายครั้งหลายหนที่เป็นแบบนี้ จนกระทั่งเชื่อยิ่งกว่าเชื่อว่า ชาตินี้อาตมามีเงินถลุงเล่นไม่รู้จักหมดแน่ ๆ แฮ่...

    ลุงพุฒพูดเสียงเขียวว่า “เขียนดี ๆ หน่อยคุณ เดี๋ยวคนเขาเข้าใจผิดว่าเอาไปปล่อยกู้ เลี้ยงสาว ซื้อบ้าน ซื้อที่ดิน แบบพวกที่มาอยู่ข้างล่างนี่ บอกเขาไปตรง ๆ ซิว่า “หลวงพ่อ” สั่งให้ทำบุญให้หมด ห้ามมีเงินเก็บข้ามปี”

    หวิดไปแล้วไหมล่ะ...! คะนองมือไปหน่อยถูกเบรกหัวทิ่มเลย โอเค...ชาตินี้อาตมามีเงินทำบุญเพลินอุราชนิดไม่มีวันหมดแน่...อย่างนี้ใช้ได้นะลุงนะ...!

    ท่านผู้อ่านจะทดลองดูบ้าง ก็โปรดย้อนไปดูตอนคาถาเงินล้านแล้วปฏิบัติตามนั้นเถิด การภาวนาถ้าใจเกาะพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ท่าน ก็ไม่มีวันตกสู่ที่ชั่วอยู่แล้ว ยิ่งเอากำลังจากการภาวนา มาพิจารณาวิปัสสนาญาณ ยกจิตของตนขึ้นสู่ภูมิสูงยิ่ง ๆ ขึ้นไปได้ ก็ยอดเยี่ยมสุดหาใดปานเลยทีเดียวเชียว...

    ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๓๓
    พระใบฎีกาเล็ก สุธมฺมปญฺโญ

    ที่มา www.watthakhanun.com
    ภาพประกอบโดย สำนักสงฆ์เกาะพระฤๅษี
    #๖๐ปีพระครูวิลาศกาญจนธรรม
     

แชร์หน้านี้

Loading...