เหรียญชินราชคุ้มเกล้า หลังภปร.พ.ศ. 2521

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย Jumbo A, 8 พฤษภาคม 2019.

  1. ลืมจัง

    ลืมจัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    325
    ค่าพลัง:
    +822
    จองเหรียญ หลวงปู่สมบุญวัดลำพันบองครับ
     
  2. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,708
    ค่าพลัง:
    +21,337
    get_auc3_img.jpg
    ชีวประวัติ หลวงพ่อเพชร วัดบ้านกรับ
    วัดบ้านกรับเป็นวัดเก่าแก่โบราณสร้างในสมัยกรุงศรีอยุธยาตั้งอยู่ด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือของจังหวัดกาญจนบุรี ที่อำเภอพนมทวน ต.ดอนแสลบ ในสมัยกรุงศรีอยุธยายังเป็นราชธานี วัดบ้านกรับนี้เดิมชื่อว่าวัดบ่อไผ่ จากการสำรวจดูโบราณสถานภายในวัด มีอุโบสถหลังเก่าสร้างจากประติมากรรมสมัยกรุงศรีอยุธยาอย่างเด่นชัด และที่ตำบลดอนแสลบอยู่ในละแวกใกล้วัดบ่อไผ่นี้ยังมีโบราณสถานอีกหลายแห่งที่เป็นวัดร้าง อย่างเช่นวัดสระกระเบื้อง วัดสระโรงเรือ และมีเนินเจดีย์ร้างที่ไม่สามารถทราบชื่ออีกหลายแห่ง ล้วนแล้วแต่สร้างในสมัยกรุงศรีอยุธยา ต่อมาในสมัยแผ่นดินพระเจ้าเอกทัศน์ เมื่อประมาณปี พ.ศ. 2303 พม่าได้ยกทัพเข้ามาทางเจดีย์สามองค์ ได้บุกเผาบ้านเรือน แล้วก็ยกทัพผ่านมาทางอำเภอพนมทวน พม่าได้เผาบ้านช่องคนไทยมากมาย เป็นเหตุให้ชาวบ้านตำบลดอนแสลบและละแวกใกล้เคียงต่างหนีพม่าทิ้งถิ่นฐานที่อยู่ไปวัดบ่อไผ่จึงเป็นวัดร้างไปช่วงหนึ่งนานพอสมควร ต่อมาในปี พ.ศ. 2310 กรุงศรีอยุธยาได้แตกเสียแก่พม่า และต่อมาพระเจ้าตากสินได้กอบกู้อิสรภาพกลับคืนมาได้ในสมัยกรุงธนบุรีเมื่อสงครามสงบลง ชาวบ้านและผู้คนที่มีถิ่นฐานเดิมอยู่แถววัดบ่อไผ่ ต่างก็ได้เดินทางกลับมาอยู่ถิ่นฐานเดิม ต่างได้พร้อมใจกันเปลี่ยนชื่อวัด เป็นชื่อวัดบ้านกรับ คำว่าวัดบ้านกรับคงจะมีความหมายมาจากคำว่ากลับบ้าน หรือกลับคืนถิ่นกำเนิดนั่นเอง วัดบ้ารกรับมีเนื้อที่ 48 ไร่ ได้มีเจ้าอาวาสปกครองวัดสืบต่อ ๆ กันมาหลายสิบรูปด้วยกัน แต่ไม่สามารถนำมากล่าวได้หมด เท่าที่ทราบวัดนี้มาเริ่มรุ่งเรืองในสมัยหลวงพ่อบ่ายซึ่งก็เป็นศิษย์เอกสืบทอดวิทยาคมจากหลวงพ่อเปลี่ยน วัดใต้ จังหวัดกาญจนบุรี ได้พัฒนาวัดบ้านกรับหลังจากหลวงพ่อบ่ายได้มรณภาพลง หลวงพ่อจวน ปัญญาธีโป ก็ได้เป็นเจ้าอาวาสสืบต่อมา หลังจากนั้นชาวบ้าน ต.ดอนแสลบ และเจ้าอาวาสปกครองวัดสืบต่อ หลังจากนั้น ชาวบ้าน ต.ดอนแสลบ และเจ้าคณะตำบลดอนแสลบได้เดินทางไปนิมนต์หลวงพ่อเพชร ซึ่งจำพรรษาอยู่ที่วัดโพธิ์ ต.บางเค็ม อ.เขาย้อย จ.เพชรบุรี มาเป็นเจ้าอาวาสวัดบ้านกรับ สืบต่อมาจนกระทั่งทุกวันนี้ ปัจจุบันนี้ วัดบ้านกรับการคมนาคมจะเดินทางไปวัดบ้านกรับสะดวกมาก เป็นถนนลาดยางถึงหน้าวัด ถ้าท่านเดินทางมาจากกรุงเทพฯ มาทางสายนครปฐม สุพรรณบุรี พอถึงตลาดทุ่งคอก วิ่งต่อไปอีกประมาณ 8 ก.ม. แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าตลาดเขต เมื่อท่านถึงตลาดเขตแล้วสอบถามดู ใคร ๆ ก็รู้จักวัดบ้านกรับ แล้วท่านจะได้พบกับท่านพระครูจันทสโรภาส หรือหลวงพ่อเพชร จนฺทวโส ก่อนจะเข้าถึงวัด เชิญท่านลองสอบถามชาวบ้านละแวกนั้นดูให้ทั่วหน้าแล้วท่านจะทราบว่า ท่านมีวัยวุฒิและคุณวุฒิ และปฏิปทาน่าเลื่อมใสเพียงใด ซึ่งเป็นหมู่บ้านใหญ่ เล่าว่าท่านสามารถเดินหายเข้าไปในห้องที่ปิดประตูใส่กุญแจไว้ได้โดยไม่ต้องไขกุญแจท่านอายุ 87 ปี พรรษาที่ 67 บวชตั้งแต่เป็นเณร บริสุทธิ์ผ่องแผ้ว ตั้งแต่ท่านถูกนิมนต์มาปกครองวัดบ้านกรับ ท่านพัฒนาบูรณะวัดให้เจริญขึ้นอย่างรวดเร็ว สร้างศาลา สร้างกุฏิ และอุโบสถขึ้นใหม่แทนอุโบสถหลังเก่าที่ชำรุดทรุดโทรมมาก และได้สร้างศาลาเมรุควบคู่กันไป จึงขอเชิญชวนท่านพุทธศาสนิกชนทั้งหลายมาร่วมทำบุญกับท่าน ท่านจะได้มหากุศล
    ท่านพระครูจันทสโรภาส (หลวงพ่อเพชร จนทวโส ) ปัจจุบันอายุ 85 ปี พรรษาที่ 65 เป็นเจ้าอาวาสวัดบ้านกรับ ต.ดอนแสลบ อ.พนมทวน จ.กาญจนบุรี ท่านเกิดในปี พ.ศ. 2450 ณ ที่บ้านหนองส้ม ต.หนองส้ม อ.เขาย้อย จ.เพชรบุรี เดิมท่าน ชื่อหร่อง โยมพ่อท่านชื่อนายเทียน ฤกษ์งาม โยมแม่ชื่อทองพูล ฤกษ์งาม ท่านเป็นบุตรคนที่ 7 ในจำนวนพี่น้อง 7 คนด้วยกันคือ
    1. นายทูป ฤกษ์งาม
    2. นายอาจ ฤกษ์งาม
    3. นายเอก ฤกษ์งาม
    4. นางง่วน ฤกษ์งาม
    5. นางเสย ฤกษ์งาม
    6. นางสอย ฤกษ์งาม
    7. หลวงพ่อเพชร
    หลวงพ่อหร่องอุปสมบทเมื่อ พ.ศ. 2470 ณ วัดหนองส้ม อ.เขาย้อย จ.เพชรบุรี โดยมีหลวงปู่อ่อนวัดท้ายตลาด เป็นพระอุปัชฌาย์หลวงพ่อจัน วัดหนองส้ม เป็นพระกรรมวาจาจารย์ เมื่ออุปสมบทแล้วได้จำพรรษาอยู่ที่วัดหนองส้ม ได้ศึกษาพระธรรมวินัย และนักธรรมจนได้รับสมณศักดิ์เป็นชั้นพระครูจากนั้นได้ศึกษาค้นคว้าและปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน และสมถกรรมฐาน จากหลวงปู่อ่อนและแลวงพ่อจัน ได้ทำความเพียรจนสำเร็จแตกฉานเป็นอย่างดี ต่อจากนั้นหลวงพ่อหร่องก็ได้เดินทางไปจำพรรษาอยู่ที่วัดบ้านขู่ ถวายตนเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อน้อย วัดบ้านขู่ ขอเรียนไสยเวทด้านเมตตามหานิยมจากหลวงพ่อน้อย ได้อยู่ที่วัดบ้านขู่นี้ 5 พรรษา แล้วก็ได้ลาหลวงพ่อน้อยเดินทางไปยังวัดเขาบันไดอิฐ ขอศึกษาวิชาไสยเวท คาถาอาคมต่าง ๆ จากท่านพระครูญาณวิลาด (หลวงพ่อแดง) ในระหว่างนั้นหลวงพ่อแดงเพิ่มมีอายุเพียง 73 ปี หลวงพ่อหร่อง (หลวงพ่อเพชร) ได้ฝากตัวเป็นศิษย์ ได้รับการถ่ายทอดวิชากรรมฐานและเวทมนตร์ต่าง ๆ จนจบสิ้น จากนั้นหลวงพ่อหร่องก็ได้ไปฝากตัวเป็นศิษย์ของหลวงพ่อแก้ว วัดหัวนา ต.หนองโปรง อ.เขาย้อย จ.เพชรบุรีได้ศึกษาเรียนวิชาเป่าใบไม้ และไสยเวทวิสุทธิจากหลวงพ่อแก้ว หลวงพ่อแก้วยังให้คติไว้ว่า สิงโตน้ำตาลทราย กัดที่ไนหวานตรงนั้น ต่อจากนั้น หลวงพ่อหร่องก็ได้ออกเดินธุดงค์เข้าป่าเมืองกาญจนบุรี เข้าอุ้มผาง จ.ตาก เข้าดงพญาเย็น แล้วย้อนกลับมาทางอำเภอพนมทวน ได้เป็นที่รู้จักของชาวบ้านห้วยกระเจาและดอนแสลบอย่างมาก ชาวบ้านเลื่อมใสศรัทธาองค์พระภิกษุหร่องมาก ซึ่งขณะนั้นท่านยังเป็นพระลูกวัดอยู่ เมื่อกลับจากเดินธุดงค์แล้ว ได้เข้าพบ หลวงพ่อน้อยวัดขู่ และได้ลาพระอาจารย์ไปจำพรรษา ที่วัดโพธิ์ ต.บางเค็ม อ.เขาย้อย จ.เพชรบุรี เข้าฝากตัวเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อปู่ชื่น ปาสโส หรือท่านพระครูประสาทนวกิจ หลวงปู่ชื่นเป็นพระเกจิอาจารย์อาวุโส มีวิชาคาถาอาคมจอมขมังเวทอีกองค์หนึ่ง หลวงพ่อหร่องได้จำพรรษาอยู่ที่วัดโพธิ์เป็นเวลานานหลายพรรษา ได้ปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน และฝึกฝนเวทมนตร์อยู่ตลอดมา และได้พบกับท่านเจ้าคุณพระวิสุทธิรังสี (หลวงพ่อเปลี่ยนอินทสโร) วัดชัยชุมพลชนะสงคราม (วัดใต้ )จ.กาญจนบุรี ซึ่งหลวงพ่อเปลี่ยน เป็นเพื่อนชอบพอกับหลวงปู่ชื่นมากได้ไปมาหาสู่กันเป็นประจำและหลวงพ่อเปลี่ยนได้มาช่วยหลวงปู่ชื่นบูรณะวัดโพธิ์ และสร้างศาลาการเปรียญ หลวงพ่อ หร่องก็ได้เข้าฝากตัวเป็นศิษย์หลวงพ่อเปลี่ยนและขอศึกษาวิชาทำตระกรุด บรรจุพุทธคุณลงในโลหะจนจบสิ้น ต่อมาทางวัดบ้านกรับ ต.ดอนแสลบ อ.พนมทวน จ.กาญจนบุรี หลวงพ่อจวน ปัญญาธีโป เจ้าอาวาสวัดบ้านกรับ ได้มรณภาพลง ทางวัดขาดผู้นำที่จะเป็นเจ้าอาวาส ด้วยแรงศรัทธาของชาวบ้านดอนแสลบที่มีมาแต่เมื่อครั้งหลวงพ่อหร่องได้ธุดงค์มาโปรดชาวบ้านแถบนั้น ชาวบ้านจึงได้พร้อมใจกัน มีความต้องการให้พระภิกษุหร่องมาเป็นเจ้าอาวาส วัดบ้านกรับ จึงได้นำเรื่องเข้าปรึกษาแจ้งความต้องการของชาวบ้านให้ท่านพระครูประดิษฐ์ หลวงพ่อทา วัดห้วยกระเจา เจ้าคณะตำบลทราบ หลวงพ่อทาจึงได้เดินทางไปนิมนต์หลวงพ่อหร่อง ที่วัดโพธิ์ มาเป็นเจ้าอาวาสวัดบ้านกรับสืบต่อไป เมื่อหลวงพ่อหร่องมาเป็นเจ้าอาวาสวัดบ้านกรับท่านยังได้พบตำราสืบทอดวิชาคาถาอาคม ที่เขียนด้วยใบลาน ซึ่งตกทอดมาจากหลวงพ่อบ่าย ได้เก็บไว้ที่วัดบ้านกรับนี้ ตำราวิชาอาคมเหล่านี้ส่วนใหญ่หลวงพ่อบ่ายได้รับสืบทอดมาจาเกจิอาจารย์ต่าง ๆ ที่มีชื่อเสียงของหลวงพ่อเปลี่ยน วัดใต้ก็มีอยู่เช่นกัน ทำให้หลวงพ่อหร่องได้รับตำรับตำราอาคมมากมายด้วยอาคมขลังของหลวงพ่อหร่องทำให้ชาวบ้านเรียกกล่าวต่อกันว่าหลวงพ่อที่มาจากเพชรน้ำมันศักดิ์สิทธิ์ หลวงพ่อองค์ที่มาจากเพชรเจิมรถเก่ง จนชาวบ้านเรียกติดปากว่า หลวงพ่อเพชรจนทุกวันทั้งจังหวัดกาญจนบุรีก็เรียกหลวงพ่อเพชร ท่านเลยเปลี่ยนชื่อว่าหลวงพ่อเพชรมา สำหรับหลวงพ่อเพชร จนทวโส ท่านเป็นเจ้าคณะตำบลดอนแสลบ และเป็นพระอุปัชฌาย์ ศีลาจารวัตรบริสุทธิ์ผ่องแผ้ว เคร่งครัดในพระธรรมวินัย เป็นที่ยอมรับนับถือ ทั้งจังหวัดกาญจนบุรี และจังหวัดใกล้เคียงท่านอาวุโสที่สุดในจังหวัดกาญจนบุรีท่านเปรียบเสมือนเพชรเม็ดงามที่สาธุชนทั้งหลายน่าเคารพนับถือ

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมุลที่มา อย่างสูงครับ
    เหรียญปลอดภัยหลวงพ่อเพรช วัดบ้านกลับ รุ่นนิยมของท่านครับ ให้บูชา 400 บาทค่าจัดส่งEMS50 ครับ

    ลพ.เพรช.JPG ลพ.เพรชหลัง.JPG
     
  3. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,708
    ค่าพลัง:
    +21,337
    เหรียญลูกท้อ หลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวัน สิงห์บุรี 2542
    ให้บูชา100 บาทค่าจัดส่งEMS50 ครับ

    ลพ.จรัญ.JPG ลพ.จรัญหลัง.JPG
     
  4. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,708
    ค่าพลัง:
    +21,337
    หลวงพ่อบุญเรือน อินทสุวัณโณ พระอรหันต์กลางเมือง แห่งวัดยางสุทธาราม ซึ่งพระเกจิ ทราบมาว่าพระเครื่องที่ท่านปลุกเสก แรงมากๆ หาที่ใดเทียบได้ยาก เพียงแต่วัดท่านมิได้มีการโปรโมทเหมือนสมัยนี้ ไม่นั้นป่านนี้ท่านคงจะเป็นวัตถุมงคลที่ดังอย่างเช่นพระกระแสหลักแน่นอน ส่วนองค์หลวงพ่อบุญเรือน ท่านเป็นพระอภิญญา เก่งสุดๆ แต่ท่านอยู่อย่างสมถะ รักสันโดษ เลยไม่ค่อยมีใครสนใจท่านมากนัก

    ปฐมกำเนิด แห่งอริยสงฆ์ นาม “บุญเรือน”

    หลวงพ่อบุญเรือน อินทสุวัณโณ ผู้เลื่องชื่อในฐานะพระปฏิบัติและพระเกจิอาจารยืแห่งวัดยางสุทธาราม ท่านมีถิ่นกำเนิดอยู่ที่จังหวัดพระตะบอง ประเทศกัมพูชา ในสกุล “หิรัญวิจิตร” ซึ่งเป็นครอบครัวชาวไทยที่ไปตั้งรกรากที่นั่นตั้งแต่ต้นกรุงรัตนโกสินทร์

    บิดาชื่อนายเหรียญ หิรัญวิจิตร มารดาชื่อนางต๊วด เป็นชาวพระตะบอง ท่านเกิดในปี พ.ศ. 2461

    การที่โยมพ่อ-โยมแม่ให้ชื่อว่า “บุญเรือน” นั้น เป็นผลมาจากการที่ท่านเกิดมามีลักษณะแปลกกว่าทารกอื่นๆทั่วไป ตรงที่เมื่อคลอดออกมาจากครรภ์มารดาปรากฏว่ามีรกพันติดตัวออกมาด้วย รกนั้นมีลักษณะคล้ายสายสังวาล บริเวณอกมีรกม้วนกลมเป็นก้อน โดยกันว่าทารกที่เกิดมาในลักษณะนี้เป็นผู้มีบุญญาธิการ คนโบราณถือว่าเป็นเทพเทวดาชั้นสูงจุติมาเกิด
    บิดามารดาตลอดจนผู้ใหญ่จึงได้ให้ชื่อว่า “บุญเรือน” คือ เกิดมาด้วยบุญบารมี คือ มี “บุญ” เป็นเรือนกำเนิด

    เมื่อเจริญวัยได้พอสมควร เด็กชายบุญเรือนก็มีโอกาสได้เรียนอักษรต่างๆที่วัด ตามธรรมเนียมในสมัยนั้น จากพระสงฆ์องค์เจ้าต่างๆ จนจบระดับปั้นประถมปีที่ 4 ซึ่งถือว่าสูงสุดที่มีอยู่ในเวลานั้น จึงลาออกมาจากรงเรียนมาช่วยงานพ่อแม่ทำไร่ไถนาไปตามประเพณีชนบท

    ต่อมาในปี 2485 บิดามารดาเห็นว่าเด็กชายบุญเรือนโตเป็นหนุ่มน่าจะมีครอบครัวได้แล้ว จึงเลียบเคียงถามว่าพร้อมจะแต่งงานแล้วหรือยัง พอถูกถามเรื่องนั้นเด็กชายบุญเรือนจะตอบไปตามตรงว่า ยังไม่คิดเรื่องนั้น และหากจะแต่งงานเป็นสามีคน และเป็นพ่อคนได้ ตัวท่านเองจะต้องบวชเรียนตามประเพณีเสียก่อน

    ด้วยเหตุนั้น เด็กชายบุญเรือนจึงได้เข้าพิธีอุปสมบทในปีนั้น เมื่อมีอายุได้ 24 ปี โดยได้จัดพิธีท่ามกลางหมู่สงฆ์ที่พระอุโบสถเขตพัทธสีมาวัดสำโรง เมืองพระตะบอง ประเทศกัมพูชา มีพระเถระประกอบพิธีให้ดังนี้

    พระมุนีวิสุทธิวงศ์ เป็นพระอุปัชฌาย์
    พระอาจารย์เอี่ยม เป็นพระกรรมวาจาจารย์
    พระปลัดญาณสัทธา เป็นพระอนุสาวนาจารย์

    ได้รับฉายาทางศาสนาว่า “อินทสุวัณโณ”

    หลังอุปสมบท พระภิกษุบุญเรือน อินทสุวัณโณ ได้ศึกษาพระธรรม ปฏิบัติจริยวัตรอันงดงาม โดยมีท่านพระครูมุนีวิสุทธิวงศ์ พระอุปัชฌาย์เป็นผู้อบรมสั่งสอนอย่างใกล้ชิด หลวงพ่อบุญเรือนปฏิบัติได้ดีจนพระอุปัชฌาย์เอ่ยปากชมแก่พระเณรทั้งหลาย และถ่ายทอดวิทยาคมให้จนหมดสิ้น ทำให้หลวงพ่อบุญเรือน เป็น “หลวงพ่อ” ตั้งแต่วัยหนุ่มเลยทีเดียว

    017.jpg

    เป็นศิษย์ยอดเกจิเมืองเขมร

    หลังจากเจนจบวิชชาจากพระอุปัชฌาย์ ต่อมาหลวงพ่อบุญเรือนได้ทราบกิตติศัพท์ของหลวงพ่อดี วัดปทุมรัตน์ว่ามีเวทมนตร์คาถาขลงยิ่งนัก อีกทั้งกรรมฐานก็เป็นเยี่ยมอย่างยากที่จะหาครูบาอาจารย์ในแดนเขมรมาเทียบได้ พระภิกษุบุญเรือนจึงเดินทางไปยังนครวัดเพื่อฝากตัวเป็นสิษย์หลวงพ่อดีที่วัดปทุมรัตน์

    หลวงพ่อดีท่านมิได้รับทุกคนเป็นศิษย์ง่ายๆ ท่านมีวิธีการทดสอบจิตใจและเพ่งดูด้วยฌาณยากที่ปุถุชนจะหยั่งถึง ซึ่งหลวงพ่อบุญเรือนก็ผ่านการทดสอบไปได้โดยไม่ยากลำบากแต่อย่างใด

    หลังจากเจนจบอาคมจากหลวงพ่อดี หลวงพ่อบุญเรือนก็ได้ออกจาริกธุดงคืไปตามป่าเขาลำเนาถ้ำเพื่อฝึกฝนจิตต่อไป
    เดินทางเข้าไทย พบ 2 หลวงปู่ผู้ลือนาม
    ไม่นานนัก หลวงพ่อบุญเรือนก็ได้เดินทางจากเขมร มายังไทย และได้ทราบข่าวครูบาอาจารย์เขมรอีก 2 องค์ คือ หลวงปู่หิน ซึ่งพำนักอยู่ที่วัดระฆังโฆสิตาราม วัดของท่านสมเด็จพระพุฒาจารย์(โต) พรหมรังสี อมตะสงฆ์ตลอดกาล และอีกท่านหนึ่งคือ หลวงปู่มุด วัดยางสุทธารามซึ่งก็ไม่ไกลจากวัดระฆัง หลวงพ่อบุญเรือนกล่าวว่า พระอาจารยฺที่เรืองวิชาอาคมมีไม่น้อย แต่ที่เข้ามาอยู่ กรุงเทพ ส่วนใหญ่จะพำนักอยู่ฝั่งธนบุรีมาก

    เมตตาจากหลวงปู่หิน

    ได้เดินทางแกราบหลวงปู่หิน วัดระฆัง โดยลงเรือล่องไป ท่านได้รับความเมตตาจากหลวงปู่หินอย่างมากถึงขนาดหลวงปู่หินชักชวนให้มาอยู่ด้วยกัน เมื่อมาอยู่ที่วัดระฆัง หลวงพ่อบุญเรือนก็ได้ต้งใจศึกษาเล่าเรียนมนต์คาถาอักขระต่างๆ จากนั้นระยะหนึง ได้ติดตามหลวงปู่หินไปกราบหลวงปู่มุดวัดยาง เพราะท่านทั้งสอง(คือหลวงปู่หินและหลวงปู่มุด) มักไปมาหาสู่กันประจำ

    น้ำมนต์เดือด อัศจรรย์ท่ามกลางหมู่เกจิอาจารย์
    คราวหนึ่งบ้านพ่อค้าย่านพรานนกได้ทำบุญเลี้ยงพระที่บ้าน เจ้าของบ้านได้นิมนต์พระมามากมาย หลวงพ่อบุญเรือนในฐานะพระใกล้บ้านก้ได้รับนิมนต์ไปเช่นกัน

    เมื่อพิธีการดำเนินมาถึงเวลาทำน้ำมนต์เพื่อประพรมให้เจ้าของบ้าน เจ้าภาพนึกอย่างไรก้ไม่ทราบได้ ได้ยกบาตรน้ำมนต์ให้หลวงพ่อบุญเรือนเป็นผู้ทำพิธีอธิษฐานจิต ซึ่งหลวงพ่อบุญเรือนก็ไม่ได้คิดว่าท่านจะเป็นผู้ทำน้ำมนต์ แต่ท่านก็ทำให้ ในครั้งนั้นได้เกิดเหตุการณ์ปาฏิหาริย์ คือ น้ำมนต์ที่หลวงพ่อบุญเรือนปลุกเสกเกิดเดือดขึ้นมาอย่างน่าอัศจรรย์ มีผู้คนเห็นมากมาย จนต่อมามีผู้มาขอให้ท่านรดน้ำมนต์ สะเดาะเคราะห์มากมายจวบจนท่านมรณภาพ

    IMG_0007.jpg

    เหตุเกิดที่ถ้ำสาริกา

    คราวหนึ่งมีงานพุทธาภิเษกที่ถ้ำสาริกา เขางู ราชบุรี หลวงพ่อบุญเรือนท่านได้รับนิมนต์ไปเป็นเจ้าพิธีทำให้ท่านเดินทางไปก่อนวัน งาน 1 คืน เพื่อตรวจความเรียบร้อย ซึ่งท่านจะเข้มงวดในเรื่องพิธีกรรมมาก

    ในคืนนั้นเอง สายสิญจน์ที่พระรุปอื่นล้อมไว้ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็จะถุกลมพัดจนหลุดรุ่ยหมด สิ้น ต้องมาทำใหม่อีก เป็นอยู่อย่างนั้นจนเจ้าภาพต้องมานิมนต์ให้หลวงพ่อบุญเรือนไปช่วยอรกแรง หนึ่ง แล้วเรื่องแปลกก็เกิดขึ้น สายสิญจน์ที่หลวงพ่อบุญเรือนล้อมให้นั้น ไม่ถูกลมพัดจนขาดอีกเลย

    แต่ทว่าหลังเสร็จพิธีสายสิญจน์หายไปหมด เพราะน้ำมือของญาติโยมทั้งหลายที่มาร่วมงานต่างพร้อมใจดึงเอาไปหมดเกลี้ยง

    เรื่องมหัศจรรย์ หลวงพ่อห้ามฝน

    เหตุการณ์ที่น่าอัศจรรย์ยิ่งไปกว่านั้น คือเหตุการณ์ที่ถ้ำสาริกาที่เดิม คือเมื่อใกล้เวลาเริ่มพิธี เมฆฝนได้ตั้งเค้าดำทมึน ซึ่งสร้างวามหวาดวิตกให้ผู้มาร่วมพิธีมาก ตอนนั้นมีแม่ชีคนหนึ่งได้กราบเรียนต่อหลวงพ่อบุญเรือนด้วยอาการร้อนรนว่า “หลวงพ่อเจ้าขา เวลาฤกษ์ยามที่หลวงพ่อกำหนดไว้ใกล้ถึงแล้ว แต่ฝนทำท่าจะตกหนัก จะทำอย่างไรดี” หลวงพ่อบุญเรือน ได้ฟังแล้วก็แหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้าอย่างพิจารณาอึดใจหนึ่ง จึงหันมาตอบว่า

    “ไม่เป็นไรหรอก งานนี้ได้ฤกษ์มงคลมาแล้ว ถึงฝนจะตกก็ตกไม่มาก คิดเสียว่าเบื้องบนพรมน้ำมนต์ให้นะ” “ตกไม่มากได้อย่างไรละหลวงพ่อ ฟ้ามืดอย่างนี้ตกหนักแน่นอน หลวงพ่ออย่านิ่งนอนใจอยู่เลย” เหตุนี้ หลวงพ่อบุญเรือนจึงให้หาธูปเทียนมา 4 ชุด ปักไปทั้ง 4 ทิศ แล้วท่านก็สงบจิตอาราธนาบารมีท้าวจาตุมหาราชทั้ง 4 พร้อมกล่าวว่าว “เอาละ สบายใจได้ ฉันได้บอกกล่าวเทพเทวดาแล้ว ฝนคงไม่ตกลงมาแล้วเราประกอบบุยกุศล เทวดาท่านคงไม่ดูดายหรอก”

    ความอัศจรรย์แท้ๆก็เกิดขึ้น เพราะหลังจากหลวงพ่อบุญเรือนทำพิธี ฝนก็ตกลงมาแต่รอบบริเวณพิธีเท่านั้น ขณะที่ในมณฑลพิธีมีแต่ละอองชุ่มเย็น ดูแล้วไม่ต่างจากน้ำมนต์ทิพย์จากสวรรค์แท้ๆ

    028.jpg

    วัตถุมงคลมีแค่ 6 รุ่น

    หลวงพ่อบุญเรือนได้จัดสร้างวัตถุมงคลชุดแรกในปี 2496 และอีกครั้งในปี 2511 ซึ่งออกเหรียญใบเสมารุ่นแรก และ ปี 2519 ออกเหรียญหลวงพ่อเต็มองค์ ซึ่งทั้ง3ปีที่ออกวัตถุมงคล มีจำนวนน้อยมาก

    จากนั้นในปี 2537 ท่านจึงได้สร้างเหรียญรุ่น 3 ออกมา โดยสร้างเป็นเหรียญพญาเต่าเรือน ตามตำรับหลวงปู่ดี วัดปทุมรัตน์ เรียกว่า เหรียญพญาเต่าเรือนนครวัด พร้อมเหรียญทำน้ำมนต์ รูปหลวงพ่อนั่งสมาธิเต็มองค์ และเหรียญหลวงพ่อครึ่งองค์ หลังพรหม

    การอธิษฐานจิตปลุกเสก หลวงพ่อจะทำตามฤกษ์ยาม เสกจนกว่าจะครบไตรมาส อานุภาพวัตถุมงคลของท่านจึงเปี่ยมล้น

    037.jpg

    046.jpg

    056.jpg

    หลวงพ่อเคยบอกว่า “อา ตามาไม่มีญาติโยมที่ไหน ไม่รุ้จะสะสมเงินทองไปทำไม เท่าที่กินทุกวันนี้ก็เหลือพอแล้วสำหรับพระแก่ๆอย่างอาตมา แต่ว่าปัจจัยที่หานั้น มีความหมายสำหรับวัดวาอาราม พระหนุ่มเณรน้อยที่ต้องใช้ในการศึกษาหาความรู้ อาตมาจึงอยากหยิบยื่นมือไปให้ความช่วยเหลือเหมือนอ่างที่คนอื่นเขาเคยช่วย อาตมาในกาลก่อน..”

    หลวงพ่อบุญเรือน มรณภาพเวลาประมาณตี 2 วันที่ 30 สิงหาคม 2552 รวมอายุได้91ปี ซึ่งนำความโศกเศร้าแก่ลูกศิษย์ลูกหาทุกท่าน แต่คำสอนและสิ่งที่หลวงพ่อปฎิบัติไว้ยังคงตรึงใจพวกเรา…

    ที่มา:
    http://board.palungjit.org/f15/หลวงพ่อบุญเรือน-เจ้าตำรับพญาเต่าเรือนนครวัด-=-สุดยอดพลังโชคลาภ-214021.html
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมุลที่มา อย่างสูงครับ
    เหรียญหลวงพ่อบุญเรือน ให้บูชา 100 บาทค่าจัดส่งEMS50 ครับ(ปิดรายการ)

    ลพ.บุญเรือน.JPG ลพ.บุญเรือนหลัง.JPG
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 พฤศจิกายน 2019
  5. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,708
    ค่าพลัง:
    +21,337
    พระสุปฏิปันโน แห่งทุ่งบางไทร "

    ศิษย์รูปสำคัญในสาย หลวงพ่อหร่ำ วัดกร่าง

    พระครูอเนกสารคุณ (สด) ธัมมวโร หรือ หลวงพ่อสด วัดโพธิ์แตงใต้

    พระดี มีวิชา อีกรูปของเมืองอยุธยา

    หลวงพ่อสด ท่านมีความสนิทสนมกับ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ในตอนที่ท่านจำพรรษาอยู่ที่ วัดบวรนิเวศฯเรียนภาษาบาลีและศึกษาธรรม อยู่ที่นั้น

    สมเด็จพระญาณสังวร ท่านทรงเคารพ หลวงพ่อสด ซึ่งเปรียบเสมือนกับศิษย์ผู้พี่มากท่านได้เดินทางมา วัดโพธิ์แตงใต้เป็นประจำเพื่อสนทนาธรรม เมื่อวันที่ ๑๒ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๓๗ สมเด็จพระสังฆราช วัดบวรนิเวศฯ

    ( สมเด็จญานฯ ) ท่านยังทรงเป็นประธานยกช่อฟ้าศาลาการเปรียญ วัดโพธิ์แตงใต้ โดยทรงอนุญาตให้ใช้พระนามย่อ ( ญสส ) ของท่านที่ช่อฟ้าศาลาการเปรียญด้วย

    แม้กระทั่งเวลาที่หลวงพ่อสด ไม่สบายท่านก็จะมาเยี่ยมตลอด หรือแม้กระทั่งตอนที่หลวงพ่อสด มรณภาพ สมเด็จวพระญาณสังวร ท่านก็มารดน้ำศพ ด้วยตัวท่านเอง

    หลวงพ่อสด ธมมวโร อดีตเจ้าอาวาส วัดโพธิ์แตงใต้ ต. โพธิ์แตงใต้ อ. บางไทร จ. อยุธยา บิดาชื่อ นาย เปลี่ยน มารดาชื่อ นาง เล็ก ธรรมประเสริฐ ชื่อเดิม นาย สดฯ มีอาชีพทำนาทำสวน สมัยที่หลวงพ่อสดฯอายุประมาณ ๗ ขวบเป็นเด็กเรียบร้อยชอบตามโยมบิดาโยมมารดาไปทำบุญตามวัดต่างๆ พออายุประมาณ ๑๐ ขวบ

    ดช. สดฯ ท่านขออนุญาตโยมบิดาและโยมมารดาบวชเป็นสามเณร เพื่อศึกษาพระธรรมวินัยและเรียนหนังสือเหมือนเด็กทั่วไปด้วย ต่อมาหลวงพ่อ สดฯต้องลาสิขาบทตามคำขอร้องของโยมบิดาและโยมมารดา มาช่วยทำนาและทำสวน พ.ศ. ๒๔๖๐ ญาติผู้ใหญ่ของหลวงพ่อ สดฯถึงแก่กรรมลงตอนนั้น หลวงพ่อ สดฯอายุ ๑๘ ปี ได้บวชหน้าไฟเพื่อทดแทนพระคุณแก่ผู้ตาย และศึกษาธรรมตลอดมาจน พ.ศ. ๒๔๖๒

    spd_20110904132822_b.jpg





    หลวงพ่อ สดฯ ท่านมีอายุครบ ๒๐ ปี บริบูรณ์ หลวงพ่อ สดฯท่านก็ได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ ณ พระอุโบสถ วัดโพธิ์แตงใต้ จ.อยุธยา โดยมีพระอริยทัชชะมุนี วัดลำแล จ. ปทุมธานี เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานีเป็นพระอุปัชฌาย์ ได้รับฉายา (ธมมวโร ) สังกัดรามัญนิกาย หลวงพ่อ สดฯท่านได้ศึกษาธรรมและวิชาไสยเวทจากพระเกจิที่เป็นชาวมอญหลายองค์ ทางด้านคงกระพันชาตรี เมตตามหานิยมโดยเฉพาะด้านกันและแก้คุณไสยที่ชาวมอญเก่งมาก นานถึง ๒๗ ปี ต่อมา พ.ศ. ๒๔๘๙

    วัดโพธิ์แตงใต้ ได้โอนย้ายการปกครองสงฆ์มาอยู่ในนิกายธรรมยุติ หลวงพ่อ สดฯ ท่านได้เดินทางไปวัดบวรนิเวศฯเพื่อทำการอุปสมบทใหม่โดยมี สมเด็จพระสังฆราชเจ้ากรมหลวงวชิรญาณวงศ์ วัดบวรนิเวศฯเป็นพระอุปัชฌาย์และได้รับฉายาเดิม (ธมมวโร ) จากนั้นหลวงพ่อสดฯก็ได้จำพรรษาอยู่ที่ วัดบวรนิเวศฯ

    ในส่วนศาสตร์ วิชาอาคมหลักๆ นั้น หลวงพ่อสด ท่านยังเป็นศิษย์เอกของ ตำนานเกจิอาจารย์เมืองปทุมธานี อย่าง

    "หลวงพ่อหร่ำ วัดกร่าง ปทุมธานี" เกจิที่แม้แต่เหล่าเสือร้าย และนักเลงเมืองปทุมฯ ยังยอมก้มหัวให้

    mce104_phoppra_001.jpg




    ซึ่งหลวงพ่อหร่ำ วัดกร่าง ท่านเป็นศิษย์เอกของ หลวงพ่อหว่าง วัดเทียนถวาย

    แม้แต่หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก สุดยอดเกจิแห่งอยุธยา ยังเรียก หลวงพ่อหร่ำ วัดกร่าง ว่า "พี่เสือ" (หลวงพ่อหร่ำ กับ หลวงพ่อจง ท่านเป็นศิษย์ หลวงพ่อนอม วัดกร่าง พระผู้เชี่ยวชาญในด้านกัมมัฎฐาน )

    อีกทั้ง หลวงพ่อสด ท่านได้ศึกษาจากอาจารย์มากมาย โดยเฉพาะสายมอญ สายปทุมฯ

    หลวงพ่อสดท่านเป็นพระเก่ง แต่ดังเงียบ ขนาดผีของแม่รำพึง (สาวท้องแก่) ในบางไทรแถววัด ที่ว่าเฮี้ยนๆ ก็มาสงบเพราะหลวงปู่สด เล่ากันว่า ตอนที่ท่านมาเป็นเจ้าอาวาสที่วัด ตอนนั้นผีของนางรำพึงกำลังคะนอง ท่านทำพิธีกรรมสวดส่งวิญญาณอยู่คืนหนึ่ง จากนั้นก็ไม่มีใครเห็นการปรากฏตัวของผีนางรำพึงอีกเลย

    ท่านเป็นพระที่มีวิชาอาคมสูงมาก อีกทั้งยังทำนาย ทายทัก ได้อย่างแม่นยำอีกด้วย หากท่านทำนายว่าไอ้คนนี้จะต้องตายโหงใน ๗ วัน หากไม่รีบมาสะเดาะเคราะห์ รับรองไม่เกิน ๗ วัน จองศาลาวัดไว้ได้เลย”

    หลวงพ่อสด มรณภาพ ตั้งแต่ปี ๒๕๓๗ แต่สังขารของท่านไม่เน่าเปื่อย จึงเก็บรักษาไว้ที่วัด

    วันนี้ผมจะเล่าเรื่อง อริยะฤทธิ์ของผ้าจีวร ของหลวงปู่สด ธัมมวโร วัดโพธิ์แตงใต้ จ.อยุธยาครับ
    ########
    ########
    พระครูคัมภีร์ภาวนาจารย์" หรือ หลวงปู่ลือ ปุญโญ วัดป่านาทามวนาวาส อ.ดอนตาล จ.มุกดาหาร พระสงฆ์ผู้ทรงอภิญญา เคร่งกัมมัฏฐาน ศิษย์สืบสายธรรมหลวงปู่เสาร์ กันตสีโล, หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต บูรพาจารย์พระป่า ท่านยังเป็นสหธรรมิกกับ หลวงปู่สิม พุทธาจาโร, หลวงปู่ชอบ ฐานสโม, หลวงปู่ขาว อนาลโย, พระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ, พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร และ พระอาจารย์ชา สุภัทโท ลป.ลือเป็นพระสุปฏิปันโณ ผู้มีบุญญาฤทธิ์และบุญญาธิการสูงองค์หนึ่งในดินแดนที่ราบสูง จังหวัดมุกดาหาร โดย ลป.ลือ เป็นพระอริยสงฆ์รูปหนึ่งที่มีความเพรียบพร้อมทุกอย่าง ทั้งบุญฤทธิ์ อิทธิฤทธิ์ และ อริยฤทธิ์ อย่างแท้จริง
    หลวงปู่ลือฯ มรภาพเมื่อวันที่ 16 มี.ค.2540 อายุ 89 ปี อัฐิของท่านได้แปรเป็นพระธาตุมีลักษณะหลายวรรณะ เช่น สีแดงทับทิม ออกสีขาวใสๆ ดั่งเพชร สวยงามมาก.. จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่าท่านได้บรรลุธรรมชั้นสูง ในพระศาสนาของพระสมณโคดมสัมมาสัมพุทธเจ้า อย่างแท้จริง
    ##########
    ###########

    เรื่องมีอยู่ว่า เมื่อผมสร้างรูป ลป.สด และ รูปครูบาอาจารย์หลายท่านแจกเมื่อปี35-36 พระชุดนี้ ลป.สด เสกให้ 30 ครั้ง ครั้งสุดท้าย ท่านเมตตาเสกผ้ารัดปะคตให้อีก เพื่อเอาไปตัดสำหรับติดหลังรูป และ ที่เมตตามากคือ.ให้คุณลุงลูกศิษยก้นกุฏิไปเอาตรายางปั๊มยันต์5 ยันต์ประจำตัวหลวงปู่มาให้ผมกับน้องชาย เอามาปั๊มหลังรูปที่ทำแจกครับ ปั๊มกันที่ศาลาวัด หลังกุฏิ ลป.สดใกล้ริมแม่น้ำ ตามรูปครับ เมื่อปั๊มเสร็จเฉพาะรูป ลป.สด รูปพระสังฆราช และครูบาอาจารย์เกือบหมดแล้วเหลือประมาณ 300ใบ กรรมการมาเอาตราปั๊มคืน ผมเลยเอาตราปั๊มชื่อผมปั๊มแทน เพื่อจะได้ไม่สับสนในอนาคต ใครมีอยู่ถือว่าโชคดีนะครับ
    ด้วยความเสียดายผมแจกแต่รูปอย่างเดียว ส่วนผ้ารัดปะคตเก็บเอาไว้ทำมวลสารสร้างพระครับ
    ########
    ########

    ช่วงปี37 ตอนเอาพระสร้างแจกไปเสก ลป.สดถามว่า รูปแจกหมดแล้วหรือยัง ผมตอบว่า ยังครับ ที่ทำใหม่เพื่อแจกในอนาคตนะครับ ท่านว่า ไม่เป็นไร พระของเธอมีเจ้าของหมดแล้ว ถึงเวลา จะไกลแค่ไหน เขาก็ต้องมาเอาของเขาเองนั่นแหละ มันเป็นวาสนาของเขา เราแค่คนทำคนรักษาเท่านั้น แล้ว ลป.สดให้คุณลุงลูกศิษย์ก้นกุฏิไปเอาผ้าจีวรผืนใหญ่มาให้ท่าน ท่านเสกให้นานมาก ก่อนจะมอบให้ท่านว่า คนทำพระแจกเจตนาดีแล้ว อย่าโลภ เอานี่ ลป. ให้เธอ ผมเก็บรักษาผ้าจีวรไว้ ไม่ได้เอาไปทำอะไรเลย เพราะเสียดายครับจวบจนหลวงปู่มรณภาพแล้ว กระทั่ง ประมาณปี38-39 ผมจึงได้นำผ้าจีวรมาให้ ลป.ลือท่านเสกครับ
    #######
    #######

    ตอนนั้น ลป.ลือ ท่านมาเสกพระที่ วัดนรนาถสุนทริการาม เทเวศน์ พิธีฤกษ์ ตอน บ่ายโมง ผมไปกราบท่านตอนเช้า มีคนมากราบท่านพอสมควร ท่านเป็นพระนิ่งๆไม่ถาม ก็ไม่พูด ท่านสำรวมมากๆ ตาท่านใสเหมือน ลป.สด
    ตอนผมเอาผ้าจีวรให้ท่านเสก ท่านนึกว่าถวายท่าน ท่านก็ให้พร พอท่านให้พรเสร็จ ผมเลยกราบเรียนท่านว่า ลป.ครับผมไม่ได้ถวายครับ ผมขอให้ ลป.เสกให้ครับ ผมจะเอาไปสร้างพระครับ กระผมขอคืนได้ไหมครับ. ท่านไม่พูดอะไรเลย นิ่งสงบมาก แต่เอามือล้วงเข้าไปในถุง คลำผ้าจีวรจนทั่ว ทั้งด้านหน้าด้านหลัง(ตามรูป)ไม่เห็นท่านหลับตาเสกอะไร..สักพักใหญ่ๆท่านให้คืนมา ไม่พูดอะไร
    ##########
    ##########

    ผมรับคืน และ กราบเรียนท่านว่า ลป.ครับ ขอเมตตาเสกให้ด้วยครับ ท่านว่า ดีหลายๆแล้ว ดีกว่านี้ทำไม่ได้
    ของใครหรือ. ..ของลป.สด วัดโพธิ์แตงใต้ จ.อยุธยาครับ ท่านว่า. ดี..แท้หนอ แต่ ลป.ไม่รู้จักท่าน ผมเลยเรียนท่านว่า ลป.สดท่านเป็นพระ ที่สมเด็จสังฆราชวัดบวร นับถือกันเหมือนพี่น้องเลยครับ

    ลป.ลือท่านว่า ถ้าพระอาจารย์สด วัดบวร ลป.รู้จัก..เกลอ(เพื่อน)กัน รู้จักกันตอนธุดงค์นานแล้ว..ถ้าอย่างนั้น ขอ ลป.เมตตาเสกเป็นกรณีพิเศษเลยนะครับ ลป.ว่า ทำอย่างไร ? ลป.จนปัญญา? บอกหน่อย..เสกยังไง. ผมเรียนท่านว่า เสกให้ทะลุฟ้าเลยครับ .....
    ลป.ลือ ท่านยิ้มน้อยๆแล้วพูดว่า ผ้ากาสาวพัสตร์ของพระอรหันต์ ท่านทิ้งไว้ให้ ดีกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว
    เหนือฟ้าเหนือดินแล้ว...เชื่อ ลป. เถอะ !
    ที่สุด ผมเลยเอาผ้าจีวรไปเข้าในพิธีเสกร่วมกับวัตถุมงคลอื่นในพิธี(ตามรูป) ท่านเสกตั้งแต่13.00-16.00 เสกเดี่ยว องค์เดียว นิ่งเหมือนรูปปั้นเลยครับ พอเสกเสร็จก็มีคนเข้าไปกราบ ลป.ลือ กันมาก ขอให้ท่านเสกพระให้กับมือบ้าง เป่าหัวบ้าง ขอพรบ้าง ล้อม ลป.เต็มไปหมดเลย พอผมเข้าไปถึงท่าน พอท่านเห็นผม ท่านจำได้ ท่านว่า เอามาเสกทำไม ดีกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว
    ##########
    ##########

    นี่แหละครับ ! คือ คำชม คำสรรเสริญ...ที่ พระป่า พระดง... พระดี พระแท้ ที่มีให้แก่ หลวงปู่สด ธัมมวโร วัดโพธิ์แตงใต้ จ.อยุธยา ว่า ผ้ากาสาวพัสตร์ ของพระอรหันต์ ท่านทิ้งไว้ให้ ดีกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว เหนือฟ้าเหนือดินแล้ว....เชื่อหลวงปู่เถอะ !
    เพราะเหตุนี้เอง ผมเลยหมดสงสัย.....ทำไมพระประมุขแห่งสงฆ์...อย่างสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช...จึงให้การนับถือ ลป.สด อย่างยิ่ง อย่างมากเป็นการส่วนพระองค์เลยทีเดียว แม้ ลป.สด เจ็บป่วย ก็ทรงรับดูแล เป็นพระป่วยไข้ในความดูแล ขององค์สมเด็จพระสังฆราช....

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมุลที่มา อย่างสูงครับ

    เหรียญหลวงปู่สด วัดโพธิ์แตงใต้ ญสส.ให้บูชา 100 บาทค่าจัดส่งEMS50 ครับ

    ลป.สด.JPG ลป.สดหลัง.JPG
     
  6. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,708
    ค่าพลัง:
    +21,337
    1465834363-jpg.jpg

    หลวงพ่อทอง สุสังวโร วัดป่ากอสุวรรณาราม ตำบลนาหม่อม อำเภอนาหม่อม จังหวัดสงขลา หลวงปู่ทอง สุสังวโร อายุ 92 ปี พรรษา 54 อดีตเจ้าอาวาสองค์แรกวัดป่ากอสุวรรณาราม ตำบลนาหม่อม อำเภอนาหม่อม จังหวัดสงขลา พระอาจารย์ ์ชื่อดังมรณภาพด้วยอาการสงบเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2543 เวลา 12.08 น. ณ กุฎิของหลวงปู่ทองเอง ปัจจุบันร่างสังขารของหลวงปู่ทองบรรจุใน โลงแก้ว สภาพ สังขารของหลวงปู่ทองแห้งกลายเป็นหิน เส้นผม เล็บมือ เล็บเท้า งอกยาวขึ้น เห็นได้ชัดเจนมากทุกวันจะมีบรรดาศิษย์ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ เช่น ชาวมาเลเซีย ชาวจีน ชาวสิงคโปร์ เดินทางมาเคารพร่างสังขารของหลวงปู่ทอง สุสังวโร จำนวนมากมาย เปรียบเสมือนท่านยังมีชีวิตอยู่ที่วัดสุวรรณาราม ประวัติของหลวงปู่ทอง สุสังวโร หลวงปู่ทอง สุสังวโร เกิดเมื่อวันเสาร์ เดือน 4 ปีระกา พ.ศ. 2452 เป็นบุตรของนายนวน และนางเภาทอง ห่อเพชร บิดาและมารดาของหลวงปู่ทอง มี บุตรด้วยกัน 3 คน คือ นายแดง นายทอง (หลวงปู่ทอง สุสังวโร) ส่วนคนที่ 3 นั้นเสียชีวิตตั้งแต่เด็กๆ เมื่อหลวงปู่ทอง สุสังวโร อายุได้ 3 ขวบ มารดา (นางเภาทอง ห่อเพชร) ได้ถึงแก่กรรม บิดา (นายนวน ห่อเพชร) พาไปฝากไว้กับลุงยอด กับป้าหนุ้ย เลี้ยงที่บ้านลุงและป้าของหลวงปู่ทอง สุสังวโร ด้านการศึกษา พออายุได้ 6 ขวบ ลุง ยอด ห่อเพชร ได้พาหลวงปู่ทองไปเข้าโรงเรียนที่วัดแม่เปียะ หลวงปู่ทองเรียนหนังสือยังมิได้จบชั้น ป.4 ป้าดำซึ่งเป็นญาติของหลวงปู่ทองอีกคนได้พาหลวงปู่ทองไปเรียน อยู่ที่บ้านไร่ คลองปอม ให้หลวงปู่ทองช่วยทำไร่จนอายุครบ 20 ปี บรรพชาและอุปสมบท ป้าดำได้พาหลวงปู่ทอง กลับมาบวชที่วัดแม่เปียะ ตำบลนาหม่อม อำเภอนาหม่อม จังหวัดสงขลา ในสมัยนั้น มีท่านพระคุณใช้ เป็นพระอุปัชฌาย์ บวชเมื่อ พ.ศ. 2473 ได้ฉายาว่า พระทอง ธรรมเสโน อยู่ที่วัดแม่เปียะไม่นาน หลวงพ่อลี ซึ่งเป็นคนแม่เปียะ บวชที่วัดแม่เปียะ แต่ได้ไปสร้างวัดอยู่ที่ประเทศมาเลเซีย ได้กลับมาเยี่ยมเยียนบ้าน พบหลวงปู่ทอง และได้ชวนหลวงปู่ทองไปอยู่ที่ประเทศมาเลเซีย ณ วัดสีตะวัน ปัจจุบัน เรียกวัดบุญญาราม หรือวัดธรรมนุ่ม คนจีนจะเรียกวัดธรรมบุญ อยู่ที่รัฐอีโป ประเทศมาเลเซีย หลวงปู่ทอง สุสังวโร อยู่ที่วัดบุญญารามได้ไม่นาน พ่อท่านเพชร สิ้นบุญ (มรณภาพ) ที่วัดแม่เปียะ เผาศพพ่อท่านเพชรที่ต้นโพธิ์ใกล้ๆ กับวัด นั่นเอง หลวงปู่ทอง สุสังวโร ได้เดินทางกลับมาที่วัดแม่เปียะ เมื่อหลวงปู่อง เดินทางมาแล้ว ก็ได้สร้าง กุฎิอยู่ที่ต้นโพธิ์ใกล้ๆ เมรุเผาศพของหลวงพ่อเพชร ต่อมามีโยมมาตามหาพ่อท่านเส้ง ซึ่งเป็นลูกศิษย์ของพ่อท่านฟลอย ซึ่งท่านเก่งในทางปฏิบัติวิปัสสนา และท่านเป็นคน บ้านดอน จังหวัดสุราษฎร์ธานี มาอยู่ที่วัดพลีควาย (วัดพรหมประดิษย์ฐาราม) เมื่อได้พบกันแล้ว หลวงปู่ทองได้ฟังคำสอนและนึกเลื่อมใสพ่อท่านเส้งๆ สืบหาโยมคนหนึ่ง คือ แม่ชีเนียม พ่อท่านเส้งได้เดินทางมาจังหวัดสงขลา ที่บ้านนายปรีดาได้เจอกับแม่ชีเนียมตอนเช้าออกมาบิณฑบาต พ่อท่านเส้งได้นิมนต์แม่ชีเนียมมาเทศน์ที่วัดพลีควาย เพราะว่ามีชีเนียมทานอาหารเจ ถือปฏิบัติเทศน์สอนประชาชนเก่งมาก ชื่อของแม่ชีเนียมโด่งดังมาก แม่ชีเนียมได้รับนิมนต์พ่อท่านเส้งมาเทศน์ที่ วัดพลีควาย หลวงปู่ทองไป ที่วัดพลีควายที่พ่อท่านเส้งอยู่ได้พบแม่ชีเนียมเป็นครั้งแรก ได้ถามความเป็นจนมาเป็นที่เข้าใจ ต่อจากนั้นไม่นานพ่อท่านเส้งก็กลับ จังหวัดสุราษฏร์ธานี หลวงปู่ทอง สุสังวโร ก็ออกธุดงค์ไปจังหวัดนครศรีธรรมราช อำเภอทุ่งสง และจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้พบกับพ่อท่านเส้งอีกครั้ง พ่อท่านเส้งลูบหลังหลวงปู่ทอง สุสังวโร 3 ครั้ง พร้อมกับให้พร แล้วกลับไปบ้านดอน หลวงปู่ทองได้เดินทางกลับนาม่วง อำเภอนาหม่อม จังหวัดสงขลา ได้พบกับแม่ชีเนียม ซึ่งกลับจากกรุงเทพมหานคร มาพร้อมกับนายคง แม่ชีเนียมได้ ถามหลวงปู่ทองว่าปีนี้ท่านจะจำพรรษาที่ไหน หลวงปู่ทองตอบว่าท่านจะจำพรรษาที่บ้านไร่ เพราะว่าเป็นบ้านเดิมของป้าดำผู้มีพระคุณ แม่ชีเนียมบอกหลวงปู่ทองว่าอย่าไป คนเดียว จะไม่สบาย แต่หลวงปูทองบอกว่ารับปากโยมไว้แล้วก็ต้องไป พอใกล้วันเข้าพรราาหลวงปู่ทองก็ล้มป่วย พระอุปัชฌาย์ช่วยรักษาจนหายจากอาการป่วย ที่วัดแม่เปียะ อำเภอนาหม่อม จังหวัดสงขลา หลวงปู่ทองได้ลาสิกขาบท ออกไปอยู่ที่บ้านของป้าดำ ต่อมาได้ลาป้าดำตั้งใจจะตามหาพ่อท่านเส้ง หลวงปู่ทองได้ไปหาแม่ชีเนียมในตัวเมือง สงขลา เมื่อไปถึงบอกความประสงค์กับแม่ชีเนียม แม่ชีบอกจะไปด้วยให้อยู่ที่นี่ก่อนแล้วค่อยไป ตั้งแต่นั้นมาก็อยู่กับแม่ชีเนียมตลอดมา หลวงปู่ทอง สุสังวโร บวชครั้งแรก 7 พรรษา พอสิ้นสงครามโลกครั้งที่ 2 ในปี พ.ศ. 2484 ช่วงนั้น หลวงปู่ทองได้ลาแม่ชีเนียมมาที่นาม่วง อำเภอนาหม่อม จังหวัดสงขลาอีกครั้ง ต่อมาได้อุปสมบทเป็นครั้งที่ 2 ณ พัทสีมาวัดทุ่งฆ้อโฆษิตาราม มีพระครูวิจารย์ธรรมโฆษิต (แช่ม) เป็นพระอุปัชฌาย์ ท่านสุกแก้ว วัดพลีควาย เป็นพระคู่ สวด กำนันผ่อง เป็นเจ้าภาพฝ่ายรับรอง ประมาณ พ.ศ. 2485 อยู่จำพรรษา 1 พรรษา แล้วไปอยู่ที่วัดพลีควายได้ออกธุดงค์ไปเกาะแก้วพิศดาร จังหวัดภูเก็ต จังหวัดสุราษฎร์ ธานี จังหวัดชุมพร จังหวัดสุโขทัย ในสมัยนั้น การเดินทางแสนลำบากสองข้างทางเต็มไปด้วยป่าเขาและสัตว์ดุร้าย แต่หลวงปู่ทอง ท่านไม่เคยกลัว ท่านเดินทางกลับจาก การธุดงค์ก็มาจำพรรษาอยู่ที่พรุเกษา อำเภอนาหม่อม จังหวัดสงขลา ต่อมาออกจากพรุเกษาก็ก็มาอยู่วัดกลางใจงาม (ปัจจุบันเป็นที่ตั้งอำเภอนาหม่อม) พอได้ 7 พรรษา ไป อยู่ที่ป่าบ้านนา 2 พรรษา และไปอยู่ที่ป่าช้าวัดโคกนาว อยู่ตรงข้ามมหาวิทยาลัย มอ. หาดใหญ่ ในสมัยก่อนเป็นเป็นป่าช้าใหญ่มาก วันที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2501-2502 ออกพรรษาไปอยู่บ้านนาทองสุก ตำบลทุ่งขมิ้น อำเภอนาหม่อม จังหวัดสงขลา อยู่ได้ 9 พรรษา ก็ได้กลับมาอยู่ที่ป่าช้าวัดโคกนาวอีก ครั้งต่อมาได้ออกจากป่าช้าโคกนาว และ ได้ไปอยู่ที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี 1 ปี หลวงปู่ทองได้กลับมาที่เขารูปช้าง อยู่ได้ 6 พรรษา แล้วมาอยู่ที่ต้นแซะ (ปัจจุบันเป็นสำนักสงฆ์ต้นแซะ ใกล้วัดปาดังเบซาร์ อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา) อยู่ได้ 2 พรรษา มีพระธุดงค์แนะนำให้ไปหมู่บ้านกระเหรี่ยวแถวจังหวัดเพชรบุรี หลวงปู่ทองเกิดล้มป่วยเป็นไข้ป่าเกือบเอาชีวิตไม่รอด จึงได้ธุดงค์กลับจาก หมู่บ้านกระเหรี่ยง เมื่อกลับมาทุกคนช่วยกันรักษาหลวงปู่ทอง สุสังวโร จนหายจากอาการป่วย ด้วยโรคไข้ป่า หลวงปู่ทอง สุสังวโร ได้พบญาติ คือ นายแคล้ว อยู่บ้าน ควนโตน ซึ่งเป็นญาติในฐานะน้องชาย อยู่ได้ไม่กี่วันจึงชวนสามเณร ที่มาพร้อมกับหลวงปู่ทอง ธุดงค์มาที่ป่ากอ ซี่งเป็นที่ของนายแดง หลวงปู่ทอง สุสังวโร จึงได้จำวัดที่ ป่ากอ ที่บริเวณป่ากอนี้สมัยก่อน เคยเป็นวัด มีพ่อท่านองค์หนึ่งและสามเณรมาอยู่ในสมัยก่อน เสือได้กินสามเณร พ่อท่านเลยไปจากป่ากอ ต่อมาได้มีนายแดง เป็นคนหนุ่มโสด ยังไม่มีครอบครัว เพื่อนบ้านเรียกว่าท่านแดง ได้พาหลานชื่อ นายสี อินอุทัย มาอยู่ด้วย ตั้งรกราก ช่วยกันทำมาหากิน มีต้นไผ่อยู่หลายกอ พันธุ์ไม้อื่นๆ อีกจำนวนมาก หากใคร เข้ามาส่วนใหญ่จะหลงทาง เดินทางกลับไม่ถูก หลวงปู่ทอง สุสังวโร รู้ประวัติที่นี่ดี จึงเรียกนายแดง มาคุยเพื่อปลูกศาลา เมื่อหลวงปู่ทอง กลับจากธุดงคร์จะได้มาพักผ่อน และได้อยู่ใกล้ลูกหลาน เพราะว่าเป็นบ้านเกิด นายแดงได้ยกที่ดินให้ประมาณ 3 ไร่ ในปี พ.ศ. 2518 หลวงปู่ทอง สุสังวโร ได้มาจำพรรษาที่วัดป่ากอ เป็นครั้งแรก จึงได้ถือ กำเนิดสำนักสงฆ์ป่ากอขึ้นในปีนี้เอง ผลงานและการกุศล ในชีวิตสมณเพศของหลวงปู่ทอง สุสังวโร ได้ใช้ชีวิตคุ้มค่าในการปฏิบัติธรรมและบำเพ็ญประโยชน์แก่พระพุทธศานา และประเทศชาติ ในปี พ.ศ. 2542 ได้ช่วยทางราชการเพื่อการกุศล ดังนี้ - ซื้อที่ดินบ้านชายนา ให้ผู้ใหญ่บ้านทวี รับมอบและสร้างศาลาพักร้อน - ซื้อเครื่องเอ็กซเรย์ มอบให้โรงพยาบาลกองบิน 56 อำเภอคลองหอยโข่ง จังหวัดสงขลา - ช่วยเหลือชาติ มอบเงินให้นายชวน หลีกภัย (ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น) เป็นผู้รับมอบ - สร้างที่พักสายตรวจให้ สภอ.นาหม่อม อำเภอนาหม่อม จังหวัดสงขลา - บริจาควัสดุอุปกรณ์ให้แก่โรงพยาบาลนาหม่อม อำเภอนาหม่อม จังหวัดสงขลา ความศรัทธาของชาวต่างชาติ หลวงปู่ทอง สุสังวโร เป็นพระปฏิบัติเช่นเดียวกับพระนักปฏิบัติโดยทั่วไป ความศรัทธาของ ประชาชน ชาวต่างชาติ ส่วนใหญ่เกิดจากการที่ได้ฟังธรรมะของหลวงปู่ทอง ท่านจะแสดงธรรมง่ายๆ ให้นำไปปฏิบัติ เมื่อผู้ฟังนำไปปฏิบัติแล้วก็เกิดผล จึงทำให้ประชาชน ชาวต่างชาติดได้ทราบกิตติศัพท์ ของหลวงปู่ทอง สุสังวโร พากันเดินทางไปนมัสการและฟังธรรมกันจนวัดป่ากอสุวรรณารามเปลี่ยนแปลงจากสำนักสงฆ์ที่ไม่มีถาวรวัตถุ จนเวลานี้มีกุฎิ ศาลา และอาคารก่อสร้างต่างๆ เพิ่มขึ้นอีกมากมายด้วยแรงศรัทธา จากประชาชนชาวไทยและชาวต่างชาติ ซึ่งชาวต่างชาติที่เข้ามากราบไหว้หลวงปู่ทอง ได้แก่ ชาวมาเลเซีย ชาวสิงคโปร์ ชาวจีนและชาวอินโดนีเซีย
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    เหรียญหลวงปู่ทอง วัดป่ากอ สงขลา ให้บูชา200บาทครับค่าจัดส่งEMS50 บาทครับ

    %E0%B8%A5%E0%B8%9B-%E0%B8%97%E0%B8%AD%E0%B8%87-jpg.jpg %E0%B8%A5%E0%B8%9B-%E0%B8%97%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%87-jpg.jpg
     
  7. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,708
    ค่าพลัง:
    +21,337
    เบอร์บัญชีผมครับ
    เบอร์บัญชีธ.กรุงไทย KTB125-0-08923-9 supachai thu

    โอนเงินแล้วช่วยแจ้งวันเวลาที่โอนในกระทู้เพื่อง่ายในการตรวจสอบ หรือทางPMไม่ต้องโพสหลักฐานให้เสียเวลา สมัยนี้โลกออนไลน์ตรวจสอบง่ายหลอกกันยาก แล้วจะรีบดำเนินการจัดส่งEMSไปให้โดยด่วนนะครับ..หลายรายการก็ค่าจัดส่งEMS 50 บาทครับ

    ติดต่อได้ที่ 08..1.70..4..72..64
     
  8. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,708
    ค่าพลัง:
    +21,337
    get_auc3_img-jpg-jpg.jpg
    upload_2019-7-23_14-22-54-jpeg-jpg.jpg
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ


    เหรียญรุ่นแรกหลวงพ่อฤาษีสมชาย วัดโหง่นขาม อุบลราชธานี

    ให้บูชา2,000บาทครับ


    e0-b8-ad-e0-b8-aa-e0-b8-a1-e0-b8-8a-e0-b8-b2-e0-b8-a2-jpg-jpg.jpg 0-b8-ad-e0-b8-aa-e0-b8-a1-e0-b8-8a-e0-b8-b2-e0-b8-a2-e0-b8-ab-e0-b8-a5-e0-b8-b1-e0-b8-87-jpg-jpg.jpg
     
  9. ลืมจัง

    ลืมจัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    325
    ค่าพลัง:
    +822
    จองครับ
     
  10. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,708
    ค่าพลัง:
    +21,337
    ชีวประวัติ ( หลวงพ่ออุ้น ) สุขกาโม


    823-22e4-jpg.jpg



    นามเดิม : อุ้น อินพรหม

    สมณศักดิ์ : พระครูวินัย วัชรกิจ เจ้าอาวาสวัดตาลกง อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี

    ชาติภูมิ : กำเนิดเมื่อวันที่ 9 มีนาคม พ.ศ.2459 ( แรม 2 ค่ำ เดือน 4 ปี มะโรง ) เป็นบุตรคนโต ในจำนวนพี่น้อง 8 คน คือ
    1.ลพ.อุ้น
    2.นายอิ่น
    3.นายเอื่อน
    4.นายพวง
    5. นายแดง
    6.นางพุด
    7.นางเพี้ยน
    8.นางพ้วน
    ของโยมบิดา บุญ อินพรหม โยมมารดา เล็ก อินพรหม ณ บ้านหนองหินถ่วง ต.มาบปลาเค้า อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี

    เริ่มการศึกษาเบื้องต้น หนังสือไทย ขอม ที่วัดไสค้าน จนกระทั่งจบการศึกษาภาคบังคับ แล้วมาช่วยเหลือ บิดามารดาประกอบอาชีพในด้านเกษตรกรรม



    อุปสมบท : เมื่ออายุ 20 ปี วันที่ 21 ก.ค.2479
    ณ พัมธสีมา วัดตาลกง โดยมีพระอธิการชัน
    วัดมาบปลาเค้า เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอธิการผิว
    วัดตาลกง เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระอธิการขาว
    วัด อินจำปา เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับสมณฉายา
    ว่า " สุขกาโม "



    การศึกษาพุทธาคม : ศึกษาข้อวัตรปฏิบัติ อยู่รับใช้ ลพ.ผิว วัดตาลกง ซึ่งเป็นอาจารย์ที่เชี่ยวชาญไสยศาสตร์
    เวทย์มนต์คาถาอาคม รุ่นราวคราวเดียว ( สหธรรมิก ) กับ ลพ.เพลิน วัดหนองไม้เหลือง ทั้งยังเก่งด้านวิปัสนา
    กรรมฐาน เมตตา อยู่ยงคงกระพัน ซึ่งใกล้ชิดกับ ลป.นาค วัดหัวหิน ทั้งเคยเดินทางไปศึกษาวิชาความรู้จาก ลป.นาค อยู่เป็นประจำ



    หลวงพ่อผิว ธมฺมสิริ เป็นพระเกจิทรงคุณวิเศษของเมืองเพชรบุรีในยุคนั้น แต่อุปนิสัยของท่านชอบอยุ่สันโดษ เก็บตัวเงียบ ไม่ยอมเปิดเผยว่ามีดีนานๆจะลง นะ ที่กระหม่อมให้ผู้ไปหาท่านสักครั้ง
    ชาวบ้านวัยชราอายุ 80 กว่า เล่าให้ฟังว่า ลพ.ผิวลง นะ ที่หัวให้ตัวเดียว มีคุณสารพัดอยู่ยงคงกระพันจนวันตาย คนเก่าๆแถวท่ายาง
    ต่างประจักษ์ในความคงกระพันชาตรีมาแล้วหลายราย ก่อนนี้มีไอ้หนุ่มวัยรุ่นมาติดพันสาวมาบปลาเค้า เข้าไปกราบนมัสการ ลพ.ผิว
    ขอให้ท่านลงนะที่กระหม่อมให้ ครั้นต่อมาไม่นานเขากลับมามาบปลาเค้าอีกครั้ง
    ถูกนักเลงเจ้าถิ่นแทงด้วยมีด ตีหัวด้วยท่อนไม้ ไม่ยักเป็นไร เลยฮึดสู้หนึ่งต่อสาม เล่นเอานักเลงเจ้าถิ่นต้องเปิดหนีกันจ้าละหวั่นไปเลย




    หลวงพ่ออุ้น เป็นที่โปรดปรานของ ลพ.ผิวมากๆ ได้รับการถ่ายทอดสรรพวิชาให้จนหมดสิ้น
    ในพรรษาต่อมา ลพ.อุ้่นเดินทางไปกราบนมัสการลพ.ทองศุข วัดโตนดหลวง ถวายตัวเป็นศิษย์เพื่อ
    เล่าเรียนฝึกปฏิบัติสมธกรรมฐาน วิปัสนากรรมฐานพุทธาคม โดยเรียนฝึกวิชากสิณจนชำนาญในกสิน 10 รวมทั้งตำรับตำราการทำผงเมตตาชั้นสูงด้วย



    หลวงพ่อทองศุข เห็นความมานะพยายามของ ลพ.อุ้น
    ประจวบกับ หลวงพ่อผิว ก็มีความคุ้นเคยกับ หลวงพ่อทองศุข มาก่อนแล้ว ท่านจึงรับไว้เป็นศิษย์ถ่ายทอดสรรถวิชาให้อย่างเต็มกำลัง
    อันที่จริงศิษย์ของ หลวงพ่อทองศุขมีหลายรูป ล้วนแต่มีชื่อเสียงทั้งสิ้น เช่น
    หลวงปู่คำ วัดหนองแก , หลวงพ่อยิด วัดหนองจอก , หลวงปู่นิ่ม วัดเขาน้อย
    หลวงพ่อพิมพ์มาลัย วัด หุบมะกล่ำ , หลวงพ่ออบ วัดถ้ำแก้ว
    หลวงพ่อแผ่ว วัดโตนดหลวง , หลวงพ่อแล วัดพระทรง เป็นต้น
    ก่อนที่จะศึกษาเล่าเรียนวิชา หลวงพ่อทองศุขได้ดูฤกษ์ยามก่อน แล้วนัดกำหนดวันให้ หลวงพ่ออุ้น เดินทางไปทำพิธีขึ้นครู หรือการยกครูมีขันธ์ 5
    ดอกไม้ ธูปเทียน บายศรี ทำพิธีขึ้นครู กล่าวได้ว่า ลพ.อุ้น เป็นศิษย์ผู้สืบทอดพุทธาคมจาก ลพ.ทองศุข โดยตรงอีกรูปหนึ่งอย่างแท้จริง ไม่ใช่เป็นการกล่าวอ้างครูบาอาจารย์อย่างเลื่อนลอย



    การเรียนวิชาอาคม ของ หลวงพ่ออุ้น ต้องเดินทางจากวัดตาลกงไปเรียนที่วัดโตนดหลวง ครั้งหนึ่ง
    พักอยู่ 15 วัน ไปกลับอย่างนี้เป็นประจำ ทั้งยังออกปริวาสกรรมร่วมกับหลวงพ่อทองศุข ขึ้นเขา
    ไปบำเพ็ญเพียรในป่าช้าก็บ่อยครั้ง มีอยู่ครั้้งหนึ่งได้พบกับ หลวงพ่อจัน วัดมฤคทายวัน ซึ่งเป็นญาติกับ หลวงพ่อทองศุข
    หลวงพ่อจัน เก่งวิชาสะกดชาตรี คือวิชาสะกดสัตว์ร้าย
    อยู่กับที่ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ เรียนมาจากพระภิกษุธุดงค์ชาวเขมร
    หลวงพ่อจัน ได้ถ่ายทอดวิชาสะกดชาตรีให้กับหลวงพ่ออุ้นเช่นกัน สำหรับวิชาที่โดดเด่นมากของ
    หลวงพ่อทองศุข ยากที่ศิษย์ผู้ใดจะได้รับการถ่ายทอด
    คือ " วิชาการทำผงพระจันทร์ครึ่งซีก " วิชา การทำผงพระจันทร์ครึ่งซีกเป็นอย่างไร ?
    ผงพระจันทร์ครึ่งซีก เป็นผงเมตตามหานิยมมีพุทธคุณอมตะล้ำลึกแต่ท่านยังไม่เคยนำเอาวิชา
    มาทำผงเลย เพราะสัจจะกฎสำคัญมากนอกจากนั้นยังได้รับการถ่ายทอดการทำผงอิทธิเจ ผงปถมัง ผงมหาราช และผงหน้าพระภักษ์ อันเป็นตำรับสุดยอดของ พระผงวัดนก จังหวัดอ่างทอง
    สำหรับตำราผงหน้าพระภักษ์ รู้ว่าปัจจุบันได้สูญหายไปจากวงการไสยศาสตร์นานแล้ว หากมีอยู่หรือเป็นมรดกแก่ผู้ใดบ้างก็คงมีน้อยเต็มที ที่จะรู้ได้



    อีกวิชาหนึ่ง ที่ได้รับการถ่ายทอดจากหลวงพ่อทองศุข คือ การสักยันต์คงกระพันชาตรี หลวงพ่ออุ้นเคยสักยันต์ให้ลูกศิษย์ไปหลายคน
    ล้วนแล้วแต่อยู่ยงคงกระพันชาตรี ภายหลังลูกศิษย์ของท่าน ( บางคน ) มีนิสัยเกเรสร้างความเดือดร้อนใจให้ผู้อื่น ท่านมาพิจารณาดูแล้ว
    เห็นเป็นการส่งเสริมให้คนประกอบมิจฉาชีพผิดคดีโลกคดีธรรม ตั้งแต่นั้นท่านเลิกสักยันต์โดยเด็ดขาด ส่วนใครที่อยากได้รับประสิทธิ์ประสาทอักขระเลขยันต์
    จากท่าน ก็เมตตาทำให้เพียงเป่ากระหม่อม หรือเจิมหน้าผากด้วยผงพุทธคุณเพื่อความเป็นศิริมงคล



    สำหรับ วิชา นะปัดตลอด นั้น หลวงพ่ออุ้นได้รับการถ่ายทอดเช่นเดียวกัน วิชานี้จะสังเกตุได้ถึงวัตถุมงคลสำนักวัดโตนดหลวง
    มียันต์นะปัดตลอด และ นะ ปถมังปรากฎอย่างชัดเจน รวมทั้งวัตถุมงคลศิษย์สาย หลวงพ่อทองศุขทุกรูป
    หลังจากนั้น ลพ.อุ้นได้ไปกราบนมัสการพระอธิการชัน วัดมาบปลาเค้า เพื่อขอศึกษาวิชาไสยศาสตร์ ด้านอยู่ยงคงกระพัน เสกลิงลม
    ขับคุณไสย วิชาทำตะกรุด ครูบาอาจารย์ของท่านมิใช่จะมีแต่บรรพชิตเท่านั้น แม้คฤหัสถ์ผู้ิเชี่ยวชาญอาคม ท่านก็ยังขอเล่าเรียนเช่นกัน อย่างเช่น
    อาจารย์โม หมอสักชาวเพชรบุรีมีชื่อเสียงโด่งดังทีสุดในยุคนั้น
    หลวงพ่ออุ้น ได้ไปขอเรียนวิชาจากอาจารย์โมแม้ ลพ.ไสว วัดปรีดาราม ( มรณภาพไปแล้ว )

    ก็เคยไปเรียนวิชาการสักยันต์มาเหมือนกันจากนั้น ลพ.อุ้นไปเรียนวิชาทำสีผึ้งเมตตามหานิยมวิชาลงเลขยันต์ ลงสมุนไพร ตำราสมุนไพรจากหมอฉ่ำ
    หมอไสยศาสตร์ ชาวท่ายาง อันที่จริงโยมพ่อบุญ อินพรหม บิดาของ ลพ.อุ้นก็เชี่ยวชาญเป็นหมอไสยศาสตร์ มีความรู้เรื่องยาโบราณ
    ทั้งตำรายาโบราณที่ตกทอดมาแต่ยุคก่อนจำนวนมาก โดยเฉพาะตำราทำผงยาเพชรบุรี ซึ่ง ลพ.อุ้น ได้รับสืบทอดมาด้วยเช่นกัน
    ว่ากันว่า ผงยาเพชรมณีหรือเพชรจินดา เป็นตำรายาหัวใจ ยาลม ยาอายุวัฒนะที่ดีมาก มีคุณสมบัติพิเศษไม่แตกต่างกับผงยาจินดามณี
    ของหลวงปู่บุญมากนักหรืออาจเป็นตำราสูตรเดียวกัน มาแต่โบราณก็เป็นได้



    ปฏิปทาศีลวัตร
    หลวงพ่ออุ้น เป็นพระที่มีอัธยาศัยไมตรีเปี่ยมด้วยเมตตาถือสัจบารมีเป็นที่ตั้ง ปฏิปทาศีลวัตรงดงามบริสุทธิ์
    เสมือนทองทั้งแท่ง ท่านใฝ่ใจในเรื่องที่เป็นวัฏสงสาร การเกิดแก่เจ็บตาย บุญกรรมสิ่งลี้ลับ ธรรมชาติ
    โดยเฉพาะเรื่องเวทมนต์ถาถาอาคมอักขระเลขยันต์ เป็นพิเศษ ซึ่งมีอุปนิสัยใจคอมาตั้งแต่วัยเด็ก
    จึงเป็นแรงจูงใจให้ใฝ่ศึกษาเล่าเรียนรู้แล้วปฏิบัติให้เข้าถึงรู้แจ้งเห็นจริง ผู้ใกล้ชิดหลวงพ่ออุ้น
    ต่างรุ้กันดีว่าท่านไม่ใช่พระธรรมดาหรือเป็นพระธรรมดา ที่ยิ่งกว่าธรรมดา มีญาณสมาบัติสูง มีสมาธิจิตแก่กล้า
    หยั่งรู้อนาคต แม้กรวดหินแร่ธาตุต่างๆท่านหยิบผ่านมือแล้วมอบให้แก่ใครก็มีอานุภาพพุทธคุณอย่างน่าอัศจรรย์
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    พระสมเด็จโครงเว้าหลวงพ่ออุ้น วัดตาลกง วัดศาลเจ้าให้บูชา 200 บาทค่าจัดส่งEMS50บาทครับ

    %E0%B8%A5%E0%B8%9E-%E0%B8%AD%E0%B8%B8%E0%B9%89%E0%B8%99-jpg.jpg %E0%B8%A5%E0%B8%9E-%E0%B8%AD%E0%B8%B8%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%87-jpg.jpg
    5%E0%B8%9E-%E0%B8%AD%E0%B8%B8%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87-jpg.jpg
     
  11. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,708
    ค่าพลัง:
    +21,337
    วันนี้จัดส่ง

    EI 3810 0897 7 TH พระโขนง

    ขอบคุณครับ
     
  12. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,708
    ค่าพลัง:
    +21,337
    เบอร์บัญชีผมครับ
    เบอร์บัญชีธ.กรุงไทย KTB125-0-08923-9 supachai thu

    โอนเงินแล้วช่วยแจ้งวันเวลาที่โอนในกระทู้เพื่อง่ายในการตรวจสอบ หรือทางPMไม่ต้องโพสหลักฐานให้เสียเวลา สมัยนี้โลกออนไลน์ตรวจสอบง่ายหลอกกันยาก แล้วจะรีบดำเนินการจัดส่งEMSไปให้โดยด่วนนะครับ..หลายรายการก็ค่าจัดส่งEMS 50 บาทครับ

    ติดต่อได้ที่ 08..1.70..4..72..64
     
  13. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,708
    ค่าพลัง:
    +21,337
    showimage-jpg.jpg

    ชีวประวัติพระครูมงคลนวการ (หลวงพ่อฉาบ มงฺคโล)ชาติภูมิหลวงพ่อฉาบ มงฺคโล มีนามเดิมว่า ฉาบ ด้วงดาราถือกำเนิดวันอาทิตย์ที่ 19 สิงหาคม พ.ศ.2471 เป็นบุตรคนโต ในจำนวนพี่น้อง 7 คนด้วยกันคือ 1.หลวงพ่อฉาบ 2.นายเอิบ 3.นายสังวาล 4.นายประสงค์ 5.นายถวิล 6.นายปุ่น 7.นางสมนึก ของโยมพ่อเน่า และโยมแม่สมบุญ ณ บ้านเลขที่ 27 ต.ต้นโพธิ์ อ.เมือง จ.สิงห์บุรี จบการศึกษาชั้นป.4 ที่โรงเรียนวัดศรีสาคร อาชีพทำนา
    หลวงพ่อ ฉาบ มงฺคโล ในวัยเด็กตอนยังเป็นฆาราวาส เป็นคนถือสัจจะเป็นใหญ่มีความตั้งใจพูดจริงทำจริงและสนใจในเวทย์มนต์คาถา มักชอบไปกราบนมัสการหาพระอยู่เสมอ ในปีพ.ศ.2485 หลวงพ่อแช่ม อินทโชโต แห่งวัดตาก้อง อ.เมือง จ.นครปฐม ท่านได้สร้างเหรียญรุ่นแรกของท่านขึ้น ได้แจกให้คณะศิษยานุศิษย์ ทายกทายิกาที่ร่วมทำบุญมาทำการทอดกฐินยังวัดศรีสาครและได้มาพำนักอยู่ที่วัด ศรีสาครเป็นเวลาถึง 6 เดือน เพราะท่านขอบพอสนิทกับหลวงพ่อดี เจ้าอาวาสวัดศรีสาครในสมัยนั้น หลวงพ่อฉาบ ในวัยเด็กขณะนั้นอายุได้ 14 ปี มีความศรัทธาเลื่อมใสหลวงพ่อแช่มมาก ได้มากราบนมัสการหลวงพ่อแช่มบ่อยครั้ง และได้ขอฝากตัวเป็นศิษย์ขอเล่าเรียนวิชาคาถาอาคมต่าง ๆ ในลำดับแรกหลวงพ่อแช่มได้สอนให้เรียนรู้ทางด้านการปฏิบัติจิต สมถกรรมฐาน และวิปัสสนากรรมฐาน ให้จิตนิ่งเป็นสมาธิก่อน และหลังจากทำกรรมฐานและวิปัสสนาอยู่ 3 เดือน หลวงพ่อแช่ม ก็ได้สอนวิชาคาถาอาคมต่าง ๆ ให้ ในปีพ.ศ.2486 หลวงพ่อแช่ม ก็ได้กลับไปวัดตาก้อง หลังจากนั้นในปีพงศ.2488 หลวงพ่อแช่มได้มาพำนักที่วัดศรีสาครอีกครั้งหนึ่ง เป็นเวลา 25 วัน หลวงพ่อฉาบ ตอนนั้นอายุได้ 17 ปี ได้เข้าพบรับใข้และเล่าเรียนสอบถามวิชาไสยเวทย์พร้อมให้หลวงพ่อแช่มช่วย ทบทวนวิชาคาถาที่เล่าเรียนจนสามารถปฏิบัติได้ตามคำสอนอย่างดี แล้วหลวงพ่อแช่มก็เดินทางกลับวัดตาก้อง ต่อมาในปีพ.ศ.2490 หลวงพ่อแช่ม ท่านก็ได้ละสังขารมรณภาพลงในปีนั้น
    ครั้นเมื่ออายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ได้อุปสมบท ณ พัทธสีมา วัดศรีสาคร เมื่อวันที่ 16 เมษายน พ.ศ.2491 โดยมีพระครูเกศิวิกรม (หลวงพ่อทรัพย์ ฐิตปญฺโญ) เจ้าอาวาสวัดสังฆราชาวาส เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์ประทุม เจ้าอาวาสวัดสว่างอารมณ์เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอธิการฉ่ำ เจ้าอาวาสวัดตึกราชาวาสเป็นพระอนุสาวนาจารย์ อุปสมบทเป็นพระภิกษุแล้วได้รับฉายาว่า มงฺคโล เมื่อได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุแล้วได้ตั้งจิตมั่นได้กล่าวคำสัจจะวาจาบอกกล่าว ต่อโยมบิดามารดาของท่านว่า เมื่อฉันได้บวชเรียนเป็นภิกษุแล้วจะขอรับใช้พระพุทธศาสนาตลอดชีวิต โยมพ่อและโยมแม่ก็ไม่ได้ทักทวงแต่ประการใด เมื่ออุปสมบทแล้วได้จำพรรษาอยู่ที่วัดศรีสาคร 2 พรรษา ได้เรียนพระธรรมวินัยไปศึกษาวิปัสสนากรรมฐานและพุทธาคมจากหลวงพ่อทรัพย์ ฐิตปญฺโญ ซึ่งองค์นี้เป็นศิษย์ของหลวงพ่อพูล (เจ้าอาวาสองค์ก่อน) วัดสังฆราชาวาส ซึ่งเป็นสหายธรรมของหลวงพ่อเชย วัดท่าควาย และหลวงพ่อเภา วัดถ้ำตะโก เหรียญรุ่นแรกของหลวงพ่อพูล วัดสังฆราชาวาสเป็นเหรียญยอดนิยมของชาวเมืองสิงห์บุรีมีค่านิยมหลักหมื่น ถือว่าเป็นสุดยอดเหรียญที่ศักดิ์สิทธิ์และคงกระพัน หลังจากหลวงพ่อฉาบได้ศึกษาวิชาจากหลวงพ่อทรัพย์แล้ว ก็ได้ปรึกษาหลวงพ่อทรัพย์ในการปฏิบัติกิจแห่งธุดงค์วัตร ก็ได้รับการแนะนำสั่งสอนอย่างดี
    ในปีพ.ศ.2493 โดยมุ่งสู่จังหวัดลพบุรีดินแดนซึ่งเคยเป็นอาณาจักร ลวปุระ (ละโว) อันรุ่งเรืองเกรียงไกรมาแล้ว หลวงพ่อฉาบได้เดินธุดงค์ไปยังถ้ำตะโก เพื่อจะไปหาความสงบวิเวก เมื่อถึงถ้ำตะโกมาทราบว่าหลวงพ่อเภา วัดถ้ำตะโกพุทธโสภา ท่านได้ละสังขารมรณภาพไปแล้ว ก็ได้พบกับหลวงพ่อคง คงฺคปัญโญ เจ้าอาวาสวัดถ้ำตะโก ศิษย์เอกหลวงพ่อเภา ซึ่งได้รับสืบทอดวิชาวิปัสสนากรรมฐานและไสยเวทย์ต่าง ๆ จากหลวงพ่อเภาทั้งหมด หลวงพ่อฉาบจึงได้เข้าฝากตัวเป็นศิษย์เรียนวิชาต่าง ๆ ของหลวงพ่อเภา วัดถ้ำตะโก จากหลวงพ่อคง คงฺคปัญโญ เจ้าอาวาสวัดถ้ำตะโกพุทธโสภา จากนั้นหลวงพ่อฉาบก็เดินทางมุ่งไปสู่วัดเขาสาริกา เพื่อจะไปศึกษาธรรมกรรมฐานจากหลวงพ่อกบ ก็ปรากฎว่าได้มรณภาพไปแล้วเช่นกัน จึงได้มาปฏิบัติธรรมที่วัดเขาวงกฎ วัดเขาวงกฎอยู่ติดกับวัดเขาสาริกาอยู่คนละฝางเขา ที่วัดเขาวงกฎแห่งนี้ตั้งอยู่ที่สนามแจง ต.สนามแจง อ.บ้านหมี่ จ.ลพบุรี เป็นวัดที่ตั้งอยู่ในวงล้อมของเขา เป็นลักษณะหุบเขาเปิด มีทางเข้าออกทางเดียว เมื่อปีพ.ศ.2465 หลวงพ่อเภา พุทธสโร วัดถ้ำตะโกธุดงค์มาพบสถานที่แห่งนี้เข้าเห็นว่าเหมาะแก่การอบรมสมถกรรมฐาน และเจริญวิปัสสนากรรมฐานมาก จึงได้ทำการก่อสร้างให้เป็นวัดโดยสมบูรณ์แบบ มีถ้ำคูหาสวรรค์อยู่ที่เชิงเขาด้านทิศเหนือ ซึ่งหลวงพ่อเภาจะจำพรรษาและทำความเพียรในถ้ำคูหาสวรรค์แห่งนี้ ต่อมากรมพระนครสวรรค์ พระองค์เจ้าบริพัตรสุขุมพันธ์เสด็จมาที่เขาวงกฎได้พบหลวงพ่อเภา ทรงเลื่อมใสในปฏิปทาและแนวทางในการปฏิบัติของหลวงพ่อ จึงได้ถวายปัจจัยให้ก่อสร้างวัด หลวงพ่อเภาได้สร้างกุฏิขึ้นหน้าถ้ำคูหาสวรรค์ให้ชื่อว่า "ตึกบริพัตร" ตามนามของผู้บริจาค และหลวงพ่อเภาได้มาจำพรรษาที่กุฏินี้ตลอดมา หลังจากหลวงพ่อเภาได้มรณภาพในปีพ.ศ.2474 ที่วัดแห่งนี้ในปีหนึ่งจะมีพระสงฆ์มาจากวัดต่างๆ ทุกภูมิภาคมาปฏิบัติธรรมที่วัดเขาวงกฎแห่งนี้ หลวงพ่อฉาบได้มาปฏิบัติธรรมได้พบกับ พระมหาชวน มลิพันธ์ (หลวงพ่อโอภาสี) หลวงพ่อฉาบได้พบหลวงพ่อโอภาสี เล่าเรื่องมีความศรัทธาหลวงพ่อกบ วัดเขาสาริกา แต่มารู้ภายหลังว่าท่านได้มรณภาพไปแล้วด้วยความตั้งใจมุ่งหวังจะศึกษาวิชา ต่าง ๆ จากท่าน ก็ได้รับคำแนะนำจากหลวงพ่อโอภาสี ซึ่งเป็นศิษย์ที่รับการถ่ายทอดวิชามาหลวงพ่อกบ วัดเขาสาริกา หลวงพ่อฉาบจึงขอฝากตัวเป็นศิษย์หลวงพ่อโอภาสี ขอศึกษาวิชากสิณต่าง ๆ และไสยเวทย์ หลวงพ่อโอภาสีได้ฝึกสอนวิชาต่าง ๆ ให้เช่นกสิณไฟ และคาถาอาคมต่างๆ ให้หลวงพ่อฉาบจำนวนมากและยังได้ชักชวนนิมนต์ให้หลวงพ่อฉาบเดินทางไปพบท่าน ที่อาศมบางมดกรุงเทพฯ ในครั้งนั้นที่วัดเขาวงกฎหลวงพ่อฉาบยังได้พบปะรู้จักเป็นสหายธรรมกับหลวงพ่อ ชา สุภัทโท แห่งวัดหนองป่าพง จังหวัดอุบลราชธานี ก็ได้เดินทางมาปฏิบัติธรรมที่วัดเขาวงกฎแห่งนี้ด้วย ได้ปฏิบัติธรรมร่วมกันได้ขอศึกษาแลกเปลี่ยนวิชาไสยเวทย์ต่าง ๆ กับหลวงพ่อชา สุภัทโท  หลวงพ่อชาเกิดปีพ.ศ.2471 ปีเดียวกับหลวงพ่อฉาบ มงฺคโล หลวงพ่อชาท่านได้ละสังขารไปแล้วเมื่อปีพ.ศ.2536 ร่วมสิริอายุได้ 65 ปี หลวงพ่อฉาบอยู่ปฏิบัติธรรมเป็นเวลา 45 วัน ก็ได้เดินทางกลับไปยังวัดถ้ำตะโกอีกครั้งหนึ่ง ได้พำนักอยู่ที่วัดถ้ำตะโกพบปะใกล้ชิดกับหลวงพ่อคงอีกครั้งก็มาศึกษาพบว่า ที่วัดถ้ำตะโกแห่งนี้อยู่ในบริเวณดอยเขาเทือกเขาเดียวกับวัดต่าง ๆ อีกถึง 3 วัดรวมดอยนี้มีวัดถึง 4 วัดคือ วัดเขาสมอคอน วัดถ้ำช้างเผือก วัดถ้ำตะโก และวัดบันไดสามแสน ในอดีตตั้งแต่ยุคสมัยทวาราวดีเป็นต้นมา ดอยเทือกเขานี้มีความสำคัญมากมีถ้ำใหญ่น้อยเป็นร้อย ๆ ถ้ำ เป็นที่อยู่ของผู้ทรงศีล สมณะ ฤาษี พราหมณ์ เป็นแห่งกำเนิดของวิชาไสยเวทย์มนต์คาถาแหล่งรวมวิชาไสยศาสตร์ เช่นวิชาขอมดำดิน ก็ก่อเกิดในที่แห่งนี้เป็นตรรกศิลาแห่งไสยศาสตร์และเวทย์มนต์ วัดเขาสมอคอนเป็นวัดอยู่ต้นดอย มีถ้ำพระนอนและที่พำนักของฤาษีสุกกะทันตะและ ถ้ำพราหมณี พ่อขุนรามคำแหงมหาราช กษัตริย์แห่งกรุงสุโขทัยก็มาศึกษาที่แห่งนี้ นับว่าเป็นแหล่งรวมศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ หลวงพ่อฉาบ ก็ได้เดินทางมาที่วัดเขาสมอคอน เข้ากราบนมัสการฝากตัวขอเป็นศิษย์เล่าเรียนวิชาจากหลวงพ่อบุญมี อิสสรโร ศิษย์ผู้รับการสืบทอดวิชาไสยเวทย์จากหลวงพ่อพระครูปัชฌาย์ก๋ง จฺนทสโร พระอุปัชฌาย์ก๋ง มีวิชาไสยเวทย์มากมายได้จากตำราเก่าอักขระยุคขอม
    ท่าน เก่งมากเหรียญรุ่นแรกของท่านชาวลพบุรีเล่นหากันหลักแสนจะขอย้อนกล่าวถึงความ เป็นมาของเทือกเขาสมอคอน ที่เป็นที่ตั้งของวัดเขาสมอคอนอยู่บนดอยสำคัญที่ได้กล่าวมาให้ทราบถึงความ เป็นมาดังนี้ เทือกเขาสมอคอนหรือเรียกดอยธัมมิกราช ดอยธัมมิกราชวิทยาลัยราชะแห่งยุวทวาราวดี ดอยธัมมิก สาเหตุที่มีชื่อเรียกอย่างนี้เนื่องมาจาก สุกกทันตฤาษี (สุทันตะฤาษี)ในหนังสือชินกาลมนีกล่าวว่าสุกกทันตฤาษีำพำนัก ณ ดอยธัมมิก(เขาสมอคอน) อยู่ทางทิศใต้ของกรุงหริภุญชัย (ลำพูน) ในสมัยพระเจ้าจักรวัตติราช แห่งกรุงละโว้ สุกกทันตฤาษี ในสมัยนั้นย่อมเป็นที่รู้จักต่อฝูงชนหมู่คณาจารย์ และบรรดากษัตริย์ต่าง ๆ ทั่วทุกแคว้น ดอยธัมมิกราช เป็นดอยที่มีประวัติศาสตร์ความเป็นมาเกี่ยวข้องกับกษัตริย์ในสมัยทวาราวดี เพราะทั้งภาษาหนังสือและความหมายเป็นภาษาชั้นสูงของผู้คงแก่เรียนที่ได้รู้ ในทางพระพุทธศาสนาอย่างมาก จึงสถาปนายอดดอยแห่งนี้เป็นที่ปฏิบัติธรรมของบรรดาฤาษีและผู้มีบุญหนัก ศักดิ์ใหญ่หรืออีกนัยหนึ่งว่าเจ้ากรุงละโว้ทรงเป็นเอกอัครศาสนูปถัมภก พระพุทธศาสนา จนได้สมญาพระนามว่าพระเจ้าธัมมิกราช ความสำคัญของดอยธัมมิกราช เขาสมอคอนได้สมญานามว่าวิทยาลัยแห่งราชา ยุคทวาราวดียอมเป็นที่แน่นอนที่สุดที่บรรดาพระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงดัง เรื่องไสยเวทย์เข้มขลังเป็นที่ยอมรับในสมัยเก่าก่อนมากกว่า 150 ปีขึ้นไปนั้นส่วนใหญ่จะได้รับการสืบทอดเผยแพร่วิชาไสยเวทย์ มาจากแหล่งกำเนิดวิชาจากดอยธัมมิกราชแห่งนี้ทั้งสิ้น
    หลวงพ่อฉาบ ได้เข้าจากธุดงค์ครั้งที่ 2 แล้ว ก็อยู่แต่ภายในวัดศรีสาครไม่ได้เดินทางไปไหนอีกเลยท่านปิดกุฏิเป็นเวลานาน มุ่งบำเพ็ญกรรมฐานและสมาธิวิปัสสนากรรมฐานอยู่เป็นเวลาหลาย 10 ปี ในแต่ละวันจะเปิดกุฎิรับญาติโยมและพุทธศาสนิกชนเพียงบางเวลาเท่านั้นท่านไม่ มีโทรทัศน์, วิทยุปิดกุฎิไม่รับรู้เรื่องภายนอกแต่ท่านก็รอบรู้เหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นได้ดี ท่านจะเน้นเรื่องกรรมบางครั้งสิ่งที่เป็นกรรมเหตุจะเกิดก็ไม่อาจเลี่ยงได้ ต้องปล่อยให้เป็นไปตามกรรมคุณสุนทร คนที่ดูแลหลวงพ่อคุยให้ฟังว่าหลวงพ่อจะพูดถึงหลวงพ่อชา สุภัทโท อยู่เสมอ เหมือนท่านได้นั่งสมาธิส่งกระแสจิตถึงกันเหมือนติดต่อกันทางจิตในวันที่หลวง พ่อชาได้ละสังขารลง หลวงพ่อฉาบได้รีบเดินทางล่วงหน้าไปยังวัดหนองป่าพงและหลวงพ่อฉาบได้ไปร่วมใน งานพระราชทานเพลิงศพในครั้งนั้นด้วยหลวงพ่อฉาบได้ศึกษาไสยเวทย์และคาถาต่าง ๆ จากพระเกจิอาจารย์และพระคณาจารย์ที่มีชื่อเสียงจำนวนมากอีกทั้งท่านได้ ปฏิบัติดีและประพฤติชอบตามพระธรรมวินัยคำสั่งสอนขององค์สัมมาสัมพุทธเจ้า ย่อมเป็นที่ยอมรับนับถือของชาวพุทธและชาวจังหวัดสิงห์บุรีอีกทั้งจังหวัด ใกล้เคียงอีกจำนวนมาก

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมุลที่มาอย่างสูงครับ

    เหรียญรุ่น๒หลวงพ่อฉาบวัดศรีสาคร หลังอรหังไทย สภาพผิวหิ้ง สร้างน้อย นิยมในเหล่าลุกศิษย์ ให้บูชา2000บาทครับ

    %E0%B8%A5%E0%B8%9E-%E0%B8%89%E0%B8%B2%E0%B8%9A-jpg.jpg %E0%B8%A5%E0%B8%9E-%E0%B8%89%E0%B8%B2%E0%B8%9A%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%87-jpg.jpg
     
  14. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,708
    ค่าพลัง:
    +21,337
    lp-toon-jpg-jpg.jpg

    หลวงพ่อทูล ขิปฺปปญฺโญ
    นามเดิม ทูล นนฤาชา ฉายา ขิปฺปปญฺโญ เกิด เมื่อวันจันทร์ วันที่ ๒๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๘ ในปี พ.ศ. ๒๔๘๕ อุปสมบท ที่วัดโพธิสมภรณ์ จังหวัด

    หลวงพ่อทูล ขิปฺปปญฺโญ เกิด ณ บ้านหนองค้อ ตำบลบัวค้อ อำเภอเมือง จังหวัดมหาสารคาม เมื่อวันจันทร์ ที่ ๒๐ พฤษภาคม พ.ศ.๒๔๗๘ ท่านอุปสมบทเมื่อวันที่ ๒๗ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๐๔ ขณะอายุ ๒๖ ปี ที่วัดโพธิสมภรณ์ จังหวัดอุดรธานี โดยมีพระธรรมเจดีย์(จูม พนฺธุโล) เป็นพระอุปัชฌาย์
    ช่วงแรกที่ออกปฏิบัติภาวนานั้น ท่านได้จาริกบำเพ็ญสมณธรรมไปยังสถานที่สัปปายะหลายแห่ง ได้เข้าถวายตัวเป็นศิษย์หลวงปู่ ขาว อนาลโย วัดถ้ำกลองเพล หลังจากที่หลวงปู่ขาวละสังขารแล้ว ท่านจึงได้นำคณะศิษย์มาพำนักปฏิบัติธรรมอยู่ที่วัดป่าบ้านค้อ
    ท่านได้อุทิศชีวิตให้กับงานเผยแผ่พระพุทธศาสนา ท่านได้เขียนหนังสือธรรมภาคปฏิบัติเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย ดังนั้นในปี พ.ศ. ๒๕๓๓ จึงได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติว่า เป็นผู้ทำคุณประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนา ได้รับพระราชทานรางวัลเสาเสมาธรรมจักร สาขาการแต่งหนังสือทางพระพุทธศาสนา
    จากการที่ท่านได้ทำประโยชน์แก่ประเทศชาติและพระศาสนาเป็นอย่างมาก ดังนั้นในวันที่ ๑๒ สิงหาคม ๒๕๔๗ ท่านได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะ นามว่า “พระปัญญาพิศาลเถร”
    หลวงพ่อทูล ขิปฺปปญฺโญ มรณภาพ เมื่อวันอังคารที่ ๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๑ ณ วัดป่าบ้านค้อ รวมสิริอายุ ๗๓ ปี ๔๘ พรรษา และได้รับพระราชทานเพลิงศพ เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒ ณ วัดป่าบ้านค้อ
    อัฐิธาตุของหลวงพ่อทูลได้แปรสภาพเป็นพระธาตุ เป็นเครื่องประกาศคุณธรรมที่บริสุทธิ์ เป็นพระอริยบุคคลอีกท่านหนึ่งที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ สมดังความมุ่งมั่นตามที่ท่านได้ตั้งสัจจะในครั้งออกบวชว่า
    “ท่านจะขอมอบกายและถวายชีวิตเพื่อบูชาคุณพระพุทธเจ้า พระธรรมเจ้า และพระสงฆ์เจ้า จะทำประโยชน์ตนและประโยชน์ท่านให้ถึงพร้อมด้วยความไม่ประมาท”

    http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=7796
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมุลที่มาอย่างสูงครับ

    ล๊อคเก็ต หลวงพ่อทูล วัดป่าบ้านค้อ อุดรธานี

    ให้บูชา 300 บาทค่าจัดส่งEMS50 บาทครับ

    e0-b8-a5-e0-b8-9e-e0-b8-97-e0-b8-b9-e0-b8-a5-jpg-jpg.jpg e0-b8-a5-e0-b8-9e-e0-b8-97-e0-b8-b9-e0-b8-a5-e0-b8-ab-e0-b8-a5-e0-b8-b1-e0-b8-87-jpg-jpg.jpg

    ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค
     
  15. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,708
    ค่าพลัง:
    +21,337
    http://www.konrakmeed.com/webboard/upload/index.php?showtopic=1054

    เหรียญรุ่นแรกหลวงพ่อง้อ วัดดาวดึงส์ สมุทรสงคราม ศิษย์หลวงพ่อคง บางกะพร้อม
    ให้บูชา 200 บาทค่าจัดส่งEMS50 บาทครับ

    ลพ.ง้อ.JPG ลพ.ง้อหลัง.JPG
     
  16. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,708
    ค่าพลัง:
    +21,337
    ประวัติย่อๆของ หลวงพ่อบุญลือ วัดคำหยาด

    ท่านเป็นศิษย์ของหลวงพ่อมุ่ย วัดดอนไร่ หลวงพ่อทบ วัดชนแดน หลวงพ่อเกษม เขมโก และอีกหลายองค์ๆ

    และท่านมีคงามสัมพันธ์เกี่ยวเนื่องกับ หลวงปู่คำโป๋ แห่งราชอาณาจักรลาว สายสำเร็จลุน

    หลวงปู่คำโป๋ท่านสามารถย่นระยะทางได้ และมีอิืทธิฤทธิ์ปาฏิหารย์ต่างๆมาก และท่านอายุยืนมาก

    นอกจากนั้นหลวงพ่อบุญลือยังธุดงค์มาแถบถิ่นอีสานใต้หลายปี ธุดงค์มาแล้วหลากหลายสถานที่

    สมัยก่อนมีเรื่องเล่าว่า ท่านเคยธุดงค์มาปักกรดกลางคันนา ชาวบ้านมาทำบุญบ่นว่าแห้งแล้งเหลือเกิน ท่านบริกรรมซักพักหนึ่ง ปรากฏว่ามีฝนตกคลายความแล้งของชาวบ้านได้อย่างอศัจรรย์เลยทีเดียว

    หรือจะเรื่องมีบุคคลไม่ดี จะเข้ามาทำร้ายท่านที่วัด พอเปิดกุฏิท่านไป กลับพบเห็นเป็นเสือโคร่งตัวขนาดใหญ่ ถึงขนาดตกใจจนปืนที่พกไปร่วง วิ่งหนีไม่เป็นท่าเลยทีเดียว

    หรือจะเรื่องเสกตะกรุดโทนดอกยาวๆ แล้วให้กลืนลงท้อง โดยกินน้ำชา จนตะกรุดหายเข้าไปในตัว คนที่อมตะกรุดด็ไม่เชื่อ ถึงขั้นกลับไปเอ็กเรย์ที่ตลาดตัวเมือง เห็นเป็นตะกรุดอยู่ที่กลางท้อง ต้องกลับมาไหว้ขอขมาหลวงพ่อเป็นการใหญ่ เมื่อเจอของจริง

    หรือจะเรื่องจะเสกตะกรุดจนลอยวิ่งขึ้นมาเหนือน้ำอย่างอศัจรรย์

    หรือจะเรื่องเรียกตะกรุดมาจากอากาศ ร่วงจากหลังคาโบสถ์ ลูกศิษย์ลูกหาต่างกระโดดแย่งกันเป็นมิ่งขวัญมงคล

    นี่คือส่วนหนึ่งที่หลวงพ่อท่านบุญลือท่านเคยได้เคยศึกษา และทำได้จริงๆ ลูกศิษย์ท่านหลายๆคน ต่างเห็นเหตุการณืเหล่านี้มานับครั้งไม่ถ้วน สมัยที่ขันธ์ท่านยังแข็งแรง

    ท่านเป็นพระอริยะสงฆ์ที่กราบไหว้ได้หมดทั้งหัวใจอย่างสนิทใจ มีทั้งภาคอิทธิฤทธิ์และบุญฤทธิ์ ครับ

    @ คุณ เสือ" ถือศีล

    _oc=AQlRAiuDodEtIi1-yXfNTC_EowkUiVVnzEuisVudhF9SjElP9g3dGefz3kNCupuUmk8&_nc_ht=scontent.fbkk24-1.jpg
    https://palungjit.org/threads/%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%9E%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%A5%E0%B8%B7%E0%B8%AD-%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%84%E0%B8%B3%E0%B8%AB%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%94%E0%B9%83%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%9A%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%9A.239701/

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมุลที่มาอย่างสูงครับ

    พระสมเด็จออกโรงเรียนวัดคำหยาด อ่างทอง

    ให้บูชา 100 บาทค่าจัดส่งEMS50 บาทครับ

    ลพ.ลือกล่อง.JPG ลพ.ลือ.JPG ลพ.ลือหลัง.JPG
     
  17. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,708
    ค่าพลัง:
    +21,337
    "หลวงพ่อสวัสดิ์ โอภาโส" พระเกจิอาจารย์ชื่อดังแห่งวัดโพธิ์เทพประสิทธิ์ ตำบลโพธิ์เก้าต้น อำเภอเมือง จังหวัดลพบุรี เชี่ยวชาญวิทยาคมเป็นที่เลื่องลือ ได้รับการยกย่องว่าเป็นพระเกจิอาจารย์ระดับแนวหน้าแห่งภาคกลาง
    ปัจจุบันสิริอายุ 68 ปี พรรษา 43

    ชาติภูมิ เกิดในสกุล หึ่นเสือ เมื่อวันที่ 31 มกราคม 2486 มีพื้นเพเป็นชาวบ้านโพธิ์เก้าต้น ครอบครัวประกอบอาชีพทำนา

    ช่วงวัยเยาว์ ได้เข้าเรียนหนังสือที่วัดในหมู่บ้าน เรียนจบชั้นประถมที่ 4 แล้วออกมาช่วยพ่อแม่ประกอบอาชีพ

    ต่อมา ได้บวชเป็นสามเณร ด้วยเหตุมีญาติป่วยหนัก แล้วทางญาติได้บนบานเรื่องการบวชเณรไว้ แต่ปรากฏว่า ผู้ที่จะบวชเป็นสามเณรให้เขามีความจำเป็นต้องติดตามครอบครัวไปที่อื่น ท่านจึงได้ช่วยเหลือ ด้วยการบรรพชาเป็นสามเณร ครั้นเมื่อบวชแล้ว ได้อยู่ที่วัดโพธิ์เทพประสิทธิ์

    เมื่อครบกำหนดจึงลาสิกขาออกช่วยพ่อแม่ทำนาระยะหนึ่ง จนอายุครบเกณฑ์ทหาร

    หลังจากการปลดทหาร ท่านบังเกิดความเบื่อหน่าย ต่อชีวิตคฤหัสถ์ ต้องการบวช

    เข้าพิธีอุปสมบทที่วัดโพธิ์เทพประสิทธิ์ เมื่อปี พ.ศ.2511 มีพระครูพรหม เจ้าคณะอำเภอเมือง เป็น พระอุปัชฌาย์, พระครูบุญธรรม เป็นพระกรรมวาจาจารย์และพระครูละมัย เป็นพระอนุสาวนาจารย์

    หลังอุปสมบท ศึกษาในพระปริยัติธรรมอย่างมุ่งมั่น สามารถสอบได้นักธรรมชั้นตรีและโท ก่อนหันไปศึกษา วิทยาคมกับหลวงตาม่อมหรือหลวงตาละม่อม ซึ่งเป็นพระอาจารย์ที่เรืองวิทยาคม ในช่วงแรก หลวงตาละม่อมไม่ค่อยสอนวิชาให้เท่าใดนัก เพราะต้องการดูอุปนิสัยศิษย์ว่าจะเป็นอย่างไร ตอนหลังหลวงพ่อก็เมตตาสอนให้ ศึกษาปฏิบัติอยู่กับท่านเป็นเวลาแรมปี

    กล่าวสำหรับวัดโพธิ์เทพประสิทธิ์ วัดแห่งนี้ในอดีต มีพระอาจารย์ชื่อก้องนามกระเดื่องท่านหนึ่งนามว่า "หลวงพ่อโต" เป็นหนึ่งในพระเกจิอาจารย์ระดับแนวหน้าของเมืองลพบุรี ท่านมีความโดดเด่นด้านเมตตามหานิยมในยุคเดียวกัน "หลวงพ่อจันทร์" วัดนางหนู ก็เป็นพระเกจิชื่อดังอีกรูปหนึ่ง มีชื่อเสียงโดดเด่นด้านอยู่ยงคงกระพันชาตรี

    กล่าวกันว่า ในจังหวัดหนึ่งท้องถิ่นหนึ่ง ต้องมีพระเกจิอาจารย์คู่กัน รูปหนึ่งทางอยู่ยงคงกระพัน รูปหนึ่งทางเมตตามหานิยม

    ทั้ง หลวงพ่อจันทร์ และ หลวงพ่อโต มีศิษย์ที่ได้สืบทอดวิทยาคมไว้ทั้งสิ้นและมีชื่อเสียงโด่งดังในลพบุรี คือ หลวงตาละม่อม วัดโพธิ์งาม อ.เมือง จ.ลพบุรี ก่อนถ่ายทอดวิชาตกทอดมาถึงหลวงพ่อสวัสดิ์ โอภาโส เจ้าอาวาสวัดโพธิ์เทพประสิทธิ์ ครั้นเมื่อเสนาสนะภายในวัดได้ชำรุดทรุดโทรมระยะหนึ่ง เมื่อถึงคราวบูรณปฏิสังขรณ์ มีชาวบ้านมาขอวัตถุมงคลกับท่าน หลวงพ่อก็มีแต่ตะกรุดโทนให้ไป ต่อมา ท่านได้สร้างตะกรุดโทนและวัตถุมงคลออกมาจำนวนหนึ่ง

    อย่างไรก็ตาม หลวงพ่อสวัสดิ์ เคยปรารภว่า "เราบูรณะวัด สร้างเสนาสนะต่างๆ จะไปรบกวนชาวบ้านเขามากมาย ก็จะทำให้เขาเดือดร้อน ก็สุดแต่ใครจะศรัทธาทำบุญเท่านั้น"

    สำหรับหลวงพ่อสวัสดิ์ ตะกรุดของท่านนั้น จัดสร้างขึ้นด้วยความยากลำบาก ต้องใช้เวลานานและทำออกมาแต่ละครั้ง มีเพียงไม่กี่ดอกเท่านั้น ท่านจะใช้วิธีการจาร ตัวขอมและจารตัวนะไปพร้อมกับเรียกสูตรเรียกธาตุ ไปพร้อมสรรพ อีกทั้ง ในระหว่างการจารอักขระ ต้องทำไปต้องเสกไปพร้อมกัน

    ด้วยความที่ตะกรุดมีจำนวนน้อย ทำให้ศิษย์ที่มีความปรารถนาจะขอเช่าตะกรุดของหลวงพ่อสวัสดิ์ แทบต้องจองกันข้ามปีทีเดียว

    สำหรับพระเครื่องและวัตถุมงคลของหลวงพ่อสวัสดิ์ ที่ท่านสร้างขึ้นอย่างเป็นทางการและได้รับความนิยมจากบรรดานักสะสมนิยมพระเครื่อง อาทิ เบี้ยหมากชัยชนะครอบจักรวาล, เหรียญลายเซ็นหลังหนุมานเชิญธง, พระปิดตาเนื้อว่านมหาเศรษฐี, พระนารายณ์นั่งหนุมานครองเมืองหลังลายเซ็น และอื่นๆ อีกหลายรุ่น

    กล่าวได้ว่าชื่อเสียงเกียรติคุณความเป็นสุดยอดพระเกจิอาคมขลังของหลวงพ่อสวัสดิ์ แห่งวัดโพธิ์เทพประสิทธิ์ เป็นที่เลื่องลือมานาน ร่ำลือถึงความเข้มขลังศักดิ์สิทธิ์ในวัตถุมงคลของท่าน ที่มีพุทธคุณรอบด้าน

    แต่วัตรปฏิบัติ ตลอดจนความเป็นอยู่ของท่านยังคงความสมถะ เรียบง่ายไม่เปลี่ยนแปลง
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมุลที่มาอย่างสูงครับ

    เหรียญหลวงพ่อสวัสดิ์ โอภาโส มีรอยจาร

    ให้บูชา 200 บาทค่าจัดส่งEMS50 บาทครับ

    ลพ.สวัส.JPG ลพ.สวัสหลัง.JPG
     
  18. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,708
    ค่าพลัง:
    +21,337
    เบอร์บัญชีผมครับ
    เบอร์บัญชีธ.กรุงไทย KTB125-0-08923-9 supachai thu

    โอนเงินแล้วช่วยแจ้งวันเวลาที่โอนในกระทู้เพื่อง่ายในการตรวจสอบ หรือทางPMไม่ต้องโพสหลักฐานให้เสียเวลา สมัยนี้โลกออนไลน์ตรวจสอบง่ายหลอกกันยาก แล้วจะรีบดำเนินการจัดส่งEMSไปให้โดยด่วนนะครับ..หลายรายการก็ค่าจัดส่งEMS 50 บาทครับ

    ติดต่อได้ที่ 08..1.70..4..72..64
     
  19. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,708
    ค่าพลัง:
    +21,337
    พระครูศิริบุญญาภรณ์(หลวงปู่บุญศรี) วัดบ้านโนนจิก ต.นาคาย อ.ตาลสุม จ.อุบลราชธานี (มรณะภาพแล้ว)ศิษย์สายสำเร็จลุนในสายของพระครูวิโรจน์รัตโนบล ลองหาประวัติท่านอ่านดูครับ

    พระผงรูปเหมือนรุ่น๑เนื้อว่านฝังตะกรุด ให้บูชา500บาทค่าจัดส่งEMS50 บาทครับ

    9A%E0%B8%B8%E0%B8%8D%E0%B8%A8%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87-jpg.jpg %E0%B8%A5%E0%B8%9B-%E0%B8%9A%E0%B8%B8%E0%B8%8D%E0%B8%A8%E0%B8%A3%E0%B8%B5-jpg.jpg B-%E0%B8%9A%E0%B8%B8%E0%B8%8D%E0%B8%A8%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%87-jpg.jpg 5%E0%B8%9B-%E0%B8%9A%E0%B8%B8%E0%B8%8D%E0%B8%A8%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%90%E0%B8%B2%E0%B8%99-jpg.jpg
     
  20. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,708
    ค่าพลัง:
    +21,337
    เหรียญหลวงปู่ตี๋ วัดหลวงราชาวาส สำหรับท่านที่สอบถามเข้ามาครับ

    ลป.ตี๋.jpg ลป.ตี๋หลัง.jpg
     

แชร์หน้านี้

Loading...