ติดตามสถานะการณ์

NEWS: “ผมไม่ติดโคโรนาไวรัส แต่มันฆ่าผมได้อยู่ดี” ชายอเมริกันรักษามะเร็งต่อไม่ได้เพราะอุปกรณ์ทางการแพทย์ถูกเอาไปทุ่มให้ COVID-19 หมด
.
COVID-19 ที่ระบาดอยู่ในโลกตอนนี้ ไม่ได้สร้างปัญหาให้กับตัวผู้ป่วย คนรอบข้างของผู้ป่วยเท่านั้น แต่ในความเป็นจริง มันส่งผลกระทบทางอ้อมไปหลายชั้น ตั้งแต่ภาคธุรกิจ ยันภาครัฐ เรียกได้ว่ากระทบสังคมไปทุกภาคส่วน
.
แต่คนกลุ่มหนึ่งที่ได้รับผลกระทบมาก ๆ แต่มักจะไม่ถูกพูดถึงเท่าไร ก็คือผู้ป่วยโรคอื่น ๆ ที่เข้ามาใช้บริการโรงพยาบาลตามปกติ แต่โรงพยาบาลไม่สามารถให้บริการได้ตามปกติ เพราะ COVID-19
.
นี่เป็นเรื่องที่นึกตามได้ไม่ยากว่าเป็นไปได้แน่ ๆ แต่ผลกระทบจริง ๆ ที่จับต้องได้เป็นอย่างไร บางทีอาจจะนึกตามยาก เราเลยอยากจะเอาเรื่องของชายอเมริกันผู้เป็นมะเร็งผู้หนึ่งมาเล่าให้ฟัง ซึ่งเขาถ่ายทอดเรื่องราวเศร้าปนเซ็งของเขาลงบนเว็บ Politico
.
ชายผู้นี้ถูกวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งกระเพาะปัสสาวะราวกลางปี 2019 และหลังจากนั้นเขาก็ได้รับทั้งการทำภูมิคุ้มกันบำบัด และผ่าตัดไปสองรอบ ซึ่งผลก็น่าพอใจ รักษาอีกหน่อยเหมือนจะหายแล้ว
.
แต่ COVID-19 ก็โผล่มา
.
ในวันที่ 23 มีนาคม 2020 เขาไปโรงพยาบาลเพื่อจะผ่าเนื้อเยื่อไปตรวจ แต่ยังไม่ทันไร หมอก็แจ้งเขาว่าเขาทำภูมิคุ้มกันบำบัดต่อไม่ได้แล้ว เพราะว่า การทำภูมิคุ้มกันบำบัดแบบที่ใช้กับมะเร็งของเขา มันคือการฉีดแบคทีเรียเวอร์ชันอ่อนแอเข้าตัวเขาแบบช้า ๆ
.
ซึ่งปัญหาคือถ้าหมอจะทำ หมอต้องมีหน้ากากอนามัยกับถุงมือ เพื่อป้องกันแบคทีเรีย แต่โควตาตอนนี้ ไม่มีหน้ากากอนามัยและถุงมือสำหรับรักษาผู้ป่วยมะเร็ง เพราะต้องเอาไปใช้กั้บ COVID-19 หมด ดังนั้นเขาต้องเปลี่ยนวิธีรักษา
.
เขากลับบ้านไปแบบงง ๆ และก็หวังผลตรวจเนื้อเยื่อว่าอาการมะเร็งจะดีขึ้น เมื่อผลออก มะเร็งยังอยู่ ยังไม่หดตัวและไม่ไปไหน
.
เมื่อเขาคุยกับหมอ หมอบอกว่าถ้าเขาจะรักษามะเร็งก็ต้องรีบ ๆ รักษา เพราะหมอก็รู้ว่า COVID-19 กำลังระบาด และอีกสักพัก หมอก็คาดการณ์ว่า มันจะไม่มีเตียงผู้ป่วยสำหรับผู้ป่วยมะเร็งแบบเขาแน่ ๆ ดังนั้นทางเลือกในการรักษาอย่างรวดเร็วของเขาจึงเหลือแค่การบำบัดด้วยสารเคมี หรือที่เรียกว่า “ทำคีโม” กับการผ่าตัด
.
อย่างไรก็ดี การทำคีโมในภาวะที่ COVID-19 ระบาดอยู่ หมอก็ไม่แนะนำ เพราะมันจะทำให้ภูมิคุ้มกันเขาต่ำลง และเขาอาจไม่ตายด้วยมะเร็งแต่ตายด้วย COVID-19 แทน ดังนั้นทางเลือกของเขาในสถานการณ์ COVID-19 เลยเหลือแค่ การผ่าตัดเอามะเร็งออกทั้งหมด ซึ่งนั่นหมายถึงเอาทั้งกระเพาะปัสสาวะ ต่อมลูกหมาก และบางส่วนของลำไส้เล็กออกไป
.
คงไม่ต้องอธิบายว่า ในภาวะปกติ ก็คงไม่มีใครเลือกทางเลือกแบบนี้ เพราะมันคือการตัดอวัยวะตัวเองที่ไม่มีสำรองออกไป แต่ในสภาวะที่ทรัพยากรทางการแพทย์ทั้งหมดระดมไปให้ COVID-19 เขาเหลือทางเลือกแค่นี้ และเขาก็ต้องยอมก้มหัวรับไป เพราะถ้าปล่อยมะเร็งไว้นาน ๆ จนมันลามไปทั่วร่างกายเมื่อไรจะหายนะกว่าเดิม
.
เอาน่า อย่างน้อยเขาก็คิดว่า เขายังโชคดีที่ยังสามารถนัดหมอเพื่อผ่าตัดได้ เขาก็เตรียมตัวพร้อม เมื่อถึงวันผ่าตัด เขาอดข้าวอดน้ำเรียบร้อย เตรียมตัวจะออกรถไปโรงพยาบาลแล้ว
.
แต่แล้วพยาบาลก็โทรมา บอกว่าตอนนี้โรงพยาบาลไม่มีนโยบายจะผ่าตัดให้กับใครทั้งนั้น ก่อนที่เขาจะผ่านการตรวจเชื้อ COVID-19 แล้วผลออกมาเป็นลบ หรือไม่มีเชื้อ
.
ซึ่งปัญหาคือ เขาจะไปตรวจ COVID-19 กับโรงพยาบาลก็ไม่ได้ เพราะโรงพยาบาลที่เขาจะผ่าตัดก็ไม่มีตรวจ เขาเลยไปหาโรงพยาบาลอื่น แต่ผลปรากฏก็คือ เขาหาที่ตรวจไม่ได้ เพราะนโยบายของโรงพยาบาลคือ เขาจะตรวจเฉพาะคนที่มีอาการหนัก ๆ ซึ่งเขาที่แค่ต้องการจะเคลียร์ตัวเองว่าไม่มีเชื้อ COVID-19 เพื่อเข้าผ่าตัด ก็ไม่ได้เข้าข่ายที่จะได้ตรวจ COVID-19 (อันนี้ต้องเข้าใจก่อนว่าที่อเมริกา ไม่ใช่ใครมีเงิน แล้วนึกจะตรวจ COVID-19 ก็เดินไปตรวจได้เหมือนบ้านเรานะครับ เขาอยู่ในระบบประกันสุขภาพเอกชนและทำได้ตามที่ประกันคุ้มครองเท่านั้น ทำอะไรนอกจากนั้น อาจเจอบิลค่ารักษาพยาบาลระดับที่ทำให้ “ล้มละลาย” ได้เลย)
.
สรุปคือตอนนี้ ชายผู้นี้ก็งง ๆ อยู่ เขามีมะเร็งอยู่ในตัวแน่ ๆ จะภูมิคุ้มกันบำบัดต่อ หมอก็ไม่มีถุงมือและหน้ากาก จะทำคีโม หมอก็ไม่ให้ทำเพราะภูมิคุ้มกันจะต่ำและสิ่งติด COVID-19 ส่วนจะผ่าตัด เขาก็ต้องตรวจ COVID-19 และผลเป็นลบก่อนถึงจะเข้าผ่าตัดได้ ซึ่งเขาก็หาที่ตรวจ COVID-19 ไม่ได้อีก
.
ผลคือเขาก็ไม่ได้รับการผ่าตัด และไม่ได้รับการรักษาอะไรต่อทั้งนั้น เรียกได้ว่าต้องนั่งลุ้นให้สถานการณ์เป็นปกติเร็ว ๆ มะเร็งไม่ลุกลามก่อนที่เขาจะทำการรักษาต่อได้อีกครั้ง
.
และตอนนี้เขาก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากระบายความอัดอั้นและเรื่องราวทั้งหมดผ่านบทความออนไลน์บนเว็บ Politico
.
ก็นี่แหละครับ เรื่องยาวหน่อย แต่เรื่องนี้ก็ซับซ้อนและรอบด้านมาก ๆ ว่าการระบาดของ COVID-19 มันส่งผลต่อการรักษาผู้ป่วยอื่น ๆ ด้วย และส่งผลแบบอีรุงตุงนังไปหมด
.
และนี่ก็เป็นแค่เรื่องราวหนึ่ง ในหลาย ๆ เรื่องราวที่ยังไม่ถูกเล่าออกมาเท่าไรของผู้ป่วยโรคอื่น ๆ ที่การบำบัดรักษาปกติไม่สามารถจะดำเนินต่อไปได้ เพราะผลกระทบต่าง ๆ ของวิกฤต COVID-19 ซึ่งถ้ามีเรื่องราวอะไรพวกนี้ ลองมาเล่าสู่กันฟังก็ได้นะครับ
.
อ้างอิง: https://politi.co/34HO3pH
.
#Covid19 #Cancer #BrandThink
#ส่งต่อความคิดสู้Covid19
#แชร์สิ่งเล็กๆให้ยิ่งใหญ่
#sharingIsEmpowering
อัปเดตและติดตามข่าวสารได้ที่
Line: @brandthink (มี @ ด้วยนะครับ)
Instagram: instagram.com/brandthink.me
Website: www.brandthink.me
Twitter: twitter.com/BrandThinkme

 

ช็อก สาวอิหร่านคนดัง อยากเป็นแองเจลีนา โจลี ป่วยหนักติดโควิดในคุก
ทนายฯสิทธิมนุษยชน เผยสาวอิหร่านคนดังอ้างทำศัลยกรรมใบหน้านับ 50 หน เพราะอยากเหมือนแองเจลินา โจลี จนถูกตำรวจจับกุม ตอนนี้ป่วยหนักติดเชื้อโควิดในเรือนจำ ขณะที่ผู้พิพากษาก็ไม่อนุญาตให้ประก้นตัว
Source : #ไทยรัฐ #ไทยรัฐทีวี #Thairath #ThairathOnline

 

ศาลสรุป ผวจ.มีอำนาจสั่งจับ ไม่สวมแมสก์ หลัง 2 จังหวัด พิพากษาสวนทาง
ประธานศาลฎีกา เรียกประชุมอธิบดีศาลในส่วนคดีอาญา หลังเกิดปัญหาศาลตัดสินคดีไม่สวมหน้ากากอนามัยขัดกัน ได้ข้อยุติ ผู้ว่าฯ มีอำนาจห้ามคนออกนอกบ้าน หากไม่ใส่หน้ากากอนามัย กำชับใช้ดุลพินิจ..
Source : #ไทยรัฐ #ไทยรัฐทีวี #Thairath #ThairathOnline

 

ออกกฎกระทรวงช่วยลูกจ้างประกันสังคมว่างงานเหตุโควิด เตือนข้อมูลเท็จผิดฉ้อโกง
รมว.แรงงาน ลงนามประกาศใช้กฎกระทรวงแรงงาน ช่วยเหลือลูกจ้างว่างงาน ตกงาน จากสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 เตือน ข้อมูลเท็จผิดฐานฉ้อโกง คุก 3 ปี ปรับ 6 หมื่น
Source : #ไทยรัฐ #ไทยรัฐทีวี #Thairath #ThairathOnline

 

เริ่มวันนี้! #ราชกิจจาฯประกาศห้าม รถบรรทุก4ล้อ 6ล้อ และ10ล้อขึ้นไป
#วิ่งในพื้นที่ กทม.ช่วงพ.ร.ก.ฉุกเฉิน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 16 เมษายนที่ผ่านมา เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาได้เผยแพร่ประกาศ ข้อบังคับหัวหน้าเจ้าพนักงานจราจรทั่วราชอาณาจักร ว่าด้วยการห้ามรถบรรทุก 4 ล้อ 6 ล้อ และ 10 ล้อขึ้นไป เดินในเขตกรุงเทพมหานครในช่วงเวลาประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน เนื่องจากมีการระบาดของโรคติดต่อเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ.2563

สาระสำคัญของประกาศฉบับดังกล่าวคือห้ามรถบรรทุก 4 ล้อ 6 ล้อ และ 10 ล้อขึ้นไป วิ่งในเขตกรุงเทพมหานครในห้วงระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน มีผลบังคับใช้ ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป หรือตั้งแต่วันที่ 17 เมษายน จนถึงวันที่ 30 เมษายน 2563 #ข่าวช่อง8 #ใครๆก็ดูช่อง8กดเลข27 #ห้ามรถบรรทุกวิ่ง

 

ชัยภูมิ 17เม.ย.63บ้านกุดจอก ตำบลโคกสะอาดอำเภอภูเขียว ชัยภูมิ พายุซัดกระหน่ำ เสาไฟฟ้าหักโค่น บ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหาย ไฟฟ้าดับเป็นบางแห่ง
Cr.นริสรา มูลบัวภา

 

ชัยภูมิ 17เม.ย.63พายุซัดกระหน่ำเป็นเวลาเกือบ 2 ชั่วโมง บ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก ในเขตตำบลกุดตุ้มมีบ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหายอย่างหนัก

 

ชัยภูมิ สายไฟฟ้าขาด บริเวณบ้านหนองบัวขาว กระแสไฟฟ้าอำเภอบ้านเขว้าดับ เจ้าหน้าที่ไฟฟ้าอยู่ระหว่างซ่อมแซมสายไฟและอยู่ระหว่างการเช็คระบบ ล่าสุดเจ้าหน้าที่แจ้งเข้ามาว่าไฟฟ้าใช้ได้ปกติแล้ว

 

ชัยภูมิ 17เม.ย.63ในขณะนี้หน้าวัดตาลเดี่ยว บ้านบุ่งคล้า ตำบลบุ่งคล้า อำเภอเมือง ชัยภูมิ ฝนตกหนักนาน 2 ชั่วโมง น้องน้ำถึงขั้นรอการระบาย
Cr.ลดาวัลย์ โคบาล

 

สาวโดดตึก 7 ชั้นดับ ถูกพักงานไร้เงิน พบสัญญาเงินกู้ 5 พัน

วันที่ (17 เม.ย.63) ตำรวจ สน.ลาดกระบัง รับแจ้งเหตุพบศพผู้เสียชีวิตตกจากคอนโด แห่งหนึ่ง ย่านร่มเกล้า เขตประเวศ กรุงเทพฯ ที่เกิดเหตุบริเวณสวนทางเดิน พบศพผู้เสียชีวิตเป็นหญิง อายุ 24 ปี พนักงานภายในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ

จากการตรวจสอบภายในห้องพักไม่พบร่องรอยการรื้อค้นหรือการต่อสู้แต่อย่างใด พบว่าประตูทางออกไปที่ระเบียงของห้องเปิดอยู่ เมื่อมองลงไปก็พบศพผู้ตายอยู่ที่พื้นด้านล่าง คาดว่าเป็นจุดที่ผู้เสียชีวิตกระโดดลงไป และพบจดหมายกู้ยืมเงิน เป็นสัญญากู้ยืมที่ผู้ตายทำไว้กับทางผู้ให้กู้เป็นจำนวนเงิน 5,000 บาท

จากการสอบสวนทราบว่าก่อนเกิดเหตุพ่อของผู้เสียชีวิตได้เดินทางมาที่ห้องพักดังกล่าว หลังจากที่ติดต่อลูกสาวไม่ได้หลายวัน เมื่อมาถึงพยายามเคาะห้องไม่มีคนเปิดประตู จึงใช้กุญแจสำรองไขเข้าไป เมื่อเข้าไปถึงได้ยินเสียงผู้ตายได้เปิดประตูและวิ่งกระโดดลงไปข้างล่างจนเสียชีวิต

เบื้องต้นทราบว่าผู้เสียชีวิตพักอาศัยห้องพักดังกล่าวคนเดียว เพิ่งเลิกกับแฟนหนุ่มได้เพียงหนึ่งเดือน และอยู่ในช่วงหยุดงานจากผลกระทบจาก โควิด-19 มีปัญหาด้านการเงินหนักมาก ทำให้คิดสั้นก่อเหตุดังกล่าว นอกจากนี้ยังทราบว่าผู้ตายเคยคิดสั้นก่อเหตุผูกคอตัวเองมาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว แต่แฟนช่วยไว้ได้ทัน อย่างไรก็ตามทางเจ้าหน้าที่จะได้ทำการสอบสวนญาติและผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดโดยละเอียด หาสาเหตุการตายที่แท้จริงต่อไป พร้อมทั้งนำร่างไปชันสูตรและมอบให้ญาติไปบำเพ็ญกุศลต่อไป

The post สาวโดดตึก 7 ชั้นดับ ถูกพักงานไร้เงิน พบสัญญาเงินกู้ 5 พัน appeared first on SpringNews.

Source : #Springnews #สปริงนิวส์

 

#COVID19
#ไม่มีใครคาดคิดว่าปีนี้มันจะมีโรคเวรโรคกรรม
#เป็นโรคที่ต้องเดียวดายจริงๆ

ตอนป่วย 20 วัน อยู่ห้อง ICU
ห้ามเยี่ยมเด็ดขาด
ไม่ได้พบญาติ ลูก เมีย เพื่อนฝูง
ต้องอยู่คนเดียวกับเครื่องช่วยหายใจ
และสายระโยงระยางทั่วร่าง
เพื่อประคองชีวิต

หลังจากที่เครื่องช่วยหายใจทำงานตลอด 24 ชั่วโมง เป็นเวลากว่า 15 วัน ระบบต่างๆ ในร่างกายเริ่มล้มเหลว ทีละระบบ

จนกระทั่งลมหายใจสุดท้าย
ผู้ป่วยไม่มีโอกาสได้พบญาติ
ไม่มีโอกาสได้พูดคุย
ไม่มีโอกาสได้ร่ำลา
ไม่มีโอกาสได้พูดความในใจใดๆ

พยาบาลประจำหวอดแจ้งว่า
"คนไข้น่าจะมีห่วง มีกังวล
เพราะจากไปแบบไม่หลับตา"

การบรรจุศพ ก็ดำเนินการเสร็จจากห้อง ICU โดยหุ้มห่อถึง 3 ชั้นปิดผนึกสนิท ห้ามเปิดเด็ดขาด
ญาติไม่มีโอกาสได้พบหน้าเป็นครั้งสุดท้าย

พิธีศพก็ไม่มีจัด เคลื่อนศพออกจาก รพ.
และจัดพิธีฌาปนกิจทันที

ไม่มีพิธีสวด...มีพิธีทำบุญ ๑ วัน ในวันรุ่งขึ้น

#อยู่บ้านกันเถอะครับ
#เพื่อแพทย์และเพื่อคนที่คุณรัก

 

ผู้นำกัมพูชายกเลิกคำสั่งห้ามเดินทางข้ามจังหวัด หลังพ้นปีใหม่
นายกรัฐมนตรีฮุน เซน ของกัมพูชา ยกเลิกคำสั่งห้ามการเดินทางข้ามจังหวัดทั่วประเทศแล้วเมื่อวานนี้ (16 เม.ย.) หลังจากผ่านช่วงเทศกาลปีใหม่ของกัมพูชา โดยการยกเลิกคำสั่งมีขึ้นเพื่อบรรเทาสภาพการจราจร และความแออัดของการจราจร ขณะที่ประธานสหภ
Source : เกาะติดสถานการณ์ #ManagerOnline #ผู้จัดการ #ผู้จัดการออนไลน์ #ข่าว #ข่าวออนไลน์

 

ยะลาเตรียม 700 เตียง รองรับ 503 คนไทยกลับจากมาเลย์ ส่งกักตัวทั้งหมด
ผวจ.ยะลา ประชุมคณะทำงานเตรียมความพร้อมรับคนไทย 503 คน ทยอยเดินทางกลับจากมาเลเซีย 18 เม.ย.นี้ มีสถานที่รองรับ หากพบเชื้อส่งไป รพ. ไม่พบเชื้อส่งไปกักตัวดูอาการอย่างน้อย 14 วัน
Source : #ไทยรัฐ #ไทยรัฐทีวี #Thairath #ThairathOnline

 

อย.เรียกคืน ยารักษาแผลในกระเพาะ 'รานิทิดีน' พบสารก่อมะเร็ง

• คณะกรรมการอาหารและยา (อย.) สั่งเรียกคืน 'ยารานิทิดีน' (Ranitidine) รักษาโรคแผลในกระเพาะอาหาร ทุกทะเบียนตำรับยาเม็ด และเกือบทุกตำรับยาฉีด หลังพบสาร NDMA หรือสารก่อมะเร็ง

• นายแพทย์ 'สุรโชค ต่างวิวัฒน์' รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กล่าวว่า อย.ได้เฝ้าระวังการปนเปื้อนสาร N-Nitrosodimethylamine (NDMA) ในยารานิทิดีน (Ranitidine) ซึ่งเป็นยารักษาโรคแผลในกระเพาะอาหารและในลำไส้เล็กส่วนต้น

• โดยมีการเก็บตัวอย่างเภสัชเคมีภัณฑ์และยาสำเร็จรูป ส่งตรวจวิเคราะห์ที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ตั้งแต่ กันยายน พ.ศ. 2562 รวมถึงรวบรวมรายงานผลวิเคราะห์จากห้องปฏิบัติการของภาคเอกชน

• พบมีเพียงแหล่งเภสัชเคมีภัณฑ์ Union Quimico Farmaceutica , S.A.S ราชอาณาจักรสเปน เพียงแหล่งเดียวที่มีการปนเปื้อนของสาร NDMA ต่ำกว่าค่ามาตรฐาน และเมื่อนำไปผลิตเป็นยาสำเร็จรูปแล้วยังมีค่าการปนเปื้อนไม่เกินค่ามาตรฐานอีกด้วย

• แต่ด้วยปริมาณของ NDMA จะเพิ่มสูงขึ้นตามระยะเวลาของการเก็บรักษายา อย. ห่วงใยผู้บริโภคอาจได้รับสารก่อมะเร็งสะสมจากยา Ranitidine จึงให้มีการเรียกคืนยา Ranitidine รูปแบบยาเม็ด สำหรับรับประทานทุกทะเบียนตำรับยา และทุกรุ่นการผลิต

• รวมทั้งยาฉีดทั้งหมดยกเว้นบางทะเบียนตำรับยา โดยผู้รับอนุญาตทั้งผลิตและนำเข้าที่มีทะเบียนยา Ranitidine ได้สมัครใจเรียกเก็บคืนยาจากท้องตลาดไปจำนวนมากแล้ว

• นายแพทย์ 'สุรโชค ต่างวิวัฒน์' ขอให้ประชาชนอย่าหวั่นวิตกว่า 'จะเกิดมะเร็งจากการได้รับยา' Ranitidine เพราะการใช้ยานี้โดยปกติจะใช้รักษาในระยะเวลาเพียง 7-14 วัน และเนื่องจากสาร NDMA สามารถพบได้ในสิ่งแวดล้อม ทั้งในดินและน้ำ รวมถึงอาหารปิ้งย่างทั่วไป

• ปริมาณที่ยอมให้ปนเปื้อนได้ทั้งในสิ่งแวดล้อมและผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ จะก่อให้เกิดมะเร็งได้ต้องใช้เวลาในการได้รับสารดังกล่าวนานถึง 70 ปี สำหรับการปนเปื้อนสาร NDMA ในยา Ranitidine เกิดขึ้นจากหลายสาเหตุและอาจเกิดจากการสลายตัวของตัวยาเองด้วย

• รวมทั้งยังอาจเกิดจากขั้นตอนการผลิตเภสัชเคมีภัณฑ์ มิใช่ในขั้นตอนการผลิตยาสำเร็จรูป ซึ่งเป็นปัญหาที่พบได้กับผลิตภัณฑ์ยา Ranitidine ที่จำหน่ายทั่วโลก

• ขอให้ประชาชนตรวจสอบยาที่ใช้อยู่ว่ามีตัวยาสำคัญชื่อ Ranitidine หรือไม่ หากมีขอให้ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรในเรื่องการใช้ยาตัวอื่นในการรักษาต่อไป

• สำหรับบุคลากรทางการแพทย์ขอให้ระงับการจ่ายยา Ranitidine รูปแบบยาเม็ดสำหรับรับประทานทุกทะเบียนตำรับยา รวมถึงยาปราศจากเชื้อสำหรับฉีดบางทะเบียนตำรับ

• และขอให้ใช้ยาอื่นในกลุ่ม H2-Blockers เช่น Cimetidine Famotidine หรือยาในกลุ่ม Proton Pump Inhibitors (PPIs) เช่น

❶ โอเมพราโซล : Omeprazole

❷ แลนโซพราโซล : Lansoprazole

❸ แพนโทพราโซล : Pantoprazole แทนยา Ranitidine รูปแบบรับประทาน โดยขอให้ขึ้นอยู่กับแนวทางการรักษาของแต่ละโรค

 

9 เมืองและมณฑลของจีนเริ่มสำรวจโรคระบาดวิทยาในกลุ่มผู้ติดเชื้อที่ไม่แสดงอาการพร้อมกัน
#โควิด19 #ไม่แสดงอาการ
ขณะนี้ เมืองและมณฑลทั้ง 9 แห่งในจีน ร่วมถึงกรุงปักกิ่ง นครเซี่ยงไฮ้ และอู่ฮั่น ฯลฯ ได้เริ่มสำรวจเซรุ่มทางโรคระบาดวิทยาในกลุ่มผู้ติดเชื้อที่ไม่แสดงอาการพร้อมกันแล้ว เพื่อศึกษาวิจัยลักษณะของการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสและกฎเกณฑ์ของการเกิดโรค
เมืองอู่ฮั่นได้เก็บสุ่มตัวอย่างจากพลเมืองจำนวน 11,000 ราย เพื่อตรวจกรดนิวคลีอิกด้วยการป้ายลำคอ ทดสอบแอนติบอดีทั้งประเภท lgG และ lgM โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย ผู้เชี่ยวชาญอธิบายว่า แอนติบอดี IgM สามารถตรวจพบในกรดนิวคลีอิกจากเลือดของผู้ติดเชื้อได้ภายในเวลาอันสั้น แต่แอนติบอดี IgG จะอยู่ในร่างกายค่อนข้างนาน หากติดเชื้อไวรัสแล้วอาจจะอยู่ในร่างกายไปตลอดชีวิต ด้วยเหตุนี้ ไม่ว่าจะพบแอนติบอดีประเภทใด ก็จะบ่งชี้ว่า ผู้ที่เข้ารับการทดสอบนั้น อาจจะติดเชื้อไวรัสโควิด-19 มาแล้วนั่นเอง
กดไลก์และติดตามด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ

 

จีนผวาอีกครั้ง! พบผู้ป่วย โควิด 19 กลุ่มไม่แสดงอาการเกือบ 7 พันราย วันที่16 เม.ย. 2020 - 10:22 น.

วันพุธ (15 เม.ย.) หน่วยงานด้านสาธารณสุขของจีนรายงานว่าจีนแผ่นดินใหญ่มีรายงานผู้ติดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ที่ไม่แสดงอาการ (asymptomatic) อยู่ที่ 6,764 ราย โดยในจำนวนนี้เป็นผู้ป่วยจากต่างประเทศ 588 ราย เมื่อนับถึงวันอังคาร (14 เม.ย.)

หมี่เฟิง โฆษกคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติจีน (NHC) รายงานว่ามีการจัดผู้ป่วยที่ไร้อาการเข้ากลุ่มผู้ป่วยที่ได้รับการยืนยันทั้งสิ้น 1,297 ราย ในจำนวนนี้มีผู้ป่วยจากต่างประเทศ 251 ราย ส่วนจำนวนผู้ที่ได้รับการปล่อยตัวจากการสังเกตการณ์ทางการแพทย์อยู่ที่ 4,444 ราย ซึ่งเป็นผู้ป่วยจากต่างประเทศ 109 ราย

หมี่เสริมว่าขณะนี้มีผู้ป่วยไร้อาการที่ยังอยู่ภายใต้การสังเกตการณ์ทางการแพทย์จำนวน 1,023 ราย เป็นผู้ป่วยจากต่างประเทศ 228 ราย

หมี่กล่าวว่าในวันอังคาร (14 เม.ย.) มีรายงานผู้ป่วยที่ติดเชื้อภายในประเทศรายใหม่ 10 ราย และผู้ป่วยไร้อาการรายใหม่ 54 ราย จึงเรียกร้องให้มีการยกระดับมาตรการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคให้เข้มงวดยิ่งขึ้น

Cr : ซินหัว

https://www.springnews.co.th/global/650267

 

ผู้นำญะมาอะห์ตับลีฆของอินเดียโดนตั้งข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยไม่เจตนา
.
ถือเป็นอีกหนึ่งข่าวใหญ่ของสุดสัปดาห์นี้เมื่อทางการตำรวจของกรุงนิวเดลีตั้งข้อหาหนักอย่าง ข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยไม่เจตนา ซึ่งมีโทษสูงสุดถึงจำคุก 10 ปี กับผู้นำกลุ่มญะมาอะห์ตับลีฆของอินเดีย ท่าน เมาลานา สะอัด กันดัลวี ในวันที่ 15 เม.ย. ที่ผ่านมา
.
ในขณะที่วันนี้ (16 เม.ย.) ทางการอินเดียได้มีการสั่งปิดสำนักงานใหญ่ของกลุ่มญะมาอะห์ตับลีฆ ในกรุงนิวเดลี ซึ่งส่งผลกระทบกับชาวมุสลิมจำนวนมากที่ค้างแรมอยู่ในอาคารดังกล่าวระหว่างที่อินเดียดำเนินนโยบายปิดเมือง
.
การตั้งข้อหาหนักในครั้งนี้ ทางตำรวจของนิวเดลีให้เหตุผลว่าเนื่องจากการชุมนุมทางศาสนาซึ่งเป็นการบรรยายธรรมซึ่งจัดโดยกลุ่มดังกล่าว ส่งผลกระทบโดยตรงต่อการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสโควิด19 ในประเทศอินเดีย ทั้งยังส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอีกด้วย โดยเฉพาะผู้ที่เข้าร่วมงานดังกล่าว
.
ฉะนั้นตำรวจอินเดียจึงมองว่าการกระทำดังกล่าว (การจัดงานชุมนุมทางศาสนาโดยปราศจากมาตรการป้องกัน) ของกลุ่มญะมาอะห์ตับลีฆ จึงเข้าข่ายฆ่าผู้อื่นโดยไม่เจตนา ซึ่งนอกจากตำรวจจะดำเนินคดีนี้กับผู้นำแล้ว ยังกำลังรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อแจ้งข้อหากับผู้บริหารและคณะกรรมการคนอื่น ๆ อีกด้วย
.
ก่อนหน้านี้ทางตำรวจกรุงนิวเดลีได้มีการแจ้งข้อหากับผู้นำญะมาอะห์ตับลีฆของอินเดีย ในเรื่องการละเมิดมาตรการระยะห่างทางสังคม และการไม่รวมกลุ่มชุมนุมกันเกินจำนวนที่รัฐบาลกำหนด
.
นอกจากมาตรการทางด้านกฎหมายที่ทางการอินเดียดำเนินคดีกับคนอินเดียแล้ว สำหรับชาวต่างชาติที่เข้าร่วมงานชุมนุมทางศาสนากว่า 1800 คนนั้น ทางการอินเดียก็ได้มีการดำเนินคดีเช่นเดียวกัน นั่นคือการขึ้นบัญชีดำห้ามเข้าประเทศอินเดีย 2 ปี และเนรเทศออกนอกประเทศด้วย
.
เหตุผลสำคัญของการดำเนินคดีดังกล่าวคือการใช้วีซ่าผิดประเภท เพราะการเข้ามาฟังบรรยายธรรม หรือวิชาการในอินเดียนั้นไม่สามารถใช้วีซ่าท่องเที่ยว ต้องเป็นวีซ่าประเภทอื่น ฉะนั้นในตอนนี้ชาวต่างชาติที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกิจกรรมดังกล่าวในอินเดียจึงอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล และเนรเทศออกนอกอินเดียต่อไป ซึ่งรวมถึงคนไทยด้วย
.
คดีนี้คงต้องติดตามกันอีกยาวนานว่าผู้นำญะมาอะห์ตับลีฆของอินเดียจะสามารถสู้คดีในชั้นศาลเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนเองได้มากน้อยแค่ไหน ซึ่งอาจกินเวลาหลายปี
.
#กระแสเอเชียใต้ #อินเดีย #อิสลาม #ดะวะห์ #โควิด19 #โรคระบาด

 

รีรันรามายณะฉบับปี 1987 ทำเรทติ้งอันดับหนึ่งในอินเดีย
.
เรียกได้ว่าหลังอินเดียเริ่มมาตรการปิดประเทศและประกาศใช้เคอร์ฟิวทั้งประเทศก็ทำให้ใครหลาย ๆ คนต้องทำงานอยู่เพียงแต่ในบ้านไม่สามารถออกไปไหนได้
.
ในขณะเดียวกันนายกรัฐมนตรีโมดี ของอินเดียก็ยังใช้สำนวนลักษมัณเรขาได้ถูกขีดไว้รอบรั้วบ้านของทุกคนไว้แล้วเพื่อป้องกันไวรัส ทำเอาคนอินเดียไม่กล้าออกจากบ้านกันเลย
.
สำหรับใครที่ไม่เข้าใจว่า "ลักษมัณเรขา" คืออะไร ผมขออธิบายอย่างนี้ครับว่าสำนวนนี้นำมาจากมหากาพย์รามายณะของอินเดียในช่วงที่พระราม พระลักษณ์ และนางสีดาไปอยู่ป่า
.
ในตอนหนึ่งพระรามออกไปตามกวาง แล้วด้วยเล่ห์เพทุบายของเหล่ายักษ์ นางสีดาได้ยินเสียงพระรามขอความช่วยเหลือจึงตามพระลักษณ์ให้ออกไปช่วย
.
พระลักษณ์เกรงว่านางสีดาจะเป็นอันตรายเพราะอยู่คนเดียวจึงได้ขีดวงวิเศษไว้รอบบ้านโดยบอกกับนางสัดาว่าถ้าอยู่ในวงนี้ก็จะปลอดภัย วงที่ว่านี้ก็คือ "ลักษมัณเรขา ( लक्ष्मण रेखा : lakshman rekha)" นั่นเอง
.
แต่สุดท้ายแล้วนางสีดาก็ออกจากวงดังกล่าวและถูกทศกัณฑ์พาตัวไปยังกรุงลงกา เกิดเป็นมหากาพย์รามายณะอันลือลั่นของอินเดีย และด้วยการทวิตดังกล่าวของนายกโมดี ส่งผลให้เกิดมีมเรื่องนี้ในสื่อสังคมออนไลน์ของอินเดียโดยทั่วไป
.
จนผู้ผลิตมหากาพย์รามายณะเมื่อปี 1987 ตัดสินเอาละครเรื่องนี้กับมาเล่นใหม่ทางช่อง DD National ในระหว่างที่อินเดียอยู่ภายใต้มาตรการปิดเมือง ซึ่งผลปรากฎว่าได้รับเสียงตอบรับอย่างท่วมท้นจากคนอินเดีย
.
เพราะละครเรื่องรามายณะทำเรทติ้งพุ่งทะลุช่องรายการภาษาฮินดีทั้งหมดในอินเดียอย่างรวดเร็วจนขึ้นมาอยู่ในอันดับหนึ่ง โดยการประเมินของสถาบันเรทติ่งทีวีอินเดียระบุว่าในช่วงเวลาที่ละครเรื่องนี้ออกอากาศ มีผู้เข้าชมพร้อมกันมากถึง 580 ล้านคน
.
ยิ่งไปกว่านั้นคือความนิยมของละครรามายณะยังส่งผลสำคัญให้ช่องดังกล่าวมีผู้เข้าชมเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 40,000 ภายในเวลาเพียงไม่กี่สัปดาห์ ถือได้ว่ามียอดเข้าสูงสุดทำลายสถิติที่ช่องเคยมีมาเลยก็ว่าได้
.
ในขณะที่ภาพรวมการเติบโตของการเข้าชมทีวีในอินเดียในช่วงระหว่างปิดเมืองเองก็มีสถิติเพิ่มสูงขึ้นถึงร้อยละ 43 ในช่วงระหว่างการปิดเมืองของอินเดีย
.
#กระแสเอเชียใต้ #อินเดีย #รามายณะ #ทีวี #โควิด19 #เรทติ้ง

 

น้ำมันไหลล ตกดิ่งแล้วจ้า ~~ ทิ้งดิ่งเลย

 

⚠️ ประเด็นดร่าม่าเรื่องทรัมป์งดให้เงินอุดหนุนองค์การอนามัยโลก (WHO) ยังไม่ทันจบคืนนี้ ทรัมป์ก็ทวีตจัดหนักต่อว่า WHO อีกครั้ง ว่าทำงานสะเพร่าจนเป็นต้นเหตุให้ไวรัสระบาดไปทั่วโลก !

20.30น. คืนนี้ ทางทรัมป์ได้ออกมาทวีตว่า

"Why did the W.H.O. Ignore an email from Taiwanese health officials in late December alerting them to the possibility that CoronaVirus could be transmitted between humans ? Why did the W.H.O. make several claims about the CoronaVirus that ere either inaccurate or misleading in January and February, as the Virus spread globally ? Why did the W.H.O. wait as long as it did to take decisive action ? " (ทวีตแนบในคอมเม้นท์)

หรือแปลใจความได้ว่า

1️⃣ ทำไม W.H.O. ถึงเพิกเฉยอีเมลจากเจ้าหน้าที่สาธารณสุขไต้หวันในช่วงปลายเดือนธันวาคมที่แจ้งเตือนพวกเขาถึงความเป็นไปได้ที่ไวรัสโควิดสามารถติดต่อระหว่างมนุษย์ได้ ?

2️⃣ ทำไม W.H.O. ถึงมีการให้ข้อมูลหลายครั้งเกี่ยวกับไวรัสโควิดที่ไม่ถูกต้องและทำให้เข้าใจผิดหลายครั้งในเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์จนเป็นเหตุให้ไวรัสแพร่กระจายไปทั่วโลก

3️⃣ ทำไม W.H.O. รอนานมากกว่าจะทำการตัดสินใจให้ไวรัสนี้เข้าขั้นอันตรายและต้องป้องกันอย่างเร่งด่วน ? "

ถือว่าเป็นทวีตที่ด่าตรงๆแบบไม่อ้อมค้อมเลยนะครับ...

ทุกท่านมีมุมมองอย่างไรกับความเห็นของทรัมป์บ้างครับ ?

ส่วนตัวแล้วขอบอกก่อนว่าผมไม่ได้อยู่ข้างใครและพยายามนำเสนอทุกอย่างที่เป็นกลางเสมอ ผมเห็นด้วยว่า WHO มีการทำงานบกพร่องไปบ้างจริงๆ เพราะในช่วงแรกๆที่ไวรัสระบาดก็ออกมากล่าวปรับการเตือนภัยได้ช้าจริงๆ กับเรื่องที่ให้ข้อมูลผิดอันนี้ผมยังถือว่าไวรัสนั้นยังใหม่ ทุกๆฝ่ายก็ยังเรียนรู้ไปพร้อมๆกันก็ไม่น่าผิดอะไรมาก ไม่ได้มีใครตั้งใจจะให้โรคระบาดเลวร้ายขึ้นอยู่แล้ว

แต่ผมไม่เห็นด้วยที่ทรัมป์ออกมากล่าวโทษ WHO แบบนี้ ต่อให้ WHO จะสามารถทำงานได้ดีกว่านี้ก็ตาม เพราะทางทรัมป์เองก็ได้รับข้อมูลจากทีมงานภายในประเทศเรื่อยๆอยู่แล้วว่าไวรัสนี้รุนแรง และได้เห็นข้อมูลในจีนว่าการแพร่ระบาดนั้นรุนแรงแค่ไหน แต่ทรัมป์ก็ยังเลือกที่จะออกมาบอกชาวอเมริกันว่าเรื่องไวรัสไม่ใช่เรื่องน่าเป็นห่วงมาโดยตลอดในช่วงเดือนแรก

มันไม่น่าเกียวเลยที่ทาง WHO เป็นผู้ทำให้การระบาดในสหรัฐนั้นรุนแรงไปกว่าที่หลายฝ่ายคาดมาก เพราะว่าต่อให้ทาง WHO ออกมาเตือนอย่างจริงจัง ผมก็ยังเชื่อว่าทางทรัมป์อาจจะไม่ได้ดำเนินการอะไรที่ต่างกันเลย สุดท้ายต้องเป็นทางผู้ว่าการรัฐที่ออกมาสั่งปิดเมืองกันเองในเบื้องต้น

อีกประเด็นนึงที่อยากถกคือ การที่ทรัมป์ประกาศที่จะงดให้เงินอุดหนุนองค์การอนามัยโลก (WHO) เรื่องนี้ทุกท่านมองว่าอย่างไรครับ ?

เช่นเดิม ส่วนตัวนั้นมองว่า WHO อาจจะมีข้อบกพร่องไปจริงๆ แต่การตัดเงินช่วยเหลือองค์กรณ์ที่ทำหน้าที่วิเคราะห์และวิจัยเรื่องโรคระบาดของโลก ในยามที่โลกเรากำลังเผชิญกับไวรัสที่ยังระบาดรุนแรงอยู่นั้นผมไม่เห็นด้วยเลย จริงๆแล้วในช่วงนี้ทุกๆฝ่ายควรพยายามร่วมือกันให้ได้มากที่สุด

การจะตัดเงิน WHO นั้นถ้าจะทำหลังจากการต่อสู้กับไวรัสจบลงแล้วนั้นเป็นอีกเรื่องนึง แต่การไปตัดเงินในช่วงนี้นั้น เหมือนกับการไปถอนงบและลดกำลังทหารลงในยามศึกมันคงไม่ใช่ช่วงเวลาที่ถูกต้อง และจะเป็นความเสี่ยงให้สถานการณ์อาจแย่ลงไปอีก

มาลองติดตามดูนโยบายที่ทรัมป์อนุญาติให้แต่ละรัฐในสหรัฐกลับมาเปิดเมืองได้แล้วในคืนนี้กันครับ ว่าล่าสุดจะมีใครออกมาเปิดกันบ้างแล้ว

และหากรัฐไหนใครตัดสินใจกันผิดผลาดจะตกเป็นเหยื่อของท่านประธานาธิบดีทรัมป์ให้ออกมาเอาผิดอีกหรือไม่ ? ไม่ว่าแต่ละรัฐจะเป็นเร็วหรือเปิดช้าตอนนี้มีความเสี่ยงทั้งสองทาง ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเร็วก็ #อาจทำให้ไวรัสระบาดรุนแรงขึ้น หรือถ้าเปิดช้าก็ #อาจทำให้เศรษฐกิจชะลอตัวและคนตกงานมากขึ้น

ส่วนตัวแล้วเชื่อว่านี่เป็นแผนที่หลักแหลมของทางทรัมป์มากครับ แม้ตอนแรกจะเป็นฝ่ายบอกว่าอำนาจในการเปิดเมืองนั้นอยู่กับเขาแต่เพียงผู้เดียวแต่สุดท้ายก็กลับลำมาใช้วิธีนี้แทน

คืนนี้ตลาดหุ้นสหรัฐโดยรวมยังบวกอยู่ที่ +2% ครับ

⛔️ มาติดตามข่าวสารในตลาดแบบทันท่วงทีกับเราได้ แนะนำให้กดไลค์ที่โพสต์เรื่อยๆ หรือกดตั้งค่า “เห็นโพสต์ก่อน” หรือ See First ไว้ที่เมนูมุมขวาบนของเพจได้เลยครับ ไม่งั้นทาง Facebook จะไม่ค่อยแสดงโพสต์ของเราที่อัพเดทใหม่ๆที่ทันตลาดนะครับ ⛔️

ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามเพจของเรานะครับ ฝากกด Like และ Share ให้แอดด้วยหากข้อมูลนี้มีประโยชน์นะครับ ขอบคุณมากๆครับ

#OilTradingKP