เอานามไม่อยู่

+++ อาการ "ป่วย" หากไม่มีการ "ปรุงร่วม" มันจะเป็นอาการทาง "นาม" ล้วน ๆ
+++ ดังนั้น ผู้ที่ฝึกมาทาง "นาม" จะจัดการกับ "อาการป่วย" ได้แบบ "ตรงไปตรงมา"
+++ จนกว่าจะ "เห็นนาม ฝึกตนกับนาม และ ใช้นาม"
+++ โดยเฉพาะอาการป่วย จะสามารถใช้ "ตน" ลงไปแทรกแซง "นาม" ได้
+++ แล้วจะ "ตรงกับหลัก สัมปะยุตต/วิปปะยุต ตาธัมมา" ตามบทสวดเป๊ะ ๆ
+++ ปัจจุบัน คือ compatible กับ อาการ (นาม) ที่เป็นคุณ
+++ และ ใช้ "ตนแทรกแซง" ให้เป็น incompatible กับ อาการ (นาม) ที่เป็นโทษ
+++ จนกว่าอาการ "นามที่เป็นโทษ" จะสลายคลายไป นะครับ

 

เหมือนฝ่าเขาดงพยาบาท อยูในโหมดเซ็ทซิ ฝึกธรรมนี้ยังกะฝึกวิทยายุทในกาตูนเลย

 

ออกสมาธิมามันจะรับผัสภายนอกไหวเหรอครับ

 

ใช้วิธีปิดสภาวะไว้ก่อนคับ

 

ที่ได้ฝึกคอสใหญ่ คงเพราะผมโลภในพลังอำนาจ กระมังคับ เหอะๆๆ

 

ดีๆเอาไป ใช้ในทางดีอะไรกะดี55

 

The force be with you เครดิต สตาร์วอร์ขอให้อย่าฝึกจนเป็นดาร์ทเวเดอร์แล้วกันฮับ

 

โดยนิสัยส่วนตัว ผมไม่ชอบความอ่อนแอ และไม่ชอบไปเอาเปรียบคนอื่น งั้นขอเป็นเวเดอสายขาวล่ะกันคับ

 

ตอนนี้ผมคลุกวงใน ไม่โดนสวนแล้วคับ

 

+++ ทุกอย่างที่โพสท์ให้ไปนั้น "เป็นความจริง ตามนั้น ทั้งหมด"
+++ ผู้ที่ "ฝึกได้" ก็สามารถ "รักษาตัวเองได้" คนในกลุ่มฝึก ผ่านมากันหมดแล้ว
+++ ตรงนี้เป็นแค่ "เบื้องต้น" ของการฝึก "นาม" เท่านั้น ยังมีอีกมาก
+++ แค่นี้ก่อน นะครับ

 

มีเปิดสอนป่าวคับ สนใจคับเอาไว้ เผื่อเอาไว้ใช้รักษาอาการป่วยเรื้อรัง พอดีแพ้อากาศบ่อยๆ หรือ สู้โควิดจะได้มั๊ยคับ

 

อยากหนีเข้าป่า จะได้ไม่ต้องฝึก

 

+++ ช่วงนี้ค่อนข้างหาเวลายาก เลยขอยุติการสอนชั่วคราว
+++ หลัก ๆ คือ "ทำความรู้สึกตัวทั่วถึง ให้ได้ทั้งตัว" ก่อน
+++ แต่ส่วนใหญ่จะ "ทำกันไม่ได้" จะกลายเป็น "รู้ตัวเฉย ๆ"
+++ ซึ่งมักจะ "หลุดไป/มาบ่อยจน ตั้งมั่น ไม่ได้"

+++ หาก "ทำความรู้สึกตัวทั่วถึง ได้ทั้งตัว" แล้ว
+++ จะได้อาการ "สติมั่น เป็นสมาธิ ในทุกอิริยาบท"
+++ ซึ่งก็คือ "ดำรงค์สติมั่น ในชีวิตประจำวัน" นั่นเอง
+++ แล้วก็จะตรงกับที่ พระพุทธองค์ ทรงกล่าวไว้ว่า
+++ "ดำรงค์สติมั่น รู้ธรรมเฉพาะหน้า"

+++ ส่วนจะใช้ "ลมหายใจ" เป็นเครื่องช่วย ก็ได้
+++ โดย "อยู่กับความรู้สึกตัว ทั่วถึง" แล้วจะ "รู้ลมหายใจไปเอง"
+++ ลมหายใจจะ "สั้น/ยาว" ต่าง ๆ ก็จะรู้ทั้งหมดของ "กองลม" ได้ตลอด
+++ เพียงแต่ "อยู่กับสติมั่น" อย่าไป "อยู่กับลม" ก็จะได้ "กองลมถูกรู้"
+++ ไม่นานก็จะถึงอาการ "วางลมหายใจ (วางคำบริกรรม)" ได้เอง

+++ ผมเคยเป็น "ภูมิแพ้เรื้อรัง หลายปี" แต่ปัจจุบัณ "ภูมิแพ้" ไม่ปรากฏมาเป็นสิบปีแล้ว
+++ เคยมีผู้ป่วยเป็นโรค "โลหิตขาวทำลายโลหิตแดง" แต่หมอบอกว่า ไม่ใช่โรคพุ่มพวง
+++ หมอแผนปัจจุบัณเอาไม่อยู่ เลยไปพึ่งหมอสมุนไพร ซึ่งตัวยาจะให้ผลคล้าย detox
+++ และได้มีโอกาสมาฝึก โดยมี "มรณานุสติอยู่ในตัว (หมอเอาไม่อยู่)" ก็เลยฝึกได้เร็ว

+++ คนนี้ฝึกได้ถึง "จิตเดิมแท้เปล่งประกายประภัสสร" แม้ว่าไม่เต็มขั้น แต่ก็ถือว่า ผ่าน
+++ หลังจากนั้น "อาการป่วย" ก็กลับทุเลาลงมาอย่างรวดเร็ว ภายในไม่ถึงเดือน ก็เป็นปกติ
+++ จากนั้น ก็ใช้ชีวิตตามปกติของ วัยรุ่น โดยทั่วไป และ ศึกษาต่อไปตามทางโลก
+++ เจตนาของเขาเป็นแค่เพียง ฝึกรักษาโรค เท่านั้น ไม่มีอย่างอื่น

+++ ไวรัสโควิด "ไม่ใช่สิ่งมีชีวิต" จัดเป็น "ละอองพิษ" ชนิดหนึ่ง
+++ ลักษณะของละออง เมื่อส่องด้วย กล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอน (Electron microscope)
+++ จะเห็นคล้ายกับ "สุริยะคราสเต็มดวง" ที่เห็นประกายในชั้น Corona ของดวงอาทิตย์
+++ และนี่คือ ที่มาของคำว่า Corona Virus

+++ ด้วยเหตุที่ "ละอองพิษ" อยู่ในชั้น "เปล่งรังสี Corona"
+++ การรักษาภายนอก จำต้องใช้ "การระเหิด/ระเหย อย่างรุนแรง/รวดเร็ว"
+++ กว่าอัตราการ เปล่งของ "ละอองพิษ Corona" เช่น แอลกอฮอล์ 70% เป็นต้น
+++ มวล "ละอองพิษ" จึงสามารถ "แตก/แยก" ทำลาย สลายสภาพลงได้

+++ ส่วนการรักษาทาง กรรม-ฐาน นั้น "พิจารณา" ว่า
+++ ผู้ที่ฝึก ควรไปให้ถึงชั้น "จิตเปล่งรังสี"
+++ อันเป็น ชั้นเดียวกับ Corona Virus แล้วจึง
+++ "ใช้ความเป็นตน" แทรกแซงลงไปในชั้นนี้
+++ จากนั้นจึง "ระเบิดความเป็น ตน" ทิ้งไป

+++ ซึ่งตรงนี้ "ไม่น่าจะทำกันได้ ในรุ่นหลัง ๆ นี้"
+++ เพราะเพียงแค่ "ทำความรู้สึกตัวทั้งตัว" ก็ทำกันไม่ได้แล้ว
+++ สำหรับผม สอนมาหลายรุ่น รู้สึกว่า
+++ รุ่นแรก ๆ เป็นแบบ ฝึกง่าย/ได้ง่าย
+++ แต่ยิ่งมายิ่งกลายเป็น ฝึกยาก/ได้ยาก
+++ และกลายเป็น "ฝึกไม่ได้" ก็มี
+++ ก็เลยพิจารณาว่า "ขอยุติการสอนชั่วคราว" ไว้แค่นี้ก่อน
+++ ดังนั้น ในช่วงระยะนี้จึง "ระงับการสอน ไว้ชั่วคราว" นะครับ

 

ฝึกจบคอสผมคงไม่หนีเข้าป่าแล้วคับ คงเพราะทุกทีคือป่าสำหรับผม

 

เริ่มทำความรู้สึกตัวทั่วถึงนี่ หมายถึงยังไงครับ คล้ายๆการเอาความรู้สึกไปเปะไว้ตามจุดต่างๆเช่น หว่างคิ้ว เป็นจุดเดียวหรือเปล่าครับ รู้สึกตัวทั่วถึงเอาความรู้สึกแบบเดียวกันแผ่ไปให้ทั่วๆกายหรือเปล่าครับ

 

+++ ไม่ใช่นะ ตรงนั้นเรียกว่า "ความรู้สึกเป็นจุด ๆ" เป็นผลจาก "อาการ เพ่ง/ดู" เป็นจุด

+++ ตรงนี้ "ใช่" ความรู้สึกตัวทั่วถึง นั้น "รู้สึกทั่วตัว ทั้งตัว เป็นเนื้อเดียวกัน ทั้งตัว"
+++ คำถามนี้ เคยโพสท์คำตอบไว้นานแล้ว รวมทั้งครอบคลุมรายละเอียดต่าง ๆ เกี่ยวกับ "กาย/รู้สึกกาย" ไว้ทั้งหมด

เรื่องของกาย ทั้งทางโลก (โลกียะ) และทางธรรม (โลกุตระ) จากการปฏิบัติล้วน ๆ
https://palungjit.org/threads/507094/page-2#post-8250429
======================================
+++ วิธี "สร้างความรู้สึกตัว (สัมปชัญญะ)" อยู่ในหัวข้อข้างล่างนี้

กระทู้นี้จะเริ่มต้นที่ ความรู้สึกตัว
https://palungjit.org/threads/512443/#post-8438824
======================================
+++ โดยปกติ ผู้ที่ยัง "ไม่ได้ สติระดับ 3 (เป็นการประเมิน ระดับสติ ของผมเอง)"
+++ ถือว่า "ยังไม่พร้อมในการปฏิบัติแบบ สัมโพชฌงค์ (สัมมาสมาธิ)(โภชฌงค์ปริต)"

+++ ระดับของ "สติ" (ระดับการวัด เป็นเรื่องเฉพาะการสื่อสาร ของระดับปฏิบัติที่ผมตั้งขึ้น เท่านั้น ไม่เกี่ยวกับผู้อื่น)"
+++ ผมแบ่งออกเป็น 9 ระดับ เพื่อสะดวกในการสะดวกในการสอนแต่ละระดับ ตามลิ้งค์ข้างล่างนี้

สติ ตามระดับของผู้ฝึก
https://palungjit.org/threads/512443/#post-8438819
======================================
+++ คำเตือนสำหรับผู้ที่ "ไม่ปรารถนาที่จะฝึก" แต่ชอบ เข้ามา "ปี้แปะ" คำสอนเอาไป เทศน์/แสดงธรรม ต่อ (มีอยู่จริง)

กระทู้นี้จะเริ่มการฝึกตั้งแต่ สติในระดับที่ 3 "กำหนดรู้" เป็นต้นไป
https://palungjit.org/threads/512443/#post-8438821

สำหรับผู้ที่ "ไม่ปรารถนา" ที่จะทำและเริ่มจาก "ความรู้สึกทั้งตัว ทั่วพร้อม" แล้ว ก็ไม่สมควรที่จะเอาข้อความในกระทู้นี้ ไปเป็นบทปฏิบัติสำหรับตน เพราะนอกจากมันจะเข้ากันไม่ได้แล้ว ก็ยังไม่สามารถที่จะทำให้เห็นอาการได้อีกด้วย สมควรที่จะนำข้อคำถามนั้น ๆ ไปถามครูบาอาจารย์ของตน จะเป็นการดีที่สุด

+++ ปัจจุบัณ ผู้ที่เข้ามา "ปี้แปะ" สิ่งที่ผมโพสท์ เอาไป เทศน์/แสดงธรรม ต่อ แล้วอ้างต่อญาติโยมว่า "เป็นธรรมที่ ตน ค้นพบปฏิบัติมาเอง"
+++ จนผู้คน ศรัทธา บริจาคเป็นเลข 7 หลักขึ้นไปก็มี แต่อาการที่ "เทศน์/แสดงธรรม" ในพักหลัง ๆ นี้ ได้ฟ้องอยู่ในตัวของมันเองแล้ว
+++ ว่า "อาการวิปลาส ฟุ้งซ่าน" กำลังมาเยือน และเริ่ม "เทศน์/แสดงธรรม" ออกนอกลู่ไปเรื่อย ๆ
+++ อีกไม่นานก็จะเป็น "หลงตามกาละ คือตายอย่างขาดสติ เมื่อตายย่อมเข้าถึงอบาย" เป็นธรรมดา
+++ อาการของ "ภิกษุมหาโจร" รายนี้จัดเป็น "อริยุปวาท" ชนิดหนึ่ง กล่าวกันว่า โทษหนักเท่าอนันตริยกรรม ทีเดียว

+++ หากคุณ damrong ปรารถนาที่จะ "ฝึกรักษาโรค" แบบ "โภชฌงโค สะติสังขาโต"
+++ ก็ให้ "ทำ" ความรู้สึกทั้งตัวก่อน เพื่อที่จะให้ได้ "สะติสังขาโต" ปรากฏขึ้นมา
+++ ก่อนที่จะ "ทำ" ธัมมะวิจะโยตถา ซึ่งจะตรงกับที่ผมเคยกล่าวมาแล้ว ในท่อนข้างล่างนี้

+++ ตรงท่อนนี้แล... ธัมมะวิจะโยตถา
+++ ธรรมะนี้เป็นของ "สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า"
+++ เนื่องในวัน "วิสาขะบูชา"
+++ ขอมอบให้ไว้ ณ ที่นี้ก็แล้วกัน นะครับ

 

เพราะชีวิตการทำงานผมทำให้ผมต้องยอม นาม ผมคนชอบทำตามใจตัวเอง แต่ก้ต้องโดน นาม สั่งสอน ทำไม นาม จึงเก่งขนาดนี้คับ หรือใครมีประสบการณ์ช่วยแชให้รู้หน่อยคับ

 

เพราะความอยากมีอยากเป็นอยากดี
เลยมีีีีีเหตุให้ถูกบีบคั้น

 

ถ้าไม่อยากจะมาดิ้นสู้ชีวิตในทางโลกทำไมล่ะคับ

 

กะทำตามหน้าทีให้เต็มความสามารถละก็วาง
ผลอย่างงัยช่างมัน