มีพระพุทธเจ้า อยู่ในอีกจักรวาลหนึ่งในอนันตจักรวาลซึ่งเผยแผ่พุทธศาสนา

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย WebSnow, 21 กันยายน 2004.

  1. WebSnow

    WebSnow ผู้ก่อตั้งเว็บพลังจิต ทีมงาน Administrator

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2003
    โพสต์:
    8,695
    กระทู้เรื่องเด่น:
    129
    ค่าพลัง:
    +64,019
    จักรวาลมีจำนวนเป็นอนันต์ จะเป็นไปได้เหรอที่ว่า จะมีแต่จักรวาลเราที่เดียวที่มีพระพุทธเจ้า ?

    ในหนึ่งจักรวาลจะมีพระองค์เดียวในไตรภูมิ มีพระพุทธเจ้าอุบัติและตรัสรู้ในภูมิมนุษย์เท่านั้นคือชมพูทวีป(โลกมนุษย์)
    ชมพูทวีป ไม่ใช่เฉพาะขอบเขตประเทศอินเดีย

    จักรวาลหนึ่งๆจะประกอบไปด้วยไตรภูมิและมีสิ่งมีชีวิตอยู่ในไตรภูมิ
    ในจักรวาลของเราก็มีพระพุทธเจ้าอุบัติในโลกมนุษย์และเผยแผ่พระพุทธศาสนา

    พระพุทธเจ้าไม่ได้มีแต่ในจักรวาลของเรา
    และในอีกจักรวาลหนึ่งก็มีพระพุทธเจ้าอุบัติและเผยแผ่พระพทุธศาสนาเช่นกัน

    *********************************************************************************
    ที่ทราบได้เพราะว่าพระพุทธเจ้าไม่ได้มีแต่ในจักรวาลของเรา
    ในพระไตรปิฏกตอนหนึ่งกล่าวไว้ทำนองว่า
    ตอนหนึ่งที่พระโมคคัลลาเหาะไปหาบาตรของพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน
    แล้วท่านเหาะไปอยู่ในจักรวาลหนึ่งและได้พบพระพุทธเจ้าองค์ให_่มากๆ
    ในอีกจักรวาลหนึ่ง พระโมคคัลลาจะองค์เท่าแมลงเมื่อเทียบกับพระพุทธเจ้าในต่างดาวต่างจักรวาล

    แล้วพระโมคคัลลาได้หาทางกลับโลกเราไม่ถูก
    พระพุทธเจ้าพระองค์นั้นได้ทรงทราบด้วย_าณว่า พระโมคคัลลาเป้นสาวกของพระพุทธเจ้าในโลกของเรา พระองค์จึงเปล่งรัศมีออกมายังโลก
    แล้วให้พระโมคคัลลา เหาะตามรัศมีนั้นมา จึงกลับมาที่โลกได้
     
  2. กระเจียว

    กระเจียว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2004
    โพสต์:
    1,353
    ค่าพลัง:
    +2,011
    จักรวาลที่ว่า เขาเรียก จักรวาลคู่ขนานรึเปล่า
     
  3. WebSnow

    WebSnow ผู้ก่อตั้งเว็บพลังจิต ทีมงาน Administrator

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2003
    โพสต์:
    8,695
    กระทู้เรื่องเด่น:
    129
    ค่าพลัง:
    +64,019
    ที่ผมสงสัยคือ

    1. นิพพาน ของจำนวนอนันตจักรวาล จะเป็นที่เดียวกันไหม
    หรือว่าจะมีนิพพานของแต่ละจักรวาลไม่ยุ่งเกี่ยวกับนิพพานของอีกจักรวาล

    2. แล้วพระพุทธเจ้าที่นิพพานแล้วหน้าตารูปลักษณ์หน้าตาคล้ายคล้ายเราไหม
    ใครที่ได้มโนมยิทธิแล้วถอดจิตไปนิพพานเมืองแก้ว เคยเห็นพระพุทธเจ้าจากจักรวาลอื่นบ้างไหม ?

    3.สมเด็จองค์ประถมคือใคร ?
    สมเด็จองค์ปฐมที่หลวงพ่อกล่าวถึงหมายถึง
    1. พระองค์เป็นพระพุทธเจ้าองค์แรกในอนันตจักรวาล ?
    2. หรือพระองค์เป็นพระพุทธเจ้าองค์แรกในจักรวาลที่เราอยู่ ?
    3. หรือเป็นพระพุทธเจ้าพระองค์แรกในล้านพระองค์ ?
    http://www.guardinguk.co.uk/palungjit/board/showthread.php?threadid=86
     
  4. WebSnow

    WebSnow ผู้ก่อตั้งเว็บพลังจิต ทีมงาน Administrator

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2003
    โพสต์:
    8,695
    กระทู้เรื่องเด่น:
    129
    ค่าพลัง:
    +64,019
    อันนี้พี่ยังไม่แน่ใจว่ารวมจักรวาลคู่ขนานด้วยไหม
    และตอนนี้เรายังไม่รู้แน่ชัดว่าจักรวาลคู่ขนานมีอยู่จริงไหม
    ซึ่งกำลังอยู่ในช่วงทดลองค้นคว้าอยู่
     
  5. Unregistered

    Unregistered บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    ประสบการณ์ ท่องเที่ยวโลกอื่นๆ
    1. จักรวาลคู่ขนาน น่าจะเป็น อดีต, อนาคต
    2. อนันตจักรวาล น่าจะเป็น โลกอื่นๆหาที่สิ้นสุดของจักรวาลไม่ได้ ซึ่งมี นาม รูป ที่เป็นทั้ง คน สัตว์ สัตว์ประหลาด เทวดา คล้ายๆ กัน แต่ต่างรูปกันโดยสิ้นเชิง ยกเว้นผู้ที่เกิดมาเป็น นาม รูป แบบมนุษย์ เทวดาจะเหมือนๆ กัน ต่างกันที่ขนาดให_่หรือเล็กตามภพภูมินั้นๆ

    ส่วนเรื่องพระพุทธศาสนา โลกใดมีสั_ลักษณ์พระธรรมจักร โลกนั้นก็จะมีพระพุทธเจ้าเป็นผู้นำทาง นำให้สรรพสัตว์ให้มีดวงตาเห็นธรรม ซึ่งส่วนให_่ ไปก็จะเจอสั_ลักษณ์ พระธรรมจักร สวยต่างกัน แต่ทรงความหมายเดียวกัน คือ เป็นกงล้อ และมี 8 ก้าน มีความหมาย มรรค มีองค์ 8
     
  6. Kamen rider

    Kamen rider เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2004
    โพสต์:
    3,763
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +1,998
    วันหลัง เอามา ลง มัน หยด

    หลวงจีนใต้หวัน เที่ยว โลกธาตุ จักวาล อื่น โดย พระอวโลกิเตศวร นำไป

    ตัวเอง รู้สึกหายไป เพียง 1 วัน

    แต่ ในโลก จริง ท่านหายตัว ไป 6 ปี
     
  7. Kamen rider

    Kamen rider เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2004
    โพสต์:
    3,763
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +1,998
    ตอบเว็ปโนว์ บ้างแหละ

    PHP:

    ที่ผมสงสัยคือ

    1. นิพพาน ของจำนวนอนันตจักรวาล จะเป็นที่เดียวกันไหม
    หรือว่าจะมีนิพพานของแต่ละจักรวาลไม่ยุ่งเกี่ยวกับนิพพานของอีกจักรวาล

    2. แล้วพระพุทธเจ้าที่นิพพานแล้วหน้าตารูปลักษณ์หน้าตาคล้ายคล้ายเราไหม
    ใครที่ได้มโนมยิทธิแล้วถอดจิตไปนิพพานเมืองแก้ว เคยเห็นพระพุทธเจ้าจากจักรวาลอื่นบ้างไหม 
    ?

    3.สมเด็จองค์ประถมคือใคร 
    สมเด็จองค์ปฐมที่หลวงพ่อกล่าวถึงหมายถึง
    1. พระองค์เป็นพระพุทธเจ้าองค์แรกในอนันตจักรวาล 
    ?
    2. หรือพระองค์เป็นพระพุทธเจ้าองค์แรกในจักรวาลที่เราอยู่ ?
    3. หรือเป็นพระพุทธเจ้าพระองค์แรกในล้านพระองค์ ?
    http://www.guardinguk.co.uk/palungj...php?threadid=86

    ตอบจาก ตาเนื้อ อ่านหนังสือมาเยอะ ปลายแถวพหูสูตร นักคิดข้างถนน

    1. ที่เดียวกัน ไม่แบ่งแยก สัตว์ ในจักวาลต่างๆ รูปร่าง กายทิพย์ ความละเอียดแตกต่างกัน แต่ ธรรม เหมือนกัน พระธรรม เหมือนกัน ทั้ง อนันตจักรวาล พระนิพพาน ก็ต้องเหมือนกัน

    2.ในกายทิพย์ ตาทิพย์ คุณไปเจอมาอย่างไร ผมไม่รู้ แต่ เท่าที่ ตาเนื้อผมรู้ โลกธาตุ ใน
    จักวาลมีมากมาย โดย เฉพาะ ใน มงคลจักวาล ที่ พระพุทธเจ้าอุบัติ มีเยอะมาก ทั้ง แปดทิศ
    ว้าย ขวา หน้า หลัง บน ล่าง ลอย อยู่ ใน อวกาศ เป็นกลุ่มๆ ผมขอบอกเลยว่า....

    ธรรมชาติ ของ อินทรีย์สรรพสัตว์ ใน แต่ ละโลกธาตุ หยาบ ละเอียด การทรงความดี ละเอียดต่างกัน กรรมต่างกัน ทำให้รูปร่างต่างกัน อย่าง ที่เราพำนักอยู่ เป็นโลกธาตุ แห่งความเสื่อม มีเกิดแก่เจ็บ ตาย ภัย จากวตสงสาร ความเข้มข้น ของ ความทุกข์เยอะ

    บางโลกธาตุ สวยงาม อลังการ กว่า โลกธาตุเรา แม้ แต่ สวรรค์ ก็ยังเทียบ ไม่ติด ยังมีอยู่เยอะด้วย
    บางที่ไม่มีนรก บางที่มีแต่ พระโพธิสัตว์ มันก็ แล้ว แต่ การ บำเพ็น บารมีของพระพุทธเจ้า ในแต่ละแห่ง ที่โลกธาตุ เรา องค์ประถมบำเพ็นถึง 40 อสงไขย แต่ที่ผมรู้มา พระพุทธเจ้า ที่บำเพ็นบารมี มามากกว่านั้น ยังมี อยู่ ถ้าโลกธาตุ อาณาจักรท่าน ยิ่ง สวยงาม อลังการ น่าอยู่ มากแค่ใหน
    แสดงว่า ท่าน บำเพ็น บารมี มาเยอะมากกกกกกกกก อายุ ศาสนา ของบางองค์ก็เยอะ เปรียบเทียบ เช่น โลกธาตุเรา ผ่าน พระพุทธเจ้า มาเป็น 100 เป็น พัน องค์ แต่ศาสนาท่านก็ยังอยู่
    ความพิเศษ พิสดาร ยังมีอีกเยอะ ผมเอาเท่าที่ คิดออกครับ

    สรุปได้เลยว่า รูปร่างของพระพุทธเจ้า ในแต่ ละ มงคลจักรวาล จะแตกต่างต่างกัน ขึ้นอยู่
    กับ ลัษณะ ของสรรสัตว์ในโลกธาตุนั้นๆ และ การบำเพ็นบารมีของท่าน ที่ผ่านตาผมมานะ
    ผมว่า มีตาหูจมูก เหมือนเรา นี่แหละ แต่ ลักษณะ ความสวยงามของกายทิพย์ เท่านั้นที่ต่าง

    พระพุทธเจ้าเรา ที่ รูปร่างเป็นกายเนื้อ เพราะ มนุษย์ รูปร่างเป็นกายเนื้อหยาบ
    พระพุทธเจ้าที่อื่น รูปร่าง หยาบละเอียด อย่างไร ก็ขึ้นอยู่กับ ลักษณะสัตว์ที่นั่น และ บารมีของท่าน

    เช่น

    นับจากโลกธาตุเรา ไปทางทิศตะวันตก อีก 1 แสนล้านโกฏิ มงคลจักรวาล(อาณาจักรพระพุทธเจ้า) มีอาณาจักร พระพุทธเจ้าชื่อ สุขาวดีโลกธาตุ มีพระพุทธเจ้า นาม ว่า พระอมิตตา

    นับจากโลกธาตุเรา ไปทางทิศตะวันออก นับ มงคลจักรวาล(อาณาจักรพระพุทธเจ้า) อีกจำนวน 10 เท่าของเม็ดทรายใน คงคามหานที มี โลกธาตุ สีฟ้า ศุทธิไวฑูรยพุทธเกษตร พระพุทะเจ้านามว่า พระไภษัชยคุรุ

    อ่านมาเยอะ หลายคัมภีร์ หลายนิกาย แต่ ที่ผมอิง ผมเอามุม มองของมหายาน มาขยาย ครับ โดยเฉพาะเกี่ยวกับ โลก และ จักวาล ผมไม่ได้แต่งเองนะครับ เลย มาแบ่งเล่าให้ฟัง

    พระอมิตตา ผมเคย ค้น ใน หนังสือของ หลวงปู่ทวด ท่านเคยกล่าวแย็ปๆ ไว้ ส่วนหนัง สือ ใครฆ่าพระเจ้าตาก ของ ภิกษุณี วรมัยกบิลสิง ก็มี ประสบการณ์ ของ พระเจ้าตาก ตอนพระอมิตตา มาเยี่ยม เตือนสติครับ

    3.ผมว่าไม่ใช่องค์ประถมแน่ องค์ในอนันตจักวาล มีรึเปล่า ผมว่าจะไปค้น ดูครับ แต่ผม รู้จักคำหนึ่ง คือ แม่ของปวงพระพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 กันยายน 2004
  8. Unregistered

    Unregistered บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    เรียนคุณ websnow ที่นับถือ
    ที่คุณบอกว่า "ในพระไตรปิฏกตอนหนึ่งกล่าวไว้ทำนองว่า
    ตอนหนึ่งที่พระโมคคัลลาเหาะไปหาบาตรของพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน
    แล้วท่านเหาะไปอยู่ในจักรวาลหนึ่งและได้พบพระพุทธเจ้าองค์ให_่มากๆ
    ในอีกจักรวาลหนึ่ง พระโมคคัลลาจะองค์เท่าแมลงเมื่อเทียบกับพระพุทธเจ้าในต่างดาวต่างจักรวาล"
    กรุณาบอกด้วยว่าเล่มไหนครับ จะรีบไปอ่าน เพราะสงสัยเรื่องจักรวาลอื่น เหมือนกัน
    เล็ก
     
  9. WebSnow

    WebSnow ผู้ก่อตั้งเว็บพลังจิต ทีมงาน Administrator

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2003
    โพสต์:
    8,695
    กระทู้เรื่องเด่น:
    129
    ค่าพลัง:
    +64,019
    ผมเคยอ่านจากบางเว็ปครับ ตอนนี้ยบังหาไม่เจออีกเลย
    ถ้าใครเจอก็ช่วยโพส ถ้าผมเจอก็จะโพส
     
  10. WebSnow

    WebSnow ผู้ก่อตั้งเว็บพลังจิต ทีมงาน Administrator

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2003
    โพสต์:
    8,695
    กระทู้เรื่องเด่น:
    129
    ค่าพลัง:
    +64,019
    นับจากโลกธาตุเรา ไปทางทิศตะวันตก อีก 1 แสนล้านโกฏิ มงคลจักรวาล(อาณาจักรพระพุทธเจ้า) มีอาณาจักร พระพุทธเจ้าชื่อ สุขาวดีโลกธาตุ มีพระพุทธเจ้า นาม ว่า พระอมิตตา


    ********
    อันนี้น่าสนใจมาก ผมก็เคยได้ยินผ่านไมเหมือนกัน
    ผมสามารถหาอ่านได้ที่ไหน ?
     
  11. Unregistered

    Unregistered บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    พระไภษัชยคุรุไวฑูรยประภาสัปตพุทธปูรวปณิธานวิเศษสูตร - พระมหาปณิธาน 12 ประการแห่งองค์พระไภษัชยคุรุไวฑูรยประภาราชตถาคตเจ้า

    ดังที่ข้าพเจ้าได้สดับมา สมัยหนึ่งสมเด็จพระภควันต์ ทรงจาริกไปยังเมืองต่าง ๆ จนถึงมหานครไวศาลี แล้วทรงประทับอยู่ภายใต้ร่มเงาพฤกษา บรรเลงด้วยเครื่องสังคีตดนตรี ณ สถานที่แห่งนั้น ล้วนประกอบไปด้วยเหล่ามหาภิกษุจำนวน 8,000 รูป พระโพธิสัตว์มหาสัตว์อีก 36,000 พระองค์ รวมทั้งกษัตริย์ เจ้าเมือง พราหมณ์ บัณฑิตผู้ทรงปั__า เทวดา นาคและบรรดาสัตว์ทั้งหลายในคติ 8 อันได้แก่ เทวดา นาค ยักษ์ คนธรรพ์ อสูร ครุฑ กินนร มโหราค รวมถึงเหล่ากินนรอันมีจำนวนเป็นอัประไมย ต่างได้มาประชุมพรั่งพร้อมกัน ท่ามกลางสมาคมผู้มีความเลื่อมใสศรัทธา บัดนั้นสมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงตรัสแสดงธรรมเทศนา

    ณ เบื้องนั้น พระมั_ชุศรีธรรมราชกุมาร ผู้ซึ่งถึงพร้อมในพละแห่งพระพุทธเจ้าทั้งหลาย ทรงลุกขึ้นจากอาสนบัลลังก์ที่ประทับ แล้วลดผ้าเฉวียงบ่าขวาน้อมกายลงคุกเข่า ในด้านที่พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับ ทรงประคองหัตถ์ถวายอั_ชลี แล้วตรัสทูลต่อสมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ข้าแต่พระโลกนาถเจ้า ขอพระองค์โปรดตรัสแสดงพระนามของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย อุบายแห่งปณิธานอันสำคั_ ทั้งขอพระองค์ทรงแสดงมหาปณิธานอันวิเศษยอดเยี่ยมทั้งปวง เพื่อเป็นเหตุให้อกุศล วิบากกรรมทั้งปวงได้สู_สิ้นไป เปรียบประดุจดั่งการเคลื่อนวงล้อแห่งพระธรรม เพื่อยังความสุข ความเกษมให้สำเร็จแก่สรรพสัตว์ทั้งหลายด้วยเทอ_ พระพุทธเจ้าข้า

    บัดนั้น สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงตรัสสรรเสริ_พระมั_ชุศรีโพธิสัตว์ว่า ประเสริฐแล้ว ประเสริฐแล้ว มั_ชุศรี เธอประกอบด้วยมหากรุณาอันเป็นที่สุด ที่ได้ทูลขออาราธนาให้เราตถาคต ตรัสแสดงพระนามแห่งพระพุทธเจ้าทั้งหลาย อีกทั้งกุศลบารมี แห่งปณิธานของพระพุทธเจ้าทั้งหลายเหล่านั้น เพื่อจักเป็นการไถ่ถอนวิบากกรรมแลอกุศลกรรมทั้งปวงที่พันธนาการสรรรพสัตว์อยู่ให้สมุจเฉทสู_สิ้นไป และเพื่อจะยังประโยชน์สุขอันยิ่งให_่ ในการเคลื่อนวงล้อแห่งพระธรรมในครั้งนี้ด้วยอีกโสตหนึ่ง ดังนั้น ขอให้สรรพสัตว์ทั้งหลาย จงพึงได้สดับพระสัทธรรมนี้ เพื่อจักเป็นกุศลมูลอันนิรันดร์ ด้วยเหตุนี้ จึงเป็นการสมควรยิ่งแล้ว ที่เราตถาคตจะแสดงพระสัทธรรมนี้ให้ปรากฏ
    ในขณะนั้น พระมั_ชุศรีโพธิสัตว์ จึงกราบทูลว่า ขอพระองค์ ทรงแสดงพระสัทธรรมนี้ตามพระประสงค์ด้วยเทอ_ ข้าพระองค์ทั้งหลายมีความปิติปราโมทย์ พร้อมที่จะสดับพระสัทธรรมนี้แล้ว พระพุทธเจ้าข้า

    สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงมีพุทธดำรัสกับพระมั_ชุศรีโพธิสัตว์ว่า ดูก่อน มั_ชุศรี นับจากโลกธาตุแห่งนี้ไป ในเบื้องบูรพาทิศ ผ่านพุทธเกษตรนับจำนวนได้เท่ากับ เม็ดทรายในคงคานที 10 สายรวมกัน ยังมีโลกธาตุแห่งหนึ่งนามว่า "ศุทธิไวฑูรย์" มีพระผู้มีพระภาคเจ้านามว่า "ไภษัชยคุรุไวฑูรยประภาตถาคต" ซึ่งพระองค์ทรงตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เอง ทรงสมบูรณ์ถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ ทรงเสด็จแล้วด้วยดี ทรงเป็นผู้รู้แจ้งในโลก ทรงยอดเยี่ยมหาผู้มาเสมอเหมือนมิได้ ทรงเป็นผู้ฝึกบุรุษที่ควรฝึก ทรงเป็นบรมศาสดาของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ทรงเป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน และทรงเป็นที่พึ่งแห่งโลก
    มั_ชุศรี พระผู้มีพระภาคเจ้าไภษัชยคุรุไวฑูรยประภาตถาคตพระองค์นั้น ในสมัยที่พระองค์ยังทรงเสวยพระชาติเป็นโพธิสัตว์อยู่นั้น พระองค์ทรงได้กระทำสัจกิริยาประกาศมหาปณิธานไว้ 12 ประการ เพื่อโปรดอนุเคราะห์แก่สรรพสัตว์ทั้งหลาย ดังนี้


    มหาปณิธานประการที่ 1 เมื่อเรามาอุบัติยังโลก และได้บรรลุพระอนุตรสัมมาสัมโพธิ_าณแล้ว ณ บัดนั้น ขอให้กายของเราบังเกิดมีรัศมีสว่างไสวโชติช่วงประดุจเปลวเพลิง ฉายแสงประภาสอันหาประมาณมิได้ ส่องสว่างไปทั่วทั้งบริเวณโดยไร้ขอบเขต ไม่ติดขัดในโลกธาตุทั้งปวง ถึงพร้อมด้วย พุทธลักษณะที่สำคั_คือ ทวัตติงสะมหาบุรุษลักษณะ 32 ประการ อีกทั้งลักษณะอันวิเศษคือ อสีตยานุพยั_ชนะลักษณะ 80 ประการ อันเป็นที่น่าเลื่อมใสแลอลังการ จงได้สำเร็จแก่เรา และจะยังให้สรรพสัตว์ทั้งปวง ได้เสมอเหมือนโดยไม่มีผิดเพี้ยน หรือแตกต่างไปจากเราเลยแม้แต่น้อย
    มหาปณิธานประการที่ 2 เมื่อเรามาอุบัติยังโลก และได้บรรลุถึงพระโพธิ_าณแล้ว บัดนั้น ขอให้กายของเราสว่างไสวสุกใส ทอแสงรัศมีเสมือนดั่งรัตนไวฑูรย์ มีรัศมีอันปราศจากมลทินและความเศร้าหมอง ทั้งภายใน ภายนอก เป็นรัศมีแห่งกุศลบารมีอันยิ่งให_่ มีแสงรังสีสว่างไสวรุ่งเรืองยิ่งกว่าดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ แลแสงรัศมีนี้จงฉายส่องไปถึงนิรยภูมิ เบิกถอนความโง่เขลา ความมืดบอดของสรรพสัตว์ให้สิ้นไป เพื่อให้สรรพสัตว์ได้ดำเนินชีวิตไปตามความประสงค์ของแต่ละบุคคล
    มหาปณิธานประการที่ 3 เมื่อเรามาอุบัติยังโลก และได้บรรลุถึงพระโพธิ_าณแล้ว บัดนั้นด้วยอภิสัมโพธิปั__า_าณอันไม่มีประมาณ ที่ซึ่งไม่ข้องขัดในสิ่งทั้งปวงนั้น ขอให้สรรพสัตว์ทั้งหลาย จงได้พ้นจากความยากจนค้นแค้น พ้นจากความยากไร้ และจะไม่ต้องปราศไปจากสิ่งของต้องประสงค์ทั้งปวงอีก
    มหาปณิธานประการที่ 4 เมื่อเรามาอุบัติยังโลก และได้บรรลุถึงพระโพธิ_าณแล้ว หากมีสรรพสัตว์เหล่าใด ที่ประพฤติธรรมอันเป็นอกุศล เราจะเป็นผู้ทำให้เขาเหล่านั้น หันกลับมาประพฤติปฏิบัติจริยาอันเป็นแนวทางสู่พระโพธิมรรค รวมทั้งผู้ที่ปฏิบัติจริยาในสาวกยาน ปัจเจกยาน เราก็จะทำให้เขาทั้งหลายนั้น หันกลับมาประพฤติจริยา ตามปฏิปทาแห่งมหายานเช่นเรา
    มหาปณิธานประการที่ 5 เมื่อเรามาอุบัติยังโลก และได้บรรลุถึงพระโพธิ_าณแล้ว หากสรรพสัตว์ทั้งหลายอันไม่มีประมาณ ได้ประพฤติพรหมจรรย์ ตามคำสอนของเราและประพฤติปฏิบัติได้อย่างบริสุทธิ์ ถึงพร้อมใน ตรีวิธานิ ศีล แล้วถ้าหากได้ละเมิดในศีลนั้น ทำให้บังเกิดมีมลทินด่างพร้อย หากได้สดับนามแห่งเราแล้ว เขาผู้นั้นก็จะกลับคืนสู่ภาวะบริสุทธิ์ในทันที และจะไม่ตกไปสู่ห้วงแห่งอบายภูมิอีกต่อไป
    มหาปณิธานประการที่ 6 เมื่อเรามาอุบัติยังโลก และได้บรรลุถึงพระโพธิ_าณแล้ว หากแม้นว่ามีสรรพสัตว์ที่ทุพพลภาพ พิกลพิการ อายตนะทั้งหลายไม่สมบูรณ์ มีร่างกายอัปลักษณ์ สั__า วิปลาส สติไม่สมปะดี ตาบอด หูหนวก บ้าใบ้ ง่อยเปลี้ย เสียสติ ได้รับทุกขเวทนาจากโรคภัยต่าง ๆ หากได้สดับนามแห่งเราแล้ว ขอให้สรรพสัตว์ทั้งหลายนั้น จงกลับกลายเป็นผู้มีร่างกายที่งดงาม สง่า มีอายตนะครบถ้วนบริบูรณ์ อวัยวะต่าง ๆ สมบูรณ์และปราศจากโรคภัยทั้งปวง
    มหาปณิธานประการที่ 7 เมื่อเรามาอุบัติยังโลก และได้บรรลุถึงพระโพธิ_าณแล้ว หากมีสรรพสัตว์ ที่ประสบโรคร้ายต่าง ๆ แต่ปราศจากผู้ชี้แนะ ปราศจากแพทย์ผู้รักษา ไร้_าติขาดมิตร ไม่มีแม้กระทั่งที่พักพิงอาศัย ต้องผจ_กับความลำบากทุกข์เข็_นานัปการ หากเขาเหล่านั้นได้สดับนามแห่งเราแล้ว โรคาพาธและทุกข์ที่มีอยู่ก็จักสู_สิ้นไป จักมีความสุขทั้งกายและใจ วงศ์ตระกูลจะสุขสมบูรณ์พูนผล อุดมด้วยโภคทรัพย์สมบัติ และเขาผู้นั้นก็จะได้บรรลุถึงพระอนุตรสัมโพธิ_าณในที่สุด
    มหาปณิธานประการที่ 8 เมื่อเรามาอุบัติยังโลก และได้บรรลุถึงพระโพธิ_าณแล้ว หากมีสตรีเพศใดที่ประสบกับความทุกข์ มีความกลัดกลุ้มใจ เบื่อหน่าย มีจิตที่ปรารถนาต้องการจะหลุดพ้นจากสภาพกายของสตรี หากเธอผู้นั้นได้สดับนามแห่งเราแล้ว ขอให้รูปกายและสิ่งต่าง ๆ ที่เป็นห_ิงจงกลับกลายเป็นบุรุษสภาพโดยสมบูรณ์ และเธอผู้นั้นก็จะได้บรรลุพระอนุตรสัมโพธิ_าณในที่สุด
    มหาปณิธานประการที่ 9 เมื่อเรามาอุบัติยังโลก และได้บรรลุถึงพระโพธิ_าณแล้ว หากมีสรรพสัตว์เหล่าใดที่เข้าสู่กระแสข่ายแห่งมาร เราจะช่วยให้เขาได้พ้นจากกระแสข่ายแห่งมารนั้น ให้ได้พ้นจากความหลงผิด อวิชชาทั้งปวง หากแม้นผลแห่งอกุศลกรรมที่สรรพสัตว์เหล่านั้นได้กระทำไว้ จะเป็นเหตุให้ไปสู่นรกภูมิ เราจะขอเป็นผู้ระงับมิจฉาทิฐิของสรรพสัตว์ทั้งหลายเอง แลจะช่วยให้เหล่าสรรพสัตว์นั้น ได้บังเกิดมีสัมมาทิฐิ หันมาบำเพ็_จริยาของพระโพธิสัตว์ และจะ ช่วยให้สำเร็จถึงพร้อมในพระโพธิ_าณได้โดยไว
    มหาปณิธานประการที่ 10 เมื่อเรามาอุบัติยังโลก และได้บรรลุถึงพระโพธิ_าณแล้ว หากมีสรรพสัตว์เหล่าใดที่ต้องคดีอา_าหลวง ถูกจองจำ ถูกพันธนาการด้วยโซ่ตรวน ถูกโบยตี หรือต้องคดีประหารชีวิตด้วยอา_าให_่ น้อย ต้องประสบภยันตราย ถูกข่มเหง ดูถูกเหยียดหยาม ไม่ได้รับความกรุณา ได้รับแต่ทุกขเวทนา ทั้งกายและใจเป็นที่ยิ่ง หากเมื่อได้สดับนามแห่งเรา แล้ว ด้วยคุณธรรมบารมีอันยิ่งให_่ของเรานั้น ขอให้สรรพสัตว์ทั้งหลาย จงได้หลุดพ้นสิ้นจากความทุกข์ทรมานทั้งปวง
    มหาปณิธานประการที่ 11 เมื่อเรามาอุบัติยังโลก และได้บรรลุถึงพระโพธิ_าณแล้ว หากมีสรรพสัตว์เหล่าใดที่ได้รับทุกข์ทรมานจากทุพภิกขภัย ( ข้าวยากหมากแพง ) อดอยากหิวกระหาย อีกทั้งผู้ที่ต้องกระทำกรรมชั่วเพื่อเลี้ยงชีพของตน เมื่อเขาได้สดับนามแห่งเราแล้ว และตั้งจิตอธิษฐานภาวนาถึงเราในเบื้องแรกทิพยบริภัณฑ์แลทิพยสุธาโภชน์ ก็จะได้สำเร็จแก่เขาผู้นั้นอย่างบริบูรณ์ และในเบื้องอันเป็นที่สุดนั้น เขาจะได้เสวยอมฤตธรรม จะเป็นผู้ที่ถึงพร้อมในบรมสุขอันเยี่ยมยอดจำนวนอประมาณ
    มหาปณิธานประการที่ 12 เมื่อเรามาอุบัติยังโลก และได้บรรลุถึงพระโพธิ_าณแล้ว หากมีสรรพสัตว์ผู้อนาถา ขาดแคลนเครื่องนุ่งห่ม ได้รับโรคภัยจากแมลงต่าง ๆ ผจ_กับอากาศหนาวร้อน ทุกวันคืน ได้รับแต่ความทุกข์ทรมาน เมื่อได้สดับนามแห่งเราแล้ว และตั้งจิตภาวนาสาราณียะ ด้วยความยึดมั่น ความทุกข์ทรมานทั้งหลายนั้น ก็จะมลายหมดสิ้นไป เขาจะได้รับวัตถาภรณ์แพรพรรณอันเป็นทิพย์ในทันที อีกจะพรั่งพร้อมไปด้วยรัตนมณีอันมีค่าทั้งปวง เครื่องหอม เครื่องสังคีตดนตรีทั้งหลาย ก็จะได้สำเร็จแก่เขาผู้นั้นอย่างบริบูรณ์

    ดูก่อน มั_ชุศรี นี่คือปฏิปทาปณิธาน แห่งองค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าไภษัชยคุรุไวฑูรยประภาตถาคตพระองค์นั้น พระผู้ทรงตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เอง ในกาลสมัยที่พระองค์ทรงบำเพ็_จริยาเสวยพระชาติเป็นโพธิสัตว์อยู่นั้น พระองค์ทรงได้ประกาศมหาปณิธานนี้ เพื่อจะยังพุทธเกษตรอันวิเศษสมบูรณ์ ให้บังเกิดขึ้นด้วยองค์คุณแห่งมหาปณิธานนั้น ถ้าหากว่าเราตถาคต (พระศรีศากยมุนีพุทธเจ้า) จะพรรณนาถึงพุทธเกษตรแห่งนั้นไปตลอดเวลา 1 กัลป์ ก็มิอาจที่จะพรรณนาได้หมดสิ้น ดินแดนพุทธเกษตรแห่งนั้นบริสุทธิ์ วิเศษ น่าอภิรมย์เป็นยิ่งนัก ปราศจากซึ่งวิบากกรรมและอกุศลกรรมทั้งปวง ปราศจากสรรพสำเนียงแห่งความทุกข์ พื้นเมทนีดลของโลกธาตุแห่งนั้น ก็มีสีดั่งรัตนไวฑูรย์ มีข่ายกระดึงทองเชื่อมโยงติดต่อกันกับโลกธาตุแห่งนี้(สหาโลกธาตุ)พรั่งพร้อมไปด้วยปราสาท ราชมณเฑียร วิหาร ชาลมาลา ราชรถ อันล้วนแต่ประดับประดารังสรรค์ด้วยสัตปรัตนมณีทั้งสิ้น ซึ่งอลังการแลวิจิตรพิสดาร ไม่พร่อง ไม่แตกต่าง ไม่ผิดเพี้ยน จากสุขาวดีโลกธาตุ เบื้องทิศาด้านตะวันตกเลยแม้แต่น้อย ในศุทธิไวฑูรย์พุทธเกษตรแห่งนั้น มีพระโพธิสัตว์ มหาสัตว์อยู่ 2 พระองค์ นามว่า สุริยะประภา พระองค์หนึ่งและ จันทรประภา พระองค์หนึ่ง พระโพธิสัตว์ มหาสัตว์ทั้ง 2 พระองค์นี้ ประทับอยู่เป็นประธานในหมู่โพธิสัตว์อันมีจำนวนมากมายเหลือคณานับ เป็นอัครสาวกแห่งพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น(พระไภษัชยคุรุไวฑูรยประภาตถาคต) มีความเข้าใจ รู้แจ้งในธารณี กุศโลบาย ของพระผู้มีพระภาคเจ้าไภษัชยคุรุไวฑูรยประภาตถาคต แลประทับอยู่ ณ ท่ามกลางรัตนธาตุมณฑล เป็นดั่งนั้น มั_ชุศรี เหล่ากุลบุตร กุลธิดาทั้งหลาย สมควรตั้งจิตปรารถนาเพื่อที่จะไปจุติ ณ ศุทธิไวฑูรย์พุทธเกษตร อันเกษม แห่งนั้นเทอ_

    =================================

    คัดจากบางส่วนใน "พระไภษัชยคุรุไวฑูรยประภาสัปตพุทธปูรวปณิธานวิเศษสูตร" พิมพ์ถวายเป็นพระราชกุศลแด่องค์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พ.ศ.2544 แปลและเรียบเรียงโดยคุณวิศวภัทร มณีปัทมเกตุ (ท่านผู้แปลต้องการให้นํามาเผยแผ่เพื่อเป็นธรรมบรรณาการแด่ผู้ที่สนใจและศึกษาพระสูตรที่สําคั_ในพุทธมหายานทุกท่าน)
     
  12. Unregistered

    Unregistered บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    พระไภษัชยคุรุไวฑูรยประภาตถาคตปูรวปณิธานสูตรนี้ ได้แปลลงสู่ภาษาจีนจากภาษาสันสกฤต โดย พระตรีปิฏกธราจารย์ (เฮี้ยน จั้ง) หรือที่รู้จักกันดีในนาม พระถัง ซำ จัง ในปีพุทธศักราชที่ 1193 ซึ่งไม่สู้เป็นที่รู้จักของพุทธศาสนิกชนชาวไทยเท่าไรนัก พระสูตรนี้กล่าวถึง พระพุทธประวัติ มหาปณิธานและอานิสงค์บารมีในการกราบไหว้บูชา พระไภษัชยคุรุฯพุทธเจ้า ชาวพุทธจีนจะรู้จักท่านในนามว่า "เอี๊ยะ ซือ หยู ไล" เป็นพระพุทธเจ้าที่มีคุณในการรักษาโรคทั้งทางกายทุกชนิด และโรคทางใจ คือ การเวียนว่ายตายเกิดอีกด้วย ชาวพุทธเถรวาท ก็รู้จักพระพุทธเจ้าพระองค์นี้ ในนามของ "พระกริ่ง" ซึ่งเราจะสังเกตได้จากพระหัตถ์ของพระกริ่งว่า จะถือวัตถุคล้ายกับดอกบัว แต่ที่จริงคือ บาตร หรือ ผอบยาอมฤต สำหรับรักษาเยียวยาโรคภัยของสรรพสัตว์นั้นเอง บางแห่งจะถือรัตนเจดีย์

    ถ้าใครเคยเข้าร่วมพิธีกงเต็กหรือเคยเข้าไปในวัดจีน เช่น วัดมังกรฯ พระไภสัชคุรุฯท่านจะประดิษฐานอยู่ด้านขวามือ ถ้าเราหันหน้าเข้าไป พระหัตถ์ถือ
    ขวดบ้าง เจดีย์บ้าง สิ่งนั้นไทยเรียกยาอคต คนจีนไม่ค่อยนับถือพระพุทธ
    เจ้าพระองค์นี้อย่างแพร่หลาย เนื่องจากเคารพพระอมิตาภฯมากกว่า เพราะมี
    ผลมาจากนิกายสุขาวดี ซึ่งคนจีนจะนับถือมาก ส่วนคนไทยรู้จักพระองค์ในตำราแพทย?์แผนโบราณ เนื่องจากมีพระนามหนึ่งเรียกพระพุทธเจ้าพระองค์นี้ว่า พระพุทธเจ้าหมอยาบรรดาแพทย์ไทย และหมอยาไทยเก่าๆจะรู้จักพระพุทธเจ้าพระองค์นี้ดี

    ขอให้ข้อสังเกตนิดหนึ่งว่าพระพุทธเจ้าทั้ง 3 พระองค์ที่สำคั_ในสายมหายาน
    ข้างจีนนิกายนั้น ต่างก็มีพระสั_ลักษ_์ของวิเศษประจำ คือ พระศายกมุณีพุทธเจ้า สั_ลักษณ์เป็นบาตร หรือมุก พระอมิตาภพุทธเจ้าสั_ลักษณ์เป็นดอกบัว พระไภสัชคุรุพุทธเจ้า สั__ลักษณ์เป็นขวดยาอคต

    ปณิธานหลักของท่านคือการขจัดโรคทั้งหลายของสรรพสัตว์ให้สิ้นไป ผู้ที่ไปอุบัติในแดนพุทธเกษตรของพระองค์จะเป็นผู้ไม่มีโรค คำว่า โรคะนี้แปลตามตัว แปลว่า "เสียดแทง" ดังนั้นในทางธรรมแล้วหมายความถึงกิเลส อันเป็นเครื่องเสียดแทงใจของสรรพสัตว์ให้ร้อนรนอยู่ในสังสาร

    สำหรับธารณีประจำพระองค์ซึ่งปรากฎในไภษัชยคุรุไวฑูรยประภาตถาคตสูตรเป็นดังนี้

    นำ มอ ปอ แค ฟา ตี ปี ซา แซ ลิว ลู เผก ลิว ลี ปอ ลา พอ ฮอ ลา
    แซ แย ตัน ทอ กิต ตอ แย ออ ลา ฮอ ตี ซำ เมียว ซำ ฝุด ทอ แย
    ตัน จี ทอ งัน ปี ซา ซือ ปี ซา ซือ ปี ซา แซ ซำ มก กิต ตี ซอ ฮอ

    สำหรับภาคภาษาสันสกฤต สามารถหาอ่านได้ใน ฉบับภาษาไทย ซึ่งแปลโดย
    อ.ฉัตรสุมาลย์ ม.ธรรมศาสตร์

    มหาธารณีแห่งองค์พระไภษัชยคุรุไวฑูรยประภาราชตถาคตเจ้า มีดังนี้

    นโม ภาควเต ไภษชฺเย คุรุ ไพฑูรฺยปรฺภ ราชาย ตถาคตาย อรฺหเต สมฺยกฺสํพุทฺธาย ตทฺยถา โอม ไภษชฺเย ไภษชฺเย มหาไภษชฺเย ราชา สมุทฺคเต สฺวาหา

    องค์สมเด็จพระศรีศากยมุนีพุทธเจ้าได้ตรัสถึงความศักดิ์สิทธิ์ของพระมหาธารณีนี้แก่พระมั_ชุศรีธรรมราชกุมารผู้ซึ่งถึงพร้อมในพละแห่งพระพุทธเจ้าทั้งหลาย ไว้ดังนี้ .....

    มั_ชุศรี หากได้พบชาย ห_ิงที่มีโรคภัยไข้เจ็บ ได้รับทุกขเวทนาพึงตั้งจิตให้แน่วแน่ แล้วปฏิบัติต่อผู้ป่วยไข้ดังนี้ ชำระร่างกายเขานั้นให้สะอาด ปรุงอาหาร ยาและน้ำโดยปราศจากแมลงหรือหนอน (สิ่งสกปรก) แล้วภาวนา(เสกด้วย) พระธารณีนี้ 108 จบ ให้ผู้ป่วยดื่ม กินอาหารและยานั้น โรคภัยไข้เจ็บที่มีอยู่ก็จะระงับและดับสิ้นไป หากมีสิ่งปรารถนาต้องการ ก็ควรตั้งจิตให้บริสุทธิ์ ศรัทธาตั้งใจสาธยายพระธารณี(พระสูตรและพระนาม) นี้ ปณิธานก็จะสำเร็จสมดั่งปรารถนา อีกเขาผู้นั้นก็จะปราศจากโรคภัยไข้เจ็บทั้งปวง มีอายุสิริวัฒนา และหลังจากที่สิ้นอายุขัยแล้วก็จะได้บังเกิด ณ แดนศุทธิไวฑูรย์พุทธเกษตรแห่งนั้น โดยไม่ต้องกลับมาว่ายเวียนอยู่ในสังสารวัฏอีก จะเป็นผู้ที่เสถียรมั่นคงไม่เสื่อมถอยในพระอนุตรสัมมาสัมโพธิ_าณ

    เป็นดั่งนั้น มั_ชุศรี หากมีกุลบุตร กุลธิดาใด ๆ ที่เคารพศรัทธา บูชาในพระไภษัชยคุรุไวฑูรยประภาตถาคตเจ้าพระองค์นั้น พึงได้ถวายความเคารพสักการะบูชา รักษาในพระธารณีนี้ และหากท่องจำได้โดยไม่ลืมเลือนแล้วไซร้ เขาผู้นั้นก็จะไม่ต้องพิกลพิการเลย

    มั_ชุศรี หากมีชาย ห_ิง ที่เสื่อมใสศรัทธาอย่างบริสุทธิ์ ได้สดับฟังพระนามพระไภษัชยคุรุไวฑูรยประภาตถาคตเจ้าแล้วท่องจำได้ ได้สวดภาวนาในพระนามนั้น ในเมื่อยามเช้าให้เคี้ยวไม้สีฟัน (สมัยโบราณ จะเคี้ยวกิ่งข่อยให้ละเอียดแล้วทำความสะอาดฟัน) และอาบน้ำชำระร่างกายให้สะอาดหมดจด ถวายสักการะบูชาด้วย สุคันธชาติ เครื่องหอมแลธูปร่ำ บรรเลงสังคีตดนตรี ถวายสักการะต่อพระสูตรนี้ อนึ่ง ถ้าหากแม้นได้ทำการคัดลอกด้วยตนเองหรือสอนแนะนำให้ผู้อื่นคัดลอก หรือได้อั_เชิ_พระสูตรนี้ออกเผยแผ่สั่งสอนต่อเหล่าเวไนยสัตว์ ได้สดับถึงนัยยะอันสำคั_ของพระสูตรนี้และรับปฏิบัติตามด้วยด้วยจิตที่มั่นคง บังควรทำการถวายเครื่องอุปถากด้วยกัปปิยภัณฑ์ ปัจจัยที่จำเป็นแก่พระธรรมมาจารย์ที่สั่งสอนธรรมนั้น โดยมิให้ท่านต้องลำบากหรือขาดแคลน เมื่อกระทำได้ดังนี้แล้วไซร้ พระพุทธเจ้าทั้งปวงก็จะทรงอภิบาลดูแลรักษา แม้ปรารถนาหรือวอนขอสิ่งใด ก็จะได้สมหวังดังปณิธานทุกประการ และเบื้องอันเป็นที่สุดนั้นก็จะได้บรรลุถึงพระอนุตรสัมมาสัมโพธิ_าณ

    "ธิเบต เรียก ซัง.เกีย.มน.ลา จีนเรียก เอี๊ยะซือฮุก

    พระพุทธเจ้าแห่งทิศตะวันออก จอมราชันย์แห่งศาสตร์การแพทย์ พระวรกายสีน้ำเงินประดุจท้องฟ้าอันยิ่งให_่มหาศาล พระหัตถ์ขวาในท่าภาวนา พระหัตถ์ซ้ายถือบาตรยาหรือหม้อยา พระกริ่งที่สร้างกันในประเทศไทยก็คือพระพุทธเจ้าพระองค์นี้ ศาสตร์การแพทย์คือศาสตร์ที่พระศากยะมุนีพุทธเจ้าทรงยกย่องว่าเป็นสุดยอดแห่งศาสตร์ทั้งปวง การแพทย์แห่งพุทธเน้นแนวทางในการรักษาแบบองค์รวม นั่นคือเน้นความสัมพันธ์ในการรักษาทั้ง กาย วาจา ใจไปพร้อมกัน โดยใช้สมุนไพรใบยา การภาวนามนตรา สมาธิจิต ความอ่อนแอในทางสุขอนามัยของสรรพสัตว์ซึ่งเป็นตัวขัดขวางการบำเพ็_เพียรเพื่อสู่การหลุดพ้น เป็นเหตุให้พระไภษัชยฯ พุทธเจ้าต้องเสด็จมาเพื่อโปรดสรรพสัตว์ พระองค์ทรงเข้าร่วมในกิจกรรมทางการแพทย์ทุกขั้นตอน พีธีกรรมในการปรุงยาพระองค์ทรงเป็นประธานและผู้ลงมือกระทำการเพื่อความมีประสิทธิภาพสูงสุดแห่งยา ในการรักษา การภาวนาพระองค์ทรงประทานคาถาในการภาวนาเพื่อความเชื่อมั่น แน่วแน่ในการปฏิบัติ บําเพ็_สู่สุขภาพที่ดี การทําสมาธิน้อมอั_เชิ_พระองค์เข้าสู่ตัวเรา หลอมรวมพระองค์และเราเป็นหนึ่งเดียว ความเจ็บป่วยทั้งปวงจะถูกหลอมละลายเป็นอากาศธาตุ พระองค์และเราเข้าสู่ศูนยตาสภาวะ เมื่อเราออกจากสมาธิในสภาวะว่างเปล่านั้นคือ โรคภัยไข้เจ็บต่างๆ ได้มลายหายไปด้วย ปัจจุบันเป็นที่ยอมรับกันในวงการแพทย์อย่างกว้างขวางว่า สมาธิจิตเป็นยาวิเศษชนิดหนึ่งในการบำบัดความเจ็บป่วย การรักษาในแนวทางแห่งพุทธนี้ไม่เพียงได้ความสุขทางกายเพียงประการเดียว สมาธิจิตที่ได้เป็นยานพาหนะนำพาเราเข้าสู่การหลุดพ้น สู่ความเป็นพุทธะในที่สุด บังเกิดความสุขอันนิรันดร์"

    จาก ..... http://www.mahayana.in.th/

    วันคล้ายวันประสูติกาล พระไภษัชยคุรุไวฑูรยประภาตถาคต วันที่ 30 เดือน 9 จันทรคติจีน

    ธารณีนี้พระสงฆ์จีนนิกายนำมาสังวัธยายในกิจพิธีมงคลทั้งหลายอาทิเช่น
    พิธีบูชาดาว (จั๊งแช),บทสวดบูชานพเคราะห์, ก็เพื่ออาศัยพุทธานุภาพ
    ของพระไภษัชยคุรุพุทธเจ้าขจัดทุกข์ให้แก่สาธุชนทั้งหลาย

    อนึ่งในพระสูตรนี้ (พระไภษัชยคุรุไวฑูรยประภาตถาคตสูตร) ยังมีธารณี
    ต่างๆ อีกมาก อาทิ ธารณีของมหาเสนายักษ์ทั้ง 12 ตนซึ่งกล่าวสรรเสริ_
    พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ประทานไว้ ว่าผู้ใดมีความปรารถนาสิ่งใดให้นำ
    เชือกมาผูกเป็นปมแลว้สวดภาวนาธารณีของท่าน เมื่อสำเร็จสมประสงค์
    แล้วพึงแก้ปมเชือกนั้นออก นี้เป็นคติความเชื่อมหายานดังจะเห็นได้จาก
    พิธีบูชาดาวของมหายานในไทย พระเถราจารย์ผู้ประกอบพิธีจะใช้เหรีย_
    ร้อยเชือกแดงจำนวน 3 เส้นแทนปมชื่อมหาเสนายักษ์ทั้ง 12 ตน เมื่อเสร็จ
    พิธีกล่าวคาถาแล้วจึงแก้ปมให้เหรีย_นั้นหล่นลงมา เปรียบเสมือนการคลาย
    ปมอันผูกมัดสรรพสัตว์ให้เวียนว่ายในวังวนทุกข์ให้หมดไป ก็อาศัยหลักการ
    ตามพระสูตรนี้เช่นกัน

    พระสูตรที่กล่าวถึงพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นี้ที่สำคั_มี 2 พระสูตร คือ

    1. พระไภษัชยคุรุไวฑูรยประภาตถาคตสูตร
    2. พระไภษัชยคุรุไวฑูรยประภาสัปตพุทธปูรวปณิธานวิเศษสูตร

    พระสูตรกล่าวถึงพระไภษัชยคุรุพุทธ แต่เพียงพระองค์เดียว ส่วนพระสูตรที่ 2 นั้นกล่าวถึงพระพุทธเจ้าทางเบื้องทิศตะวันออก อีกจำนวน 6 พระองค์รวมเป็น 7 พระองค์ ซึ่งเนื้อหาของพระสูตรที่ 2 บทที่กล่าวถึงพระไภษัชยคุรุพุทธนั้นมีเนื้อความใกล้เคียงกับฉบับแรกเป็นอันมากสันนิษฐานว่าน่าจะเกิดจากการรจนาขึ้นของพระเถราจารย์ในยุคนั้น เนื่องจากในลักธิเต๋ามีการบูชาดาวนพเคราะห์ทั้ง 9 เพื่อเป็นการดึงศรัทธาจึงควรเพิ่มเติมหลักการในเรื่องนี้
    เข้าไปในคำสอนทางศาสนา

    พระสูตรทั้งสองนี้มีแปลออกเป็นภาคภาษาไทยแล้วโดยฉบับแรกแปลโดย อ.ฉัตรสุมาลย์ ม.ธรรมศาสตร์ ฉบับที่ 2 แปลโดย คุณภาคภูมิหรือคุณวิศวภัทร ผู้เป็นยุวชนของวัดโพธิ์แมน เนื้อความ ภาษาของทั้งสองฉบับมีความใกล้เคียงกันมาก

    ต้องขอแก้ไขเล็กน้อยคือ พระสูตรที่ท่านอาจารย์ รศ.ดร.ฉัตรสุมาลย์ กบิลสิงห์ (ครั้งเมื่อยังเป็นฆราวาส) ได้แปลและเรียบเรียงไว้เมื่อ พ.ศ.2529 จากต้นฉบับภาษาอังกฤษนั้น คือ "พระไภษัชยคุรุไวฑูรยประภาตถาคตสูตร" อันกล่าวถึงพระไภษัชยคุรุไวฑูรยประภาราชตถาคตเจ้าเพียงพระองค์เดียว ส่วนคุณวิศวภัทร มณีปัทมเกตุได้แปลและเรียบเรียงพระสูตรทั้งสอง คือพระสูตรที่กล่าวถึงพระไภษัชยคุรุไวฑูรยประภาราชตถาคตเจ้าเพียงพระองค์เดียว โดยใช้ชื่อว่า
     
  13. Unregistered

    Unregistered บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    โปรดศึกษาพระสูตรทางมหายานด้วยวิจารณ_านอันสุขุมรอบคอบ ความขัดแย้งกับพระไตรปิฎกของทางเถรวาทก็มีมาก
     
  14. Unregistered

    Unregistered บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    ขอบคุณมากๆ นับว่าได้เปิดหูเปิดตา ทีเดียว
    นึกสงสัยอยู่เหมือนกันว่าต้องเป็นคัมภีร์ทางมหายาน

    เล็ก
     
  15. WebSnow

    WebSnow ผู้ก่อตั้งเว็บพลังจิต ทีมงาน Administrator

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2003
    โพสต์:
    8,695
    กระทู้เรื่องเด่น:
    129
    ค่าพลัง:
    +64,019
    จูฬนีสูตร

    หน้าที่ ๒๕๗.
    อรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าเล่า ทรงสามารถที่จะทำโลกธาตุเท่าไรให้รู้แจ้งได้ด้วย
    พระสุรเสียง ฯ
    พ. ดูกรอานนท์ นั้นเป็นสาวก ส่วนพระตถาคตนับไม่ถ้วน
    ท่านพระอานนท์ ได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคแม้เป็นครั้งที่ ๓ ว่า ข้าแต่
    พระองค์ผู้เจริ_ ข้าพระองค์ได้สดับรับฟังมาเฉพาะพระพักตร์พระผู้มีพระภาคว่า ดูกร
    อานนท์ สาวกของพระสิขีสัมมาสัมพุทธเจ้าซึ่งมีนามว่า อภิภู ยืนอยู่ในพรหมโลก
    ทำให้พันโลกธาตุรู้แจ้งได้ด้วยเสียง พระเจ้าข้า ส่วนพระผู้มีพระภาคอรหันต-
    *สัมมาสัมพุทธเจ้าเล่า ทรงสามารถที่จะทำโลกธาตุเท่าไรให้รู้แจ้งได้ด้วยพระ-
    *สุรเสียง ฯ
    พ. ดูกรอานนท์ เธอได้ฟังเรื่องพันโลกธาตุ เพียงเล็กน้อย ฯ
    อา. ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ข้าแต่พระสุคต บัดนี้เป็นกาลเวลาแห่ง
    เทศนาที่พระองค์จะพึงตรัส ภิกษุทั้งหลายได้สดับธรรมเทศนาของพระผู้มีพระภาค
    แล้ว จักทรงจำไว้ ฯ
    พ. ดูกรอานนท์ ถ้าอย่างนั้น เธอจงฟัง จงใส่ใจให้ดี เราจักกล่าว
    ท่านพระอานนท์ทูลรับสนองพระผู้มีพระภาคแล้ว พระผู้มีพระภาคได้ตรัสว่า ดูกร
    อานนท์ จักรวาลหนึ่งมีกำหนดเท่ากับโอกาสที่พระจันทร์พระอาทิตย์โคจร ทั่วทิศ
    สว่างไสวรุ่งโรจน์ โลกมีอยู่พันจักรวาลก่อน ในโลกพันจักรวาลนั้น มีพระจันทร์
    พันดวง มีอาทิตย์พันดวง มีขุนเขาสิเนรุพันหนึ่ง มีชมพูทวีปพันหนึ่ง มี
    อปรโคยานทวีปพันหนึ่ง มีอุตตรกุรุทวีปพันหนึ่ง มีปุพพวิเทหทวีปพันหนึ่ง มี
    มหาสมุทรสี่พัน มีท้าวมหาราชสี่พัน มีเทวโลกชั้นจาตุมหาราชิกาพันหนึ่ง มี
    เทวโลกชั้นดาวดึงส์พันหนึ่ง มีเทวโลกชั้นยามาพันหนึ่ง มีเทวโลกชั้นดุสิตพัน
    หนึ่ง มีเทวโลกชั้นนิมมานรดีพันหนึ่ง มีเทวโลกชั้นปรนิมมิตวสวัสตีพันหนึ่ง มี
    พรหมโลกพันหนึ่ง ดูกรอานนท์ นี้เรียกว่าโลกธาตุอย่างเล็กมีพันจักรวาล โลก
    คูณโดยส่วนพันแห่งโลกธาตุอย่างเล็ก ซึ่งมีพันจักรวาลนั้น นี้เรียกว่าโลกธาตุ
    อย่างกลางมีล้านจักรวาล โลกคูณโดยส่วนพันแห่งโลกธาตุ อย่างกลางมีล้าน
    จักรวาลนั้น นี้เรียกว่าโลกธาตุอย่างให_่ประมาณแสนโกฏิจักรวาล ดูกรอานนท์
    --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
    หน้าที่ ๒๕๘.
    ตถาคตมุ่งหมายอยู่ พึงทำโลกธาตุอย่างให_่ประมาณแสนโกฏิจักรวาลให้รู้แจ้งได้
    ด้วยเสียง หรือทำให้รู้แจ้งได้เท่าที่มุ่งหมาย ฯ
    อา. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริ_ ก็พระผู้มีพระภาคพึงทำโลกธาตุอย่างให_่
    ประมาณแสนโกฏิจักรวาล ให้รู้แจ้งด้วยพระสุรเสียง หรือทำให้รู้แจ้งได้เท่าที่
    พระองค์ทรงมุ่งหมายอย่างไร ฯ
    พ. ดูกรอานนท์ พระตถาคตในโลกนี้ พึงแผ่รัศมีไปทั่วโลกธาตุอย่าง
    ให_่ประมาณแสนโกฏิจักรวาล เมื่อใด หมู่สัตว์พึงจำแสงสว่างนั้นได้ เมื่อนั้น
    พระตถาคตพึงเปล่งพระสุรเสียงให้สัตว์เหล่านั้นได้ยิน พระตถาคตพึงทำให้โลกธาตุ
    อย่างให_่ประมาณแสนโกฏิจักรวาลให้รู้แจ้งได้ด้วยพระสุรเสียง หรือพึงทำให้รู้
    แจ้งได้เท่าที่พระองค์ทรงมุ่งหมาย ด้วยอาการเช่นนี้แล ฯ
    เมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสดังนี้แล้ว ท่านพระอานนท์ ได้กราบทูลว่า เป็น
    ลาภของข้าพระองค์หนอ ข้าพระองค์ได้ดีแล้วหนอที่ข้าพระองค์มีพระศาสดาผู้มีฤทธิ์
    มีอานุภาพมากอย่างนี้ เมื่อท่านพระอานนท์กราบทูลอย่างนี้แล้ว ท่านพระอุทายีได้
    กล่าวกะท่านพระอานนท์ว่า ดูกรอานนท์ ในข้อนี้ท่านจะได้ประโยชน์อะไร ถ้า
    ศาสดาของท่านมีฤทธิ์ มีอานุภาพมากอย่างนี้ เมื่อท่านพระอุทายีกล่าวอย่างนี้ พระผู้มี-
    *พระภาคได้ตรัสกะท่านพระอุทายีว่า ดูกรอุทายี เธออย่าได้กล่าวอย่างนี้ ถ้าอานนท์
    ยังไม่หมดราคะเช่นนี้ พึงทำกาละไป เธอพึงเป็นเจ้าแห่งเทวดาในหมู่เทวดา ๗ ครั้ง
    พึงเป็นเจ้าจักพรรดิในชมพูทวีปนี้แหละ ๗ ครั้ง เพราะจิตที่เลื่อมใสนั้น ดูกรอุทายี
    ก็แต่ว่าอานนท์จักปรินิพพานในอัตภาพนี้เอง ฯ
    จบอานันทวรรคที่ ๓
     
  16. WebSnow

    WebSnow ผู้ก่อตั้งเว็บพลังจิต ทีมงาน Administrator

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2003
    โพสต์:
    8,695
    กระทู้เรื่องเด่น:
    129
    ค่าพลัง:
    +64,019
    เมื่อ 2 ปีที่แล้ว
    มีพี่คนหนึ่งได้เคยไปถามคำถามแนวๆนี้ กับ
    ท่านพระอาจารย์เล็ก สุทัมปั_โ_
    ท่านได้มีเมตตาตอบคำถามมาว่า
    สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
    พระองค์จะทรงตรัสรู้ที่ ชมพูทวีปที่เดียวเท่านั้น
    และ ชมพูทวีปก็จะมีที่แห่งเดียวคือ ที่โลกของเรานี้เท่านั้น
    หลวงพี่เล็ก ท่านยังบอกอีกว่า
    เหตุที่ พระพุทธองค์ต้องทรงตรัสรู้ที่โลกเราก็เพราะว่า
    ที่โลกเรานี้ยังมีความทุกข์มากอยู่
    ไม่ใช่ว่า ที่จักรวาลอื่นหรือดาวดวงอี่นไม่มีหนะครับ
    มีครับ แต่ในจักรวาลของเขา หรือ ดาวเหล่านั้น
    เขามีความสุข และ ความสบายมากกว่าก็เท่านั้นเองหละครับ
    ท่านเปรียบให้ฟังว่า
    ถ้าคนสบายอยู่แล้วไปบอกว่า ความทุกข์คืออะไรเขาจะรู้เรื่อง หรือ
    รู้สึกเหมือนคนที่มีความทุกข์เช่นเดียวกับเราหรือเปล่าหละครับผม
    มิใช่ว่าจักรวาลอื่นหรือดาวอื่น ๆ
    เขาจะบรรลุมรรคผลไม่ได้นะครับ บรรลุได้ครับแต่น้อยมาก
    ก็เพราะสาเหตุที่เขามีความสุขความสบายมากกว่าเรานี่เองหละครับ
    ด้วยสาเหตุนี้จึงเป็นมูลเหตุให้องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
    พระองค์จึงทรงตรัสรู้ที่โลกของเราเท่านั้นครับ
    และจะไม่มีการตรัสรู้ซ้ำซ้อนในวาระเดียวกันครับผม

    จากคุณ กสิณ เมื่อวันที่ 21/9/2547 18:09:34
     
  17. WebSnow

    WebSnow ผู้ก่อตั้งเว็บพลังจิต ทีมงาน Administrator

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2003
    โพสต์:
    8,695
    กระทู้เรื่องเด่น:
    129
    ค่าพลัง:
    +64,019
    พระนิพพานเป็นแดนทิพย์ อมตะ เป็นแดนกว้างให_่ไพศาลไม่มีที่สิ้นสุด ติดต่อกันด้วยจิตรวดเร็วยิ่งกว่าไฟฟ้า มีหลับตื่นในตัว สะอาด สว่าง สดชื่น มีกายแก้ว กายทิพย์สองแขน สองขา ไม่มีเพศ ไม่มีอวัยวะภายใน ไม่ต้องกิน ไม่ต้องถ่าย ไม่เหนื่อยร้อน มีตาทิพย์ มีหูทิพย์ จิตทิพย์ จะไปไหนก็ได้รวดเร็ว อิสระเสรี ทุกประการ คิดถึงพระนิพพานให้มาก เป็นกรรมฐาน 1 ใน กรรมฐาน 40 เป็นอธิษฐานบารมีด้วย
    พระนิพพานที่จิตดิฉันไปสัมผัสมา สว่างไสวระยิบระยับ สวยงามยิ่งกว่าเพชรใด ๆ ในโลก พื้นเป็นเพชร กายทิพย์เบา เป็นเพชร มีเครื่องประดับ กายทิพย์ มีตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ มีความสัมผัสเป็นทิพย์ มีความสุขภายในกาย โปร่งแสง โปร่งใส ไม่มีเพศ ติดต่อคุยกันทางจิต มีภาษาจิตภาษาเดียว รัศมีกายทิพย์แตกต่างกันตามบุ_วาสนา พระพุทธเจ้าท่านก็มีฉัพพรรณรังสีรัศมี 6 ประการ เป็นประกายพวยพุ่งออกจากพระวรกาย อย่างพระอรหันต์ธรรมดาก็แสงริบหรี่ แต่กายทิพย์เท่ากัน พระปัจเจกพุทธเจ้าก็มีแสงสว่างกายมาก แต่น้อยกว่าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มีวิมานแก้วเป็นที่ประทับของแต่ละองค์ วิมานก็ให_่ เล็ก ตามบุ_วาสนาบารมีที่ทำไว้ตอนเป็นมนุษย์ พระพุทธเจ้ามีหลายแสนพระองค์ แต่พระปัจเจกพระพุทธเจ้ามีมากกว่าพระพุทธเจ้า พระอรหันต์ก็มีมากกว่าพระปัจเจกพุทธเจ้า เพราะว่าโลกนี้ก็ไม่ใช่โลกเดียวที่พระพุทธเจ้าท่านมาตรัสรู้ ก็มีอีกหลายโลกมากมายที่เรียกโลกมนุษย์ต่างดาว เขาก็มีบุ_บารมี มากกว่ามนุษย์โลกเรา ซึ่งไม่ต้องมี ตำรวจ ทหาร ทุกคนมีศีล 5 ครบ มีกรรมบถ 10 ครบ ไม่วุ่นวายเดือดร้อนเหมือนโลกนี้ ก็มีพระพุทธเจ้าไปตรัสรู้ มีพระอรหันต์ สั่งสอนให้ไป พระนิพพาน
    ..........................จากหนังสือธรรมะประทานพร ของคุณย่าเกษร


    จากคุณ กสิณ เมื่อวันที่ 21/9/2547 18:21:12
     
  18. WebSnow

    WebSnow ผู้ก่อตั้งเว็บพลังจิต ทีมงาน Administrator

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2003
    โพสต์:
    8,695
    กระทู้เรื่องเด่น:
    129
    ค่าพลัง:
    +64,019
    ชมพูทวีป หรือ โลกมนุษย์ไม่ได้มีที่เดียว

    *********************************************
    จากพระไตรปิฏกบอกว่า

    "ในโลกพันจักรวาลนั้น มีพระจันทร์พันดวง มีอาทิตย์พันดวง มีขุนเขาสิเนรุพันหนึ่งมีชมพูทวีปพันหนึ่ง
    มีอปรโคยานทวีปพันหนึ่ง มีอุตตรกุรุทวีปพันหนึ่ง มีปุพพวิเทหทวีปพันหนึ่ง มี
    มหาสมุทรสี่พัน มีท้าวมหาราชสี่พัน มีเทวโลกชั้นจาตุมหาราชิกาพันหนึ่ง มี
    เทวโลกชั้นดาวดึงส์พันหนึ่ง มีเทวโลกชั้นยามาพันหนึ่ง มีเทวโลกชั้นดุสิตพัน
    หนึ่ง มีเทวโลกชั้นนิมมานรดีพันหนึ่ง มีเทวโลกชั้นปรนิมมิตวสวัสตีพันหนึ่ง มี
    พรหมโลกพันหนึ่ง ดูกรอานนท์ นี้เรียกว่าโลกธาตุอย่างเล็กมีพันจักรวาล "


    พระพุทธเจ้าจะมาตรัสรู้ เฉพาะที่ชมพูทวีปเท่านั้น
    จากที่บอกว่า ชมพูทวีป ไม่ได้มีที่เดียว ก็หมายความว่า มีความเป็นไปได้ที่ว่า พระพุทธเจ้า ก็มีในอีกชมพูทวีปหนึ่ง ในอนันตจักรวาล

    ***********************************

    จักรวาลมีจำนวนเป็นอนันต์ความเป็นไปได้สูงมาก ที่ว่าน่าจะมีพระพุทธเจ้าใน อีกชมพูทวีป ในอีกจำนวนอนัตจักรวาล
     
  19. PK

    PK สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2004
    โพสต์:
    2
    ค่าพลัง:
    +0
    ผมเคยอ่านมาว่า จักรวาลเราเป็นมงคลจักรวาลซึ่งเป็นจักรวาลเดียวที่มีพระพุทธเจ้า
     
  20. Kamen rider

    Kamen rider เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2004
    โพสต์:
    3,763
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +1,998
    มงคลจักวาล มีเยอะครับ ถ้ามองใน ระนาบ จักรวาล

    ในมงคลจักวาล จะมี ทวีป น้อย ใหย่ 4 ทวีป

    ชมพูทวีป อุตรกุรุทวีป อมรโคยานทวีป บุรพวิเทหทวีป

    แต่ ชมพู ทวีป เท่านั้น ที่จะมี พระพุทธเจ้าอุบัติ

    โลกธาตุเรา โลกธาตุ บางทีก็ไม่ใช่ โลกกลม บางที เขาหมายถึง มงคลจักวาลที่ บรรจุกามภพ รูปภพ อรูปภพ ทุคติ มนุษย์ ก้นนรก ยัน ยอดอรูปพรหม ทั้ง 31 ภูมิ บางที เขา ก็หมายถึง โลกธาตุ คือ จิต ไม่ก็ขันธ์ 5

    ตามจักรวาล มหายาน เขาเรียก โลกธาตุ ที่เราอยู่ ว่า สหโลกธาตุ เป็นโลกธาตุ แห่ง ความเสื่อม มี ทุกข์ ความลำบาก ภัย เสียดแทงเยอะครับ แต่ ผมขอย้ำว่า ที่มันลำบาก นี่แหละ ความเข้มขัน แห่ง การบำเพ็ณบารมี จะเยอะ
    เหล่า เคยได้ยิน คำนี้ ใหม พริก ยิ่ง เล็ก ยิ่งเผ็ด

    การบำเพ็ณบารมี ใน โลกธาต อาณาจักร พระพุทธเจ้า ที่อลังการ ขนาดใหน เป็นเวลา หลาย กับป์ กัลป์ อสงไขย สู้ บำเพ็ณ บารมี ที่ โลกธาตุเรา 1ชาติ 100 ปี ไม่ได้ ยิ่ง พระพุทธเจ้าเรา แบบ ปันยาธิกะ ด้วย อายุ มนุษย์ แค่ 100 ปี แต่ ผมขอบอกว่า ถ้า คุณ ตั้งใจ บำเพ็ณบารมี ทำความดี บารมีจะเข้มข้นมากกกกกกกกกกก

    ตามจักวาล เถรวาท โลก ธาตุ แบ่ง เป็น (เว็บโนว์ ใครก็ได้ ช่วย ขยายหน่อย ผมหมดข้อมูล แล้ว)

    โลกธาตุอย่างเล็ก
    โลกธาตุอย่างกลาง
    โลกธาตุอย่างหย่าย
     

แชร์หน้านี้

Loading...