เรื่องเด่น เรื่องเล่า "นักขุดกรุ"มือขลัง ขมังเวทย์ที่สุดในแผ่นดิน

แวะมาบอกว่า โอนร่วมบุญแล้วค่ะ


ตอนเห็นสิงห์รอบก่อน ก็อยากได้
แต่พอเลื่อนอ่านมาถึงราคาก็รู้แล้วว่ายังไม่ใช่วาระของเรา
(2500 บาท เก็บตังไว้กินข้าวก่อน 555)

ด้วยความอยากได้รอบก่อน มารอบนี้ ราคาเยาวชนตามที่คุณอาบอกไว้
พอไหวก็เลย คว้าหมับ!
เพราะรู้เลยว่า ภายในการลังเลแค่นาที อดแน่ๆ
ของขลังกระทู้นี้...ไปไวมาก
.....
ก่อนหน้านี้.. ตั้งแต่ราวๆ ปี 48-50
ได้มีพี่ช้าง
(ช้างเจ้าพระยาไชยานุภาพ หลวงพ่อปรีชา
วัดเขาอิติสุคโต จังหวัดประจวบคีรีขันธ์)

ตอนนั้นบูชามาจากเว็ปวัด น่าจะไม่ถึงพัน
เพราะตอนนั้นวัยเริ่มทำงาน เพิ่งผ่อนรถใหม่ๆ
ถ้าเกินพันน่าจะไม่ได้มาอยู่กับหนู

ตอนนี้เคยเห็นคนขายอยู่ 3000(บวก-ลบ)

คราวนี้จะมีพี่สิงห์ มาช่วยดูแลกันและกัน
(เขาดูแลเรา-เราดูแลเขา)
มาช่วยกันสร้างบุญ

 

ฝนตก ๆ ขออนุญาตพี่วันอีกซักโพสท์สองโพสท์นะครับ อ่านเจอทีไรอดไม่ได้ซักที



แผ่นดินนี้เป็นของใคร?

หลายคนเคยสงสัยไหมครับ ว่าแผ่นดินไทยที่เราเหยียบนี้ เป็นของใคร บ้านที่เราซื้อมามีโฉนดชื่อเราอย่างถูกต้อง เป็นของเราจริงเหรอ?

คุณเคยรู้ไหมครับ ว่าเมื่อพ.ศ.๒๔๓๖ เกิดเหตุการณ์ที่เราเรียกกันว่า วิกฤตการณ์ ร.ศ.๑๑๒ ไทยเราถูกกองเรือฝรั่งเศสรุกเข้าสู่พระนคร นำปืนเรือจ่อพระบรมมหาราชวัง โดยสั่งให้ไทยชำระเงินค่าเสียหาย๓ล้านฟรัง(ราว ๑,๕๖๐,๐๐๐ บาท)ภายใน๔๘ชม. มิฉะนั้น ฝรั่งเศสจะยึดไทยเป็นเมืองขึ้น

พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ ไม่เป็นอันเสวยหรือบรรทม จนประชวรหนัก เพราะเหตุทรงเจ็บช้ำพระราชหฤทัย ขมขื่นและระทมทุกข์ จากชาติฝรั่งเศสที่เข้ามารุกรานแผ่นดินสยาม จนท้อพระทัยว่า พระนามของพระองค์จะถูกลูกหลานในอนาคตติฉินนินทาไม่รู้จบสิ้น

"เงินถุงแดง"มรดกจาก พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาล ที่ ๓ จึงถูกนำมาเป็น"ค่าไถ่แผ่นดิน"คืนจากฝรั่งเศสโดยนำไปสมทบกับเงินในท้องพระคลังหลวงที่มีอยู่ก็ยังไม่พอกับเงิน ๓ ล้านฟรังก์ เจ้านายชั้นผู้ใหญ่ พระบรมวงศานุวงศ์ ตลอดจนข้าราชการ จึงช่วยกันถวายเงิน ทองและสร้อย เพชรนิลจินดาไปแลกเป็นเงินเหรียญ รวบรวมใส่ถุงขนออกจากพระบรมมหาราชวังทางประตูต้นสนไปยังท่าราชวรดิษฐ์กันตลอดทั้งวันทั้งคืนออกไปหลายเที่ยว


เนื่องจากมีเวลาจำกัดเพียง ๔๘ ชั่วโมง กล่าวกันว่าน้ำหนักของเงินเหรียญที่ใส่รถออกไปหลายเที่ยว ทำให้ถนนเป็นรอยสึกเพราะน้ำหนักของเงินเหรียญจำนวนมากมายมีน้ำหนักถึง ๒๓ ตัน

สุดท้ายสยามก็ชดใช้เงินให้ฝรั่งเศส๓ล้านฟรัง พร้อมกับต้องแลกกับการเสียดินแดนฝั่งซ้ายแม่น้ำโขง และยึดเอาจันทบุรีกับตราดไว้เป็นประกัน

ทีนี้คุณรู้หรือยังครับ ว่าแผ่นดินไทยที่เรายืนอยู่นี้ เป็นของใคร?

.....................................................................

เงินถุงแดง มรดกจากรัชกาลที่ ๓ ที่ช่วยรักษา “เอกราช” ของชาติไว้ ในเวลาต่อมา

พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๓ ทรงเป็นคนเก่งหลายด้าน จนแทบไม่น่าเชื่อว่าคนคนเดียวจะมีคุณสมบัติได้มากมายถึงขนาดนี้ แต่ก็เป็นความจริง ทรงเป็นทั้งกวี นักรัฐศาสตร์ นักเศรษฐศาสตร์ นักการทหาร นักการศึกษา ภูมิสถาปนิก อุบาสกผู้ทะนุบำรุงพุทธศาสนา ผู้อุปถัมภ์ศิลปะไทย

และเป็นนักธุรกิจที่ประสบผลสำเร็จดีเลิศ อย่างหลังสุดนี้คือ ทรงค้าสำเภา ส่งของไปค้าขายกับเมืองจีนตั้งแต่ยังทรงเป็นพระเจ้าลูกยาเธอกรมหมื่นเจษฎาบดินทร์ในรัชกาลที่ ๒ ถึงขั้นร่ำรวยจนพระราชบิดาทรงเรียกว่า "เจ้าสัว"

สมเด็จพระนั่งเกล้าฯ ไม่ได้เสด็จออกไปเมืองจีนเอง แต่ทรงมอบให้ขุนนางไทยเชื้อสายจีนที่ไว้วางพระราชหฤทัย ให้จัดการบริหารงานค้าขายให้แทน ขุนนางผู้นั้นก็ได้ทำงานถวายด้วยความซื่อสัตย์ตลอดุุ จนบั้นปลายได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯแต่งตั้งเป็นเป็น " เจ้าพระยานิกรบดินทร์" ต่อมาในรัชกาลที่ ๖

เมื่อมีพระราชบัญญัตินามสกุล ลูกหลานเจ้าพระยานิกรบดินทร์จึงได้รับพระราชทานนามสกุลว่า " กัลยาณมิตร" ด้วยเหตุที่ต้นสกุลได้รับพระกรุณายกย่องเป็น "มิตรที่ดีงาม" ในรัชกาลที่ ๓ ส่วนเงินกำไรที่สมเด็จพระนั่งเกล้าฯได้มาเป็นเงินส่วนพระองค์นี้ มิได้ทรงใช้จ่ายเพื่อความบันเทิงใดๆ หรือยกให้พระราชโอรสธิดาตามพระทัยชอบทั้งที่มีสิทธิ์ทำได้ แต่ทรงนำมาใส่ถุงแดง

แยกเป็นถุง ถุงละ ๑๐ ชั่ง ตีตราปิดปากถุง เก็บไว้ในหีบกำปั่นข้างห้องพระบรรทม ส่วนหนึ่งทรงเก็บไว้เพื่อสร้าง และทะนุบำรุงวัดวาอารามต่างๆ ทั้งในพระนครและภายนอก อีกส่วนหนึ่งก็ทรงยกให้แผ่นดิน มีพระราชดำรัสว่า "เอาไว้ไถ่บ้านไถ่เมือง" หมายถึงว่าถ้าต้องเพลี่ยงพล้ำกับข้าศึกศัตรูแล้ว จะได้นำเงินนี้ออกมาใช้กอบกู้บ้านเมือง

พระราชดำรัสนี้น่าประหลาดตรงที่เมื่อเวลาผ่านไปอีกหลายสิบปี จนถึง ร.ศ. ๑๑๒ ก็เกิดเป็นความจริงขึ้นมา เมื่อไทยถูกฝรั่งเศสปรับโทษเป็นเงิน ๓ ล้านฟรัง จนท้องพระคลังมีไม่พอ ก็ได้ ‘ เงินถุงแดง ‘ ส่วนนี้ไปสมทบ ไถ่บ้านเมืองเอาไว้ได้จริงๆ แสดงว่าเงินถุงแดงที่ทรงสะสมไว้ มีจำนวนมากมายทีเดียว

สมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงห่วงใยบ้านเมืองยิ่งกว่าเรื่องส่วนพระองค์จวบจนวาระสุดท้ายของพระชนม์ชีพ เมื่อประชวรหนักใกล้เสด็จสวรรคต ก็มิได้ทรงพะวงกับเรื่องอื่นนอกจากความสงบสุขของแผ่นดิน ถึงกับพระราชทานพระบรมราโชวาทแก่ขุนนางข้าราชบริพารที่เข้าเฝ้า ไว้เป็นครั้งสุดท้ายว่า

"การศึกสงครามข้างญวนข้างพม่าก็เห็นจะไม่มีแล้ว จะมีอยู่ก็แต่ข้างพวกฝรั่ง ให้ระวังให้ดี อย่าให้เสียทีแก่เขาได้ การงานสิ่งใดของเขาที่คิด ควรจะเรียนเอาไว้ก็ให้เอาอย่างเขา แต่อย่าให้นับถือเลื่อมใสไปทีเดียว"

น่าประหลาดอีกเช่นกัน ทรงมีสายพระเนตรกว้างไกลในเรื่องนี้อย่างแม่นยำเช่นเดียวกับเรื่อง ‘ เงินถุงแดง ‘ เพราะถ้าเรานึกถึงปัญหาเศรษฐกิจที่ประเทศไทยประสบอยู่ในปัจจุบัน แม้เวลาล่วงเลยหลังจากเสด็จสวรรคตมาแล้วถึง ๑๔๙ ปี
พระบรมราโชวาทเรื่องนี้ก็ยังเป็นสิ่งทันสมัย
ควรแก่การนำมาทบทวนและเตือนใจคนไทยอีกครั้งหนึ่ง

Cr: เปลวเทียน

 

หัวใจไทยหรือเปล่า???

นายปิยบุตร ไปเรียนถึงฝรั่งเศส แต่ไม่เคยพูดถึงเรื่องที่ ฝรั่งเศสกระทำกับประเทศไทย โดยเฉพาะในยุคล่าอาณานิคม น่าจะเรียนรู้บ้าง เผื่อสำนึกของความเป็นไทยจะได้สูงขึ้น

ในประวัติศาสตร์ มีเรื่องน่าสนใจเรื่องหนึ่ง เกิดขึ้นในปีพ.ศ. ๒๔๓๖(รศ.๑๑๒) เริ่มจาก ทูตฝรั่งเศสประจำไทย เสนอรายงานที่ทำให้รัฐบาลกรุงปารีสตาลุก เขาบรรยายว่า ล้านช้างซึ่งเป็นดินแดนฝั่งซ้ายของแม่น้ำโขงของไทย เป็นแหล่งพลอยซัฟไฟร์ เหมืองแร่ทองคำขนาดมหึมา

มีเหมืองทองแดงและเหมืองเหล็ก มีพลวง กำมะถัน ถ่านหิน และแหล่งน้ำแร่เป็นอันมากอยู่ทั่วไป ทั้งมีไม้สักและป่าไม้เบญจพรรณที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่งของเอเชีย

ฝรั่งเศสจึงส่งทหารเข้าไป อ้างช่วยขับไล่โจรจีนฮ่อในพื้นที่ดังกล่าว แต่ท้ายที่สุดไม่ยอมถอนทหารออก จึงเกิดความขัดแย้งระหว่างไทยกับฝรั่งเศส

ความขัดแย้งบานปลาย การสู้รบเกิดที่แก่งเจ๊ก เมืองคำม่วน ริมฝั่งแม่น้ำโขง เมื่อวันที่ ๓ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๓๖ ฝ่ายฝรั่งเศสตาย ๑๒ คน ส่วนทหารไทยตาย ๖ คน หัวหน้าทหารไทยคือ พระยอดเมืองขวาง ข้าหลวงเมืองคำเกิดคำม่วน

ฝ่ายฝรั่งเศสไม่พอใจมาก จึงหาเรื่องในฐานะที่มีอาวุธที่เหนือกว่า ในที่สุดฝรั่งเศสส่งเรือรบเข้ามา จ่อกระบอกปืนเพื่อยิงถล่มพระบรมมหาราชวัง กรุงเทพฯถูกยึดครองเป็นเวลาถึง ๑๒ วัน

ในวันที่ ๒๐ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๓๖ ตัวแทนของรัฐบาลฝรั่งเศส ยื่นคำขาด ต้องการยึดครองฝั่งซ้ายของแม่น้ำโขงของไทย และไทยจะต้องเสียค่าปรับทั้งสิ้น ๓ ล้านฟรังค์ โดยต้องจ่ายเป็นเงินเหรียญ ภายใน ๔๘ ชม.

มิฉะนั้นกระสุนปืนใหญ่บนเรือรบที่ทันสมัยที่สุด จะถูกสั่งให้ระดมยิงเข้าไปในพระที่นั่งจักรี และจะยึดไทยเป็นเมืองขึ้นจนปัญญาที่ทางไทยจะหาเงินจำนวนมากถึง ๓ ล้านฟรังค์ เพื่อเป็นค่าปรับ

แต่มีเจ้านายพระองค์หนึ่งนึกถึง"ถุงแดง" ซึ่งคือพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ รัชกาลที่ ๓ ที่เก็บสะสมไว้ เพื่อดูแลแผ่นดิน และต้องกลายมาเป็นเงินจ่ายให้ประเทศผู้ล่า ซึ่งเงินเหรียญนี้ มีน้ำหนักถึง ๒๓ ตัน

พร้อมกับการถูกยึดครองแผ่นดินไทยบางส่วน เพื่อแลกกับเอกราชของชาติ กลายเป็นว่า ประเทศที่มีกำลังเหนือกว่า นึกอยากจะเอาอะไรก็จะเอา

แปลกใจมากที่นายปิยบุตร ไม่เคยพูดถึงเรื่องประวัติศาสตร์ของชาติไทยที่ถูกรังแก เอาแต่ไปพูดประวัติศาสตร์ชาติฝรั่ง.....

หัวใจคุณเป็นคนไทยหรือเปล่า ???
Cr : เปลวเทียน


หากไม่เหมาะสม ทางผู้ดูแลลบได้เลยครับ แต่ก่อนจะลบ ขอให้โพสท์นี้ได้มีอายุเกิน ๒๐ ชม. ก่อนนะครับ

 

วันที่ ๘ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ ตรงกับวันเสาร์ แรม ๔ ค่ำ เดือน ๙ ปีชวด
ใส่บาตรในเช้าวันนี้ ๔ รูป
โมทนาบุญร่วมกันครับ
สุทินนัง วะตะเม ทานัง
อาสะวักขะยาวะหัง
นิพพานะ ปัจจะโย โหตุ

 

กราบขอบพระคุณคุณอา..suthamma..ครับ..ที่ชี้แนะสิ่งที่ให้ชนรุ่นหลังได้ทราบเป็นแนวทางสืบไปครับ..

 

ไม่ใช่หลวงพ่อสมบูรณ์ครับน้องจิ้งจอก ท่านชื่อ ไกรพจน์ เป็นชาวใต้ (ลพ.สมบูรณ์เป็นคนอีสาน-ดังมากเหมือนกัน) แต่อาจารย์ผมท่านอยู่เงียบๆที่วัดนี้มา 40 กว่าปีแล้ว ชอบปฏิบัติ เป็นพระหมอยา ใครเป็นอะไรรักษาได้หมด ยกเว้นโรคกรรม ซึ่งผมเห็นท่านหลายครั้งก็แปลก เช่น...

คนเป็นริดสีดวงทวารมาให้ท่านรักษา ก็หาย แต่ท่านเป็นเองและหนักมาก

คนเป็นโรคตับให้ท่านรักษาก็หาย แต่ท่านเป็นเองเกือบเอาชีวิตไม่รอด

นี่เป็นตัวอย่างเล็กน้อยหนึ่งในหลายสิบเรื่อง ถึงบอกว่าบางครั้งการไปช่วยตัดรอนกรรมของผู้อื่น (ส่วนใหญ่คนมาหาท่าน มักหนักชนิดหมอไม่ค่อยรับ) ก็จะ "เข้าตัว" ดังที่ท่านเป็น

ผมจึงไม่ค่อยไปรบกวนท่านนัก ไปกราบท่านหลายเดือนหน ถวายปัจจัยสนทนาสักครั่งชั่วโมงก็กลับ บางทีก็มีแนะนำพรรคพวกที่เป็น "โรคอะไรก็ไม่รู้" ไปให้ท่านดู

อ้อ...ท่านดูหมอแม่นที่สุด แต่จะไม่ดูให้ใครเลย ถ้าไม่เอ่ยปากขอ ซึ่งท่านก็จะดูก่อนว่า สมควรดูให้มั้ย?

ท่านเป็นศิษย์หลวงพ่อรุ่ง วัดบางแหวน กับ พ่อท่านคล้าย วัดสวนขัน เห็นแค่ชื่ออาจารย์ก็ต้องรู้ว่า ไม่เสียชื่อครู...เป็นรูปที่ผมเคยเล่าว่าเดินธุดงค์กับหลวงพ่อคูณแล้วไม่ต้องกลัวเพราะลพ.คูณเก่งมาก(ท่านเล่าให้ฟังเอง) แต่ผมไม่เคยถามว่าท่านทันหลวงพ่อกล้าย วัดหงส์ฯผู้เกรียงไกร สหธรรมิก หลวงปู่โต๊ะ หรือเปล่า?

วัดหงส์ฯเป็นวัดประวัติศาสตร์คู่บ้านผ่านเมืองไม่แพ้วัดไหนๆ ถ้าไปวันที่เปิดโบสถ์ อย่าลืมเข้าไปกราบพระบูชาในโบสถ์ เป็นสุดยอดที่เห็นแล้วต้องตะลึงกับพระพุทธรูปหลายๆสมัยจัดเรียงรายให้ศึกษาและชื่นชมมากองค์ มีครบ เชียงแสน สุโขทัย ฯลฯองค์งามเด็ดๆเบ้งๆทั้งสิ้น

 

เห็นท่านบก.กรุณาตอบให้น้องประเวชแล้วเพราะผมเข้ามาช้า ก็ขอบพระคุณท่านบก.ไว้ตรงนี้

พระใช้มาหนัก แถมล้างผิวจนคราบไคลหายเกลี้ยง ถ้าเป็นพุทธพาณิชย์จะถูกกดซ้าย กดขวา ติหน้า ติหลัง กดราคาจนน่าเบื่อ เก็บไว้บูชา พึ่งพาบารมีเอกอุของท่านดีที่สุด

 

โมทนาน้องโต้ด หลวงพ่อเพชรน้ำหนึ่งแห่งสุราษฏร์ฯถึงบ้านพร้อมกับ "มหาเศรษฐี" เป็นสิ่งดีๆที่สร้างเสริมสิริมงคลให้ครอบครัวมีแต่ความสุขความเจริญยิ่งๆขึ้นไป

 

ข้างนอกตอนนี้แดดแจ๋ แต่ไกลไปที่ชุมพรตอนเช้าอากาศสลัวมีแต่สีแห่งผ้าเหลืองที่ไสวเรืองรับอรุณ อนุโมทนาบุญและตามเกาะชายจีวรหลวงตาไปด้วย-สาธุ

 

แม่นแล้วน้องประเวช ท่านบก.ว่างและมีเวลาก็จะเข้ามาให้ความรู้รุ่นลูกรุ่นหลาน รุ่นน้องแถวนี้เสมอ ถือเป็นเกียรติของกระทู้ ซึ่งท่านบก.ไม่เคยไปทำที่อื่นเลย

 

น้ำใจไมตรีที่หลากล้นท้นกระทู้ เป็นสิ่งที่หายากยิ่งจากที่อื่น ก็อยู่ที่หนูชุเมื่อเข้ามาอ่านเจอก็เลือกเอาตามสบาย ขอบคุณน้องโต้ดแทนหนูชุไว้ก่อน รับหรือไม่รับก็มิต้องลำบากใจครับ

 

ขอบคุณกับคำตอบท่านบก.
ที่มีให้น้องๆสมาชิกอีกรอบ

 

ว่างเว้นนำพุทธวจนะอ่านหลายมื้อ
นำมาประกอบต่อจากคำสอนลป.มั่น...

## พุทธวจนะในธรรมบท ##
แปลโดย เสฐียรพงษ์ วรรณปก
================

@@"เมื่อรู้ความจริงข้อนี้แล้ว
คนฉลาดผู้สำรวมในศีล
ไม่ควรชักช้าในการตระเตรียม
หนทางสู่พระนิพพาน"@@

Thoroughly knowing this fact,
The wise man, restrained in the rules,
Delays not to clear the way
That leads to Nibbana.

เอตมตฺถวสํ ญตฺวา
ปณฺฑิโต สีลํวุโต
นิพฺพานคมนํ มคฺคํ
ขิปฺปเมว วิโสธเย ฯ ๒๘๙ ฯ

หมายเหตุ...ภาษาปะกิต-ธรรมะวันละคำ
--restrained = ผู้สำรวม
...restrained [ adj ] = ถูกควบคุม,ยับยั้ง

 

คชสีกับสิงหราช นำเข้าพวงกุญแจได้เหมาะมาก ถ้าเจ๋งจริงต้องหาให้ครบ "เบญจเทพ" ยังขาด แรด,ควายป่า,เสือ-ฮ่า

แต่แค่นี้ก็พอเพียงคุ้มตัว คุ้มการเดินทางปฏิบัติธรรมเดินสายกราบพระเข้าวัดได้แล้ว ไม่ต้องสิ้นเปลืองเงินมากในการหาของดีเป็นเพื่อนอุ่นใจ

ของดีมีคุณภาพกว่าพระหลักล้านมีอีกเยอะมากในเมืองไทย ขอเพียงอย่าอ่านนิยายน้ำเน่ามาก ใช้สติปัญญาสมองตนเองเรียนรู้ ดู จำ วินิจฉัย (สุ จิ ปุ ลิ) ก็จะเห็นวัตถุมงคลราคาไม่แพงจำนวนมหาศาลรอให้เราเป็นเจ้าของสักชิ้นสองชิ้นหรือสิบชิ้นก็ยังไหว สำหรับคนที่ไม่เป็นพุทธพาณิชย์

หรือจะสะสมเพื่อเป็นพุทธพาณิชย์วันข้างหน้า เผื่อเป็นผู้มีความจำดีิหัวไปทางนี้มีพรสวรรค์บ้างเล็กน้อย ก็ค่อยๆเก็บไปตามประวัติที่มีให้รู้มากมายในยุคปัจจุบันที่ีความรู้ไม่ถูกอำพราง หรือซ่อนเร้นอยู่กับคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเหมือนสมัยเก่าก่อน

และจำไว้ จำให้ขึ้นใจ-ติดสมอง... พระยิ่งนิทานมาก นิยายเยอะ อย่าไปเก็บ เพราะเราเก็บช้ากว่าคนอื่นเขา จะโดนแต่ของเก๊ ของเสริม ของเลียนแบบ

ของแท้ไอ้พวกนักเล่านิยายขายกินเกลี้ยงแล้ว ไม่เหลือถึงเราหรอก...โน่น เป็นเหยื่อพวกเซียนมันเอาไปปั่นกันหนุกหนานในตลาดพระใหญ่ ใครเข้าไปซื้อก็ "ติดดอย"-หมายถึงราคามันแพงจนขายต่อไม่ไหว ขายไม่ลง ขายไม่ได้ยังไงล่ะ

โมทนากับน้องนางจิ้งจอก ทักมาที ผมมักตอบเสียยาวๆ เพราะเห็นเป็นคนช่างเล่านู่น นี่ฯ ได้ดีพอสมควร เหมาะเป็นเพื่อนสนทนา-ฮ่า

 

ประวัติศาสตร์ชาติอันสำคัญที่เด็กรุ่นหลังขาดการเรียนรู้อย่างรุนแรง เพราะไอ้นักเขียนตำราหัวนอกที่มานั่งทำงานออกตำรายุคหลังๆ เห็นว่าเป็นวิชาที่เชย จึงตัดรอนให้เด็กเรียนหลือเพียงนิดเดียว ทำให้เด็กไทยรุ่นหลังไม่น้อยที่ ไม่รู้แล้วว่า...ความเป็นชาติ คืออะไร?

เหมือนวิชาหน้าที่พลเมือง ศีลธรรม ศาสนา ที่ถูกนำไปรวมไว้กับศาสนาอื่น ทั้งที่ ศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติเราแท้ๆ มีประกาศไว้ตั้งแต่ปี 2499 โดย นายกรัฐมนตรี จอมพล ป. พิบูลย์สงคราม ซึ่งจะถ่ายใบประกาศนี้มาให้ชม ขอค้นดูก่อน

นี่คือความเลวระยำของนักศึกษาหัวนอกโปรประกันดาเป็นทาสฝรั่งหนังหมูจนลืมรากเหง้าแผ่นดินบรรพชนตัวตนของชาติและตนเอง เขียนแล้วมันแค้น จบแค่นี้ก่อนดีกว่า ไม่งั้นอาจต้องเปิดศึกกับเด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมหรือเพิ่งหย่านมที่อาจหลงเข้ามาอ่าน แล้วไม่เชื่อว่า เรื่ิองนี้มีขึ้นจริงบนแผ่นดินที่มันกิน ขี้ เยี่ยวรด แถมกำลังกระทำการทรยศโดยไม่ตั้งใจหรือรู้เท่าไม่ถึงการอยู่นั่น

 

เป็นบทความที่เขียนจากความจริงอันเจ็บปวดเสี้ยวหนึ่งของชาติเราไว้ดีมาก ปล่อยให้สติปัญญาที่ไม่บกพร่องของท่านผู้อ่านทุกคน อ่านแล้ววินิจฉัยเอาเอง อย่าไปเม้นท์เพิ่มเติม

 

วันหยุด-ภาพไม่เคยหยุด
กวีน้อยก็ยิงสลุตตามปกติ...

เสาร์สนุก......เสพสุขสม
หมู่ไม้ห่ม......ร่มรื่นสวน
อวลอบร่ำ.....น้ำหยดพรวน
ม่วงเย้ายวน...ชวนเด็ดดม!

 

ตะกรุดตะกั่วยุคต้น -ลพ.เตียง
วัดเขารูปช้าง ศิษย์เอกลพ.พิธ
=================

ยอดศิษย์สืบสานตำนานสาแหรก หลวงพ่อเงิน บางคลานยุคหลัง 2500 น่าจะเป็นนาม หลวงพ่อเตียง วัดเขารูปช้าง เมืองชาละวัน โดดเด่น-เด้งดัง-ดีที่สุด!

ท่านเป็นศิษย์เอก หลวงพ่อพิธ วัดฆะมัง เจ้าของ "ตะกรุดคู่ชีวิต" มหิทธานุภาพสุดขลังสุดดังเป็นเบอร์ 1 แห่งพิจิตร

หลวงพ่อพิธรับมอบวิทยาคมจาก หลวงพ่อเงิน เต็มปรี่ หลวงพ่อเตียงก็ต่อยอดบูรพาจารย์มาเต็มที่ จึงมีประสิทธิภาพ ประสิทธิคุณเป็น "รุ่นที่ 3 " ต่อเนื่องมาอย่างยิ่งใหญ่ของตำนานเมืองชาละวันที่ไม่เคยขาดสายธาร พระขลัง ครูดัง อาคมขมังเวทย์!!!

นี่เป็น "ตะกรุดตะกั่วชุด" ยุคแรกของ หลวงพ่อเตียง ขนาดแต่ละดอกยาว 2 นิ้ว เนื้อตะกั่วน้ำนมโบราณม้วนแล้วสอดด้วยเชือกอาคม แต่ตะกรุดชุดนี้ เชือกปอป่านเก่าเปื่อยยุ่ยขาดสลาย เจ้าของจึงจัดแบ่งตะกรุดออกให้เพื่อนๆคนละดอก ผมก็รับมาหนึ่งดอก ด้านในนั้นจารเต็มทุกดอก (ได้มีการคลี่ดูหนึ่งดอกก่อนแจก) การจารของหลวงพ่อเตียง เป็นอัศจรรย์ เพราะเส้นสายคมชัดลึกผนึกแน่นเหมือนจะทะลุตะกั่วเก่าออกมา

ที่สำคัญทุกดอกแผ่นยันต์จารจบในตัว สามารถแยกใช้เดี่ยวได้เลย นำไปม้วนพันเชือกใหม่ หรือใส่หลอดก็พลิกแพลงเป็นตะกรุดสาริกาติดตัวคุ้มกันได้ทันที

เก็บไว้นานพร้อมกับบันทึกความจำฉบับย่อ นำมาต่อบุญให้เป็นบารมีแด่ หลวงพ่อเตียง วัดเขารูปช้าง พิจิตรสืบเนื่องไป ด้วยมูลค่าบางเบาอย่าไปหาที่ไหน...

===== 700 =====

(อนึ่งหากมีใครแย้งรึสงกาว่าใช่ หลวงพ่อเตียง แน่หรือ? รับท้าเดิมพันแล้วคลี่ตะกรุดดูกันได้เลย แต่ต้องเดิมพันแพงหน่อยนะ อย่าถูกๆเพราะคลี่ตะกรุดแล้วอาจฝืนครู-เสียดายของ)


ตะกรุดตะกั่วการตัดเอกลักษณ์ยุคเก่า

ดัดแปลงไปใช้เป็นตะกรุดสาริกาก็ได้
ยาว 2 นิ้วกำลังเหมาะพกพา