เรื่องเด่น เรื่องเล่า "นักขุดกรุ"มือขลัง ขมังเวทย์ที่สุดในแผ่นดิน

สวัสดีคุณอาวันวิและแฟนคลับทุกท่าน

 

วันที่ ๘ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๓ ตรงกับวันอังคาร แรม ๖ ค่ำ เดือน ๑๐ ปีชวด
ใส่บาตร ๔ รูปในวันนี้
โมทนาบุญร่วมกันครับ
สุทินนัง วะตะเม ทานัง
อาสะวักขะยาวะหัง
นิพพานะ ปัจจะโย โหตุ

 

ปี 2540 .. ไทยเกิดวิกฤตการณ์ต้มยำกุ้ง ..
ค่าเงินบาทร่วงหล่นฮวบฮาบ ..
มีเศรษฐีหลายคน จนลงพริบตาแค่ข้ามคืน .. และมีเศรษฐีบางคนรวยขึ้นหลายพันล้านบาท พริบตาในชั่วข้ามวัน ..

เวลานั้น ไทยเกิดปัญหาวิกฤตการณ์เศรษฐกิจฟองสบู่ ต้องลดค่าเงินบาท แต่ยังไม่มีปัญหาวิกฤตการณ์ทางการเมือง เรื่องการแบ่งสี แบ่งข้าง แบบทุกวันนี้

ถัดมาในปี 2541 , Dr. UWE (ดร.อูเว้ .) วิศวกรหนุ่มชาวเยอรมัน เพื่อนของน้องสาว ได้มาเมืองไทย ... สิ่งที่เขาอยากไปในเวลาอันน้อยนิดที่มี ก็คือ พระที่นั่งวิมานเมฆ

"พระที่นั่งวิมานเมฆ" เป็นสถาปัตยกรรมมรดกของแผ่นดินสยาม .. ชาวต่างชาติชอบมาเที่ยวชม เพื่อร่วมรับรู้ถึงความภูมิใจภายใต้รอยยิ้มของคนไทย

มานั่งคิดๆดูแล้ว ก็แปลกใจ .. คนไทยจำนวนมากเมื่อไปเมืองนอก ปลื้มอกปลื้มใจที่เห็นประเทศเหล่านั้นยังอนุรักษ์สถานที่เก่าแก่โบราณ . พอกลับมา ก็คุยเล่าให้เพื่อนๆในประเทศฟัง

แต่ครั้นพอเป็นสถานที่เก่าแก่ของประเทศตนเอง .. หัวใจอนุรักษ์แบบเอามือกุมอก แสดงความปลื้มยินดี ก็ไม่มีปรากฏออกมาให้เห็น ..

พระที่นั่งวิมานเมฆ .. สร้างในเขตพระราชวังดุสิต .. ทำด้วยไม้สักทองที่ใหญ่ที่สุดในโลก ภายในประกอบด้วยเครื่องใช้ เครื่องเรือน และของที่ระลึกจากอาคันตุกะ ในรัชกาลที่ 5

วันนั้น Dr. UWE .. ไปไม่ทันรอบที่ทางพระที่นั่งฯ จัดเจ้าหน้าที่เป็นไกด์ไว้บรรยาย ระหว่างการพาเดินชม .. (มีเป็นรอบๆ) ..
ถ้ารอรอบถัดไป ก็อีก 2-3 ชม .. ด้วยเหตุที่มีเวลาน้อย Dr. UWE จึงขอเดินชมเองในระยะสั้นๆ

เมื่อถึงห้องที่มีภาพถ่ายบนผนัง มีภาพของรัชกาลที่ 5 ทรงนั่งคู่อยู่กับกษัตริย์ต่างชาติองค์หนึ่ง ..
Dr. UWE หันมาถามว่า "You รู้ไหมว่าคนข้างๆคือใคร" ..

ผมส่ายหน้า .. , ดร. อูเว้ จึงบอกว่า "เขาคือพระเจ้าซาร์ นิโคลัสที่ 2 ของรัสเซีย"

ดร. อูเว้ .. ถามว่า "รู้ไหม ทำไมกษัตริย์รัชกาลที่ 5 ของไทย จึงไปพบปะกษัตริย์รัสเซีย"

ผมส่ายหน้าอีกครั้ง ..

ดร. อู้เว้ กล่าวว่า .. "เพราะกษัตริย์ของไทย ต้องการสื่อสารไปยังประเทศยุโรปอื่นๆ ว่ามีสหายเป็นประเทศมหาอำนาจหนึ่ง .. เป็นการบอกให้รู้ว่า ไทยจะไม่โดดเดี่ยวจากการที่จะถูกชาติยุโรปเข้ามารังแก .. และรู้ไหม . รัชกาลที่ 5 ยังเสด็จไปเยอรมันด้วย ..

ผมก็ยังส่ายหน้าเป็นครั้งที่ 3 ..

ขณะนั้น มีคนไทยกลุ่มเล็กๆ ที่เข้ามาเดินชมแบบไม่มีไกด์หรือเจ้าหน้าที่มาบรรยาย .. พวกเขาฟังภาษาอังกฤษออก .. จึงเดินเข้ามาอยู่ด้านหลังใกล้ๆ

ดร. อูเว้ .. พูดต่อว่า "คิงส์จุลจอมเกล้าของไทย ไปรักษาพระวรกายแบบสปาบำบัด ณ นครบาดฮอมบวร์ ที่เยอรมัน .. ตามคำแนะนำของแพทย์ส่วนพระองค์ ซึ่งเป็นแพทย์ชาวต่างชาติ ..

คิงส์จุลจอมเกล้า .. ยังได้เข้าพบกับ บิสมาร์ค อีกด้วย ..

(ออทโท ฟอน บิสมาร์ค คือรัฐบุรุษ ทรงอิทธิพลมากในยุคนั้นของเยอรมัน ., บิสมาร์ค เป็นผู้รวมแคว้นต่างๆของชาวปรัสเซีย เข้ารวมกันเป็นชาติ กลายเป็นประเทศเยอรมันขึ้นมา ดำรงตำแหน่งเป็นนายกฯคนแรก)
...

เมื่อเดินมาถึงห้องที่มีภาพสงครามโลกครั้งที่ 1 และ 2 . , ดร. อูเว้ ได้ถามขึ้นมาอีกครั้งว่า "ทำไมประเทศไทย ไม่กลายเป็นผู้แพ้สงครามโลกในครั้งที่ 2"

ผมยังคงส่ายหน้าเป็นครั้งที่ 4 ..

ส่ายหน้าเสร็จ ผมก็มองหน้า ดร. อูเว้ ด้วยความชื่นชม
ชื่นชมที่ ดร. อูเว้ ยังหนุ่ม รุ่นราวคราวเดียวกับผม ทำไมถึงรู้เรื่องอะไรมากมาย

จากนั้นผมก็ก้มหน้า .. ละอายใจ .. ที่ตัวเองเป็นคนไทย ทำไมไม่รู้เรื่องบ้านเมืองของตนเอง

ดร. อูเว้ .. กล่าวว่า
"ต้องเรียกว่า สงครามอักษะ .. เพราะรัฐบาลไทยเลือกอยู่ฝ่ายอักษะ โดยมีเยอรมัน อิตาลี และญี่ปุ่นเป็นแกนนำ .. รัฐบาลไทยได้ร่วมมือกับญี่ปุ่นในภูมิภาคนี้ ..

แต่ที่ไทยรอดมาได้ .. ไม่ใช่แค่คณะกลุ่มคนที่เรียกว่า เสรีไทย เพียงประการเดียว ที่ไปเจรจาต่อรอง ..

ถ้าไม่มี "สัมพันธไมตรีเดิม" ให้รู้สึกถึงความประทับใจต่อประเทศไทยในอดีต จะเจรจายังไงก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงการถูกปรับให้แพ้ได้

ที่ฝ่ายสัมพันธมิตร ยอมรับให้ไทยพ้นจากประเทศผู้พ่ายแพ้สงคราม .. เพราะมิตรไมตรีของการเยือนต่างประเทศในอดีตของกษัตริย์ไทย ของทูตไทย ที่มีมาช้านาน

สิ่งต่างๆเหล่านี้ ได้สร้างไมตรีขึ้นในหลายๆประเทศของยุโรป
ซึ่งฝ่ายสัมพันธมิตรนั้นมีอังกฤษ สหรัฐ โซเวียต จีน เป็นแกนหลัก .. ไทยในอดีตก็ได้ส่งทูตเดินทางไปเชื่อมไมตรีทุกประเทศเหล่านี้

Dr. UWE .. ได้ถามขึ้นมาว่า .. "พวกคุณรู้ประวัติศาสตร์ชาติตนเองแค่ไหน ?"

ผมส่ายหน้าเป็นครั้งที่ 5 แล้ว

ผมไม่กล้าหันไปดูกลุ่มคนไทยเล็กๆ 4-5 คนข้างหลัง ที่เดินตามมาว่า พวกเขาจะขำความไม่รู้ของผมไหม

Dr. UWE กล่าวว่า .. "ทำไมคนไทยไม่เรียนรู้ จดจำประวัติศาสตร์ ในขณะที่คนเยอรมันถูกสอนให้จดจำประวัติศาสตร์ ...

เพราะถ้ารู้และจำมันได้ จะไม่ทำให้เราต้องทำผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า ..
อีกทั้งมันคือ #รากฐานของการพัฒนาชาติต่อไป "

Dr. UWE .. หันมองเครื่องเรือนที่นำมาแสดงไว้รอบๆห้อง ก่อนจะกล่าวความรู้สึกของตนเอง .. ให้ฟังว่า

"หลังจากเยอรมันพ่ายแพ้ในสงครามโลกครั้งที่ 2 .. ชาติเยอรมันถูกแบ่งเป็น 2 ประเทศ คือ เยอรมันตะวันตก กับ เยอรมันตะวันออก ..
ด้วยอุดมการณ์ทางการเมืองที่แตกต่างกัน จึงมีการก่อสร้าง "กำแพงเบอร์ลิน" ขวางกั้นพวกเราเอาไว้ ..

28 ปี .. ที่กำแพงเบอร์ลิน กั้นญาติพี่น้อง พ่อแม่ ให้อยู่คนละแดนบนแผ่นดินเดียวกัน .. ใครข้ามมาอีกฝั่งจะถูกยิงทันที

ต่อมามีความพยายามที่จะรวมเยอรมันตะวันตก กับเยอรมันตะวันออก ให้กลายเป็นเยอรมันเดียว ดุจดังอดีตที่ผ่านมา

ก่อนที่ จะถึงวันทุบกำแพงเบอร์ลิน ..

คนเยอรมันตะวันตกส่วนมาก ยังรู้สึกลังเลกับการตัดสินใจในครั้งนี้ .. เพราะเศรษฐกิจความเป็นอยู่ของชาวเยอรมันตะวันตก กำลังดีวันดีขึ้น .. ประเทศก้าวหน้าไปอย่างมาก

คนเยอรมันตะวันตก กลัวว่า ถ้าทุบกำแพง แล้วรวมกันเข้ามา .. เยอรมันตะวันออกจะเป็นภาระของคนทั้งประเทศ

ในที่สุด .. ชาวเยอรมันตะวันตกและรัฐบาล ก็ยอมอุ้มภาระนี้ .. ไม่ว่าจะยาก หนักหนา ล้มเหลว และเหนื่อยล้าเพียงใด .. แต่เพราะสิ่งที่อยู่ในหัวใจคนเยอรมันก็คือ

#เพราะเราเป็นชาติเดียวกัน ... #ต้องพร้อมที่จะฝ่าฟันไปด้วยกัน ..

แต่นั้นคือความทรงจำในอดีต .. ที่ทำให้ผมเริ่มต้นสนใจประวัติศาสตร์ ..

ความทรงจำนี้ .. ผุดขึ้นมาท่ามกลางประวัติศาสตร์อันบอบบางของคนไทยในปัจจุบัน

Cr : เจ้าของเรื่องราว (เพื่อนส่งมาให้ทางไลน์ ไม่ระบุที่มา จึงไม่รู้ว่าจะให้เครดิตท่านผู้ใด)

 

ภาพนี้คงไม่ต้องบรรยายอะไรมากนะครับ
ผมแค่อยากถามว่าเจ้าเด็กคนนี้(ที่ถูกครอบโดยนักล่าอาณานิคมไปเรียบร้อยแล้ว)
เคยทำคุณประโยชน์อะไรให้กับแผ่นดินเกิดของตัวเองบ้าง

 

6บุญวันจันทร์ ทำแล้วจิตแจ่มใส
จากน้องเปาและคุณแม่ ตามแห่
อนุโมทนาด้วย ทีเดียวได้ 6เด้ง

 

ถ้า 6 บุญยังมิหนำ ก็ตามติดอย่าตกรถกับ
8 บุญบ้านสายลมของน้องเปาวันนี้อีกที
แค่ร่วมอนุโมทนาก็ชุ่มฉ่ำใจเหลือหลาย

 

ดอกไม้น้องมากิยังมาเป็นชุด
ขุดกวีถ้อยดีๆอย่าซ้ำซาก...

ชมพูหวาน.....อังคารบ่าย
ระยางสาย.....ร่ายรำเล่น
เห็นฟ้าคราม...แต้มตามเด่น
อยู่อย่างเย็น...โลกเป็นสุข!

 

น้องปรายฯทักเช้า
เพื่อเริ่มงานวันแรก

 

อีกหนึ่งบุญอนุโมทนาตามวัน แค่เห็นหนูน้อยตัวกะเปี้ยกยกมือวันทาสาธุหลวงพี่ เพื่อรับพรอย่างไร้เดียงสา เราก็อมยิ้มอย่างมีความสุขตามไปด้วย

 

ประเทศที่ขาดการเรียนรู้ประวัติศาสตร์ชาติพันธุ์ตนเอง เพราะไอ้พวกด็อกเตอร์ด็อกตั้งไปเรียนวิชาขยะมาจากดินแดนที่คิดว่าศิวิไลซ์ แล้วมาเขียนตำราเอาความรู้ขยะ ((เพราะมันกระเดือกแต่จั้ง ฟูดส์อาหารขยะ))เมืองเหล่านั้น เมื่อกลับมาบังเอิญรับราชการเติบใหญ่ได้ดิบดีมีโอกาสเขียนตำรา ก็ยัดเอาแต่เรื่องขยะของพวกตาน้ำข้าว เรื่องรกโลกใส่ในตำรา กวาดวิชาประวัติศาสตร์ หน้าที่พลเมือง+ศีลธรรม(ศาสนา)ทิ้งไปจากตำราเรียนเสียเกินครึ่ง

เด็กยุคปัจจุบันจึงถูกยัดสมองด้วยขยะวิชาการ ประชาธิปไตยคืออะไรกรูไม่รู้ รู้แต่ว่าต้องท่องมาอย่างนี้ เป็นนกแก้วนกขุนทอง เป็นควายเป็นกระบือที่ต้อง "ปลดแอก" ซึ่งไม่รู้ว่าแอกอยู่บ่าใคร? ข้าวเช้ายังหากินเองไม่เป็น สตังค์ยังหาไปโรงเรียนเองไม่ได้สักแดง

เป็นลูกหลานผมโดนตบกลิ้งคาชามข้าวไปแล้ว...(อันนี้ไม่ได้ว่าเด็กเวรที่ไหนสักคน ว่าให้หลานตัวเองฟัง ซึ่งบังเอิญหลานแต่ละคนไม่ใช่ควาย ไม่เคยโดนสนตะพาย ไม่มีแอกบนบ่าแต่มีความคิดดี รักชาติ รักแผ่นดิน รู้จักเข้าวัดทำนุบำรุงศาสนา ก็เลยรอดจากการโดนฝ่ามือพิฆาตไปอย่างหวุดหวิด)

รัฐมนตรีศึกษา อย่าไปสนเรื่องโดนไล่ รีบเร่งสังคายนาบทเรียน รีบยัดวิชาประวัติศาสตร์ชาติพันธุ์ คนเผ่าไทยที่ไม่เคยเดินตามตูดตาน้ำข้าว แผ่นดินที่บรรพบุรุษหลั่งเลือดชโลมดินตั้งแต่อดีตกาลไกลโพ้น ไอ้ตาน้ำข้าวบางประเทศยังเป็นวุ้นอยู่เลย เหล่าบรรพชนยอมตายถวายชีวิตแลกกับอิสรภาพให้ไอ้พวกควายนับไม่ถ้วนนี่แหละ ...ต้องรีบเร่ง เอาวิชาศีลธรรมประวัติศาสตร์กลับมาให้เข้มข้น เหมือนทุกประเทศในโลกที่มี "รากเหง้า"ของตัวเองและพยายามรักษาไว้

ไปดูประเทศที่ไม่มี "ราก" เอาใกล้ๆบ้านเรา แค่สิงคโปร์... เขาพยายามให้ลูกหลานเรียนรู้ว่า กว่าจะเป็น สิงคโปร์ ขึ้นมา เหล่าบรรพชนได้ต่อสู้เลือดตากระเด็น หนักหน่วงขนาดไหน ?

ไม่ถึงกับต้องรักชาติแบบ "คลั่งชาติ" ขอให้ รักชาติแบบ "รู้คุณแผ่นดิน" ก็พอ!!!

 

ครับ-ว่าตามท่านบก.ไปด้วย

 

มันคงตอบว่า...กรูไม่รู้ กรูรู้แต่ประชาธิปตาย!

ส่วนไอ้ฝรั่งขี้ทูตขยะประเทศไหนไม่รู้ รู้แต่ว่ามันติดเอดส์...เอ้ย ติดโควิด หมายเลข 1 ของโลก ก่อนเป็นทูต คงลืมวิชาการทูตที่เขาสอนกันมากระมังว่า เป็นนักการทูตที่ดี อย่าเสือกเรื่องของประเทศอื่นที่ไม่ใช่ประเทศตัวเอง

 

เลขจัดส่งวันนี้
--ED 2868 2199 5 TH แพร่
--ED 2868 2200 1 TH พิษณุโลก
--ED 2868 2201 5 TH จรเข้บัว
--ED 2868 2202 9 TH เด่นชัย
--ED 2868 2203 2 TH ราษฏร์บูรณะ
--ED 2868 2204 6 TH สังขะ

 

ตะกรุดไม่รู้ที่-ของดีเป็นคู่ไม่รู้วัด
ตะกั่วตัดสอบ3นิ้วอายุเกิน30ปี !
=================

ตั้งแต่มอบสารพันพระเครื่อง-+เครื่องรางของขลังให้สมาชิกร่วมบุญมาจวนครบ 4 ปี ยังไม่เคยมีวัตถุมงคลประเภท...

"พระดีไม่รู้วัด ของดีไม่รู้ที่"...แม้แต่รายการเดียว!

ทุกอย่างต้องมี "ครั้งแรก" เสมอ...หยุดยาว 4 วันมีโอกาสเปิดกล่องเก่าเก็บไปเรื่อย มาสะดุดกับ "ตะกรุดตะกั่ว 3 นิ้ว" เป็นคู่ ซึ่งเก็บไว้นานเกินกว่า 30 ปี ไม่ได้บันทึกเอาไว้ จึงจนแต้มว่า เป็นของหลวงพ่อท่านใด และใครมอบให้มา เป็นรายการถี่ลอดตาช้าง ถ่างลอดตาเล็น เป็น "ของหลง" โดยไม่ตั้งใจ

ให้ลูกน้องไปตระเวณเป็น "ขุนหลวงหาวัด" หลายแห่ง ก็ได้รับคำตอบจากประดาเซียนๆเครื่องราง ทำนองเดียวกันว่า...เก่าพอประมาณ แท้มีครู แต่ไม่รู้วัด ไม่รู้อาจารย์จริงๆ อย่ายัดวัด ยัดเกจิเลย

ที่แน่ๆ ตะกรุด 2 ดอกนี้ต้องเป็น "ตะกรุดชุด" ที่หลุดจากพวงแล้วเพื่อนฝูงจัดแบ่งกันมา

ตะกรุดตะกั่วเก่าพอประมาณ 30 ปีอัพ ม้วนพันหนา 5 รอบ ตัดสอบสวยงามทั้ง 2 ดอกเหมือนกัน ตัดแบบเกจิรุ่นเก่ามีสำนัก ความยาวดอกละ 3 นิ้วเท่ากันเป๊ะ

เอามาให้เหล่าจอมยุทธทั้งหลายไปเช็คหาวัด หาหลวงพ่อตามอัธยาศัย มอบให้ทั้งคู่ แท้ล้านเปอร์เซ็นต์ไม่ต้องเคี่ยวเข็นในเรื่องนี้

เชิญทำบุญแบบที่จั่วหัวกันสักครั้ง...ตะกรุดไม่รู้ที่ ของดีไม่รู้วัด2 ดอกงดงามสภาพเดิมๆ

======= 1,500 =====


วางเป็นรูปตัว V = วิคตอรี่ ชัยชนะขึงขึงและงามสมบูรณ์

ยาวดอกละ 3 นิ้วเท่ากัน ดูวิธีตัดสอบแบบเกจิยุคเก่า

อีกมุมงามๆ ดูชัดๆ
การม้วนพัน ดอกละ 5 รอบ

 

ประทับใจมากครับ ขออนุญาตนำไปเผยแพร่นะครับ

 

ร่วมบุญ พระสิวลีเนื้อดิน7 ป่าช้า
หลวงปู่มั่น ทัตโต ครับ

 

มีหลายๆ คน (ทัก) และพูดว่า
ปฏิบัติธรรม มันก็อยู่ที่ใจ
บ้านกับวัด ก็เหมือนกัน
ต้องลองไปดู แล้วจะรู้เลย
..
อยู่บ้านนี่เราจะไหลไปกับกิเลสต่างๆ ได้โดยง่าย
แต่พอไปอยู่ในสถานที่สัปปายะ แบบนี้
เราจะเกรงใจทั้ง #ครูบาอาจารย์
เกรงใจ #สถานที่
เกรงใจ #ตนเอง ที่อุตส่าห์ถ่อมา
เกรงใจ #เครื่องแบบ ชุดที่เราใส่
เกรงใจใน #ศีล ที่สมาทานศีลมา
แล้วเราจะตั้งใจ...มากกว่าปกติ
..
ปล.ผ่านมา2วัน ทายาแล้วอาการคันคะเยอก็ดีขึ้นตามลำดับค่ะ
ตอนที่อยู่ในชุดขาว เนื่องจากที่วัดไม่ค่อยมีกระจก
เลยไม่ได้ส่องดูว่ามันขึ้นเยอะน้อยแค่ไหน
ก็ใช้ยาหม่องน้ำทาๆ แล้วก็ปฏิบัติต่อ..

แต่พอลาศีล อาบน้ำ เปลี่ยนชุดเท่านั้นแหล่ะ
(เกาเหมือนหมา)
นี่ก็เห็นความต่างระหว่างอยู่ในเครื่องแบบ
มีศีลคุ้มครอง กับออกมาเป็นคนธรรมดา..ใจก็ไหลไปกับอาการคัน
ปรุงแต่งเพิ่ม หายากิน หายาทา วุ่นวายอยู่กับตุ่มพวกนี้

^___^

จะเที่ยงคืนแล้ว...ราตรีสวัสดิ์ค่ะ