เชิญร่วมบุญกับทางวัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร กรุงเทพมหานคร

วันอาสาฬหบูชา วัดไตรมิตรวิทยาราม
วันที่ ๑๖ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๖๒

 

พิธีทำสามีจิกรรม (ภาพชุดที่ ๑)
คณะสงฆ์วัดต่างๆ ร่วมกันทำสามีจิกรรมแด่เจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (สนิท ชวนปญฺโญ) เจ้าอาวาสวัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร เจ้าคณะใหญ่หนตะวันออก กรรมการมหาเถรสมาคม
-------------------------------------------------
การทำสามีจิกรรม
เป็นธรรมเนียมของสงฆ์อย่างหนึ่งที่ภิกษุสามเณรพึงทำความชอบต่อกัน เพื่อความสามัคคีกัน อยู่ร่วมกันโดยสงบสุข การทำความชอบนี้เรียกว่า สามีจิกรรม หมายถึง การขอขมาโทษกัน ให้อภัยกัน ทุกโอกาสไม่ว่าจะมีโทษขัดข้องหมองใจกันหรือไม่ก็ตาม โอกาสควรทำสามีจิกรรมนั้น โดยนิยมมีดังนี้

๑) ในวันเข้าพรรษา ทั้งภิกษุและสามเณรที่ร่วมอยู่วัดเดียวกันควรทำสามีจิกรรมต่อกัน เรียงตัวตั้งแต่ผู้มีอาวุโสมากที่สุด ถึงสามเณรรูปสุดท้ายในวัด ไม่ควรเว้นเพื่อความสามัคคีในวัด

สำหรับที่จะทำกันในวันเข้าพรรษา บางแห่งทำหลังจากเจริญพระพุทธมนต์ จบแล้วก่อนออกจากโรงอุโบสถ แม้ทำลำดับหลังท่านก็ไม่ห้าม สำหรับวัดที่มีพระภิกษุสามเณรจำพรรษาไม่มากนักควรทำร่วมกันทั้งวัดให้เสร็จภายในโรงอุโบสถในวันเข้าพรรษานี้ ทำเรียงตามลำดับอาวุโสจากพระสังฆเถระลงมาจนถึงสามเณรรูปสุดท้าย ถ้ามีจำนวนมาก จะแบ่งทำร่วมกันเฉพาะต่อท่านผู้มีพรรษาพ้นสิบซึ่งเป็นพระเถระท่านนั้นก่อนในโรงอุโบสถ นอกนั้นแยกกับไปทำตามกุฏิโดยอัธยาศัยก็ได้การทำร่วมกันในโรงอุโบสถเป็นการแสดงหน้าที่ผู้ใหญ่ผู้น้อย และแสดงความสามัคคีในหมู่คณะ มีระเบียบที่จะพึงปฏิบัติ ดังนี้

ก) ผู้รับขมาโทษ นั่งพับเพียบหันหน้ามาทางผู้ขอขมา เมื่อผู้ขอขมากราบเริ่มประณมมือรับ

ข) ผู้ขอขมาโทษคุกเข่ากราบพร้อมกัน ๓ ครั้ง เฉพาะรูปที่เป็นพระสังฆเถระและเจ้าอาวาส

ค) กราบแล้ว ยกพานเครื่องสักการะขึ้นประคองแต่อกน้อมกายลงเล็กน้อย กล่าวคำขอขมาตามแบบของวัดนั้นพร้อมกัน (ตามแบบที่ ๑ หรือที่ ๒ ซึ่งมีอยู่ข้างหน้า)

ฆ) เมื่อผู้รับขมากล่าวคำอภัยโทษตามแบบแล้วผู้ขอทั้งหมดรับคำให้อภัยตามแบบพร้อมกันด้วยอาการยกพานเครื่องสักการะขึ้นในท่าจบนิดหน่อย (เฉพาะที่ทำต่อพระสังฆเถระหรือเจ้าอาวาส วางพานเครื่องสักการะลงตรงหน้าแล้วกราบอีก ๓ ครั้ง ในบางแห่งท่านปฏิบัติกันอย่างนี้)

ง) เสร็จจากรูปหนึ่งแล้วทำกับอีกรูปหนึ่ง โดยวิธีดังกล่าว ต่อเนื่องกันไปจนถึงสามเณรรูปสุดท้าย เป็นอันเสร็จพิธีสามีจิกรรมในโรงอุโบสถวันนี้

๒) ในระยะเข้าพรรษา เริ่มแต่วันเข้าพรรษาและหลังวันเข้าพรรษา ระยะเวลาประมาณ ๗ วัน ควรทำสามีจิกรรมต่อท่านที่เคารพนับถือ ซึ่งอยู่ต่างวัดโดยทั่วถึงกัน

๓) ในโอกาสจะจากกันไปอยู่วัดอื่นหรือถิ่นอื่น นิยมทำต่อผู้ท่านผู้มีอาวุโสกว่าตนในวัด และต่อท่านที่เคารพนับถือทั่วไป เป็นการลาจากกันทั้ง ๒ กรณีนี้ เป็นการทำสามีจิกรรม แบบขอขมาโทษ

นอกจากนี้ยังมีสามีจิกรรมแบบถวายสักการะเป็นการแสดงมุทิตาจิตอีกแบบหนึ่ง นิยมทำต่อท่านที่ตนเคารพนับถือในโอกาสที่ท่านผู้นั้นได้รับอิสริยศักดิ์ หรือได้รับยกย่องในฐานันดรศักดิ์เป็นการแสดงจิตใจที่พลอยยินดีให้ปรากฏเพราะความมุ่งหมายและเหตุผลของการทำสามีจิกรรมมีดังกล่าว การกระทำจึงเกิดพิธีขึ้นโดยนิยมเป็นแบบ ๆ ดังต่อไปนี้

๑. สามีจิกรรมแบบขอขมาโทษนอกโรงอุโบสถหรือนอกวัด

ก) จัดเครื่องสักการะ คือ ดอกไม้ ธูป เทียน ใส่พาน หรือภาชนะที่สมควร ธูปเทียนที่นิยมกัน ใช้ธูปเทียนที่มัดรวมกันเป็นแพผูกโบว์วางบนพาน ดอกไม้จัดใส่กระทงขนาดพอเหมาะกับธูปเทียนแพ วางกระทงดอกไม้ลงบนแพธูปเทียนนั่นหรือจะเป็นเล่มนั้น หรือเป็นดอก ๆ ก็ได้ สุดแต่จะจัดได้อย่างไร

ข) ครองผ้าเรียบร้อยตามนิยมของวัดที่สังกัด ถ้าเป็นภิกษุพาดสังฆาฏิด้วย

ค) ถือพานดอกไม้ธูปเทียน ประคองสองมือเข้าไปหาท่านที่ตนจะขอขมา คุกเข่าลงตรงหน้า ระยะห่างกันประมาณศอกเศษ วางพานทางซ้ายมือของตน กราบด้วยเบญจางคประดิษฐ์ ๓ ครั้ง แล้วยกพานขึ้นประคองสองมือแค่อกกล่าวคำขอขมาตามแบบนิยม

ฆ) เมื่อท่านที่ตนขอขมากล่าวคำให้อภัยโทษแล้ว พึงรับคำตามแบบนิยมต่อนี้ ถ้าท่านที่ตนขอขมาให้พรต่อท้าย พึงสงบใจรับพรจากท่านจนจบ และรับคำด้วยคำว่า สาธุ ภนฺเต ถ้าไม่มีพรให้ต่อ หรือให้พรและรับพรเสร็จแล้ว พึงน้อมพานสักการะนั้นเข้าไปประเคน และกราบอีก ๓ ครั้ง เป็นเสร็จพิธีขอขมา

๒. สามีจิกรรมแบบถวายสักการะ

ก) จัดเตรียมเครื่องสักการะอย่างเดียวกับแบบขอขมา แต่ในกรณีนี้อาจเพิ่มเติมของใช้หรือสิ่งอื่นใดที่ควรแก่สมณบริโภคด้วยก็ได้

ข) การทำในแบบนี้ ไม่นิยมว่าผู้ที่ตนทำจะต้องแก่อาวุโสกว่าตนเหมือนในแบบขอขมา แม้ผู้นี้อ่อนอาวุโสกว่า ก็ทำได้

ค) ครองผ้าเรียบร้อยดังกล่าวในเรื่องขอขมา ถือเครื่องสักการะเข้าไปหาท่านที่ตนจะทำแล้วประเคนทันที ท่าตนอ่อนอาวุโสกว่าพึงกราบ ๓ ครั้ง ถ้าแก่กว่า ไม่ต้องกราบ เพียงแต่รับไหว้โดยนั่งพับเพียบประณมมือ ให้เมื่อผู้อ่อนกว่ากราบ เท่านี้เป็นอันเสร็จพิธี

ข้อมูลอ้างอิงประกอบบทความ : หนังสือศาสนพิธี เล่ม ๒

 

พิธีทำสามีจิกรรม (ภาพชุดที่ ๒)
คณะสงฆ์วัดต่างๆ ร่วมกันทำสามีจิกรรมแด่เจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (สนิท ชวนปญฺโญ) เจ้าอาวาสวัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร เจ้าคณะใหญ่หนตะวันออก กรรมการมหาเถรสมาคม
-------------------------------------------------
การทำสามีจิกรรม
เป็นธรรมเนียมของสงฆ์อย่างหนึ่งที่ภิกษุสามเณรพึงทำความชอบต่อกัน เพื่อความสามัคคีกัน อยู่ร่วมกันโดยสงบสุข การทำความชอบนี้เรียกว่า สามีจิกรรม หมายถึง การขอขมาโทษกัน ให้อภัยกัน ทุกโอกาสไม่ว่าจะมีโทษขัดข้องหมองใจกันหรือไม่ก็ตาม โอกาสควรทำสามีจิกรรมนั้น โดยนิยมมีดังนี้

๑) ในวันเข้าพรรษา ทั้งภิกษุและสามเณรที่ร่วมอยู่วัดเดียวกันควรทำสามีจิกรรมต่อกัน เรียงตัวตั้งแต่ผู้มีอาวุโสมากที่สุด ถึงสามเณรรูปสุดท้ายในวัด ไม่ควรเว้นเพื่อความสามัคคีในวัด

สำหรับที่จะทำกันในวันเข้าพรรษา บางแห่งทำหลังจากเจริญพระพุทธมนต์ จบแล้วก่อนออกจากโรงอุโบสถ แม้ทำลำดับหลังท่านก็ไม่ห้าม สำหรับวัดที่มีพระภิกษุสามเณรจำพรรษาไม่มากนักควรทำร่วมกันทั้งวัดให้เสร็จภายในโรงอุโบสถในวันเข้าพรรษานี้ ทำเรียงตามลำดับอาวุโสจากพระสังฆเถระลงมาจนถึงสามเณรรูปสุดท้าย ถ้ามีจำนวนมาก จะแบ่งทำร่วมกันเฉพาะต่อท่านผู้มีพรรษาพ้นสิบซึ่งเป็นพระเถระท่านนั้นก่อนในโรงอุโบสถ นอกนั้นแยกกับไปทำตามกุฏิโดยอัธยาศัยก็ได้การทำร่วมกันในโรงอุโบสถเป็นการแสดงหน้าที่ผู้ใหญ่ผู้น้อย และแสดงความสามัคคีในหมู่คณะ มีระเบียบที่จะพึงปฏิบัติ ดังนี้

ก) ผู้รับขมาโทษ นั่งพับเพียบหันหน้ามาทางผู้ขอขมา เมื่อผู้ขอขมากราบเริ่มประณมมือรับ

ข) ผู้ขอขมาโทษคุกเข่ากราบพร้อมกัน ๓ ครั้ง เฉพาะรูปที่เป็นพระสังฆเถระและเจ้าอาวาส

ค) กราบแล้ว ยกพานเครื่องสักการะขึ้นประคองแต่อกน้อมกายลงเล็กน้อย กล่าวคำขอขมาตามแบบของวัดนั้นพร้อมกัน (ตามแบบที่ ๑ หรือที่ ๒ ซึ่งมีอยู่ข้างหน้า)

ฆ) เมื่อผู้รับขมากล่าวคำอภัยโทษตามแบบแล้วผู้ขอทั้งหมดรับคำให้อภัยตามแบบพร้อมกันด้วยอาการยกพานเครื่องสักการะขึ้นในท่าจบนิดหน่อย (เฉพาะที่ทำต่อพระสังฆเถระหรือเจ้าอาวาส วางพานเครื่องสักการะลงตรงหน้าแล้วกราบอีก ๓ ครั้ง ในบางแห่งท่านปฏิบัติกันอย่างนี้)

ง) เสร็จจากรูปหนึ่งแล้วทำกับอีกรูปหนึ่ง โดยวิธีดังกล่าว ต่อเนื่องกันไปจนถึงสามเณรรูปสุดท้าย เป็นอันเสร็จพิธีสามีจิกรรมในโรงอุโบสถวันนี้

๒) ในระยะเข้าพรรษา เริ่มแต่วันเข้าพรรษาและหลังวันเข้าพรรษา ระยะเวลาประมาณ ๗ วัน ควรทำสามีจิกรรมต่อท่านที่เคารพนับถือ ซึ่งอยู่ต่างวัดโดยทั่วถึงกัน

๓) ในโอกาสจะจากกันไปอยู่วัดอื่นหรือถิ่นอื่น นิยมทำต่อผู้ท่านผู้มีอาวุโสกว่าตนในวัด และต่อท่านที่เคารพนับถือทั่วไป เป็นการลาจากกันทั้ง ๒ กรณีนี้ เป็นการทำสามีจิกรรม แบบขอขมาโทษ

นอกจากนี้ยังมีสามีจิกรรมแบบถวายสักการะเป็นการแสดงมุทิตาจิตอีกแบบหนึ่ง นิยมทำต่อท่านที่ตนเคารพนับถือในโอกาสที่ท่านผู้นั้นได้รับอิสริยศักดิ์ หรือได้รับยกย่องในฐานันดรศักดิ์เป็นการแสดงจิตใจที่พลอยยินดีให้ปรากฏเพราะความมุ่งหมายและเหตุผลของการทำสามีจิกรรมมีดังกล่าว การกระทำจึงเกิดพิธีขึ้นโดยนิยมเป็นแบบ ๆ ดังต่อไปนี้

๑. สามีจิกรรมแบบขอขมาโทษนอกโรงอุโบสถหรือนอกวัด

ก) จัดเครื่องสักการะ คือ ดอกไม้ ธูป เทียน ใส่พาน หรือภาชนะที่สมควร ธูปเทียนที่นิยมกัน ใช้ธูปเทียนที่มัดรวมกันเป็นแพผูกโบว์วางบนพาน ดอกไม้จัดใส่กระทงขนาดพอเหมาะกับธูปเทียนแพ วางกระทงดอกไม้ลงบนแพธูปเทียนนั่นหรือจะเป็นเล่มนั้น หรือเป็นดอก ๆ ก็ได้ สุดแต่จะจัดได้อย่างไร

ข) ครองผ้าเรียบร้อยตามนิยมของวัดที่สังกัด ถ้าเป็นภิกษุพาดสังฆาฏิด้วย

ค) ถือพานดอกไม้ธูปเทียน ประคองสองมือเข้าไปหาท่านที่ตนจะขอขมา คุกเข่าลงตรงหน้า ระยะห่างกันประมาณศอกเศษ วางพานทางซ้ายมือของตน กราบด้วยเบญจางคประดิษฐ์ ๓ ครั้ง แล้วยกพานขึ้นประคองสองมือแค่อกกล่าวคำขอขมาตามแบบนิยม

ฆ) เมื่อท่านที่ตนขอขมากล่าวคำให้อภัยโทษแล้ว พึงรับคำตามแบบนิยมต่อนี้ ถ้าท่านที่ตนขอขมาให้พรต่อท้าย พึงสงบใจรับพรจากท่านจนจบ และรับคำด้วยคำว่า สาธุ ภนฺเต ถ้าไม่มีพรให้ต่อ หรือให้พรและรับพรเสร็จแล้ว พึงน้อมพานสักการะนั้นเข้าไปประเคน และกราบอีก ๓ ครั้ง เป็นเสร็จพิธีขอขมา

๒. สามีจิกรรมแบบถวายสักการะ

ก) จัดเตรียมเครื่องสักการะอย่างเดียวกับแบบขอขมา แต่ในกรณีนี้อาจเพิ่มเติมของใช้หรือสิ่งอื่นใดที่ควรแก่สมณบริโภคด้วยก็ได้

ข) การทำในแบบนี้ ไม่นิยมว่าผู้ที่ตนทำจะต้องแก่อาวุโสกว่าตนเหมือนในแบบขอขมา แม้ผู้นี้อ่อนอาวุโสกว่า ก็ทำได้

ค) ครองผ้าเรียบร้อยดังกล่าวในเรื่องขอขมา ถือเครื่องสักการะเข้าไปหาท่านที่ตนจะทำแล้วประเคนทันที ท่าตนอ่อนอาวุโสกว่าพึงกราบ ๓ ครั้ง ถ้าแก่กว่า ไม่ต้องกราบ เพียงแต่รับไหว้โดยนั่งพับเพียบประณมมือ ให้เมื่อผู้อ่อนกว่ากราบ เท่านี้เป็นอันเสร็จพิธี

ข้อมูลอ้างอิงประกอบบทความ : หนังสือศาสนพิธี เล่ม ๒

 

พิธีทำสามีจิกรรม (ภาพชุดที่ ๓)
คณะสงฆ์วัดต่างๆ ร่วมกันทำสามีจิกรรมแด่เจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (สนิท ชวนปญฺโญ) เจ้าอาวาสวัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร เจ้าคณะใหญ่หนตะวันออก กรรมการมหาเถรสมาคม
-------------------------------------------------
การทำสามีจิกรรม
เป็นธรรมเนียมของสงฆ์อย่างหนึ่งที่ภิกษุสามเณรพึงทำความชอบต่อกัน เพื่อความสามัคคีกัน อยู่ร่วมกันโดยสงบสุข การทำความชอบนี้เรียกว่า สามีจิกรรม หมายถึง การขอขมาโทษกัน ให้อภัยกัน ทุกโอกาสไม่ว่าจะมีโทษขัดข้องหมองใจกันหรือไม่ก็ตาม โอกาสควรทำสามีจิกรรมนั้น โดยนิยมมีดังนี้

๑) ในวันเข้าพรรษา ทั้งภิกษุและสามเณรที่ร่วมอยู่วัดเดียวกันควรทำสามีจิกรรมต่อกัน เรียงตัวตั้งแต่ผู้มีอาวุโสมากที่สุด ถึงสามเณรรูปสุดท้ายในวัด ไม่ควรเว้นเพื่อความสามัคคีในวัด

สำหรับที่จะทำกันในวันเข้าพรรษา บางแห่งทำหลังจากเจริญพระพุทธมนต์ จบแล้วก่อนออกจากโรงอุโบสถ แม้ทำลำดับหลังท่านก็ไม่ห้าม สำหรับวัดที่มีพระภิกษุสามเณรจำพรรษาไม่มากนักควรทำร่วมกันทั้งวัดให้เสร็จภายในโรงอุโบสถในวันเข้าพรรษานี้ ทำเรียงตามลำดับอาวุโสจากพระสังฆเถระลงมาจนถึงสามเณรรูปสุดท้าย ถ้ามีจำนวนมาก จะแบ่งทำร่วมกันเฉพาะต่อท่านผู้มีพรรษาพ้นสิบซึ่งเป็นพระเถระท่านนั้นก่อนในโรงอุโบสถ นอกนั้นแยกกับไปทำตามกุฏิโดยอัธยาศัยก็ได้การทำร่วมกันในโรงอุโบสถเป็นการแสดงหน้าที่ผู้ใหญ่ผู้น้อย และแสดงความสามัคคีในหมู่คณะ มีระเบียบที่จะพึงปฏิบัติ ดังนี้

ก) ผู้รับขมาโทษ นั่งพับเพียบหันหน้ามาทางผู้ขอขมา เมื่อผู้ขอขมากราบเริ่มประณมมือรับ

ข) ผู้ขอขมาโทษคุกเข่ากราบพร้อมกัน ๓ ครั้ง เฉพาะรูปที่เป็นพระสังฆเถระและเจ้าอาวาส

ค) กราบแล้ว ยกพานเครื่องสักการะขึ้นประคองแต่อกน้อมกายลงเล็กน้อย กล่าวคำขอขมาตามแบบของวัดนั้นพร้อมกัน (ตามแบบที่ ๑ หรือที่ ๒ ซึ่งมีอยู่ข้างหน้า)

ฆ) เมื่อผู้รับขมากล่าวคำอภัยโทษตามแบบแล้วผู้ขอทั้งหมดรับคำให้อภัยตามแบบพร้อมกันด้วยอาการยกพานเครื่องสักการะขึ้นในท่าจบนิดหน่อย (เฉพาะที่ทำต่อพระสังฆเถระหรือเจ้าอาวาส วางพานเครื่องสักการะลงตรงหน้าแล้วกราบอีก ๓ ครั้ง ในบางแห่งท่านปฏิบัติกันอย่างนี้)

ง) เสร็จจากรูปหนึ่งแล้วทำกับอีกรูปหนึ่ง โดยวิธีดังกล่าว ต่อเนื่องกันไปจนถึงสามเณรรูปสุดท้าย เป็นอันเสร็จพิธีสามีจิกรรมในโรงอุโบสถวันนี้

๒) ในระยะเข้าพรรษา เริ่มแต่วันเข้าพรรษาและหลังวันเข้าพรรษา ระยะเวลาประมาณ ๗ วัน ควรทำสามีจิกรรมต่อท่านที่เคารพนับถือ ซึ่งอยู่ต่างวัดโดยทั่วถึงกัน

๓) ในโอกาสจะจากกันไปอยู่วัดอื่นหรือถิ่นอื่น นิยมทำต่อผู้ท่านผู้มีอาวุโสกว่าตนในวัด และต่อท่านที่เคารพนับถือทั่วไป เป็นการลาจากกันทั้ง ๒ กรณีนี้ เป็นการทำสามีจิกรรม แบบขอขมาโทษ

นอกจากนี้ยังมีสามีจิกรรมแบบถวายสักการะเป็นการแสดงมุทิตาจิตอีกแบบหนึ่ง นิยมทำต่อท่านที่ตนเคารพนับถือในโอกาสที่ท่านผู้นั้นได้รับอิสริยศักดิ์ หรือได้รับยกย่องในฐานันดรศักดิ์เป็นการแสดงจิตใจที่พลอยยินดีให้ปรากฏเพราะความมุ่งหมายและเหตุผลของการทำสามีจิกรรมมีดังกล่าว การกระทำจึงเกิดพิธีขึ้นโดยนิยมเป็นแบบ ๆ ดังต่อไปนี้

๑. สามีจิกรรมแบบขอขมาโทษนอกโรงอุโบสถหรือนอกวัด

ก) จัดเครื่องสักการะ คือ ดอกไม้ ธูป เทียน ใส่พาน หรือภาชนะที่สมควร ธูปเทียนที่นิยมกัน ใช้ธูปเทียนที่มัดรวมกันเป็นแพผูกโบว์วางบนพาน ดอกไม้จัดใส่กระทงขนาดพอเหมาะกับธูปเทียนแพ วางกระทงดอกไม้ลงบนแพธูปเทียนนั่นหรือจะเป็นเล่มนั้น หรือเป็นดอก ๆ ก็ได้ สุดแต่จะจัดได้อย่างไร

ข) ครองผ้าเรียบร้อยตามนิยมของวัดที่สังกัด ถ้าเป็นภิกษุพาดสังฆาฏิด้วย

ค) ถือพานดอกไม้ธูปเทียน ประคองสองมือเข้าไปหาท่านที่ตนจะขอขมา คุกเข่าลงตรงหน้า ระยะห่างกันประมาณศอกเศษ วางพานทางซ้ายมือของตน กราบด้วยเบญจางคประดิษฐ์ ๓ ครั้ง แล้วยกพานขึ้นประคองสองมือแค่อกกล่าวคำขอขมาตามแบบนิยม

ฆ) เมื่อท่านที่ตนขอขมากล่าวคำให้อภัยโทษแล้ว พึงรับคำตามแบบนิยมต่อนี้ ถ้าท่านที่ตนขอขมาให้พรต่อท้าย พึงสงบใจรับพรจากท่านจนจบ และรับคำด้วยคำว่า สาธุ ภนฺเต ถ้าไม่มีพรให้ต่อ หรือให้พรและรับพรเสร็จแล้ว พึงน้อมพานสักการะนั้นเข้าไปประเคน และกราบอีก ๓ ครั้ง เป็นเสร็จพิธีขอขมา

๒. สามีจิกรรมแบบถวายสักการะ

ก) จัดเตรียมเครื่องสักการะอย่างเดียวกับแบบขอขมา แต่ในกรณีนี้อาจเพิ่มเติมของใช้หรือสิ่งอื่นใดที่ควรแก่สมณบริโภคด้วยก็ได้

ข) การทำในแบบนี้ ไม่นิยมว่าผู้ที่ตนทำจะต้องแก่อาวุโสกว่าตนเหมือนในแบบขอขมา แม้ผู้นี้อ่อนอาวุโสกว่า ก็ทำได้

ค) ครองผ้าเรียบร้อยดังกล่าวในเรื่องขอขมา ถือเครื่องสักการะเข้าไปหาท่านที่ตนจะทำแล้วประเคนทันที ท่าตนอ่อนอาวุโสกว่าพึงกราบ ๓ ครั้ง ถ้าแก่กว่า ไม่ต้องกราบ เพียงแต่รับไหว้โดยนั่งพับเพียบประณมมือ ให้เมื่อผู้อ่อนกว่ากราบ เท่านี้เป็นอันเสร็จพิธี

ข้อมูลอ้างอิงประกอบบทความ : หนังสือศาสนพิธี เล่ม ๒

 

วันพฤหัสบดีที่ ๘ สิงหาคม ๒๕๖๒ เวลา ๑๗.๐๐ น. สมเด็จพระพุฒาจารย์ (สนิท ชวนปญฺโญ) เจ้าอาวาสวัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร เจ้าคณะใหญ่หนตะวันออก กรรมการมหาเถรสมาคม เป็นประธานพิธีเจริญพระพุทธมนต์นวัคคหายุสมธัมม์ถวายพระพรชัยมงคลแด่ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ๑๒ สิงหาคม ๒๕๖๒ ซึ่งจัดโดยคณะสงฆ์หนตะวันออก ณ วัดไตรมิตรวิทยาราม เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพมหานคร การนี้ นายสมเกียรติ ธงศรี รองผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ปฏิบัติราชการแทน ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ นายประพันธ์ ตั้นวัฒนา ผู้ตรวจราชการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ พร้อมด้วยข้าราชการ เจ้าหน้าที่ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และพุทธศาสนิกชนร่วมในพิธี ภาพ:ข่าว / กลุ่มประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ

 

❖ ม ห า อุ บ า ส ก ผู้ ถ ว า ย ที่ ดิ น ๖ ๑ ไ ร่ ❖
#ท่านดำรงค์ พงษ์นิทรัพย์ ผู้ถวายที่ดิน
#พนมสารคาม_ที่ประดิษฐานหลวงพ่อทองคำองค์ใหญ่
#มาตุภูมิเจ้าประคุณสมเด็จฯ

ด้วยเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (สนิท ชวนปญฺโญ ป.ธ.๙) เจ้าอาวาสวัดไตรมิตรวิทยาราม ประทานเมตตาอนุญาตให้ กระผม นายมินท์ อดุลย์รัฐธาดา #เป็นประธานดำเนินการจัดสร้างพระพุทธมหาสุวรรณปฏิมากร (จำลอง) ขนาดเท่าองค์จริง หน้าตัก ๖ ศอก ๕ นิ้ว เป็นแบบศิลปะสมัยสุโขทัย เพื่ออัญเชิญไปประดิษฐาน ณ สถานที่แห่งใหม่ของวัดไตรมิตรวิทยาราม อำเภอพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา

ดังนั้นเพื่อให้การดำเนินโครงการสร้างพระพุทธมหาสุวรรณปฏิมากร (จำลอง) องค์นี้ ให้เป็นไปด้วยดี เห็นควรให้มีที่ปรึกษาเพื่อให้คำแนะนำในโครงการจัดสร้างนี้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย จึงได้ขอเรียนเชิญท่านดำรงค์ พงษ์นิทรัพย์ นายกเทศมนตรีท่าด่าน #มหาอุบาสกผู้ถวายที่ดิน ๖๑ ไร่ #เป็นที่ปรึกษาโครงการสร้างพระพุทธมหาสุวรรณปฏิมากร (จำลอง) วัดไตรมิตรวิทยาราม

ด้วยอานุภาพบารมีอันยิ่งใหญ่แห่งองค์พระพุทธมหาสุวรรณปฏิมากร บารมีเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (สนิท ชวนปญฺญมหาเถร) แลบารมีแห่งทวยเทพเจ้าทั้งหลายทั้งปวง จงประทานพรซึ่งความสำเร็จในโครงการจัดสร้างพระพุทธปฏิมาองค์นี้ให้สำเร็จในเร็ววันด้วยเทอญ.

#บุญบารมีที่ข้าพเจ้าสั่งสมมาดีแล้ว
#เป็นมหากุศลที่ข้าพเจ้าจักได้สร้างสืบต่อไป
เกล้าฯ มหามินท์ อดุลย์รัฐธาดา ป.ธ.๙
๙ กันยายน ๒๕๖๒
ณ วัดวีระโชติธรรมาราม

 

วันอาทิตย์ 22 กันยายน 2562
ขอเชิญญาติโยมทุกท่านฟังเทศน์มหาชาติ
ณ วัดไตรมิตรวิทยาราม (วัดสามจีน)

#อานิสงส์การฟังเทศน์มหาชาติ
๑. เมื่อตายจากโลกนี้แล้ว
จะได้เกิดทันพบพระพุทธเจ้าศรีอริยเมตไตย
๒. เมื่อดับขันธ์ไปเกิดในสุคติโลกสวรรค์
จะเสวยทิพยสมบัติมโหฬาร
๓. เมื่อตายไปแล้วจะไม่ตกนรก
๔. เมื่อถึงยุคพระพุทธเจ้าศรีอริยเมตไตย
จะได้จุติไปเกิดเป็นมนุษย์
๕. ได้ฟังธรรมต่อหน้าพระพักตร์ของพระพุทธองค์
จะได้ดวงตาเห็นธรรมเป็นพระอริยบุคคล

กำหนดการ
เทศน์มหาชาติ วัดไตรมิตรวิทยาราม
วันอาทิตย์ที่ 22 กันยายน 2562
เวลา 06.00 น. เทศน์คาถาพัน
เวลา 09.00 น. เทศน์กัณฑ์ทศพร
เวลา 11.00 น. ถวายภัตตาหารเพล
เวลา 12.00 น. เทศน์มหาชาติ 13 กัณฑ์
เวลา 16.00 น. เทศน์กัณฑ์อริยสัจ 4
เวลา 17.00 น. เสร็จพิธี

#ขอเชิญสาธุชนทุกท่านได้ร่วมบุญใหญ่
#ฟังเทศน์มหาชาติโดยพร้อมเพรียงกัน

พระครูปลัดสัมพิพัฒนธุตาจารย์(สมประสงค์)
ฝ่ายจัดงานเทศน์มหาชาติ 095-516-9559

 

วัดไตรมิตรวิทยาราม เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพฯ

#ขอเชิญร่วมสวดมนต์ปฏิบัติธรรมวันจันทร์

โครงการ : ปฏิบัติธรรม เจริญพระพุทธมนต์ เจริญจิตตภาวนา กรรมฐาน

เพื่อน้อมถวายเป็นพระราชกุศล แด่ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว

เพื่อน้อมถวายพระพรชัยมงคล แด่ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนี พันปีหลวง

และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์

โดยมี พระสุวรรณมหาพุทธาภิบาล(เจ้าคุณโฮ้)ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดไตรมิตรฯ และท่านเจ้าคุณพระภาวนาประชานุกูล เจ้าอาวาสวัดวีระโชติฯ ปฏิบัติหน้าที่แทนเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์(สนิท ชวนปญฺโญ ป.ธ.๙)เจ้าอาวาสวัดไตรมิตรฯ

ณ อาคารพระมหามณฑป ชั้นที่ ๑

ทุกวันจันทร์ เวลา : ๑๗.๐๐-๒๐.๓๐ น.

วันจันทร์ที่ ๑๓ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๓

https://www.facebook.com/wilailak.chooboonlert/media_set?set=a.2765758503491240&type=3

 

พิธีบำเพ็ญกุศลเนื่องในอภิลักขิตสมัยคล้ายวันสวรรคต ปีที่ ๔ น้อมถวายเป็นพระราชกุศล พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และพิธีทอดผ้าป่าสนับสนุนโครงการทุนเล่าเรียนหลวงสำหรับพระสงฆ์ไทย โดยคณะสงฆ์หนตะวันออก ณ วัดไตรมิตรวิทยาราม วรวิหาร เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพมหานคร วันอังคารที่ ๑๓ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๓ เวลา ๐๙.๐๐ น.

 

พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว
ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม พระราชทานผ้าพระกฐิน ให้ นายจุตินันท์ ภิรมย์ภักดี
นำไปถวายพระสงฆ์จำพรรษากาลถ้วนไตรมาส
ณ วัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร
แขวงตลาดน้อย เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพมหานคร
วันอาทิตย์ที่ ๑๑ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๓ เวลา ๑๔.๐๐ น.

 

พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว
ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม พระราชทานผ้าพระกฐิน ให้ นายจุตินันท์ ภิรมย์ภักดี
นำไปถวายพระสงฆ์จำพรรษากาลถ้วนไตรมาส
ณ วัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร
แขวงตลาดน้อย เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพมหานคร
วันอาทิตย์ที่ ๑๑ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๓ เวลา ๑๔.๐๐ น.

 

พระพุทธทศพลญาณ วัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร
หรือที่ชาวบ้านนิยมเรียก หลวงพ่อโต เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ปูนปั้นลงรักปิดทอง พระประธานประจำพระอุโบสถ วัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร และเดิมเป็นพระประธานวัดสามจีนใต้ ตั้งแต่ครั้งที่ได้มีการสร้างวัดสามจีนใต้ขึ้น พระพุทธทศพลญาณ เป็นพระพุทธรูปที่มีพุทธลักษณะงดงาม และมีความศักดิ์สิทธิ์มาก ประชาชนมักมาบนบาน กราบไหว้ ขอพร ขอกำลังใจ ด้วยพวงมาลัย ดอกมะลิ
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้เคยเสด็จพระราชดำเนินมานมัสการ พระพุทธทศพลญาณ พระประธานวัดสามจีนใต้ และทรงได้ตรัสยกย่องว่า เป็นพระพุทธรูปที่มีพุทธลักษณะงดงามยิ่ง
มูลเหตุที่ชาวบ้านสมัยก่อนเรียก "หลวงพ่อสร้อย"
ย้อนกลับไปสมัยเมื่อครั้งยังเป็น วัดสามจีนใต้ เมื่อชาวบ้านมากราบไหว้ขอพร พระพุทธทศพลญาณ มักจะเห็นสร้อยสังวาลที่ท่านทรงสวมใส่อยู่ จึงเรียกท่านว่า หลวงพ่อสร้อย
โดยตามประวัติ " พระอธิการโป๊ ธมมสโร " อดีตเจ้าอาวาสวัดสามจีนใต้ ท่านได้เป็นผู้จัดสร้างขึ้นถวายเป็นพุทธบูชา ขณะที่ท่านดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาสวัดสามจีนใต้ โดยตระกูล หลิมเซ่งไถ่ ได้มีส่วนร่วมในการถวายปัจจัยจัดสร้างสร้อยสังวาล ถวายแก่ พระพุทธทศพลญาณ ตระกูล หลิ่มเซ่งไถ่ ถือเป็นตระกูลที่มีความสำคัญต่อชาวตลาดน้อยเป็นอย่างมาก คุณย่าละออ หลิ่มเซ่งไถ่ ยังเป็นโยมอุปถัมภ์เมื่อครั้งที่ พระอธิการโป๊ มีอาการเจ็บป่วย ก็ได้ถวายปัจจัยเป็นค่ารักษาด้วย และยังได้บริจาคที่ดินในการสร้างคุณประโยชน์ให้แก่ ชาวตลาดน้อย อาทิ โรงเรียนฝึกอาชีพ สารพัดช่างสี่พระยา
ภายหลัง พระอธิการโป๊ ท่านได้ลาออกจากตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดสามจีนใต้ แต่ท่านก็ยังสร้างคุณประโยชน์แก่พระศาสนาอีกมากมาย อาทิ เช่น โต๊ะหมู่ลายพุดตาลปิดทองพร้อมเครื่องบูชาแก้วเจียระไนครบชุด ธรรมมาสน์แสดงธรรมประจำพระอุโบสถ นาฬิกาสำหรับพระอุโบสถ โคมไฟกริ่งรอบพระอุโบสถ และโต๊ะหมู่มุก ๑ ชุด ถวายแก่ วัดสามจีนใต้
ช่วงสงครามโลกครั้งที่ ๒ พระอุโบสถหลังเก่าได้รับความเสียหายเป็นอันมากจากภัยสงคราม ยากต่อการบูรณะปฎิสังขร ทางวัดจึงได้มีมติเห็นควรสร้างพระอุโบสถขึ้นใหม่ โดยมอบหมายให้ หลวงวิศาลศิลปกรรม เป็นผู้ออกแบบ และได้ทำการรื้อพระอุโบสถหลังเก่าลงในปี พ.ศ.๒๔๘๐ และได้มีกาสร้างพระอุโบสถหลังใหม่ขึ้น โดยพระพุทธทศพลญาณ พระประธานได้รับความเสียหายจากภัยสงครามในครั้งนั้นด้วยโดยชั้นรักได้ร่อนหลุดออกมาเป็นแผ่นๆ และชั้นปูนก็แตกหัก ได้รับความเสียหายเป็นอันมาก จึงต้องบูรณะองค์พระประธานใหม่ จึงได้ทำการขูดออก และปั้นเสริมเพิ่มเติมเข้าไป ทำให้พุทธลักษณะต่างจากองค์เดิมอย่างเห็นได้ชัด เมื่อทำการบูรณะซ่อมแซมพระพุทธทศพลญาณ
วันที่ ๑๖ เมษายน ๒๔๙๐ จึงได้อัญเชิญ พระพุทธทศพลญาณ เข้าสู่พระอุโบสถหลังใหม่ที่ยังสร้างไม่เสร็จ เมื่อทำการอัญเชิญเข้าสู่พระอุโบสถหลังใหม่ จึงได้มีการจัดสร้างวัตถุมงคลเพื่อเป็นที่ระลึกในการอัญเชิญ พระพุทธทศพลญาณ ประดิษฐานเข้าเป็นพระประธานประจำพระอุโบสถหลังใหม่ ทางวัดจึงได้จัดสร้าง เหรียญที่ระลึกแก่ผู้ที่มาร่วมงาน โดย พระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมขุนชัยนาทนเรนทร ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ เป็นประธานในพิธี ถัดมาอีก ๔ เดือน ทางวัดจึงได้รับพระราชทานวิสุงคารามสีมา ซึ่งตรงกับวันที่ ๑๓ สิงหาคม พ.ศ.๒๔๙๐
พระวีรธรรมมุนี (ไสว ฐิตวีโร) เจ้าอาวาสวัดไตรมิตรวิทยาราม ในขณะนั้นได้ปรารภขึ้นมาว่า อยากให้สร้างซุ้มเรือนแก้วเข้าไปเพื่อให้มีพุทธลักษณะที่งดงาม และเนื่องด้วย พระวีรธรรมมุนี เจ้าอาวาสวัดไตรมิตรขณะนั้น ท่านได้มีความเคารพนับถือ หลวงพ่อโม ธัมมสโร หรือ พระครูวิริยกิจการี อดีตเจ้าอาวาสวัดสามจีนใต้ ท่านจึงอยากสร้างซุ้มเรือนแก้ว ให้พระพุทธทศพลญาณ พระประธานประจำพระอุโบสถ มีพุทธลักษณะ ใกล้เคียงกับ พระพุทธชินราช เนื่องด้วย หลวงพ่อโม ท่านมีความเคารพ ศรัทธา ในพระพุทธชินราช เมื่อครั้งเป็นพระอนุจรติดตาม พระปรากรมมุนี (เปลี่ยน) พระอุปัชฌาย์ของท่าน ซึ่งได้รับคำสั่งให้ไปเป็นเจ้าอาวาสวัดใหญ่ (วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ) และเป็นเจ้าคณะจังหวัดพิษณุโลก หลวงพ่อโมท่านจึงตามไปเป็นพระอนุจร เป็นเวลาถึง ๑๐ ปี และได้อยู่ใกล้ชิด และกราบไหว้พระพุทธชินราช เป็นประจำเมื่อกลับมาถึงวัดสามจีนใต้ จึงได้สร้างจัดสร้างวัตถุมงคลขึ้น เป็นพิมพ์ พระพุทธชินราช เนื้อชินตะกั่ว จึงทำให้ พระวีรธรรมมุนี (ไสว ฐิตวีโร) เจ้าอาวาสขณะนั้นได้มีความคิดให้สร้างซุ้มเรือนแก้วเพิ่มเติมเข้าไปให้มีพุทธลักษณะคล้าย พระพุทธชินราช ดัง วัตถุมงคลของหลวงพ่อโม วัดสามจีนใต้
แต่บ้างก็ว่า น่าจะเป็นความบังเอิญเสียมากกว่า
ภายหลังที่ได้ทำการบูรณปฎิสังขรณ์พระพุทธทศพลญาณขึ้นใหม่ ให้มีขนาดใหญ่กว่าเดิม เหมาะสมกับพระอุโบสถหลังใหม่ที่ได้สร้างขึ้น รวมถึงเพิ่มความสง่างามให้กับพระพุทธทศพลญาณ พระประธานประจำพระอุโบสถ และเพื่อไม่ให้พระอุโบสถ แลดูโล่งว่างจนเกินไป
พระพุทธทศพลญาณ พระประธานประจำพระอุโบสถ วัดไตรมิตรวิทยาราม ได้ทำการบูรณปฎิสังขรณ์ พร้อมกับพระอุโบสถหลังใหม่ แล้วเสร็จในปี ๒๔๙๓
วันที่ ๕ เมษายน ๒๔๙๓ ทางวัดจึงได้จัดสร้างเหรียญที่ระลึกแก่ผู้ที่มาร่วมงานผูกพัทธสีมา โดยจัดสร้างเป็น ๒ พิมพ์
๑.พิมพ์กรรมการ ลักษณะรูปอาม ลงยาสีต่าง ๆ
๒.พิมพ์เสมาคว่ำ โดยเหรียญพระพุทธทศพลญาณ ที่ถูกจัดสร้างในปี ๒๔๙๓ นี้นับได้ว่าเป็นเหรียญพระพุทธทศพลญาณ รุ่น ๒ ซึ่งตรงตามพุทธลักษณะ พระพุทธทศพลญาณ ประธานประจำพระอุโบสถปัจจุบัน
วันที่ ๒ สิงหาคม พ.ศ.๒๔๘๙
พระวีรธรรมมุนี (ไสว ฐิตวีโร) เจ้าอาวาสวัดไตรมิตรวิทยารามในขณะนั้น ได้ทำเอกสาร ขอฝากสร้อยสังวาลทำด้วยเงิน หนัก ๒๐๐ บาท จำนวน ๑ สาย ดอกสังวาลทำลักษณะเป็นรูปดาวทองคำประดับพลอย จำนวน ๑๑ ดวง กับ กระทรวงศึกษาธิการ ตั้งแต่ ปี พ.ศ.๒๔๘๙
๑๑ ธันวาคม ๒๕๓๑ พระวิสุทธาธิบดี (ไสว ฐิตวีโร) ได้ถึงแก่มรณภาพ เนื่องจากหัวใจล้มเหลว
พระพระศรีวีราภรณ์ (สนิท ชวนปญฺโญ) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดไตรมิตรวิทยาราม ขณะนั้น จึงได้ขึ้นครองเป็นเจ้าอาวาสวัดไตรมิตรวิทยารามต่อมา ในปี พ.ศ.๒๕๓๒
๑๘ สิงหาคม ๒๕๓๒
พระราชวีราภรณ์ (สนิท ชวนปญฺโญ) เจ้าอาวาสวัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร ได้ทำหนังสือไปยังกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อขอรับสร้อยสังวาล เครื่องประดับ พระพุทธทศพลญาณ พระประธานประจำพระอุโบสถวัดไตรมิตรวิทยาราม วรวิหาร เพื่อมาเก็บรักษาไว้เป็นสมบัติของวัดและใช้ประโยชน์ตามจุดประสงค์ของผู้สร้างถวายไว้เป็นพุทธบูชา สร้อยสังวาลพระพุทธทศพลญาณ จึงได้นำกลับมารักษาไว้ที่วัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร และจะนำมาประดับองค์พระประธานในงานพระราชพิธีเท่านั้น
ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๓๒ เป็นต้นมาจวบจนปัจจุบัน
ต่อมาในปี ๒๕๔๔ ได้มีการบูรณปฎิสังขรณ์รอบพระอุโบสถวัดไตรมิตรวิทยาราม ทั้งหมด มีความกว้าง ๓๐ เมตร ยาว ๕๕ เมตร ซึ่งเสาและคานที่รองรับนั้นชำรุด จึงขุดดินลึก ๓ เมตร รอบพระอุโบสถ ตอกเสาเข็ม แล้วตั้งเสาเข็มและคานรองรับชานพร้อมกับเทพื้นและผนังด้วยคอนกรีตเสริมเหล็กเพื่อป้องกันตัวพระอุโบสถปูด้วยหินแกรนิตสีเทา รอบตัวพระอุโบสถสูง ๓.๒ เมตร โดยรอบปูหินแกรนิตสีแดงเพื่อรักษาสีหินขัดสีแดงเดิมไว้ และทางเท้ารอบพระอุโบสถปูด้วยหินอ่อนกว้าง ๑.๕๐ เมตร ยาวตามแนวพระอุโบสถ
พ.ศ.๒๕๕๕ ได้ดำเนินการบูรณะปิดทองพระพุทธทศพลญาณ พระประธานประจำพระอุโบสถ โดยลงรักและปิดทองแท้
-พ.ศ.๒๕๕๗-
ทางวัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหารก็ได้มีการปิดทองพระพุทธทศพลญาณ พระประธานประจำพระอุโบสถอีกครั้ง ในวันที่ ๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ เนื่องในวันมุทิตา พระพรหมเวที (สนิท ชวนปญฺโญ) เจ้าอาวาสวัดไตรมิตรวิทยาราม ในวันที่ ๑๕-๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๗
ต่อมาข้าพเจ้าขออนุญาติเขียนและเรียบเรียงความเป็นมาให้ทุกท่านได้อ่าน ในปี พ.ศ.๒๔๓๘ พระครูถาวรสมณวงศ์ (เปลี่ยน) เจ้าอาวาสวัดสามจีนใต้ในขณะนั้นได้รับคำสั่งให้ย้ายไปเจ้าอาวาสวัดใหญ่ พิษณุโลก (วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ) หลวงพ่อโมท่านจึงเป็นพระอนุจร ติดตามพระครูถาวรสมณวงศ์ (เปลี่ยน) พระอุปัชฌาย์ของท่านไปยังวัดใหญ่ พิษณุโลก (วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ) ในครั้งนั้นด้วย และในปีเดียวกัน พระครูถาวรสมณวงศ์ (เปลี่ยน) ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นเป็นพระราชาคณะที่ พระปรากรมมุนี (เปลี่ยน) และได้รับตำแหน่งเป็นเจ้าคณะจังหวัดพิษณุโลกอีกด้วย วัดสามจีนใต้ขณะนั้น ตำแหน่งเจ้าอาวาสจึงว่างลง ทางวัดสามจีนใต้จึงได้ทำการแต่งตั้งเจ้าอาวาสโดยให้พระสมุห์กล่อม (กล่อม) ขึ้นเป็นเจ้าอาวาสวัดสามจีนใต้แทน
หลวงพ่อโมท่านก็อยู่ที่วัดใหญ่ (วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ) จังหวัดพิษณุโลก กับ พระปรากรมมุนี (เปลี่ยน) พระอาจารย์ของท่านเป็นเวลา ๑๐ ปี ต่อมาในปี พ.ศ. ๒๔๔๘ พระปรากรมมุนี (เปลี่ยน) ได้รับคำสั่งให้ย้ายไปเป็นเจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาส ฝั่งธนบุรี หลวงพ่อโม ขณะนั้นครองสมณศักดิ์ พระอธิการโม จึงได้ตามกลับมา แต่ไม่ได้ตามไปที่วัดประยูรวงศาวาสด้วย ท่านจึงกลับมาอยู่ที่วัดสามจีนใต้ตามเดิม ภายหลัง พระสมุห์กล่อม (กล่อม) เจ้าอาวาสวัดสามจีนใต้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็น พระครูวิริยกิจการี (กล่อม) ต่อมาในปี พ.ศ.๒๔๕๔ พระครูวิริยกิจการี (กล่อม) เจ้าอาวาสวัดสามจีนใต้ในขณะนั้นได้อาพาธเป็นไข้ ถึง มรณภาพ ตรงกับวันที่ ๒๓ เมษายน รัตนโกสินทร ศก ๑๓๐
พระอธิการโม จึงได้ขึ้นเป็นเจ้าอาวาสวัดสามจีนใต้ ลำดับที่ ๕ ต่อมาหลังพระอธิการโม เจ้าอาวาสวัดสามจีนใต้ ครองวัดสามจีนใต้ ๑ ปี ตรงกับปี พ.ศ. ๒๔๕๕ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าพระราชทานสมณศักดิ์เป็น พระครูวิริยกิจการี (โม) ดังมีประกาศในราชกิจจานุเบกษาเล่มที่ ๒๙ หน้า ๒๑๑ ความว่า ให้พระอธิการโม วัดสามจีนใต้ เปน พระครูวิริยกิจการี พัดพุดตาลพื้นแพรแดง สลับเยี่ยระบับ
หลวงพ่อโม นับเป็นพระเกจิอาจารย์ยุคเก่าท่านหนึ่งที่บรรลุธรรมขั้นสูง และเป็นพระสงฆ์ที่เคร่งครัดในวิปัสสนากรรมฐาน ชนิดที่ผู้คนร่ำลือกันว่าท่านสามารถล่วงรู้กาลมรณภาพล่วงหน้าได้ ดังนั้นเมื่อท่านจัดสร้างวัตถุมงคลจึงเชื่อมั่นได้ว่าพุทธคุณต้องครบเครื่องทุกด้าน โดย วัตถุมงคลที่ท่านสร้างและได้รับความนิยมเห็นจะมีเพียง เหรียญรุ่นแรก ที่จัดสร้างขึ้นในปี ๒๔๖๐ พระพุทธชินราช เนื้อชินตะกั่ว แม้จะสร้างเป็นแบบ “องค์แบนครึ่งซีก” ด้วยเนื้อตะกั่วก็ตาม ทั้งนี้ก็เพราะวัสดุในการสร้างพระสมัยนั้นค่อนข้างหายาก อีกทั้งสมัยนั้นก็นิยมสร้างวัตถุมงคลด้วยเนื้อตะกั่วเพราะสร้างได้ง่ายไม่มีอะไรยุ่งยาก ส่วนมูลเหตุที่ หลวงพ่อโม สร้างพระในรูปแบบของ พระพุทธชินราช ก็เนื่องเพราะเมื่อครั้งที่ พระปรากรมมุนี (เปลี่ยน) ซึ่งเป็นพระอุปัชฌาย์ของท่านไปรับตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาสวัดใหญ่ และ เจ้าคณะเมืองพิษณุโลก
หลวงพ่อโม ผู้เป็นศิษย์จึงเดินทางไปปรนนิบัติรับใช้พระอาจารย์ในกาลครั้งนั้นด้วย จึงได้มีโอกาสไปสัมผัสและกราบนมัสการ พระพุทธชินราช ที่ประดิษฐาน ณ วัดใหญ่ พิษณุโลก (วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ) อย่างสม่ำเสมอ หลวงพ่อโม จึงมีความศรัทธา พระพุทธชินราช เป็นอย่างยิ่ง ดังนั้นเมื่อเดินทางกลับมาจำพรรษาที่ วัดสามจีนใต้ ช่วงประมาณ ปี พ.ศ.๒๔๔๘ - ๒๔๖๐ จึงได้สร้างพระเครื่องเป็นพิมพ์ พระพุทธชินราช ด้วยเนื้อตะกั่ว และทำการลงอักขระด้วยเหล็กจาร
โดยข้าพเจ้าได้รวบรวมจากหนังสือและ บทความที่เกี่ยวข้องจากหลายบทความ รวมทั้งราชกิจจานุเบกษา ที่ระบุ ปีรัตนโกสินทร ศก ที่ชัดเจน รวมถึงรูปภาพและข้อมูลบางข้อมูลข้าพเจ้าได้คัดลอกมาจาก หนังสือ ย้อนรอยอดีตวัดสามจีนใต้ - วัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร เขียนโดย พระครูวิสุทธิสุตคุณ
ซึ่งข้าพเจ้าได้ทำการขออนุญาติ นำข้อมูลบางส่วนจากหนังสือ และบทความดังกล่าวมาเผยแพร่ และได้หาข้อมูลเพิ่มเติมจากหลายแหล่งที่มา รวมถึงได้มีการสอบถามจากพระอาจารย์หลายท่าน รวมทั้งกลุ่มพี่ศิษย์วัดไตรมิตร ที่มีความรู้ และประสบการ์ณเกี่ยวกับ ประวัติศาสตร์วัดไตรมิตรวิทยาราม
โดยข้าพเจ้าเห็นว่าจะเป็นประโยชน์มากที่สุด และมีเจตนาเพื่อเผยแพร่ในเชิงการศึกษาเท่านั้น และหากบทความดังกล่าว มีความผิดพลาดประการใด กราบขออภัยและขอความกรุณาในการรับฟังข้อมูลเพิ่มเติม เพื่อแก้ไขให้ถูกต้องตามความจริง
คุณอา ธีรศักดิ์ เจริญรัช (สท.แฮ บางปะกง)
ที่ท่านได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมโดยอ้างอิงจากคำบอกเล่าของ
พระอุดมคุณาภรณ์ (หลวงปู่ประมวล อุตระมหาเถระ)
ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดไตรมิตรวิทยาราม
๑.พระสุวรรณมหาพุทธาภิบาล (โฮ้ สุภทฺโท)
๒.พระครูวิสุทธิสุตคุณ (สายชล สุภาจาโร)
๓.คุณอา ธีรศักดิ์ เจริญรัช (สท.แฮ บางปะกง)
๔.คุณชัยวัฒน์ ธรรมรักษ์ (พี่ปุ๊ ไตรมิตร)
เขียนและเรียบเรียงโดย
นาย อธิพัฒน์ ศักดิ์ประเสริฐ (เพชร ไตรมิตร)

 

พิธีเจริญพระพุทธมนต์เพื่อความเป็นสิริมงคลให้กับแผ่นดินและปวงชนชาวไทยทุกหมู่เหล่า เนื่องในโอกาสวันชาติ และวันพ่อแห่งชาติ ๕ ธันวาคม ๒๕๖๓ ตามมติมหาเถรสมาคม ณ อาคารพระมหามณฑปพระพุทธมหาสุวรรณปฏิมากร เฉลิมพระเกียรติ ๘๐ พรรษา วัดไตรมิตรวิทยาราม วรวิหาร แขวงตลาดน้อย เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพมหานคร วันเสาร์ ที่ ๑๔ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๓

 

พิธีเจริญพระพุทธมนต์ เพื่อความเป็นสิริมงคลให้กับแผ่นดินและปวงชนชาวไทยทุกหมู่เหล่า ในโอกาสวันชาติ และวันพ่อแห่งชาติ ๕ ธันวาคม ๒๕๖๓ ซึ่งเป็นวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ณ อาคารพระมหามณฑปชั้น ๑ วัดไตรมิตรวิทยาราม วรวิหาร กรุงเทพมหานคร วันเสาร์ ที่ ๕ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๖๓

 

ประมวลภาพ : พิธีบำเพ็ญกุศลอุทิศถวายอดีตเจ้าอาวาส บูรพาจารย์วัดไตรมิตรวิทยาราม
และพิธีมอบทุนการศึกษาพระพุทธมหาสุวรรณปฏิมากร ทุนพระวิสุทธาธิบดี ปีที่ ๓๒
ณ อาคารพระมหามณฑปเฉลิมพระเกียรติ
วัดไตรมิตรวิทยาราม วรวิหาร
เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพมหานคร
-------------------------------------
วันศุกร์ ที่ ๑๑ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๖๓
ข้อมูล/ภาพ : สำนักเรียนวัดไตรมิตรวิทยาราม

 

วัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร เขตสัมพันธวงศ์
วันนี้ที่ประชุมมหาเถรสมาคม ครั้งที่ 27/2563 วันที่ 21 ธันวาคม มีมติที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติภารกิจของ พศจ. ดังนี้
1.การสวดมนต์ฯในวันเสาร์ที่ 26 ธันวาคม 2563 เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล ในหลวง ร.9
ส่วนกลาง งดจัด
ส่วนภูมิภาค ให้พิจารณา ตามมาตรการการป้องกันการแพร่ระบาดของโรค ตามที่จังหวัดนั้นๆ กำหนด
2. กิจกรรมการเจริญพระพุทธมนต์ ทุกวันที่ 28 ของเดือน
ส่วนกลางงดจัด ส่วนภูมิภาคปฏิบัติตามแนวทางข้อ 1
3.กิจกรรมสวดมนต์ข้ามปี
ส่วนกลางงดจัด
ส่วนภูมิภาคใช้แนวทางตามข้อ 1
4.การสอบธรรมศึกษา เลื่อนออกไปก่อน จนกว่าสถานการณ์คลี่คลาย จะแจ้งทราบกำหนดการสอบอีกครั้ง
5.การอบรมพระอุปฌาย์ ณ วัดสามพระยา กทม. เลื่อน ออกไปก่อน
____________________________________
(งด)สวดมนต์ข้ามปี วัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร

 

๑๘ธ.ค.๒๕๖๓ พิธีอุปสมบทสามเณรเปรียญ จำนวน ๖ รูป

พิธีอุปสมบทสามเณรเปรียญธรรม จำนวน ๖ รูป ณ พระอุโบสถวัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพมหานคร โดย เจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ เจ้าอาวาสวัดไตรมิตรวิทยาราม เมตตาเป็นพระอุปัชฌาย์

 

เชิญเป็นเจ้าภาพถวายภัตตาหารพระภิกษุ-สามเณร โครงการอบรมบาลีก่อนสอบสนามหลวงประจำปีพ.ศ.๒๕๖๔ ชั้นประโยค ๑-๒ ถึงประโยค ป.ธ.๓,๔,๕ ตั้งแต่วันที่ ๑๑ มกราคม - ๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔ ณ ศูนย์การศึกษาพระปริยัติธรรม วัดไตรมิตรวิทยาราม อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา ติดต่อสอบถามที่ พระศรีรัตนากร 080-424-9159