นิทานสนุก..พระเครื่องและเครื่องราง (แหวนปฐพีไร้พ่าย)

ครูบาสิงโต ผู้ทรงอภิญญาไร้เทียมทาน

 

ขอบารมีเจ้าแม่จามเทวีปลุกเสก



ขอบารมีพระเจ้าอาทิตยราชปลุกเสก

 

ปลุกเสกปิดท้าย เสกจนพระอาจารย์เห็นแมลงภู่บินออกมา เป็นดวงไฟสีเขียวแล้วบินกลับร่าง ครูบาผู้เสกยังหลบแมลง

เสกสมบูรณ์แบบสุดๆๆ

 

รีวิวกระแสพลัง....

พระกริ่งปราบโรคา พลังรัศมีสีทองสุกสว่างทั่วโลกธาตุ เป็นสุดยอดแห่งยุค (ดูภาพได้สีทองสุกสว่างมะ)

มีดเหล็กลายกระแสพลังสูงสีรุ่นแรก พลังดุจไฟนรก แตกต่างจากรุ่นแรกตรงมีมหาลาภมาก และกระแสว่องไวกว่ารุ่นแรก

แมลงภู่ทั้งงา และไม้พลังไม่ต่างกัน เป็นดวงจิตสีเขียวมรกต!!!! ไวกว่าลูกปืน บินไปได้ทั่วทุกแห่ง ฝ่าแนวป้องกันได้หมด สมกับะ
พระเจ้าบุเรงนองยังพกติดตัว

คาถาวิธีใช้แมลงภู่คำตามลงไปครับในโพส...

 

จัดส่งให้ทุกท่านครบแล้วครับ ใน กทม. พรุ่งนี้คงได้รับกันทุกท่าน

เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยในการเสกรุ่นนี้

1. แมลงภู่คำ มีอานุภาพต่างจากตะกรุดแน่นอน พระเจ้าบุเรงนองยังพกติดกายไว้ ท่านบอกว่า ตะกรุดทำลายข้างในเป็นวงกว้าง แต่แมลงภู่จะจู่โจม โดนต่อยทีทำให้ป่วยไข้ได้ และยากที่จะป้องกันนอกจากพกมีดหมอหลวงพ่อเดิมละครับถึงกันได้ ต้องหยิบมากันให้ทันนะ เขาบินเร็วยิ่งกว่าลูกปืน ลำแสงกายทิพย์เป็นเขียวมรกตประมาณเหรียญ 10

2. พระกริ่งไม่ต้องพูดถึง สุดยอดแห่งยุค ... สุดจะบรรยายชนวนมวลสารการเสก

3. มีดเหล็กลาย นี่ก็เกินคำว่าสวย เดี๋ยวเจ้าของจะได้รับเอง

ผมได้ไปเห็นโรงเรียนมาแล้วเรียนเชิญผู้ใจบุญทุกท่านร่วมกันบริจาค เพราะต้องใช้งบประมาณอีกมาก กุศลสร้างกับเด็กเยาวชนของชาติจะส่งผลยาวนานต่อลูกหลานผู้ใจบุญแน่นอนครับ.. ตามบัญชีโรงเรียนที่แจ้งไป...

 

คาถาแมลงภู่คำ

........โอมพระยาแมลงภู่คำ งามเหลือล้นปอตา ในโลก๋าโลกใต้ เงินคำได้ไหลนอง
ตั้งข้าวของกูปองเหลือล้น ฮื้อปากั๋นค้นขนมามนุษาโลกหล้า จูมปู ปากั๋นหุ๋ม ไฝ่รักเล็งดูต๋นตั๋วกูพระยาแมลงภู่คำ
........กั๊นกูสวาดมนต์กำใด ไผ๋อยู่ไหนก็บ่ได้ฮื้อก๋ายเกิดเป็น หง้าวไบ้มาก้มหัวขาบไหว้นบยำกู
........โอมพระยาแมลงภู่คำ บินสะสู่อยู่บนเวหน คนทั้งหลายต่างร่ำลือต๋นกูแต้เนอ
ต่างปากั๋นพร่ำเพ้อไฝ่หากู ทั้งหมู่เจ้าพระยาไพร่ฟ้า ทั้งเสนากล้าอำมาต ทั้งหมู่ประชาราษฎร์ชาวเมือง
ต่างนันเนืองแซ่ซ้อน รักขิ่งข้อนหากู ปากั๋นมาจมจูอยู่ใกล้ มาเป็นข้าใช้ต๋นกู ติดกูพระยาแมลงภู่คำ แต้เนอ มาเนอ เออรักอมสวาหุมติ๊ด……


....ตัวคาถาบทนี้มีความหมายดีมาก กล่าวคือ เป็นบทที่ให้แมลงภู่คำได้ชักนำทรัพย์สินเงินทอง ของมีค่า ของที่ต้องการปราถนามาหาตัวเรา และทำให้มนุษย์ทั้งหลายรักและเอ็นดูเรา.......เมื่อเราได้กล่าวบทคาถานี้เมื่อใด ใครจะอยู่ที่ไหนก็ตามต้องมานอบน้อมต่อตัวเราผู้บูชาแมลงภู่คำนี้.....คนทั้งหลายต่างอวดอ้างร่ำลือในชื่อเสียงของตัวเรา ต่างหลงไหลใฝ่ถึงตัวเราไม่ขาด ทั้งเจ้าฟ้ามหากษัตริย์ ทั้งเสนาอำมาตผู้เป็นใหญ่ ทั้งชนาชนทั้งหลายต่างสรรเสริญตัวเรา ต่างต้องการมาอยู่ใกล้ชิดเราเสมอ อยากมารับใช้เรา

ผู้ใดมีแมลงภู่คำไว้บูชาแล้วให้ตั้งแยกบูชาออกมาจากหิ้งพระ หรือนำบูชาติดตัวไปในที่ต่างๆโดยมีฝอยวิธีการใช้พระยาแมลงภู่คำดังนี้

1.หากสร้างบ้านใหม่ให้เอาแมลงภู่ห่อผ้าขาวผ้าแดงขึ้นวางบนยอกหัวเสาในทิศทั้งสี่ และบูชาด้วยดอกไม้ขาว บอกกล่าวพระยาแมลงภู่ว่า”วันนี้ได้สร้างบ้านใหม่ขอยกเอาพระยาแมลงภู่ขึ้นเป็นอารักษ์บ้าน สิ่งใดที่จะเป็นภัยแก่ครอบครัวทั้งที่มองเห็นและมองไม่เห็น ขอพระยาแมลงภู่คำได้ป้องกันด้วยและสิ่งใดที่ดีที่เป็นมงคลของจงนำพามาสู่บ้านเรือนนี้ด้วยเทอญ” แล้วให้หมั่นสวดบูชาถวายดอกไม้ขาว ทุกๆวันขึ้น 15 ค่ำ นั้นเทอญจักมีแต่ความจำเริญวุฒิทุกประการแล

2.หากว่าจะไปค้าไปขายเดินท่าเดินทางต่างถิ่นต่างแดน ให้บูชาพระยาแมลงภู่ด้วยของหอม(เช่นน้ำอบน้ำปรุง)ให้ สวดคาถา 7 รอบ แล้วอธิษฐานว่า “ข้าฯไปไหนขอพระยาแมลงภู่คำตัวกล้านี้ ไปด้วย ไปช่วยค้าไปช่วยขาย ไปค้าได้เงินเดินทางก็ให้ได้ทองนะพ่อนะ” ว่า 3 จบ แล้วออกเดินทางเถิด จัดมีแต่คนนำโชคลาภมาให้เป็นที่รักของคนทั้งหลายแล

3.หากมีร้านค้าให้ตั้งพานบูชาเอาแมลงภู่คำใส่ลงไว้ ให้บูชาด้วยดอกไม้ขาว และถวายน้ำผึ้งแท้ สัก 1 แก้วเล็กๆวางบนพาน แล้วให้ว่าคาถาบูชา วันละ 9 จบเวลาเปิดร้าน แล้วว่า “วันนี้ข้าฯขอเลี้ยงพระยาแมลงภู่คำตัวกล้า อันสถิตอยู่ที่นี้ด้วยน้ำผึ้งอันหอมหวาน เมื่อพ่ออิ่มแล้วก็ช่วยข้าฯให้มั่งมี พาเอาเงินเอาทองมาสู่ตัวข้าฯด้วยเทอญ”แล้วจึงเอาแมลงภู่ลงแช่น้ำ สวดคาถาบูชา 1 จบแล้วเอาน้ำนั้นประพรมของที่ขายนั้นเทอญ จักขายสิ่งใดก็ขายดี (ควรเปลี่ยนน้ำผึ้งทุกวัน)

4.หากจักเดินทางเข้าป่าให้สาธยายพระมนต์ 3 จบแล้วเขย่าแมลงภู่คำ แล้วบอกว่า “ไข้ป่าอย่ามี ผีอย่าใกล้ตัวข้าฯ สวาหะ สวาหายยะ” เดินทางไปเถิดภัยไม่มีไข้ป่าก็ไม่เป็นแล

5.หากจักให้เป็นมหาเสน่ห์แก่หญิงหรือชายใด ให้ใส่ชื่อผู้นั้นลงไปเมื่อสวดคาถา ในท่อนท้ายคือ ....ให้.....อี/ไอ้(ชื่อเขา)....มาเป็นข้าใช้ต๋นกู ติดกูพระยาแมลงภู่คำ แต้เนอ มาเนอ เออ.....อี/ไอ้(ชื่อเขา).....รัก กู อมสวาหุมติ๊ดๆ.....แล้วเข้าไปหาเถิดท่านไม่เมตตารักไคร่อยู่ไม่ได้เลยแล.

6.หากจักให้พระยาแมลงภู่รักษาอารักษ์ในอาณาเขตใดให้เอาพระยาแมลงภู่ลงใส่ในขันน้ำแล้วสวดคาถาบูชา 3 จบ แล้วว่า “น้ำนี้ตกบนแผ่นดินใดขอพ่อเจ้าพระแมลงภู่คำผู้เป็นใหญ่จงรักษาอาณาเขตแดนนั้นเทอญ สัตว์ร้ายอย่าเข้าได้ คนร้ายอย่าเข้าได้ ภัยร้ายมนต์ดำท่านทำมาอย่าเข้าได้ กันเน่อพ่อกัน ต่อยตีแตกพ่ายทุกประการนะพ่อนะ สัพพะชัยยะ นะกันนะ สวาหะเถ๊ก” แล้วเอาน้ำมนต์นั้นพรมให้ทั่วบริเวณที่ต้องการให้พระยาแมลงภู่รักษา จะอยู่เย็นเป็นสุขยิ่งแล ภัยใดๆมิสามารถกล้ำกลายได้เลย

7.หากอยากให้เป็นมหาอำนาจ ให้สวดคาถาบูชา 7 จบ แล้วให้หลับตามโนภาพว่ามีพระยาแมลงภู่คำบินขนาบข้างทั้งสอง แล้ว ฮำเสียง ” ฮึงๆๆ” เหมือนเสียงแมลงบิน สัก 3 ครั้ง (จะมีอาการขนพองสยองเกล้า) แล้วอธิษฐานว่า “ข้าไปไหนขอพระยาแมลงภู่คำไปด้วย ขอพ่อมาเป็นเดชเดชะแก่ข้าฯนี้ด้วยเทอญ” จึงไปเถิด จักจำเริญด้วยเดชเดชะ มีฤทธี ท้าวพระยาเมตตารักใคร่ ผู้คนร่ำลือสรรเสริญเรานักแล

8.หากจักให้เป็นมหานิยมแก่ฝูงชนาชนทั้งหลาย ให้พกพระยาแมลงภู่นี้ติดตัว แล้วให้สวดคาถาบูชา 3 จบ แล้วให้เป่าลงที่มือทั้งสอง แล้วเอาลูบหน้า 3 ครั้งเถิด(ลูบขึ้นเท่านั้น)จักเกิดเป็นราศีแก่ผู้บูชานั้นแล (ได้ลองมาแล้วเข้าไปอยู่ในคนหมู่มากเราจะเด่นกว่าคนอื่นเสมอ ดีมากๆและยังเป็นที่รักแก่ผู้ใหญ่ด้วย)

9.หากโดนลมเพลมพัดให้เอาพระยาแมลงภู่ลงใส่ขันน้ำ อาราธนาบุชาครุบาอาจารย์และพระยาแมลงภู่คำได้ทำน้ำนี้เป็นน้ำมนต์เอารดเอาอาบเอากินเถิดจักหายได้แล

....การใช้อย่างอื่นตามแต่ปัญญาของท่านผู้ครอบครองเอาเถิดใช้ได้พันช่องวิเศษนักแล.....

 

คนแถววัดบูชาแมลงภู่คำไป เอาเข้าบ้านปุ๊ป แมลงภู่จริงๆบินเข้าบ้านเต็มเลย !!!!!

เหลือไม่มากแล้ว คงสร้างรุ่นเดียวครับ ตะกรุด 3 ครูบามีอยู่นะครับ จะหาโอกาสให้ระดับปรมาจารยจารเองยากนะครับ แผ่นเงินชนวนผมเห็นของจริงแล้วสุดยอดมากไป ผสมทองพระธาตุไปมาก

 

ท่านบอก ...มีแต่คนมาขอชมมีด พระเอกของงาน ดังภาพ มีดยิงโค้ดเลเซอร์รูปกงจักร และเหล็กกล้าแข็งแกร่งมาก จารไม่เข้าต้องจารฝักแทนครับ

หลวงตันท่านชมแล้วดูออกนะครับว่าไส้กลางมีดเป็นเหล็กคนละตัวกับด้านนอก ดังบอกเราสอดชนวนสังขวานรเป็นไส้ เหมือนแซนวิช...

ต้นทุนมาแพงมากเลยสร้างมากไม่ไหว...

 

ที่มาภาพ
http://topicstock.pantip.com/religious/topicstock/2010/01/Y8757238/Y8757238.html

กงล้อธรรมจักร เป็นสัญลักษณ์ของพระศาสนาแต่แรกเริ่ม ครูบาอาจารย์บางท่านบอก สร้างตามพระบัญชาขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

ความหมายของกงล้อ มีดังนี้

วงล้อธรรมจักรหมายถึงการเวียนว่ายตายเกิดไม่จบสิ้น

ดุมล้อ หมายถึงสุญญังความว่างเปล่า

ซี่ล้อ หากมี 31 ซี่หมายถึง 31 ภพภูมิที่สรรพสัตว์เวียนว่ายตายเกิด

ทีนี้ 31 ภพภูมิ แยกย่อย เป็น กามภูมิ รูปภูมิ อรูปภูมิ (ชั้นสูง ๆ เป็นชั้นของผู้ทำสมาธิได้ระดับฌาณ)

ทีนี้มาว่ากันชั้นกามภูมิ มนุษย์ เปรต อสูรกาย สวรรค์ที่มีเทวดาก็อยู่ชั้นนี้กันนะครับ

 

ตอนผมเริ่มยกครูในสายหลวงปู่โน และได้ ศึกษาเรื่องผี วิญญาณ เอาตามที่พบเห็นนะครับ เพราะมีผู้มารักษากับท่านจำนวนมาก ศิษย์ที่เป็นหมอธรรมก็จะทำพิธีรักษา (พระห้ามทำพิธีเหล่านี้ โดยมีหน้าที่กำกับชี้แนะเท่านั้น)

บรรดาผี ๆ ทั้งหลาย โดยหลวงปู่เหิรท่านสอนว่า ในทางพระพุทธศาสนาไม่มีคำว่าผี ท่านให้เรียกว่า วิญญาณ ทีนี้ ภาษาบ้าน ๆ เราก็เรียกว่าผี

ตอนนั้นได้แยกย่อยบรรดาสารพัดผีกันมากมาย ผีฟ้า ผีปู่ตา ผีปู่ย่า ผีปอบ เพราะผีเหล่านี้ภาคอีสานมีมาก

แน่นอน ไอ้เราก็สงสัยทำไมตายแล้วไม่ไปสวรรค์ นรก หรือไปเกิดตามความเชื่อกันวะ มาวนเวียนอะไรกันนักกันหนา

ได้สอบถามครูบาอาจารย์หลายท่านก็ให้คำตอบ หลัก ๆ ดังนี้

1. ยังไม่ถึงคิว นรกภูมิมีผีต่อคิวมาก

2. บุญไม่มากพอจะไปสวรรค์ บาปไม่มากพอไปจุติในขุมนรก (อันนี้พอฟังได้)

3. เป็นเรื่องอจินไตย เรื่องของกรรมกันไป

บางวิญญาณว่ากันว่าอยู่ได้เป็นพันปีก็มี (มีคนฟังจากเชิญวิญญาณมาถามเล่าประวัติให้ฟัง)

ทีนี้ ในสายหลวงปู่โน ผมเคยโทรถามก็ได้ความอีกประเด็นว่า เคยเชิญผีมาเข้าร่างคน (มีคาถาเชิญในตำรา) แล้วสัมภาษณ์ เขาบอกเป็นผีฟ้า ไม่ได้นับถือพุทธแต่เดิม ตายไปวิญญาณเร่ร่อนเป็นสัมภเวสี ทีนี้เห็นคนสวดมนต์ไหว้พระแผ่กุศลรู้สึกชุ่มชื่นมาก ซึ่งก็อยู่อย่างนี้เรื่อย ๆ ไม่มีบุญพอไปเกิด เปลี่ยนภพภูมิ ถามว่าอยู่สบายไหม ก็อด ๆ อยาก ๆ มากวนมนุษย์ คนไปเรื่อยๆ หาของเซ่น...

จึงเป็นเรื่องที่น่าสนใจอย่างนึง มิน่า วิญญาณ หรือผี เต็มไปหมดในประเทศเรา (ประเทศอื่นไม่ทราบ) โดยครูบาอาจารย์ที่ผมนับถือว่ารู้จริงได้ชี้แนะว่า...

เกิดจากตอนไปคน หลง โมหะ ยึดติด ตามคำสอนผิด ๆ ประเพณี พอตายไปก็เลยมาจุดนี้

ในทางพุทธศาสนาจึงได้สอนเสมอ ว่าให้รีบทำดีก่อนตาย อย่ายึดติด อย่าลุ่มหลง เพราะหากตายไปก็จะวนเวียนไม่จบไม่สิ้นเป็นสัมภเวสีอย่างนี้ละครับ... แล้วก็ต้องมารบกวนชาวบ้านเพื่อ ยกระดับตัวเองเป็นเจ้าพ่อเจ้าแม่ หวังเครื่องเซ่นกันไป ..

 

พระกริ่งปราบโรคา สร้างจากชนวนมวลสารมากมาย แค่เหรียญหลวงปู่โน ก็เป็น 10 เหรียญแล้ว

ตอนท่านรีวิว ท่านตอบสั้น ๆ "เป็นสุดยอดพระกริ่งแห่งยุค"


รายละเอียดกระแสพลังคือ ดีทุกด้านรอบด้าน ยังคุยกันว่าเสกพร้อมมีดได้ไง เพราะพลังท่านแยกกระแสออกมาคนละแนวกับมีดเลย ท่านบอก "สมราคาเลย"

ก็อาราธนาแบบพระทั่วไปครับ พลังมีลาภผลและรักษาโรคตามชื่อพระกริ่งปราบโรคาครับ

อยากให้ผู้บูชาไปอาราธนาทำน้ำมนต์กันเองครับ อย่าเสียดาย จะได้คุ้มค่ากับการร่วมบุญ

การผสมเนื้อจนออกกายสิทธิ์เหมือนเหล็กไหลเลย..

พระคาถากำกับสั้นๆ ตามด้านหลังพระคือ "มะอะอุ"

 

ดังผมได้ฝากตัวเรียนรู้กับหลวงปู่เหิรมายาวนานหลายปี จนได้รับความรู้มากมาย

ท่านบอกว่าในศาสนาพุทธ ไม่มีคำว่าผี มีแต่คำว่าวิญญาณ

วิญญาณเมื่อมีร่างกายธาตุ 4 ประกอบครบ ก็คือมนุษย์ สัตวเรานี่เอง..

เมื่อร่างกายเสื่อมสลายไปก็เหลือแต่วิญญาณ ทีนี้จากนี้ก็ไปตามวาระกรรมแล้วว่าจะไปภพภูมิใด..หรือติดในโลกมนุษย์

สวรรค์เองก็ไม่ใช่อยู่บนฟ้าแต่อยู่อีกมิติหนึ่ง นรกเช่นกัน ดังคำว่าสวรรค์ในอก นรกในใจนี่หลวงปู่ก็ว่าใช่ .. เพราะกรรมจะเป็นเครื่องกำหนดให้เอง

 

แมลงภู่คำ หากไม่นำติดตัวมีเคล็ดห่อผ้าขาวใส่ผะอบไว้ที่บ้านครับ การห่อผ้าเป็นการซ่อนคุณไว้ และไว้บ้านกันการโดนตลบหลังทำร้าย

สามารถเลี่ยมติดตัวได้

ประสบการณ์มีคนมาหามาให้ลาภมากช่วงนี้..

 

หลายท่านแจ้งมาได้รับสิ่งมงคลแล้ว ก็ถูกใจกันเต็มที่ โดยเฉพาะมีดเหล็กลาย ผมห่อระวังมากๆ เดียวเสียหายชดใช้กันไม่ได้

สวยงามเรื่องนึง แต่เราเน้นขลัง ยิ่งสวยขลังยิ่งดีที่สุด ได้ทำบุญกันด้วย..

ผมแจ้งไปตลอด ผมถือหลักตามศาสนาพุทธ "ให้อะไรใครไปก็ได้รับสิ่งนั้นตอบ" จึงพยายามเสนอสิ่งที่ดีที่สุด เสกตรงสาย ตรงแนว ไม่เสกมั่ว มันสะท้อนภูมิปัญญาผู้สร้าง
ไม่อ้างชื่อพระดังหากิน

สิ่งเหล่านี้คือคุณภาพที่ทำให้กระทู้นี้มายาวนานและมีชีวิตที่สงบสุขตามผลกรรมที่ทำมานี่เอง

อย่างที่เห็นเสกก็ไม่ได้ยกลังไปเป็นสิบร้อยลังแบบกะรวยเสกขายกันข้ามปีข้ามชาติ เราอนุรักษหลักวิชา เน้นความพอเพียง

ได้รับความเมตตาจากครูบาอาจารยแบบไม่ต้องเอาชื่อท่านมาอวด มาหากิน

กุศลที่เกิดขึ้นก็ส่งผลตามคำสอนพระศาสดา

 

เมื่อได้กล่าวถึงภพภูมิ การเวียนว่ายตายเกิดแล้ว จึงตัดความสงสัยเรื่องตายแล้วสูญได้

หลวงปู่เหิรกล่าวว่า "คำว่าตายเป็นคำพูดทางโลก ในทางธรรมการตายก็คือร่างกายธาตุ 4 สลาย แต่ดวงจิตวิญญาณก็เวียนว่ายกันต่อไป ตามบุญกรรมที่ทำมา"

เมื่อพูดถึงนรกสวรรค์ท่านบอก สวรรค์นะเคยไป โดยหลวงปู่โตพาไป ก็สวยงามทุกสิ่งตามที่เราเห็นภาพวาด เมื่อสวรรค์มีนรกย่อมมี แต่สวรรค์ไม่ใช่อยู่บนฟ้านะครับ อยู่อีกมิติหนึ่งนี่เอง

การมีสัมผัสที่ 6 และ 7 ดังเคยกล่าวไป หากเป็นระดับครูบาอาจารย์นี่ไม่ต้องสงสัย เพียงแต่ท่านจะไม่กล่าวถึงมาก เพราะกฎของพระ ห้ามอวดอุตริสฯ นอกจากสนิทคุ้นเคยกับท่านแล้วและคุยกัน 2 ต่อ 2

ปัญหา คำว่าอวดอุตริสมีมาแต่พุทธกาล

อุตริมนุสธรรม หรือ อุตริมนุษยธรรม แปลว่า ธรรมอันยวดยิ่งของมนุษย์ หรือธรรมของมนุษย์ผู้ยวดยิ่ง ได้แก่ คุณวิเศษซึ่งมนุษย์ธรรมดาไม่สามารถมีหรือเป็นได้ มิใช่วิสัยของมนุษย์ทั่วไป แต่เป็นวิสัยของผู้บรรลุธรรมขั้นสูงแล้ว ซึ่งก็คือ ฌาน วิโมกข์ สมาธิ สมาบัติ มรรค และผล

การที่ภิกษุแสดงตนหรือพูดให้ผู้อื่นเข้าใจว่าตนได้ฌานชั้นนั้นชั้นนี้ ตนได้บรรลุวิโมกข์ ได้สมาธิ สามารถเข้าสมาบัติได้ หรือสำเร็จมรรคสำเร็จผลอย่างนั้นอย่างนี้ เรียกว่า อวดอุตริมนุสธรรม หรืออวดอุตริมนุษยธรรม

ปัจจุบัน ถ้อยคำดังกล่าวใช้เรียกผู้ชอบอวดอ้างตนเหนือกว่าคนอื่นหรือทำอะไรที่แผลง ๆ ที่คนทั่วไปไม่ทำกัน ว่า "อวดอุตริ" หรือ "อุตริ" เฉย ๆ
ที่มา
https://th.wikipedia.org/wiki/อุตริมนุสธรรม

การ รู้จริงนะไม่น่ากลัวเท่ารู้ไม่จริงแล้วทำว่ารู้นี่ละครับ...

จริง ๆ อย่าว่าแต่พระ คนเองก็ใช่ย่อย

ผมเองล่าสุดที่เจอ ก็ประเภทมาอวดเจอหลวงพ่อนู่ หลวงพ่อนี่ในนิมิตร เก่งขนาดสุด ๆ เราก็คิด ...ถ้าเก่งขนาดนั้นวันก่อนมาปรับทุกข์กับเราทำไมวะ สุดท้ายเอาตะกรุดฟ้าสะท้านไปช่วยแก้ปัญหาชีวิตได้ผล ไม่ให้หลวงพ่อช่วยเลยวะ

ถ้าเก่งขนาดนั้นได้ช่วยขอหลวงพ่อในนิมิตรเสกของให้ ไม่ต้องยกของใส่รถ ขับไปไกลๆ ง่ายดี

สุดท้าย พาลอ้างพระนู่นี่มาชม เป็นการการันตีความเก่งของมันซะอีก ... เรื่องพระมาชมผมว่า อีกละ เจอแต่สมัยหลวงปู่เหิรแล้ว ดังนี้...

สมัยก่อน มีพวกอ้างนิมิตรบ้าบอมาเล่าหลวงปู่ฟัง หลวงปู่มาเล่าผมภายหลัง ทนฟังพวกมันเลยชมๆ ตัดปัญหาไป ...

ผมถาม...พวกมันเห็นนิมิตรของจริงเหรอ ท่านว่า "อย่าไปขัดคอเขา ไปขัดเขาได้ไง ขัดคอคนไม่เกิดผลอะไร ขัดหม้อขัดไหยังดีกว่า " ก็นั่นละครับ

พระสงฆ์หากมีเมตตาจะไม่ขัดคอใคร เหมือนเราไปขอพรให้สอบผ่าน ขอให้มีลาภ ท่านก็ให้พร "สอบผ่านนะ ฯ มีลาภนะ" สุดท้ายสอบผ่านจริงก็ดี แต่ถ้าไม่ผ่านก็จ๋อย

พระอยู่ได้เพราะญาติโยม จะไปขัดคอ ทำให้ญาติโยมเสียอารมณ์ทำไม นอกจากเจอพระดุ ๆ แบบครูบาข่าย พระอาจารย์เล่า ถ้ามาโม้นิมิตรบ้าบอ สอนจระเข้ ท่านด่าเลย "อย่ามาเล่นแถวนี้ ไปไกล ๆ "

เมื่อล่าสุดเจอคนประเภทนี้ ผมถามพระอาจารย์เจอฤทธิ์เดชมันยัง ท่านว่า "เจอแล้วไม่อยากขัดคอเขา " ผมก็เลย Block ไลนมันเลยจบให้มันโม้คนเดียว...55

 

ดังคำหลวงปู่ดูลย์ ท่านสอน "เห็นนะเห็นจริง แต่ที่ถูกเห็นไม่จริง"

สิ่งเหล่านี้น่ากลัวมาก ในชีวิตผมเจอมามาก จุดจบของพวกไม่จริงก็บ้าไป คือวันๆ ไม่ทำมาหากิน โดนเล่นงานก็มาก (เล่นงานทางมืดนะ) ลามปามเล่นถึงพระพุทธเจ้ามาหามาสอน สุดท้ายก็ปรารถนาพุทธภูมิกันไปเลย ไปพยากรณ์พระก็มี ปรามาสพระก็มาก กรรมจากการปรามาสพระดีนะหนักซะด้วย...

เมื่อหลวงปู่เหิรไม่ขัดคอ พวกขี้โม้ ชอบนิมิตร พวกนี้ก็ไม่ถูกใจ ปรามาสท่านซะอีก จริง ๆคนแบบนี้มีอย่างเดียว อยากให้พระชม ยกย่องพวกมัน สุดท้ายก็จะได้เก่งกว่าพระไปอีก... แน่นอน ภายหลังจุดจบพวกนี้ผมก็เห็นมาเองจึงมาเล่าได้ เพราะงอมจนหลวงปู่ประหยัดยังไม่ช่วย.. (แจ้นไปขอหลวงปู่ช่วย)

มาคุยกันเรื่องการมองเห็น หรือสัมผัสที่ 6/7 กัน ถ้าของจริงก็ระดับครูบาอาจารย์ที่ผมพบมา เช่นการ รู้ความคิดในใจ หรืออนุสาสนีปาฏิหารย์นี่ชัดเจนที่สุด

...ใครบ้างไม่มีทุกข์ เมื่อทุกข์หน้าดำไป ยังไม่ทันเอ่ย หลวงปู่ก็จะสอนจี้ใจดำ และบอกวิธีแก้ไขให้ แน่นอน เรื่องรู้อนาคต ต้องคุยกันนานๆ ตอนอยู่ 2 ต่อ 2 ท่านถึงแพลมๆ มาให้...

มาคุยเรื่องสัมผัสที่ 6 หรือ 7 ที่เราเรียกกันว่า sixth sense

sixth sense นับเป็นเรื่องสากล เรียกว่าหนังฝรั่ง ก็มี หนังจีน ก็มีเคยดูหลายเรื่อง

สำหรับในชีวิตผมก็เจอคนแบบนี้ มาหลายคน พบมาดังนี้

1. เป็นมาแต่กำเนิด ที่พบมา ก็ปู่ พ่อเขามีวิชาอาคม เรียกว่าลูกเกิดมาก็โดนผูกข้อมือและให้มีเลย แน่นอน ชีวิตพวกเขาจะเกี่ยวกับการเป็นร่างทรง หรือมีวิชาอาคมสืบกันมา

2. เกิดมาภายหลังตอนโตแล้ว สาเหตุอาจเกิดอุบัติเหตุหนัก พอฟื้นมาก็มีเลย ครูบาอาจารย์บอก เหมือนขวดบรรจุน้ำ แล้วโดนกระแทกจนขวดเกิดการรั่ว ทำให้สิ่งภายนอก มิติอื่นสามารถสื่อกันได้

3. เกิดจากการฝึกฝนสมาธิ จนตาในมี ด้วยวาสนาเก่าก่อน

4. เกิดจากอำนาจอื่นช่วย เช่นการเปิดตาที่ 3 โดยผู้ทรงฌาณอภิญญา หรือการใช้คาถาอาคมพิธีกรรม (ในหลักวิชาหลวงปู่โนมี ขอให้เกิดอำนาจมองเห็นภูติผีปีศาจ ไม่งั้นก็รักษาคนไม่ได้)

 

sixth sense ดังเล่าไป หากมองเห็นโดยธรรมชาติ ก็ใช่ว่าจะเป็นเรื่องดี จะโดนผี วิญญาณที่รู้ว่าเรามองเห็นมาข่มเหงซะอีก หรือใช้ชีวิตไม่เป็นปกติสุขนัก

วิญญาณก็คือ คนที่ตายไป หากตอนเป็นคน ฝึกสมาธิ เล่นคาถาอาคมมาก ตายไปย่อมมีอำนาจตาม เหมือนตอนเป็นคน ทีนี้ คนเก่งใช่ว่าจะเป็นคนดี พอตายไป หากไม่มีบุญมากพอ ก็เวียนว่ายในโลกมนุษย์ ก็ข่มเหงรังแกคนได้ หรือเป็นครูบาอาจารย์สายมืดไป

หากวิญญาณที่อ่อนแอ ก็ตกเป็นบริวารของหมอผีไป ไว้ใช้งานหรือโดนจับผูกไปทำกุมารทองขายซะเลย

ดังนั้นที่ดีที่สุด คือมองเห็นและมีอำนาจพอนำมาใช้ประโยชน์จากจุดนี้ได้นะดีที่สุด

ดังเล่าไป ในหลักวิชาหลวงปู่โน เมื่อทำพิธีรักษาคนก็ขออำนาจให้มองเห็น ซึ่งผมเองก็ได้เห็นสัมผัสตรงนี้แล้ว ว่ามองเห็นกันจริง ๆ อย่างมองเห็นที่จริงแท้ต้องเห็นถึงหน้าตา เสื้อผ้าของวิญญาณและสื่อสารกันได้

ความละเอียดของอีกมิติ ก็ตามระดับภพภูมิ ผีวิญญาณทั่วไปหยาบหน่อยก็เห็นกันง่าย แต่ที่เห็นยากก็คือดวงจิตครูบาอาจารย์เทพพรหมชั้นสูง ๆ จะละเอียดที่สุด ซึ่งที่พบมา ก็ระดับหลวงปู่ครูบาอาจารย์เท่านั้นที่จะเห็นมิติละเอียดเหล่านี้

ความน่ากลัวคือ การโดนผีหลอกนั่นละครับ มาหลอกคนว่าเป็นเทพ เป็นพระระดับสูงเพื่อหวังการเคารพบูชาเครื่องเซ่น

อำนาจที่ผี วิญญาณทำได้

1.สร้างภาพมายา เช่น สร้างภาพหลอนให้เกิดอุบัติเหตุ หรือมาหลอกว่าเป็นเทพ เทวดา

2. สร้างกลิ่น ดังที่พบได้กลิ่นเหม็น ๆ หรือกลิ่นหอม

3. ดลบันดาลให้เกิดฟ้าร้อง พายุ (ที่ท่านสอนมาก็วิญญาณศักดิ์สิทธิ์ทำได้ ในตำราหลวงปู่โนมีบอก)

4. บอกเรื่องราวอนาคต ทำนายทายทัก หรือทักเรื่องส่วนตัวได้ (ครูบาอาจารย์บอก พวกวิญญาณจะมองเห็นออร่าจากร่างกายคน เลยอ่านบอกตรงนี้ได้ หรือเห็นความทรงจำเราจากจิตเรา )

 

หลักวิชาคาถาอาคม ที่อ้างอิงอำนาจในพุทธศาสนา

ดังที่รู้กัน คาถาอาคมมีหลัก ๆ 2 แบบ

1. แบบที่อาศัยอำนาจในพุทธศาสนา อ้างอิงอำนาจพุทธคุณ ในมนต์พิธีจะมีครบ ซึ่งหากแปลมาก็คือคำสอนของพระพุทธเจ้า ซึ่งหลวงปู่สอนว่าศักดิ์สิทธิ์ เพราะมาจากผู้รู้แจ้งเห็นจริง ก่อนสวดก็จะตั้งนะโม 3จบทุกครั้ง

2. แบบที่มาจากศาสนาอื่น ก่อนใช้ก็ไม่ต้องตั้งนะโม

การใช้หลักวิชาที่ถอดมาจากมนต์พิธี ที่เรารู้จักกันดีก็เช่น คาถายันต์เกราะเพชรที่มาจากบท อิติปิโส สรรเสริญคุณพระพุทธเจ้า ก็ถอดมาได้หลายหลักวิชา

บางคาถาก็มาจากหลักธรรมที่ลึกซึ้ง ซึ่งตำรามักบอกว่าใช้ได้หลายประการ และมีการผูกเลขยันต์กันก็มี ทางเหนือเรียกการเริงยันต์...

 

โดยสรุป การมีสัมผัสพิเศษไม่ว่าสัมผัสที่ 6 หรือ 7 ที่พบมาขอยกให้มี 2 ประเภท เอาแบบที่ฆราวาสอย่างเราๆ นะครับ ไม่นับจากที่พบจากครูบาอาจารย์ ซึ่งผมก็ชาชินแบบที่พบจากพระระดับสูงแล้ว 55

1. ประเภทไม่เกิดประโยชน์อะไร ขอยกตัวอย่างดังนี้

ช่วงผมทำงานใหม่ ๆ หลังเรียนจบปี 2543 ได้พบรุ่นน้องคนนึง ทำงานที่เดียวกัน ดังบอก เขาจะชอบมาคุยกับผมบ่อยๆ ภายหลังถึงรู้ ก่อนมาทำงานเขาไปหาลุงที่เป็นร่างทรง ได้ทำนายไว้ก่อนมาทำงานว่าจะได้เจอสิ่งที่ดีที่สุด

ซึ่งหลังจากเขามาตีซี้ตีสนิทกับผมแล้ว ก็ได้แสดงอะไรหลายอย่างที่ทำให้ผมรู้ว่าเขามีดีจริง เช่น ผมพกกุมารทองที่เสกโดยครูบากฤษณะ (สมัยนั้นท่านดัง) ก็มาทักผมเลย "พี่พกกุมารทองมาด้วยเหรอ หน้าตา....เลย" (ไอ้เราก็มองไม่เห็นกุมารทองด้วยไม่รู้หน้าตา55)

บางทีนั่งคุย ๆ ที่ทำงาน 2 คน ไฟก็ติดขึ้นมาเอง ก็ไปดูสวิทซ์ ก็กดเปิด เขาบอก พวกผีวิญญาณมาแหย่เล่น

แรก ๆ ผมตื่นเต้นมาก ได้เจอของจริง ซึ่งตามประวัติเขาบอก ปู่เขามีวิชาอาคมสายใต้ และพ่อเขาก็มองเห็นสื่อกับวิญญาณได้ แต่ที่บ้านอยากให้เขามาเรียนทำงานแบบนี้มากกว่าเพราะไม่งั้นต่อไปคงได้เป็นร่างทรงแน่

แรก ๆ ผมก็เอาพระให้ดู มันก็ตอบได้ตรงจุด แน่นอน ผมให้พระแรงๆ ไป ความสามารถทางนี้ก็เริ่มหายไป เพราะความเชื่อเขาเชื่อเรื่องผี วิญญาณมากกว่า เจออำนาจพระกลบจนหายไป

แต่ถามว่า ความสามารถทางนี้ช่วยอะไรได้ไหม ไม่เลย ... ช่วยเรื่องการสอบ การทำงานก็ไม่ได้ ทำนายอนาคตไม่ได้ แถมเจอผีมากวนบ่อยอีก...

นานไป นิสัยขี้โม้เริ่มออก ผมก็เลิกคบไป...55 เพราะไม่เกิดประโยชน์อะไรเลย ให้ทำนายทายทักก็ผิดหมด ชีวิตมันก็ไม่ใช่จะมากอีก..

2. แบบที่มีแล้วเกิดประโยชน์อย่างสูงสุดจนน่าอิจฉา...

ประมาณปี 2546 ผมได้ทำงานอีกที่นึง ก็ได้เจอรุ่นน้องที่ภายหลังทำงานด้วยกัน ไป ทำงานต่างจังหวัดบ่อย คืนนึงก็กินเบียร์นั่งโม้กัน เขาก็เล่าประวัติว่า ปู่ของเขาเป็นร่างทรง รักษาคุณไสยได้ ซึ่ง จากการพูดคุย ดูลายมือ ก็ปรากฎว่าเส้นวาสนาชัดเจนและดีมาก ทะลุจนถึงโคนนิ้วกลาง ผมก็ทำนายไว้ว่าต่อไปจะรวยมาก

วันเวลาผ่านมาลาออกมาก็ติดต่อกันมาตลอด ก็ได้ทราบชีวิตเขาเรื่อยๆ จนเขาลาออกมาทำธุรกิจเอง ก็จับอะไรเป็นเงินเป็นทอง ร่ำรวยเหนือกว่าเพื่อนทุกคน

แน่นอน ผมจะติดต่อกันมาตลอด จนทราบชีวิต ปีนึงผมกับเขาจะเจอกันครั้งนึงตอนสัมมนาประจำปี เรียกว่าถ้าผมไม่ไป ขี้เกียจก็จะโดนคนนี้ลากไปทุกครั้ง

จากการติดต่อพูดคุย เขาจะหาเวลาไปปฏิบัติธรรมเสมอจนวันนึงเขาเล่าว่า...

"ผมไปปฏิบัติธรรม 10 วันวิปัสนาจนสามารถสื่อกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่รักษาได้แล้ว ว่ามี 2 องค์ช่วยผมอยู่"

ซึ่งผมได้นำเรื่องราวนี้เล่าให้พระอาจารย์ที่ปรึกษาฟัง ท่านก็พิจารณารูปตอบว่า "ต้องยอมรับวิญญาณที่รักษาคุ้มครองเขาแน่จริง ๆ ตั้งใจปิดบังตนเอง คือไม่อยากให้เราดูออก.."

หลังผมเล่าเรื่องเขารู้แล้ว ว่า มี 2 องค์ ท่านว่า "ใช่มะเขารู้แล้วใช่มะ"

ครั้งนึง มารโมหะอยากโชวพาว ผมก็เอารูปรุ่นน้องคนนี้ให้มันส่อง ปรากฎว่า วันต่อมามันโทรมาบอก "ผมโดนวิญญาณรักษาพี่คนนั้นตามมาดูตลอดเลย กลัวมาก คือดูเขาไม่ออกเลย"

นั่นละครับ ถ้าเขาไม่อยากให้ดู และมีอำนาจพอก็จะบังการดูได้ เผลอ ๆ เจอแบบมารโมหะ ตามไปจ้องจะเอาเรื่องซะอีก 55

ความสามารถของเขาในการสื่อกับวิญญาณรักษาซึ่งอาจเรียกว่าเทวดาเลยก็ได้ก็ยิ่งชัดเจนขึ้น โดยเฉพาะยิ่งทำบุญมีแต่ยิ่งร่ำรวยจนเป็นระดับเจ้าสัวได้เลย

ความสามารถนี้ทำให้เหมือนรู้ว่าควรจะทำธุรกิจอะไร และหากเจอปัญหาแก้ไขยังไง จนคนรอบข้างตะลึงว่า "รู้ได้ไง???" เพราะสุดท้ายจะเป็นอย่างที่เขาพูดมาทุกอย่าง

เขาก็จะบอกว่า "sense บอกมา"

ล่าสุดธันวาคม ที่ผ่านมาก็เจอกันตอนสัมมนา ขากลับผมได้มีโอกาสนั่งรถ Super Car ของเขาและนาฬิกาเรือนหลักแสน (แพงกว่าพระตรูอีก) ของเขา ซึ่งรถก็ยามให้จอดตรงที่จอด VIP ไม่ต้องไปเบียดกับรถอื่น55 เขามาส่งกลางทางครับ55

ทุกวันนี้ยังติดต่อกันอยู่ครับ โดยเฉพาะงานบุญสำคัญ ขอให้แจ้งเขาจะร่วมบุญโดยตลอด และเป็นเจ้าภาพงานปลุกเสกพระขรรค์สรีกัญไชยและงานปลุกเสกพระพิฆเนศด้วย..

สรุป ผมจัดอยู่ 2 ประเภทนั่นละครับ คุณอยากได้ประเภทไหน

ไม่เกิดประโยชน์แบบคนแรก กับมารโมหะ หรือให้เกิดประโยชน์แบบคนที่ 2