93.เก็บเรื่องมาเล่า : ภูเขาทอง ในวันฝนโปรย

ในห้อง 'ท่องเที่ยว - อาหารการกิน' ตั้งกระทู้โดย สร้อยฟ้ามาลา, 29 พฤษภาคม 2021.

  1. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837
    93


    เก็บเรื่องมาเล่า : ภูเขาทอง ในวันฝนโปรย


    ?temp_hash=38df4704e0f1628124667cb70352b2e4.gif

    เรื่องนี้ ไปเที่ยวก่อนที่โควิดจะระบาดนะ แต่ก็ยังมีหลายเรื่องที่เก็บไว้ ก่อนโควิดจะระบาด ยังไม่ได้นำมาเล่า นะ...

    วันนั้น เป็นวันเสาร์ที่ 16 มีนาคม ขับรถออกจาบ้านเกือบๆ 8 โมงเช้า เพื่อไปทำโอที แต่วันนี้มีฝนตกปรอยๆ สภาพถนนหนทางในกรุงเทพมหานครจึงหนีไม่พ้นที่รถจะติด อืมมม.. ทุกวันก็ติดอยู่แล้วป่ะ... ขับไป ไหลไปเรื่อยๆ ดูเวลาคงไปถึงที่ทำงานไม่ทัน มองไปขวามือเห็นทางเข้าวัด ตัดสินใจทันทีทันใด เลี้ยวรถเข้าไปเที่ยวไหว้พระ ดีกว่า ...

    สร้อยฟ้ามาลาเป็นคนกรุงเทพฯ โดยกำเนิด แต่วัดใหญ่ๆ วัดสวยๆ หลายวัด ก็ไม่ค่อยได้เข้า อย่างวัดนี้ก็เช่นกัน และคิดว่าเป็นอีกคนหนึ่งนะที่ชอบพูดติดปากว่าภูเขาทอง ภูเขาทอง แต่วัดสระเกศไม่ค่อยติดปากเท่าไหร่ ก็เป็นครั้งแรกที่เข้าไป ทั้งๆ ที่ผ่านไปผ่านมาแถวนี้นับครั้งไม่ถ้วน...



    ?temp_hash=38df4704e0f1628124667cb70352b2e4.gif






     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 ธันวาคม 2023
  2. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837


    แต่ก่อนจะขึ้นภูเขาทอง ต้องทราบประวัติ คร่าว ๆ ของวัดก่อน เนอะ....

    วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร เป็นพระอารามหลวงชั้นโท ชนิดวรมหาวิหาร เรียกกันสั้นๆ ว่า ”วัดสระเกศ” เป็นวัดโบราณในสมัยกรุงศรีอยุธยา เดิมชื่อว่า วัดสะแก พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช โปรดเกล้าฯ ให้ปฏิสังขรณ์และขุดคลองรอบพระอาราม แล้วพระราชทานนามใหม่ว่า วัดสระเกศ ซึ่งแปลว่า ชำระพระเกศา เนื่องจากเคยประทับทำพิธีพระกระยาสนาน เมื่อเสด็จกรีธาทัพกลับจากกัมพูชามาปราบจลาจลในกรุงธนบุรี ขอบเขตของวัดในปัจจุบันทิศตะวันออกจรดถนนจักรพรรดิพงษ์ ทิศตะวันตกจรดคลองโอ่งอ่าง หรือคลองรอบกรุง ทิศเหนือจรดแนวคลองมหานาค ทิศใต้มีคูวัดซึ่งขุดต่อจากคลองโอ่งอ่างเลียบเสนาสนะสงฆ์ไปจรดกับถนนจักรพรรดิพงษ์

     
  3. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837


    ?temp_hash=0e2e041cea61dc7abcea02d1f5fc4c84.jpg


    ด้วยความที่สร้อยฟ้ามาลาไม่ได้เตรียมตัวมา ก็เลยไม่ได้พกกล้องมาด้วย ใช้โทรศัพท์มือถือที่มีอยู่นี่แหล่ะถ่ายรูป พอจอดรถได้ หาห้องสุขาก่อน เพราะแหงนคอดูแล้วท่าจะสูงอยู่มากทีเดียว สูงกว่าโลหะปราสาทที่เคยขึ้น และน่าจะเดินขึ้นเหนื่อยแน่ๆ จะไหวมั๊ยไม่รู้ลองเดินขึ้นดูแล้วกัน หยิบร่มในรถ เดินกางร่มขึ้นภูเขาทอง ก็เผอิญเจอคณะทัวร์ชาวต่างชาติพอดี เลยกางร่มไม่ถนัด ให้คณะทัวร์นำหน้าไปก่อนแล้วค่อยๆ เดินตามหลังคนโล่งๆ ดีกว่า


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  4. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837
    ?temp_hash=0e2e041cea61dc7abcea02d1f5fc4c84.jpg


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  5. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837
    ?temp_hash=0e2e041cea61dc7abcea02d1f5fc4c84.jpg


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  6. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837

    ?temp_hash=0e2e041cea61dc7abcea02d1f5fc4c84.jpg

    เดินขึ้นบันไดแต่ละขั้นกลัวว่าจะลื่นเหมือนที่เคยอ่านเรื่องเก่าๆ สมัยก่อนเกี่ยวกับภูเขาทองที่ตอนนั้นบันไดยังเป็นทางขึ้นตรงๆ ไม่ใช่เวียนขึ้นแบบปัจจุบันว่า มีคนเคยตกบันไดลงมาตาย แต่ตอนนี้ขั้นบันไดก็กว้างมาก ไม่ลื่น ถึงยังไงก็ต้องระวังอยู่ดียิ่งฝนตกอย่างนี้ด้วย


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  7. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837
    ?temp_hash=0e2e041cea61dc7abcea02d1f5fc4c84.jpg




     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  8. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837


    เดินๆๆ ขึ้นมาได้นิดเดียว ก็เจอเพื่อนบ้านชาวเมียนม่า เดินตามมา ชอบมองนะ เขาจะแต่งตัวเรียบร้อยมากโดยเฉพาะมาเข้าวัด

    ?temp_hash=0e2e041cea61dc7abcea02d1f5fc4c84.jpg


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  9. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837

    ?temp_hash=0e2e041cea61dc7abcea02d1f5fc4c84.jpg


    ในเรื่องของที่มาที่ไป ประวัติของภูเขาทอง ขอยกข้อความบางส่วนบางตอนมาจากโครงการปรับปรุงภูมิทัศน์โดยรอบภูเขาทอง ของคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร 2550 นะ ตอนเขียนกระทู้ได้รวบรวมข้อมูลจากแหล่งต่างๆ และประมวลคำเรียบเรียงเขียนดูแล้ว ของที่นี่ข้อมูลดีกว่า เลยขอยกมาให้อ่านกัน ยาวนิดนึง...




     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  10. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837
    .......................................

    บรมบรรพต โดยมากเรียกกันว่า ภูเขาทอง สร้างเป็นรูปภูเขา มีพระเจดีย์อยู่บนยอด มีบันไดเวียนเป็นทางขึ้นไปถึงพระเจดีย์ 2 ทาง คือ ด้านเหนือทางหนึ่ง ด้านใต้ทางหนึ่ง สำหรับขึ้นและลงคนละทางเพื่อสะดวกในเวลาเทศกาล และยังมีบันไดตรงด้านใต้อีกทางหนึ่ง แต่บันไดตรงได้รื้อเสีย เมื่อคราวบูรณะปฏิสังขรณ์ พุทธศักราช 2493 ฐานโดยรอบวัดได้ 9 เส้น 5 วา ส่วนสูง 1 เส้น 19 วา 2 ศอก บรมบรรพตนี้ นับว่าเป็นปูชนียสถานอันสำคัญทางพระพุทธศาสนาแห่งหนึ่ง และเป็นสมบัติทรงคุณค่าของชาติอีกด้วย

    การสร้างบรมบรรพตนี้ ได้เริ่มขึ้นในรัชกาลที่ 3 ด้วยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระราชประสงค์จะสร้าง พระเจดีย์ให้เหมือนอย่างวัดภูเขาทอง ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งที่วัดภูเขาทอง จังหวัดพระนครศรีอยุธยานั้น ตั้งอยู่ที่ชายทุ่ง มีพระเจดีย์อยู่องค์หนึ่ง เป็นที่สำหรับชาวพระนครศรีอยุธยาลงไปเล่นประชุมเพลง และสักวาในเทศกาลประจำปี จุดประสงค์เดิมก็เพื่อจะไปนมัสการพระเจดีย์ในปัจจุบันนี้ก็ยังมีการประชุมรื่นเริงโดยทางเรือกันอยู่ ทรงพิจารณาเห็นว่าที่ที่วัดสระเกศ เป็นสถานที่เหมาะสม มีลำคลองล้อมรอบเหมือนอย่างวัดภูเขาทอง กรุงศรีอยุธยา จึงโปรดให้สมเด็จพระบรมมหาพิชัยญาติ (ทัต บุนนาค) ครั้งยังเป็นพระยาศรีพิพัฒน์รัตนราชโกษา เป็นแม่กองสร้าง แต่เนื่องจากพื้นที่ตอนนั้นเป็นสถานที่ติดกับชายคลองมหานาค พื้นดินตอนนั้นเป็นที่ลุ่มดินจึงอ่อนมาก ทานน้ำหนักพระเจดีย์ที่ก่อขึ้นไปไว้ไม่ไหว จึงได้ทรุดลงมาทุกครั้งจำต้องหยุดการก่อสร้าง พระเจดีย์นั้นจึงค้าง เป็นเพียงแต่กองอิฐ ภายหลังต้นไม้ขึ้นปกคลุมรกรุงรังอยู่ เมื่อแรกลงมือสร้างพระราชทานนามว่า พระเจดีย์ภูเขาทอง มีจดหมายเหตุเรื่องนี้อยู่ในพระราชพงศาดาร รัชกาลที่ 3 ที่เจ้าพระยาทิพากรวงศ์ เรียบเรียง ดังนี้ วัดสระเกศนั้น โปรดให้พระยาศรีพิพัฒน์รัตนราชโกษา ฯ (ทัด บุนนาค) เป็นแม่กอง ทำพระปรางค์องค์ใหญ่องค์หนึ่ง ฐานเป็นไม้สิบสอง ด้านหนึ่งยาว 50 วา ขุดรากลึกลงไปที่โคลนแล้ว เอาหลักแพทั้งต้นเป็นเข็มห่มลงไปจนเต็มที่แล้วเอาไม้ซุงทำเป็นฐานและปูเป็นตาราง แล้วเอาศิลาซึ่งราษฎรเก็บมาขายบรรจุลงไปจนเต็ม การก่อขึ้นไปได้ถึงชั้นทักษิณที่สอง ศิลาที่บรรจุข้างใน กดหนักลงไปจนเละทรุดลงไปถึง 9 วา อิฐที่ก่อหุ้มข้างนอกนั้นก็แตกร้าวรอบไปทั้งองค์ ของนี้ไม่ทลายก็เพราะทรุดกลางกดกันลงไป พระยาศรีพิพัฒน์รัตนราชโกษา ฯ ให้ขุดดินริมฐานพระชัณสูตรดู ก็พบหัวไม้ระเบิดขึ้นมาหมด จึงโปรดเกล้า ฯ ให้ขอแรงพระราชวงศานุวงศ์ แลขุนนางข้าราชการที่ตามเสด็จพระราชทานพระกฐินผู้คนยังพรักพร้อมอยู่ ให้ปักเสาหลักแพเป็นหลักมั่นกันข้างนอกให้แน่นเป็นหลายชั้น กั้นฐานพระปรางค์ไม่ให้ดินถีบออกไป สิ้นไม้หลักแพหลายพันต้น แล้วก็จัดการก่อแก้ไขที่ทรุดหนักลงมาอีก 3 วา เห็นว่าจะแก้ไขไม่ได้แล้ว ก็เลิกการนั้นเสีย จึงทำแต่การอื่นต่อไป

    ต่อมาในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 เมื่อปีชวด พุทธศักราช 2407 ได้โปรดให้กรมหมื่นมเหศวรศิววิลาศ เป็นแม่กองทำบรมบรรพตที่ท้องสนามหลวง เป็นภูเขาสูงใหญ่ 13 วา มณฑปสูง 7 วา รวม 20 วา เป็นที่ไว้พระบรมอัฐิ แล้วมีมณฑปน้อยอีก 4 ทิศ เป็นที่ไว้พระอัฐิกรมพระราชวังบวรบ้าง พระบรมวงศ์ผู้ใหญ่บ้าง มีศาลาช่อฟ้าบนยอดเขาต่อเนื่องมณฑปลงมา เป็นที่พระสงฆ์สดัปกรณ์และฉันด้วย มีพระที่นั่งทรงธรรมใหญ่อยู่ใกล้บรมบรรพต มีศาลารายล้อมภูเขาแทนสามสร้าง ภูเขานั้นทำวิจิตรมีรูปภาพและเครื่องจักรกลไกต่างๆ เกณฑ์เจ้าต่างกรมทำภูเขาน้อยอีก 4 ทิศ ประกวดประขันกัน แล้วขอแรงเจ้าต่างกรมที่ไม่ถูกเกณฑ์ และพระราชาคณะ ขอทำเก๋งมีเครื่องจักรกลไกในเก๋งต่าง ๆ ตั้งล้อมภูเขาออกไปอีกชั้นหนึ่งมีรูปสัตว์และระทาสูง 12 วา มีราชวัตรฉัตรธงเครื่องประดับและเครื่องเล่นเหมือนอย่างพระบรมศพอย่างใหญ่ทุกสิ่งทุกประการ โปรดเกล้า ฯ ให้เอารูปราชสีห์ไปตั้งให้ราษฎรดูด้วย แล้วได้เชิญพระพุทธรูปตั้งกระบวนแห่ แต่หน้าพระที่นั่งดุสิตารมย์ ออกไปสมโภชที่บรมบรรพต เสร็จแล้วเชิญพระพุทธรูปแห่กลับเข้าพระราชวัง เนื่องในการสร้างบรมบรรพตครั้งนั้น พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชปรารภถึงพระปรางค์องค์หนึ่ง ที่วัดสระเกศ ที่พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงสร้างค้างไว้ ทรงพระราชดำริว่าของใหญ่ไม่ควรจะทิ้งไว้ให้เป็นกองอิฐอยู่ จึงโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้พระยาศรีพิพัฒน์ (แพ บุนนาค) ผู้เป็นบุตร สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาพิชัยญาติ (ทัต บุนนาค) ผู้เป็นแม่กองสร้างในรัชกาลที่ 3 นั้น เป็นแม่กองสร้างในรัชกาลของพระองค์ และโปรดให้พระยาราชสงคราม เป็นนายช่างกระทำซ่อมแปลงภูเขา ก่อพระเจดีย์ขึ้นไว้บนยอด ครั้นในเดือน 6 ปีฉลู พุทธศักราช 2408 ได้เสด็จไปวางศิลาฤกษ์ ทำการซ่อมต่อมาจนตลอดรัชกาล โปรดให้เปลี่ยนนาม พระเจดีย์ภูเขาทองใหม่ว่า บรมบรรพต ตามนามบรมบรรพตที่เคยสร้างในท้องสนามหลวงครั้งนั้น

    การซ่อมบรมบรรพตยังค้าง มาทำสำเร็จในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และในรัชกาลนี้โปรดให้ตัดถนนสระปทุมต่อจากถนนบำรุงเมือง ให้ทำสะพานมหาดไทยอุทิศ และถนนบริพัตรต่อจากถนนสระปทุมเข้ำไปถึงลานบรมบรรพตด้วยสายหนึ่ง ต่อมาเมื่อตัดถนนจักรพรรดิต่อถนนวรจักร โปรดให้ถมคลองหน้าวัดทำถนนและทำกำแพงวัด หน้าวัดออกถนนใหญ่ได้ในครั้งนั้น แล้วโปรดให้ทำสะพานข้ามคลองหลังวัด ต่อจากถนนสระปทุมเข้าไปในลานบรมบรรพตอีกสายหนึ่ง
    คนทั้งหลายนิยมเรียก "บรมบรรพ" ว่า ภูเขาทอง แม้จะเป็นนามไม่ถูกต้อง แต่ก็เรียกกันจนชินติดปากมาเสียนานแล้วและยังมีคนบัญญัติชื่อเรียกว่า สุวรรณบรรพต ก็มี พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า ฯ คงจะทรงรำคาญด้วยชื่อดังกล่าว ดังมีประกาศลงในราชกิจจานุเบกษา ดังต่อไปนี้

    กรมหมื่นสมมตอมรพันธุ์ รับพระราชโองการใส่เกล้าฯ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ประกาศทราบทั่วกันว่า ภูเขาก่อด้วยอิฐ มีพระเจดีย์อยู่บนยอดอันตั้งอยู่ที่วัดสระเกศ ซึ่งชนเป็นอันมากเรียกว่า ภูเขาทองนั้นเดิมเป็นของพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้า ฯ ให้สร้างขึ้นด้วยทรงพระราชดำริห์จะทำเป็นพระเจดีย์องค์ใหญ่ เพื่อจะให้มีชื่อเหมือนพระเจดีย์ภูเขาทองที่กรุงเก่า ทั้งรูปก็จะทำเช่นนั้นด้วย แต่จะใหญ่กว่า การนั้นไม่สำเร็จด้วยทรุดดินปูดขึ้นโดยรอบ จึงเป็นอันทิ้งค้างอยู่ คนก็คงเรียกพระเจดีย์ภูเขาทอง ตามนามซึ่งโปรดเกล้า ฯ พระราชทานไว้เมื่อแรกสร้าง แต่เพราะเหตุไม่เป็นรูปพระเจดีย์ มีแต่กองอิฐต้นไม้ขึ้นคลุมรก ตัววัดก็ไม่ได้ชื่อว่าวัดภูเขาทอง ชื่อวัดสะเกศอยู่ตามเดิมด้วย เพราะฉะนั้น ต่อมาคำต้นที่เรียกว่าพระเจดีย์นั้นจึงได้หายไปเหลืออยู่แต่ภูเขาทอง เพราะเป็นกองอิฐใหญ่แดงอยู่ ครั้นมาในแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อปีชวด ฉศก จุลศักราช 1226 มีงานพระเมรุบรมบรรพตที่ท้องสนามหลวง แล้วทรงพระราชดำริห์เริ่มสร้างพระเจดีย์บนยอดภูเขาทอง ครั้นถึงเดือน 6 ปีฉลู สัปตศก จุลศักราช 1227 ได้เสด็จพระราชดำเนินไปก่อพระฤกษ์ แลโปรดเกล้า ฯ ให้มีละครข้างในเป็นการฉลองด้วยโปรดเกล้า ฯ ให้เปลี่ยนชื่อภูเขาทองว่า บรมบรรพต เหมือนอย่างเมรุบรมบรรพตที่เคยเรียกมาแล้ว คำบรมบรรพตยังใช้อยู่ มิได้โปรดให้แก้ไขเปลี่ยนแปลง แต่บัดนี้มีผู้มักเรียกว่า สุวรรณบรรพต ซึ่งเป็นชื่อนึกแปลคำไทยเป็นภาษามคธสันสกฤตเอาเอง ไม่มีผู้แต่งในราชการโดยมากหน้าขึ้น เป็นการผิดจากนาม ที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชทานไว้ เพราะฉะนั้น จึงโปรดเกล้า ฯ ให้ประกาศทราบทั่วกันว่า เจติยสถานที่นี้มิได้พระราชทานเปลี่ยนใหม่ว่า สุวรรณบรรพตเลย อย่าให้ผู้ใดเรียกและใช้ในหนังสือราชการให้คงใช้เรียก บรมบรรพต อันเป็นนามถูกต้องนั้นเทอญ
    ประกาศมา ณ วันที่ 24 พฤษภาคม รัตนโกสินทรศก 118

    ..................................
     
  11. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837


    ?temp_hash=0e2e041cea61dc7abcea02d1f5fc4c84.jpg

    ในวันศุกร์ เดือนยี่ ขึ้น 1 ค่ำ ปีฉลู ตรงกับ วันที่ 4 มกราคม พ.ศ.2420 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินประกอบพระราชพิธีอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุที่บูชาไว้ในพระบรมมหาราชวัง มาประดิษฐานในพระเจดีย์ภูเขาทองเป็นครั้งแรก

    ในปี พ.ศ.2440 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ กำหนดให้มีงานนักขัตฤกษ์ฉลองพระเจดีย์ภูเขาทองและพระอารามหลวงวัดสระเกศ ระหว่างขึ้น 8 – 15 ค่ำ เดือน 12 ช่วงเทศกาลลอยกระทง เป็นประจำทุกปี

    ครั้น พ.ศ.2442 รัฐบาลอินเดียได้ถวายพระบรมสารีริกธาตุ ที่ค้นพบจากเนินพระเจดีย์เก่าที่เมืองกบิลพัศดุ์ บรรจุอยู่ภายในผอบที่มีอักษร พราหมี หรือ เมาริยะ จารึกไว้ว่า "พระบรมสารีริกธาตุนี้ เป็นของพระพุทธเจ้า(สมณโคดม) ตระกูลศากยราช ได้รับแบ่งปันในเวลาถวายพระเพลิงพุทธสรีระ"

    พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงได้โปรดเกล้าฯ ให้อัญเชิญมาประดิษฐานไว้ในองค์พระเจดีย์ โดยเมื่อวันอาทิตย์ที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ.2442 โปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าอัษฎางค์เดชาวุธ กรมขุนนครราชสีมา เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ทรงประกอบพิธีที่อินเดีย และนำมาทูลเกล้าฯ ถวายแด่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว แล้วพระองค์โปรดให้อัญเชิญมาประดิษฐานในพระเจดีย์ภูเขาทอง โปรดเกล้าฯ ให้มีพิธีฉลองทั้งกลางวันกลางคืน 3 วัน พระสงฆ์สวดพระพุทธมนต์และถวายภัตตาหารแด่พระสงฆ์จำนวน 100 รูป ตั้งบายศรีแก้ว เงิน ทอง และเวียนเทียนสมโภช กลางคืนจัดมหรสพสมโภช มีโขน หุ่น งิ้ว หนัง มอญรำ สิงโต รำกระถาง ไม้ลอย ญวนหก และจุดดอกไม้เพลิงตามธรรมเนียมโบราณ

    ปัจจุบัน บรมบรรพตหรือพระเจดีย์ภูเขาทองมีขนาดสูงจากฐานถึงยอด 63.6 เมตร ฐานโดยรอบมีเส้นผ่าศูนย์กลางกว้าง 150 เมตร ฐานโดยรอบยาว 330 เมตร มีบันไดทอดขึ้นเป็นบันไดเวียน 344 ขั้น
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  12. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837


    ก็เดินบ้างหยุดบ้าง ตามรายทางเดินจะมีพวกปูนปั้น งานหล่อสำริด ทองเหลือง ต่างๆ สวยดี มีวิวกรุงเทพฯ ให้ดูได้ไกลๆ ไม่เหนื่อยเท่าเดินขึ้นโลหะปราสาทแฮะ


    ?temp_hash=0e2e041cea61dc7abcea02d1f5fc4c84.jpg

     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  13. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837
    ?temp_hash=0e2e041cea61dc7abcea02d1f5fc4c84.jpg


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  14. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837


    แล้วก็มาถึงอาคารข้างบน มีป้ายบอกห้ามถอดรองเท้า ก็ไม่มั่นใจ อ่านทวนอีกครั้ง ไม่ต้องถอดรองเท้า โอเค ไม่ถอดก็ไม่ถอด


    ?temp_hash=0e2e041cea61dc7abcea02d1f5fc4c84.jpg


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  15. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837

    ?temp_hash=0e2e041cea61dc7abcea02d1f5fc4c84.jpg

    เดินเข้าไปในอาคารมีพระพุทธรูปประดิษฐานตรงทางเข้า พระนามว่า พระพุทธนิมิตวิชิตมารโมลี ศรีสรรเพชญ์บรมไตรโลกนาถ ทรงเครื่องจักรพรรดิ์ ได้ทำบุญหยอดตู้ ปิดทองไหว้พระ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  16. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837
    ?temp_hash=0e2e041cea61dc7abcea02d1f5fc4c84.jpg


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  17. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837

    ?temp_hash=0e2e041cea61dc7abcea02d1f5fc4c84.jpg


    ส่วนตรงกลางเจดีย์ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ

     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  18. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837
    ?temp_hash=0e2e041cea61dc7abcea02d1f5fc4c84.jpg


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  19. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837
    ?temp_hash=0e2e041cea61dc7abcea02d1f5fc4c84.jpg


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  20. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837

    ?temp_hash=0e2e041cea61dc7abcea02d1f5fc4c84.jpg

    แล้วก็เดินขึ้นไปบนลานด้านบนสุด ไปทำบุญถวายผ้าไตรและถวายกระดิ่งใบโพธิ์ ขณะกำลังเดินเวียนประทักษิณ ก็สังเกตเห็นเด็กนักเรียนชั้น ม.ปลาย ใส่เสื้อผ้าไปรเวท มากันเป็นกลุ่มใหญ่ และมีครูมาด้วย ก็นึกว่ามาทำบุญ แต่ระหว่างนั้น มีฝรั่งบ้าง คนญี่ปุ่นบ้าง ขึ้นมาชั้นบนนี้ เด็กๆ ก็พากันเข้าไปสมัภาษณ์พูดคุยเป็นภาษาอังกฤษ เสียงดังมากกกกกก ก็เข้าใจนะ เวลาอยู่รวมกันจะแข่งกันพูด เพื่อกลบเสียงของอีกคน คนฝรั่ง คนญี่ปุ่นก็คุยตอบด้วย แต่ยิ่งคุยยิ่งดัง ครูก็ไม่ห้ามให้ลดเสียงลงเลย....

     

    ไฟล์ที่แนบมา:

แชร์หน้านี้

Loading...