โชคเหนือเมฆ-กำไลเหนือดวง- มูลนิธิเทียนฟ้า 2497 - วัตถุมงคล หลวงปู่พิศดู-ครูบากฤษดา

ed903293308th บางขุนเทียน

 

#หลวงปู่ใช้อภิญญาให้ลูกศิษย์หายสงสัย..
( ประสบการณ์ของคุณประภา สมพรไพลิน )
มีอยู่ครั้งหนึ่ง หลวงปู่พิศดูได้สั่งให้คุณประภา อ่านหนังสือเล่มหนึ่งให้ท่านฟัง เป็นหนังสือที่กล่าวถึงคุณวิเศษและอภินิหารต่างๆของพระคณาจารย์ยุคโบราณ แต่มีอยู่เรื่องหนึ่งเนื้อหาในหนังสือได้กล่าวถึงการย่นระยะทาง ซึ่งคุณประภาได้อ่านถึงตอนนี้แล้วก็เกิดความคิดว่า พระสมัยก่อนท่านมีบารมีสูงคงจะสามารถใช้ฤทธิ์ย่นระยะทางได้อยู่ แต่สมัยนี้คงไม่มีพระแบบนี้แล้ว พออ่านเรื่องนี้จบ หลวงปู่ก็สั่งให้หยุดอ่านทันที แล้วสั่งให้ลงไปพักผ่อน เพราะตอนนั้นก็เป็นเวลาประมาณตี 2 แล้ว แต่ก่อนที่คุณประภาจะลงไปพัก หลวงปู่ได้สั่งให้นำกระดาษ ปากกามาจด ถึงของที่ท่านจะสั่งให้ไปซื้อมาถวายในตอนเช้า ทั้งหมด 10 อย่าง (ส่วนใหญ่จะเป็นภัตตาหารคาวหวาน ซึ่งคุณประภาพิจารณาดูแล้ว ก็คิดว่าสบายมาก เพราะรู้ดีว่าของทั้ง 10 อย่างนี้มีขายที่ตลาดใน อ.เขาคิชฌกูฏ เพราะเคยเดินตลาดเช้าอยู่บ่อยๆ
หลังจากตื่นนอนเป็นเวลาตี 5 ลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัวเสร็จเรียบร้อย ก็ออกจากวัดประมาณ 6 โมงเช้า คิดว่ายังไงก็มีเวลาเหลือเฟือ เพราะตลาดอยู่ใกล้ๆวัดเพียง 6 กิโลเมตรเท่านั้น ยังไงซื้อของเสร็จกลับมาก็คงจะไม่เกิน 7 โมงเช้า เพราะหลวงปู่จะฉันเช้าประมาณ 8 โมง
แต่พอขับรถไปถึงตลาดใน อ.เขาคิชฌกูฏ เดินหาซื้อของทั่วทั้งตลาด ปรากฏว่า ของที่หลวงปู่สั่งซื้อ 10 อย่าง กลับไม่มีขายเลยสักอย่าง เพราะร้านที่เคยขายปิดหมด..!!!!
จึงต้องตัดสินใจขับรถเข้าเมือง ซึ่งอยู่ห่างไปจากนี้ราว 30 กว่ากิโลเมตร ซึ่งต้องใช้เวลาเดินทางไปไม่ต่ำกว่า ครึ่งชั่วโมง หลังจากขับรถเข้าเมือง และเดินหาซื้อของที่ตลาดตามที่หลวงปู่สั่งได้ครบทั้ง 10 อย่างแล้ว จึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเวลา ก็เป็นเวลาใกล้ 7 โมงเช้า ขึ้นมาบนรถมองดูนาฬิกาที่รถ ก็เป็นเวลาใกล้ 7 โมงเช้าตรงกัน หลังจากนั้นคุณประภาก็รีบขับรถกลับมาวัดเทพธารทองอย่างด่วน เพราะคิดว่าสายมากแล้ว แต่ปรากฏว่า พอขับรถกลับมาวัดเทพธารทอง แต่กลับหลงทาง ขับรถเลยไปถึง ต.จันทเขลม รู้สึกว่าเริ่มไม่คุ้มทางแล้ว ตนเองก็ไม่ใช่คนพื้นที่ พอขับไปเรื่อยๆ ก็เห็นป้าย อบต.จันทเขลม จึงโทรศัพท์มาหาสามีคือคุณวิโรจน์ สมพรไพลิน บอกว่า " ตอนนี้ฉันหลงทางอยู่ อบต.จันทเขลม.."
สามีก็บอกว่า " ไปทำไมถึงจันทเขลม เพราะเลยวัดหลวงปู่ไปไกลมากร่วม 20 กิโลแล้ว ให้หาทางขับรถย้อนกลับมา "
" ก็ฉันขับมา ไม่เห็นทางเข้าวัดหลวงปู่ ไม่รู้ว่าเลยมาถึงนี่ได้ยังไง.."
เมื่อคุณประภาขับรถกลับมาถึงวัด ก็รีบชุลมุนนำของลงจากรถ สามีก็ค่อยๆเดิมาช่วยขนของลงจากรถ อย่างช้าๆไม่ได้เร่งรีบ พอคุณประภานำของไปไว้บนกุฏิหลวงปู่แล้ว ก็มองดูนาฬิกาที่แขวนอยู่บนกุฏิ ก็เป็นเวลาเพิ่งจะ 7 โมงเศษ คุณประภาก็บอกสามีว่า นาฬิกาหลวงปู่ถ่านหมดหรือเปล่า เพิ่งจะ 7 โมงเอง เพราะเราออกจากตลาดจันท์ก็เวลาเกือบ 7 โมงแล้ว แถมหลงทางไปถึงจันทเขลมอีกกว่าจะมาถึงที่วัดอีก สามีก็บอกว่า นาฬิกาไม่น่าจะถ่านหมดนะ เพราะยังเห็นเดินอยู่ คุณประภาไม่เชื่อ จึงลงไปไขประตูรถเพื่อไปดูนาฬิกา ก็ปรากฏว่าเพิ่งจะ 7 โมงเศษเท่านั้น ดูนาฬิกามือถือเวลาก็ตรงกัน..!!!!
สรุปคือ.. ใช้เวลาเดินทางตั้งแต่ตัวเมืองจันท์ เสียเวลาหลงทาง จนกลับมาถึงวัด ใช้เวลาแค่ไม่ถึง 20 นาทีเท่านั้น ซึ่งในความเป็นจริงแบบปกตินั้น เป็นไปไม่ได้เลย
พอเห็นความอัศจรรย์ดังนั้น คุณประภาจึงยกมือท่วมหัว หันไปทางกุฏิหลวงปู่ แล้วอุทานออกมาว่า..
" หลวงปู่เจ้าขา หนูหายสงสัย(เรื่องย่นระยะทาง) แล้วเจ้าค่ะหลวงปู่.."
ส่วนใหญ่เราจะเคยได้ยินแต่เรื่องที่ครูบาอาจารย์ท่านใช้ฤทธิ์อภิญญาย่นระยะทางให้กับตัวท่านเอง แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องที่หลวงปู่พิศดูใช้อภิญญาย่นระยะทางให้กับลูกศิษย์ที่อยู่ต่างที่ ทั้งๆที่ตัวท่านเองก็อยู่ที่วัดไม่ได้ไปไหน ซึ่งเหตุการณ์แบบนี้หลวงปู่ได้แสดงให้เห็นมาแล้ว ไม่ต่ำกว่า 3 คนที่ผมรู้จักและเคยคุยด้วย และขอยืนยันว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริง ที่เจ้าของประสบการณ์และสามี ก็ยังมีชีวิตอยู่ ซึ่งทั้ง 2 ท่านก็เป็นลูกศิษย์ในชุดอุปัฏฐากหลวงปู่เช่นกัน
นอกจากการใช้อภิญญาการย่นระยะทางแล้ว หากสังเกตุดูดีๆ จะพบว่า หลวงปู่ยังแสดงเจโตปริยญาณ(รู้วาระจิต)
และอนาคตังสญาณ(รู้อนาคต) ให้เห็นอีกด้วย กล่าวคือ ขณะที่คุณประภาอ่านหนังสือและมีความคิดสงสัยในเรื่องการย่นระยะทางแต่ไม่ได้บอกใครรู้ หลวงปู่ท่านก็ทราบ(ด้วยจิต) แล้วท่านยังรู้ล่วงหน้าด้วยว่าของที่หาง่ายๆ 10 อย่างที่ท่านสั่งซื้อ วันนั้นที่ตลาด อ.เขาคิชฌกูฏ จะไม่มีขาย และหาซื้อไม่ได้แม้สักอย่างเดียว จนเป็นเหตุต้องให้คุณประภาขับรถเข้าไปหาซื้อในตัวจังหวัด จึงเป็นที่มาของการใช้ฤทธิ์ย่นระยะทางให้ดู จนหมดความสงสัยในเรื่องดังกล่าว
จะเป็นไปได้ไหม ที่คนเราจะใช้เวลาขับรถจากในเมืองจันท เลยไปถึง ต.จันทเขลม แล้วย้อนกลับมาวัดเทพธารทอง รวมระยะทางประมาณ 80 กิโลเมตร จะใช้เวลารวดเร็วเพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น เพราะมันไกลกันมาก คุณประภาเล่าว่า มันรู้สึกเหมือนหลุดไปอีกมิติหนึ่ง โดยไม่เห็นทางเข้าวัดหลวงปู่ ทั้งๆที่ตนเองก็มาวัดอยู่เป็นปกติแทบจะทุกอาทิตย์จะจำทางเข้าวัดไม่ได้เลยหรือ..??
ประสบการณ์ของคุณประภา และคุณวิโรจน์ สมพรไพลิน ยังมีอีกหลายเรื่อง ซึ่งผมจะนำมาลงให้อ่านกันในโอกาสหน้าครับ..
(ข้อมูลคุณSira Pop)

 

ed903293824th ปากเกร็ด

 

สวัสดียามสายครับป๋า

 

มีอยู่วันหนึ่ง ผมจำได้แม่นยำว่า เป็นช่วงเวลาเย็นของวันเสาร์ ต้นปี 2550 ผมอยู่กับหลวงปู่ 2 คนบนกุฏิหลังเก่า หลวงปู่ได้หยิบหนังสือประวัติของท่านที่ลูกศิษย์พิมพ์ถวายขึ้นมาเปิดอ่าน แล้วท่านได้พูดกับผมว่า..

" ประวัติของเราเขาลงไว้น้อยไปหน่อย ต่อไปถ้าได้ทำหนังสือประวัติของเราอีก ให้ช่วยเขียนให้เยอะๆหน่อยนะ.."

" แต่ยังไม่ต้องเขียนตอนนี้ ไว้ถึงเวลานั้น แล้วค่อยเขียน.."

วันเวลาที่ล่วงผ่านมาร่วม 10 ปี คำกล่าวประโยคนี้ขององค์หลวงปู่ เป็นเสมือนคำสั่งที่ได้มอบหมายไว้ และประทับอยู่ในมโนจิต ผมยังจำได้ดี.. และมีความตั้งใจตั้งแต่บัดนั้น ว่าจะต้องรวบรวมประวัติของหลวงปู่ให้ได้มากที่สุดเท่าที่ตัวผมเองจะสืบค้นได้ โดยจะต้องรักษาเนื้อหาตามความเป็นจริงให้ผิดพลาดน้อยที่สุด เพื่อเผยแผ่เกียรติคุณของท่าน..

คำกล่าวทิ้งท้ายของหลวงปู่ ที่กล่าวว่า..

" แต่ยังไม่ต้องเขียนตอนนี้ ไว้ถึงเวลานั้น แล้วค่อยเขียน.."

ผมตีความได้เอง ถึงคำว่า " ถึงเวลานั้น..." ก็คือ ถึงเวลาหลังจากหลวงปู่ท่านมรณภาพลงแล้ว จึงค่อยเริ่มเขียนเผยแผ่ เพราะผมทราบจริตของท่านดีว่า ท่านชอบอยู่แบบสงบ ไม่นิยมคลุกคลีกับคน แต่ถ้าใครศรัทธาท่านจริง ท่านจะช่วยทุกคนโดยไม่ลังเล..

ซึ่งผมก็ได้เริ่มเขียนเรื่องราวของหลวงปู่ ตลอดถึงข้อมูลทำเนียบวัตถุมงคลที่ออกในนามวัด และนอกวัด มาตั้งแต่ต้นปี 2554 เป็นต้นมา สมัยนั้นเริ่มเขียนในเว็บพลังจิต ใช้ Username ว่า ทุเรียนทอด จนกระทั่งมาเขียนเผยแผ่ในเฟสบุ๊คผ่านมา 3 ปีเศษ ก็ยังคงทำหน้าที่หาข้อมูลและประสบการณ์ต่างๆจากลูกศิษย์มาเขียนเผยแผ่ปฏิปทาของท่านไว้อยู่ และช่วยทางวัดทำงานบุญมาโดยตลอด ร่วมกับสมาชิกที่อยู่ในเว็บพลังจิต และกลุ่มเฟสบุ๊ค ได้เงินเข้าวัดจำนวนหลายล้านบาทแล้ว

ผมเห็นว่าเหตุปัจจัยในการเผยแผ่เรื่องราวของหลวงปู่พิศดู เกิดจากบารมีธรรมของท่านเอง หาใช่ตัวผู้เขียน เพราะผู้เขียนไม่มีอะไรดีเลย นอกจากความทรงจำที่ได้บันทึกเรื่องราวในอดีตของหลวงปู่ที่ล่วงมาแล้ว ส่งต่อให้สมาชิกได้ศึกษาเป็นสาธารณะเท่านั้น..

ถึงทุกวันนี้หลวงปู่พิศดูจะละสังขารแล้ว แต่ก็เหมือนว่าท่านยังอยู่ดูแลลูกศิษย์ที่นับถือท่านอยู่ตลอดเวลา ยิ่งมีคนเข้ามาศึกษามาก เรื่องราวของท่านได้แผ่ขยายออกไปกว้างมาก วัดของท่านก็สามารถดำรงค์อยู่ได้ ผู้ที่รับเอาคำสอนตลอดการปฏิบัติ และวัตถุมงคลของท่านไปใช้ ก็ทำให้มีหลักใจ และกำลังใจในการดำเนินชีวิตในทางที่ดียิ่งขึ้น จึงเป็นสิ่งที่ผมต้องช่วยกันเผยแผ่เกียรติคุณของท่าน ในฐานะลูกศิษย์คนหนึ่งครับ..
(ข้อมูลคุณสิรภพ)

 

สวัสดียามสายครับป๋า

 

ed942917155th ปากเกร็ด

 

ed942929944th รามอินทรา

 

สวัสดียามสายครับป๋า

 

สวัสดียามเที่ยงครับป๋า

 

เราจะต้อง พลัดพราก จากของรัก
ไม่ย้ายยัก มั่นคง อย่าสงสัย
รีบรู้ตัว อยู่เสมอ อย่าเผลอใจ
ถึงคราวไป แล้วต้องไป ในตามกาล
ไตรลักษณ์ ก็เป็นหลัก สำหรับจิต
จงหมั่นคิด หมั่นนึก ไว้ศึกษา
เกิดมาแล้ว ต้องตายแท้ แน่ละวา
จะมัวมา นอกครู อยู่ทำไม
คิดถึง ความตาย สบายนัก
มันหักรัก หักหลง ในสงสาร
บรรเทามืด โมหันต์ อันธกาล
ทำให้หาญ หายสะดุ้ง ไม่ยุ่งใจ
" อยู่ตามกาล.. ไปตามกาล.. อยู่ค้ำฟ้าได้ฤา "
#อุทานธรรม.. หลวงปู่พิศดู ธมฺมจารี

 

ed964640139th สำเหร่

 

องค์หลวงปู่พิศดู แม้ท่านจะเป็นพระสังกัดนิกายธรรมยุติ(สายหลวงปู่มั่น) แต่ในเรื่องของคุณธรรม และคุณวิเศษที่มีอยู่ในองค์ท่าน กลับเป็นพระอจินไตยเหนือโลก เพราะท่านเลิศในฤทธิ์อภิญญา ทรงฌานสมาบัติขั้นสูง มีองค์ญาณแบบผาดโผน รวดเร็ว สามารถท่องเที่ยวเข้าออกในแดนลี้ลับด้วยกายสังขาร ท่านพบเจอพระบรมครูใหญ่ๆในตำนานหลายองค์ โดยเฉพาะ พระมหาเถรอุปคุต หลวงปู่เทพโลกอุดร หลวงปู่เดินหน ฯลฯ
มีหลายคนเคยถามท่านว่า..
หลวงปู่เป็นพระสายไหน..
ท่านมักตอบว่า.
" เราไม่มีสาย เราก็สายเราเอง สายพระปัจเจก.."
บางครั้งท่านก็บอกว่า..
" เราไม่ได้ขึ้นกับสายไหน เราสายพระพุทธเจ้า.."
บางครั้งท่านก็บอกว่า..
" เราสายท่านพ่ออุปคุต.."
" แล้วโยมล่ะสายไหน.."
รวมความแล้ว ท่านไม่ได้ยึดติดในนิกาย หรือสายใดๆ แต่ท่านสามารถถึงได้ทุกสายนั่นเอง..
(sira pop)

 

ถ้าลูกศิษย์แบ่งมาให้แบบนี้ อย่าไปล้างคราบปลวกออกนะครับ เอกลักษณ์ของชุดที่เหลือตกค้างอยู่ที่วัดเลย

ลูกแก้วชุดนี้ เป็นชุดที่ตกค้างอยู่ในกุฏิหลวงปู่นะครับ เป็นของที่อยู่กับท่านยาวนานที่สุด ซึ่งมีเหลืออยู่ไม่มากครับ(ข้อมูลสิรภพ สายพานิช)

 

แบ่งให้ได้1เม็ดครับ

 

จองครับ

 

รับทราบครับผม