เรื่องเด่น นักวิทยาศาสตร์เปิดเผยว่า ภาวะโลกรวนทำภัยแล้งมีแนวโน้มรุนแรงขึ้นกว่าเดิม 20 เท่า

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย rachotp, 10 ตุลาคม 2022.

  1. rachotp

    rachotp เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2020
    โพสต์:
    1,216
    กระทู้เรื่องเด่น:
    252
    ค่าพลัง:
    +23,806
    6.PNG

    นักวิทยาศาสตร์เปิดเผยว่า ภาวะโลกรวนมีแนวโน้มทำให้ภัยแล้งที่เกิดในประเทศซีกโลกเหนือช่วงฤดูร้อนนี้รุนแรงกว่าเดิมอย่างน้อย 20 เท่า โดยหากไม่มีปัญหาเรื่องโลกรวนที่เกิดขึ้นเพราะฝีมือมนุษย์นั้น ภัยแล้งที่รุนแรงนี้คาดว่าจะเกิดเพียง 1 ครั้งในทุกๆ 400 ปี

    ภัยแล้งที่รุนแรงสุดเป็นประวัติการณ์ได้กระทบการเก็บเกี่ยวพืชผลและการผลิตพลังงาน ส่งผลให้วิกฤตอาหารและพลังงานที่ย่ำแย่อยู่แล้วจากสงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครน หนักหนาขึ้นกว่าเดิม โดยนักวิเคราะห์เตือนว่าภัยแล้งจะรุนแรงขึ้นและเกิดขึ้นบ่อยขึ้นอีกในอนาคต เว้นแต่ว่าทั่วโลกจะร่วมมือกันลดละเลิกการเผาเชื้อเพลิงฟอสซิล


    7.PNG

    ผลจากการวิเคราะห์ระบุว่า ภัยแล้งในยุโรปช่วงฤดูร้อนนี้แล้งสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่ปี 1950 ขณะที่ภัยแล้งในประเทศซีกโลกเหนือนั้นแล้งสุดเป็นอันดับ 2 รองจากปี 2012

    คลื่นความร้อนที่โหมกระหน่ำในอเมริกาเหนือ ยุโรป และเอเชียช่วงฤดูร้อนนี้ ได้ทำให้เกิดสภาพอากาศที่แห้งแล้งจัด โดยนักวิทยาศาสตร์กล่าวว่า ฤดูร้อนที่มีอุณหภูมิร้อนระอุอย่างในปีนี้ "แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย" หากไม่มีคลื่นความร้อนที่เป็นผลมาจากภาวะโลกรวน และเฉพาะแค่ในยุโรปนั้นมีผู้เสียชีวิตจากอากาศที่ร้อนจัดแล้วถึง 24,000 คน

    ศาสตราจารย์โซเนีย เซเนวิรัทเน จากสถาบัน ETH Zurich ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ กล่าวว่า "ฤดูร้อนปี 2022 แสดงให้เห็นว่าการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศที่เกิดจากมนุษย์เพิ่มความเสี่ยงต่อความแห้งแล้งในภูมิภาคที่มีประชากรหนาแน่นและพื้นที่เพาะปลูกอย่างไรบ้าง เราจำเป็นต้องยุติการเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิล หากเราต้องการป้องกันไม่ให้เกิดภัยแล้งที่บ่อยและรุนแรงขึ้นกว่านี้"


    8.PNG

    สำหรับในภูมิภาคเอเชียใต้นั้นนักวิทยาศาสตร์ระบุว่า คลื่นความร้อนได้ทวีความรุนแรงขึ้นถึง 30 เท่าจากภาวะโลกรวน ขณะปริมาณน้ำฝนที่เกิดจากฝนตกหนักผิดปกติก็เพิ่มขึ้นกว่าเดิมถึง 50% ซึ่งเป็นผลมาจากอุณหภูมิโลกที่สูงขึ้น ตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดคือปากีสถาน ที่ขณะนี้พื้นที่ 1 ใน 3 ของประเทศกำลังจมอยู่ใต้บาดาลจากเหตุน้ำท่วมใหญ่


    Credit: ขอขอบคุณที่มาจาก
    (1) https://www.theguardian.com/environ...-drought-20-times-more-likely-scientists-find
    (2) https://www.usnews.com/news/world/a...ange-made-summer-drought-20-times-more-likely
     
  2. rachotp

    rachotp เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2020
    โพสต์:
    1,216
    กระทู้เรื่องเด่น:
    252
    ค่าพลัง:
    +23,806
    นักวิทยาศาสตร์ พบอนุภาคมลพิษทางอากาศ ในปอดทารกที่ยังอยู่ในครรภ์ ตอกย้ำปัญหามลพิษอันตรายกว่าที่คิด

    4.PNG

    นักวิทยาศาสตร์พบอนุภาคของมลพิษทางอากาศในปอด ตับ และสมองของทารกที่ยังอยู่ในครรภ์มารดา ชี้ให้เห็นว่าปัญหามลพิษทางอากาศนั้นน่ากังวลอย่างยิ่ง เนื่องจากระยะที่ทารกยังคงเป็นตัวอ่อนในครรภ์มารดานั้นถือเป็นช่วงที่เปราะบางมากในการพัฒนาร่างกายของมนุษย์

    การวิจัยนี้ได้รับการตีพิมพ์ลงในวารสารวิชาการ Lancet Planetary Health โดยนักวิทยาศาสตร์พบอนุภาคคาร์บอนสีดำหลายพันชิ้นต่อเนื้อเยื่อของทารก 1 ลูกบาศก์มิลลิเมตร ซึ่งเกิดจากการที่ผู้เป็นแม่หายใจเอาอากาศที่ไม่สะอาดเข้าไปในร่างกายขณะตั้งครรภ์ และอนุภาคเหล่านี้ก็ไหลไปผ่านกระแสเลือดและรกสู่ลูกในท้อง


    นอกจากนี้ การที่มารดาได้รับอากาศสกปรกเข้าไปในร่างกายมากๆ ยังมีความเสี่ยงที่จะทำให้มีโอกาสแท้งบุตรได้สูงขึ้น รวมถึงการคลอดก่อนกำหนด น้ำหนักเด็กแรกเกิดต่ำ และอาจรบกวนการพัฒนาสมองของทารก


    3.PNG

    โดยอนุภาคเหล่านี้มาจากเขม่าควันที่เกิดจากการเผาไหม้ของเชื้อเพลิงฟอสซิลตามรถยนต์ บ้านเรือน และโรงงาน และก่อให้เกิดการอักเสบในร่างกาย รวมทั้งยังมีสารเคมีที่เป็นพิษปนอยู่ด้วย โดยการศึกษานี้มีกลุ่มตัวอย่างเป็นผู้หญิงตั้งครรภ์ที่ไม่สูบบุหรี่ในสกอตแลนด์และเบลเยียม ซึ่งเป็นสถานที่ที่มีมลพิษทางอากาศค่อนข้างต่ำ

    ก่อนหน้านี้มีการศึกษาที่ออกมาในปี 2019 ซึ่งระบุว่า มลพิษทางอากาศอาจทำลายอวัยวะทุกส่วน และเซลล์แทบทุกเซลล์ในร่างกายมนุษย์ นอกจากนี้ยังพบว่ามีอนุภาคจากมลพิษทางอากาศขนาดจิ๋วที่เข้าไปขวางแนวกั้นระหว่างเลือดกับสมอง (Blood-Brain Barrier) ขณะเดียวกัน นักวิทยาศาสตร์ยังพบอนุภาคจากมลพิษนับพันล้านชิ้นในหัวใจของผู้ที่อาศัยอยู่ในเมืองด้วย

    5.PNG

    ทั้งนี้ ประชากรโลกมากกว่า 90% อาศัยอยู่ในสถานที่ที่มีมลพิษทางอากาศสูงกว่ามาตรฐานขององค์การอนามัยโลก (WHO) จึงเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตก่อนกำหนดหลายล้านคนในแต่ละปี


    Credit: ขอขอบคุณที่มาจาก
    (1) https://www.theguardian.com/environment/2022/oct/05/toxic-air-pollution-particles-found-in-lungs-and-brains-of-unborn-babies
    (2) https://www.independent.co.uk/climate-change/air-pollution-particles-unborn-babies-b2196740.html
     

แชร์หน้านี้

Loading...