เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๖

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 3 พฤศจิกายน 2023.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,346
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,522
    ค่าพลัง:
    +26,357
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๖


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,346
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,522
    ค่าพลัง:
    +26,357
    วันนี้ตรงกับวันศุกร์ที่ ๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๖ มีคนส่งภาพที่น่าตกใจมาให้ ซึ่งจะว่าไปแล้ว ก็ถือว่านวัตกรรมอย่างหนึ่งในวงการยาเสพติด ก็คือมีการผลิตยาบ้าเป็นรูปพระ มีทั้งเศียรพระ และพระปิดตา กระผม/อาตมภาพดูแล้วก็ยังคิดว่าเขาช่างรู้จักสร้างสรรค์ แต่ไม่รู้จักที่สูงที่ต่ำ แล้วก็ลองคิดต่อไปว่า ถ้าคนเสพยาบ้ารูปพระ เขาจะได้รับบุญบาปประการใด ?

    อันดับแรก การเสพยาเสพติดถือว่าละเมิดศีลอยู่แล้ว ก็คืออยู่ในส่วนของศีล ๕ ข้อที่ ๕ สุราเมระยะมัชชะปะมาทัฏฐานา เวระมณี ก็คือการที่ต้องเว้นจากสุราเมรัยและยาเสพติดทั้งปวง ต่อให้ไม่ได้ระบุในส่วนของยาเสพติดไว้อย่างชัดเจน แต่ถ้าเราตีความโดยอ้างในมหาปเทส ๔ ว่า สิ่งใดไม่สมควร พิจารณาแล้วว่าไม่สมควร สิ่งนั้นย่อมไม่สมควร ก็สงเคราะห์เอายาเสพติดนี้ไว้ในส่วนของข้อห้ามในการดื่มสุราเมรัยได้เลย

    แต่คราวนี้ถ้าหากว่าเสพยาเสพติด อันดับแรกศีลขาด แต่ถ้าหากว่ายาเสพติดเป็นรูปพระ ถ้าขณะจิตที่เสพ กำลังใจยึดเกาะพระ คราวนี้ก็ "ว้าวุ่น" แล้ว ว่าจะไปดีหรือว่าไปชั่ว ? ก็ต้องไปแยกแยะกันอีกระดับหนึ่งว่า บุคคลที่ติดยาเสพติดนั้น เมื่อความอยากยาเสพติดเกิดขึ้น โอกาสที่จะมาคำนึงถึงว่ายาเสพติดเป็นรูปอะไรก็คงจะไม่มี นอกจากจะเร่งรีบเสพเข้าไป เพื่อสนองความต้องการให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้

    โดยเฉพาะยาบ้าสมัยนี้ ส่วนใหญ่แล้วก็ไม่ได้กินเข้าไปโดยตรง หากแต่มักจะเอามาบด แล้วก็ลนจนเป็นควัน สูดเอาควันนั้นเข้าไป หรือละลายน้ำฉีดเข้าเส้นโดยตรง ก็แปลว่าจะมีโทษหนักอีกประการหนึ่ง ก็คือทำลายรูปพระ ซึ่งถ้าหากว่าการทำลายรูปพระนี้ โทษคือลงอเวจีมหานรกอย่างแน่นอน..!

    อีกส่วนหนึ่งก็คือว่าผู้เสพจะสามารถคิดถึงพระได้หรือไม่ ? ก็ต้องขึ้นอยู่กับบุญเก่ากรรมเก่าของเขา ถ้าสร้างปุพเพกตปุญญตามาดี วาระของกุศลกรรมแทรกเข้ามา ทำให้สามารถระลึกถึงภาพพระได้ ส่วนนั้นก็เป็นบุญกุศล แต่ก็น่าจะเป็นบุญกุศลที่น้อยมาก ๆ อยู่ในลักษณะเดียวกับสุปติฎฐิตเทพบุตร ที่เคยทำความชั่วมาครบถ้วนกระบวนความ แต่ก่อนตายระลึกถึงองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้นิดเดียว แล้วก็ขาดใจตาย ไปเกิดอยู่บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์เทวโลก..!
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,346
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,522
    ค่าพลัง:
    +26,357
    ท่านทั้งหลายอาจจะคิดว่าไม่ยุติธรรม เพราะว่าคนทำความชั่วมาตลอดชีวิต ระลึกถึงความดีเพียงนิดเดียวแล้วไปอยู่บนสวรรค์ กระผม/อาตมภาพยืนยันว่ายุติธรรมที่สุดในโลก เพราะว่าสุปติฎฐิตเทพบุตรบนสวรรค์ชั้นดาวดึงสเทวโลกนั้น อยู่ได้ด้วยบุญที่ระลึกถึงพุทธานุสติแค่ ๗ วันมนุษย์เท่านั้น ซึ่งถ้าเปรียบกับบนสวรรค์ก็เพียงแวบเดียว แต่โชคดีที่ว่าสุปติฎฐิตเทพบุตรนั้นในอดีตเคยสร้างพระพุทธรูปมา ตรงจุดนี้พระไตรปิฎกและอรรถกถาไม่ได้บอกกล่าวเอาไว้ แต่เป็นพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง ท่านบอกกล่าวให้ เพราะว่าลูกศิษย์สงสัยอยู่หลายราย ท่านจึงตามไปดูบุรพกรรมให้

    ปรากฏว่าในอดีตชาติสุปติฎฐิตเทพบุตรเคยสร้างพระพุทธรูปถวายไว้ในพระพุทธศาสนา แต่ด้วยความที่ไม่มีจิตเกาะไว้อย่างมั่นคง เกิดมาชาติใหม่จึงหลุดออกไปสู่ความชั่ว ก็คือโดนอกุศลกรรมชักพาไปเสียก่อน จนกระทั่งวาระสุดท้ายของชีวิต กุศลกรรมความดีในอดีตที่สร้างพระพุทธรูปเอาไว้มาสนอง จึงทำให้สามารถระลึกถึงพุทธานุสติ คือองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้แวบหนึ่ง

    เมื่อมีอายุอยู่แค่นั้น อำนาจพุทธานุสติที่ค้ำจุนอยู่ ทำให้ขึ้นไปทันกับองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่เสด็จไปโปรดพุทธมารดา จึงได้ฟังอุณหิสวิชยสูตร จุติเดี๋ยวนั้น เกิดใหม่เดี๋ยวนั้น เป็นเทวดาโสดาบัน เพราะว่ากุศลกรรมเก่าที่สร้างพระพุทธรูปมา บวกกับความดีใหม่ที่ฟังเทศน์แล้วน้อมใจตาม เต็มใจปฏิบัติตามคำสอนองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า กลายเป็นพระโสดาบันมาจนถึงปัจจุบันนี้

    ในส่วนนี้เราต้องมาดูว่าบุคคลที่เสพยาเสพติดนั้น ระลึกถึงตรงนี้ได้ ก็น่าจะเป็นบุญกุศลชั่วแวบเดียวเท่านั้น ถ้าหากว่าตายตอนนั้นไปก็ถือว่าดี แต่ส่วนมากน่าจะต้องทรมานอยู่ต่ออีกหลายปีเพราะยาเสพติด โอกาสที่บุญนั้นจะส่งผลให้ ก็คงจะเนิ่นนานเหลือเกิน

    แต่เราต้องเข้าใจว่า เรื่องของบุญเรื่องของบาปนั้น ไม่ว่าจะมากน้อยเพียงใดก็ตาม ท้ายที่สุดก็ย่อมส่งผลให้ แบบเดียวกับที่พระจูฬปันถกเถระไม่สามารถที่จะกล่าวบทสรรเสริญคุณพระพุทธเจ้าได้ภายใน ๓ เดือน ทั้ง ๆ ที่เป็นประโยคสั้น ๆ เนื่องเพราะว่าบุรพกรรมในอดีตเคยไปหัวเราะเยาะคนอื่นที่ปัญญาน้อยกว่า
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,346
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,522
    ค่าพลัง:
    +26,357
    องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ารู้แจ้งแทงตลอด เห็นไปว่าในอดีตชาตินั้น พระจูฬปันถกเถระเคยเกิดเป็นพระมหากษัตริย์ เสด็จออกเลียบพระนคร อากาศร้อน จึงนำเอาผ้าซับพระพักตร์ที่เป็นสีขาวขึ้นมาใช้งาน แล้วก็เห็นว่าผ้านั้นเศร้าหมองเปรอะเปื้อนเพราะเหงื่อไคลของตนเอง เกิดความสลดใจขึ้นมาว่า "ร่างกายเรานี้ช่างสกปรกจริงหนอ..!"

    เมื่อเป็นเช่นนั้น องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงมอบผ้าขาวให้ พระจูฬปันถกเถระนำไปขยี้แล้วก็ภาวนาว่า "ระโช หะระณัง ระโช หะระณัง" ซึ่งถ้าจะแปลเป็นไทยสั้น ๆ ว่า "ธุลีหนอ ธุลีหนอ" เมื่อลืมตาขึ้นมา เห็นผ้านั้นสีสันคล้ำลงเนื่องเพราะว่าเปื้อนเหงื่อไคล หรือว่าขี้มือตัวเอง บุญเก่าก็เข้าจับจิตจับใจทันที ท่านจึงพิจารณาเห็นความไม่ดีของร่างกายนี้ จนกระทั่งหมดความอยากได้ใคร่มี ยกสภาพจิตของตนขึ้นเหนือโลก กลายเป็นพระอรหันต์ผู้เลิศด้วยมโนมยิทธิไปเลย

    ดังนั้น..ในเรื่องของบุญของกรรมจึงเป็นเรื่องที่ประมาทไม่ได้ ว่าเป็นบุญเพียงเล็กน้อย แล้วเราจะไม่กระทำ หรือว่าเป็นบาปเพียงเล็กน้อย เราทำได้ ไม่เป็นอะไร ถ้าคิดในลักษณะแบบนี้ อาจจะก่อโทษให้กับท่านได้ไม่ชาติใดก็ชาติหนึ่ง แต่ขณะเดียวกัน ถ้าสร้างความดีก็จะก่อบุญให้แก่ท่านทั้งหลายได้ในชาติใดชาติหนึ่ง

    ดังนั้น..บุคคลผู้เสพยาเสพติดในส่วนที่ทำเป็นรูปพระ โอกาสที่จะลงอเวจีมหานรกจึงมีมากกว่าปกติ เพราะว่าอันดับแรกเลยคือละเมิดศีล ๕ อันดับที่สองก็คือทำลายรูปพระ ในเมื่อเจอกรรมใหญ่สองส่วนนี้เข้ามา บางทีวาระบุญก็ส่งผลแทรกเข้ามาไม่ไหว ต่อให้ทำปุพเพกตปุญญตาไว้ดี กำลังที่ระลึกถึงพระได้ก็คงแวบแรกที่สัมผัสเห็น แต่คาดว่าคงจะเห็นเป็นยาเสพติดมากกว่าที่จะเห็นเป็นรูปพระ เพราะว่าส่วนใหญ่ยาบ้าก็เม็ดเล็กนิดเดียว ประมาณยาแก้แพ้เท่านั้น ในเมื่อเป็นเช่นนั้น โอกาสที่จะระลึกถึงความดีจึงน้อยมาก โอกาสที่จะโดนความชั่วชักนำไปมีมากกว่า ทำให้มีอเวจีมหานรกเป็นที่ไปรออยู่ข้างหน้า

    แต่ส่วนของท่านเจ้าของนวัตกรรมต่างหากที่โทษหนักสาหัส เนื่องเพราะว่าแม้จะเป็นความคิดสร้างสรรค์ในการสร้างพระ แต่รู้อยู่แล้วว่าสร้างมาก็ต้องไปโดนคนอื่นทำลาย เท่ากับว่าตั้งใจที่จะให้เขาทำลายรูปพระที่ตนเองสร้างขึ้น กลายเป็นในส่วนของบาปที่เกิดขึ้นทุกครั้งที่ผู้เสพบดยานั้นลง จึงทำให้โทษหนักเกิดขึ้นกับเขาเหล่านั้น..!
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,346
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,522
    ค่าพลัง:
    +26,357
    แต่คาดว่าคนทั้งหลายเหล่านั้นก็คงจะไม่รับรู้อะไร เนื่องเพราะรู้อยู่อย่างเดียวว่าทำออกมาแล้วขายได้ แถมยังขายดีเสียด้วย..! มองเห็นแต่เรื่องของเงินเป็นใหญ่ ถือว่าเป็นโลภเจตนา ก็คือมีความโลภนำหน้า ไม่ได้มีอะไรที่เป็นบุญเป็นกุศลมาเลย นอกจากความคิดแรกที่นึกว่า ถ้าทำเป็นรูปพระขึ้นมา น่าจะเป็นการสร้างสรรค์นวัตกรรมขึ้นมาได้ ความดีอื่น ๆ นั้นไม่หลงเหลืออยู่ เพราะว่าทำขึ้นมาก็รู้ว่าเขาต้องเอาไปทำลายเพื่อเสพ

    ดังนั้น..ท่านที่ทำยาบ้าขึ้นมาเป็นรูปพระ น่าจะมีโทษหนักกว่าผู้เสพหลายเท่า เพราะว่าผู้เสพทำลายรูปพระทีหนึ่ง โทษก็เกิดกับผู้สร้างทีหนึ่ง..!

    เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ เขาอาจจะไม่สนใจในตอนที่มีชีวิตอยู่ แต่จากประสบการณ์ของกระผม/อาตมภาพนั้น บุคคลที่มีชีวิตอยู่ ไม่ว่าจะมืดบอดขนาดไหนก็ตาม แต่เมื่อตายไปแล้ว ต่อให้เป็นสัตว์นรก เป็นเปรต เป็นอสุรกาย เป็นสัตว์เดรัจฉาน ต่างก็รู้ว่าคุณงามความดีนั้นเป็นอย่างไร แต่ส่วนใหญ่แล้วก็ได้แต่เสียใจ เพราะว่าไม่สามารถที่จะแก้ไขอะไรได้อีกแล้ว

    ยกเว้นบางท่าน อย่างเช่นว่าอยู่ในเขตของเปตติวิสัยภูมิ เมื่อระลึกถึงคุณงามความดีได้ บางท่านก็มีการจำศีลทุกวันพระ บางท่านที่เป็นเวมาณิกเปรต ในช่วงที่อยู่ในสภาพของนางฟ้าหรือเทวดา ก็พยายามสร้างบุญกุศลเพิ่ม

    หรือว่าท่านที่เป็นสัตว์เดรัจฉานบางตัว ในส่วนของสภาพจิตที่เกาะคุณงามความดีมีมากกว่า ก็รู้ว่าอะไรเป็นบุญเป็นกุศล อย่างเช่นเราจะเห็นว่า มีสุนัขเดินตามพระออกบิณฑบาต มีการคาบตะกร้าบรรจุอาหารที่ญาติโยมถวายพระให้กับหลวงพ่อหลวงตาด้วย หรือว่ามีช้างใส่บาตร เหล่านี้เป็นต้น แต่ว่าโอกาสที่เขาจะสร้างคุณความดีก็มีน้อยมาก

    ดังนั้น..พวกเราทั้งหลายจึงไม่ควรที่จะประมาท เร่งสร้างความดีในทาน ในศีล ในภาวนาให้มั่นคงเอาไว้ นอกจากจะเป็นการประกันอนาคตของตนเองแล้ว ยังเป็นเนติคือแบบอย่างให้แก่ลูกหลานของเราทั้งหลาย จะได้ประพฤติปฏิบัติตาม เท่ากับว่าท่านทั้งหลายมีอานิสงส์ในการค้ำจุนพระพุทธศาสนา เป็นบุญใหญ่เพิ่มขึ้นมาอีกส่วนหนึ่งด้วย

    สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายแก่พระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันศุกร์ที่ ๓ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๖
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...