โชคเหนือเมฆ-กำไลเหนือดวง- มูลนิธิเทียนฟ้า 2497 - วัตถุมงคล หลวงปู่พิศดู-ครูบากฤษดา

สวัสดียามบ่ายครับป๋า

 

วัตถุมงคล..
ถึงแม้องค์หลวงปู่ท่านจะเป็นพระที่สำเร็จธรรมชั้นสูงแล้ว และแม้ว่าท่านจะไม่ได้ยึดติดในวัตถุใดๆ
แต่ท่านก็ไม่ได้ปฏิเสธในเรื่องการเสกของ และวัตถุมงคลต่างๆ เพราะท่านถือว่าเป็นของดีของมงคล เป็นสัญลักษณ์ทางพระศาสนาให้คนมีที่ยึดเหนี่ยว และเป็นอุบายอย่างหนึ่งในการโน้มจิตใจให้ไปสู่การปฎิบัติต่อไป..
ในสมัยนั้นวัตถุมงคลที่ท่านแจกไป ก็จะเป็นของที่ลูกศิษย์ซื้อมาถวายให้ท่านแจกบ้าง หรือบางทีท่านก็แจก ล็อกเก็ต เม็ดยาจินดามณี แบงค์เสก สีผึ้ง หรือบางครั้งใกล้หน้าหนาวท่านก็สั่งให้ลูกศิษย์ถักหมวกไหมพรมมาแจกก็มี ของที่ผ่านมือท่านล้วนแต่เป็นของมหามงคลทั้งสิ้น
ซึ่งในสมัยนั้น จำพวกวัตถุมงคลที่เป็นรูปพระอุปคุต เหรียญ รูปหล่อ พระผงต่างๆ ฯลฯ จะมีจำนวนน้อยไม่ค่อยพอแจก และเวลาแจกท่านจะพิจารณาเป็นบุคคลไป ท่านบอกว่า.. ของสำคัญให้ไปแล้วต้องเอาไปใช้จริงๆ..ท่านจึงสั่งให้เอาของที่หาง่ายๆแต่ดูมีคุณค่ามาเสกและแจกแทน หลวงปู่ท่านได้กล่าวค่ะว่า..
" #การปฏิบัติธรรมนั้นดีที่สุด #ดีกว่าใส่เครื่องรางของขลังอีก #เพราะเป็นแก่นเป็นสาระ #เป็นเครื่องคุ้มครองเราได้ทั้งกายและใจ
#แต่กำลังใจคนเราสมัยนี้ยังอ่อนอยู่มาก #ก็ต้องใช้พวกนี้แหละแทนกำลังใจให้เข้มแข็งขึ้น #แต่ถ้าถึงเวลาแล้ว.. #เดี๋ยวมันก็หันมาหาของจริงเอง... "
Cr.sira pop

 

ed124685183th จรเข้บัว

 

สวัสดียามเที่ยงครับป๋า

 

#ขอเชิญทุกท่านร่วมบุญทอดผ้าป่าปิดยอดศาลา ๑๐๐ ปี ธมฺมจารี ในวันงานครบรอบ 13 ปีมรณะกาลของ หลวงปู่พิศดู ธมฺมจารี ซึ่งตรงกับวันมหาสงกรานต์ ปีใหม่ไทย เพื่อบูชาพระคุณ พระบูชาธรรมแด่องค์หลวงปู่พิศดู ธมฺมจารี
และร่วมฉลองสมโภชศาลา และฉลองพระครูสัญญาบัตรชั้นโท พระครูพิสิฐกิตติธรรม เจ้าอาวาสวัดเทพธารทอง เจ้าคณะตำบลโป่งน้ำร้อน(ธ.) และงานบุญอื่นๆ ในวันที่ 12-13 เมษายน 2567
ร่วมบุญได้ที่บัญชีนี้ (เท่านั้น)
++ ชื่อบัญชี วัดเทพธารทอง
++ 204-0-54342-2
++ ธนาคาร กรุงไทย
ทางวัดขออนุโมทนา สาธุ กับผู้ใจบุญทุกท่านทุกท่านไว้ ณ โอกาสนี้ครับ..
Sira Pop

 

https://www.facebook.com/groups/Luangbhoopitsadoo/posts/2883309145202330/?locale=th_TH

 

สวัสดียามสายครับป๋า

 

"กราบเรา กราบที่ไหนก็ได้ แค่คิดถึงก็พอ_เรารู้"

 

ed440101017th จรเข้บัว

 

" เราน้อมเอา เนรัญชราที่อินเดีย มาซ้อนไว้ที่วัดเทพฯ.. ลำธารที่นี่จึงเป็นลำธารศักดิ์สิทธิ์.."
ถ้าหากหลวงปู่พิศดูท่านจะพูดถึงลำธารที่ไหลผ่านข้างวัดเทพธารทอง ท่านมักจะเรียกว่า "เนรัญชรา" ท่านจะไม่เรียกคลอง หรือลำธารเหมือนที่อื่นๆ เนื่องจากหลวงปู่ท่านได้อธิษฐานจิต น้อมเอากระแสมงคลและความศักดิ์สิทธิ์แห่งแม่น้ำเนรัญชรา ประเทศอินเดีย อันเป็นแม่น้ำสำคัญในพุทธประวัติ มาทาบทับ ซ้อนเอาไว้ที่ลำธารแห่งนี้อย่างบริบูรณ์
ไม่ว่าจะเป็นสายน้ำ กรวด หิน ดิน ทราย ในลำธาร ล้วนแต่มีความศักดิ์สิทธิ์ หากผู้ใดได้กิน อาบ หรือแช่ น้ำในลำธารสายนี้ สิริมงคลจะบังเกิดแก่ผู้นั้น ทั้งยังสามารถชำระล้างสิ่งที่มัวหมองหรือพลังด้านลบที่เกาะติดมากับตัวให้หลุดออกไปได้ หรือหากได้ตักน้ำที่นี่ไปทำน้ำพระพุทธมนต์ ก็จะยิ่งเพิ่มพูนประสิทธิภาพความศักดิ์สิทธิ์อย่างเปี่ยมล้น..
(ข้อมูลคุณทุเรียนทอด)

 

ed440104129th จรเข้บัว

 

สวัสดียามสายครับป๋า

 

หลวงปู่ท่านเคยพูดครับว่า.. " ไม่อยากจะดัง แต่ก็ต้องดัง "
" อย่างเราไม่ต้องไปโฆษณา จะดังเดี๋ยวดังเอง "
ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ ทุเรียนทอด
เมื่อหลายวันก่อนมีพี่คนหนึ่งได้เดินทางไปกราบครูบาอาจารย์สายอีสาน และได้ถอดสร้อยพระเครื่องที่ใส่อยู่ให้ครูบาอาจารย์ท่านนั้นอธิษฐานจิตเพิ่ม ซึ่งในสร้อยพวงนั้นก็มีพระของครูบาอาจารย์อื่นๆหลายองค์ แต่พอยื่นสร้อยพระพวงนั้นใส่พานให้หลวงพ่อท่านเท่านั้น ท่านก็พิจารณาดูแล้วก็อุทานออกมาพร้อมกับชี้ไปที่พระเครื่ององค์หนึ่งซึ่ง อยู่ในสร้อยพวงนั้นว่า " ฮึ้ย..นี่พระที่ไหน หลวงพ่ออะไรน่ะ..องค์นี้สุดยอดเลย " ซึ่งตามปกติแล้วท่านจะบอกแค่ว่า อืม ดี ๆ ๆ แค่นั้น แต่คราวนี้หลวงพ่อท่านนั้นกลับอุทานออกมาด้วยความประหลาดใจและถามว่านี่พระ ที่ไหน หลวงพ่ออะไรน่ะ องค์นี้สุดยอดเลย ซึ่งพี่คนนั้นก็บอกว่า เป็นพระขององค์หลวงปู่พิศดูครับ..

ได้ฟังมาเหมือนกันครับสงสัยจากที่มาเดียวกัน เห็นว่าพระหลวงปู่ที่ใส่ไป คือ พระกสิณ พิมพ์ที่เขียนว่า พิศดู เนื้อขมิ้นเสก ครับ เห็นว่าพระอาจารย์องค์นั้นดูทีละองค์ พอถึงองค์นี้ถึงกับอุทานว่า องค์นี้อะไรเนี่ย สุดยอด และพิจารณาองค์พระแล้วถามว่าพระองค์นี้เนื้ออะไรนี่ พี่เค้าตอบว่าขมิ้นเสกครับ พี่คนนั้นบอกว่าภูมิใจจริงๆครับ ที่พระด้วยกันยังยกย่องพลังจิตขององค์หลวงปู่ ฉนั้นใครคิดว่าพระยุคแรกพลังจิตอง์หลวงปู่ไม่แก่กล้านั้นผิดครับ เพราะพระที่เค่งและเด็ดเดี่ยวถ้าพลังจิตไม่ถึงขั้นไม่ทําวัตถุมงคลหรอกครับ โดยเฉพาะพระที่มีบารมีสูงแบบองค์หลวงปู่ของอย่างนี้ติดมาตั้งแต่เกิดครับ

ไม่ใช่สุดยอดแห่งความงามอย่างเดียว ครับ ต้องบอกด้วยว่า สุดยอดแห่งความศักดิ์สิทธิ์ สุดยอดแห่งความน่าบูชา และเป็นสุดยอดแห่งความหายาก เป็นที่สุด.. เพราะไม่ใช่ว่าจะได้กันทุกคน บางคนไปขอองค์หลวงปู่ยังไม่ได้เลยครับ ท่านบอกว่า " แจกคนควรแจก " (สำคัญขนาดนั้นเชียว) ไม่อยากจะบอกว่าภายในซ่อนอะไรไว้ กลัวอ่านแล้วเกิดกิเลส.. (จากกระทู้หลวงปู่พิศดู)
องค์หลวงปู่พิศดู ท่านเป็นพระที่มีปัญญาญาณ และเมตตาจิตสูงมากๆ ถึงบางครั้งอาจจะมองเหมือนท่านดุ แต่แท้จริงที่ดุนั้น ท่านอยากให้เรารู้สึกเข้าใจ และได้เห็นกิเลสที่ซ่อนอยู่ในใจเรา ที่ยากจะมองเห็น ส่วนมากเวลาท่านดุใคร คนๆนั้นมักต้องสะดุ้งกลัว เพราะว่าท่านให้ธรรมะแบบกระแทกใจเข้าไปเต็มๆ อย่างที่ไม่มีโอกาสจะหลบหลีกข่ายญาณอันแจ่มใสของท่านไปได้ ยิ่งถ้าใครคนนั้นมาหาท่าน บอกว่าตนเป็นนักปฏิบัติธรรม อวดว่าได้โน่นได้นี่ เห็นนั่นเห็นนี่ด้วยความกระหยิ่มยิ้มย่องเพราะหลงตัวหลงตน ท่านก็จะฟังๆไปก่อน ปล่อยให้พูดไปให้จบ พอเสร็จแล้วท่านก็จะพูด(ตอบ)ออกไปกระแทกใจ แบบจี้จุดกิเลสคนๆนั้นแทบตั้งตัวไม่ติด บางครั้งแทบหงายหลังหัวฟาดพื้นจนหน้ามืดหน้าชาไปหมด เพราะสิ่งที่ตนได้คิดได้เห็นมานั้น อาจเป็นอุปาทานหรือสิ่งที่ตนคิดฝันไปเองทั้งสิ้น ท่านบอกว่า หากใครที่เขาได้จริงๆ เขามักจะไม่เอามาพูดกัน โดยเฉพาะต่อหน้าครูบาอาจารย์ เขาจะเงียบๆรู้สภาวะของเขาอยู่คนเดียว เพื่อไม่ทำให้เป็นที่สนใจของผู้อื่น เพราะจะไปรบกวนความสงบของพวกเขา..
องค์ท่านนั้นเป็นแบบอย่าง ของครูบาอาจารย์หลายท่าน หาได้ยากแล้วครับ พ่อแม่ครูบาอาจารย์แบบนี้ บางคนถึงกับบอกว่า หลวงปู่เป็นพระอริยะเจ้าหลงยุค เพราะพระที่มีคุณธรรมพิเศษแบบนี้ มักจะเกิดในสมัยพุทธกาลเท่านั้น

ครูบาอาจารย์บอกว่า..พระอริยะเจ้าท่านมีอยู่หลายประเภท แม้แต่พระอรหันต์เหมือนกัน แต่คุณวิเศษ องค์ความรู้นั้นต่างกันก็มี บางองค์หมดจดจากกิเลศแล้ว แต่มีคุณวิเศษในเรื่องความเป็นทิพย์เพียงเล็กน้อย ไม่เห็นผี เทวดา แต่พอละสังขารก็ไปนิพพาน แต่บางองค์เป็นพระอรหันต์หมดจดจากกิเลศ แต่มีคุณวิเศษมาก สามารภแสดงฤทธิ์ได้ทุกอย่างตามแต่ปรารถนา พระพุทธองค์ถึงได้จัดแบ่งสายพระอริยะไว้ด้วยกัน 4 ประเภท ตามจริตวิสัยที่เป็น...(ขอบคุณกระทู้เรื่องเล่าหลวงปู่พิศดู)
สมัยก่อนๆ คนแถววัดบอกว่าองค์หลวงปู่ท่านเป็นพระแปลกๆ วันๆไม่เคยเห็นทำอะไร พระองค์ผอมๆ นุ่งผ้าสบงเก่าๆ ใส่อังสะตัวเดียว เอาแต่เดินรอบวัดทั้งวัน ใครไปหาก็โดนท่านดุ แต่ระยะหลังมา กว่าจะรู้ว่าท่านเป็นพระอรหันต์ผู้ทรงความบริสุทธิ์ และทรงฤทธิ์อภิญญามหาศาล ก็แทบจะสายเกินไป ท่านปิดตัวมานาน ความแตกเอาก็เพราะเกิดอุทกภัยเขาคิชฌกูฏพัง พร้อมท่อนซุงร้อยนับพันถล่มลงมา ผ่านลำธารข้างวัด แต่วัดท่านรอดจากภัยได้อย่างปาฏิหาริย์ ทำให้เป็นข่าวหน้าหนังสือพิมพ์ คนกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดก็พากันมาทำบุญ และยิ่งมีครูบาอาจารย์หลายท่านรับรองถึงคุณธรรมอันสูงสุดด้วยแล้ว กว่าคนจันทจะหันมาทำบุญกับท่านก็แทบจะสายเกินไป.. ตอนนี้สังขารธรรมท่านดับสิ้นลง แต่คุณธรรมยังคงอยู่เช่นเดิม ประกอบกับวัตถุมงคลที่ท่านตั้งใจอธิษฐานทิ้งไว้ให้ลูกศิษย์อย่างพิเศษสุดๆ ทำให้ผู้ใช้เกิดประสบการณ์กันมากมาย จนผู้คนต่างเสาะแสวงหากันอย่างกว้างขวางในขณะนี้.. ใครพบใครเห็นของท่านหลงที่ไหนถึงจะมีราคาสูง (แต่ถ้าพอมีกำลัง) หากเรายังไม่มีของท่าน ก็หาเก็บไว้บูชากันบ้างนะครับ ลองใช้ดูแล้วท่านจะรู้เอง....(ขอบคุณกระทู้เรื่องเล่าหลวงปู่พิศดู)

ได้มีผู้ทราบเหตุการณ์ในเรื่องประสบการณ์วัตถุมงคลขององค์หลวงปู่พิศดู และมีผู้นิยมแสวงหากันอย่างกว้างขวางแล้ว จึงพากันมาถามหาวัตถุมงคลขององค์หลวงปู่ที่วัดเทพธารทอง แต่ทางวัดก็ไม่มีให้แต่อย่างใด จึงขอประกาศไว้ ณ ที่นี้ว่า ที่วัดเทพธารทองไม่มีวัตถุมงคลขององค์หลวงปู่ให้เช่า อย่าพยายามไปหาเลยนะครับ ใครมีก็เก็บกันอย่างเดียว นี่แหละครับ อย่างที่องค์หลวงปู่ท่านเคยบอกไว้ และได้ยินกันชัดเจนว่า.. " ของเราไม่ต้องไปโฆษณาให้ใครรู้ ถึงเวลาดังเดี๋ยวดังเอง.."
(ขอบคุณกระทู้เรื่องเล่าหลวงปู่พิศดู)

https://www.facebook.com/permalink....LG4Krh8vhnAzY8kUqVW3urK1Rl&id=100006828408052

 

#บารมีท่านพ่ออุปคุต..
ก่อนที่ทางวัดเทพธารทองจะสร้างวัตถุมงคลในรูปของพระอุปคุต หลวงปู่ได้เคยกล่าวไว้ว่า " อีกหน่อยบารมีท่านพ่ออุปคุตจะแผ่มาปกปักรักษาที่เมืองจันท์.."
ซึ่งในขณะนั้นช่วงประมาณปี 2547 ยังไม่ค่อยมีใครรู้จักพระอุปคุตและหลวงปู่พิศดูเลย ต่อมาเมื่อปลายปี 2548 ทางวัดได้สร้างผ้ายันต์พระอุปคุตรุ่นแรก และแจกจ่ายให้กับผู้ที่มากราบนมัสการหลวงปู่ โดยท่านจะแจกผ้ายันต์พร้อมหนังสือบทสวดบูชาพระอุปคุตควบคู่กันไปด้วย ผ้ายันต์ชุดนี้หลวงปู่บอกว่า
" ผ้ายันต์รุ่นนี้ ท่านพ่ออุปคุตท่านมาเสกของท่านเอง.."
ตั้งแต่แจกผ้ายันต์ออกไปได้ก่อเกิดประสบการณ์ให้ประจักษ์แล้วมากมาย ชื่อของพระอุปคุตจึงเป็นที่รู้จักของชาวจันทบุรีและลูกศิษย์ลูกหาของหลวงปู่มากขึ้นเป็นวงกว้างตั้งแต่นั้นมา
อย่างเช่นประสบการณ์นี้ มีลูกศิษย์คนหนึ่ง(ขอสงวนนาม) อยู่ในฐานะผู้ล้มละลายมาเกือบ 2 ปี หลวงปู่ได้ให้คนมาตามบอกว่าให้ไปรับผ้ายันต์พระอุปคุต เมื่อเขาไปถึงวัด หลวงปู่ได้ให้ผ้ายันต์พระอุปคุตไป 2 ผืน แล้วท่านได้บอกว่า..
" เอาไปบูชาให้ดี แล้วจะรวยเป็นเศรษฐี.."
ลูกศิษย์ท่านนี้ได้บูชาผ้ายันต์พระอุปคุตของหลวงปู่ด้วยใจที่ศรัทธายิ่ง หลังจากนั้นไม่ถึง 1 ปีลูกศิษย์คนนี้กลับฟื้นฐานะ และเป็นผู้ส่งออกผลไม้รายใหญ่รายหนึ่งของเมืองจันท์ตราบจนทุกวันนี้
ต่อมาไม่นานเจ้าอาวาสวัดแตงเมในสมัยนั้น มีโครงการจะสร้างศาลา ก็ได้มาปรึกษา ลูกศิษย์หลวงปู่ท่านนี้จึงมอบผ้ายันต์พระอุปคุตไปผืนหนึ่งพร้อมวิธีบูชา เมื่อเจ้าอาวาสวัดแตงเมได้ไปบูชาแล้ว ก็ปรากฏว่ามีคนมาทำบุญกับทางวัดแตงเมอย่างล้นหลามเกินความคาดหมาย จึงได้บังเกิดความศรัทธาในพระอุปคุตอย่างแรงกล้า จึงได้หล่อรูปพระอุปคุตเนื้อทองเหลืองใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออกประดิษฐานไว้ที่วัดแตงเม ในปี 2550 นั่นเอง ด้วยอาศัยบารมีของหลวงปู่พิศดูเป็นผู้อุปถัมภ์ และในปีนั้นทางวัดแตงเมยังได้สร้างวัตถุมงคลรูปพระอุปคุตเพื่อเป็นที่ระลึก หลวงปู่ท่านยังได้เมตตาอธิษฐานจิตวัตถุมงคลชุดนั้นให้กับทางวัดแตงเมอีกด้วย..
" บารมีท่านพ่ออุปคุต ได้แผ่มาปกปักรักษาสถิตที่เมืองจันท์..." อย่างที่หลวงปู่กล่าวไว้จริงๆ ด้วยเหตุดังนี้พระอุปคุตจึงเปรียบเสมือนสัญลักษณ์ของวัดเทพธารทอง โดยมีองค์หลวงปู่พิศดู เป็นผู้ริเริ่มปลูกจิตศรัทธา..
สิรภพ สายพานิช