มาบอกวิธีการดึงพลังจิตใต้สำนึกมาใช้อย่างง่ายและได้ผล

ตอนที่ผมยังเรียนมหาลัยปีหนึ่ง
ผมได้ไปฝึกอบรมการสั่งจิตใต้สำนึก
กับหลักสูตรของ อาจารย์สรพล
ผู้เชี่ยวชาญการสะกดจิตอันดับแถวหน้าของเมืองไทย
อาจารย์สอนที่ธรรมศาสตร์ และจัดอบรมที่
โรงแรมเอเชีย แถวมาบุญครอง

การฝึกอบรมนี้มัให้เลือกหลายคอร์ส ตั้งแต่เบื้องต้น จนถึงชั้นสูง
ผมสมัคอร์สเริ่มต้น ราคา 2000 กว่าบาท ระยะเวลา 2 วัน
มีผู้ร่วมอบรมประมาณ 30 คน

อ. ได้บรรยายเชิงทฤษฏี เรื่องจิต
ประกอบด้วย จิตสำนึก คือจิตที่สำนึกรู้ จำได้ รุ้สึกนึกคิดได้
กับจิตใต้สำนึกที่มีพลังกว่าจิตสำนึก แต่มันคิดเองไม่ได้
มันเพียงทำตามคำสั่งจิตสำนึกเท่านั้น และมีพลังมากถึง
ประมาณ85 เปอร์เซ้นตของจิตสำนึก

ตอนเริ่มฝึก อ. และคณะวิทยากร จะสาธิตการใช้กระดาษมา
ตัดตะเกียบ
เชื่อว่าหลายท่านก็เคยได้ยินเรื่องนี้มาแล้ว

ผมเห็นคณะวิทยากรท่านหนึ่ง เอาตะเกียบมารวมกันเป็นกำหนาๆ
สัก20 อันได้มาจับไว้ 2 มือ แล้วให้วิทยากรอีกท่านหนึ่งเอา
เอาแบ้งค์ 20 มา 1 ใบ แล้วถือตรงปลายแบงค์จากนั้นก็
ตัดลงไปตรงกลางตะเกียบที่อีกคนถือ
ปรากฎตะเกียบทั้งกำขาดกลางเป็น 2 ท่อนเลย

ทุกคนฮือฮากันใหญ่ว่าทำได้ไง

อ. สรพลบอกว่า ตะเกียบถูกตัดขาด ไม่ใช่เพราะแบงค์ 20
แต่มันชาดก่อนที่แบงค์จะสัมผัสถึงตะเกียบด้วยซ้ำ
มันขาดเพราะพลังจิตใต้สำนึก

จากนั้นอ. ก็ให้ทุกคนมาฝึกตัดตะเกียบกันโดยมีหลักการดังนี้
1 ให้บอกกับตัวเองว่าเราทำได้
เราตัดตะเกียบได้เพื่อสร้างความเชื่อมั่น เพราะเราเชื่อสิ่งใดเราจะ
ทำสิ่งนั้นได้

2 ให้จินตนาการว่า ตะเกียบเหมือนถั่วฝักยาว และกระดาษบางๆ
ที่จะมาตัดตะเกียบ ให้จินตนาการเหมือนมีดอีโต้ และคิดว่าเรา
กำลังเอาอีโต้มาหั่นถั่วฝักยาว

3 ขณะที่จะตัดตะเกียบ
ให้จินตนการว่าถั่วฝักยาวนั้นถูกตัดให้ขาดไปแล้ว
จากนั้นก็ตัดลงไป และตะเกียบก็จะขาด

เมื่อทุกคนทำตามวิธีนี้ ปรากฏผู้เข้าอบรมสามารถตัดจะ
เกียบได้หมดเลย
แค่ตัดไปเบาๆ เท่านั้น ตะเกียบก็ขาด
และฝึกใฃ้ตะเกียบหลายๆอันมากำให้แน่น
ก็ตัดขาดอย่างง่ายดาย

อ. ก็บอกว่าการตัดตะเกียบนี้เป็นตัวอย่างของการดึงพลัง
จิตใต้สำนึกมาใช้ได้ในทุกๆเรื่อง

อยากจะรวย อยากเก่ง อยากหายจากโรค อยากมีความจำแม่น
หรือทุกเรื่องสามารถใช้พลังจิตใต้สำนึก

คือให้
1 มีความเชื่อมั่น โดยบอกกับตัวเองว่าเราทำได้
2 สร้างจินตนากรในสิ่งที่เราอยากได้ อยากทำว่าเป็นสิ่งที่เราทำได้ง่ายๆ
3 ให้จินตนากรว่าสิ่งนั้นสำเร็จเรียบร้อยแล้ว ต้องให้เห็นภาพด้วยนะ

และเทคนิคทั้ง 3 ข้อนี้ก็ คือหลักการเดียวกับหนังสือ The Secret และ THe Key นั่นเอง

ลองไปใช้ดูนะครับ และท่านจะไม่ต้องไปเสียเงินเข้าคอร์สอบรมแบบนี้อีก
จะได้ประหยัดเงินไปได้ เพราะทุกคอร์สของจิตใต้สำนึกใช้หลักการนี้ทั้งนั้น

แต่คอร์สชั้นสูงผมไม่เคยเรียน
เห็นว่าสามารถนั่งสั่งให้ควันธูปลอยออกมาได้เลย

 

อยากไปเรียนมั่งจัง......

ติดต่อได้ที่ไหนครับ....

 

น่าสนใจมากค่ะ ขอบคุณมาก ลองทำดูดีก่า อิอิ

 

*************************
พออ่านบทความของคุณจบ ทำให้นึกถึงการฝึกมโนมยิทธิ ของหลวงพ่อพระราชพรหมยาน ซึ่งท่านบอกว่าการฝึกแบบนี้จะสามารถทำให้ถึงพระนิพพานได้ เมื่อนำมาเปรียบเทียบวิธีการสอนของหลวงพ่อเข้ากับหลัการทั้ง 3 ข้อของอ.สรพล ทำให้เห็นความจริงดังนี้

ข้อ 1 มีความเชื่อมั่น... ซึ่งหลวงพ่อท่านก็สร้างความมั่นใจให้ผู้ฝึกทุกคนรู้ว่าทุกคนสามารถทำได้ แต่ต้องมีความเพียรประกอบด้วย

ข้อ 2 สร้างจินตนาการในสิ่งที่เราอยากได้... เราอยากได้พระนิพพาน หลวงพ่อท่านสอนให้ผู้ฝึกมีความรู้สึกให้เห็นพระพุทธรูปที่ชอบให้ชัดเจนก่อน และขอบารมีพระพุทธเจ้านำเราไปยังพระนิพพาน

ข้อ 3 ให้จินตนาการว่าสิ่งนั้นสำเร็จเรียบร้อยแล้ว ต้องให้เห็นภาพด้วย วิธีมโนมยิทธิฝึกให้เราเห็นพระพุทธเจ้า ซึ่งพระพุทธเจ้าอยู่บนพระนิพพาน เมื่อเราเห็นพระพุทธเจ้าได้ ก็เท่ากับเราอยู่บนพระนิพพานได้ด้วยเช่นกัน

เพราะฉะนั้นเมื่อพิจารณาหลักการทั้ง 3 ข้อนี้แล้ว เราควรจะมีความเชื่อมั่นการฝึกแบบมโนมยิทธิว่าได้ผล 100 % เช่นกัน (good)

มีคนจำนวนมากที่กล่าวดูหมิ่นวิธีการสอนแบบนี้ว่า เป็นคัมภีร์หรือความรู้เก่า ๆ โบราณ ปัจจุบันนี้มีทฤษฎีพลังงานจักรวาลที่ทันสมัยและกำลังฮือฮากันอยู่ พวกเขาทั้งหลายบอกว่าทฤษฎีพลังงานจักรวาลนี่ต่างหากคือความรู้ใหม่ ซึ่งเขาอ้างว่านำมาต่อยอดความรู้เก่าให้กับมนุษยชาติ

ตัวเองอ่านทฤษฎีใหม่นี้แล้ว ก็ชอบมาก ขอบอก เพราะอ่านแล้วเข้าใจง่าย เป็นการอธิบายแนววิทยาศาสตร์ ขณะเดี๋ยวกันก็ไม่ปรารถนาให้คนจำนวนมากที่ชอบทฤษฎีใหม่นี้มีความรู้สึกดูหมิ่น ดูแคลน ความรู้เก่า ๆ การฝึกปฏิบัติธรรมแบบเก่า ๆ ที่สุภาษิตไทยกล่าวไว้ว่า "รางเนื้อ ชอบรางยา" เราทุกคนควรจะนำมาพิจารณาด้วย เนื่องจากอุปนิสัยในการปฎิบัติธรรมของแต่ละคน ชอบไม่เหมือนกัน แต่ในท้ายที่สุดแล้วจุดมุ่งหมายหรือเป้าหมายเหมือนกันทุกคน นั่นคือ "การถึงที่สุดแห่งทุกข์นั่นเอง" (deejai)

 

เรียนคุณ R numotana
ทฤษฏีพลังจักรวาลนี่จะคล้ายกับ ทฤษฏีจิตจักรวาล
ของ อ. ปริญญา ตันสกุลหรือเปล่า

ว่าด้วยทุกเรื่องของชีวิต จิตวิญญาณ พระเจ้า อะตอม เอกภพ

อ. ปริญญา เคยบอกว่า พลังจิตใต้สำนึกเป็นพลังที่มีอานุภาพมาก
และบอกว่า ไม่มีพลังอะไรจะยิ่งใหญ่เท่าพลังจิตใต้สำนึก ที่ภาษาจักรวาล
เรียกพลังนี้ว่า Merkabah เพราะพลังจิตใต้สำนึกเป็นพลังที่มาจาก
แดนสุญญตา เป้นพลังที่ห่อหุ้มจิตวิญญาณเอาไว้

มีหน้าที่บันทึกผลกรรม เป็นพาหนะของจิตวิญญาณที่ไปไหนมาไหน
ด้วความเร็วที่เปลี่ยนค่าเป็นสองเท่าทุกวินาที

การดึงพลังจิตใต้สำนึกมาใช้ได้เท่ากับการได้แก้วสารพัดนึกเลย

และในหนังสือ The Secret ที่ดังเป็นพลุแตกเพราะเขาค้นพบ
กฏ 3 ข้อนี้ นั่นเอง

 

ตอบคุณรักไร้พ่าย

เม่นแล้ว ที่กล่าวว่าทฤษฎีพลังจักรวาล ก็หมายถึง ทฤษฎีจิตจักรวาลของอ.ปริญญา ตันสกุล แต่ขณะที่พิมพ์จำชื่อที่ถูกต้องไม่ได้ ขออภัยเด้อ

 

<TABLE id=HB_Mail_Container height="100%" cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0 UNSELECTABLE="on"><TBODY><TR height="100%" UNSELECTABLE="on" width="100%"><TD id=HB_Focus_Element vAlign=top width="100%" background="" height=250 UNSELECTABLE="off">จะลองมั่งค่ะ
</TD></TR><TR UNSELECTABLE="on" hb_tag="1"><TD style="FONT-SIZE: 1pt" height=1 UNSELECTABLE="on">
</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

เป็นเคล็ดที่ดีครับ แต่ผมจะลองทำดูนะครับ แต่คิดว่ามันคงขาดยากนะ

วิธีสร้างพลังจิตใต้สำนึกมาใช้นั้น ใช้ได้จริงผมทำมาเยอะเหมือนกัน ตอนเล่นกีฬา

มันจะใช้บ่อย ถ้าเล่นบาส ผมจะกระตุ้นจิตว่าเราชู๊ตเข้าได้แน่เราชู๊ดเข้าไปแล้ว แต่จริงๆผมกำลังชู๊ด ก็ได้ผล 50-50 แทงสนุ๊กก็เหมือนกัน ผมแทงครั้งแรกเพื่อนผมมันชมผมเลยว่า เอ้ยมึงอ่านเหลี่ยมเป็นหวะ ทั้งที่ผมไม่ตั้งใจและมีวิชานี้หรอก แต่จินตนาการเอาทั้งนั้น แค่มองลูก ขาว ไปชนแดง แล้วมุ่งสายตาไปที่หลุม มันก็เข้าจริงๆด้วย แค่จิตนาการร่วงหน้าและเพ่งภาวนา

บุลคลที่ใช้พลังจิตมากโดยไม่รุ้ตัวผมคิดว่าเป็นพวกนักกีฬานิแหละครับ สังเกตุพวกนักยิมนาสติ๊ก เขาจะยืนทำสมาธิก่อนเล้นเสมอ และเวลาที่เล่นบางทีเขาก็พลาดแบบเบลอๆ นั้นแหละเขากำลังใช้จินตนาการล่วงหน้าอยู่พอดียานมันยังไม่หลุดดี

ผมมองว่าพลังจิตจะใช้ได้ดีในเหตุการณ์เฉพาะหน้า และขับขันนะ จำเป็นกับชีวิตประจำวัน

คุณเคยเห็นคนที่ฆ่าตัวตายเพราะเชื่อในพลังแห่งวิญญาณไหม นั้นแหละเขาอาศัยแรงปราณนาก่อนตายแล้วก็ฆ่าเลย ผลออกมาส่วนใหญ่จะเป็นผีได้จริง บางทีก็จบเห่ตายฟรี มีหนังสือชีวิตหลังความตายเยอะนะ แต่ไม่ซื้ออ่านเลย

อย่างแม่ย่านาคก็ตายแต่มีแรงปราณนา จึงอำนายมากได้ และก็เฮี้ยนขนาดนั้น เดือดร้อนไปถึงหลววงพ่อโต

พระพุทธเจ้าจึงบอกว่าก่อนตายต้องดับขันธ์ให้ได้

 

ว้าว เจ๋งเลย อยากลองทำมั่งจัง

 

อนุโมทนาค่ะ ขอบคุณในน้ำใจที่แบ่งปันประสบการณ์ดี ๆ มาให้อ่าน

เคยได้ยินว่าศักยภาพในตัวมนุษย์มีมากมายแต่เราใช้เพียงแค่ สิบเปอร์เซ็นต์
หากนำเรื่องของจิตใต้สำนึกมาใช้ มนุษย์จะสามารถสร้างสรรค์และพัฒนาตนเองและสังคมได้อย่างมากมายทีเดียวค่ะ

 

ทดลองแล้วอะครับ แต่ยังไม่ได้ผลครับ มีเทคนิคอะไรอีกบ้างหรือเปล่าครับ
คือยังไม่มีความเชื่อมั่นว่าตัวเองจะตัดได้อยู่ในใจอยู่อะครับ ทำไงดีครับ

 

โอ้โห.. กระดาษ ยับเลยค่ะ

 

อืม อนุโมทนาครับ
คล้ายกับการทำกสิณเลยนะครับ พลังจิตที่มั่นคง นึกว่าน้ำเป็นแผ่นดินก็เดินบนน้ำได้ ทำบ่อยๆจนพลังจิตมั่นคงแม่นยำน่าจะดีนะครับ จะได้เหาะได้

 

ใช้นิ้วชี้ช่วยหรือเปล่า?

ความแข็งแรงของนิ้วจะมีมากกว่ากระดาษมากมายครับ

 

อ้อ..ไม่รู้ใช่ป่าว
พูดถึงบาส ผมไม่ได้เล่นบาส
เเต่บางทีโยนของอะไรไม่น่าจะลงได้
เเต่ตอนโยนไปเเล้ว จิตมันคิดว่าลง
มันเหมือนมันหันหน้าลงไปตรงนั้นได้เอง

 

อนุโมทนาครับ จะใช้ได้ต้องสั่งสมมาแต่ปางด้วยหรือเปล่าครับเนี้ย

 

ประเด็นก็คือ ต่อให้ใช้นิ้ว เจ้าตัวอาจจะไม่รู้ว่าใช้นิ้ว

วะฮะฮ่าๆๆๆๆ!!!

 

เปลี่ยนจากเอาจิตตัดตะเกียบ มาตัดกิเลสน่าจะเกิดประโยชน์กว่านะ

เจริญพร

 

ทำได้แล้วครับ หลังจากพยายามอยู่หลายที ขาดแล้วครับ แบงค์นะครับที่ขาดส่วนตะเกียบเอาไปกินก๋วยเตี๋ยวเหมือนเดิมครับ และตอนนี้ผมกะลังปะแบงค์ร้อยอยู่ ส่งพลังจิตจนตาจะเหล่ทำไมไม่เห็นได้เลยครับ

 

น่าสนใจครับ จะลองตัดตะเกียบด้วย ตัดกิเลสด้วย อยากได้อภิญญาด้วย..อิๆ