เรื่องราวมหาภารตยุทธในพระไตรปิฎก...อ่านแล้วต้องอึ้ง

ดิฉันไม่ได้สนใจอ่านที่ คุณขันธ์ เขียนตอบในกระทู้เลยนะคะ

เพราะคุณเขียนแบบผู้ใหญ่มากๆ อ่านไม่เข้าใจเลยคะก็เลยไม่อ่านเลย
ปรกติ ไม่อ่านนวนิยายอยู่แล้ว จะอ่านแค่การ์ตูน กับเรื่องสั้น

เช่น เรื่องรามเกรียติ์ มหาภาระตะ เพชรพระอุมา และ เรื่องสามก๊ก ไม่อ่านเลยนะคะเพราะยาวแต่ สามก๊ก ฉบับการ์ตูนอ่านคะ ( อ่านจบด้วย 100 กว่าเล่มได้ของคนญี่ป่นวาด)

คุณมาว่าดิฉันทำไมคะ ดิฉันไม่ได้อยากคุยอะไรกับคุณ ไม่ได้อ่านกระทู้คุณเลยนะคะเพราะดิฉันอายุคนหล่ะรุ่นกับท่าน คุณอย่ามายัดเหยียด หรือคุยเรื่องนี้กับดิฉันเลยแล้วก็ไม่ควรหยิบยกข้อความที่ดิฉันอธิบายให้เจ้าของกระทู้มา ตำหนิดิฉันด้วย

เพราะดิฉันพูดในฐานะคนรักหนังอินเดียที่ดูมาเยอะมากๆเท่าน้านเอง

ก็แค่คนชอบดูหนังอินเดียก็เท่าน้านเอง
เพราะรู้สึกว่าหนังอินเดียรุ่นใหม่สนุก นักแสดงก็เก่ง หล่อ สวยกันทั้งน้าน

ทั้งร้องทั้งเต้น ดิฉันตั้งใจจะสื่อให้คนอ่านกระทู้นี้เข้าใจแบบนี้นะคะ

((( มันไมได้เกื่ยวอะไรกับข้อความที่ลุงเขียนเลยนะคะ)))

คุณต่างหากเข้าใจอะไรผิดเปล่าดิฉันก็พูดอยู่
ชัดเจนว่า เคยดูVCDมา27แผ่น แล้วจะมาหาว่าดิฉันโง่ได้ไง
ในเมื่อดิฉันไม่เคยพูดสักคำว่าเคยอ่าน
นวนิยายเรื่องยาว อภิมหาโคตรจะยาวเรื่อง มหาสงครามยุทธภารตะเลย

ดิฉันได้อ่าน ต้นฉบับโครงเรื่องจากในอินเตอร์เนท แล้วรู้สึกว่า มันส์ดี
เลยไปหาซื้อมาดู ไม่ได้ทำอะไรผิดสักนิดทำไมต้องมาพูดจาว่าร้ายดิฉันด้วย

ดิฉันแค่จุดประสงค์ดี ตอบกระทู้น้อง LNS@BDZ<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1277670", true); </SCRIPT> ที่เข้าใจเทราปตีผิดๆ เท่านั้นเองเพราะ ดูนางในเรื่องแล้ว นางไม่ได้ทำอะไรผิด เป็นผู้หญิงที่มีความดีหลายอย่าง ซึ่งไม่น่าทำให้เรื่องมีการบิดเบือนไปจากต้นฉบับที่ผู้สร้างหนังอินเดียถ่ายทอดออกมา ยาวถึง 27 แผ่น

 

มหาภารตะ - วิกิพีเดีย

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD class=j>มหาภารตะ (อักษรเทวนาครี: महाभारत) บางครั้งเรียกสั้นๆ ว่า ภารตะ นับเป็นหนึ่งสองของมหากาพย์ที่ยิ่งใหญ่ของอินเดีย (มหากาพย์อีกเรื่องคือ รามายณะ) ...
th.wikipedia.org/wiki/มหาภารตะ - 171k - <NOBR>หน้าที่ถูกเก็บไว้ - หน้าที่คล้ายกัน</NOBR>
</TD></TR></TBODY></TABLE>
ศึกมหาภารตะ - วิกิพีเดีย

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD class="j hc">"ศึกมหาภารตะ" เป็นผลงานการ์ตูนที่สร้างขึ้นจากมหากาพย์ของอินเดียเรื่องมหาภารตะ ผลงานของเฟนสตูดิโอ (อารีเฟน ฮะซานี) จัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์บรรลือสาส์น ...
th.wikipedia.org/wiki/ศึกมหาภารตะ - 37k - <NOBR>หน้าที่ถูกเก็บไว้ - หน้าที่คล้ายกัน</NOBR>
ผลการค้นหาเพิ่มเติมจาก th.wikipedia.org &raquo;
</TD></TR></TBODY></TABLE>
Bloggang.com : ลุดวิก : มหาภารตะ ภาคสาม "มหาสงคราม"

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD class=j>มหาภารตะ ภาคสาม "มหาสงคราม". มหาภารตะ ภาคสาม

 

ผู้ชายแขกใครว่าจะอ้วน ดำ ขี้เลห์ คนที่หล่อก็มี แถมหล่อมากๆด้วย
ผู้หญิงก็สวยมาก หุ่นก็ดี๊ดี ยิ่งคนที่เล่นเป็น เทราปตี สวยมากมาย
ที่หล่อสุดก็คนที่เล่นเป็น อรชุน กับ พระกฤษณะ แหล่ะหล่อมาก

 

เดี๋ยวจะลองซื้อมาอ่านบ้าง ชอบวิถีชีวิตที่แฝงอยู่ในตัวอักษรครับ กระตุ้นจินตนาการดี แนวตะวันตกก็สื่อมาอย่างหนึ่ง ญี่ปุ่น จีน ก็อย่างหนึ่ง

ของอินเดียนี่ยังไม่ค่อยได้อ่านเลย ต้องลอง

ปล. สามก๊ก กับ ดูน ยังอ่านค้างอยู่เลย อิอิ ^-^

 

ก็นั่นไง จะอ่านหรือไม่อ่านของผม ผมก็ไม่สนใจ แต่ผมก็บอกไงว่า มันคือละครที่คุณอ่าน แล้วคุณจะมา ยกพระไตรปิฎกมาเทียบกันทำไม ว่านางคนนั้น ไม่น่าจะเป็นอย่างนั้น มันเหมือนกับ ดูเรื่องสวรรค์เบี่ยงแล้ว เป็นจริงเป็นจัง ก็บอกให้เข้าใจ แล้วก็พิจารณา ไม่ใช่ฟูมฟาย เพ้อเจ้อ

 

อรมณีจันทร์<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1282121", true); </SCRIPT>
ขอบคุณที่ส่ง PM มาแจ้งความในใจให้รับรู้ ขอแสดงความเห็นดังบทกลอน

สิ่งที่แจ้ง แถลงไข ในตรึงจิต
โปรดจงคิด ใคร่ครวญ ด้วยเหตุผล
ว่านั้นหนา คนใจบาป คราบนักบุญ
ระลึกคุณ แผ่เมตตา สัตว์โลกเอย

จงเบือนหนี ห่างไกล ใจคนพาล
สิ่งเล่าขาน ชอบยกตน เป็นครูบารย์
เที่ยวหมายข่ม ด้วยเหตุตน เพื่อนำพา
น่าระอา ใจอดสู คนหนอคน

 

ผมคิดว่าหากใครอยากเป็นครู เป็นความปรารถนาที่ไม่เลวนะครับ
การปรารถนาเป็นครูสามภพ ก็คือ พระพุทธเจ้า โปรดไปหมดเลย
แต่ถ้าเขาปวารนาตัว รู้ประมาณตน ไม่ได้คิดจะโปรดสามภพ เอา
แค่บริวารเก่าในอดีตชาติที่นับถือตน เรียกว่า เขาก็มีบารมีเก่าบ้าง
เขาเอาเท่านั้น ทำเท่านั้น


ก็ไม่เลวเลย ดีมาก ขาดเพียงต้อง Focus ให้ตรงจุดครับ
ตรงจุดไหน? จุดที่มีบริวารเก่าของเราอยู่ไง นอกนั้นเรา
ไม่โฟกัส เพราะจะทำให้เกิดการปรามาสบาดหมางแตกแยก


โฟกัสให้ตรงจุดครับ (เพิ่งได้ไอเดียมาจากโฆษณายาทารักแร้ครับ)

 

ตอนแรกกะว่าจะหยุดไม่ตอบโต้ แต่เห็นลุงไปเถียงกับ สมาชิกหลายคนในเวบ

เลยอยากจะ พูดเป็นครั้งสุดท้ายแล้วจะเลิกสนใจจะโต้เถียงด้วย

เพราะไม่อยากเสียเวลาที่พูดให้คนมุมมองคับแคบยอมรับความจริง


ที่ลุงออกมาแพร่มน้ำลาย มันเหมือนคนชอบคิดไปเอง+พูดเพ้อเจ้อมากๆด้วย

แค่กล้าคิดแทนคนอื่นได้ก็แสดงว่า ลุงขันธ์ก็น่าจะอีโก้สูงมากๆ แถมชอบพูดจาเพ้อเจ้อพอสมควร

((( มั่นใจในตัวเองหน่ะดีนะคะ แต่ถ้ามันไปก้าวก่ายคนอื่นมันไม่ดี)))

เอาแค่แยกเจตนาในการเขียนสื่อแนวคิดดิฉันยัง ไม่ตรงตามความเป็นจริงเลย

แล้วทำไม มากล้าวิจารณ์ปรักปรำคนอื่นคะ???

ดิฉันไม่เคยคิดแทนใครนะคะแล้วดิฉันก็มีความคิดมากพอด้วย

ดิฉันแยกออกนะคะว่าพูดอะไรอยู่ แล้วดิฉันยกเหตุผลอ้างอิงประกอบด้วยใครจะเชื่อไม่เชื่อดิฉันก็ไมได้ว่าอะไร

เพราะ หนังเรื่องมหาภารตะดิฉันได้ดูแล้วจริงๆ แล้ว นางเทราปตี ในเรื่องที่ดิฉันได้ดูมา 27 แผ่นเป็นผู้หญิงที่ดีมากๆ

ดิฉันพูดเหรอว่าเทราปตีมีตัวจริง เธอต้องเชื่อฉันนะ เพราะฉันเชื่อแบบนั้น
เธอต้องเชื่อตาม ถ้าเธอไม่เชื่อที่ฉันพูดมันแปลว่าเธอโง่ และเพ้อเจ้อ

เทราปตีในเรื่องไม่ได้เต็มใจอยากจะมีสามี 5 คนแต่เพราะ สถานการณ์มันพาไป

มันไม่ใช่แบบที่หลายคนเข้าใจ ที่อธิบายเพราะอยากจะให้ความรู้กับคนไม่เคยได้ดูVCD

แล้วคุณหล่ะแน่ใจเหรอว่ารู้จริง เก่งประวัติศาสตร์เหรอเอาอะไรมายืนยันว่ามีจริง
หรือ ไม่มีจริง ถ้ามาถามดิฉัน หรือ อ่านที่ดิฉันเคยเขียนดิฉันจะตอบว่าเป็นความเชื่อส่วนบุคคล ไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อนก็โอเคแล้ว แต่จะให้ ยืนยันว่าจริง ไม่จริง ดิฉันไม่กล้า

ที่คุณกล้าพูดว่า มหาภารตะไม่ใช่เรื่องจริง คุณมีหลักฐานอะไรคะ??
ดิฉันไม่รู้นะว่าจริงไม่จริง ดิฉันชอบตรงทีเนื้อหามันสอนคนได้หลายอย่างเป็นเรื่องราวที่คนดูจะได้คำสอนที่ดีในการดำเนินชีวิต

 

สงสัยยายนี่ ถ้าจะบ้าแล้วมั้ง ส่ง pm มามั่วไปหมด
พูดจาอะไรไปเรื่อยเปื่อย
มาถึงอีโก้จัดบ้างอะไรบ้าง นี่ผมพูดบอกว่า คุณกำลังอินกับละครเกินไป และไม่ควรเอาเรื่องราวมาเทียบพระไตรปิฎก คุณตีความไปถึงไหน

กลัวผมจะไม่เข้ามาอ่านข้อความของคุณหรือไง ต้องส่ง PM มาบอก มันอัดอั้นมากใช่ไหม
นี่มันร้อนขนาดนั้น เก็บกดเอาไม่อยู่เลยรึุ

คุณกลับไปดูว่า ผมกำลังกล่าวว่าคุณ หรือเปล่า ย้อนกลับไปดูว่า ตอนที่อ้่างอิงข้อความของคุณนี่ผมบอกว่าอะไร
และ ที่ผมว่า คุณติดปีก นั้นเพราะเขามาด่าผม

ถ้าร้อนมาก ก็ไปอาบน้ำ อย่ามาบ้าแถวนี้ หรือ ถ้าจะบ้าก็บ้าไปคนเดียว ไม่ต้องส่ง PM มา มันไร้สาระ

 

อากาศร้อนนะ กะว่าจะไปอาบน้ำ เข้าห้องน้ำ หยิบขันเก่า ๆ ที่อยู่มานานตั้ง 2 ปีกว่า
อ้าว ขันแตกแล้วนิหว่า อารมณ์เลยเสีย ไปว่าคนโน้นที คนนี้ที อ้าวลืมไป ว่ามีฝักบัว
ก็เลยเอาขันแตกไปไว้ใช้ในห้องส้วมแทน

 

เออเอาเถอะ เอาผมไปไว้ที่ห้องส้วมก็ดี อย่ามาหยิบจับผมยิ่งดี
มือตัวเอง เต็มไปด้วยขี้ ไม่ดู ขันตักน้ำถึงแม้ว่ามันอยู่ในห้องส้วมมันก็คอยชำระล้าง

ไม่เหมือนคนหรอก ขี้เต็มตัว เต็มหัวใจ ไม่ดู ไปสนใจอะไรกับขัน มันจะเอาไว้ตักล้างสิ่งสกปรก มันก็ทำหน้าที่ของมันได้ดี ลองไม่มีขันสิ ขี้เต็มตัวเดินไปไหนก็มีแต่ขี้ ยังจะไม่ดูตัวกันอีก

โธ่ ไอ้มนุษย์ สกปรก

 

แหม ๆ หยอกนิด หยิกหน่อย

 

เข้ามางงครับ แต่จะพยายามเข้าใจ

 

เรื่อง อาณาจักร และ ศาสนจักร ต่างแย่งชิงความเป็นใหญ่ซึ่งกันและกัน มีขึ้นมากมายในอดีต
ถ้าอาณาจักรใหญ่กว่า ก็มักใช้ศาสนจักรเป็นเคร่องมือ
ถ้าศาสนจักรใหญ่กว่า ก็ใช้อาณาจักรเป็นเครื่องมือ
นี่อธิบายทางรัฐศาสตร์และสังคม มานุษยวิทยา
เราผู้ศึกษาวิจัย พึงแยก ค่านิมหรือบัญญัติสมมุติ ออกจากข้อเท็จจริงหรือปรมัทถ์
การพรรณาโวหาร ถ้ามี"กรอบ"จากฐานทฟษฎี ก็น่าฟัง
แต่หากใช้อคติมาพรรณา ก็ไม่น่าเชื่อถือ
คัมภีร์โบราณทั้งหลาย แรกเริ่มก็บันทึกไว้ตามภูผา ตามหิน ต่อมาก็ใช้ไม้ เช่นไม้ไผ่ ใบลานต่างๆ "เป็นภาษา"ของชนเผ่า นั้นๆ
การแปลความหมายและค้นหาความหมายจึง "ยากยิ่ง"
ไม่ต้องดูอื่นไกล ประวัติศาสตร์ชาติไทย ก็มีข้อมูลอ้างอิงหลายสำนัก ไม่ค่อยตรงกัน
แค่ประวัติศาสตร์400กว่าปีที่ผ่านมา ยังหาไม่ค่อยได้ว่า"ข้อเท็จจริง"เป็นอย่างไร
เพราะตอนแต่ละสำนักจัดทำขึ้น มันไปเกี่ยวกับการเมืองด้วย ไทยว่าอย่าง พม่าว่าอย่าง ทั้งๆที่เป็นเรื่องเดียวกัน
ถ้าเข้าใจในความหมายของตัวแปรร่วม ตัวแปรตาม ตัวแปรอิสสระแล้ว นำมาประยุกต์ใช้พิจารณา ก็จะเข้าใจและไม่ต้องมาเถียงกัน

 

แล้วทั้งหมดอย่าง หนังแขกชุดเอย คัมภีร์ต่างๆเอย นี่มันไม่ผิดเพี้ยนจากต้นฉบับเลยรึไงครับ เวลาผ่านมาเป็นพันปีแล้วอ่ะ แล้วพระไตรฯ สมัยก่อนก็ใช้ระบบท่องจำมานี่น่า ไม่ได้เข้าข้างใครนะ แต่อย่าลำพองว่าตัวเองถูกฝ่ายเดียว ศึกษาให้ทั่วถึงก่อนดีกว่า แล้ว ธรรมะข้อ กาลามสูตร มีไว้เพื่ออะไรล่ะท่านเทพทั้งหลาย ทะเลาะกันไปก็เท่านั้น ยิ่งโมโหก็ยิ่งมาพิมพ์โต้กัน ไหนว่าศึกษาธรรมมา อดกลั้นไม่ได้เลยรึไง ปล่อยวางกันไม่เป็นเลยใช่มั้ย ไม่เทพจริงนี่หว่า...

 

หรือ แล้วหลักธรรม มันดิ้นได้แปลเปลี่ยนได้หรือ
ข้อใดที่เป็นธรรม มันก็ตรง มันก็เป็นอกาลิโก
คุณก็ไป ศึกษาทำตัวเองให้มันดีเสียก่อน แล้ว ก็ไปพิสูจน์พระไตรปิฎกว่า เป็นอกาลิโกไหม

สำหรับ หลักธรรมอื่นๆ คัมภีร์อื่นๆ ไม่เป็นอกาลิโก ก็ย่อมสลายไปตามกาลเวลา
ผิดเพี้ยนแปรเปลี่ยนไป

 

อีโก้แรงจังฮะคุณขันธ์

จริงๆลองศึกษามหาภารตะให้จบก่อนดีกว่าไม๊ฮะเพราะตอนจบเหล่าพี่น้องปาณฑพก็ตกนรกชดใช้กรรมนะฮะ
ฝ่ายเการพที่เสียชีวิตในสงครามซะอีกที่ได้อยู่บนสวรรค์ ในตัวผมมองงว่าวรรณกรรมเรื่องนี้อธิบายถึง"หลักธรรม"ได้ชัดเจนมากเลยทีเดียวนะฮะเพราะ

ธรรมะซึ่งแต่ละผู้คนต่างก็ยึดถือกันนั้นอาจไม่ใช่สิ่งเดียวกันแต่การยึดถือซึ่งธรรมะในแบบของตนนั้นก็ไม่ผิดถ้าหากไม่ได้ไปเบียดเบียนผูอื่้ื่นนี่ฮะ

ธรรมะของนักรบก็อีกอย่างธรรมะของบุตรก็อีกอย่าง(อย่างตอนที่เหล่าพี่น้องยึดถือตามคำสอนสั่งของมารดาที่ให้แบ่งปันกันนั้นไง)
หรือแม้แต่ธรรมของกษัตริย์ที่เหล่าพี่น้องยกมาอ้างเพื่อให้ยุธิษฐิระขึ้นครองราชตามหลักธรรมของวรรณะก็อีกอย่างเพียงแต่เชื่อถือและยึดมั่นให้แน่วแน่ที่สุดก็น่าจะพอแล้ว

ดังนั้นการจะยึดถือธรรมของเราไปตัดสินใครคนอื่นมันจึงดูไม่ถูกต้องซักเท่าไรนะฮะ

บางคนไม่กินหมู อาจถือว่าเนื้อหมูเป็นบาป
บางคนกินเจ ก็มองว่าเนื้อสัตว์เป็นบาป
แล้วจะเอาคนไม่กินหมูมาตัดสินคนกินก็ดูน่าลำเอียงเกินไป
แล้วที่จริงอะไรคือสิ่งที่ถูกต้องกันแน่ก็คงต้องผลกันต่อไปนะฮะ

ในส่วนตัวผม ผมมองว่าการยึดถือเชื่อมั่นในธรรมะในแบบของยุธิษฐิระ(พี่ชายองค์โตของปาณฑพ)ก็ดูดีนะฮะถึงจะดูว่าเป็นต้นเหตุส่วนนึงของมหาสงครามที่เกิดขึ้นก็ตามแต่

อกาลิโกนั้นสมควรยึดถือไว้ครับไม่ผิดเลยแต่เราซะอีกมีอำนาจอะไรไปตัดสินชี้ขาดว่าอะไรถูกผิดตัวเรามีชีวิตอย่างมากก็100ปี+-นิดหน่อย
แต่หลักธรรมคำสอนต่างๆกลับมาชีวิตมายาวนานกว่านั้นตั้งมากมาย
ยึดถือในหลักธรรมของเราและเปิดใจที่จะรับฟังธรรมะของคนอื่นบ้างก็คงไม่ผิดหรือเสียหายเท่าไรหรอกฮะ
และจริงๆแล้วแค่กลามสูตรข้อที่ว่า"จงอย่าเชื่อเพราะเห็นว่าได้รับการสืบทอดกันมา"อันนี้ก็น่าจะเห็นชัดอยู่แล้วนะฮะ พยายามปฏิบัติเองให้ถ่องแท้ดูเองจะดีมากเลยเพราะพุทธธรรมมุ่งสอนใช้ประพฤติมากกว่าแค่เชื่อถือนะฮะ การเชื่อถือแต่ไม่นำไปประพฤติปฏิบัติมันจะต่างไรกับคนไม่เชื่อล่ะฮะ รึว่าไม่จริง?

 

แล้วทำไม เด็กเพิ่งเกิดอย่างคุณ ไม่ศึกษาให้ดีก่อนจะมาว่า คนที่เกิดมานานกว่าคุณหละ ผมจะให้ดูประวัติผมก่อน

วันที่สมัคร: Oct 2006
สถานที่: หาไม่เจอว่าอยู่ตรงไหน
ข้อความ: 2,367
Groans: 278
Groaned at 220 Times in 151 Posts
ได้ให้อนุโมทนา: 1,087
ได้รับอนุโมทนา 7,154 ครั้ง ใน 1,960 โพส
พลังการให้คะแนน: 528

ส่วนคุณหละ
วันที่สมัคร: Jun 2008
ข้อความ: 1
Groans: 0
Groaned at 0 Times in 0 Posts
ได้ให้อนุโมทนา: 0
ได้รับอนุโมทนา 0 ครั้ง ใน 0 โพส
พลังการให้คะแนน: 0

โธ่ นี่เพิ่งเกิด จะเอาอะไรมาค้านผม ไปอ่านให้ดีก่อนว่าผมพูดอะไร อย่าคิดอะไรขึ้นมาแล้วพูด มันต้องพิจารณาก่อนว่า ที่เราคิดนี่ มีทางอื่นที่จะมองได้มากกว่านี้ไหม ค่อยๆมองให้รอบ ไม่ใช่ นึกอะไรขึ้นมาแล้วพูด เขาเรียกว่าคนไม่มีสติ จำเอาไว้

 

;aa19แด่ คุณขันธ์

ผมคิดว่า คุณขันธ์ ไปพูดอย่างนั้นก็ไม่ถูกนะครับ ไปดูถูกว่าเค้าโง่บ้างหล่ะ ไม่รู้จริงบ้างหล่ะ แล้วผมถามคุณหน่อยครับ คุณขันธ์ pls see as below .

1. คุณคิดว่าคุณมีปัญญาแค่ไหน .
2. คุณคิดว่าคุณรู้เรื่องพระไตรปิฎก ดีแค่ไหน . ( ผมไม่ได้บอกว่าผมรู้เรื่องพระไตรปิฏกอย่างลึกซึ้ง )
3. คุณคิดว่าคุณรู้เรื่องพราหมณ์-ฮินดู ดีแล้ว หรือ ว่าคุณไม่รู้
4. ถ้าคิดว่าคุณรู้เรื่องพระไตรปิฏกดีแล้วคุณอ่านพระไตรปิฏก จบแล้วหรือยัง.
5. ถ้าคุณอ่านพระไตรปิฏกจบแล้วคุณเข้าใจรึเปล่า รึว่าแค่เห็นแต่ไม่ได้ดู หรือว่าได้ยินแต่ไม่ได้ฟัง
สุดท้ายนะครับ
6. คุณอ่าน มหากาพย์มหาภารตะจบแล้วรึยัง .

สิ่งที่คุณต้องไปศีกษาก่อนจะตอบคำถามผมนะคับคุณ ขันธ์

1. คุณต้องไปศึกษา พวกจารีต และ ประเพณีของศาสนาพราหมณ์ก่อน .
2. อ่าน มหาภารตะให้จบ
3. ไม่ต้องศึกษาพระไตรปิฏก แต่ศึกษาให้เข้าใจ ใน พรหมวิหาร 4 และ ศีล 5 ก้อพอ
4. ไปมองดูตัวเองว่ามีปัญญาพอแล้วหรือยัง

จากใจนะคับ ผมเป็นคนไม่มีปัญญา แต่ผมก็ไม่ว่าคนอื่นโง่ ผมไม่เคยคิดว่าความคิดของผมถูกต้องที่สุด แต่ผมก้อไม่คิดว่าความคิดคนอื่นถูกที่สุดเหมือนกัน

Thank and best regard

nomercy

 

มั่วนิ่มทั้ง2เรื่อง