เรื่องของอุลกมณี

​

TEKTITE ( สะเก็ดดาว )
บางทีก็จะเรียกว่า อุกมณี หรือ คดปลวก
สะเก็ดดาว มีพละพลังสูงส่ง หากท่านที่สามารถจับพลังได้ทดลองจับดูจะรู้สึกร้อนมือ หรือมีบางอย่างกระตุ้นที่ฝ่ามือ หรือ ชาๆ ที่มือ สะเก็ดดาว หรือ Tektite มาจากคำว่า Tektos ในภาษากรีก แปลว่า หลอมละลาย ชื่อนี้ถูกขนานนามโดย SUESS เมื่อปี ค.ศ 1900 ท่านผู้นี้เชื่อว่าสะเก็ดดาวเป็นแร่ชนิดหนึ่ง มาจากนอกโลกหรือต่างพิภพ บางท่านเชื่อว่ามาจากดวงจันทร์ รูปลักษณ์สัณฐาน ไม่แน่นอน อาจเป็นก้อนกลวงรูปไข่ยาวแบน แต่ที่แน่ ๆ คือที่ผิวของสะเก็ดดาวจะเป็นหลุมเล็ก ๆ โดยรอบ ทั้งนี้เนื่องจากซิลิกา (Silica) หลอมละลายเป็นแก้วเมื่อเสียดสีกับบรรยากาศ มีขนาดความกว้าง ไม่เกิน 2 นิ้ว ที่พบเสมอ ๆ คือขนาดประมาณ 1 นิ้ว สีดำ น้ำตาล หรือสีเขียว มักพบจมดินอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม

คุณสมบัติของสะเก็ดดาว

เป็นแหล่งของศิลปศาสตร์ความรอบรู้และพลัง กระตุ้นเตือนจิตสำนึกก่อให้เกิดความจดจำอันแม่นยำ ลึกซึ้ง จึงควรใช้ขณะปฏิบัติการต่าง ๆ เช่น ขณะทำสมาธิจิต การพกพาไว้กับตัวก่อให้เกิดสนามพลังแก่ออร่ารอบตัว ทำให้ออร่าเข้มเข็ง มั่นคง ปกป้องคุ้มครอง และขับไล่สิ่งที่มารุกราน ขจัดปัดเป่าสิ่งเลวร้ายต่าง ๆ (วิญญาณแฝงหรือพลังแฝง)
นำสะเก็ดดาววางไว้ที่จักระ 6 ขณะทำสมาธิจิต หรือสรรสร้างพลังตาทิพย์ เกิดความรู้แจ้งเห็นจริงในสัจธรรมแห่งธรรมชาติ เกิดความรู้ความคิดสร้างสิ่งแปลก ๆ ใหม่ ๆ เหมาะกับนักออกแบบ ศิลปิน นักแสดง นักดนตรี นักศึกษาหาความรู้ ถ้าวางไว้ที่จักระ 4 หรือทำเป็นจี้ห้อยคอ ช่วยบรรเทาอาการผิดปกติต่าง ๆ ของจิตใจ ผู้ที่มีความรู้สึกหมดหวัง หมดอาลัยในชีวิต ถ้านำสะเก็ดดาววางไว้ที่จักระ 5 ใช้ในการติดต่อสื่อสารกับผู้อื่นที่อยู่ห่างไกล หรือติดต่อกับวิญญาณที่อยู่ต่างมิติ ( Telepathic Communication )

การใช้สะเก็ดดาวร่วมกันกับพลอยชนิดอื่น ๆ

ใช้สะเก็ดดาวร่วมกับ พลอยสีม่วง จะช่วยเพิ่มพลังแก่จักระที่ 6 และ 7 เกิดการหยั่งรู้ ( Intuition ) ต่อเชื่อมกับผู้รู้และเทพเบื้องบน ใช้ร่วมกับ Rose Quartz ที่จักระ 4 ก่อให้เกิดพลังแห่งความเมตตา เหมาะแก่ผู้ที่มีอารมณ์กร้าวร้าว ดุดัน โหดร้าย เห็นแก่ตัว ชอบเอาเปรียบผู้อื่น ใช้ร่วมกับพลอย Lapis Lazuli ก่อให้เกิดพละพลังแห่งความนึกคิดทั้งหลาย มีความเฉลียวฉลาดมีไหวพริบดีขึ้น ใช้ร่วมกับ Citrine ก่อให้เกิดความนึกคิดแห่งการสรรสร้าง วางไว้ที่จักระ 6 เกิดญาณหยั่งรู้ เหมาะแก่ครูอาจารย์ และผู้ศึกษาหาความรู้
<SMALL><SMALL></SMALL></SMALL>
<SMALL><SMALL>ตามความเชื่อ</SMALL></SMALL>
<SMALL><SMALL></SMALL></SMALL>
<SMALL><SMALL>เชื่อว่ามีเทพคุ้มครองจึงไม่แนะนำให้นำไปแกะสลักโดยไม่เชิญดวงวิญญาณออกก่อน เมื่อแกะสลักแล้วจึงค่อยเชิญดวงวิญญาณเข้าไปใหม่</SMALL></SMALL>
<SMALL><SMALL></SMALL></SMALL>
<SMALL><SMALL>เชื่อกันว่ามีสรรคุณน้องๆเหล็กไหล แต่หาคนใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่ได้น้อย</SMALL></SMALL>
<SMALL><SMALL></SMALL></SMALL>
<SMALL><SMALL>เด่นทางด้านโชคลาภ ค้าขายจึงเรียกว่า แก้วข้าว ในทางเหนือนิยมเก็บไว้ที่ยุ้งฉาง</SMALL></SMALL>
<SMALL><SMALL>จะทำให้พืชพันธ์ให้ผลผลิตสูง</SMALL></SMALL>
<SMALL><SMALL> </SMALL></SMALL>
<SMALL><SMALL>เป็นนายแห่งอัญญมณีทั้งปวงช่วยขจัดพลังอัญมณีให้โทษ และเสริมฤทธิ์อัญมณีมีคุณทั้งปวง</SMALL></SMALL>

 

ถามคุณ Attawat แล้ว Moldavite สะเก็ดดาวจาก เชคฯ ที่เป็นสีเขียวๆ ล่ะ มีพลัง คุณสมบัติ ต่างจากสะเก็ดดาว (Tektite) ตามข้างบนอย่างไรบ้าง.. สนใจอยากได้ Moldavite.....

 

ขอบคุณมากครับ.....

 

คนละอย่างนะคดปลวกก็คดปลวกสะเก็ดดาวก็สะเก็ดดาว

 

คาดว่าเหมือนกันครับ เพียงแต่แถบไทยจะเป็นสีดำ แถบยุโรป อเมริกามักจะเป็นสีเขียว

คิดว่าอย่างนั้นเหมือนกันครับ อ้างตามตำราครับ เพราะบางทียังเรียกว่า ขวานฟ้า เลย
ก็คงเหมือนพืชบางประเภท ชื่อเหมือนกันยังเป็นคนละต้นกันได้ เกิดจากการเข้าใจคลาดเคลื่อนสืบๆกันมา อย่างไพรดำ บางคนยังเข้าใจว่ามันคือว่านไพรดำที่มีขายกันเกลื่อนครับ

 

Moldavite จะแตกต่างจาก Tektite ค่อนข้างจะมาก Moldavite จะมีสีเขียวปนเทาไสเหมือนแก้วมีอายุประมาณ 14.7 ล้านปี ซึ่งพบได้ที่เดียวในโลกคือแถบเชคโกสโลวาเกียติดกับเยอรมัน และมีปริมาณจำกัด หายากกว่าเพชรซะอีก ส่วน Tektite นั้น สามารถพบเห็นได้ทั่วโลกจะมีทั้งที่เป็นลักษณะคล้ายนิลหรืออาจจะเป็นเหล็ก แถบภาคอิสาณบ้านเราและที่ผั่งลาวและจีนจะมีเยอะ มีอายุประมาณแค่ 7 แสนปี

Moldavite นั้นเมื่อนำมาเจียรไนแล้วจะสวยงามมาก ลักษณะคล้ายมรกตแต่สีออกเขียวแกมดำ ส่วน Tektite หรือที่เรียกว่า Indochinite นั้นก็สวยเช่นกัน สีดำสนิทเงางาม ตามที่อาจารย์แอ๊ด(ผู้ศึกษาเกี่ยวกับธาตุกายสิทธิ์)เขียนไว้ ท่านกล่าวว่า อุกามณีที่มีพลังแรงจะมีลักษณะเป็นแก้วไสสีเขียว ซึ่งก็คือ Moldavite นั่นเอง นักบินอวกาศนิยมคล้องเอาสะเก็ดดาวสีเขียวไว้ติดตัว เพราะเชื่อว่าพลังจากสะเก็ดดาวจะช่วยให้โทรจิตติดต่อกับคนที่พื้นโลกได้

โดยประสบการณ์ส่วนตัวผมว่าพลังของ Moldavite จะแรงกว่ามาก แม้แต่คนทั่วไปก็สามารถสัมผัสพลังของ Moldavite ได้ เพียงแค่กำไว้ในมือ จะรู้สึกถึงพลังที่แผ่ออกมาได้ เป็นหินที่มีพลังแรงมาก แต่ขอแนะนำว่าถ้าไม่รู้จริง ๆ ไม่ควรนำมาใช้ เพราะหินนี้สามารถให้โทษมหันต์ได้เช่นกัน เช่นเดียวกับเหล็กไหล ส่วน Tektite นั้นสัมผัสพลังได้ค่อนข้างยาก ถ้าจะให้มีพลังแรงขึ้นควรนำไปประจุพลังพุทธคุณ(ปลุกเสก) จะสามารถเพิ่มอานุภาพได้อีกหลายเท่า

 

ขอบคุณมากครับ ตอนนี้ทราบแหล่งของ Moldavite แล้วครับ จะได้รีบไปหามาติดตัวไว้
ติดตามเรื่องของอาจารย์แอ๊ดเหมือนกันหรือครับ ดีจังนะครับ ผมติดตามแค่ส่วนหนึ่งเอง หาอ่านข้อมูลได้ที่ไหนหรือครับ
ส่วนเรื่องการสัมผัสพลัง ของอุลกมณี จริงเหมือนกันครับบางองค์ผมก็สัมผัสได้ บางองค์ก็สัมผัสยาก ธาตุก็แตกต่างกัน บางองค์ก็เด่นแบบดิน บางองค์ก็เด่นแบบไฟ

 

คุณ Attawat_Rx อาจารย์แอ๊ดเขียนหนังสือชื่อ เหล็กไหล ตำนานแห่งธาตุกายสิทธิ์ ครับ ส่วนข้อมูลอื่น ๆ ก็มีในหนังสือมังกรจักรวาลของดร.สุวินัย แต่ข้อมูลท่านจะเน้นไปที่เหล็กไหลมากกว่า ในบ้านเราหาข้อมูลเกี่ยวกับอุกามณียากมาก ไม่ค่อยมีบันทึกไว้เท่าไหร่นัก มีหนังสืออีกเล่มคือ ธาตุกายสิทธิ์ เขียนโดยคุณอริยะ ก็กล่าวถึงอุกามณีไว้มากพอสมควร ตอนนี้ผมกำลังศึกษางานวิจัยของฝรั่งเกี่ยวกับ Moldavite อยู่ครับ มีข้อมูลอะไรน่าสนใจผมจะเอามาแจ้งให้ทราบทีหลังครับ อยากแบ่งปันความรู้ให้ทุกคนได้รู้ด้วยกัน ผู้รู้ส่วนมากหวงวิชากันมาก ทั้งกราบทั้งอ้อนวอนยังไม่ยอมบอก พอเราค้นคว้าหาข้อมูลมาเองแล้วเอามาเผยแพร่ ก็หาว่าเราอวดรู้ แช่งให้เราชิบหาย เป็นซะงั้นไป

เรื่องอานุภาพของ Moldavite และ Tektite นั้น เท่าที่คนโบราณท่านว่าไว้คือ มีอานุภาพด้านกันภัยธรรมชาติ กันอาถรรพ์และคุณไสย เมื่อนำมาบูชากับข้าวสารดำและงิ้วดำจะให้อานุภาพเป็นมหาอุด คงกระพันชาตรี ในตำราของไสยศาสตร์โบราณกล่าวว่าอุกามณีจะช่วยเพิ่มอานุภาพของวัตถุธาตุอื่น ๆ เป็นเท่าทวีคูณ

ส่วนอานุภาพของ Moldavite อีกอย่างก็คือ สำหรับผู้ที่ฝึกพลังปราณ พลังของ Moldavite จะช่วยเปิดจักรให้ตื่นเต็มที่ได้ดี โดยเฉพาะจักที่ 6(ตาที่ 3) อันนี้ผมเคยลองแล้ว น่าแปลกมากแค่นำ Moldavite วางไว้ที่บริเวณเหนือหว่างคิ้ว 1-2 ซม (ในท่านอน) แล้วกำหนดจิตไว้ที่จุดนั้น จะรู้สึกถึงพลังที่แผ่ออกมาได้อย่างรุนแรงมาก พลังจะออกมาในลักษณะ pulse เหมือนการเต้นของหัวใจแต่ความถี่จะมากกว่า อันนี้ขอเตือนว่าอย่าใช้เกินครั้งละ 5 นาที วันละไม่เกิน 3 ครั้ง เพราะอันตรายครับ จะทำให้มึนหัวปวดหัวรุนแรงได้ มีคนเคยเตือนผมว่าถึงตายได้ เพราะฉนั้นอย่าลองเองเ็ด็ดขาด

ส่วนอานุภาพอีกอย่างหนึ่งของ Moldavite ที่ผมทราบมาก็คือ ใช้เป็นสื่อถึงพลังของเบื้องบน ติดต่อกับพลังของเื้บื้องบนได้ ผู้ที่พกติดตัวไว้ถ้าจิตใจมั่นคงพอ จะทำให้เกิดสัมผัสพิเศษได้ และยังมีพลังปกป้องคุ้มครองอีกด้วย แต่คุณสมบัติด้านลบก็มีมากเหมือนกัน แนะนำว่าถ้าจะพกติดตัวควรมีพระเครื่องที่มีพลังพุทธคุณเมตตาฯ ติดตัวด้วย

 

มีข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ เรื่องราวเกี่ยวกับ กำเนิดของ Moldavite

อันนี้แปลมานะครับ ไม่ได้แต่งเอง

Moldavite จัดอยู่ในกลุ่ม Tektite คือเป็นหินที่เกิดจากก้อนอุกาบาตขนาดใหญ่ที่ตกลงมาสู่โลกเมื่อปนะมาณ 14.7 ล้านปีที่แล้ว หลักฐานถึงที่มาของ Moldavite คือหลุมอุกาบาต Ries ในประเทศเยอรมันซึ่งมีอายุ 14.7 ล้านปี เมื่อนำมาเทียบเคียงกับอายุของ Moldavite ซึ่งเท่ากัน และพบในบริเวณรอบ ๆ รัศมีของหลุมอุกาบาต Ries บวกกับหลักฐานทางกายภาพต่าง ๆ จึงมีทฤษฎีการเกิดของ Moldavite (ขออธิบายย่อ ๆ) ดังนี้คือ เมื่อ 14.7 ล้านปีที่แล้ว มีอุกาบาตขนาดใหญ่(ปัจจุบันยังสรุปไม่ได้ว่าอุกาบาตนี้มาจากกลุ่มดาวเคราะห์น้อย หรือว่าดาวดวงใด) ได้ตกลงมาสู่โลกที่จุดปุจจุบันเรียกว่า หลุมอุกาบาต Ries ซึ่งอยู่ในเขตประเทศเยอรมัน ขณะที่ก้อนอุกาบาตได้เข้าสู่บรรยากาศโลก ได้เสียดสีกับชั้นบรรยากาศเกิดความร้อนมหาศาลขึ้น ความร้อนนี้ทำให้ส่วนประกอบของแร่ธาตุหลอมละลายกลายเป็นไอ เมื่อก้อนอุกาบาตวิ่งมาจนเกือบถึงพื้นโลก ความร้อนนั้นมหาศาลมากจนทำให้แร่ธาตุที่อยู่พื้นโลกบริเวณนั้นละลายกลายเป็นไอ และถูกดูดเข้าสู่บริเวณหัวของก้อนอุกาบาตซึ่งกลายเป็นสุญญากาศแรงดูดสูง ก่อนที่ก้อนอุกาบาตจะกระทบพื้น Moldavite ได้ก่อตัวขึ้นจากธาตุต่าง ๆ ที่ละลายกลายเป็นไอถูกดูดเข้ามารวมกันเนื่องจากแรงดูดของสูญญากาศ และกระจายตัวไปรอบ ๆ รัศมีของการตกกระทบ จึงทำให้ผิวของ Moldavite มีลักษณะพิเศษและมีรูปร่างหลากหลาย มีผิวลักษณะ aerodynamic รูปร่างกลมบ้าง เหลี่ยมบ้าง ถ้าชิ้นใดมีฟองอากาศอยู่ภายใน ภายในนั้นจะเป็นสูญญากาศแรงดูดสูง

ลักษณะของ Moldavite จะโปร่งใสคล้ายแก้ว มีสีเขียวปนเทาหรือเขียวค่อนข้างจะเข้ม ต่างจากสะเก็ดดาวชนิดอื่นซึ่งส่วนมากจะมีสีดำ ชื่อ Moldavite นั้นมาจากชื่อของหมู่บ้าน Moldau ในประเทศเชคโกสโลวาเกีย ซึ่งพบหินชนิดนี้มาก ตั้งแต่อดีตได้นำหินชนิดนี้มาทำเครื่องประดับเนื่องจากมีสีเขียวเมื่อเจียรไนแล้วสวยงามมาก จนบางคนเรียกหินชนิดนี้ว่า Bohemian Emerald ปัจจุบันมีการขุดขึ้นมามากจนไกล้จะหมดแล้วและมีปริมาณจำกัด ทำให้หินชนิดนี้หายากยิ่งกว่าเพชรและมีราคาแพง ในอนาคตจะแพงยิ่งขึ้นไปอีก เพราะฉนั้นใครมีก็รักษาให้ดี

 

จริงๆ อย่างที่คุณนักเดินทางบอกว่า Moldavite สัมผัสได้ง่าย.. เพราะครั้งแรกที่เห็นที่ร้านขาย.. น้องซึ่งไม่เคยรู้เรื่องพลังหินสี ก้อสามารถสัมผัสพลังได้ทันทีที่วางไว้บนฝ่ามือ..

 

อยากได้ Moldavite เนี่ยจิงๆ แต่ยังไม่ได้ซื้อ..

คุณนักเดินทาง ระหว่างสีเขียวเข้ม กะ สีเขียวอ่อนใส พลังหรือคุณสมบัติแตกต่างกันอย่างไรบ้าง
แล้วหลังจากที่คุณนักเดินทางวาง Moldavite ไว้ที่จักระที่ 6 เป็นอย่างไรบ้าง.. ตาที่สามของคุณเปิดเลยหรือปล่าว.. แล้วเห็นรัยบ้างน่ะ.. เห็นวิญญาณ เห็นออร่าคน หรือเห็นเหตุการณ์ล่วงหน้า.. ฯลฯ

ส่วนเรื่องธาตุกายสิทธิ์ของ Moldavite คุณนักเดินทางพอจะเล่าสู่กันฟังได้มั้ย น่าสนใจ... จะหาหนังสืออ่านเหมือนกัน... อ้อแล้วถ้าไม่มีพระเครื่อง หรือพระพุทธรูป จะพกพา หรือ เก็บ Moldavite ไว้ได้มั้ย.. จะไว้บนโต๊ะข้างเตียงในห้องนอนได้มั้ย... จะรับพลังของเค้าทั้งคืนมั้ยเนี่ย... ขอบคุณล่วงหน้าจ้ะ

 

ที่จริงสีของ Moldavite จะมีทั้งเขียวสดและเขียวอมดำ ขึ้นอยู่กับปริมาณสัดส่วนประกอบของธาตุต่าง ๆ แต่เขียวอมดำจะมีมากกว่า พลังจะไม่ต่างกันหรอกครับ ขอให้เป็นของแท้เท่านั้น อันนี้แค่ลองสัมผัสดูก็รู้แล้ว

ในแนวทางของการฝึกพลังปราณนั้น การที่จักรที่ 6 เปิดนั้นไม่ได้หมายความว่าจะมีตาทิพย์นะครับ อันนี้มีนัยว่าเป็นการเปิดจิตใจให้รับรู้ในด้านจิตวิญญาณ ส่วนการที่จะมีทิพจักขุญาณนั้นต้องอาศัยการฝึกจิตให้สัมพันธ์กับจักรที่ 6 เช่นการฝึกอาโลกกสิณ หรือกสิณไฟ

โดยส่วนตัว ผมเองก็พอจะรับรู้ถึงพลังงานละเอียดได้บ้าง แต่ยังไม่ค่อยชัดเจนมากนัก เรื่องเห็นวิญญาณเห็นผีนั้น เห็นจนชินแล้วครับ เมื่อก่อนกลัวมาก เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยอยากจะรับรู้ซักเท่าไหร่ ต่างคนต่างอยู่ดีกว่า กรรมใครกรรมมัน เราช่วยได้แค่แผ่เมตตาให้

การวาง Moldavite ไว้ที่หิ้งพระหรือในบ้านไม่มีโทษอะไรครับ ถ้าวางไว้ใต้หมอนตอนนอนจะทำให้จำความฝันได้ชัดเจนขึ้น ส่วนการจะพกติดตัวนั้นแรก ๆ จะรู้สึกเพลียเพราะหินนี้สามารถดูดพลังออร่าของเราได้ครับ แต่ถ้าเรามีการสื่อกับหิน - การสื่อหมายถึงทางจิต หรือพูดคุยธรรมดา เวลาสวดมนต์หรือนั่งสมาธิเสร็จก็แผ่เมตตาให้หิน จะทำให้พลังของหินมีความสัมพันธ์กับเราดีขึ้นครับ อันนี้ต้องลองด้วยตัวเอง อย่าลืมนะครับว่าธาตุธรรมชาติต่าง ๆ ล้วนแต่มีจิตของเทพอยู่รักษาทั้งนั้น ยกตัวอย่างเช่น เหล็กไหล, แร่รัตนชาติต่าง ๆ Moldavite ก็จัดอยู่ในกลุ่มธาตุกายสิทธิ์เช่นเดียวกับเหล็กไหล แต่อานุภาพจะสูงแค่ไหนนั้นขึ้นอยู่กับผู้ที่ครอบครองด้วยครับ ถ้าหมั่นปฎิบัติธรรม ถือศีลภาวนา ทำแต่ความดี อานุภาพหินก็ยิ่งจะคุ้มครองดูแลเรา

 

อ้อ ผมลืมตอบไปที่ว่าทำไมผมแนะนำให้แขวนพระด้วย ก็เพราะว่า Moldavite ที่ได้มาใหม่ ๆ เปรียบเสมือนม้าป่าพยศ เช่นเดียวกับเหล็กไหล เมื่อได้มาใหม่ ๆ มักจะนำไปให้พระท่านทำพิธีให้ เป็นการทำให้ม้าพยศนี้เชื่องขึ้นและไม่เป็นอันตรายกับเจ้าของ การที่ผมแนะนำให้แขวนพระที่มีพลังเมตตาฯ ก็เพื่อเป็นการถ่วงดุลพลังของหินนี้ ถ้าคุณพกติดตัวแล้วไม่มีอะไรผิดปกติ ก็แสดงว่าหินชอบคุณ ก็คงไม่มีโทษอะไร

 

โอ้....ท่าทางคุณ นักเดินทางคงเป็นผู้ชอบศึกษาเรื่องนี้มากนะครับ เยี่ยมเลยครับ ว่างๆ ผมจะถ่ายรูปทนสิทธิ์ ที่มีอยู่มาแลกเปลี่ยนความรู้กันครับ

 

ยินดีครับ แต่ผมขอออกตัวก่อนนะครับว่าผมไม่รู้อะไรมาก เพิ่งจะมาสนใจศึกษาไม่นานมานี้เองครับ ผมสนใจเรื่องทนสิทธิ์เหมือนกันแต่ไม่รู้อะไรเลย ขอคำชี้แนะด้วยครับ[b-wai]

 

คุณนักเดินทาง น่าจะศึกษามาเยอะ.. ขอบคุณที่มาแบ่งปันความรู้กัน...

ไม่รู้ว่าชอบสะสมหินสีด้วยหรือปล่าว... แล้วเหตุใดจึงสนใจที่จะศึกษา Moldavite เป็นพิเศษ... หรือมีหินอื่นๆ ที่ศึกษาด้วย.. ชอบด้วย.. พอจะเล่าสู่กันฟังอีกได้มั้ย.. มีเคยเจอ Moldavite ที่เป็นม้าพยศด้วยปะ เป็นงัยบ้าง กระทบกับตัวเรางัยบ้าง.. นอกจากอ่อนเพลีย..

เคยใส่สร้อยข้อมือที่เป็นหินสีธรรมชาติข้างละ 2 - 3 เส้น ใส่แหวนข้างละ 2 วง และใส่สร้อยมีจี้หินธรรมชาติอีกอัน.... พอตกเย็นเพลียจัดอย่างไม่น่าจะเป็น... ทีนี้เลยต้องใส่ลดน้อยลงๆ กัว...
อันนี้คือเป็นเพราะอะรัย.. พอจะบอกได้มั้ย.... ขอบคุณล่วงหน้าจ้า...

 

เคยเจอแบบนี้คล้ายกันครับ คาดว่าคงเป็นการปรับธาตุ อาการจะเพลีย อยากหลับ คล้ายๆ อาการหลังจาก จักระเปิดใหม่ ๆ
ใส่ไปเรื่อย ๆธาตุจะสมดุล เองครับ แล้วจะรู้สึกดีขึ้นเหมือนตัวเรามีแต่พลังบางสิ่งอัดเต็มไปหมด

 

ใช่ครับ เป็นการปรับตัวของร่างกาย ต้องใช้เวลาซักระยะหนึ่งก็จะหาย แต่ถ้าอาการดังกล่าวมันรุนแรงไม่ลดลงก็บ่งบอกได้ว่าไม่เหมาะกับเรา ผมเคยมีประสบการณ์นี้ครั้งหนึ่ง ได้ฝังธาตุชนิดหนึ่งไว้ในตัว(ขอไม่บอกว่าเป็นอะไร) หลังจากหลวงพ่อทำพิธีให้เสร็จก็นั่งรถกลับบ้าน ระหว่างทางรู้สึกว่ามือข้างที่ฝังธาตุนั้นไว้มีอาการเย็นจัดจนชาไปหมด(เหมือนจุ่มมือในน้ำแข็ง) พอถึงบ้านต้องเอามือแช่น้ำอุ่น กลางคืนก็นอนไม่หลับเพราะหัวใจมันเต้นแรงผิดปกติ วันที่สองเริ่มมีอาการมึนหัวตึงหน้าผากไปหมดจนทำงานไม่ไหว กว่าจะเป็นปกติก็ 7 วัน หลวงพ่อท่านบอกว่าเป็นเพราะเราได้รับพลังที่แรงเข้าไปในตัว ร่างกายมันเลยพยายามจะปรับตัวให้เข้ากับพลังนั้น

ผมก็ศึกษาเรื่องหินสีด้วยครับ ที่รู้สึกว่าพลังแรงกว่าอย่างอื่นก็มี Lapis Lazuli, Tektite, Azurite, Turquoise, Amethyst, ตระกูล Quartz

ที่ผมชอบเป็นพิเศษก็มี Lapis, Tektite, Moldavite แล้วก็ Rutiled Quartz ไปไหนมักจะเอาไปด้วย Moldavite นี่ผมใส่เป็นจี้ วันแรกที่แขวนเพลียจัดมาก กลางคืนก็หลับเป็นตาย กว่าจะชินก็หลายวัน แต่กับหินอย่างอื่นผมไม่เป็นไร

 

วันนี้ดีใจมาก ไปเที่ยวที่ภูฝอยลมมา ได้อุลกมณีมาอีก 3 องค์ เจอตกบนพื้น แต่เป็นก้อนขนาดเล็ก ดีใจที่สุดเพราะเป็นสิ่งที่ได้มาด้วยตัวเอง ผมมีประสบการณ์ได้ของดีด้วยตัวเองแบบนี้มาบ่อยเหมือนกัน เช่น กะลาตาเดียวจากสวนที่บ้าน 5 ลูก , ลูกพระเจ้า 5 พระองค์ในป่า หลายลูกแจกคนอื่นเหลือลูกเดียว , แก่นไผ่ (ไผ่ที่ขึ้นซ้อนต้นเดิม) , ไผ่ตัน จากกอไผ่ไฟไหม้ เนื่องจากไผ่ตันไม่ไหม้ไฟ เป็นรูปไม้เท้าสวยมาก เหมือนในหนังจักร ๆวงศ์ ๆเลย , กระดูกกรามช้างโบราณ ในไร่ ผมชอบเก็บของทนสิทธ์แบบนี้ไว้ครับ เผื่อให้คนรุ่นหลังได้ดู พระเครื่องผมไม่ค่อยเท่าไร เอาแค่คล้องคอได้ มันปลอมเยอะครับ เสียเวลาศึกษามาก เอาเวลาศึกษาพระเพราะกลัวปลอมไปทำสมาธิ หรือศึกษาพระธรรมดีกว่า

ตอนนี้สนใจขวานฟ้า กับเพชรนาคราชอยู่ ขวานฟ้านี่แบบที่เป็นขวานโบราณเห็นบ่อย อยากได้ชนิดเจอเอง แบบมาพร้อมกับฟ้าผ่าแบบ เห็นๆกันไปเลย ส่วนใหญ่ที่ได้มาก็จะอธิษฐานว่าให้มาร่วมสร้างบารมีร่วมกัน

 

โหคุณ Attawat_Rx โชคดีจังครับ ของแต่ละอย่างหายากทั้งนั้น ของที่ผมมีไม่เคยได้มาเอง มีแต่ขอกับบูชา เมื่ออาทิตย์ที่แล้วมีพระป่ามาจาก ตจว(ผมเคยบวชอยู่กับท่าน) มาแวะพักที่แถวมีนบุรี จะเดินทางต่อไปภูเก็ต ท่านโทรมาหาบอกว่ามีของดีมาให้ผมเลยได้ไปกราบท่าน ท่านได้พระเก่ามาจากกรุในโบสถ์วัดเขาสุกิม เนื่องจากเจ้าอาวาสองค์ใหม่ทำการซ่อมแซมโบสถ์เลยไปเจอกรุพระเข้าโดยบังเอิญ แต่ก็เอาออกมาแค่นิดหน่อย ที่เหลือก็ใส่คืนกลับไป เป็นพระผงสมเด็จผสมอังคารและเกศาของหลวงปู่อะไรผมลืมไปแล้ว ท่านให้ผมมาแค่ 3 องค์ แล้วก็มีอีกอย่างคือเพชรพญานาคเม็ดสีม่วงอ่อน ขนาดเล็กแค่ปลายนิ้วก้อย อันนี้ท่านได้มาจากพระป่าอีกองค์ เสียดายมีเม็ดเดียว ผมเลยสละให้เพื่อนอีกคนที่ไปด้วยกัน ท่านบอกว่ามีอีก 2 อย่างที่จะให้ผมแต่ไม่ได้นำติดตัวมาด้วยเพราะขนาดใหญ่และหนัก ให้ผมไปเอาเองที่วัด อย่างแรกท่านเล่าให้ฟังว่า ตอนคืนก่อนเข้าพรรษานิมิตเห็นเทวดามาบอกว่าเอาของดีมาให้ ตอนเช้าให้ไปเอาที่ข้างเจดีย์ ตอนเช้าท่านเลยไปเดินดูรอบ ๆ เจดีย์ ปรากฏว่าเจอวัตถุอย่างหนึ่งรูปร่างเป็นทรงกลวยคล้ายทรงงาช้าง เป็นแก้วใสสีออกน้ำตาลปนเขียว ผิวเรียบสนิทและลื่นเหมือนมีความชื้นอยู่ตลอดเวลา ผมเลยสงสัยว่าเป็นสะเก็ดดาวคล้าย Moldavite รึเปล่า เลยเอาชิ้น Moldavite ที่พกติดตัวให้ท่านดู ท่านบอกว่าคล้ายกันแต่ไม่เหมือน สรุปแล้วท่านให ้ผมจะไปเอาซักต้นเดือนหน้า อีกอย่างที่ท่านให้ก็คือเพชรหน้าทั่ง ซึ่งยังฝังอยู่ในก้อนหินขนาดใหญ่หนักประมาณ 8 กก ท่านยังทิ้งท้ายว่าเจอของดีอีกหลายอย่างแต่ยังไม่ได้เอามา หลังกฐินจะออกธุดงค์แล้วจะเอามาให้ ผมถามท่านว่าอะไรครับท่านที่ว่าของดี ท่านบอกว่ามีหลายอย่างยังไม่ยอมบอก ไว้ได้มาก่อนแล้วจะบอก บอกตอนนี้ถ้าเอามาไม่ได้มันจะเสียสัจจะ แต่ท่านก็บอกมาอย่างหนึ่งก็คือแก้วไก่เขี่ย(ภาษาอิสาน) คือแก้วชนิดนี้ในวันพระถ้าอยู่ตามธรรมชาติกลางคืนจะเปล่งแสงและลอยไปมาได้ ผมไม่รู้ว่าคืออะไรกันแน่ ถึงเวลาคงได้รู้เอง นี่แหละครับ ของแต่ละอย่างผมได้มาแบบขอทั้งนั้น บางอย่างก็ซื้อ ไม่เคยได้มาเองเลย ชาติก่อน ๆ ผมคงทำบุญมาน้อย

ตอนนี้ที่ผมปราถนามากที่สุดก็คือเหล็กไหลสีปีกแมงทับ หวังว่าที่พระครูบาท่านบอกว่าบอกไม่ได้คงเป็นสิ่งนี้ สาธุ