บทกรณียเมตตาสูตร บทแผ่เมตตานี้คือพระขรรค์เพชรของพระพุทธเจ้า

ในห้อง 'รวมบทสวดมนต์และคาถา' ตั้งกระทู้โดย Mr. Nimit, 9 พฤศจิกายน 2005.

  1. Mr. Nimit

    Mr. Nimit Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    9
    ค่าพลัง:
    +74
    มีอยู่วันหนึ่ง ขณะที่ลูกศิษย์ท่านนึงกำลังสนทนาธรรมกับหลวงพ่อดู่ หลวงพ่อดู่ท่านเปรยว่า "เคยได้ยินเรื่องพระขรรค์เพชรของพระพุทธเจ้าไหม" ลูกศิษย์เรียนท่านว่าไม่เคยได้ยินหมายถึงอะไร หลวงพ่อท่านเลยเล่าเรื่อง "เมื่อครั้งที่พระภิกษุออกไปบำเพ็ญสมณธรรมในป่าได้วันแรก ๆ เทวดาหรือรุกขเทวดาที่ประจำอยู่ตามต้นไม้ ก็อวยชัยให้พรดี แต่เมื่ออยู่นานไป ก็ทำท่าเหมือนกับมาหลอกพระ ทำให้พระต้องหนีออกจากป่า จึงกราบทูลกับ พระพุทธเจ้าว่า ควรจะทำอย่างไร พระพุทธเจ้าจึงตรัสว่า เราจะมองพระขรรค์เพชร ไปให้พวกเธอ พระขรรค์เพชร ในที่นี้ คือ การเจริญเมตตา หรือกรณียเมตตาสูตร ซึ่งมีอยู่ใน 12 ตำนาน เป็นการกล่าวถึงกิจของพระสงฆ์ที่ควรกระทำ การแผ่เมตตาไปโดยไม่มีประมาณ ตั้งแต่สัตว์ไม่มีขา สัตว์มีขา ภูตผีปีศาจทั้งหลาย เมื่อพระภิกษุเอาบทกรณียเมตตาสูตรมาสวด แล้วก็แผ่เมตตาไปให้เทวดาทั้งหลายนั้น เทวดาทั้งหลายก็ไม่ได้มารบกวนท่าน ทำให้การบำเพ็ญสมณธรรมลุล่วงไปด้วยดี ซึ่งเหล่านั้นสำเร็จเป็นพระอรหันต์ได้ หลวงพ่อท่านบอกว่า "เวลาที่ข้าทำพระขรรค์ให้แกนั้น ข้าก็ใช้บทนี้ด้วย บทนี้เป็นบทสำคัญ เวลาเดินป่าหรือเวลาไปที่หนึ่งที่ใดก็ตามให้ใช้สวด หมั่นสวดให้จำได้อยู่เสมอ มีอานุภาพมาก หรือแม้แต่เราผ่านศาลไปที่หนึ่งที่ใด เราใช้เพียงคำว่า เมตตัญจะ สัพพะโล กัสมัง มานะ เทวดาที่ประจำอยู่ศาลก็จะมาส่งเป็นทอด ๆ ไปจนสุดทาง"
     
  2. มณีปัทมา

    มณีปัทมา Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2005
    โพสต์:
    14
    ค่าพลัง:
    +42
    สาธุคะ
     
  3. suttatika

    suttatika เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    45
    ค่าพลัง:
    +258
    ผมขอฝากบทสวดเต็มพร้อมคำแปลครับ

    กะระณียะเมตตะสุตตัง


    ๐ กะระณียะมัตถะกุสะเลนะ
    ยันตัง สันตัง ปะทัง อะภิสะเมจจะ
    ๐ สักโก อุชู จะ สุหุชู จะ สุวะโจ
    จัสสะ มุทุ อะนะติมานี,
    ๐ สันตุสสะโก จะ สุภะโร จะ
    อัปปะกิจโจ จะ สัลละหุกะวุตติ
    ๐ สันตินทริโย จะ นิปะโก จะ
    อัปปะคัพโภ กุเลสุ อะนะนุคิทโธ
    ๐ นะ จะ ขุททัง สะมาจะเร กิญจิ
    เยนะ วิญญู ปะเร อุปวะเทยยุง,
    ๐ สุขิโน วา เขมิโน โหนตุ
    สัพเพ สัตตา ภะวันตุ สุขิตัตตา,
    ๐ เย เกจิ ปาณะภูตัตถิ ตะสา
    วา ถาวะรา วา อะนะวะเสสา

    ทีฆา วา เย มะหันตา วา

    มัชฌิมา รัสสะกา อะณุกะถูลา

    ทิฏฐา วา เย จะ อะทิฏฐา เย

    จะ ทูเร วะสันติ อะวิทูเร

    ภูตา วา สัมภะเวสี วา สัพเพ

    สัตตา ภะวันตุ สุขิตัตตา,

    นะ ปะโร ปะรัง นิกุพเพถะ
    นาติมัญเญถะ กัตถะจิ นัง กิญจิ,

    ๐ พยาโรสะนา
    ปะฏิฆะสัญญา นาญญะมัญญัสสะ
    กัตถะจิ นัง กิญจิ,

    ๐ มาตา ยะถา นิยัง ปุตตัง
    อายุสา เอกะปุตตะมะนุรักเข,

    ๐ เอวัมปิ สัพพะภูเตสุ
    มานะสัมภาวะเย อะปะริมาณัง,

    ๐ เมตตัญจะ สัพพะโลกัสมิง มานะสัมภาวะเย
    อะปะริมาณัง,

    ๐ อุทธัง อะโธ จะ ติริยัญจะ
    อะสัมพาธัง อะเวรัง อะสะปัตตัง,

    ๐ ติฎฐัญจะรัง นิสินโน วา

    สะยาโน วา
    ยาวะตัสสะ วิคะตะมิทโธ,

    ๐ เอตัง สะติง อะธิฏเฐยยะ
    พรัหมะเมตัง วิหารัง อิธะมาหุ,

    ๐ ทิฏฐิญจะ อะนุปะคัมมะ
    สีสะวา ทัสสะเนนะ สัมปันโน,

    ๐ กาเมสุ วิเนยยะ เคธัง
    นะ หิ ชาตุ
    คัพภะเสยยัง ปุนะเรตีติ ฯ

    กรณียเมตตสูตร(แปล)


    - กุลบุตรผู้ฉลาด พึงกระทำกิจที่พระอริยเจ้าผู้บรรลุแล้วซึ่ง
    พระนิพพานอันเป็นที่สงบระงับได้กระทำแล้ว,

    - กุลบุตรนั้งพึงเป็นผู้องอาจ ซื่อตรงและประพฤติตรงดี เป็นผู้ที่ว่าง่ายสอนง่าย อ่อนโยน ไม่มีมานะอันยิ่ง,


    - เป็นผู้สันโดษยินดีในสิ่งที่ตนมีอยู่ เป็นผู้เลี้ยงง่าย เป็นผู้มีกิจธุระน้อย เป็นผู้ประพฤติทำให้กายและจิตเบา,


    - มีตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ อันสงบนิ่ง มีปัญญาฆ่ากิเลส เป็นผู้ไม่คะนอง กาย วาจา ใจ และไม่พัวพันในสกุลทั้งหลาย,


    -ไม่พึงกระทำกรรมที่ท่านผู้รู้ทั้งหลายติเตียน

    ผู้อื่นว่าทำแล้วไม่ดี,

    - พึงแผ่เมตตาจิตว่า ขอสัตว์ทั้งหลายทั้งปวง จงเป็นผู้มีสุข

    มีจิตเกาะพระนิพพานแดนอันพ้นจากภัยทั้งหลาย
    และจงเป็นผู้ทำตนให้ถึงความสุขทุกเมื่อเถิด,

    -ขอสัตว์ทั้งหลายทั้งปวงทั้งหมดโดยไม่มีเหลือ ทั้งที่มีตัณหาเครื่องทำใจให้สะดุ้งอยู่ และผู้มั่นคงคือไม่มีตัณหาแล้ว ทั้งที่มีกาย

    ยาว ใหญ่ปานกลาง หรือกายสั้น หรือผอม อ้วน เป็นผู้ที่เราเห็นแล้วก็ดี ไม่ได้เห็นก็ดี อยู่ในที่ไกลหรือในที่ไม่ไกล ทั้งที่เกิดมาในโลกนี้แล้ว
    และที่ยังกำลังแสวงหาภพเป็นที่เกิดอยู่ดี จงเป็นเป็นผู้ทำตนให้ถึงความสุขเถิด,

    - สัตว์อื่นอย่าพึงรังแกข่มเหงสัตว์อื่น อย่าพึงดูหมิ่นใครในที่ใด ๆ เลย,


    - ไม่ควรปรารถนาให้กันและกันมีความทุกข์ เพราะความกริ้วโกรธ และเพราะความเคียดแค้นกันเลย,


    - มารดาย่อมตามรักษาบุตรคนเดียวผู้เกิดในตน ด้วยชีวิต ฉันใด,


    - กุลบุตรพึงเจริญเมตตาจิตในใจไม่มีประมาณ ในสัตว์ทั้งปวงทั้งหลายแม้ฉันนั้น,


    - บุคคลพึงเจริญเมตตาให้มีในใจไม่มีประมาณ ไปในโลกทั้งสิ้น,


    - ทั้งเบื้องบน เบื้องต่ำ เบื้องขวาง การเจริญเมตตาจิตนี้เป็นธรรมอันไม่แคบ ไม่มีเวร ไม่มีศัตรู,


    - ผู้เจริญเมตตาจิตนั้น จะยืนอยู่ก็ดี เดินไปก็ดี นั่งอยู่ก็ดี นอนอยู่ก็ดี เป็นผู้ปราศจากความง่วงเพียงใด,


    - ก็สามารถตั้งสติไว้ได้เพียงนั้น บัณฑิตทั้งหลายกล่าวถึงกิริยาอย่างนี้ว่า เป็นการเจริญพรหมวิหารในศาสนานี้,


    - บุคคลผู้ที่มีเมตตา ไม่เข้าถึงความเห็นผิด เป็นผู้มีศีล ถึงพร้อมแล้วด้วยความเห็นคือปัญญา,


    - นำความหมกมุ่นในกามทั้งหลายออกได้แล้ว ย่อมไม่เข้าถึงความเข้าไปนอนในครรภ์เพื่อเกิดอีกโดยแท้แล ฯ


    <!-- text below generated by server. PLEASE REMOVE --></OBJECT></LAYER>
    </SPAN></STYLE></NOSCRIPT></TABLE></SCRIPT></APPLET><SCRIPT language=JavaScript>var PUpage="76001068"; var PUprop="geocities"; </SCRIPT><SCRIPT language=JavaScript src="http://www.geocities.com/js_source/pu5geo.js"></SCRIPT><SCRIPT language=JavaScript src="http://www.geocities.com/js_source/ygIELib9.js?v3"></SCRIPT><SCRIPT language=JavaScript>var yviContents='http://us.toto.geo.yahoo.com/toto?s=76001068&l=NE&b=1&t=1095343178';yviR='us';yfiEA(0);</SCRIPT><SCRIPT language=JavaScript src="http://us.i1.yimg.com/us.yimg.com/i/mc/mc.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://us.i1.yimg.com/us.yimg.com/i/mc/mc1.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://us.i1.yimg.com/us.yimg.com/i/mc/mc2.js"></SCRIPT><SCRIPT language=JavaScript src="http://geocities.com/js_source/geov2.js"></SCRIPT><SCRIPT language=javascript>geovisit();</SCRIPT>[​IMG] <NOSCRIPT>[​IMG]</NOSCRIPT>[​IMG] <!-- text below generated by server. PLEASE REMOVE --></OBJECT></LAYER>
    </SPAN></STYLE></NOSCRIPT></TABLE></SCRIPT></APPLET><SCRIPT language=JavaScript src="http://us.i1.yimg.com/us.yimg.com/i/mc/mc.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://us.i1.yimg.com/us.yimg.com/i/mc/mc1.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://us.i1.yimg.com/us.yimg.com/i/mc/mc2.js"></SCRIPT><SCRIPT language=JavaScript src="http://geocities.com/js_source/geov2.js"></SCRIPT><SCRIPT language=javascript>geovisit();</SCRIPT><NOSCRIPT>[​IMG]</NOSCRIPT>[​IMG]
     
  4. yama

    yama Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    24
    ค่าพลัง:
    +90
    สาธุครับ
     
  5. chanin

    chanin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 เมษายน 2005
    โพสต์:
    675
    ค่าพลัง:
    +1,332
  6. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
  7. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
    ตำนานพระปริตร : กรณียเมตตสูตร<O:p</O:p

    บทขัดกรณียเมตตสูตร

    เหล่าเทพยาทั้งหลาย ย่อมไม่แสดงอาการอันน่าสะพรึงกลัว เพราะอานุภาพแห่งพระปริตรนี้ อนึ่งบุคคลไม่เกียจคร้าน สาธยายอยู่เนือง ๆ ซึ่งพระปริตรนี้ ทั้งในกลางวันและกลางคืนย่อมหลับเป็นสุข ขณะหลับย่อมไม่ฝันร้าย

    ท่านผู้เจริญทั้งหลาย จงสวดพระปริตร อันประกอบไปด้วยคุณดังกล่าวมา ดังนี้เทอญ

    ตำนาน

    เริ่มเรื่องที่ พวกพระภิกษุ ๕๐๐ รูป ในนครสาวัตถี ครั้นได้เรียนกัมมัฏฐานในสำนัก สมเด็จพระบรมศาสดา แล้วหลีกไปหาที่สงัดเงียบ สำหรับเจริญวิปัสสนา เดินทางไปได้สิ้นระยะทางประมาณ ๑๐๐ โยชน์

    ถึงหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ชาวบ้านเหล่านั้นได้เห็นพระภิกษุ มีความยินดี นิมนต์ให้นั่ง บนอาสนะอันสมควร แล้วอังคาสด้วยข้าวยาคู เป็นต้น พร้อมทั้งถามว่า พระผู้เป็นเจ้าทั้ง หลายจะไป ณ ที่แห่งใด

    ภิกษุทั้งหลายจึงกล่าวว่า เราจะไปแสวงหาสถานที่สบาย สำหรับปฏิบัติธรรมตลอดไตรมาส ชาวบ้านเหล่านั้นจึงกล่าวว่า จากนี้ไปไม่ไกลนัก มีป่าชัฏเป็นที่สงัด เงียบเป็นที่รื่นรมย์ ขอนิมนต์พระผู้เป็นเจ้าทั้งหลาย โปรดจงเจริญสมณธรรม ในที่นั้น ตลอดไตรมาสเถิด

    ข้าพเจ้าทั้งหลายจะขอถึงพระรัตนตรัยเป็นสรณะ และรักษาศีลในสำนักของพระผู้เป็นเจ้าทั้งหลาย พระภิกษุทั้งหลายรับนิมนต์แล้วก็ออกเดินทางเข้าไปสู่ป่าชัฏ เพื่อเจริญสมณธรรม

    ฝ่ายพวกรุกขเทวดาที่สิงสถิตอยู่บนต้นไม้ในป่านั้น ต่างพากันคิดว่า พระผู้เป็นเจ้าทั้ง หลายมาอาศัยอยู่ที่โคนต้นไม้ของเรา ตัวเราและบุตรภรรยาขึ้นอยู่บนต้นไม้นี้ จักไม่เป็นการบังควร ดูว่าจะไม่เคารพ พวกรุกขเทวดาทั้งหลาย จึงพากันลงจากต้นไม้ มานั่งอยู่เหนือพื้นดิน ได้รับความลำบากมิใช่น้อย พวกรุกขเทวดาผู้ใหญ่ ได้พูดปลอบใจเทวดาผู้น้อยว่า ไม่เป็นไรหรอกชาวเราเอ๋ย
     
  8. Eakachai

    Eakachai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    202
    ค่าพลัง:
    +896
    สาธุครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...