หลวงปู่ทวดกับสมเด็จพระเอกาทศรถ

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย Specialized, 21 พฤศจิกายน 2008.

  1. Specialized

    Specialized ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    22,155
    กระทู้เรื่องเด่น:
    23
    ค่าพลัง:
    +83,359
    หลวงปู่ทวดกับสมเด็จพระเอกาทศรถ




    [​IMG]


    ประมาณพุทธศักราช ๒๑๔๙

    พระเจ้าอัฐคามินี กษัตริย์ประเทศลังกาคิดจะแผ่อำนาจมายังประเทศสยาม
    เพราะครั้งหนึ่ง ประเทศลังกาเคยเป็นเมืองขึ้นของอาณาจักรสยามตอนใต้
    การที่คิดจะแก้มือครั้งนี้ ประเทศลังกาต้องพิจารณากันอย่างแนบเนียนเพราะ...

    [​IMG]


    ๑. ประเทศไทยเวลานั้นตรงกับรัชสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราชเป็นเจ้า
    และสมเด็จพระเอกาทศรถ
    แม้ประเทศไทยจะทำสงครามกับประเทศพม่าติดต่อกันมาเป็นเวลาหลายปีก็ตาม
    แต่ความอ่อนเพลียหามีแก่ทหารไทยไม่
    เพราะการไปรบมีชัยชนะมาทุกครั้ง

    อีกทั้งได้เพิ่มความชำนาญในการรบให้แก่ทหารไทยเป็นอย่างมาก
    ถ้าประเทศลังกา ยกกองทัพมาทำสงคราม
    ก็คงไม่มีทางที่จะเอาชนะกองทัพไทยได้

    ๒. กษัตริย์ประเทศลังกาจึงดำเนินสงครามแบบใหม่ เรียกว่า ธรรมยุทธ
    เพราะเห็นว่า ประเทศสยามเพิ่งเสร็จจากสงครามใหม่ๆ
    เข้าใจว่า พระพุทธศาสนาของคนไทยเราต้องด้อยลง
    ถ้าท้าพนันเมืองกันในการแปลธรรมะ
    ประเทศสยามคงหาผู้เชี่ยวชาญมาแปลไม่ได้ และคงเป็นฝ่ายแพ้
    ดังนั้น กษัตริย์ประเทศลังกา
    จึงให้ช่างตีแผ่นทองคำให้เป็นแผ่นเล็กๆ
    แล้วจึงจารึกอักขระจากพระคาถาของพระอภิธรรม ๗ คัมภีร์
    อักขระแต่ละคำแยกเป็นแผ่นๆ ๗ คัมภีร์ จึงแบ่งได้ ๗ แม่ขันทอง

    เมื่อจัดเรียบร้อยแล้ว ก็จัดเครื่องบรรณาการอีก ๗ สำเภาใหญ่
    ให้พราหมณ์ราชฑูต ๗ คน ถือพระราชสาสน์เข้ามายังกรุงศรีอยุธยา
    พราหมณ์ราชฑูตเข้าเฝ้าสมเด็จพระเอกาทศรถ
    และนำพระราชสาสน์เข้ากราบบังคมทูลให้ทรงทราบ
    ตอนนี้ สันนิษฐานว่าสมเด็จพระเอกาทศรถคงจะทรงไตร่ตรองว่า

    ๑. ประเทศสยามเป็นประเทศที่นับถือศาสนาพุทธ
    ถ้าไม่รับคำท้าครั้งนี้ ก็จะเป็นที่เสื่อมเกียรติยศของประเทศ...

    ๒. ถ้าพระองค์รับคำท้าพนันเมือง
    ก็ยังไม่ทราบว่าจะสามารถหานักปราชญ์ที่สามารถได้หรือไม่...

    ๓. พระองค์มีขัตติยมานะ เพราะทรงเชื่อแน่ว่า ประเทศย่อมไม่สิ้นคนดี

    จึงทรงยอมรับคำท้ากับกษัตริย์กรุงลังกา.....


    Credit : http://www.watthummuangna.com/board/...ead.php?t=4780

    <!-- / message --><!-- attachments -->
     
  2. Specialized

    Specialized ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    22,155
    กระทู้เรื่องเด่น:
    23
    ค่าพลัง:
    +83,359
    [​IMG]
    อนุสาวรีย์สมเด็จพระเอกาทศรถ
    ค่านนเรศวร จังหวัดพิษณุโลก

    เมื่อสมเด็จพระเอกาทศรถ ทรงตอบรับคำท้าพนัน
    แล้วจึงให้มีพระบรมราชโองการให้เป่าร้องแก่ภิกษุทั้งหลาย
    มีหนังสือบอกไปยังวัดวาอารามต่างๆ
    ทั้งในนครหลวงและต่างเมือง
    เพื่อให้จัดหาภิกษุที่เป็นนักปราชญ์มากอบกู้บ้านเมือง
    ครั้งนั้น มีพระภิกษุแสดงความจำนงค์เข้าแปลคัมภีร์เป็นจำนวนมาก
    แต่เมื่อถึงเวลาแปลจริงๆ ก็ยังไม่มีภิกษุองค์ใด ทำการแปลได้สำเร็จ
    จนล่วงเลยไปถึง ๖ วัน
    ยังเหลือเวลาอีก ๑ วัน ก็จะครบสัญญา

    ซึ่งเป็นวันชี้ชะตาของประเทศสยาม
    ว่าจะต้องอยู่ในสภาพเช่นไร...


    ในภาวะคับขันนี้ มีผู้เฒ่าผู้แก่หลายท่านระลึกได้ว่า
    พระไตรปิฎกฉบับหนังสือขอม ก็เคยเผยแพร่ไปจากเมืองลังกา (พะโคะ)
    ลัทธิลังกาวงศ์ ก็สืบเนื่องมาจากเมืองลังกา (พะโคะ)
    พระพุทธสิหิงค์ก็ไปจากเมืองลังกา (พะโคะ)

    เพราะเหตุนี้เอง จึงทำให้ทุกคนระลึกได้ว่า
    ผู้ชำนาญในการแปลคัมภีร์ครั้งนี้
    คงเป็นผู้ที่มากจากเมืองลังกา (พะโคะ) แน่นอน


    ในราตรีนั้นเอง...
    สมเด็จพระเอกาทศรถ พระพุทธเจ้าอยู่หัวได้ทรงสุบินนิมิตว่า
    มี พญาช้างเผือกเชือกหนึ่ง
    วิ่งมาจากทางทิศใต้ เข้ามาสู่พระบรมมหาราชวัง

    พระพุทธเจ้าอยู่หัวตกพระทัยเป็นอันมาก
    ทรงตื่นจากพระบรรทม และดำริว่า
    คราวนี้ ประเทศสยาม อาจเป็นเมืองขึ้นของประเทศลังกาก็ได้
    เพื่อความกระจ่าง พระองค์โปรดให้โหราบดี
    เข้ามาคำนวณชะตาบ้านเมือง
    พระโหราบดีคำนวณฤกษ์ยามแล้ว กราบบังคมทูลให้ทราบว่า
    ชะตาราศีของบ้านเมืองจะรุ่งเรืองขึ้นกว่าเดิม
    พระเกียรติยศของพระองค์จะลือกระฉ่อนไปทั่วสารทิศ
    ทั้งนี้ เพราะมีนักปราชญ์มาจากทิศใต้
    เป็นผู้ช่วยเหลือในการแปลธรรมครั้งนี้

    เมื่อพระมหากษัตริย์ได้สดับดังนั้น ก็โสมนัสเป็นอย่างยิ่ง....

    <!-- / message --><!-- attachments -->
     
  3. Specialized

    Specialized ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    22,155
    กระทู้เรื่องเด่น:
    23
    ค่าพลัง:
    +83,359
    ฝ่ายขุนศรีธนญชัย ข้าราชการผู้ใหญ่
    ซึ่งเป็นผู้ประกาศและสืบหาภิกษุที่เป็นนักปราชญ์
    ทั้งที่เป็นชาวกรุงและชาวต่างเมือง
    ได้ไปพบกับ เจ้าสามีราม ที่วัดราชานุวาส
    ได้สนทนาปราศัยแล้วเห็นว่า
    เจ้าสามีรามมีลักษณะทุกอย่างของนักปราชญ์
    ก็นิมนต์เข้าสู่พระราชฐาน ณ ท้องพระโรง

    ก่อนเข้าท้องพระโรง
    สัตบุรุษจันได้ตักน้ำมาล้างเท้าให้เจ้าสามีราม

    เจ้าสามีราม จึงย่างเท้าขึ้นไปเหยียบบนแผ่นศิลา
    ทำให้แผ่นศิลานั้น แยกออกด้วยอำนาจอภินิหาร
    เป็นที่อัศจรรย์แก่ผู้พบเห็นยิ่งนัก

    เมื่อเข้าไปยังท้องพระโรง
    ได้คลานเข้าไปกราบพระภิกษุสงฆ์ที่เป็นอาจารย์และผู้อาวุโส
    พราหมณ์ราชฑูตทั้ง ๗ เห็นดังนั้น
    ก็กล่าวขึ้นท่ามกลางที่ประชุมว่า
    กษัตริย์สยามพาเด็กเข้ามาแก้ปริศนา
    ซึ่งเจ้าสามีรามได้ให้กรรมการจดบันทึกคำพูดนั้นไว้
    พร้อมกับถามพราหมณ์ราชฑูตว่า
    กุมารที่ออกจากครรภ์มารดากี่วันจึงจะนั่ง
    กี่วันจึงจะคลาน ท่านทราบหรือไม่่

    พราหมณ์ทั้ง ๗ ก็กล่าวแก้ไม่ได้

    หลังจากนั้น เจ้าสามีรามก็ตรงไปยังเตียงทอง
    ซึ่งจัดไว้เป็นที่รองรับอักขระธรรมนั้น
    เจ้าสามีรามทำวัตรปฏิบัติแก่พระอภิธรรม
    แล้วเอาอักขระแต่ละขันออกมาเรียงขันละแถว
    จึงทราบว่า ยังขาดอักขระอยู่ขันละ ๑ ตัว
    อักขระที่ขาดนั้นคือ สัง วิ ทา ปุ กะ ยะ ปะ
    พราหมณ์ทั้ง ๗ จึงเอาอักขระที่ซ่อนไว้ในมวยผมทั้งหมด
    ส่งมอบให้แก่เจ้าสามีราม
    เจ้าสามีรามจึงแปลคัมภีร์ได้ถูกต้องทุกประการ
    พราหมณ์ราชฑูตทั้ง ๗ จึงยอมแพ้
    ก้มลงกราบเจ้าสามีรามด้วยความเคารพเลื่อมใสยิ่ง...




     
  4. Specialized

    Specialized ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    22,155
    กระทู้เรื่องเด่น:
    23
    ค่าพลัง:
    +83,359
    ฝ่ายทางคณะกรรมการของธรรมสภา
    เมื่อเห็นชัยชนะเช่นนั้น ก็โห่ร้องแสดงความยินดี
    ดังกึกก้องไปทั่วท้องพระลานหลวง
    และได้มีการตีกลองสัญญาณ ประโคมสังคีตดนตรีกันอย่างครื้นเครง
    พราหมณ์ราชฑูตทั้ง ๗ ได้นำเครื่องราชบรรณาการเหล่านั้น
    มาถวายแก่เจ้าสามีราม

    สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าแต่งตั้งสมณศักดิ์ว่า

    สมเด็จพระราชมุนีสามีรามคุณูปรมาจารย์

    สมเด็จเจ้าไม่ยอมรับเครื่องราชบรรณาการ
    และได้ถวายคืนแก่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
    สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โปรดให้สร้างกุฏิขึ้น ๑ หลัง
    ถวายสมเด็จเจ้า พร้อมกับเมืองอีกกึ่งหนึ่ง
    สมเด็จเจ้าพำนักอยู่ที่กุฏินั้น ๓ วัน
    ก็ถวายกุฏิและเมืองคืนสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

    และสมเด็จเจ้าไปพักอยู่ที่วัดราชานุวาส ซึ่งเป็นสถานที่สงบต่อไปดังเดิม...

    สมเด็จเจ้าได้พำนักอยู่ที่กรุงศรีอยุธยาเป็นเวลานานหลายปี
    ทั้งนี้ เพราะเห็นว่า กรุงศรีอยุธยาเป็นศูนย์กลางในการเผยแพร่พระพุทธศาสนา
    มีระยะหนึ่ง ได้เกิดไข้ห่าระบาดอย่างร้ายแรง
    ประชาชนล้มตายเป็นอันมาก
    พระเจ้าอยู่หัวทรงวิตกเป็นอันมาก
    จึงดำรัสสั่งให้ขุนศรีธนญชัยไปนิมนต์สมเด็จเจ้าเข้ามาในพระบรมมหาราชวัง
    เพื่อให้ช่วยเหลือแก้ไขความเจ็บป่วยของประชาชน

    สมเด็จเจ้าจึงทำพิธีปลุกเสกน้ำพระพุทธมนต์
    โดยระลึกถึงคุณพระศรีรัตนตรัย
    เพ่งเอาำพระบารมีที่่สมเด็จสร้างสมมาช้านานเป็นที่ตั้ง
    พร้อมทั้งเอาดวงแก้ววิเศษเป็นแรงอธิษฐานด้วย


    เมื่อทำน้ำมนต์เสร็จแล้ว
    จึงให้กรมการนำไปประพรมแก่ประชาชนทั่วกรุงศรีอยุธยา
    ไม่ช้า....ไข้ห่าก็เบาบางและหายไปในที่สุด
    พระพุทธเจ้าอยู่หัวทรงโสมนัสเป็นยิ่งนัก
    วันหนึ่ง ทรงมีพระราชดำรัสว่า
    ถ้าสมเด็จเจ้าประสงค์สิ่งใด หรือจะบูรณะวัดวาอารามใดๆ
    พระองค์จะทรงอุปถัมภ์ทุกประการ....


    <!-- / message --><!-- sig -->
     
  5. Specialized

    Specialized ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    22,155
    กระทู้เรื่องเด่น:
    23
    ค่าพลัง:
    +83,359
    ต่อมาไม่นาน..สมเด็จเจ้าได้ทูลลาสมเด็จพระสังฆราชาธิบดี
    เพื่อรุกขมูลธุดงค์กลับยังภาคใต้ ซึ่งเป็นปิตุภูมิมาตุภูมิ
    สมเด็จพระสังฆราชาธิบดีก็อนุญาต
    ครั้นไปลาสมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัว
    สมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัวทรงอาลัย
    แต่ไม่กล้าทัดทานเพียงแต่ตรัสว่า
    "สมเด็จเจ้าอย่าละทิ้งโยม"

    พระพุทธเจ้าอยู่หัวได้เสด็จมาส่งสมเด็จเจ้า
    จนสิ้นเขตพระนครกรุงศรีอยุธยา....

    สมเด็จเจ้าได้จาริกรุกขมูลลงไปทางภาคใต้
    บางแห่งต้องข้ามลำคลอง บางแห่งต้องเดินป่า
    มีเรื่องเล่าว่า ขณะเดินทางมาได้ ๓ เดือน
    จะข้ามแม่น้ำแห่งหนึ่ง ไม่มีเรือแพจะข้าม
    สมเด็จจึงปาฏิหาริย์มาบนพื้นน้ำ
    บรรดาสัตว์น้ำต่างก็กราบไหว้วันทาทั่วกัน

    ครั้นเดินป่า สมเด็จเจ้าก็ฉันผลไม้ในป่า
    ครั้นถึงบ้านคน สมเด็จเจ้าก็เข้าไปบิณฑบาต
    และเที่ยวเทศนาสั่งสอนผู้คน
    ที่ไหนมีเจ็บไข้ได้ป่วย สมเด็จเจ้าก็ทำน้ำมนต์รักษาให้
    และเสกด้ายมงคลผูกข้อมือให้เด็กๆ ด้วย
    ในการเดินทางกลับนั้น เมื่อสมเด็จเจ้าได้ผ่านบ้านเมืองใด
    ที่ได้เคยเป็นผู้มีบุญคุณแก่สมเด็จเจ้า
    สมเด็จเจ้าก็จะแวะเยี่ยมเยียนทุกแห่ง ด้วยความกตัญญู


    เดินทางผ่านมาช้านาน จนเข้าเขตเมืองพัทลุง
    ซึ่งเวลานั้น ได้ย้ายตัวเมืองมาอยู่ที่สทิงพระแล้ว
    สมเด็จเจ้าได้แวะเข้าไปนมัสการสมเด็จพระชินเสน
    ผู้เป็นอาจารย์ซึ่งอยู่ที่วัดสีหยัง
    เมื่อพักอยู่หลายเพลา ควรแก่การแล้ว
    จึงอำลาเดินทางมาที่วัดกุฎีหลวง (วัดดีหลวง)
    ซึ่งเป็นปิตุภูมิมาตุภูมิ
    ได้นมัสการท่านอาจารย์จวง อันเป็นปฐมครู
    ในกาลครั้งนั้น บรรดาชาวบ้านที่เป็นญาติสนิทมิตรสหาย
    ต่างก็มีปีติยินดีเป็นล้นพ้น
    เพราะสมเด็จเจ้าเป็นเสมือนประทีปดวงเด่นมาตั้งแต่เยาว์
    ยิ่งมีบุญบารมีถึงขั้นสมเด็จเจ้าด้วยแล้ว
    ทุกคนต่างก็มีความยินดี
    เมื่อทราบข่าว ก็มักชวนกันมาเฝ้าชมบารมีกันเนืองแน่นเรื่อยมา
    จนกระทั่ง ได้มีการจัดงานสมโภชสมเด็จเจ้าขึ้น
    และปฏิบัติเรื่อยมา จนถึงทุกวันนี้


    ข้อมูลจาก ร่มเงาพุทธฉัตร

    [​IMG]

    ขอกราบขอบพระคุณ
    อาจารย์ศุภรัตน์ แสงจันทร์
    ผู้เขียน


    http://www.watthummuangna.com/board/showthread.php?t=4780

    <!-- / message --><!-- attachments -->
     
  6. คุณมอสโตจั่น

    คุณมอสโตจั่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2007
    โพสต์:
    21
    ค่าพลัง:
    +214
    ขออนุโมนาครับ ขอศรัทธาทุกคนเพิ่มยิ่งๆขึ้นไป มอส
     
  7. พระมงคล38

    พระมงคล38 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    4
    ค่าพลัง:
    +5
    หลวงปู่ทวดกับพระเจ้าเอกาทศรถ

    หลวงปู่ทวดเป็นพระเถรสมัยกรุงศรีอยุธยา พระเอกาทศรถ เป็นพระมหากษัตริย์ครองกรุงศรีอยุธยา ท่านทั้งได้ร่วมบุญบารมีมาด้วยกัน
     
  8. เวฬุวัล

    เวฬุวัล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    1,843
    ค่าพลัง:
    +505
    นะโม โพธิสัตโต อาคันติมะยะ อิติภะคะวา

    นะโม โพธิสัตโต อาคันติมะยะ อิติภะคะวา

    นะโม โพธิสัตโต อาคันติมะยะ อิติภะคะวา

    อนุโมทนาสาธุค่ะ
     
  9. แงซาย ชายดอย

    แงซาย ชายดอย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,028
    ค่าพลัง:
    +1,314
    กราบนมัสการ พระรามสัมมาสัมพุทธเจ้า ในกัปป์กาลต่อไปครับ
     
  10. ใจสวรรค์

    ใจสวรรค์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    225
    ค่าพลัง:
    +105
    สาธุ ขออนุโมทนากับเรื่องราวดีดีที่นำมาเป็นวิทยาทานของหลวงปู่ทวดค่ะ
     
  11. Specialized

    Specialized ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    22,155
    กระทู้เรื่องเด่น:
    23
    ค่าพลัง:
    +83,359
    เข้าใจว่าองค์ไหนคือพระรามพระพุทธเจ้าครับ ?

    หลวงปู่ทวด ? หรือ พระเอกาฯ ?

    ถ้าเป็น หลวงปู่ทวด คุณต้องหาข้อมูลเพิ่มเติมแล้วล่ะครับ ^^
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 พฤศจิกายน 2008
  12. Aunyasit

    Aunyasit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    1,312
    ค่าพลัง:
    +13,053
    การภาวนาในช่วงเดือนแรกของพรรษานี้ ทำให้ทราบว่า

    ปัจจุบันนี้ หลวงปู่ทวดท่านก็กำลังสร้างบารมี ร่วมกันกับ(อดีต)พระเอกาทศรถ ที่น่าสงสารก็คือพระนางสุพรรณกัลยา ท่านก็ยังทุกข์ยากอยู่ และกำลังรอพระเอกาทศรถ (ท่านเกิดมาเป็นมนุษย์แล้ว)ที่จะไปปลดปล่อยจิตวิญญาณพระนางสุพรรณกัลยา จากภพภูมิที่ท่านติดอยู่ในประเทศพม่า

    นอกจากนั้นทำให้ทราบถึง ญาณบารมีของครูบาอาจารย์ ที่เป็นกำลังหลักในการสร้างพระมหาเจดีย์พระพุทธเจ้าห้าพระองค์ เพื่อทำนุบำรุงและส่งเสริมพระศาสนา บารมีตามลำดับ คือ

    1.หลวงปู่ทองทิพย์ วัดป่าสีดาพระรามลักษณ์รัตนโคตร
    2.หลวงปู่ทวด วัดพะโค๊ะ
    3.สมเด็จโต วัดระฆัง
    4.หลวงปู่สุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า
    5.จ้าวทะเลใต้ (จตุคามฯ)

    ลำดับที่ 2,3,4 และ 5 จะสักการะ หลวงปู่ทองทิพย์

    นอกจากนั้น ญาณบารมีบูรพกษัตริย์หลักๆที่มาร่วมสร้างพระมหาเจดีย์ฯ (ที่ท่านเชื่อมญาณบารมีเข้ามาแล้ว) ได้แก่ สมเด็จพระเจ้าตากสิน มหาราช, ,สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก, สมเด็จพระปิยะ มหาราช, สมเด็จพระนเรศวรมหาราช,พระนางจามเทวี, ราชวงศ์พระร่วง(พระนางเสือง) ฯลฯ

    ในยุคปัจจุบัน บทบาทของหลวงปู่ทวดท่านมีมากในการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา
     
  13. peny_2119

    peny_2119 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    158
    ค่าพลัง:
    +154
    หลวงปู่ทวดและสมเด็จพระเอกาทศรถได้สร้างบุญร่วมกันเพื่อให้พระศาสนาได้เจริญรุ่งเรือง อนุโมทนา สาธุ ค่ะ
     
  14. KomAon11

    KomAon11 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    4,802
    ค่าพลัง:
    +18,984
    น้อมสักการะหลวงปู่ทวด และ องค์พระเอกาทศรถผู้ปกครองรักษาประเทศไทยให้ร่มเย็นเป็นสุข
     
  15. รัตนสุวรรณ

    รัตนสุวรรณ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    24
    ค่าพลัง:
    +60
    ครั้งนึงผมเคยฝันว่าเจอพระชรารูปนึงหน้าตาใจดียืนอยู่ผมจึงถามท่านไปว่าท่านคือใครคำตอบที่ได้คือท่านบอกว่าท่านคือหลวงพ่อทวดวัดช้างไห้ความรู้สึกตอนนั้นดีใจอย่างบอกไม่ถูกผมจึงได้ขอกราบขอเป็นลูกบุญธรรมท่านสักคนนึงท่านยิ้มและตอบว่าได้ พอตื่นขึ้นมาก็รู้สึกปลาบปลื้มใจที่ท่านได้รับเราเป็นลูกบุญธรรมคนนึงแม้จะเป็นแค่ความฝันก็ตาม...
     
  16. Sirius Galaxy

    Sirius Galaxy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,132
    ค่าพลัง:
    +2,559
    สาธุ ขออนุโมทนาครับ

    ผมอ่านเรื่องหลวงปู่ทวดกับสมเด็จพระเอกาทศรถ ที่เจ้าของกระทู้ได้นำมาเผยแพร่แล้ว รู้สึกยินดีปรีดาสาธุเป็นอย่างยิ่ง แต่ก็ทำให้อดนึกคิดถึงบุคคลท่านอื่นๆที่ร่วมสมัยนั้นไม่ได้เลย ได้แก่ พระนเรศวรมหาราช พระมหาเถระคันฉ่อง (สมเด็จพระพนรัตน์) ฯลฯ

    เมื่อไม่สามารถอดนึกคิดถึงบุคคลท่านอื่นๆที่ร่วมสมัย หรือมีความสัมพันธ์กับสมเด็จพระเอกาทศรถ จึงมีความสงสัยและคำถามเกิดขึ้น ถือว่าเป็นคำถามโยนหินถามทางก็แล้วกัน

    1. หลวงปู่ทวดเคยเห็นพบปะพูดคุยสนทนาธรรมกับพระมหาเถระคันฉ่อง (สมเด็จพระพนรัตน์) หรือไม่
    2. ประวัติของหลวงปู่ทวด เคยไปพำนักอยู่ที่วัดของสมเด็จพระสังฆราช ได้ศึกษาธรรมและภาษาบาลี ณ ที่นั่น จนเชี่วชาญ

    จากการค้นคว้าในอินเตอร์เน็ต ได้ดังนี้

    ในครั้งแผ่นดินพระนเรศวรก่อนที่จะทรงสถาปนาสมเด็จพระพนรัตนั้น ก็มีตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราชอยู่ก่อนแล้ว แต่ด้วยทรงปรารถนาจะถวายความเคารพอย่างสูงสุดในองค์สมเด็จพระพนรัต (พระอาจารย์) จึงได้ทรงสถาปนาพระองค์ท่านขึ้นเป็นพระสังฆราชอีกพระองค์หนึ่ง ให้ทางเป็นผู้ปกครองสงฆ์ทางฝ่ายเหนือทั้งหมด ส่วนพระสังฆราชเดิมนั้นทรงให้ปกครองสงฆ์ทางฝ่ายใต้ ซึ่งตำแหน่งนี้สถาปนาให้อยู่ที่วัดพระศรีมหาธาตุตามพระราชประเพณี แต่สมเด็จพระพนรัตประสงค์ที่จะประทับ ณ วัดเจ้าพระยาไท ต่อมาเรียกชื่อว่าวัดวัดป่าแก้ว เนื่องจากพระองค์เป็นพระอรัญวาสี (วัดป่า) มีความชอบในการอยู่อย่างสงบนอกเมือง

    จากข้อความดังกล่าว แสดงว่า มีสมเด็จพระสังฆราชสององค์ และประทับกันอยู่คนละวัด

    คำถาม
    1. สมเด็จพระสังฆราชทั้ง 2 พระองค์ ที่ประทับอยู่คนละวัดนั้น พระองค์มีพระนามว่าอะไร และประทับอยู่ที่วัดไหน มีชื่อว่าอะไร
    2. หลวงปู่ทวดเคยไปพำนักศึกษาธรรมและภาษาบาลีอยู่ที่วัดของสมเด็จพระสังฆราชองค์ไหน และวัดที่พำนักนั้นมีชื่อว่าอะไร
     
  17. Sirius Galaxy

    Sirius Galaxy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,132
    ค่าพลัง:
    +2,559
    ค้นคว้าในอินเตอร์เน็ตมาให้อ่าน ดังนี้
    (ขออภัยขี้เกียจบอกแหล่งที่มาของเว็บ เพราะเปิดหามาหลายเว็บ จำไม่หมด เยอะมาก)

    มีการวิเคราะห์กันว่าสมเด็จพระพนรัต วัดป่าแก้วคือคนละคนกับพระมหาเถรคันฉ่อง แม้ส่วนใหญ่คิดว่าเป็นพระองค์เดียวกัน แต่ในปัจจุบันข้อนี้ก็ยังหาข้อสรุปไม่ได้ ยกมาให้อ่าน ดังนี้

    พระพนรัตน์วัดป่าแก้วกับพระมหาเถรคันฉ่องเป็นคนละองค์กัน หลวงปู่ทวดกับพระพนรัตน์ก็เป็นคนละองค์กัน แต่ทั้งพระพนรัตน์และหลวงปู่ทวดเป็นเกลอกันอยู่วัดป่าแก้วด้วยกัน เป็นพระสงฆ์ฝ่ายอรัญวาสี วัดนั้นคือวัดวรเชษฐ์ในปัจุบัน เพราะพระเอกาทศรถพระราชทานนามให้ใหม่และก่อสร้างศาสนวัตุถุเพิ่มให้อีก

    พระมหาเถรคันฉ่องเมื่อมาอยู่ที่กรุงศรีอยุธยาได้จำพรรษาที่วัดมหาธาตุแล้วภายหลังพระนเรศวรสร้างวัดให้วัดหนึ่งชื่อวัดฉอดฉ่อง แต่ต่อมาคนไทยไปเรียกว่าวัดลอดช่อง วัดลอดช่องเดี๋ยวนี้ก็ยังมีอยู่ อยู่ที่ด้านทิศตะวันตกไก้ลวัดวรเชษฐ์ ต.บ้านป้อม อ.พระนครศรีอยุธยา
     
  18. Sirius Galaxy

    Sirius Galaxy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,132
    ค่าพลัง:
    +2,559
    อันนี้ก็ค้นมาให้อ่าน

    สมเด็จพระพนรัตน์วัดป่าแก้ว (ชื่อใหม่คือวัดวรเชษฐ์) พระอาจารย์ของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช และกษัตริย์บุเรงนองแห่งพม่า เป็นยอดพระเกจิอาจารย์ชาวมอญ ชื่อของท่านมีอีกหลายชื่อ คือ สมเด็จแตงโม พระมหาเถรคันฉ่อง พระมหาเถรแห่งวัดกุโสดอ

    เรื่องของวัดป่าแก้ว (วัดวรเชษฐ์) แท้จริงเป็นอนุสรณ์สถานแห่งสมเด็จพระพนรัตน์ (สมเด็จพระสังฆราชแตงโม) และสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ผู้กอบกู้เอกราชช่วยให้คนไทยมีแผ่นดินอยู่อาศัย มีพระรัตนตรัยเป็นที่เคารพนับถือ ถูกทอดทิ้งเป็นวัดร้างที่ทรุดโทรม ให้เป็นไปตามเจตนาของผู้ที่คิดร้ายต่อทั้ง 2 พระองค์

    ได้มีการเปลี่ยนชื่อวัดเจ้าชายคืออนุสรณ์พระเอกาทศรถเป็นวัดกระชาย เปลี่ยนวัดเจ้าเชษฐ์ซึ่งพระเอกาทศรถสร้างเป็นอนุสรณ์แด่พี่ชายผู้ประเสริฐเป็นวัดประเชต เปลี่ยนวัดพระมหาเถรคันฉ่องซึ่งเป็นพระอาจารย์ที่ทั้ง 2 พระองค์นับถือเทิดทูนบูชาเป็นวัดลอดช่อง
     
  19. Sirius Galaxy

    Sirius Galaxy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,132
    ค่าพลัง:
    +2,559
    อันนี้ก็ค้นมาให้อ่าน จาก เว็บพันทิป

    สมเด็จพระมหาเถรคันฉ่อง กับสมเด็จพระพนรัตน์วัดป่าแก้วนั้น เป็นคนละองค์กัน สมเด็จพระมหาเถรคันฉ่องท่านเป็นพระมอญ เป็นคนมอญ ที่เป็นพระอาจารย์ของสมเด็จพระนเรศวร เพราะท่านพบกันที่เมืองมอญ และพระมหาเถรคันฉ่องก็ไม่ได้เป็นพระอาจารย์ของบุเรงนอง ทั้งนี้เพราะมอญและพม่าอยู่กันคนละฝ่าย เป็นศัตรูกันโดยชัดเจน บุเรงนองรุกรานยึดครองแผ่นดินมอญไปจากกษัตริย์เจ้ามอญซึ่งเป็นพระบิดาของพระองค์หญิงมณีจันทร์ และถ้าพระมหาเถระเป็นพระอาจารย์ของบุเรงนองแล้วจะมาช่วยสมเด็จพระนเรศวรเพื่อให้ล้มล้างบุเรงนองนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ อย่าชมภาพยนตร์แล้วนำมาตัดสิน

    อีกประการหนึ่งนั้นพระนาม “สมเด็จพระพนรัตน์ วัดป่าแก้ว” นั้น พระองค์ท่านทรงเป็นสมเด็จพระสังฆราชของกรุงอยุธยามาก่อนแล้ว โดยเป็นสมเด็จพระสังฆราชของฝ่ายไทยแต่เดิมซึ่งเป็นมาตั้งแต่ยุคของสมเด็จพระจักรพรรดิและพระมหาธรรมราชาพระราชบิดาของสมเด็จพระนเรศวร แต่สมเด็จพระมหาเถระคันฉ่องนั้น ท่านเป็นพระอริยสงฆ์ที่เก่งกาจของกษัตริย์เจ้ามอญ ท่านเป็นพระอาจารย์หรือสังฆราชของกษัตริย์เจ้ามอญพระบิดาของพระองค์หญิงมณีจันทร์

    เมื่อท่านได้ช่วยเหลือพระนเรศวรนั้นมีเหตุการณ์ที่เป็นเบื้องลึกหลายประการที่คนปัจจุบันไม่ทราบ นั่นเพราะเกี่ยวเนื่องด้วยกษัตริย์เจ้ามอญและพระองค์หญิงมณีจันทร์โดยตรง เมื่อสมเด็จพระมหาเถรท่านช่วยเหลือสมเด็จพระนเรศวรนั้น พระองค์ท่านจึงตอบแทนพระคุณสมเด็จพระมหาเถรอย่างสูงสุดโดยการถวายพระเกียรติแต่งตั้งให้เป็นสมเด็จพระสังฆราชอีกพระองค์หนึ่ง แต่ให้เป็นสมเด็จพระสังฆราชฝ่ายอรัญวาสี คือ เป็นพระที่อยู่ป่า ฝ่ายพระป่า พระกรรมฐาน ที่ไม่ใช่พระที่อยู่ในพระอารามที่อยู่กับสำนักพระราชวัง

    และสมเด็จพระพนรัตน์วัดป่าแก้ว กับสมเด็จพระมหาเถรคันฉ่องก็มีบุคลิกลักษณะที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง สมเด็จพระมหาเถรนั้นท่านรูปร่างสูงขาว ขาวมาก ขาวจนเป็นจุดเด่นชัดของพระองค์ท่าน รูปร่างท่านสูงประมาณคุณชาติชาย เมฆสุวรรณ แต่ท่านขาวมาก ๆ เวลาท่านยิ้ม มุมปากด้านซ้ายท่านจะตกเบี้ยวเล็กน้อยจนเป็นเอกลักษณ์ ท่านจะห่มจีวรสีแดงเปลือกมังคุดเหมือนพระพม่า-มอญห่มกัน ท่านเป็นพระอริยสงฆ์ที่ใจดีมีเมตตามาก ท่านบู๊เอาการ และเป็นคนร่าเริง แต่ท่านมีจิตเมตตามาก ท่านเก่งกาจเรื่องกรรมฐานชนิดหาตัวจับยาก โดยเฉพาะทางด้านอิทธิฤทธิ์ต่าง ๆ และความเก่งกาจของท่านอีกอย่างหนึ่งก็คือ ท่านเก่งเรื่องยาสมุนไพรอย่างไม่มีใครเทียบได้อีกเหมือนกัน ดูได้จากการที่ท่านให้สมเด็จพระนเรศวรอาบน้ำว่านยาเพื่อการอยู่ยงคงกระพันก็มาจากสมเด็จพระมหาเถรคันฉ่องทั้งนั้น หรือการยิงพระแสงปืนข้ามแม่น้ำสโตงอันลือลั่นนั้นก็มาจากการที่ท่านทรงฝึกให้สมเด็จพระนเรศวรเรียนกรรมฐานในเรื่องของกสิณที่ใช้จิตบังคับลูกปืน สิ่งเหล่านี้เป็นความลับที่ไม่ค่อยมีใครรู้

    แต่ในส่วนของสมเด็จพระพนรัตน์นั้นรูปร่างท่านจะเหมือนสมเด็จพระพุฒาจารย์(โต) หรือสมเด็จโต หรือหลวงปู่มั่น ท่านห่มจีวรสีกลัด สีเหมือนพระกรรมฐานในเมืองไทย ลักษณะท่านเหมือนคนไทยในสมัยอยุธยา ท่านมีผิวสองสีดำแดง แต่ท่านก็เป็นพระอริยสงฆ์ที่มีเมตตามาก ท่านใจดี แต่ลักษณะของพระองค์ท่านจะสำรวม พูดน้อย น่าเคารพศรัทธา ใบหน้าท่านเงียบสงบ ดูสมถะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 กรกฎาคม 2013
  20. Sirius Galaxy

    Sirius Galaxy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,132
    ค่าพลัง:
    +2,559
    อันนี้ก็อีกเว็บหนึ่ง

    พระมหาเถรคันฉ่องมีคุณูประการแก่ชาติไทยมหาศาล
    ทางพม่าเองถือว่าพระมหาเถรคันฉ่องเป็นกบฏที่ช่วยพระนเรศวร อันเป็นเสี้ยนหนามต่อหงสาวดี
    ทางไทยเองไม่มีผู้สำนึกบุญคุณของพระมหาเถรคันฉ่อง

    พระนเรศวร กู้ชาติกู้แผ่นดินกรุงศรีฯมีคุณูประการมากเพียงใด
    ๑. พระมหาเถรคันฉ่องกู้พระชนม์ชีพพระนเรศวร จากแผนลอบปลงพระชนม์ที่เมืองแครง ของพระเจ้าหงสานันทบุเรง
    ๒. พระมหาเถรคันฉ่องเป็นผู้ให้ฤกษ์ปฏิวัติ โดยผูกเป็น ยันต์พิชิตหงสาวดี.นำไปสู่การที่พระนเรศวรตัดสินพระทัยหลั่งน้ำประกาศอิสรภาพไม่ขึ้นกับหงสาวดี
    ๓. พระมหาเถรคันฉ่องเป็นพระอาจารย์ถวายการสอน พระนเรศวร ขณะอยู่หงสาวดีฐานะเชลยตอนพระชนม์๖ขวบอย่างไม่ปิดบังอำพรางอย่างหมดเปลือก ส่วนราชบุตรหงสาวดีไม่สอนไม้ตายให้ปิดบังวิชาบางส่วนไม่ปล่อยหมดเหมือนที่สอนพระนเรศวร
     

แชร์หน้านี้

Loading...