1redstar กับโพสต์อื่นๆที่แยกจากกระทู้ต่างๆ

ช่วงเวลานี้สถาบันการเมืองแทบล่มสลาย บ้านเมืองเป็นกลียุค เป็นโอกาสเหมาะที่จะบำเพ็ญบารมี แก้ไขสถานการณ์ปราบเหล่าอาธรรม ให้บ้านเมืองอยู่รอดร่มเย็นเป็นสุข

 

........แก้ไข.......

 

ช่วยกันทำบุญกุศล
หมั่นปฏิบัติวิปัสสนา สติปฐาน๔
ช่วยกันสวดมนต์สร้างตาข่ายเพชร
แล้วอุทิศส่วนกุศลให้เทวดาที่คุ้มครองประเทศ
รวมทั้งเจ้ากรรมในเวร ขออโหสิกรรมให้แก่ปรเทศไทย ซึ่งทนทุกข์มานานแสนนาน
เพื่อให้ประชาชนเกิด ปัญญา เห็นหนทางแก้ไขปัญหาประเทศชาติ
ซึ่งเป็นปัญหาทางจริยธรรม และทางรัฐศาสตร์

แต่รัฐบาลกลับใช้มาตรการทางกฏหมายมาเล่นงาน แถมด้วยมาตรการใช้ความรุนแรง
มันจะยิ่งบานปลายไปเรื่อย ๆ เพราะข้าราชการส่วนใหญ่ก็ไม่ได้อยู่ฝ่ายรัฐบาลแน่นอน
งงเหมือนกันว่ารัฐบาลกำลังเล่นอะไรอยู่

แต่เมื่อได้ไปทำการเสี่ยงทายยกช้าง ที่วัดเกศไชโย
ผลปรากฏว่า ประเทศเราจะมีการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคใหม่ชาววิไลในครั้งนี้แหละ

 

เศรษฐกิจย่ำแย่ เพราะปัจจัยภายในลัทธิการค้าแบบทุนนิยมผูกขาดของประเทศอุตสาหกรรมที่พิฆาตตนเอง
ทำให้เงินตราไปรวมกระจุกตัวอยู่กับกลุ่มชนจำนวนเล็กๆไม่ถึงเสี้ยวเปอร์เซนต์ของประชากรโลก อันเป็นผู้ที่กำหนดเศรษฐกิจโลกมาช้านานด้วยความละโมภ และเลห์เหลี่ยมในการเอาเปรียบทุกวิถีทาง เช่น กรณีปั่นราคาน้ำมันทำให้ธุรกิจเล็ก ๆ เจ๊งกันเป็นแถบ และอื่น ๆ อีกมาก

เมื่อความมั่งคั่งไม่กระจายสู่ประชาชนอันไพศาล
กำลังซื้อก็หดหายกันทั้งระบบ ก็ถึงจุดจบของทุนนิยม

 

เลือกข้างธรรมะ
เลือกสร้างสังคมใหม่
เลือกสร้างการเมืองใหม่
หลาย ๆ ท่านตั้งใจจะมาสร้างบารมี ปกป้องประชาชน ปกป้องพระศาสนา ปกป้องกษัตริย์

ไม่เลือกข้างคนชั่ว นักการเมืองชั่ว ที่
บ่อนทำลายสถาบันชาติ แตกแยกทั้งสังคม
ศาสนา ยกเลิกวิชาพุทธศาสตร์
กษัตริย์ ยกเลิกวิชาประวัติศาสตร์ ทำลายองค์มนตรี ลดอำนาจกษัตริย์

ถ้าเลือกเป็นกลาง ก็ต้องช่วยกันรักษาทศพิศราชธรรมในการบริหารแผ่นดิน

ได้ข่าวว่า แม้ว กำลังวางแผนแบ่งแยกดินแดนภาคเหนือ ภาคอิสาน

 

'เทียบดวง 5คน3ฝ่าย'

สถานการณ์ “การเมือง-การม็อบ” ขณะนี้เป็นเช่นไรแล้ว...ก็ดังที่ทราบ ๆ บรรดา “ตัวแปรสำคัญ” ของแต่ละฝ่ายได้ทำให้สถานการณ์ดำเนินถึงจุดใดแล้ว...ก็ดังที่เห็น ๆ ทั้งนี้ ไม่ว่าสถานการณ์ล่าสุดจะเป็นอย่างไร หากจะย้อนโฟกัสตัวแปรสำคัญที่ “ออกหน้าชัด ๆ” ตั้งแต่ก่อนหน้า และล่าสุด คงไม่พ้น “2-2-1”

“2-2-1” ตัวแปรที่สำคัญ หรือ 5 ตัวบุคคล จาก 3 ฝ่าย

“สนธิ-จำลอง” กับ “ทักษิณ-สมชาย” และ “อนุพงษ์”

ทั้งนี้ ว่ากันเฉพาะ “ตัวแปรหลัก ๆ ที่อยู่ในเหตุการณ์โดยตรง” เฉพาะชุดนี้ ก็ล้วนแล้วแต่เป็นบุคคลเด่นที่มีหมอดูทายทักถึง “ดวงชะตา” กันไว้แล้วทั้งนั้น ซึ่งหากจะย้อนดูคำทำนายดวงชะตาของ “5 ตัวแปรสำคัญ ใน 3 ฝ่าย” เพื่อจะ “เทียบดวง-วัดดวง” กันแบบชัด ๆ แต่ละฝ่ายก็มีมุมที่แตกต่างกันไป...

เริ่มที่ สนธิ ลิ้มทองกุล รายนี้ทางนายกสมาคมโหราศาสตร์นานาชาติ อ.ภิญโญ พงศ์เจริญ เคยชี้ไว้ว่า... ถ้านายสนธิเกิด 7 พ.ย. 2490 เวลา 19.30 น. ตามที่มีข้อมูลอยู่ เจ้าของชะตาเรียกว่าเป็น “ดวงพิสดาร” เพราะเป็นดวงพระจันทร์ครึ่งซีก มีดาวพระเคราะห์เรียงรายกันถึง 8 ราศี ตั้งแต่ราศีเมษจนถึงราศีพิจิก หมายถึง “เป็นดวงผู้นำหรือดวงขับคนให้เคลื่อน” ราศีกุมภ์ลัคน์ในราศีพฤษภ เป็นผู้นำมวลชนที่ฉลาด เป็นคนมีความพร้อมหลายด้านทั้งความรู้ ความคิด ยุทธวิธีต่าง ๆ รวมถึงเล่ห์เหลี่ยม

“ภารกิจใด ๆ ก็ตามที่เจ้าของชะตานี้กำลังดำเนินการอยู่ จะมีอุปสรรคปัญหามากมาย เพราะดาวพระราหูอยู่ในเรือนกัมมะ คือภารกิจ จะต้องเหนื่อยแบบสุด ๆ และต้องใช้เวลา รวมทั้งพละกำลังที่เพียงพอ แต่เพราะดาวราหูเล็งดาวเสาร์เป็นคู่มิตร จึงทำให้มีคนให้การช่วยเหลือมากมาย ถ้าไม่ทิ้งมิตร มิตรก็จะไม่ทิ้ง หากฝ่าฟันอุปสรรคร่วมกันกับมิตร ไม่ทิ้งซึ่งกันและกัน ก็จะได้รับผลดีในที่สุด”

สำหรับดวง พล.ต.จำลอง ศรีเมือง อ.ภิญโญ ทายทักไว้ว่า... ถ้าเกิดวันที่ 5 ก.ค. 2478 เวลา 11.45 น. เกิดปีกุน โดยสรุปแล้วเจ้าของชะตานี้ก็เรียกว่าเป็น “ดวงมหัศจรรย์” ลัคนาอยู่ในราศีกันย์ มีดาวอังคารกุมลัคนา เป็นตนุเศษ ความคิดล้ำลึก กล้า ขยัน ยึดมั่น เชื่อมั่นในตัวเองสูง เจ้าของชะตานี้คล้าย ๆ ธาตุลม ที่เคลื่อนไหวไปได้ทุกทิศทาง และมีการแปรผันง่าย และเพราะเจ้าชะตานี้มีพระพุธเป็นดาวประจำตัว บุคลิกจึงเป็นนักพูด เป็นนักเจรจา เป็นนักสื่อสาร อีกทั้งมีตนุลัคน์ลอยเหนือฟ้า คือจุดเหนือศีรษะ “เป็นคนที่มีอุดมการณ์แรง” และมีกฎเกณฑ์ในการทำงาน แล้วไปกุมดาวอังคารจึงทำให้มีชื่อเสียง

“ดวงชะตานี้ดวงได้ตรีโกณหลายชั้น ในตอนนี้แม้จะดวงไม่ดี แต่เจ้าชะตาจะสามารถเอาตัวรอดได้ แม้จะมีอุปสรรคปัญหาหนักหรือสถานการณ์ คับขัน ก็แคล้วคลาดได้ และสามารถเปลี่ยนยุทธวิธีใหม่พลิกสถานการณ์ได้” ...นายกสมาคมโหราศาสตร์นานาชาติระบุไว้อย่างนี้

ทางด้านดวงของ สมชาย วงศ์สวัสดิ์ อ.ภิญโญบอกไว้สรุปได้ว่า... ถ้าเกิดวันที่ 31 ส.ค. 2490 เวลา 05.00 น. ตามข้อมูลที่มี เจ้าของชะตานี้เป็นคนเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ เป็นคนขี้สงสัย ใจเย็น ไม่ค่อยกล้า แต่ดาวพระเสาร์กุมลัคนาในดวงกำเนิด เป็นพระเคราะห์ธาตุไฟสุมขอน จะ “เป็นคนแค้นแล้วคุกรุ่นอยู่นาน” บ่งบอกถึงความวิตกกังวล กลัดกลุ้ม เป็นคนเจ้าทุกข์ แต่ก็เอาการเอางาน ทำงานหนัก จึงโชคดีด้านหน้าที่การงาน

“แต่ในปัจจุบันมีดาวเสาร์กำลังให้โทษ ต้องเกิดขึ้นแน่นอนและหนักด้วย คล้ายดวงชะตาของ พ.ต.ท.ทักษิณในปี 2549 ที่ดาวเสาร์ทับดาว อาทิตย์ ซึ่งถูกขับไล่และถูกยึดอำนาจ” ...อ.ภิญโญ ชี้ไว้

ขณะที่ดวง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร หนึ่งในตัวแปรสำคัญ คนนี้หลายต่อหลายหมอดูเคยพยากรณ์ไว้หลายครั้ง แต่หากจะดูที่ช่วงเวลาในปี 2551 ในระยะนี้ และเทียบกับท่าที “ประกาศตัวสู้” ทาง อ.ภาณุวัฒน์ พันธุ์วิชาติกุล ประธานสถาบันศาสตร์แห่งชีวิตแห่งประเทศไทย เคยพยากรณ์ไว้ประมาณว่า... “แม้ว่าในปีนี้จะเป็นปีชวดที่เกื้อหนุนกับปีฉลูปีเกิด พ.ต.ท.ทักษิณ และประมาณปลายปีนี้ดวง พ.ต.ท.ทักษิณ จะเริ่มดีขึ้น ดวงจะปลอดโปร่งขึ้น แต่พื้นดวงชะตาโดยรวมตอนนี้ก็ยังถือว่าเสียมากกว่าดี”

และกับดวงของ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ที่เคยถูกคาดหวังให้ “เป็นกรรมการห้ามศึกนองเลือด” ทาง อ.ภาณุวัฒน์ ก็เคยทำนายไว้เมื่อต้นเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา สรุปได้ว่า... ถ้าเกิดวันที่ 10 ต.ค. 2492 เกิดปีฉลู ธาตุดิน เดือนจอ วันระกา ยิ่งแก่ตัวยิ่งดี ถึงแม้เกษียณจากหน้าที่การงานที่ต้องรับผิดชอบอยู่ ก็ยังมีภาระหน้าที่ต่อเนื่องไปจนกว่าตัวเองอยากจะหยุด ซึ่งในปี 2551 เป็นปีชวด ธาตุดิน เป็นปีที่เกื้อหนุน แต่รอบอายุ พล.อ.อนุพงษ์นับตามโหราศาสตร์จีน 59 ปี ย่างขึ้น 60 ปี จะเป็นช่วงที่อยู่ในเคราะห์ ขอให้ระวังเหตุที่ทำให้มีการเปลี่ยนแปลงชนิดที่นอกเหนือความคาดหมาย ชีวิตอาจจะมีอุบัติเหตุโดยไม่มีใครคาดคิด

“แต่จากจุดเดินอายุบนใบหน้าของ พล.อ.อนุพงษ์ เนื้อแก้มข้างปากทั้ง 2 ข้างอิ่ม ริมฝีปากสวย ช่วงคางยาวพร้อมมีเนื้อใต้คางห้อยออกมารองรับ ถือว่าเป็นโหงวเฮ้งที่ดี มีความมั่นคงในช่วงปลายของชีวิต อาจจะเป็นถึงนายกรัฐมนตรีก็ได้...ถ้าอยากจะเป็น ?!?” ...อ.ภาณุวัฒน์ ทายทักไว้อย่างนี้

“3 ฝ่าย 5 คน” นี้...เป็น “ตัวแปรสำคัญ” ในช่วงที่ผ่านมา...

แต่ดวงใครเด่น-ด้อย...กับเมืองไทยตอนนี้ก็มิได้มีผลดีอะไร

เมืองไทย-คนไทยในภาพรวมวันนี้...แพ้-พังเละไปแล้ว !!!.
http://www.dailynews.co.th/web/html/popup_news/Default.aspx?ColumnId=66523&NewsType=2&Template=1

 

อ้าว.. โดนเหมือนกันเหรอครับ ยังไงผมก็ยกย่องในอุดมการของคุณครับ

 

กยิราเจ กยิราเถนัง พึ่งจะทำอะไร...พึ่งตั้งใจทำโดยสุจริต..........แค่สีเสื้อไม่เหมือนแต่ปางไหนนั้นสีใครนี้สีมึงนี้สีกู..แต่นี้(ประเทศไทยจะอยู่อย่างไร)

 

ขอบคุณ คนที่อุตสาห์รวบรวมแนวความคิดของเรามาไว้ที่เดียวกัน หุหุ วันนี้เป็นวันพระจันทร์ยิ้ม หุหุ นายเขาคัดเลือกเราขึ้นป้ายอยู่ใน Hall of Fame ของสำนักงาน...แห่งชาติ เพราะเป็นคนคอยคิดโน่นนี่ให้สำนักงาน...แห่งชาติ

 

สีเหลือง คือ ธรรมน้อมนำดวงจิต
สีแดง โลหิต อุทิศให้ไทย

แต่ไหนแต่ไรมา สีเหลือง กับ สีแดง ก็อยู่ด้วยกันอย่างสันติ
สีเหลืองคือแรงปัญญา สีแดงคือแรงกาย
สีเหลืองคือมือ สีแดงคือเท้า

อยู่มาวันหนึ่ง เกิดมีคนชั่วช้าสามานย์ที่มีอิทธิฤทธิมาก
ปลุกปั่นระดมให้สีเหลือง และสีแดงต้องมาแตกแยกเข่นฆ่ากัน

รอวันแห่งปัญญา ปวงชนจึงจะสามารถแยกแยะได้ว่าอะไรคือธรรมะ อะไรคืออาธรรม
ใครเป็นคนดีมีความซื่ิอสัตย์ ใครเป็นอันธพาลชั่วช้าเจ้าเล่ห์
ก็จะสมานฉันท์กันตามเดิม
สีเหลือง กับสีแดงร่วมแรงกันได้เมื่อไหร่
เราก็จะมีสังคมใหม่ การเมืองใหม่ ประเทศโฉมใหม่ที่น่าอยู่

 

ตอนนี้ได้เกิดปัญหาอย่างที่ว่าแล้วเพราะ ลัทธิทุนนิยมสามานย์ครองเมือง จะมีก็แต่ปัญญาชนที่เห็นภัยพิบัติ แล้วกล้าลุกขึ้นสู้เพื่อเปลี่ยนผ่านสู่สังคมใหม่ การเมืองใหม่

 

.......แก้ไข.......

 

........แก้ไข........

 

แต่ก่อนชาวเสื้อเหลือง กับชาวเสื้อแดงก้อยู่ร่วมกันในสังคมอย่างสงบสุข
ชาวเสื้อเหลือง มาจากชนชั้นกลาง เป็นเหมือนมือ เป็นเหมือนปัญญา
ชาวเสื้อแดง มาจากชนชั้นล่าง เป็นเหมือนเท้า เป็นเหมือนแรงกาย

อยู่ ๆ มาก็มีมหาเศรษฐีเจ้าเล่ห์ชั่วช้าลามก ก่อกรรมหนัก มายุยงปลุกปั่นให้แบ่งแยกให้ทั้งสองส่วนขัดแย้งกันเพื่อผลประโยชน์แห่งตน ทีนี้จะทำอย่างไงให้เหลือง-แดง กลับมาสามัคคีกันใหม่ รู้ว่าใครคือศตรูของประชาชน ร่วมมือการสร้างสังคมใหม่ และการเมืองที่สุจริตมีอุดมการณ์

 

สีเหลือง คือ มือ
สีแดง คือ เท้า
อย่างไง ๆ สีเหลือง กับสีแดงก็ต้องไปด้วยกัน ต้องอยู่ด้วยกันอย่างผาสุข
ไม่เช่นนั้นล่มจมทั้งชาติ

ก็ต้องช่วยการประชาสัมพันธไปด้วย แก้ปัญหาให้ถกจุด เจรจาหาการเมืองใหม่ ที่สีแดงก็อยู่ได้ สีเหลืองก็ยอมรับได้ จึงจะแก้ไขสถานการณ์

ชัดเจนว่า สีเหลือง ต้องการการเมืองที่สุจริตมีวิสัยทัศน์ ไม่ต้องการนายทุน-นายบ่อน-นายซ่องที่ไร้จริยธรรม มาเป็น รมต. ก็ต้องทำให้เป็นจริง
สีแดง ต้องการอะไร ก็ต้องสอบถามชาวรากหญ้า เข้าถึงชนกลุ่มนี้ให้ได้ ชาวรากหญ้าไม่ใช่พวกเสื้อแดงจัดตั้งให้มาชุมนุม การชุมนุมของคนเหล่านี้มีเบื้องหลังที่ถูกยุยงปลุกปั่นมามา ไม่ใช่เป็นตัวแทนของชาวรากหญ้าอย่างแท้จริง เพราะพวกเขาไม่อยู่ในฐานะที่จะอุดหนุนการชุมนุมในลักษณะนี้ได้

 

ดูความสุจริตไม่หมกเม็ดของฝรั่ง แมงมุมหาย ยังไม่ปกปิด และบิดเบือน
ถ้าประเทศไทย คนไทยมีวัฒนธรรมที่ปกป้องความซื่อสัตย์สุจริต บ้านเมืองไปรอด สามัคคี มีความผาสุข

 

มีให้เห็นกันจะ ๆ บ้านเมืองแทบเป็นกลียุค
พวกนักการเมืองชอบอ้างประชาธิปไตย
พอลับหลังก็บ่อนทำลายประชาธิปไตย
การดำเนินคดีทุจริตอา่จกระทำยาก
แต่คำครหา ด่าทอ และพยานรู้เห็นมีมากมาย
ทั้งมนุษย์ และเทพเทวา รู้เห็นการกระทำทุจริตหมดสิ้น
จนกระทั่งประชาชนเขาหมดศรัทธาในระบบการเมือง
ในที่สุดพวกนักการเมืองก็ไม่สามารถปกครองประชาชนได้
ก็เลยหันมาใช้อาวุธสงครามเข่นฆ่าพวกเขา..เพิ่มวิบากกรรมเข้าไปอีก

 

คนฟิลิปปิน ที่สนามบินสุวรรณภูมิ เผยชื่นชมผู้ชุมนุมมือเปล่าที่สามารภยึดสนามบินได้ เพราะประเทศของพวกเขาไม่มีขบวนการประชาชนเช่นนี้ที่ออกมาปกป้องธรรมาธิปไตย บ้านเมืองเขาจึงเหลวแหลกอย่างที่เปนอยู่ปัจจุบัน

คนต่างชาติไม่ได้โง่ เขาเห็นนักรบประชาชนมือเปล่านับหมื่น-นับแสน ออกมาเสี่ยงเปนเสี่ยงตาย ตะโกนขับไล่ทรราช คนต่างชาติเขารู้ว่ารัฐบาลต้องทุจริตในหน้าที่ไม่ตั้งอยู่ในธรรมะ และเรื่องปิดสนามบินก็เป็นเรื่องปกติใน ตปท.

 

คุณนูต้า ลองพิจารณาทบทวนเหตุการณ์ที่ผ่านมาในระยะสิบปีดูสิ แล้วศึกษาปรัชญาการเมืองในระบอกประชาธิปไตย ไม่ใช่ดูแค่รูปแบบ เสียงข้างมาก ดูว่าประชาชนประเทศพัฒนาแล้วเขาคิดอย่างไร อย่าไปฟังคำดฆษณาชวนเชื่อของพรรค ทรท. มากนัก แล้วหัดอ่านประวัติศาสตร์การปกตรองของประเทศอื่น ๆ เช่น จีน อินเดีย เมกา เวียดนาม แล้วเอามาเปรียบเทียบกับเหตุการณ์ในเมืองไทย

กลยุทธทางการเมืองของพรรค ทรท. ทำให้ประชาชนไทยแตกแยกออกเป็น ๒ ขั้ว นั่นคือเอาชนบท มาล้อมเมืองเพื่อให้ได้เสียงข้างมาก จะได้ชัยชนะตามกติกา แต่เป็นการบิดเบือนและก่อการร้ายต่อเจตนารมณ์ประชาธิปไตย แถมสร้างรัฐตำรวจด้วยการยกระดับให้เปนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผลที่ตามมาก้อย่างที่เห็น..

 

กลยุทธทางการเมืองของ ทรท. เป็นการทำให้ประชาชนแตกแยกออกเป็น ๒ ขั้ว ปัญญาชนเข้าใจดี

สิ่งที่ปัญญาชนเค้าอาย คือ การที่ประเทศมีแต่คนทุจริต
ที่น่าอายยิ่งกว่า คือ การไม่มีผู้กล้าออกมาต่อสู้กับความชั่วช้าลามก แต่โชดดีที่อย่างน้อยประเทศเราก็มีศาลเป็นที่พึ่ง มีกองทัพที่ปฏิวัติเงียบ ส่วนข้าราชการก็แอบร่วมปฏิบัติการไทยคู่ฟ้า มีผู้คนจำนวนมากออกมาเรียกร้องเปิดโปงความชั่วช้าลามกของนักการเมือง ก็มีแต่ตำรวจเท่านั้น ที่เข้าข้างรัฐบาล ทรท./พปช.

กองทัพปฏิวัติเงียบ คือ การทำสงครามที่สุดยอดที่สุด เพราะเป็นสงครามที่ชนะโดยไม่ต้องเคลื่อนรถถัง
และข้าราชการส่วนใหญ่ ก็ไม่เอารัฐบาล ทรท./พปช. พวกข้าราชการจับกลุ่มกันด่าทอสาปแช่ง รัฐบาล ทรท. เช้า-กลางวัน-เย็น เกิดมาเพิ่งเคยเห็นปรากกการณ์เช่นนี้ในวงราชการ ปกติข้าราชการจะไม่กล้าวิจารณ์รัฐบาล