เห็นตั้งหลายคนในเว็บนี้ปราถนาพุทธภูมิแล้วมันยังไงอยู่ครับ

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย cwyp, 31 ตุลาคม 2004.

  1. ลัก...ยิ้ม

    ลัก...ยิ้ม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2005
    โพสต์:
    3,409
    ค่าพลัง:
    +15,762
  2. อฤษเบส

    อฤษเบส สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2005
    โพสต์:
    9
    ค่าพลัง:
    +6
    ผู้ปารถณาพุทธภูมิมีมาก ความจิงนี่เป็นส่วนน้อยด้วยซ้ำ ผมอ่านเอาและเดาเองฮะ
    จำได้หรือป่าวคับสมัยพุทธกาล ที่พระพุทธเจ้าเสด็จไปโปรดพุทธมารดา แล้วจำพรรษา
    ที่สวรรณ์ชั้นดาวดึง แล้วพอครบพรรษาพระพุทธเจ้าก็กลับสู่โลก โดยที่พระพุทธเจ้า
    ทรงเปิดโลก ซึ่งในตอนนั้น มีผู้ปรารถรา พุทธภูมิให้นับเม็ดทรายเอานะครับ
    สาเหตุเพราะ ตั้งแต่นรกจนถึงสวรรค์ สามารถมองเห็นกันได้ และที่สำคัญ
    พระสัพพัญญูของเราเปงที่เด่นสะดุจใจที่สุด จึงไม่แปลกที่ใครๆก็อยากเป็นอย่างท่าน
    ทำไมถึงมีคนปรารถณาเยอะ ก็มีนรก หลายขุมแล้วก็มนุษย์หลายคน มีเทวดาทุกโลกธาตุ
    ของจักรวาล ที่เรามาคุยในบอร์ดเป็นส่วนน้อย เพราะยังมีที่อยู่นรก ที่อยู่สวรรณ์
    พรหมโลก และหลายคนที่เปลี่ยนใจ จึงไม่แปลกที่มีพุทธดาราในอนาคต 10 พระองค์
    เฮฮๆ และที่สำคัญ ผมไม่เปลี่ยนใจหรอก
    ถึงผมสามธิยังไม่ได้เรื่อง ศิลยังไม่ครบ ยังงกอยู่ แต่ไม่ใช่ว่าผมจะไม่เปลี่ยนไปนะ
    ผมก็ปรับไปทีละขั้นตอน จาก 0 ให้ เป็น9999999999999999999999999999999ยกกำลัง
    9999999999999999999999999999999999999999999999999999999999999999
    แล้ว+1 ตอนนั้นคงถึงคิวผมมั้ง
    อิอิ
     
  3. อบเชย

    อบเชย Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    21
    ค่าพลัง:
    +37
    ผมเข้าใจความรู้สึกของ cwyp นะครับว่ารู้สึกยังไง เพราะหลายๆคนในนี้ เคยบอกว่าปรารถนาพุทธภูมิ แล้วก็เปลี่ยนไปมารายวัน ทำให้เรารู้สึกว่าไม่ควรที่จะมีความคิดเช่นนั้น รู้สึกถึงความไม่มั่นคงในจิตใจของผู้ปราถนา จริงๆถ้าคิดแบบนี้อยู่ ยังไม่มั่นใจก็ยังไม่ควรจะประกาศออกไป เพราะเรารู้สึกว่าเป็นของสูง ไม่ใช่ของเล่นๆ ที่น่าจะเปลี่ยนใจกันง่ายๆ เพราะการเดินทางนั้นยาวนาน ใช่เพียงแค่ระยะเวลาที่โพสในบอร์ดนี้เท่านั้น จุดเริ่มต้นของผู้ปรารถนาพุทธภูมิ คือความคิด ถัดมาคือประกาศ และถัดมาจึงจะได้รับพุทธพยากร ในขั้นประกาศเราเลยรู้สึกว่ามีความสำคัญมาก เพราะแต่ละขั้นไม่ใช่ว่าใช้เวลาน้อยๆ ผมก็คิดเหมือนกันว่าถ้ายังไม่มั่นใจก็ไม่ควรประกาศ ......ไม่รู้ใครจะเห็นด้วยหรือเปล่าก็ตาม จริงๆ ผู้ที่ปรารถนาพุทธภูมิทุกคน เมื่อถึงเวลาจะต้องได้เรียนรู้ความทุกข์ที่แท้จริง และได้หยั่งพระนิพพานเพื่อความมั่นใจในสิ่งที่ตนปรารนา หลังจากนั้นก็จะมีการตัดสินใจและอธิฐานซ้ำๆๆๆ ผมเห็นว่าผู้ใดไม่มั่นใจ แต่ยังคงคิดปราถนา ควรจะอธิฐานซ้ำให้ตนปราถนา ไม่เปลี่ยนแปลง ไม่ว่าเกิดชาติใดก็ขอให้มีความรู้สึกปราถนาตลอดไปจนกว่าจะสำเร็จมรรคผล และขอให้ปิดอบายภูมิ ในปัจจุบัน ไม่ต้องไปใช้กรรมในนรกอีก ถ้าจะใช้ก็ขอให้ใช้ในภพมนุษย์.......ผมคิดแบบนี้นะครับ
     
  4. berserk

    berserk สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กันยายน 2005
    โพสต์:
    16
    ค่าพลัง:
    +15
    เห็นด้วยกับคุณcwyp และคุณอบเชยครับ ผมอ่านในกระทู้ดังกล่าวแล้วยังงงๆอยู่เลยครับ ยิ่งมีบางท่านบอกสามารถลดจาก 500 ชาติเหลือ 3 ชาติบางเดี๋ยวเหลือชาติเดียวบางละยิ่งงงไปใหญ่เลยครับ แต่อย่างไรก็แล้วแต่สำหรับคนที่ตั้งใจจริงผมก็ขออนุโมทนาบุญด้วยแล้วกันครับเผื่ออย่างไรอาจจะช่วยฉุดกระชากลากถูผมไปได้บ้างครับ
     
  5. หลับตา

    หลับตา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    716
    ค่าพลัง:
    +3,151
    ทุกษ์หนักจริงๆครับ ไม่ใช่แฟชั่นแน่นอน ถึงตัวเองจะทุกข์มาก ผู้ปรารถนาพุทธภูมิเห็นคนอื่นทุกข์ก็ยังสงสารอยากช่วยอยู่ร่ำไป ไม่อยากให้ใครต้องมามีทุกข์เลย ส่วนอนาคตจะเป็นอย่างไรก็อยู่ที่อนาคต
     
  6. witt

    witt เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2004
    โพสต์:
    208
    ค่าพลัง:
    +551
    ลดเหลือ หลายๆชาติ จาก 1000 กว่ามา เหลือ ประมาณ 4-7 ร้อย ก็สามารถทำได้ครับ ขึ้นอยู่กับกำลังใจและความตั้งใจในการบำเพ็ญบารมี ถ้าเราทำอย่างเข้มข้น ย่อมยังผลให้เต็มได้โดยเร็ว เปรียนเสมือน ท่อน้ำขนาดเล็ก และ ใหญ่

    ท่อน้ำที่มีขนาดใหญ่เปรียบได้กับการบำเพ็ญที่เข้มข้น มีกำลังใจสูง ยังผลให้น้ำ ที่เติมลงไปในสระเต็มเร็วขึ้น

    ท่อน้ำที่มีขนาดเล็ก ย่อมสามารถ เติมน้ำลงไปได้เช่นกัน แต่ต้องอาศัยเวลานานกว่า ฉันใดก็ฉันนั้น
     
  7. tamsak

    tamsak ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2004
    โพสต์:
    7,857
    กระทู้เรื่องเด่น:
    22
    ค่าพลัง:
    +161,171
    เข้ามาดูว่าพุทธภูมิเขาคุยอะไรกัน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 พฤศจิกายน 2010
  8. อิทธิ

    อิทธิ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    14
    ค่าพลัง:
    +52
    ผู้ปรารถนาพุทธภูมิในช่วงต้นๆจะเป็นอย่างนี้ครับ เปลี่ยนใจกลับไปกลับมา ถ้าเกิดมาแล้วระลึกได้ต้องอธิษฐานซ้ำครับ พอเกิดบ่อยๆเข้าชักเริ่มมั่นคงในคำอ ธิษฐาน พอเริ่มทำสมาธิได้ฌาณ ก็อยากไปเห็นโน่นเห็นนี่ พอเกิดสร้างบุญบารมีมาอีกระยะ บารมี 10 ทัศ เริ่มจะเต็ม การรู้การเห็นในโลกทิพย์มีมากขึ้น เห็นความยากของการจะได้เป็นพระพุทธเจ้าสักองค์ในโลกนี้ เพราะในหมื่นโลกธาตุของจักรวาลนี้ จะมีพระพุทธเจ้าเกิดได้พระองค์เดียวเท่านั้น ก็จะทำให้เกิดท้อถอย ดังนั้น เราจะพบว่าบรรดาครูบาอาจารย์ เมื่อปรารถนาพุทธภูมิมาจนบารมี 10 ทัศ ใกล้เต็มแล้ว กลับเปลี่ยนความตั่งใจ เข้านิพพานไปเลย ครูบาอาจารย์ท่านบอกว่าในบรรดาผู้ที่ปรารถนาพระโพธิญาณของมนุษย์มีมาก เปรียบประดุจขนของวัว แต่ผู้ที่สามารถสำเร็จเป็นพระพุทธเจ้านั้น เปรียบดั่งเขาของวัว ยากๆๆๆๆๆ จริงๆ กว่าบารมีจะเต็ม 30 ทัศ ผู้ปรารถนาขอให้อธิษฐานซ้ำบ่อยๆนะครับ ขอให้รอด ๆ ๆ สาธุ[​IMG]
     
  9. ปราณยาม

    ปราณยาม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    371
    ค่าพลัง:
    +2,638
    ขอให้สมความปราถนากันทุกท่านครับ แต่ผมขอไปรอที่พระนิพพานก่อนนะครับ
     
  10. จอมมาร

    จอมมาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    85
    ค่าพลัง:
    +176
    ใครปราถนาพุทธภูมิเพราะเมตตาสัตว์จริงๆ ขออนุโมทนาด้วย แต่พวกที่อยากเป็นโพธิสัตว์เพราะในชิวิตมีปัญหาไม่ได้รับการยอมรับจากสังคม เลยเห็นเป็นช่องทางทำให้ตัวเองดูมีค่าขึ้น ทำอะไรก็ไม่จริง หรือดีแต่โม้ เพราะยากต่อการตรวจสอบจะพูดยังไงก็ได้พูดเองเออเอง อันนี้ไม่ไหว จะทำให้ศาสนามัวหมอง พอคนจับไต๋ได้จะพลอยเสื่อมศรัทธาในพระพุทธศาสนา บาปกรรมเปล่าๆ

    ทองแท้ยอมไม่กลัวไฟจริงไหม มารไม่มีบารมีไม่เกิดนะจ๊ะ
     
  11. Attawat_Rx

    Attawat_Rx เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กันยายน 2005
    โพสต์:
    2,183
    ค่าพลัง:
    +18,402
    เอ่อ....แรงไปหรือเปล่าครับ..... พุทธภูมิถ้าไม่ไกล้ถึงฝั่งแล้วไม่ประกาศกันง่ายๆนะครับ การระลึกรู้ก็ไม่เกิดด้วย อีกประการถึงแม้ว่าประกาศไปเพราะคิดว่าเท่ห์ ก็นับว่าดีครับ เป็นจุดเริ่มต้นของกุศลใหญ่เลยนะครับ
    ในสมัยพุธการเมื่อพระองค์ทรงเปิด 3 โลก แม้แต่มดปลวกยังปราถนาพุทธภูมิเลย ปราถนาได้ ดีครับ ไม่เสียหาย ถึงหรือไม่ถึงอีกเรื่องหนึ่ง...
     
  12. จอมมาร

    จอมมาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    85
    ค่าพลัง:
    +176
    ไม่แรงไปหรอก ยังพูดน้อยไปด้วยซ้ำ แต่เกรงใจเดี๋ยวคนที่บารมียังอ่านจะซ็อคตายไปซะก่อน พระโพธิ์สัตว์ทั้งหลายท่านมาเพื่อบำเบ็ญบารมี แล้วต้องบำเพ็ญอยากเอกอุอยู่แล้ว คำพูดแค่นี้เล็กน้อยมากๆ เพราะถ้ายังทนไม่ได้ แล้วจะบำเพ็ญเพื่อช่วยใครให้พ้นทุกข์ได้ ความจริงมักไม่สวยงามเหมือนคำเยินยออยู่แล้ว (แต่ถ้าพวกแอบอ้างก็อาจจะทนไม่ได้นะเพราะอาจจะไปจี้จุดเข้า) ทองแท้จะกลัวไฟทำไม เพราะยิ่งโดนไฟเผาทองก็ยิ่งสุกปรั่ง เหลืองอร่าม
     
  13. อังคาร

    อังคาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2005
    โพสต์:
    43
    ค่าพลัง:
    +189
    เมื่อเทียบจำนวนผู้ปรารถนาพุทธภูมิดังจำนวนของขนโค แต่ผู้สำเร็จมีแค่เขาโค ผมว่าจำนวนผู้ปรารถนาพุทธภูมิตอนนี้ยังมีน้อยเกินไปเสียด้วยซ้ำนะครับ น่าสงสารสัตว์โลกที่อนาคตข้างหน้าจะขาดช่วงพระพุทธเจ้าไปอีกนาน
    อย่าคิดว่าพระพุทธเจ้ามาอุบัติกันง่ายๆ นะครับ ที่โชคดีมีพระพุทธเจ้าตั้ง ๕ พระองค์ดังเช่นในภัทรมหากัปของเรานี้ไม่ใช่มีกันบ่อยๆ
    ลองดูย้อนหลังไปสิครับ ๔ อสงไขยกับเศษแสนมหากัปนี้มีพระพุทธเจ้ามาอุบัติแล้วเพียง ๒๘ พระองค์ น้อยมากครับ
    เมื่อเทียบกับ ๙ อสงไขยก่อนหน้า ตอนที่พระโพธิสัตว์บำเพ็ญบารมีอยู่ในช่วง วจีปณิธาน ช่วงนั้นมีพระพุทธเจ้าถึง ๓๘๗,๐๐๐ องค์
    และเมื่อแลไปข้างหน้า ตอนนี้มีพระโพธิสัตว์บารมีเต็มรอมาตรัสรู้แค่สองแสนกว่า
    ผมว่าเรามาช่วยกันให้กำลังใจพุทธภูมิที่กำลังใจยังน้อยกันดีกว่านะครับ
     
  14. มหาหินทร์

    มหาหินทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    21,454
    ค่าพลัง:
    +181,786
  15. มหาหินทร์

    มหาหินทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    21,454
    ค่าพลัง:
    +181,786
    เอ้อออ....
    ผมว่า.... อาจจะมีการเข้าใจผิดบางอย่างนะครับ.... ที่ว่า....

    ลองดูย้อนหลังไปสิครับ ๔ อสงไขยกับเศษแสนมหากัปนี้มีพระพุทธเจ้ามาอุบัติแล้วเพียง ๒๘ พระองค์ น้อยมากครับ
    เมื่อเทียบกับ ๙ อสงไขยก่อนหน้า ตอนที่พระโพธิสัตว์บำเพ็ญบารมีอยู่ในช่วง วจีปณิธาน ช่วงนั้นมีพระพุทธเจ้าถึง ๓๘๗,๐๐๐ องค์

    คือว่า....
    ห้วงเวลา ปรมัตถบารมี 4 อสงไขยกัป
    และห้วงเวลา วจีปณิธาน 9 อสงไขยกัป....

    ที่พระโพธิสัตว์บำเพ็ญเพียร อยู่นั้น....
    ไม่นับในห้วงเวลาที่ไปเสวยสุข หรือทุกข์ ในภพภูมิอื่น ๆ เช่น สวรรค์ หรืก นรก....
    นี่ไม่ได้นำมานับรวม กับ 4 อสงไขยกัป หรือ 9 อสงไขยกัป นี้นะครับ

    4 อสงไขยกัป และ 9 อสงไขยกัป นั้น....
    นับรวมยอดจำนวนปี กัป อสงไขยกัป ที่มาเกิดบำเพ็ญบารมีในขณะที่เป็นมนุษย์ เท่านั้น
    ยกตัวอย่าง เช่น ชาตินี้เกิดมา มีอายุได้ 80 ปี ก็เก็บสะสมไว้....
    เมื่อตายไป อาจจะตกนรก หรือไปสวรรค์ เสวยทุกข์ เสวยสุข กี่พัน กี่หมื่นกัป ไม่นับรวม
    เมื่อกลับมาเกิดเป็นมนุษย์อีก มีอายุได้เท่าไร ก็นำไปรวมกับ 80 ปี ของเดิม....
    เวียนว่ายอยู่อย่างนี้ นับยอดเฉพาะที่เป็นมนุษย์ เท่านั้น....
    กว่าจะให้ได้ครบ 1 กัป, แสนกัป, 1 อสงไขยกัป นั้น ก็ไม่แน่นอน....
    เพราะว่า ไม่รู้ว่า ที่ตกนรกอยู่ ขึ้นสวรรค์ไป จะนานเท่าไร กี่แสน กี่ล้านกัป ....

    ดังนั้น กว่าจะสะสมยอดขณะที่เป็นมนุษย์ ให้ได้ 4 และ 9 อสงไขยกับ นั้น....
    ห้วงเวลาอันแท้จริงที่ผ่านไป อาจจะเป็นนับ ล้าน ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ อสงไขยกัป แล้วครับ...

    ดังนั้น หากมีพระพุทธเจ้าเพียงพระองค์หนึ่งบรรลุพระโพธิญาน....
    จึงเป็นเรื่องแห่งความมหัศจรรย์ ของมวลมนุษยชาติ....
    แผ่นดินสะเทือน เลื่อนลั่น(แต่ไม่มีโทษภัย)....

    มีรายละเอียดอยู่ใน....
    วิสัยการปรารถนา และการปฏิบัติ เพื่อพุทธภูมิ....
    http://www.palungjit.org/board/showthread.php?t=16896

    ลองเข้าไปดูนะครับ....

    หวังว่าจะเป็นประโยชน์ได้บ้างนะครับ....
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 พฤศจิกายน 2005
  16. Samy

    Samy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    1,294
    ค่าพลัง:
    +2,719
    ขออนุโมทนากับทุกๆท่านนะครับ

    [b-wai] แล้วผมจะตามไป
     
  17. อังคาร

    อังคาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2005
    โพสต์:
    43
    ค่าพลัง:
    +189
    เรื่องการนับเวลาเป็นอสงไขย คงจะนับเป็นจำนวนสังยา ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ... ไม่ได้หรอกครับ ผมจึงไม่เห็นด้วยกับการนับว่าเกิดเป็นมนุษย์ ๘๐ ปี สะสมไว้ กลับมาเกิดอีก ๘๐ ปี ก็เอามานับสะสมต่อ แบบนี้จะไม่สามารถรวมกันเป็นอสงไขยได้
    เพราะอสงไขยเป็นการนับเวลาแบบอุปมา
    เอาเป็นว่าอย่าไปติดใจตรงการนับเวลาดีกว่า เพราะไม่ว่าอย่างไร การมีพระพุทธเจ้าองค์หนึ่งมาอุบัติก็เป็นความมหัศจรรย์แห่งมวลมนุษยชาติตามที่ท่านมหาหินกล่าวไว้

    แนะนำให้ลองพิจารณาเรื่องกัปและอสงไขยอีกแห่งครับ
    http://larndham.net/index.php?showtopic=17505&st=0
    และอีกแห่ง
    http://www2.manager.co.th/mwebboard/listComment.aspx?QNumber=773&Mbrowse=8<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
     
  18. ชา ใคร่รู้

    ชา ใคร่รู้ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    186
    ค่าพลัง:
    +496
    ก็ดีนะครับที่มีผู้ปรารถนาพุทธภูมิกันเยอะๆ อย่างน้อยก็เป็นจุดเริ่มต้นในการทำความดี จะได้ช่วยกันสืบทอดพระศาสนาต่อไป แม้จะไม่สำเร็จไปซะทุกท่าน แต่ก็สามารถเป็นกำลังสำคัญของพระศาสนาได้ครับ ถ้าตั้งใจดีแล้วก็เอาใจช่วยครับผม
     
  19. suchat

    suchat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    204
    ค่าพลัง:
    +1,239
    โมทนากับทุกท่านด้วยครับ ที่ตั้งใจมั่นในการปรารถนาพุทธภูมิ การปรารถนาพุทธภูมิเป็นของยากมาก กว่าจะสำเร็จ แค่ใจนึกตั้งมั่นปรารถนา ผมว่าก็มีสิ่งทดสอบจิตใจรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็นการทดสอบที่กิดจากคนรอบข้างหรือไม่ก็กิเลสทั้งหลายที่อยู่ในโลกนี้นะครับ กว่าจะผ่านไปแต่ละชาติเหนื่อยมากๆๆๆครับ
     
  20. วิทย์

    วิทย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    2,036
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,439
    จริงๆคนปรารถนาพุทธภูมิไม่เห็นต้องคิดอะไรมาก แค่ทรงแรงอธิษฐานจิตเอาไว้อย่างมั่นคงพร้อมกับค่อยๆสร้างความดีสะสมบารมีด้านต่างๆไปเรื่อยๆ มากบ้างน้อยบ้างตามกำลังในขณะนั้นๆ ตราบใดที่ยังทรงคำอธิษฐานเอาไว้และก็ไม่หยุดสร้างความดี บารมีก็จะค่อยๆถูกสะสมขึ้นมาเองแหละครับ หมดชาตินี้ไปชาติต่อไปก็มาสร้างใหม่ก็แค่นั้นเอง ทำไปเรื่อยๆสบายใจดีออกครับ

    ปล.ข้อสังเกตุของผมระหว่างสาวกภูมิกับพุทธภูมิคือ
    สาวกภูมิ จะเน้นในการพิจารณาทุกข์ให้เห็นสิ่งต่างๆตามความเป็นจริงจะได้ละสังโยชน์คลายความยึดมั่นจนจิตหลุดพ้นไปได้น่ะครับ (ค่อนข้างจะต้องมีหลักการและปฏิบัติธรรมสร้างความดีให้ตรงประเด็นพอสมควร)

    ส่วนพุทธภูมินั้น จะเน้นในการสะสมความดีในด้านต่างๆ ทั้งบุญที่เป็นภายนอกและบุญที่เป็นภายใน ยิ่งทำมากเท่าไหร่ก็ยิ่งดี โดยไม่ค่อยจะเจาะจงหรือเน้นที่เป้าหมายใดเป้าหมายหนึ่งเป็นพิเศษ เนื่องจากไม่ได้ต้องการหลุดพ้น แต่ต้องการสะสมบารมีเพื่อที่จะได้นำบารมีที่ตนสะสมนี้มาช่วยเหลือผู้อื่นได้น่ะครับ

    ดังนั้นถ้าเปรียบเทียบก็อาจจะได้ว่า การสร้างบารมีและช่วยเหลือคนของพุทธภูมินั้นเป็นเหมือนการปูรากฐานของผู้คนทั้งหลายให้มั่นคงแน่นหนา คืออาจจะช่วยเหลือหมดไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวความทุกข์เกี่ยวกับความเป็นอยู่ภายนอกหรือเรื่องของคุณธรรมภายใน ส่วนการสร้างบารมีของสาวกภูมิจริงๆจะเน้นอยู่ที่ตัวเอง โดยมุ่งฝึกฝนขัดเกลาจิตใจของตนเองให้ละกิเลสทั้งหลาย ถ้าจะช่วยเหลือผู้อื่นก็มักจะเน้นไปในการให้ธรรมทานซะเป็นส่วนใหญ่ ผมว่าผู้ปรารถนาทั้งสองแบบถ้าทำตามความปรารถนาของตนเองอย่างต่อเนื่องและถูกต้องแล้วล่ะก็ ระบบก็จะเกิดความสมดุลขึ้นมาเองครับ (เหมือนรูปทรงปิรามิดน่ะครับ)
     

แชร์หน้านี้

Loading...