กำจัดกิเลสอย่างไร

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย สราวุธ ลำพูน, 16 มกราคม 2009.

  1. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    ความคิดเห็น.....อยู่ที่ว่าท่านเข้าใจวิปัสนาอย่างไร...
    สำหรับผม วิปัสนา ไม่ใช่การพิจารณา แต่วิปัสนา คือการรู้แจ้ง
    (การรู้แจ้งเช่น เรานั่งดู ละครอยู่ ซึ่งเป็นตอนเศร้าอยู่ ใจเราก็ดูเศร้าตามจากการดูละคร ในขณะนั้น เราชำเรืองเห็น ห่างๆว่าใจเราเศร้า เท่านี้ก้เรียก ว่า เป็นวิปัสนาแล้ว เกิดปัญญา ใน 1ขณะจิต คือ รู้แจ้ง ในขณะ จิตนั้น...จึงต้องมีการอบรมปัญญา เพื่อให้ถึงที่สุด)
    ในความเข้าใจของผม การพิจารณาเป็นกระบวนการคิด ซึ่ง การคิด ก้อยู่ในส่วนของ เจตสิก(สิ่งที่มีอยู่ในจิตเรียก เจตสิก)ซึ่งเป็นการทำอยู่ในอารมนั้นอารมเดียว คืออารมพิจารณา ซึ่งยังเป็นสมถะอยู่ ยังไม่ยกเป็นวิปัสนา ....สำหรับวิปัสนานั้นสำหรับผมที่เข้าใจว่าการรู้แจ้งนั้นคือว่า เช่น เรานั่งอ่านหนังสืออยู่หน้าห้อง แล้วมีคนเดินเข้าห้องเรา แล้วหางตาเราก็ชำเรืองไปเห็น เรียกว่าชำเรืองไปรู้เบาๆ ทั้งๆที่เราก็จดจ่อในการอ่านหนังสือไปด้วย แต่ในขณะนั้นเรากลับรู้ไปด้วย ด้วยการชำเรือง ว่า มีใครเข้าห้องเรา อย่างนี้เรียกว่ามีสติระลึกรู้ หากคนที่เข้าห้องเรามีท่าทางลึกลับเหมือนโจร เราก้ดูออกจากการชำเรืองดู แล้ว สามารถไล่โจรได้ทัน อย่างนี้เรียก สัมมาสติ คือ สติที่ถูกต้อง(สติที่ประกอบไปด้วยปัญญา)เพื่อนำไปซึ่งการพ้นทุกข์
    ....อีกกรณีหนึ่ง นั่งอ่านหนังสือ หน้าห้องแต่ หางตาไปชำเรืองดูรู้เหมือนกันมีคนเข้าห้องทำท่าทีเหมือนโจร แต่ก้ไม่สนใจ กลับอ่านแต่หนังสือ ไม่สนใจโจร ทำให้โจรมาขโมยของในห้องได้ อย่างนี้เรียก มีสติ แต่เป็นสติ ที่ไม่ประกอบไปด้วยปัญญา คือไม่สนใจใครจะทำอะไร จะอยู่แต่ การอ่านหนังสืออย่างเดียว...
    ....มีสติ เกิด ปัญญา รู้ทัน กิเลส (เหตุแห่งทุกข์) กิเลสคือ ตัณหา ราคะ โทสะ โมหะ รู้ทันกิเลส ด้วยสติเกิด ตามด้วยปัญญา ดับที่เหตุได้...อุปมาเหมือนนายแดงเป็นโจรใช้มีดแทงนายดำ 1แผล นายดำได้รับทุกข์ทางกายและใจ เมื่อมีหมอมารักษานายดำแต่ก็ยังมีอาการเจ็บปวดได้รับทุกข์อยู่ดีไม่หายในทันที .. ซึ่งเป็นการแก้ที่ผลไม่ได้แก้ที่เหตุ.....หากตำรวจมาทันจับนายแดงไว้ได้นายดำก็ไม่ถูกแทงนายดำก็ไม่ได้รับทุกข์ นายแดงเป็นเหตุ ตำรวจเป็นสัมมาสติ ตำรวจมีปืน ก็เปรียบเหมือน ปัญญา โจรอย่างนายแดงถึงกลัวตำรวจ นี่เป็นรูป ที่อุปมาสามารถจับต้องได้ เพราะใช้ ตำรวจจับ...ในกรณี ของนาม ต้องใช้ จิต จับ จิต เมื่อจิต ที่มีกิเลส ครอบงำ ก็ต้องใช้ จิต ที่มีปัญญาจับ
    ....... สัมมาสติ คือ สติที่ประกอบด้วยปัญญา
    สติมี 3 อย่าง

    1.สติที่ประกอบด้วยอกุศล
    2.สติที่ประกอบด้วยกุศล
    3.สติที่ประกอบไปด้วย ปัญญา
    สติ แบบที่1และ 2 มีมาก่อนพระพุทธเจ้า
    สติแบบที่ 3 มีเมื่อ มีพระพุทธเจ้ามาสอน หรือ เมื่อ มี
    พระปัจเจกพุทธเจ้า
    สติ ที่ประกอบด้วยปัญญา เกิดเมื่อเวลาภาวนา เช่น
    ในขณะ ทำสมาธิ โดย อาศัย ปีติ เป็นบ่อเกิด เมื่อเกิด ปีติ ก็ชำเรืองรู้ที่ ใจ เช่น เกิดปีติ แล้วรู้ สึก สุข หรือ ชอบ ก้ชำเรืองรู้ที่ใจ รู้แบบเบาๆแบบชำเรืองไม่เพ่งหรือตั้งท่า แต่ชำเรืองรู้
    อย่างนี้เรียกว่า สติเกิด สัมปชัญญะตามมา เกิดปัญญา รู้แจ้งจิต ในขณะจิตนั้น จึงเรียกว่า สติที่ประกอบด้วยปัญญา
    สติ ที่ประกอบไปด้วยปัญญา เป็น สติที่เอื้อประโยชน์แก่มรรคผล นิพพาน ส่วน สติ แบบ ที่ 1แบบที่ 2เป็นสติในทางโลกียะ

    สัมมาสมาธิ
    สมาธิก็มี 3 อย่าง
    1.สมาธิที่ประกอบด้วยอกุศล
    2.สมาธิที่ประกอบด้วยกุศล
    3.สมาธิที่ประกอบไปด้วยปัญญา
    สมาธิ อย่าง ที่ 1 และ 2 มีมาก่อนพระพุทธเจ้า
    สมาธิแบบที่ 3 มีเมื่อมีพระพุทธเจ้ามาสอน และเมื่อ มี
    พระปัจเจกพุทธเจ้า
    เมื่อ ทำการอบรม สัมมาสติ ให้เกิดได้บ่อย ขึ้น รู้ตัวได้มากขึ้น เกิดถี่ขึ้น บ่อยขึ้น จนเป็น มหาสติ
    คำว่า มหาสติ นี้ก็คือสัมมาสมาธิ นั่นเอง
    จิตที่ประกอบกับการตั้งมั่นของสัมมาสติ เรียก สัมมาสมาธิ
    ซึ่ง เป็น สมาธิที่เอื้อประโยชน์แก่มรรคผลนิพพาน
    ส่วน สมาธิ อย่าง ที่ 1 และ 2 เป็น สมาธิในทางโลกียะ
    ...เมื่อมีความเข้าใจ กับสัมมาสติ และสัมมาสมาธิที่ถูกต้อง จะฝึกอะไรก็ได้ดีหมดครับ
     
  2. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 มกราคม 2009
  3. สราวุธ ลำพูน

    สราวุธ ลำพูน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    178
    ค่าพลัง:
    +302
    สาธุ..
     
  4. สราวุธ ลำพูน

    สราวุธ ลำพูน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    178
    ค่าพลัง:
    +302
    สาธุ..
     
  5. สราวุธ ลำพูน

    สราวุธ ลำพูน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    178
    ค่าพลัง:
    +302
    ขอนอบน้อมแด่พระพุทธเจ้า พระธรรมเจ้า พระสังฆเจ้า
    ข้าพเจ้าดีใจที่ได้เห็นญาติธรรม เข้ามาดูแล้วตอบคำถามหัวข้อที่ข้าพเจ้าได้ตั้งขึ้น
    ทั้งนี้ก้เพราะว่า แสดงให้เห็นว่าผู้ที่เจริญในทางสายพระนิพพาน ยังคงตั้งมั่น มีผู้เดินทางไปอยู่
    ตามที่องค์พระสัมมาพระพุทธเจ้า ได้ดำเนินมาแล้ว
    เชื่อได้ว่า นักปฎิบัติ นั้นได้ตั้งมั่นในมหาสติ มีสติตั้งมั่นในลมหายใจเข้าออก
    เมื่อเจอสิ่งที่มากระทบอายตนะภายนอก ผัสสะภายใน กิเลสตันหา อุปาทานก็ติดมาด้วย
    แล้วท่านทั้งหลายก้มีมหาสติคอยดักจับกิเลสต่างๆเหล่านั้น
    โดยการพิจารณา แยกธาตุก็ดี แยกขันธ์ก้ดี แยกรูป แยกนาม แล้วหันมาทาง กฏธรรมดาของไตรลักษณ์ ก็ดี หรือด้วยปัญญาต่างๆของแต่ละบุคคล ที่เป็นปัจจัตตัง รุ้ได้เฉพาะตนก็ดี
    ได้นอบน้อมเข้ามา หนสุดท้ายเข้ามาดูกาย จนกระทั้งสิ่งทั้งหลาย เป็นทุกข์ ไม่เที่ยง
    และเป้นที่รู้กันอยู่ว่า เมื่อพิจารณาสามารถ ละเรื่องรูปได้แล้วนั้น ก็จะเห็นได้ว่า เบาไปครึ่ง
    จากแต่ก่อน ก็เหมือนกับสมดุลกัน ถ้าเรื่องบุญมาก เรื่องบาบก็น้อย แต่ถ้าเรื่องบุญน้อย เรื่องบาบก็จะมาก สมเหตุสมผลกัน
    แต่เมื่อพิจารณาเห็นเหตุ และผลละเรื่องรุปได้แล้ว ก็เหมือนกับ บุญมาก และเริ่มละบาป ได้มากน้อย ตามลำดับ ของสติปัญญา สอดส่องของแต่ละท่านแต่ละบุคคล

    ทั้งนี้สิ่งที่ข้าพเจ้าได้ตั้งกระทู้ถามท่านท่างหลาย เชื่อได้ว่าท่านได้ให้ปัญญา แด่ผู้ที่สนใจทั้งหลาย อย่างน้อยสุดก็มีแต่ข้าพเจ้าผุ้เดียวก็ตาม โดยเนื้อหาส่วนใหญ่ท่านที่มีปัญญามาก ก็จะเห้นภูมิธรรมของแต่ละท่านมากน้อยตามลำดับ ย่อมรู้เองได้(โดยไม่ยึดติดด้านแบกภาชนะหลังหัก อย่างเดียว) และเป็นบุคคลที่สามารถชี้หนทางของท่านได้ตามกำลังของท่านว่าจะเดินไปหรือไม่
    ขออนุโมทนาสาธุผู้มีปัญญาทั้งหลาย..สาธุ.
     
  6. Tboon

    Tboon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,094
    ค่าพลัง:
    +3,424
    ถ้าจิตมีปัญญาแล้ว แค่รู้ทันความอยากนั้นมันก็จบแล้ว มันไม่หลงปรุงต่อหรอก

    แต่ถ้ากำลังจิตมันน้อย ความเข้าใจยังไม่เต็มรอบตรงนั้น รู้ว่าอยากแล้วยังอยาก ถ้ามันจะทำตามความอยาก เราก็อย่าไปทำตามมันต่อก็พอ

    อกุศลสำหรับมือใหม่ ถ้าสติยังไม่เข้มแข็ง กำลังจิตยังมีน้อยมัวตามดูมักจะเป็นเรื่องได้เรื่องเสมอ อย่าตามดูจะดีกว่า สร้างกำลังจิตให้มันเข้มแข็งเสียก่อน ฝืนความเคยชินของตนเองให้มากเสียก่อน (อย่าใจร้อนเป็นรถด่วน กำลังใจของแต่คนมันไม่เท่ากัน) ไว้พอจิตมันเข้มแข็งมากขึ้น ๆ แล้ว การดูตามรู้ในอาการที่เป็นอกุศลเหล่านี้จะมีประโยชน์มากในการทำความเข้าใจเรื่องความหลงก่ออัตตาได้ดี ถ้าเข้าใจได้มันก็จะค่อย ๆ คลายความหลงไปได้ทีละน้อย ๆ เอง..
     
  7. matthanee

    matthanee สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    31
    ค่าพลัง:
    +10
    ไม่ต้องไปกำจัดมันหรอก แต่ตามดู ตามรู้ ให้ทันมันก็พอ เดียวมันก็ดับไปเอง
     
  8. jinny95

    jinny95 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    6,074
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +9,666
    ดับแล้วไม่เกิดเหรอครับ (ตามปรกติ) ^-^
     

แชร์หน้านี้

Loading...